พระวังหน้า ที่หลวงปู่บรมครูเทพโลกอุดรเสก ถ้าต้องการที่จะได้.....

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย sithiphong, 23 ธันวาคม 2005.

  1. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    คุณลุงท่านนำของสวยๆงามๆมาให้ชมอีกแล้วขอบพระคุณยิ่งครับ อะไรบ้างนะที่คุณลุงท่านไม่มี ?
     
  2. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ขอบพระคุณพี่หนุ่มที่นำความรู้ดีๆมามอบให้นะครับและขอบพระคุณพี่ pinkcivil ที่ถ่ายรูปให้สมาชิกได้ชมกันนะครับ งามมากๆเลยนะครับพี่หนุ่ม
     
  3. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    น้ำผึ้งแก้ไอได้

    วันอังคาร ที่ 28 มิถุนายน 2554 เวลา 0:00 น


    <TABLE class=x-tabs-strip id=ext-gen5 cellSpacing=0 cellPadding=0 border=0><TBODY><TR id=ext-gen4><TD class=" on" id=ext-gen10 style="WIDTH: 72px">เนื้อหาข่าว</TD></TR></TBODY></TABLE>

    [​IMG]

    ไอ ทานยาเท่าไรก็ไม่หายสักที มีทางเลือกอีกหนึ่งวิธีในการช่วยบรรเทา ลอง "น้ำผึ้ง" ดูสิ

    อาการไอ นอกจากไม่ดีต่อสุขภาพตนเองแล้ว ยังสร้างความรำคาญให้ผู้อื่นอีกด้วย อีกทั้งเป็นแต่ละทีก็นานแสนนานกว่าจะหาย ทานยาเม็ดก็แล้ว ยาน้ำก็แล้ว ก็ยังไออยู่ ลองใช้วิธีต่อไปนี้เป็นทางเลือกในการรักษา

    ให้ลองมองหาน้ำผึ้ง อาหารตามธรรมชาติ หาซื้อไม่ยาก รสชาติอร่อย แค่บีบมะนาวฝานสด ๆ หนึ่งเสี้ยวเข้าปากให้ลงลำคอ แล้วจิบน้ำผึ้งแท้ 1 ช้อนโต๊ะ อมไว้สักครู่แล้วค่อยกลืน แก้ไอได้ดีมาก

    แต่ถ้าต้องการเก็บไว้จิบระหว่างวัน ให้เตรียมน้ำผึ้งและน้ำมะนาว ในอัตราส่วน น้ำผึ้ง 3-4 ส่วน ต่อ น้ำมะนาว 1 ส่วน แล้วนำน้ำผึ้งไปเคี่ยวบนเตาไฟ เมื่อเดือดแล้วทิ้งไว้ให้เย็น เสร็จแล้วค่อยเติมน้ำมะนาวลงไปตามสัดส่วนที่กำหนด วิธีนี้สามารถนำน้ำผึ้งเก็บใส่ขวด เพื่อเก็บไว้จิบแก้ไอได้บ่อย ๆ ตามที่ต้องการ เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย

    ถ้าหากมีอาการไอเรื้อรัง ลองสูตรดังต่อไปนี้ ใช้น้ำผึ้งประมาณ 500 กรัม และขิงสดประมาณ 1 กิโลกรัมครึ่ง คั้นขิงสดเอาแต่น้ำ นำมาผสมกับน้ำผึ้ง ต้มจนแห้ง รับประทานในปริมาณขนาดเท่าลูกอม 1 เม็ด จะช่วยบรรเทาอาการไอเรื้อรังได้

    ผลงานวิจัยพบว่าน้ำผึ้งแท้สามารถบรรเทาอาการไอจากหวัดได้ดีกว่ายาแก้ไอที่มีจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไปด้วยซ้ำ สาเหตุที่ทำให้น้ำผึ้งบรรเทาอาการไอได้นั้น เนื่องมาจากน้ำผึ้งทำให้ลื่นคอและรู้สึกผ่อนคลายที่ลำคอ แต่มีข้อควรระวังว่า ไม่ควรใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 1 ปี.





    ที่มา เดลินิวส์ ออนไลน์
     
  4. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    <TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 16 คน ( เป็นสมาชิก 3 คน และ บุคคลทั่วไป 13 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"><CENTER">[ แนะนำเรื่องเด่น ] </TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>sithiphong, ปฐม+ </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ผมส่งรูปพระวังหน้า พิมพ์...................
    และ พระวังหลวง พิมพ์ .......................

    ไปให้ท่านสมาชิกชมรมพระวังหน้าทางEmailเรียบร้อยแล้ว

    ตกลงว่า ดีป่าวครับ แรงป่าวครับ

    .
















    .
     
  5. rak-dee001

    rak-dee001 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    154
    ค่าพลัง:
    +482
  6. ปฐม

    ปฐม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    638
    ค่าพลัง:
    +1,618
    ขอบพระคุณครับคุณพี่หนุ่มที่นำมาให้ชม บอกได้คำเดียวเลยครับว่า งามจริงๆเลยครับ แรงรึไม่นี่คงต้องเรียนถามผู้รู้ท่านอื่นแล้วละครับพี่ท่าน สำหรับผมงามไร้ที่ติจริงๆ
     
  7. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    ทำบุญผ้าป่า ศรีชัยผาผึ้ง 500 บาท ครับ พร้อมกับ ทำบุญบ่อเงินบ่อทอง ที่ผม เคย โพสต์ใน เวบ เมตตาพระเณร บ่อเงินบ่อทอง 500 บาท เมื่อวันที่ 08/06/54 ครับ คุณ SITHIPHONG
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948

    [​IMG] [​IMG]


    โมทนาบุญทุกประการครับ

    ไว้ผมส่งพระวังหน้าให้ครับ


    .
     
  9. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ตู้ลำโพงโอ่ง รูปสวย รวยเสียงไพเราะ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>28 มิถุนายน 2554 08:50 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โอ่งอุปกรณ์สำหรับเก็บน้ำแบบโบราณ ถูกนำมาสร้างสรรค์ให้กลายเป็นตู้ลำโพง คือผลงานประดิษฐ์ของคนช่างคิด อย่าง “พรณรงค์ ห้องภูษา” นำเสนอความแปลกใหม่ของตู้ลำโพงที่นอกจากจะให้เสียงไพเราะแล้ว ยังสวยงาม สามารถใช้ตกแต่งบ้านได้ด้วย


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>พรณรงค์ ห้องภูษา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>หนุ่มช่างประดิษฐ์ เกริ่นนำว่า ส่วนตัวสนใจและชอบด้านอุปกรณ์เครื่องเสียงมายาวนาน มักเก็บสะสม รวมถึง ประดิษฐ์อุปกรณ์เครื่องเสียงต่างๆ ด้วยตัวเองเสมอ

    ส่วนไอเดียนำโอ่งมาทำเป็นตู้ลำโพง เกิดจากสะดุดกับเสียงจากวิทยุ หรือลำโพงเวลานำไปวางบนโอ่ง เสียงที่ได้ยินจะทุ้มก้องอย่างยิ่ง หรือเวลาก้มหัวลงไปเปล่งเสียงในโอ่ง จะรู้สึกว่าเสียงก้องกังวานไพเราะมาก ทำให้อยากจะลองนำโอ่งมาประยุกต์ทำเป็นตู้ลำโพง


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=410 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=410>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>อย่างไรก็ตาม ความยากอยู่ที่การยึดติด “ดอกลำโพง” กับตัวโอ่ง ช่วงแรกใช้สว่านเจาะรูสำหรับขันนอต แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะเกิดปัญหาโอ่งแตกร้าว ดังนั้น แก้ไขด้วยวิธีออกแบบโอ่งที่เหมาะจะทำเป็นตู้ลำโพงโดยเฉพาะ ซึ่งจะเจาะช่อง และรูต่างๆ ไว้พร้อมตั้งแต่ตอนปั้นดินเลย

    พรณรงค์ อธิบายเสริมว่า ความรู้ในการทำตู้ลำโพง อาศัยศึกษาด้วยตัวเองจากตำรา หาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต ประกอบกับประสบการณ์ในการประดิษฐ์ที่สะสมมา โดยหัวใจของการทำตู้ลำโพงให้ได้คุณภาพดีเยี่ยม อยู่ที่การคำนวณปริมาณเสียง กับความจุเสียงภายในตัวตู้ลำโพง รวมถึง วัสดุและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ประกอบทำตู้ลำโพง ต่างมีผลต่อเสียงที่จะออกมาทั้งสิ้น ซึ่งวัสดุที่ทำตู้ลำโพงแต่ละประเภทจะมีข้อดีข้อเสียงแตกต่างกันไป


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=410 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=410>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ดอกลำโพงออกแบบให้อยู่ตำแหน่งปากโอ่ง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>“ในความเป็นจริง วัสดุหลายชนิดสามารถทำตู้ลำโพงได้ อย่างไม้ที่นิยมมากสุด จะมีข้อดี ด้านความนุ่มกังวานของเนื้อเสียง แต่จุดอ่อนอยู่ที่การต้องนำไม้หลายๆ แผ่นมาประกบกันอาจเกิดการเล็ดรอดของเสียงออกตามรอยต่อต่างๆ รวมถึงต้องระวังด้านความชื้น หรืออย่างพลาสติก มีความสะดวกด้านการผลิต แต่ไม่ได้ความกังวานแบบธรรมชาติ ขณะที่ในต่างประเทศก็มีลำโพงทำจากเซรามิก แต่รูปทรงจะแตกต่างกันไป ส่วนผมก็เลือกใช้โอ่ง ฉะนั้น สิ่งสำคัญจึงอยู่ที่การสร้างสรรค์ของแต่ละคนมากกว่า ที่จะหาความลงตัวระหว่างการออกแบบ และวัสดุที่จะใช้ทำตู้ลำโพงได้ดีที่สุด” คนช่างคิด ขยายความ


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>ตู้ลำโพงที่เห็นกันทั่วไป ตำแหน่งดอกลำโพงจะตั้งขนานหันหน้าเข้าหาผู้ฟัง แต่สำหรับตู้ลำโพงโอ่ง ดอกลำโพงหลักจะวางนอนอยู่ตำแหน่งปากโอ่ง ส่วนดอกเสียงแหลมจะอยู่บริเวณขอบข้าง และช่องระบายลมอยู่ที่ใต้โอ่ง ซึ่งเป็นเหตุผลด้านการออกแบบของนักประดิษฐ์รายนี้ ที่เชื่อว่า ช่วยให้ได้เสียงไพเราะที่สุด

    พรณรงค์ แจงว่า การวางตำแหน่งดังกล่าว ช่วยให้เสียงเข้าถึงหูผู้ฟังชัดเจนที่สุด โดยเสียงเบสจะออกจากตำแหน่งบนและล่างของลำโพง แทรกด้วยเสียงแหลมตรงกลาง ทำให้เกิดความไพเราะ โดยลักษณะเสียงจากตู้ลำโพงโอ่งจะมีความอ่อนนุ่มคล้ายกับตู้ลำโพงที่ภายในบุด้วยใยแก้ว อีกทั้ง โอ่งมีรูปทรงโค้งมนไม่มีเหลี่ยมมุม ช่วยเพิ่มคมชัดของเสียง ซึ่งกว่าจะได้แบบที่ลงตัว ลองผิดลองถูกปรับปรุงเรื่อยมากว่าครึ่งปี กับเงินลงทุนกว่า 1 แสนบาท ขณะนี้ได้จดสิทธิบัตรการออกแบบ รวมถึง จดเครื่องหมายการค้าภายใต้ชื่อ “LAMKA” (ล้ำค่า) ไว้แล้ว

    “ผมวางตำแหน่งของสินค้าให้เป็นลำโพงที่นอกจากเสียงดีแล้ว ยังสามารถใช้ตกแต่งบ้านหรือสถานที่ได้ด้วย โดยกำหนดลูกค้าเป้าหมายไว้ที่คนรักเครื่องเสียง รักการแต่งบ้าน และรักงานเซรามิก รวมถึง กลุ่มโรงแรม และรีสอร์ทที่สามารถนำไปตกแต่งสถานที่ได้สวยงามและเหมาะสมกว่าวางตู้ลำโพงแบบสี่เหลี่ยมทั่วไป” เจ้าของไอเดีย เผย


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ช่องลมอยู่ใต้โอ่ง</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>สำหรับการผลิตนั้น พรณรงค์ เผยว่า ในส่วนดอกลำโพง ซื้อยี่ห้อเกรดเอมาตรฐานส่งออก ส่วนตัวโอ่งว่าจ้างช่างปั้นแถบ จ. นครปฐม โดยปั้นจากเนื้อดินความละเอียดสูง ความหนาของผิวโอ่งประมาณ 1 เซนติเมตร เบื้องต้นทำมาออก 1 แบบ มีให้เลือก 2 สี คือ ขาว และน้ำตาลแดง ช่องทางขายเวลานี้ ยังรับผลิตตามคำสั่งซื้อโดยตรง สนนราคา คู่ละประมาณ 2 หมื่นบาท ส่วนในอนาคตจะเพิ่มเติมโอ่งแบบต่างๆ ให้หลากหลายยิ่งขึ้น เช่น โอ่งแกะสลัก โอ่งมังกร รวมถึง โอ่งเบญจรงค์ เป็นต้น นอกจากนั้น ขยายช่องทางตลาด ฝากขายตามร้านอุปกรณ์เครื่องเสียงและแผ่นเสียงโบราณ รวมถึง ผ่านเว็บไซต์อีกด้วย


    </TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>@@@@@@@@@@@@@@@@@@

    โทร.08-5140-6123
    ที่มา Manager Online


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  10. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    อันตรายจากน้ำตาลทราย
    [​IMG]

    7 อันตรายจากน้ำตาลทราย (Woman’s Story )


    น้ำตาลทรายถึงว่าจะว่าเป็นเครื่องปรุงที่ช่วยเพิ่มรสชาติของอาหารให้น่ารับประทานขึ้นแล้ว แต่ว่าหากรับประทานมากเกินไปก็จะทำให้เกิดโทษต่อร่างกายได้ ซึ่งอาจร้ายแรงจนคุณคาดไม่ถึง

    [​IMG] อันตรายที่เกิดขึ้นกับเด็ก ในเด็กที่กินน้ำตาลมากเกินไปจะทำให้เป็นโรคกระดูกเปราะและฟันผุได้รวมถึงอาจกลายเป็นเด็กที่ไม่สมาธิในสิ่งที่ทำอยู่แล้วก็โกรธง่ายได้

    [​IMG] เสี่ยงทำให้โรคติดเชื้อรุนแรง ที่เป็นเช่นนั้น เพราะเชื้อโรคทุกชนิดใช้น้ำตาลเป็นอาหาร

    [​IMG] ร่างกายไม่สมดุลเนื่องจากการบริโภคน้ำตาลเชิงเดี่ยว ซึ่งได้แก่ น้ำตาลทราย น้ำผึ้ง น้ำตาลในน้ำผลไม้ น้ำตาลในนม จะซึมเข้าสู่กระแสเลือดอย่างรวดเร็ว ทำให้เลือดเกิดภาวะเป็นกรดมากเกินไป จนร่างกายไม่สมดุล

    [​IMG] ส่งผลต่อหัวใจ ไต และ ตับ เมื่อน้ำตาลมีมากเกินไป ก็จะกลายเป็นไขมัน ซึ่งจะถูกสะสมไว้ในอวัยวะภายใน และนานวันเข้า อวัยวะเหล่านี้ก็จะถูกห่อหุ้มด้วยไขมัน แล้วน้ำเมือกในร่างกายก็จะเริ่มผิดปกติ ทำให้ความดันเลือดสูงขึ้น

    [​IMG] ส่วนเกินตามร่างกาย ไขมันที่เกิดจากน้ำตาลส่วนเกิน จะถูกสะสมในตับในรูปของไกลโคเจน เมื่อมีมากเกินไปตับจะส่งออกไปยังกระแสเลือด และเปลี่ยนเป็นกรดไขมัน ไปสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ต้นแขน ต้นขา สะโพก เป็นต้น

    [​IMG] ต้นเหตุเสี่ยงสารพัดโรค การทานน้ำตาลมากเกินไปจะทำให้มีอาการเป็นตะคริวเวลามีรอบเดือนเป็นสิว ผื่น แผลพุพอง ตกกระ แผลริดสีดวงทวารหนัก ไมเกรน เบาหวาน วัณโรค โรคหัวใจ และมะเร็งตับ

    [​IMG] ผลต่อสมอง การทานน้ำตาลมากเกินไปจะมีผลต่อสมองทำให้รู้สึกง่วง หงาว หาว นอน อยู่ตลอด
    รู้แบบนี้แล้วก็ควรคิดให้ดีก่อนทานในมื้อต่อไปนะคะว่า ควรจะบริโภคความหวานแต่พอดีมากกว่าตามใจปากค่ะ
    ที่มา กะปุกดอทคอม
     
  11. อนัตตัง

    อนัตตัง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    471
    ค่าพลัง:
    +12
    วิธีเผาผลาญ เมื่อกินเกินพิกัด

    [​IMG]
    วิธีเผาผลาญเมื่อกินเกินพิกัด (สยามดารา)
    การอยากมีหุ่นสวย หลายคนจึงระมัดระวังการรับประทานอาหารเป็นพิเศษ แต่หากในคืนปาร์ตี้ที่เผลอทานเยอะจนเกินพิกัดก็ไม่ต้องกังวล มีวิธีเผาผลาญไขมันมาฝาก

    - ดื่มน้ำส้มคั้นสด มีวิตามินที่ช่วยดูดซึมสารอาหารที่สำคัญ หากรับประทานเป็นผล จะมีเส้นใยธรรมชาติ ช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็ว
    - ทานอาหารจำพวกธัญพืช (ชนิดไขมันต่ำ) อาจทานตอนเช้า (หากไม่มีเวลาทานข้าว) ธัญพืชเหล่านี้ อุดมไปด้วยไฟเบอร์ วิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระต่าง ๆ ระบบจะย่อยช้า ๆ เข้าสู่ร่างกาย ทำให้รู้สึกอิ่มท้องนาน
    - เคลื่อนไหวร่างกาย หลังเลิกงานอาจเรียกเหงื่อด้วยการเดินเล่น หรือวิ่ง หากมีเวลาอาจเล่นกีฬาที่ชอบสักครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมง (การเคลื่อนไหวเร็ว ๆ จะเผาผลาญได้ 140 แคลอรีในครึ่งชั่วโมง)
    - เคี้ยวอาหารช้าๆ เพราะการทานเร็ว จะทำให้ทานมากเกินอัตราโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการทานอาหารหลัง 6 โมงเย็น หรือช่วงเวลากลางคืน
    - ทานผัก-ผลไม้ เพราะผักจะให้พลังงานน้อย แต่ให้สารอาหารมาก ส่วนผลไม้ เลือกทานที่ให้พลังงานต่ำ เช่น ฝรั่ง มะม่วง ชมพู่ แตงโม แคนตาลูป เลี่ยงผลไม้หวานจัด ให้พลังงานสูง
    เคล็ดลับง่ายๆ ช่วยคุณ กำจัดไขมันส่วนเกินได้ หากปฏิบัติเป็นประจำ ก็ไม่ต้องกังวลมากนัก
    ที่มา กะปุกดอทคอม
     
  12. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    พระพุทธมหาธรรมราชา

    วัดไตรภูมิ อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="70%">
    ตั้งอยู่ที่ถนนเพชรรัตน์ เป็นวัดเก่าแก่ เป็นสถานที่ประดิษฐานพระพุทธมหาธรรมราชา พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเพชรบูรณ์ พระพุทธมหาธรรมราชาเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องศิลปสมัยลพบุรี ชาวบ้านพบในแม่น้ำป่าสักบริเวณหน้าวัด จึงได้อัญเชิญมาประดิษฐานที่วัดนี้ ต่อมาพระพุทธรูปองค์นี้ได้หายไป และมีผู้พบในแม่น้ำบริเวณที่พบครั้งแรกจึงถือกันเป็นประเพณีของจังหวัดเพชรบูรณ์ คือ ผู้ว่าราชการจังหวัดจะเป็นผู้อุ้มพระพุทธรูปลงดำไปยังก้นแม่น้ำ แล้วโผล่ขึ้นมา ทำเช่นนี้จนครบทั้ง 4 ทิศ ถือว่าเป็นสิริมงคลแก่จังหวัด และถ้าไม่ได้กระทำพิธีอุ้มพระดำน้ำจะเกิดฝนแล้งพิธีอุ้มพระดำน้ำนี้จะทำในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10​
    </TD><TD vAlign=top width="30%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE id=AutoNumber8 style="BORDER-COLLAPSE: collapse" borderColor=#111111 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width=10 height=9>[​IMG]</TD><TD background=../../../../../images/bg/shadow_s_t.gif height=9>[​IMG]</TD><TD width=10 height=9>[​IMG]</TD></TR><TR><TD width=10 background=../../../../../images/bg/shadow_s_l.gif> </TD><TD vAlign=top align=middle>[​IMG]</TD><TD width=10 background=../../../../../images/bg/shadow_s_r.gif> </TD></TR><TR><TD width=10 height=10>[​IMG]</TD><TD background=../../../../../images/bg/shadow_s_b.gif height=10>[​IMG]</TD><TD width=10 height=10>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE id=table2 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="100%"> </TD></TR><TR><TD vAlign=top width="100%">ประวัติ มีตำนานเล่าว่าพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 กษัตริย์แห่งนครธมได้พระราชทานพระพุทธมหาธรรมราชาแก่พ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด (อ. หล่มสัก) ในครั้งที่ทรงอภิเษกสมรสกับพระนางสิงขรมหาเทวี พระธิดาของพระองค์ เพื่อเป็นพระคู่บ้านคู่เมือง แต่หลังจากพ่อขุนผาเมืองและพ่อขุนบางกลางท่าว เจ้าเมืองบางยาง (อ. นครไทย) ร่วมกันกอบกู้อิสรภาพให้แก่คนไทย พระนางสิงขรมหาเทวีทรงแค้นเคืองมาก จึงเผาเมืองราดจนย่อยยับ เสนาอำมาตย์ต้องอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาหลบหนีไฟ โดยล่องแพมาตามแม่น้ำป่าสัก แต่เนื่องจากแม่น้ำมีความคดเคี้ยว ประกอบกับกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก ทำให้แพแตก องค์พระจมหายไปในแม่น้ำ จนกระทั่งชาวประมงไปพบ จึงเกิดประเพณีอุ้มพระดำน้ำในเวลาต่อมา ในวันสงกรานต์ชาวเพชรบูรณ์จะร่วมกันสรงน้ำพระพุทธมหาธรรมราชาเป็นประจำทุกปี

    สิ่งน่าสนใจ

    พระพุทธมหาธรรมราชา
    เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิสมัยลพบุรี หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ หน้าตักกว้าง 13 นิ้ว สูง 18 นิ้ว ไม่มีฐาน พระพักตร์กว้าง มีลักษณะเป็นเหลี่ยม พระโอษฐ์แบะ แลดูน่าเกรงขาม พระกรรณยาวเกือบจรดพระอังสา พระเศียรทรงเทริดหรือชฎา ทรงสร้อยพระศอ พาหุรัด และประคตเป็นลวดลายงดงาม ประดิษฐานบนโต๊ะบูชาในศาลาไม้ มีจำนวนสององค์ องค์จริงคือองค์บนสุด ส่วนองค์ที่อยู่ด้านล่างหล่อจำลองขึ้นใหม่เพื่อใช้ประกอบพิธีอุ้มพระดำน้ำ เนื่องจากองค์จริงหล่อด้วยสัมฤทธิ์ เมื่อนำลงดำน้ำบ่อยๆ เกรงว่าจะทำให้องค์พระหมองคล้ำหรือชำรุดเสียหาย
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE>




    -http://www.thai-tour.com/thai-tour/North/Petchbun/data/place/pic_wat-traibhumi.htm-




    .




    .
     
  13. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ


    จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    ประเพณีอุ้มพระดำน้ำ เป็นประเพณีที่ชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ได้ร่วมมือกันจัดขึ้นในวันแรมสิบห้าค่ำเดือนสิบ ซึ่งประวัติความเป็นมาของประเพณีอุ้มพระดำน้ำก็คือ เมื่อประมาณ 400 ปีที่ผ่านมามีชาวบ้านกลุ่มหนึ่งมีอาชีพหาปลาขาย และได้ไปหาปลาที่แม่น้ำป่าสักเป็นประจำทุกวัน อยู่มาวันหนึ่งก็ได้เกิดเรื่องที่ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า เกิดอะไรขึ้นเพราะวันนั้น ไม่มีใครจับปลาได้สักตัว จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้นตรงบริเวณ วังมะขามแฟบ (ไม้ระกำ) ซึ่งปกติบริเวณนี้น้ำจะไหลเชี่ยวมาก จู่ๆ น้ำก็หยุดไหล และมีพลายน้ำผุดขึ้นมา แล้วพระพุทธรูปก็ผลุดขึ้นมาด้วย ชาวบ้านจึงได้อัญเชิญพระพุทธรูปองค์ดังกล่าว ขึ้นจากน้ำและนำไปประดิษฐานไว้ที่ไตรภูมิ เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดเพชรบูรณ์ จนกระทั่งถึงวันสารทไทยหรือ วันแรม 15 ค่ำเดือนสิบ พระพุทธรูปองค์ดังกล่าว (พระพุทธมหาธรรมราชา) ก็ได้หายไปจากวัด ชาวบ้านจึงช่วยกันตามหาและเจอพระพุทธรูป อยู่บริเวณวังมะขามแฟบ จากนั้นเป็นต้นมา พอถึงวันแรม 15 ค่ำเดือนสิบชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ ก็จะจัดงานซึ่งเรียกว่า "งานอุ้มพระดำน้ำ" ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2522 เป็นต้นมา
    [แก้] แหล่งข้อมูลอื่น

    -http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%93%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B9%89%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%94%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3-
    .




    .
     
  14. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    งานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ

    [​IMG]



    <DD>งานประเพณีอุ้มพระดำน้ำ เป็นประเพณีเก่าแก่ที่เพิ่งรื้อฟื้นขึ้นใหม่จากความเชื่อดั้งเดิมว่า "พระพุทธมหาธรรมราชา" พระพุทธรูปสำคัญประจำจังหวัด จะต้องกลับคืนสู่วังน้ำวนที่ค้นพบพระพุทธรูปองค์นี้ครั้งแรกทุกปี ตำนานเรื่องเล่า

    <DD> <DD>เมื่อประมาณ 400 ปีที่แล้ว มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่า เมื่อถึงวันสารทไทย พระพุทธมหาธรรมราชา พระพุทธรูปสำคัญของเมืองเพชรบูรณ์ได้หายไปจากวัดไตรภูมิที่ประดิษฐานอยู่ ชาวบ้านจึงออกตามหาและได้ไปพบเข้าที่วังน้ำวน ที่ซึ่งเคยพบพระมหาธรรมราชาเป็นครั้งแรก และได้อัญเชิญมาประดิษฐานเป็นพระพุทธรูปสำคัญประจำจังหวัด ดังนั้นในวันสารทไทยของทุกปี ชาวเมืองเพชรบูรณ์จึงพร้อมใจกันจัดพิธีอัญเชิญพระพุทธมหาธรรมราชาเข้าขบวนแห่แหนไปรอบเมือง และทำพิธีอุ้มพระดำน้ำที่วังน้ำวนนั้น เพื่อเป็นศิริมงคลแก่จังหวัด โดยถือคติว่า ผู้ที่จะเป็นผู้อัญเชิญองค์พระพุทธรูปลงดำน้ำนั้นจะต้องเป็นเจ้าเมือง หรือผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์เท่านั้น <DD>[​IMG]<DD> <DD> รูปแบบประเพณี

    <DD>ขบวนรถตกแต่งสวยงามแห่แหนพระพุทธมหาธรรมราชา พิธีถวายเครื่องสักการะ นิทรรศการการเกษตร จำหน่ายสินค้าพื้นบ้าน มหรสพเฉลิมฉลอง จุดเด่นของพิธีกรรม

    <DD>ขบวนแห่พระพุทธมหาธรรมราชา และการอุ้มพระดำน้ำ วันเวลาสถานที่จัดงาน

    <DD>วันที่ 7-11 ตุลาคม อุ้มพระดำน้ำที่คุ้งน้ำวัดโบสถ์ชนะมาร สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ

    <DD>อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง <DD>อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว <DD>อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สินค้าที่ระลึก

    <DD>มะขามหวาน ไก่ย่างวิเชียรบุรี ขนมจีนหล่มเก่า <DD> <DD>[​IMG]<DD> โรงแรมที่พัก

    <DD>รหัสทางไกล 056 <DD>โฆษิตฮิลล์ โทรศัพท์ 0-56711-1050, 0-5672-2370 <DD>บูรพา โทรศัพท์ 0-5671-1155-9 <DD>เขาค้อรีสอร์ท โทรศัพท์ 0-5675-0071-3 <DD>เขาค้อแวลเล่ย์ โทรศัพท์ 0-5675-0262 <DD>ดิ อิมพีเรียล ภูแก้วฮิลล์ โทรศัพท์ 0-5651-1930 ร้านอาหาร

    <DD>รหัสทางไกล 056 <DD>ขนมจีนหล่มเก่า ป้าสินรอง โทรศัพท์ 709579 <DD>ก้ามปูเฮ้าส์ โทรศัพท์ 0-5671-1326 <DD>จิรดา โทรศัพท์ 0-5671-1326 <DD>มนตรี โทรศัพท์ 0-5671-1338 <DD>ลุงต๋อง โทรศัพท์ 0-5672-1976 <DD>สถาพร โทรศัพท์ 0-5671-1320 สอบถามรายละเอียด

    <DD>สำนักงาน ททท. พิษณุโลก โทรศัพท์ 0-5525-2743

    .


    -http://www.ku.ac.th/e-magazine/october45/know/petch.html-

    .
    </DD>
     
  15. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    พระพุทธรูปศิลปะบายน

    พันธุ์แท้พระเครื่อง
    ราม วัชรประดิษฐ์


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>"พระพุทธรูปศิลปะบายน" เป็นพระพุทธรูปในสมัยลพบุรี ที่มีอายุใกล้เคียงกับพระพุทธรูปศิลปะอู่ทอง แต่มีพุทธศิลปะที่ผิดแผกแตกต่างกันออกไป ถือได้ว่าอยู่ในระยะความรุ่งเรืองสูงสุดของสมัยเมืองพระนคร มีอายุในราวพ.ศ.1780 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนการปรากฏของ "อาณาจักรสุโขทัย" ในบริบททางประวัติศาสตร์ไม่นานนัก โดยกษัตริย์พระนามว่า พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทรงเป็นผู้ผลักดันให้เกิดศิลปะเฉพาะที่มีพัฒนาการสืบเนื่องมาจากศิลปะแบบบาปวนและศิลปะแบบนครวัด ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในหมู่นักประวัติศาสตร์และนักโบราณคดีว่า "ศิลปะแบบ บายน" ขึ้น

    พระองค์ทรงยึดเอาศูนย์กลางแห่งลักษณะเฉพาะดังกล่าวจากพุทธสถานที่สร้างขึ้นในรัชสมัยของพระองค์คือ "ปราสาทบายน" มาเป็นชื่อเรียกรูปแบบศิลปะ นับเป็นการแสดงออกถึงพัฒนาการอย่างต่อเนื่องของพุทธศาสนาลัทธิมหายานจากบาปวน ในปีพ.ศ.1560-1630 และนครวัด

    ในปีพ.ศ. 1650-1715 ฟิลิปป์ สแตร์น (Phillipe Starne) นักประวัติศาสตร์ศิลป์กล่าวไว้ว่า "เราอาจรู้จักศิลปะขอมแบบบายนได้ จากอาการแสดงความรู้สึกที่เร้นลับและใบหน้าที่อมยิ้ม" ซึ่งหมายถึงการใส่ความรู้สึกลงในประติมากรรม อันเป็นลักษณะเฉพาะที่สำคัญของศิลปะแบบบายน

    พุทธรูปศิลปะบายนเข้าไปมีอิทธิพลในงานประติมากรรมของพระพุทธรูปสมัยลพบุรีอย่างสูง มีอายุในราวพุทธศตวรรษที่ 17-18 (พ.ศ.1600 ถึง พ.ศ.1700) พระพุทธรูปสมัยนี้ได้รับอิทธิพลทั้งฝ่ายลัทธิหินยานและลัทธิมหายาน ซึ่งพวกขอมนำเข้ามาจากประเทศกัมพูชา โดยเฉพาะศิลปะแบบนครวัดและบายน มีการนับถือพระพุทธศาสนาลัทธิหินยานและลัทธิมหายาน รวมทั้งศาสนาพราหมณ์

    ที่เรียกพระพุทธรูปแบบนี้ว่า "สมัยลพบุรี" นั้น ก็เพราะเมื่อพวกขอมเข้ามามีอำนาจในแหลมอินโดจีน และตั้งราชธานีอยู่ที่เขมร มีเมืองพระนครเป็นพระนครหลวง แล้วแผ่อำนาจเข้ามาถึงลุ่มเจ้าพระยา ตั้งเมืองของอุปราชแห่งหนึ่งอยู่ที่ "เมืองละโว้หรือลพบุรี" และตั้งเมืองหน้าด่านปกครองดินแดนแถบนอกอีกหลายเมือง ทางเหนือสุดมีเมืองศรีสัชนาลัยและสุโขทัย ทางใต้สุดมีเมืองเพชรบุรี ด้วยเหตุที่พบพระพุทธรูปฝีมือช่างขอมเป็นจำนวนมากในภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย

    นักโบราณคดีจึงกำหนดพระพุทธรูปสกุลช่างแบบนี้ว่า "สมัยลพบุรี" ตามนามเมืองอุปราชของขอม ซึ่งจะมีพุทธลักษณะเฉพาะเพื่อการพิจารณา ดังนี้

    พระเกตุมาลา มีหลายลักษณะ อาทิ เป็นต่อมแบบก้นหอย แบบฝาชีครอบ แบบมงกุฎเทวรูป หรือเป็นแบบดอกบัวแลเห็นกลีบรวมๆ เป็นต้น เครื่องสิราภรณ์ (เครื่องสวมพระเศียร) เป็นแบบกะบังหน้า มีไรพระศกเสมอและเป็นเส้นใหญ่กว่าสมัยศรีวิชัย และแบบทรงเทริด หรือเรียกเป็นสามัญว่าแบบขนนก เส้นพระศกมีลักษณะเหมือนเส้นผมมนุษย์ เรียกเป็นสามัญว่าแบบผมหวี หรือเป็นขมวดละเอียดบ้าง หยาบบ้าง พระพักตร์กว้าง พระโอษฐ์แบะ พระหนุป้าน องค์พระที่ประทับยืน นุ่งห่มแบบห่มคลุม ส่วนองค์พระที่ประทับนั่ง จะนุ่งห่มแบบห่มคลุมและห่มดอง ชายสังฆาฏิยาวลงไปจรดพระนาภี ขอบอันตรวาสก (สบง) ข้างบนจะเผยออกเป็นเส้น ส่วนใหญ่พระกรรณจะยาวย้อยลงมาจนจรดพระอังสะ พระทรงเครื่องมีฉลองพระศก กำไลแขน และประคด บัวรองฐาน มีทั้งแบบบัวหงายบัวคว่ำ แบบบัวหงายอย่างเดียว และแบบบัวคว่ำอย่างเดียว

    ในช่วงสมัยเมืองพระนคร "พระพุทธรูปปางนาคปรก" จะได้รับความนิยมอย่างสูง ตั้งแต่ช่วงศิลปะแบบคลัง แบบบาปวน แบบนครวัด มาจนถึงแบบบายน โดยเฉพาะในช่วงศิลปะแบบบาปวนและนครวัดนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องนาคปรก ดังที่ปรากฏเป็นภาพสลักบนทับหลังปรางค์องค์กลางที่ปราสาทหินพิมาย และพระพุทธรูป นาคปรกสัมฤทธิ์ที่ขุดค้นพบในดินแดนแถบนี้จะเป็น "ศิลปะแบบนครวัด" ในขณะที่พระ พุทธรูปนาคปรก วัดพระศรีรัตนมหา ธาตุ ลพบุรี ได้รับอิทธิพลมาจาก "ศิลปะแบบบาปวน"

    "พระพุทธรูปปางนาคปรก ศิลปะบายน" มีทั้งหล่อด้วยสัมฤทธิ์และทำจากหินทราย ค้นพบขนาดต่างๆ กันไป ในปีพ.ศ.2476 มีการขุดค้นพบ พระพุทธรูปนาคปรกขนาดใหญ่ในปราสาทหลังกลางที่ "ปราสาทบายน" นอกจากนี้ พุทธศิลปะองค์พระที่หล่อด้วยสัมฤทธิ์ก็มีขนาดต่างๆ กันตั้งแต่เล็กมากจนถึงขนาดใหญ่ แต่จะมีพุทธศิลปะแบบเดียว กันคือ พระเนตรใหญ่กลม ลืมพระเนตร ลำพระองค์เปลือยเปล่า มีลักษณะยิ้มบนพระพักตร์ อันเป็นเอกลักษณ์ของศิลปะยุคนี้ และจัดเป็นประติมากรรมลอยตัวที่ยังคงได้รับความนิยมสูงสุดต่อเนื่องจากยุคก่อน

    แต่ "ศิลปะแบบบายน" จะมีทั้งเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่องและไม่ทรงเครื่อง เครื่องสิราภรณ์ประกอบด้วยกะบังหน้า มงกุฎรูปกรวยสูงสวมอยู่เหนือพระเกศาถัก กรองพระศอมีอุบะเล็กๆ ประดับโดยรอบ บางองค์มีพาหุรัด ทองกร (กำไลข้อมือ) ทองพระบาท (กำไลเท้า) และกุณฑล (ตุ้มหู) ประดับอยู่ด้วยครับผม





















    .

    -http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROaWRXUXdOVEk0TURZMU5BPT0=&sectionid=TURNd053PT0=&day=TWpBeE1TMHdOaTB5T0E9PQ==-

    .
     
  16. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    เรื่องเล่าของ (อดีต) เด็กเกเร ในวันที่ลุกขึ้นสู้เพื่อพ่อแม่

    <!-- <iframe src="http://hilight.kapook.com/view/fb_button.php?id=60236" scrolling="no" frameborder="0" allowTransparency="true" style="border:none; overflow:hidden; width: 80px; height: 100px;"></iframe> //--><!--Share<script src="http://static.ak.fbcdn.net/connect.php/js/FB.Share" type="text/javascript"></script> Tweet<script type="text/javascript" src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></script>-->
    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ elen

    วันนี้กระปุกดอทคอม มีเรื่องราวจากประสบการณ์ในชีวิตจริงของ คุณ elen แห่งเว็บไซต์พันทิป ที่อนุญาตให้นำมาบอกเล่าต่อให้ฟังกันค่ะ โดยก่อนหน้านี้ คุณ elen เป็นเด็กหนุ่มที่เกเร ไม่สนใจการศึกษาเล่าเรียน แต่แล้วหลาย ๆ เหตุการณ์ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตกลับพลิกผันให้ คุณ elen หันมาสนใจการเรียน จนกระทั่งเข้ามาแบกรับภาระความรับผิดชอบต่อครอบครัว และสามารถทำหน้าที่ลูกกตัญญูได้อย่างดีเยี่ยม หากได้ฟังเรื่องของคุณ elen แล้ว เชื่อได้เลยค่ะว่าจะช่วยเตือนใจ หรือเป็นประโยชน์ให้ใครหลาย ๆ คนได้อย่างดีทีเดียว

    โดยคุณ elen ได้ระบายความในใจของชีวิตตัวเองผ่านกระทู้เว็บไซต์พันทิปว่า ครอบครัวของเขามีทั้งหมด 5 คน คือ คุณพ่อ คุณแม่ พี่สาว ตัวคุณ elen เอง และน้องชาย ซึ่งลูก ๆ ทั้งสามคนได้รับการเลี้ยงดูอย่างอบอุ่นและใกล้ชิด ในสมัยเป็นวัยรุ่น ตัว คุณ elen เอง เป็นเด็กเกเร เที่ยวไปตั้งแก๊งค์ซิ่งมอเตอร์ไซค์กวนชาวบ้านกับเพื่อน ๆ อยู่เป็นประจำ และคุณแม่ก็มักจะมาตามให้กลับไปเรียนหนังสือแทบทุกวัน จนได้เรียนจบ ขณะที่ตัวพี่สาวเป็นเด็กเรียนดี สามารถสอบติดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ และเมื่อจบมาแล้วก็ได้ทำงานมั่นคงในบริษัทแห่งหนึ่ง เช่นเดียวกับน้องชายที่เป็นเด็กดีมาก ตั้งใจเรียน ไม่เคยทำตัวเกเรเหมือนที่ คุณ elen เคยเป็นแม้แต่น้อย กระทั่ง...น้องชายได้เข้ามาเรียนที่เทคนิคกรุงเทพฯ ก็เปลี่ยนไป กลายเป็นคนเสียงดัง ใจกล้าบ้าบิ่น เอากินแต่เหล้า และอยู่แต่กับเพื่อน ๆ

    และก็มาถึงจุดเปลี่ยนครั้งแรกของครอบครัวนี้ เมื่อคุณพ่อล้มป่วยกะทันหัน ไม่สามารถทำงานได้อีก แต่ยังโชคดีที่ครอบครัวได้รับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพจากบริษัทของคุณพ่อทุก ๆ เดือน คุณแม่จึงนำเงินก้อนนี้ไปจ่ายค่าบ้านที่เพิ่งจะปลูกเสร็จใหม่ ๆ หลังจากคุณพ่อล้มป่วย คุณ elen เอง ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง ด้วยความสงสารคุณแม่ เขาตัดสินใจหางานทำ เมื่อได้เงินมาก็แบ่งรายได้ส่วนใหญ่ให้กับคุณแม่ พอเริ่มมีเงินเก็บได้ก็ไปลงเรียนภาคค่ำ ทำงานไปด้วย เรียนหนังสือไปด้วย เลิกเรียนหนังสือก็จะกลับมาดูแลคุณแม่ และคุณพ่อที่ถึงแม้ล้มป่วย แต่ก็ยังเดินได้บ้าง

    สำหรับตัวน้องชาย ก็หมั่นสร้างปัญหาให้ที่บ้านไม่น้อย เพราะชอบไปมีเรื่องทะเลาะวิวาทกับสถาบันอื่น รวมทั้งมีปากเสียงกับอาจารย์จนถูกไล่ออก ทำให้คุณแม่และพี่สาวเศร้าใจมาก และช่วยหาที่เรียนใหม่ให้ แต่ก็ยังไปมาหาสู่กับกลุ่มเพื่อนที่เทคนิคกรุงเทพฯ อยู่ประจำ

    "ช่วงเวลาที่เรียนตัวของน้องชายก็ยังไปมาที่เทคนิคกรุงเทพเหมือนเดิม คือไปกินเหล้าและแบ่งบารมีว่าข้าแน่ ข้าเก่ง จนเกิดเรื่องจนได้..คือไปขอหัวเข็มขัดเด็กโรงเรียนหนึ่ง แต่ตอนวิ่งหนีดันโง่ไม่ดูทางโดน รปภ.ของห้างจับได้ส่งไปที่สถานีตำรวจ โดยตำรวจโทรมาที่บ้านโชคดีที่เจ้าตัวไม่เอาเรื่อง แต่ผมทนไม่ได้ที่เห็นคุณแม่ต้องร้องไห้ยืนเกาะลูกกรงที่น้องมันโดนขัง จึงบอกน้องว่าทำอะไรทำไมไม่คิด...น้องตอบผมว่า มึงไม่ต้องเสือกเรื่องของกู มึงคนดี กูมันเลว..."

    คุณ elen เล่าต่อว่า ได้ช่วยจ่ายค่าปรับเพื่อประกันตัวน้องชายออกจากคุก โดยระหว่างทางกลับบ้าน คุณแม่จะสั่งสอนน้องตลอดเวลา แต่น้องชายก็เพียงแค่รับฟังแต่ไม่ทำตาม เพราะเมื่อกลับถึงบ้าน น้องชายตัวดีก็ยังออกไปกินเหล้ากับเพื่อน ฉลองความใจเด็ดของตัวเองอีก และช่วงหลังก็เริ่มไม่ไปเรียนหนังสือ เพราะคิดว่าสิ่งที่เรียนไปไม่สามารถเอาไปใช้ทำงานได้

    "ตัวคุณแม่ พี่สาวและผมเองก็ไม่อยากจะคาดหวังอะไรแล้ว เพราะเราพยายามพูดให้เข้าใจว่าคุณพ่อป่วย ทุกครั้งที่คุณพ่อป่วย และต้องเข้าโรงพยาบาลผมจะขอเจ้านายทำ OT เพิ่ม เพื่อที่จะพยายามให้คุณแม่ใช้เงินก้อนที่บ้านน้อยที่สุด โดยส่วนใหญ่จะช่วยกัน 2 คนก่อนคือผมและพี่สาว หากขาดเหลือก็จะขอให้คุณแม่ช่วยออกเงินค่ารักษา (หลักหมื่นบาท) ผมกับพี่สาวก็จะสอนน้องชายว่าเราต้องทำตัวให้ดีไม่ให้คุณแม่กลุ้มใจ และต้องเรียนหนังสือเพื่อช่วยเหลือครอบครัว...แต่ความคิดของน้องชายคือตัวของฉันเรื่องของฉัน..และเพื่อนฉันเท่านั้นที่สำคัญและคิดว่าก็ทั้ง 3 คนช่วยกันแล้วไง ทำไมฉันต้องมาช่วยอีก...."

    และแล้วจุดหักมุมอีกครั้งของครอบครัวก็มาถึง ในกลางดึกของคืนวันหนึ่ง

    "..ผมนอนหลับอยู่ ๆ มีเสียงโทรศัพท์จากน้องชายโทรมาบอกว่า พี่สาวติดคุก.!!!!!!!!!! เพราะยักยอกเงินบริษัทฯ จำนวน 3 ล้านบาท หลังจากที่น้องชายวางสายไป ผมก็นั่งงง ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไงและเงินมากมายขนาดนั้นมันเอาไปใช้อะไร เพราะทุกครั้งที่ครอบครัวต้องใช้เงินมาก ๆ เพื่อรักษาคุณพ่อ เราก็จะหารกันเสมอ โดยผมต้องอดหลับอดนอนเพื่อทำ OT มันคิดไปต่าง ๆ นานา ว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เพราะอะไร และอะไรดลใจให้ทำแบบนั้น"

    "วันรุ่งขึ้นผมลางานตรงไปหาพี่สาวที่อยู่ในคุก!! ก่อนจะพบพี่สาว ในหัวของผมมีแต่ภาพของคุณพ่อที่ภูมิใจในตัวลูกที่จบจากสถาบันอันดับหนึ่งของประเทศแต่ ณ เวลานี้ กลับเอาความรู้ที่มีมาทำร้ายตนเอง รวมถึงคนในครอบครัวอย่างแสนสาหัส... เมื่อพบหน้าพี่สาวก็เอาแต่เศร้าไม่พูด ผมได้แต่ถามว่าจะให้ทำอย่างไร พี่สาวบอกเพียงว่าอย่าบอกให้คุณแม่รู้เดี๋ยวคุณแม่เสียใจ...ด้วยอารมณ์โกรธจัด ผมจึงด่าออกไปอย่ารุนแรง และถามว่าทำไมตอนทำไม่คิด ทำไมไม่นึกถึงเค้าตอนคิดจะทำเรื่องชั่ว ๆ ...ผมก็ไปคุยกับตำรวจ ท่านบอกว่าหากจะประกันตัวต้องใช้ข้าราชการระดับซี 8 (มั้ง) หากเป็นเงินก็ 4 แสนบาท แล้วผมจะไปหามาจากไหน จนสุดท้ายต้องให้คุณแม่ช่วยจนได้ โดยท่านไม่ลังเลที่จะถอนเงินก้อนสุดท้ายที่ตั้งใจจะเก็บไว้รักษาคุณพ่อมาประกันตัวพี่สาวออกจากคุก..."

    "ผมมองหน้าคุณแม่ตลอดเวลา ผมเข้าใจหัวอกของคนเป็นแม่ว่ารักลูกเพียงใด ที่ผมมองท่านเพราะผมเสียใจเหลือเกินที่ความเจ็บปวดครั้งนี้เกิดขึ้นจากคนที่ท่านรักมากที่สุด นั่นคือลูกของท่านเอง ผมพยายามจะบอกคุณแม่ว่า ไม่ต้องห่วงนะ ลูกคนนี้จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุดและจะอยู่ข้าง ๆ คุณแม่เสมอนะ มันทำให้ผมมองย้อนกลับไปในอดีตที่ผมเกเร ไม่เอาใจใส่ครอบครัว สนใจแต่กลุ่มเพื่อน แต่วันนี้ใจผมคิดถึงแต่ครอบครัว คิดถึงแต่คุณพ่อคุณแม่อย่างเดียวเท่านั้น บางทีก็นึกโทษฟ้าดินว่า มันอะไรกันนักหนาวะ...แต่เรื่องที่เกิดขึ้นมันก็เกิดจากการกระทำของตัวบุคคลล้วน ๆ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโชคชะตาแต่ประการใด"

    แต่แล้ว ปัญหาของครอบครัวนี้ก็ยังไม่จบ เมื่อพี่สาวได้สร้างเรื่องขึ้นมาอีกครั้ง

    "หลังจากที่ประกันตัวออกมา พี่สาวก็มาประจบประแจงแม่มากขึ้น ส่วนน้องชายก็เอาแต่เบ่งบารมีกับรุ่นน้องและกินเหล้าอย่างกับเททิ้ง ไม่ใช่ว่าไม่พูดนะครับ คุณแม่ทั้งบอกทั้งขอร้องทั้งบังคับให้น้องชายกลับไปเรียนให้จบและกินเหล้าให้น้องลง เมื่อใจคนมันจะไม่ทำจะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรก็แก้ไขไม่ได้... พี่สาวหลังจากหมดสิทธิ์ทำงานประจำก็มาเอาดีทางขายประกันและทำท่าว่าจะขายดี"

    "หลายท่านยังคงสงสัยว่าเงิน 3 ล้านมันไปใช้ทำอะไร เชื่อมั้ยครับว่าจนปัจจุบันนี้ ผมยังไม่เคยทราบข้อมูลเลยว่าเอาไปใช้อะไรที่ไหน..เพราะมันไม่เคยเอ่ยปากออกมาเลย ตัวเจ้าของเงินเค้าก็ไปขึ้นศาลพร้อมพี่สาวโดยให้ผ่อนขึ้นต่ำเดือนละ 20,000 บาท พี่สาวก็ตกลง จนเกิดเรื่องอีกด้วยความที่กดบัตรนั้นมาโปะบัตรนี้ทำให้เป็นหนี้มากมายอีกแล้ว....ด้วยความที่ประจบคุณแม่จึงขอร้องให้คุณแม่ไปยืมเงินน้องสาวของท่านที่มีตังค์เยอะ ๆ มาโปะหนี้บัตรเครดิต โดยให้เหตุผลว่าจะได้ใช้หนี้อาอี้เพียงคนเดียว (กับผ่อนส่งบริษัทฯ เดือนละ 20,000 บาท)"

    "น้องสาวแม่ก็ยอมให้ยืม เพราะพี่สาวรับประกันให้ว่าคืนแน่ โดยพี่สาวบอกว่าจะคืนเงินก้อนให้ทั้งหมดภายใน 6 เดือน (ยืมมา 400,000 บาท) เรื่องยืมเงินผมมารู้ทีหลัง ก็ดุคุณแม่ไปเยอะที่ไปช่วยในสิ่งที่ไม่ควร แต่ด้วยความเห็นแก่ตัวของพี่สาวคุณแม่จึงโดนหลอก..เอากันเข้าไป อีกคนสร้างหนี้ไม่หยุด อีกคนกินเหล้าไม่หยุดเช่นกัน.. จนถึงเวลากำหนด พี่สาวผมก็แสดงความรับผิดชอบโดยการไม่รับโทรศัพท์ของอาอี้เลยสักครั้ง ทำให้อาอี้โกรธมากและโทรไปต่อว่าคุณแม่ ซึ่งผมเคยบอกคุณแม่แล้วว่า คุณแม่ไปหลงกลลูกสาวตัวเองคุณแม่ต้องรับผิดชอบนะ...ผมก็เลยไม่ยุ่ง (ผมก็เลวกับคุณแม่อีก) แต่การโทรของอาอี้นั้นได้ลามมาถึงผมแล้ว ผมจึงต้องเดือดร้อนสิครับ และชักไม่ไหวแล้วที่มานั่งฟังคนอื่นต่อว่าแม่ของตัวเองให้ฟัง...อาอี้ให้เหตุผลว่า...เงินที่พี่สาวเอาไป แม่ของผมเป็นคนรับปากให้ในเมื่อไม่มีเงินมาจ่ายก็ให้เอาโฉนดที่บ้านมาวาง...ผมอึ้งเลยครับ...ญาติกันเล่นกันเองแล้ว..ยอมรับครับว่าไอ้พี่สาวตัวแสบมันเลวที่ไม่ยอมรับโทรศัพท์เค้า เค้าถึงตามมาถึงคุณแม่...จนลามมาถึงผม คุณแม่ผมท่านร้องไห้ทุกวัน..และเฝ้าโทรหาแต่ลูกสาวว่าให้เอาเงินไปคืนเค้า..พี่สาวก็รับปากว่าจะขายรถและเอาเงินไปคืนอาอี้..."

    "ตามที่พี่สาวพูดครับ รถขายจริง ๆ แต่เงินยังไม่ได้ไปให้อาอี้ เพราะพี่สาวอ้างว่าเงินอยู่ในบัญชี คุณแม่ก็ร้อนใจมาก ๆ ที่ไม่ยอมเอาเงินไปให้อาอี้ ผมก็พยายามตามสุดความสามารถ จนลากพี่สาวมาที่บ้าน เพื่อมาไขข้อข้องใจว่าทำไมไม่โอนเงินให้อาอี้...พี่สาวตอบสั้น ๆ ครับ เงินไปใช้หนี้หมดแล้ว... ผมวูบเลยครับ และมองหน้าคุณแม่ทันที คุณแม่ท่านร้องไห้ท่านเสียใจมาก ผมเสียใจอย่างที่สุดที่คนในครอบครัวเดียวกันมาหลอกกันแบบนี้ ผมเกลียดพี่สาวเหลือเกิน...รวมถึงน้องชายขี้เหล้าที่ไม่เคยสนใจและให้ความช่วยเหลืออะไรที่บ้านเลย...."

    "ทุกวันผมเห็นคุณแม่ท่านร้องไห้ตลอด เพราะท่านกลุ้มใจเรื่องพี่สาวมาก (ส่วนเรื่องน้องชายมันกลายเป็นจุดเล็ก ๆ ไปแล้วครับ) จนกระทั่งน้องสาวคนเล็กของแม่โทรมาบอกผมว่า อาอี้เค้าจะเอาโฉนดที่บ้าน...ผมจึงตัดสินใจโทรไปหาอาอี้ด้วยตนเอง...ผมบอกอาอี้ให้เข้าใจว่าโฉนดบ้านยังไงก็ให้ไม่ได้เพราะมันไม่เกี่ยวกับหนี้สิน และราคามันก็ต่างกันมาก อาอี้ก็ไม่ฟังอะไรทั้งนั้นจะเอาตังค์คืนอย่างเดียว ผมจึงขอร้องว่าอย่าโทรไปต่อว่าคุณแม่ผมเลยผมขอร้อง อาอี้ก็พูดแต่ว่าก็พี่สาวแกไม่รับโทรศัพท์แล้วจะให้โทรไปหาใคร ตัวผมเองก็คิดว่าหลายวันแล้วครับว่าต้องทำอย่างไร จึงตัดสินใจบอกอาอี้้เลยว่า หนี้สินทั้งหมดที่พี่สาวไปยืมอาอี้มา และที่แม่เป็นคนค้ำ ผมขอรับผิดชอบเอง ผมเลือกเพื่อที่จะให้แม่สบายใจ ผมเลือกที่จะให้แม่เบาใจ และผมเลือกที่จะยืนอยู่ข้าง ๆ คุณแม่เสมอ ท่านเดือดร้อนผมจะนิ่งได้อย่างไร...ผมทำไม่ได้จริง ๆ"

    ในที่สุด คุณ elen ก็ตัดสินใจแบกรับภาระหนี้สินของพี่สาวเองทั้งหมด

    "ผมรับหนี้ที่ตัวเองไม่ได้ก่อมาไว้ในอ้อมอก...ตัวพี่สาวผมไม่พูดถึงแล้ว เพราะมันไม่มีประโยชน์ การศึกษาไม่ได้ทำให้คนดีขึ้นเลย ผมนำเรื่องที่ผมจะชดใช้เงินคืนอาอี้ไปบอกคุณแม่ ท่านร้องไห้เยอะมาก ท่านเสียใจที่ทำให้ผมต้องเดือดร้อน ...ณ เวลานั้นผมคิดถึงแต่ช่วงเวลาที่ผมทำตัวเลว ๆ เกเร ๆ ผมบอกคุณแม่ว่า ผมโตแล้ว ผมจะดูแลครอบครัวของเราเอง ผมจะไม่ทิ้งคุณแม่ไปไหน ผมจะเป็นกำลังใจให้ท่านเอง..."

    เวลาผ่านไปไม่นาน ครอบครัวของ คุณ elen ก็ยังได้รับข่าวร้ายอีกครั้ง

    "แต่แล้วมันก็มาถึงจุดเปลี่ยนของชีวิตแบบยิ่งใหญ่ที่สุด คุณแม่ท่านทรุดป่วยลงกะทันหัน และระยะเวลาภายใน 3 เดือนท่านก็จากผมไปอย่างไม่ทันตั้งตัว และขณะเดียวกันคุณพ่อก็ทรุดลงกะทันหันทันที หากนึกภาพไม่ออกผมจะบอกว่า ทุก ๆ คืนหลังจากงานศพคุณแม่ พระท่านสวดเสร็จผมต้องรีบไปที่โรงพยาบาล เพื่อจะไปดูอาการของคุณพ่อที่ห้อง ICU ลองนึกดูแล้วกันครับว่าใจผมจะอยู่ในอารมณ์ไหน???????"

    "หลังจากเสร็จงาน คุณแม่ก็มีเงินประกันที่แบ่งออกเป็น 3 ส่วนของลูกทั้งสามคน โดยส่วนของผมผมเก็บไว้เพื่อรักษาคุณพ่อ ส่วนของพี่สาวและน้องชายอยู่รวมกัน ซึ่งผมคิดเองว่า พี่สาวผมคงจะแยกแยะออกว่าอะไรควรหรือไม่ควร แล้วมันก็เกิดปัญหาขึ้นจนได้ เพราะเงินส่วนของน้องชายที่อยู่กับพี่สาวได้หายไป.......หายไปไหน......คำตอบเดิม ๆ ครับ ใช้หนี้.......ไอ้เลวววววววว มันจะเลวไปถึงไหน ผมยอมรับว่าน้องชายถึงมันจะเอาแต่กินเหล้าไม่รับผิดชอบ แต่มันยังมีความสุจริตติดตัว ถือว่ายังมีดีอยู่บ้าง..."

    "ตลอดเวลาคุณท่านก็ไม่มีท่าทีจะดีขึ้นเลย...จนกระทั่งวันตรุษจีน หลังจากที่ผมและพี่สาวได้มาไหว้ตรุษจีนแทนคุณแม่เป็นที่เรียบร้อย ก็เข้าไปเยี่ยมคุณพ่อ ตลอดเวลาท่านจะหลับเสมอ แต่เพียงแค่ได้เห็นหน้าท่านผมก็น้ำตาไหลแล้วครับ ใจคิดเสมอว่า คุณพ่อท่านยังสู้ขนาดนี้แล้วเราจะท้อได้ไง...วันนั้นอะไรดลใจไม่ทราบ กราบคุณพ่อและผมก็นำสายสิญจน์ของหลวงพ่อโสธรที่ใส่ติดตัวมาตลอดมาใส่ไว้ที่ข้อมือท่านแทน และไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ขอให้นำพาท่านไปอย่างสงบ...ผมออกมาจากห้อง ICU ตอน 11.30 น. พยาบาลโทรมาหาตอน 12.00 ว่าท่านจากไปอย่างสงบแล้ว...."

    "ผมรีบกลับมาที่โรงพยาบาล และตรงไปกราบท่านที่เท้าของท่านที่ผมมักจะหอมเล่นเสมอ..ยอดดวงใจของลูกได้จากผมไปอีกแล้ว....ภาพในอดีตของคุณพ่อคุณแม่ก็ผุดขึ้นมาในหัวตลอดเวลา ใจผมนึกอย่างเดียวว่าจะต้องเข้มแข็งและจัดเตรียมงานของท่านให้ดี..."

    "หลังจากเสร็จสิ้นงานคุณพ่อแล้ว ก็มีการคุยกันของพี่น้องทั้งสามคน... ผมถือว่าเป็นพี่ชายคนโตจึงขอพูดถึงเรื่องต่าง ๆ ของบ้านว่าจะเอาอย่างไร โดยบ้านให้น้องชายอยู่เป็นหลัก (ผมจะอาศัยอยู่ที่คอนโด) ส่วนพี่สาวจะไม่ได้รับสิทธิ์อะไรในบ้านหลังนี้เลย ตามความต้องการของคุณแม่ที่ท่านเคยบอกผมไว้คือ บ้านและที่ดินให้ใช้ชื่อผมกับน้องเท่านั้น เพราะพี่สาวได้ใช้เงินที่บ้านไปเป็นจำนวนมาก และอย่าทิ้งน้อง ถึงมันจะเลวยังไง มันก็เป็นน้องดูแลมันด้วย นี่คือ 2 ข้อที่คุณแม่สั่งผมไว้..."

    "การพูดคุยกันแบบพี่น้อง ผมขอให้ทุกคนลืมเรื่องอดีตที่ผ่านมาทั้งหมด แล้วมาเริ่มชีวิตกันใหม่ โดยหนี้สินที่ก่อไว้ให้จัดการตนเอง แต่หากช่วงแรก ๆ ไม่ไหวผมก็ยังพร้อมจะช่วยอยู่ (หนี้ผ่อนอาอี้) และต้องปรับปรุงตนเองให้ดีขึ้น มีความรับผิดชอบมากขึ้น และรู้ไว้ว่าคุณพ่อคุณแม่เค้ามองเราอยู่เสมอ"

    "และด้วยสิ่งที่คุณแม่สั่งไว้ผมต้องปฎิบัติตาม ผมจึงถามน้องว่า ตอนนี้ขาดเหลืออะไรและอยากได้อะไร (ผมกับน้องชายก่อนหน้านั้นแทบจะไม่คุยกันเลยครับ) น้องขอรถมอเตอร์ไซค์แบบบิดได้ 1 คัน ผมเลยบอกว่าจะดาวน์ให้แล้วไปผ่อนเองโดยชื่อใส่เป็นของน้องไปเลยในเล่มจดทะเบียน..แต่ผมไปดูแล้วดอกเบี้ยมันโหดมาก เลยเปลี่ยนเป็นซื้อสดให้และมาผ่อนกันเองทีหลัง จริง ๆ แล้วถ้าผ่อนให้ก็ดี จะไม่ผ่อนก็ไม่ว่าอะไรเ พราะผมถือว่าตลอดชีวิตผมไม่เคยซื้อของอะไรให้น้องชายเลย..."

    "ตั้งแต่คุณพ่อคุณแม่จากไป ผมยังคงร้องไห้บ่อยมาก ๆ นั่นเพราะความคิดถึงและรักท่านมาก หลาย ๆ ครั้งที่ผมไปหาน้องสาวคนเล็กของคุณแม่เพื่อถามท่านว่า ที่ผมดูแลพ่อกับแม่ ผมทำดีแล้วหรือยัง? ผมเป็นลูกที่ดีมั้ย? ผมทำให้ท่านภูมิใจหรือเปล่า? คำตอบที่ผมได้ฟังคือ คุณแม่จะพูดให้น้องสาวคนเล็กของท่านฟังตลอดว่า ตั้งแต่คุณพ่อป่วยก็มีผมเนี่ยแหละที่สามารถดูแลทุกอย่างแทนคุณพ่อและช่วยเหลือทุกอย่าง.... พอมันได้ยินได้ฟัง ก็ร้องไห้หนักมากกกกกกกกก ผมดีใจครับ ผมดีใจมากที่เด็กเกเรแบบผม สามารถตอบแทนบุญคุณท่านได้"

    "ผมมักจะพูดกับตนเองเสมอว่า ลูกทั้ง 3 คน ถึงจะเกเร (มาก) ถึง 2 คน แต่ตัวผม ผมถือว่าคุณพ่อคุณแม่ท่านประสบความเร็จสูงสุดในชีวิตคู่ ที่ท่านสามารถทำให้ผมรักท่านได้มากมายขนาดนี้ รวมถึงให้ความรักและความใส่ใจอย่างสุดความสามารถเท่าที่ใจผมจะทำได้ ...พ่อกับแม่ผมเรียนไม่สูง แต่ท่านมีความรักที่สูงส่งมากและเป็นความรักที่บริสุทธิ์รวมถึงให้แต่สิ่งดี ๆ ในชีวิต ทำให้ผมเข้าใจคำว่า ชีวิตที่คุ้มค่านั้นเป็นอย่างไร บางคนอาจจะคุ้มค่าในแบบอื่น เช่น ท่องเที่ยว เล่นอะไรที่หวาดเสียว แต่กับผมคำว่าคุ้มค่าคือ การที่เราได้พบเจอปัญหาและอุปสรรคนานับประการมาอย่างนับไม่ถ้วน ซึ่งมันทำให้เราเข้าใจถึงคำว่า ชีวิต ที่แท้จริง...."

    เรื่องราวข้างต้นเป็นเรื่องราวในอดีตที่ผ่านมาของ คุณ elen และปัจจุบันนี้ คุณ elen ก็ยังคงทำงานที่เดิม ส่วนพี่สาวก็เริ่มดีขึ้น หากแต่น้องชายยังคงมีสภาพไม่ต่างไปจากเดิม

    "หลายท่านอาจอยากรู้ว่าปัจจุบันพี่น้องและตัวผมเป็นยังไง พี่สาวผมโชคดีมากมีคนเซ้งกิจการร้านก๋วยเตี๋ยวให้ และขายดีมาก น้องชายผม บ้านที่เคยอบอุ่นวันนี้มีแต่ขวดเหล้าขวดเบียร์เต็มไปหมด บางวันขนเพื่อนมาถล่มซะเต็มบ้าน บางครั้งผมโกรธมากครับที่ทำแบบนี้ แต่ผมก็เข้าใจครับว่า ทุก ๆ คนเสียใจกับการจากไปของคุณพ่อกับคุณแม่ น้องชายผมเค้าเลือกกลุ่มเพื่อน ๆ มาช่วยกลบความเศร้า ส่วนผมระบายความเสียใจกับการท่องเที่ยวไปเรื่อย ๆ เหมือนให้ตัวเองมีแรงกลับมาอีกครั้ง ตัวผมเองปัจจุบัน กำลังทำสงครามกับเจ้านายที่เอาเปรียบและเห็นแก่ตัวอยู่ และกำลังตั้งความหวังว่า การที่คุณพ่อและคุณแม่ท่านไปสวรรค์ อาจะเป็นการบอกผมเป็นนัย ๆ ก็ได้ว่า ถึงเวลาที่ลูกจะได้ทำอะไรที่ตัวเองต้องการได้แล้ว (เพราะตลอดเวลา 13 ปี ผมยอมเหนื่อยอย่างมาก และไม่ยอมย้ายไปไหนยอมให้หัวหน้าโขกสับ เพราะผมต้องการเงินมารักษาคุณพ่อคุณแม่)

    "และที่สำคัญหลังจากที่คุณพ่อและคุณแม่ท่านจากไป ของใช้ทุกชิ้นของท่านได้นำส่งถึงบุคคลท่านอื่นที่เป็นประโยชน์ หากท่านใดยังจำได้ ผมบริจาคของใช้ทุกอย่างฟรี ตั้งแต่สำลีจนถึงเตียงปรับระดับ ของเหล่านี้ปัจจุบันได้ส่งถึงเพื่อน ๆ พี่ ๆ ในห้องพันทิปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ดีใจครับอย่างน้อยก็สามารถใช้ประโยชน์กับบุคคลท่านอื่น ๆ ได้"

    "...เชื่อผมเถอะครับ บอกรักคุณพ่อคุณแม่บ่อย ๆ กอดท่านบ่อย ๆ กราบท่านบ่อย ๆ และพยายามตอบแทนบุญคุณท่านให้ถึงที่สุด ผมเสียใจที่่ท่านจากผมไป แต่ผมก็ยิ้มทุกครั้งที่คิดถึงท่าน นั่นเพราะผมได้มีโอกาสดูแลท่านอย่างดีที่สุด จนวินาทีสุดท้าย สุดท้ายนี้ผมขอให้ลูก ๆ ทุก ๆ คน ที่กตัญญูกับพ่อแม่ มีแต่ความสุข ความเจริญครับ"

    "กำลังใจผมเต็มเปี่ยมครับ..ทุกวันนี้ผมมีปัญหาเดียวคือ ผมจะเอาเงินเดือนไปทำอะไร..เพราะทุก ๆเดือนผมจะเหลือเงินไว้ใช้เองประมาณ 3 พัน เป็นแบบนี้มาเกือบ 10 ปีแล้วครับ ที่เหลือให้คุณแม่หมดเลย ตอนนี้เงินส่วนต่างก็เก็บไว้ตามปกติในบัญชีที่ผมเปิดไว้เพื่อรักษาคุณพ่อ และมันจะเป็นเช่นนั้นเสมอครับ"

    คุณ elen ยังบอกอีกว่า "ทุกวันนี้ผมทำบุญบ่อยครับ และทุกครั้งจะอธิษฐานให้ท่านทั้งสองมีสุขภาพแข็งแรง มีแต่ความสุขความเจริญ และรักกันมาก ๆ อยู่บนสวรรค์... ผมต้องการแค่นี้เองจากการทำบุญ บางครั้งผมอยากฝันถึงท่าน...แต่ท่านไม่เคยมาเข้าฝันเลย ดันไปเข้าฝันเพื่อน เพื่อนผมบอกว่า "เมื่อคืนฝันถึงคุณพ่อผม" สิ่งแรกที่ผมถามคือ ท่านเดินมาหาใช่มั้ย ท่านเดินได้ใช่มั้ย นั่นเพราะช่วงเวลา 3 ปีสุดท้ายท่านไม่สามารถเดินได้อีกแล้ว ทุกครั้งที่เพื่อนบอกว่า พ่อพี่เดินมา และให้ผมบอกพี่ว่า เค้าสบายดี!!! เพียงเท่านี้ใจก็เป็นสุขที่สุดแล้ว.....ผมรักท่านมากมายเหลือเกิน ผมเข้าใจว่าอะไรคือสาเหตุ นั่นเพราะความรักที่คุณพ่อมีให้คุณแม่ พอคุณพ่อป่วยคุณแม่ท่านก็ดูแลคุณพ่ออย่างดีมาก ไม่เคยคิดหนีหรือทิ้งท่านไปไหน ผมเห็น ผมสัมผัส ผมเข้าใจ มันจึงเป็นการให้สัญญากับตัวเองว่า จะต้องเป็นกำลังใจให้ท่าน จะสู้ จะไม่ย่อท้อ"

    "บ่อยครั้งที่ผมเจ็บปวดเหลือเกินที่ต้องยืนอยู่หน้าห้อง ICU ผมจะมองหน้าคุณแม่เสมอ เหมือนเป็นการบอกท่านว่า....ไม่ต้องห่วงนะคุณแม่ ผมอยู่ข้าง ๆ คุณแม่เสมอ และจะไม่มีวันทิ้งท่านไปไหน....และผมก็สามารถรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเองได้ผมได้อยู่กับท่าน บอกรักท่าน กอดท่าน กราบเท้าท่านทุกครั้งที่มีโอกาส เพื่อให้ท่านรู้ว่าผมสำนึกในบุญคุณของท่านเสมอมาและตลอดไป..."

    "รักพ่อแม่ให้มาก ๆ นะครับ รักท่านให้มากๆ"



    อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
    [​IMG]


    -http://www.pantip.com/cafe/lumpini/topic/L10699493/L10699493.html-


    .
    -http://hilight.kapook.com/view/60236-

    .
     
  17. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    ปิดตำนาน'ดอตคอม' ใครได้-เสียเปิดเสรีเว็บโดเมน?

    ศักดิ์สกุล กุลละวณิชย์ / รายงาน


    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>ชื่อโดเมน หรือ โดเมนเนม หมายถึง ชื่อของเว็บไซต์ซึ่งอยู่หลัง 'www' เป็นชื่อที่ผู้จดทะเบียนระบุให้กับผู้ใช้เพื่อเข้ามายังเว็บไซต์ของตน

    ส่วนใหญ่โดเมนเนมเป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ

    เช่น เว็บไซต์ของหนังสือพิมพ์ข่าวสด คือ พลังจิต เว็บ พระพุทธศาสนา ธรรมะ พระไตรปิฎก ลึกลับ อภิญญา วิทยาศาสตร์ทางจิต Buddhism Buddhist sod.co.th ในที่นี้ 'khaosod' คือ โดเมนเนม ส่วนนามสกุลโดเมนคือ '.co.th'

    ตลอด 26 ปีตั้งแต่มีการกำหนดกฎเกณฑ์การตั้งชื่อโดเมนกันมา นามสกุล 'ดอตคอม' (.com) ถือเป็นท่อนท้ายของชื่อโดเมนที่เป็นสากลและใช้กันเป็นมาตรฐาน

    แต่ด้วยความที่เว็บไซต์บนโลกไซเบอร์มีมากขึ้นทุกวัน ความต้องการความหลากหลายในการตั้งชื่อจึงมากตามไปด้วย

    ดังนั้น ทาง 'ไอแคนน์' (ICANN) องค์กรซึ่งมีหน้าที่ดูแลและออกกฎการตั้งชื่อโดเมนและหมายเลขทางอินเตอร์เน็ต จึงจัดประชุมใหญ่ครั้งสำคัญขึ้นเมื่อ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา ที่ประเทศสิงคโปร์

    หัวข้อหลักที่เปิดให้สมาชิกลงมติกันก็คือเรื่อง การอนุญาตให้บริษัทต่างๆ ตั้งชื่อประเภทของโดเมนเนม โดยใช้ชื่อบริษัทของตนได้เป็นครั้งแรก แทนที่ดอตคอมที่นิยมใช้อยู่ทั่วไป

    ซึ่งผลการลงมติปรากฏออกมาว่า ไอแคนน์อนุมัติการเปิดเสรีการตั้งชื่อนามสกุลโดเมน ท่ามกลางคะแนนโหวตแบบท่วมท้น

    โดยผลการโหวตจากคณะกรรมการ สรุปได้ว่า มีผู้เห็นด้วย 13 เสียง ไม่เห็นด้วย 1 เสียง และไม่ลงคะแนน 2 เสียง

    การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จะทำให้หน่วยงานธุรกิจต่างๆ ไม่จำเป็นต้องยึดติดกับการใช้โดเมนระดับบนสุดแบบทั่วไป เช่น .com .net .org .info ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย เมื่อต้องเปิดเว็บไซต์ใหม่ๆ

    แม้ว่าจะมีคณะกรรมการบางส่วนยังหวาดวิตกว่าอาจก่อให้เกิดความสับสนจากการใช้งานขึ้นในภายหลังได้

    นี่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในวงการคอม พิวเตอร์ นับตั้งแต่มีการสร้างคำว่า 'ดอตคอม' ขึ้นมาบนโลก!

    จากกระแสข่าวดังกล่าวทำให้หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วการเปิดเสรีการตั้งชื่อนามสกุลโดเมนหมายความว่าอย่างไร? ใครได้ประโยชน์บ้าง? ซึ่งสื่อยักษ์ใหญ่อย่าง 'ซีเอ็นเอ็น' ก็ไม่รอช้า จัดทำบทวิเคราะห์ขึ้นมาทันที ซึ่งจะช่วยตอบคำถามว่า 'โลกดอตคอม' แบบที่เรารู้จักจะหายไปหรือไม่ แยกอธิบายเป็นหัวข้อดังนี้

    'ไอแคนน์' คือองค์กรอะไร? <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=360 align=right border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#e0e0e0>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>

    ไอแคนน์เป็นองค์กรความร่วมมือนานาชาติ ดำเนินการโดยไม่หวังผลกำไร ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2541 ภายใต้อุดมการณ์ 'ร่วมกันรักษาความปลอดภัย เสถียรภาพ และการเป็นศูนย์กลางข้อมูลข่าวสารให้กับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

    หน้าที่หลักอีกอย่างหนึ่งก็คือ เป็นผู้กำหนดกฎเกณฑ์การตั้งชื่อเว็บโดเมนทั้งหลาย เพื่อให้มีมาตรฐานเดียวกันทั่วโลกนั่นเอง

    มติที่ประชุมเรื่องนามสกุลโดเมนครั้งนี้ เปิดเสรีแค่ไหน เริ่มใช้เมื่อไหร่?

    ต้องตอบว่าเสรีอย่างมาก เพราะผู้สมัครลงทะเบียนสามารถตั้งชื่อโดเมนของตนโดยใช้กี่คำก็ได้ ภาษาใดก็ได้ในการกำหนดนามสกุลโดเมน

    โดยไอแคนน์จะเริ่มรับสมัครตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค.-12 เม.ย. 2555 และจะพร้อมใช้งานทันทีเมื่อถึงสิ้นปีดังกล่าว

    ถ้าอยากตั้งชื่อโดเมนส่วนตัว?

    ได้ แต่ใช้เงินเยอะทีเดียว โดยค่าใช้จ่ายต่อหนึ่งชื่ออยู่ที่ประมาณ 5.55 ล้านบาท ทั้งต้องผ่านการพิจารณาตามเกณฑ์ของไอแคนน์เสียก่อน จะได้รับอนุญาตให้ใช้ชื่อนั้นๆ ดังที่เสนอมา

    ดังนั้น ผู้ที่มีสิทธิ์ขอใช้สิทธิ์มีเพียงบริษัทที่จดทะเบียนแบบถูกกฎหมาย องค์กร หรือสถาบันที่มีประวัติที่ดี การพิจารณาจะทำเป็นรายบุคคล หรือผู้ที่ถือครองความเป็นเจ้าของโดยตรงเท่านั้น

    เรื่องค่าธรรมเนียมที่กำหนดไว้สูง เพราะไอแคนน์ชี้ว่า ต้องมีความเหมาะสมเพื่อให้แน่ใจได้ว่าจะเพียงพอกับค่าใช้จ่ายสำหรับการเปลี่ยนแปลง และทำระบบใหม่อย่างเต็มรูปแบบ

    ทั้งยังต้องกำหนดมาตรการจำกัดการจดทะเบียนชื่อโดเมนเพื่อป้องกันผู้ฉวยโอกาสนำชื่อโดเมนไปค้ากำไรเกินควร ดังที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว

    ดังนั้น นามสกุลโดเมน อาทิ .google หรือ .sony ก็จะผ่านการอนุมัติได้ง่ายกว่าของบุคคลทั่วไปอย่างแน่นอน

    แล้วส่งผลดีอย่างไรต่อเอกชนทั้งหลาย?

    บริษัทที่จะได้รับผลประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มากที่สุดคือ บริษัทขนาดใหญ่ ซึ่งมีการตลาดที่ชัดเจน โดยใช้ชื่อยี่ห้อเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันธุรกิจต่างๆ

    ผู้สังเกตการณ์ในธุรกิจเทคโนโลยีสารสนเทศ ชี้ว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลก อาทิ บริษัทแอปเปิ้ล โตโยต้า หรือบีเอ็ม ดับเบิลยู อาจเป็นผู้ประกอบการรายแรกที่ใช้ชื่อบริษัทของตนเป็นชื่อของประเภทของโดเมนเนม

    และเราน่าจะได้เห็นนามสกุลโดเมน .apple .toyota หรือ .bmw ฯลฯ ในอนาคตอย่างแน่นอน

    สำหรับเรื่องชื่อแบรนด์บริษัท มีนักวิเคราะห์ต่างออกมาแสดงความเห็นมากมาย เช่น นายธีโอ ฮนาราคิส ซีอีโอบริษัท เมลเบอร์น ไอที ดิจิตอล แบรนด์ เซอร์วิส ที่ปรึกษาด้านการสร้างแบรนด์ออนไลน์ ประเทศออสเตรเลีย ระบุว่า ผู้ที่จะได้รับประโยชน์สูงสุดคือกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ที่มีความชัดเจนด้านการทำตลาด และกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งเกี่ยวกับการบริหารจัดการลูกค้าซึ่งสามารถใช้ชื่อแบรนด์ของตัวเองเป็นจุดแข็งสำหรับการแข่งขัน

    "แต่ละแบรนด์ต้องเริ่มขยับตัวได้แล้วหากต้องการลงทะเบียนเปลี่ยนไปใช้ชื่อใหม่ เนื่องจากต้องใช้เวลาสำหรับการพิจารณา และมีการลงทุน" นายธีโอ กล่าว

    ปัญหาที่อาจเกิดขึ้น?

    แน่นอนว่าจะต้องมีกรณีการต่อสู้ทางกฎหมายตามมาอย่างแน่นอน ในเรื่องของการตั้งชื่อที่อาจ 'ซ้ำกัน' ทำให้ต้องมีการแย่งสิทธิ์การใช้งาน

    ถ้านึกไม่ออก ก็สามารถย้อนไปดูคดีความระหว่างบริษัท แอปเปิ้ล ค่ายคอมพิวเตอร์ไอทีชื่อดัง กับ บริษัทแอปเปิ้ล อีกแห่งที่เป็นค่ายเพลงของเดอะบีตเทิลส์ ดูก็ได้

    แต่สำหรับผู้ใช้งานตามบ้าน ปัญหาแรกเลยที่ต้องเจอ คือชื่อเว็บไซต์ในอนาคตอาจจำยากขึ้นถ้าไม่ทำ 'เฟเวอร์ริต' หรือ 'บุ๊กมาร์ก' ที่อยู่เว็บเอาไว้

    อย่างไรก็ดี ยังมีอีกหลายองค์กรที่จะได้ประโยชน์จากการตั้งชื่อโดยไม่ได้หวังผลด้านการแข่งขัน แต่เพื่อความสะดวกในการกำหนดเอกลักษณ์ เช่น .unisef .thai land ฯลฯ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตทั่วโลก

    จากทั้งหมดทั้งมวลนี้สรุปได้ว่า เมื่อถึงช่วงปลายปี 2555 เราจะได้เห็นชื่อเว็บไซต์แปลกตาบนโลกไซเบอร์


    น.ส.มิเชล จัวร์แดน ผู้จัดการฝ่ายการสื่อสารของไอแคนน์ กล่าวเสริมว่า การอนุมัติแผนดังกล่าวถือเป็นการเปลี่ยน แปลงครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์อิน เตอร์เน็ตที่ถึงแม้ว่าจะไม่มีผลกระทบทางด้านเทคนิคให้ได้เห็นเด่นชัด แต่วิธีการค้นหาข้อมูลของผู้ใช้จะเปลี่ยนแปลงไป

    แต่ต้องไม่ลืมว่าชื่อเว็บไซต์ดั้งเดิมจำพวกดอตคอมทั้งหลายก็ยังคงมีอยู่ ไม่ได้ยกเลิกการใช้งานแต่อย่างใด

    ด้าน นายเบน ครอว์ฟอร์ด ซีอีโอของบริษัทดอตแบรนด์ โซลูชั่น ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า ถึงแม้ทางไอแคนน์จะกำหนดค่าใช้จ่ายเบื้องต้นไว้ที่ 5.55 ล้านบาท แต่ขอบอกไว้เลยว่า ทุกบริษัทต้องเตรียมเงินไว้อย่างน้อย 12 ล้านบาท ไว้เป็นค่าใช้จ่ายในทุกขั้นตอนรวมค่าการบำรุงรักษา

    นอกจากนี้ นายครอว์ฟอร์ดยังแสดงความเห็นน่าสนใจเรื่องชื่อสกุลโดเมนที่อาจซ้ำกันว่า จะนำมาซึ่งรูปแบบของ 'การประมูล' ซึ่งดูแล้วผู้ประกอบการรายเล็กก็คงสู้ยักษ์ใหญ่ไม่ได้อีกตามเคย

    เพราะเจ้าของ 'สวนแอปเปิ้ล' ไม่ว่าที่ไหนในโลก ก็คงไม่มีวันได้ใช้โดเมนเนม 'ดอต แอปเปิ้ล' ตามชื่อผลผลิตของตน ถ้าบริษัทแอปเปิ้ล ยักษ์ใหญ่ไอทีสัญชาติอเมริกันผู้สร้างตำนานแมคอินทอช ไอโฟน ไอแพด ไอพอด ฯลฯ พร้อมทุ่มเงินสู้แบบไม่อั้นเพื่อให้ได้โดเมนดังกล่าวมาอยู่ในการครอบครอง!



    รู้จักที่มาสารพัดโดเมนเนม

    ตัวอย่างการจดทะเบียนโดเมนแบบสากลตามที่ใช้กันมาตลอด 26 ปี

    .com ใช้ทำเว็บไซต์ของบริษัท ห้างร้าน รวมทั้งเว็บไซต์ส่วนตัวบางเว็บ

    .net ใช้ทำเว็บไซต์เกี่ยวกับระบบเน็ตเวิร์กของคอมพิวเตอร์ หรือเว็บไซต์บริการอินเตอร์เน็ต

    .org ใช้ทำเว็บไซต์ขององค์กรต่างๆ ที่ดำเนินงานไม่เน้นผลกำไร

    .or.th ใช้ทำเว็บไซต์ของส่วนราชการ

    .ac.th ใช้สำหรับสถานศึกษาต่างๆ โดยชื่อโดเมนที่จดทะเบียนต้องเป็นชื่อของสถานศึกษานั้นๆ หรือชื่อย่อของชื่อสถานศึกษา

    .go.th ใช้ทำเว็บไซต์ของส่วนราชการของประเทศไทย โดยปกติจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่

    .in.th ใช้ทำเว็บไซต์ของบุคคลธรรมดาโดยทั่วไป ชื่อโดเมนจะใช้ชื่ออะไรก็ได้

    .edu : ใช้ทำเว็บไซต์สถาบันทางการศึกษาสากล

    .int : ใช้ทำเว็บไซต์สำหรับองค์กรที่ดำเนินการเป็นสากล เช่น ตำรวจสากล

    .mil : ใช้ทำเว็บไซต์หน่วยงานทางทหาร

    .aero : ใช้ทำเว็บไซต์ในอุตสาหกรรมการบิน

    .biz : ใช้ทำเว็บไซต์ธุรกิจ นอกเหนือจาก .com

    .museum : ใช้ทำเว็บไซต์เกี่ยวกับพิพิธภัณฑ์

    .name : ใช้ทำเว็บไซต์ส่วนตัว

    .pro : ใช้ทำเว็บไซต์เกี่ยวกับอาชีพเฉพาะทาง

    .jobs : ใช้ทำเว็บไซต์เกี่ยวกับการจ้างงาน/หางาน

    .mobi : ใช้ทำเว็บไซต์เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่

    .post : ใช้ทำเว็บไซต์การบริการไปรษณีย์

    .travel : ใช้ทำเว็บไซต์การท่องเที่ยว


    -http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROamIyd3dNVEk0TURZMU5BPT0=&sectionid=TURNd013PT0=&day=TWpBeE1TMHdOaTB5T0E9PQ==-











    .
     
  18. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .

    วันพุธน้ำประปาไม่ไหลหลายที่

    การประปานครหลวง (กปน.) จำเป็นต้องหยุดการสูบส่งน้ำที่สถานีสูบส่งน้ำและสถานีสูบน้ำดิบ 1 โรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ เพื่อดำเนินการบำรุงรักษาอุปกรณ์ระบบไฟฟ้าประจำปี ในคืนวันพุธที่ 29 มิ.ย. 2554 ตั้งแต่เวลา 22.00- 04.00 น. ของวันรุ่งขึ้น ส่งผลให้น้ำประปาไหลอ่อนถึงไม่ไหล ในพื้นที่ดังต่อไปนี้ คลองราชมนตรี ตั้งแต่แยกตัดถนนวุฒากาศ ปลายถนนบางบอนและถนนเอกชัย ถนนเอกชัยถึงแยกตัดถนนบางขุนเทียน (ซอย 4-ซอย 66) ถนนพระราม 2 ถนนสุขสวัสดิ์ ถนนราษฎร์บูรณะ ถนนประชาอุทิศ ถนนพุทธบูชา ถนนนครเขื่อนขันธ์ ถนนเลียบคลองสรรพสามิต ถนนวัดยายร่ม ถนนวงแหวนตะวันตก ตั้งแต่แยกถนนพระราม 2 ถึงถนนสุขสวัสดิ์ ถนนเพชรเกษม จาก ม. สยาม ถึงสุดเขตถนนกาญจนาภิเษก จากคลองบางเชือกหนังถึงพระราม 2 ถนนสุขาภิบาล 1 ถนนเอกชัย จากคลองราชมนตรีถึงสุดเขตอินทรพิทักษ์ ถนนรัชดาภิเษก ถนนตากสิน ถนนประชาธิปก ถนนสมเด็จเจ้าพระยา ถนนลาดหญ้า ถนนกรุงธนบุรี ถนนเจริญนคร ถนนจอมทอง ถนนเอกชัย ตั้งแต่คลองราชมนตรีถึงถนนวุฒากาศ ถนนเพชรเกษม จากถนนอินทรพิทักษ์ถึง ม. สยาม ถนนจรัญสนิทวงศ์ ถนนนครเขื่อนขันธ์ มีปัญหาแจ้ง 1125 ตลอด24ชั่วโมง



    -http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=354&contentID=147813-





    .
     
  19. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
  20. sithiphong

    sithiphong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2005
    โพสต์:
    45,445
    ค่าพลัง:
    +141,948
    .
    น่านอ่วม! ประกาศภัยพิบัติทั้งจังหวัด-ฝนถล่มดินทลาย

    <!-- <iframe src="http://hilight.kapook.com/view/fb_button.php?id=60195" scrolling="no" frameborder="0" allowTransparency="true" style="border:none; overflow:hidden; width: 80px; height: 100px;"></iframe> //--><!--Share<script src="http://static.ak.fbcdn.net/connect.php/js/FB.Share" type="text/javascript"></script> Tweet<script type="text/javascript" src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></script>-->
    [​IMG]

    [​IMG]


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]


    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก ครอบครัวข่าว 3, @thetigernutch ,เฟซบุ๊ก ร่วมด้วยช่วยกัน

    สถานการณ์ภาคเหนือยังน่าห่วง เกิดฝนตกหนักเป็นวงกว้าง โดยเฉพาะจังหวัดน่านอ่วมหนัก ผู้ว่าฯ ประกาศเขตภัยพิบัติแล้ว 15 อำเภอ ปิดอุทยานแห่งชาติดอยภูคา หลังดินถล่มปิดเส้นทาง ด้านอุทยานเขาใหญ่ก็ไม่น่าวางใจ สั่งจับตาใกล้ชิด

    สถานการณ์ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือยังคงมีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะที่จังหวัดน่าน นายพูลสถิตย์ วงศ์สวัสดิ์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติดอยภูคา กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดฝนตกหนักมากตั้งแต่วันที่ 25-26 มิ.ย.ที่ผ่านมา ปริมาณน้ำฝนวัดได้ถึง 305 มิลลิเมตร ทำให้เส้นทางสาย 1256 อ.ปัว-อ.บ่อเกลือ บริเวณหลักกิโลเมตรที่ 22-23 ถนนขาดเป็นระยะทางกว่า 100 เมตร และบริเวณเจ้าหลวงภูคามีดินถล่มลงมาปิดเส้นทาง ทำให้ราษฎรบริเวณบ้านเต๋ย หมู่ 6 บ้านเต๋ยห้วยงอน หมู่ 10 บ้านเต๋ยกลาง หมู่ 11 บ้านกิ่วเห็น หมู่ 7 บ้านน้ำดั้น หมู่ 13 บ้านแจรงหลวง หมู่ 4 บ้านน้ำปัวพัฒนา หมู่ 12 ต.ภูคา ขาดการติดต่อกับพื้นที่ภายนอก รถไม่สามารถสัญจรไปมาได้ โดยเฉพาะการล่องแก่งมีปริมาณน้ำมาก กระแสน้ำไหลเชี่ยวเป็นอันตราย เพื่อความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว จึงได้นำเสนออธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติฯ ขอปิดอุทยานเป็นการชั่วคราวจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายตั้งแต่วันที่ 26 มิถุนายนเป็นต้นไป

    มีรายงานด้วยว่า ตั้งแต่เช้าวันที่ 27 มิ.ย. หลังจากเกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้น้ำทะลักท่วมถนนทุกสายในเขตเทศบาลเมืองน่าน ระดับน้ำสูงกว่า 50-70 เซนติเมตร รถทุกชนิดไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ ร้านค้าถูกน้ำทะลักเข้าท่วมเสียหาย ขณะที่เจ้าหน้าที่กู้ภัยระดมกำลังทำกระสอบทรายให้เพียงพอต่อความต้องการของ ประชาชน ที่ได้ร้องขอรับกระสอบทรายสำหรับทำคันกั้นน้ำเข้าบ้านเรือน ซึ่งผลิตแล้วกว่า 3,000 ลูก แต่ก็ยังไม่เพียงพอ รวมถึงทางหน่วยทหารจาก จทบ.น่าน-ม.พัน 10 และ ม.พัน 15 ออกช่วยเหลือประชาชนในการขนย้ายทรัพย์สิน

    สำหรับระดับน้ำในแม่น้ำน่านยังคงวิกฤติ เวลา 05.00 น. จุดวัดระดับที่ N64 บ้านผาขวาง วัดได้ 11.37 เมตร และที่จุดวัด N1 กาดแลง ริมแม่น้ำน่าน วัดได้ 8.8 เมตร ซึ่งเลยจุดวิกฤติ ส่งผลให้น้ำท่วมขยายวงกว้างเข้าท่วมบ้านเรือนราษฎรและพื้นที่การเกษตรเสีย หายในหลายอำเภอ ได้แก่ อำเภอปัว, ท่าวังผา, เมืองฯ, ภูเพียง, เวียงสา บางพื้นที่ระดับน้ำขึ้นสูงกว่า 2 เมตร ชาวบ้านต้องขนของและสัตว์เลี้ยงหนีขึ้นไปอยู่ชั้น 2 ของบ้าน และไม่สามารถออกมาจากบ้านได้เนื่องจากกระแสน้ำเชี่ยวกราก อีกทั้งน้ำยังเข้าท่วมถนนสายต่าง ๆ โดยล่าสุดน้ำได้เข้าท่วมถนนสายหลัก น่าน-ทุ่งช้าง ที่บ้านห้วยยื่น ต.บ่อ อ.เมืองฯ จ.น่าน ระดับน้ำสูงมากกว่า 50 เซนติเมตร รถเล็กทุกชนิดไม่สามารถผ่านสัญจรได้ ใช้ได้เพียงรถบรรทุกและรถขับเคลื่อนสี่ล้อสูงเท่านั้น

    นายสุรพล เธียรสูตร นายกเทศมนตรีเมืองน่าน เปิดเผยว่า น้ำได้เข้าท่วมในเขตชุมชน 12 ชุมชนกว่า 2 พันหลังคาเรือนแล้ว ทั้งยังทะลักเข้าท่วมย่านเศรษฐกิจ ระดับน้ำสูงกว่า 50-70 เซนติเมตร และขณะนี้กำลังเริ่มท่วมบนถนนเส้นสุมนเทวราช ซึ่งเป็นถนนสายสำคัญ มีร้านค้าขนาดใหญ่และโรงแรมหลายแห่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำกำลังเข้าช่วยเหลือ ขณะเดียวกันมีการปิดโรงเรียนและสถานศึกษาทุกแห่งในเทศบาลเมืองไม่มีกำหนด หรือจนกว่าสถานการณ์น้ำท่วมจะคลี่คลาย

    ด้านนายเสนีย์ จิตตเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้ประกาศเขตภัยพิบัติแล้วทั้ง 15 อำเภอ หนักสุดที่ อ.เมือง, ภูเพียง, ท่าว่าผา, ปัว และ เวียงสา รวมพื้นที่ได้น้ำท่วมรวม 75 ตำบล 675 หมู่บ้าน สั่งทุกหน่วยงานเตรียมพร้อม โดยจัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจขึ้นที่ศาลากลางจังหวัดน่าน เพื่อเตรียมพร้อมช่วยเหลือประชาชนทุกด้าน และจัดให้หอประชุมศูนย์ราชการ ถ.ปางค่า ต.ไชยสถาน อ.เมืองน่าน เป็นจุดรองรับหากต้องมีการอพยพประชาชน

    นายมาโนชย์ การพนักงาน หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ รายงานว่า ปริมาณน้ำฝนตลอดทั้งคืนวันที่ 26 มิ.ย. จนถึงขณะนี้ มีปริมาณอยู่ที่ 110 มิลลิเมตร ส่งผลให้พื้นที่รับน้ำทุกจุดในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เริ่มอิ่มตัวแล้ว เกรงว่าปริมาณน้ำจะไหลหลากลงสู่ด้านล่างเข้าท่วมพื้นที่ใน อ.ปากช่อง จึงได้ประสานงานให้ทุกหน่วยงานประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านเตรียมความพร้อมรับ มือหากเกิดน้ำท่วมขึ้นในระยะนี้

    จ.ตากวิกฤติ! น้ำท่วมบ้านเรือนเสียหายยับ

    สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.ตาก หลังจากเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ 5 อำเภอฝั่งตะวันตก (อ.แม่สอด-แม่ระมาด-พบพระ-ท่าสองยาง และ อ.อุ้มผาง) ชายแดนไทย-พม่า ด้าน จ.ตาก ส่งผลให้ระดับแม่น้ำเมย ที่กั้นพรมแดนไทย-พม่า มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้น้ำท่วมบริเวณเกาะกลางแม่น้ำเมย หรือ เกาะโนแมนแลนด์ ใต้สะพานมิตรไทย-พม่า ติดกับตลาดริมเมย ตำบลท่าสายลวด อ.แม่สอด จนน้ำเมยได้ไหลเข้าน้ำท่วมร้านค้าและเพิงพักของชาวพม่าที่กลางเกาะเห็นแต่หลังคา

    อย่างไรก็ตาม จากการที่แม่น้ำเมย มีระดับสูงขึ้นและไหลเข้าท่วมพื้นที่เกาะทั้งหมด จนต้องเร่งขนสินค้าและเอาชีวิตรอดจากระดับน้ำที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ทำให้แม่น้ำไหลหลากลงสู่แม่น้ำเมยเพิ่มขึ้น ล่าสุดระดับน้ำได้เริ่มเอ่อเข้าท่วมร้านค้าขายของฝากชาวไทยที่ตั้งอยู่ริม แม่น้ำ โดยร้านค้าบางส่วน เริ่มขนสินค้าย้ายไปไว้ในที่ปลอดภัยแล้ว

    สำหรับ เกาะโนแมนแลนด์ ซึ่งถูกน้ำเมยท่วม ได้มีชาวพม่าเข้าไปอาศัยอยู่ ทั้งๆ ที่เป็นพื้นที่พิพาท และส่วนใหญ่จะค้าของหนีภาษีและสิ่งผิดกฎหมาย โดยที่เจ้าหน้าที่ทั้ง 2 ฝ่าย ไม่สามารถทำอะไรได้


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]






    .

    -http://hilight.kapook.com/view/60195-

    .

    .
     

แชร์หน้านี้

Loading...