ขอเชิญร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

ในห้อง 'ตลาด พระเครื่องเพื่อการกุศล' ตั้งกระทู้โดย พันวฤทธิ์, 29 พฤศจิกายน 2007.

  1. SilentSoar

    SilentSoar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    481
    ค่าพลัง:
    +2,384
    แจ้งโอนเงินทำบุญครับ ^_^ 200 บาท

    <TABLE border=0 cellSpacing=0 borderColor=#ffffff cellPadding=5 width="100%"><TBODY><TR><TD colSpan=2>โอนเงินต่างธนาคาร - สถานะการทำรายการ

    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top width="34%">สถานะการทำรายการ</TD><TD width="66%">ธนาคารได้ทำรายการของคุณเรียบร้อยแล้ว </TD></TR><TR><TD width="34%">หมายเลขอ้างอิง</TD><TD width="66%">KBKR110626287610</TD></TR><TR><TD colSpan=2>[​IMG]</TD></TR><TR><TD colSpan=2>รายละเอียดการทำรายการ

    </TD></TR><TR><TD width="34%">วิธีโอนเงิน</TD><TD width="66%">ออนไลน์ (ตลอด 24 ชั่วโมง) </TD></TR><TR><TD width="34%"></TD><TD width="66%"></TD></TR><TR><TD width="34%">ธนาคารเจ้าของบัญชี</TD><TD width="66%">ธนาคาร กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)</TD></TR><TR><TR><TD width="34%">เพื่อเข้าบัญชี</TD><TD width="66%">[SIZE=+0]348-1-23245-9 ศ. ทุนนิธิสงเคราะห์สงฆ์อาพาธ อ.ประถม อาจสาคร[/SIZE]</TD></TR><!-- Adding Account Name UAT defect number 414--><TR><TD width="34%">ชื่อเจ้าของบัญชีในฐานข้อมูล</TD><TD width="66%">[SIZE=+0]PRATOM F.[/SIZE]</TD></TR><!-- /Adding Account Name --><!-- <tr> <td width="25%">สาขา</td> <td width="75%">ถนนวิภาวดีรังสิต (ซันทาวเวอร์ส) </td> </tr> --><TR><TD width="34%">จำนวนเงิน (บาท)</TD><TD width="66%">200.00</TD></TR><TR><TD width="34%">ค่าธรรมเนียม (บาท)</TD><TD width="66%">25.00</TD></TR><TR><TD width="34%">วันที่โอนเงิน</TD><TD width="66%">26/06/2011 [20:28:30]</TD></TR><TR><TD width="34%">บันทึกช่วยจำ</TD><TD width="66%">ร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ</TD></TR><TR><TD class=note_align width="35%"></TD><TD width="65%"></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ
    รวมถึงร่วมทำบุญทุกอย่าง
    รวมร่วมบุญจำนวน 200 บาท

    ขออนุโมทนาบุญ ทั้งหลายทั้งปวงให้พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ พรหม เทพ เทวดา สิ่งศักดิ์ทั้งหลาย ครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายที่มีตั้งแต่ต้น บิดามารดาของข้าพเจ้าทั้งชาตินี้และทุกๆชาติ
    พระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกๆพระองค์
    พระโพธิสัตว์ทุกๆพระองค์ พระยายมราช เจ้าการบัญชี ลุงพุฒิ
    พระศรีอารียเมตไตรย และสมเด็จองค์ปฐมอันเป็นที่สุด

    ขอร่วมอนุโมทนาบุญกับผู้ร่วมทำบุญทุกท่านด้วยครับ สาธุ สาธุ สาธุ...
    อนุโมทนาบุญครับ,
    SilentSoar
     
  2. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ภาพบรรยายการทำบุญทุนนิธิ ประจำเดือนมิถุนายน 2554ครับ

    [​IMG]

    ขอเริ่มต้นด้วยการไปบริจาค ณ อาคารด้านครับ

    [​IMG]

    ยอดบริจาคส่วนหนึ่งครับ

    [​IMG]

    ขากลับไป ณ ที่โรงอาหารเห็นแมว กำลังขอนมแม่แมว จึงนำภาพมาให้ชมกันครับ

    [​IMG]

    ในเดือนนี้มีน้ำนมจมูกข้าวด้วยครับ เขาให้มาเพื่อถวายครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    มีบริการส่งด้วยครับ โปรดติดต่อที่ 02-646-2888

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    สาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1020963.JPG
      P1020963.JPG
      ขนาดไฟล์:
      176.4 KB
      เปิดดู:
      376
    • P1020964.JPG
      P1020964.JPG
      ขนาดไฟล์:
      121.7 KB
      เปิดดู:
      370
    • P1020968.JPG
      P1020968.JPG
      ขนาดไฟล์:
      141.7 KB
      เปิดดู:
      388
    • P1020975.JPG
      P1020975.JPG
      ขนาดไฟล์:
      150.8 KB
      เปิดดู:
      395
    • P1020977.JPG
      P1020977.JPG
      ขนาดไฟล์:
      169.2 KB
      เปิดดู:
      399
    • P1020980.JPG
      P1020980.JPG
      ขนาดไฟล์:
      157.5 KB
      เปิดดู:
      372
    • P1020983.JPG
      P1020983.JPG
      ขนาดไฟล์:
      171.9 KB
      เปิดดู:
      364
    • P1020986.JPG
      P1020986.JPG
      ขนาดไฟล์:
      170 KB
      เปิดดู:
      393
    • P1020988.JPG
      P1020988.JPG
      ขนาดไฟล์:
      161.8 KB
      เปิดดู:
      361
    • P1020991.JPG
      P1020991.JPG
      ขนาดไฟล์:
      157.4 KB
      เปิดดู:
      377
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 มิถุนายน 2011
  3. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ภาพบรรยายทุนนิธิ ตอนที่ 2

    [​IMG]

    หลังจากนั้นก็มารวมตัวที่หน้าตึกตามภาพครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    และขึ้นมารวมตัวกันที่ชั้น 6 ของตึกครับ

    [​IMG]

    ร่วมกันอธิฐานครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    จะเห็นว่าในตอนเช้านั้นอาหารที่ถวายนั้น เป็นเฉพาะอาหารหลัก เช่น ข้าวผัดน้ำพริกปลาทู

    แต่ถ้าสังเกตุจะพบว่า พี่ๆ น้องๆ ก็นำนมถั่วเหลือง ขนม และผลไม้ มาสมทบเพิ่มเติมครับ

    จึงจะได้ขนาดตามภาพ น่าชื่นใจครับ

    [​IMG]

    พระคุณเจ้าที่ท่านเป็นประธานนำสวดครับ

    [​IMG]

    สาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1020997.JPG
      P1020997.JPG
      ขนาดไฟล์:
      142.8 KB
      เปิดดู:
      362
    • P1030005.JPG
      P1030005.JPG
      ขนาดไฟล์:
      163.8 KB
      เปิดดู:
      346
    • P1030008.JPG
      P1030008.JPG
      ขนาดไฟล์:
      137.7 KB
      เปิดดู:
      358
    • P1030010.JPG
      P1030010.JPG
      ขนาดไฟล์:
      137.9 KB
      เปิดดู:
      67
    • P1030011.JPG
      P1030011.JPG
      ขนาดไฟล์:
      148 KB
      เปิดดู:
      359
    • P1030014.JPG
      P1030014.JPG
      ขนาดไฟล์:
      150.4 KB
      เปิดดู:
      360
    • P1030016.JPG
      P1030016.JPG
      ขนาดไฟล์:
      148.6 KB
      เปิดดู:
      350
    • P1030017.JPG
      P1030017.JPG
      ขนาดไฟล์:
      183.8 KB
      เปิดดู:
      380
    • P1030018.JPG
      P1030018.JPG
      ขนาดไฟล์:
      169.5 KB
      เปิดดู:
      358
    • P1030021.JPG
      P1030021.JPG
      ขนาดไฟล์:
      164.2 KB
      เปิดดู:
      351
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 มิถุนายน 2011
  4. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ภาพบรรยายทุนนิธิ ตอนที่ 3

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    เสร็จพิธีก็ช่วยกันถวายครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    สาธุครับ
    <!-- google_ad_section_end --><!-- / message --><!-- attachments -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1030023.JPG
      P1030023.JPG
      ขนาดไฟล์:
      189.5 KB
      เปิดดู:
      369
    • P1030024.JPG
      P1030024.JPG
      ขนาดไฟล์:
      174.3 KB
      เปิดดู:
      344
    • P1030028.JPG
      P1030028.JPG
      ขนาดไฟล์:
      174.1 KB
      เปิดดู:
      347
    • P1030030.JPG
      P1030030.JPG
      ขนาดไฟล์:
      158.5 KB
      เปิดดู:
      346
    • P1030033.JPG
      P1030033.JPG
      ขนาดไฟล์:
      159.7 KB
      เปิดดู:
      382
    • P1030034.JPG
      P1030034.JPG
      ขนาดไฟล์:
      171.7 KB
      เปิดดู:
      366
    • P1030035.JPG
      P1030035.JPG
      ขนาดไฟล์:
      155.5 KB
      เปิดดู:
      342
    • P1030038.JPG
      P1030038.JPG
      ขนาดไฟล์:
      167.7 KB
      เปิดดู:
      364
    • P1030039.JPG
      P1030039.JPG
      ขนาดไฟล์:
      154.8 KB
      เปิดดู:
      334
    • P1030041.JPG
      P1030041.JPG
      ขนาดไฟล์:
      152.9 KB
      เปิดดู:
      352
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 มิถุนายน 2011
  5. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ภาพบรรยายทุนนิธิ ตอนที่ 4

    [​IMG]

    หลังจากที่ถวาย คุณพระท่านก็จะให้พรครับ

    [​IMG]

    จบแล้วก็มารวมตัวกันอยู่ที่ด้านชั้นล่างของตึกครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    การประกาศยอดบุญที่ทำกันในที่ต่างๆ ครับ

    ประกาศหนึ่งครั้ง ก็อนุโมทนาสาธุ 1 ครั้งครับ

    [​IMG]

    ช่วงนี้พี่ท่านก็มีพระที่ดี มาแจกครับ

    สาธุครับ


    <!-- google_ad_section_end --><!-- / message --><!-- attachments --><!-- google_ad_section_end -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1030042.JPG
      P1030042.JPG
      ขนาดไฟล์:
      158.9 KB
      เปิดดู:
      346
    • P1030045.JPG
      P1030045.JPG
      ขนาดไฟล์:
      163 KB
      เปิดดู:
      346
    • P1030046.JPG
      P1030046.JPG
      ขนาดไฟล์:
      151.9 KB
      เปิดดู:
      344
    • P1030047.JPG
      P1030047.JPG
      ขนาดไฟล์:
      164.7 KB
      เปิดดู:
      317
    • P1030048.JPG
      P1030048.JPG
      ขนาดไฟล์:
      165.6 KB
      เปิดดู:
      331
    • P1030051.JPG
      P1030051.JPG
      ขนาดไฟล์:
      185.6 KB
      เปิดดู:
      341
    • P1030054.JPG
      P1030054.JPG
      ขนาดไฟล์:
      161.7 KB
      เปิดดู:
      330
    • P1030056.JPG
      P1030056.JPG
      ขนาดไฟล์:
      170.7 KB
      เปิดดู:
      57
    • P1030057.JPG
      P1030057.JPG
      ขนาดไฟล์:
      159.7 KB
      เปิดดู:
      330
    • P1030061.JPG
      P1030061.JPG
      ขนาดไฟล์:
      177.5 KB
      เปิดดู:
      336
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 มิถุนายน 2011
  6. chaipat

    chaipat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,282
    ค่าพลัง:
    +11,099
    ภาพบรรยายทุนนิธิ ตอนที่ 5

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    น้ำนมจมูกข้าว พวกเราก็ได้รับแจกด้วยครับ

    ผมลองแล้วครับ รสชาติดีครับ

    บ่ายๆ โทรไปจองแล้วครับ 3 ลัง ถ้าทันเสาร์อาทิตย์ที่เลือกตั้ง
    จะนำไปฝากให้แม่กับพ่อครับ 1 ลัง
    โทรที่. 02-646-2888 สำหรับน้ำนมจมูกข้าวครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    แต่โต๊ะนี้ไม่สนใจใครนะครับ สิ่งที่สนอยู่ที่บนโต๊ะครับ (แซวนิดๆ ครับ)

    [​IMG]

    ก่อนปิดท้าย ก็มาช่วยกันบรรจุผ้ายันต์ ที่หลวงปู่ท่านเมตตา จะจัดส่งไปยัง 3 จังหวัดชายแดนใต้ครับ

    [​IMG]

    และปิดท้ายด้วยภาพมอบค่าอาหารครับ

    ในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ จะเป็นวันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม 2554 นี้

    ก็ขอเชิญชวนครับ

    และขออนุโมทนาสาธุครับ กับทุกท่านที่ช่วยกันบริจาค ช่วยกันถวาย

    ช่วยกันร่วมบุญ ในทุกๆ ครั้งที่ผ่านมา และต่อไป

    สาธุครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • P1030067.JPG
      P1030067.JPG
      ขนาดไฟล์:
      180.8 KB
      เปิดดู:
      329
    • P1030071.JPG
      P1030071.JPG
      ขนาดไฟล์:
      177.2 KB
      เปิดดู:
      346
    • P1030074.JPG
      P1030074.JPG
      ขนาดไฟล์:
      162.4 KB
      เปิดดู:
      341
    • P1030080.JPG
      P1030080.JPG
      ขนาดไฟล์:
      172.6 KB
      เปิดดู:
      316
    • P1030082.JPG
      P1030082.JPG
      ขนาดไฟล์:
      147.1 KB
      เปิดดู:
      340
    • P1030081.JPG
      P1030081.JPG
      ขนาดไฟล์:
      171.6 KB
      เปิดดู:
      316
    • P1030084.JPG
      P1030084.JPG
      ขนาดไฟล์:
      185.1 KB
      เปิดดู:
      321
    • P1030090.JPG
      P1030090.JPG
      ขนาดไฟล์:
      163.1 KB
      เปิดดู:
      325
    • P1030091.JPG
      P1030091.JPG
      ขนาดไฟล์:
      149.3 KB
      เปิดดู:
      337
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 27 มิถุนายน 2011
  7. narongwate

    narongwate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    885
    ค่าพลัง:
    +3,840
    ขอโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านครับ
    สาธุ สาธุ สาธุ

    เมื่อวานได้ยินและจำได้คร่าว ๆ หลังจากตอนที่ทำบุญค่าอาหารเลี้ยงคนที่มาทำบุญ
    พี่ใหญ่บอกว่าคนที่ทำบุญค่าอาหารเลี้ยงคนที่เขามาทำบุญ
    นี่ดีนะเหมือนกับการเปิดโรงทาน...(||)
    พอดีจำได้แค่นี้ครับ ต้องขออภัยpity_pig
     
  8. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    มีคนบอกว่า การเลือกตั้งในคราวนี้ เดิมพันกันด้วยบ้านด้วยเมือง ดังนั้น ในวันอาทิตย์นี้ ก่อนออกจากบ้าน และก่อนกาบัตร ตั้งสติให้ดี แล้วให้นึกถึงพระองค์ท่านข้างล่างนี้ แล้วคิดย้อนกลับไปว่าชาติบ้านเมืองเราผ่านอะไรมาบ้าง และจะไปยังไงถ้าเราเลือกพรรคที่กำลังจะกาเข้ามาเป็นรัฐบาล เมื่อคิดได้แล้วก็กาไปเถิด เพราะถือว่าท่านได้ทำหน้าที่ตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญอย่างสมบูรณ์แล้ว และจงยอมรับในผลที่จะเกิดขึ้นต่อไปในวันข้างหน้าไม่ว่าจะเป็นผลดีหรือผลร้ายก็ตาม....

    [​IMG]


    ขอขอบใจนะที่จะมาช่วยฉันทำงาน แต่ขอบอกไว้ก่อนนะทำงานกับฉันๆ ไม่มีอะไรจะให้นะ แต่จะมีความสุขที่จะมีร่วมกันในการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่น

     
  9. natta_pea

    natta_pea เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    322
    ค่าพลัง:
    +1,515
    วันนี้ เวลา ๐๙.๔๘ น. ผมได้โอนเงินร่วมทำบุญฯ
    จำนวน ๓๐๐ บาท ขอโมทนาบุญกับทุกๆท่านครับ
     
  10. kawpunt

    kawpunt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    1,276
    ค่าพลัง:
    +3,086
    วันนี้เวลา09.49ผมได้โอนเงินเข้าบัญชี3481232459 เป็นเงินจำนวน300บาทครับ ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านครับ อุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร
     
  11. ชิน9

    ชิน9 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    46
    ค่าพลัง:
    +247
    สวัสดีครับทุกท่าน ผมได้โอนเงินบริจาคจำนวน 2,000.-บาท

    5/07/2011 17:21 น. tmb mbanking 2,000.-


    ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศล จากการร่วมทำบุญสงเคราะห์พระภิกษุสงฆ์อาพาธ

    อุทิศให้แก่อาม่า คื้อเจ็ง แซ่ซิ่ม.คุณแม่ม๋วย อากง เจ้ากรรมนายเวรทัง้หลาย ของป๋า 5โกว

    6โกว น้องชาย น้องสะใภ้ หลานชายหลานสาวทุกคนผู้เช่าบ้าน เช่าร้านทุกท่าน

    บริวารทุกคน เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของตัวข้าพเจ้าชินพงศ์ เบญจนากาศกุล และ

    นายวันสุข ณรงค์คำมั่น เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของผู้ที่ข้าพเจ้ามีความเกี่ยว

    ข้องทาง กาย วาจา และ ใจที่ข้าพเจ้าได้ล่วงเกินท่านไว้ตั้งแต่อดีตชาติ ปัจจุบันชาติ ไม่ว่า

    ท่านจะอยู่ภพ ภูมิใดก็ขอให้ได้รับผลบุญกุศลนี้และอโหสิกรรม

    ให้กับข้าพเจ้านายชินพงศ์ เบญจนากาศกุล และขอให้ร่วม

    อนุโมทนาบุญกุศลแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ<!-- google_ad_section_end -->

    ขอเชิญทุกท่านร่วมอนูโมทนาบุญด้วยกันนะครับ
     
  12. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    [​IMG]
    หลวงปู่เสาร์ กนฺตสีโล


    “หลวงตามหาบัว” เล่าถึง
    วินาทีมรณภาพของหลวงปู่เสาร์-หลวงปู่มั่น


    สมัยปัจจุบันครูอาจารย์ที่ท่านปฏิบัติดีจนปรากฏชื่อลือนามก็มี ๒ องค์ คือ พระอาจารย์เสาร์ และพระอาจารย์มั่น แต่เวลานี้ท่านมรณภาพเสียแล้ว พระอาจารย์ทั้งสององค์นี้ ปรากฏว่าเป็นผู้เด็ดเดี่ยว อาจหาญในทางความเพียรมาก จนปรากฏเป็นคติตัวอย่างแก่บรรดาศิษย์รุ่นหลังได้ถือเป็นปฏิปทาอันดีตลอดมา

    ท่านพระอาจารย์ทั้งสองนี้ ชอบแสวงหาที่สงัดวิเวก แต่เริ่มอุปสมบทตลอดมาจนถึงวาระสุดท้าย ไม่เคยลด ละ ผลความดีของท่านที่บำเพ็ญมาจึงแสดงออกให้โลกได้ทราบกิตติศัพท์กิตติคุณฟุ้งขจรไปทุกหนทุกแห่งว่า ท่านพระอาจารย์เสาร์และท่านพระอาจารย์มั่นเป็นพระสำคัญ ทั้งด้านปฏิบัติและความรู้ภายในใจ คุณสมบัติทั้งนี้ฟุ้งขจรมาให้ประชาชนได้ยินทั่วถึงกันในสมัยปัจจุบัน

    เฉพาะองค์ของท่านพระอาจารย์มั่น ตามที่ได้ไปศึกษาอบรมและอาศัยอยู่กับท่านตามกาลอันควร รู้สึกว่า ปฏิปทา และความรู้ทางภายในของท่านเป็นที่น่าเลื่อมใสยิ่งนัก สมกับท่านเป็นผู้ปรากฏชื่อลือนามในที่ทั่วๆ ไป ในความรู้สึกที่ไปเกี่ยวข้องกับท่านว่า ไม่มีอะไรจะสงสัยว่าท่านอาจจะยังตกค้างอยู่ในภพใดภพหนึ่ง ซึ่งเป็นเรื่องการเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏสงสาร เช่นเดียวกับสัตว์และสามัญชนทั่วๆ ไป เพราะปฏิปทาที่ท่านปฏิบัติมา และความรู้ที่เกิดจากปฏิปทานั้น ท่านไม่เคยปิดบังบรรดาศิษย์ ผู้ไปอบรมศึกษาในวงใกล้ชิด ยังเมตตาเปิดเผยให้ฟังอย่างถึงใจไม่มีวันลบเลือนและจืดจาง

    ทั้งนี้ เพื่อเป็นการกระตุ้นเตือนใจบรรดาศิษย์ให้มีความอิ่มเอิบในผลที่ท่านได้รับและแสดงให้ฟัง แล้วน้อมนำมาเป็นเครื่องเชิดชูใจ เพื่อจะได้บำเพ็ญตามด้วยความขยันหมั่นเพียร เผื่อผลจะพึงได้รับจะเป็นอย่างท่านบ้าง หรืออย่างน้อยก็เป็นคนประเภทศิษย์มีครู

    พระอาจารย์ทั้งสองนี้รู้สึกว่าท่านชอบในความสงัดวิเวกประจำนิสัย ไม่ค่อยจะไปเกี่ยวข้องกับใครๆ แม้กับพระท่านก็ไม่ทำความเกี่ยวข้องและสนใจเท่าไรนัก คงจะคิดว่าการสั่งสอนก็เป็นภาระหนักและเป็นความกังวล ผู้รับฟังจะปฏิบัติตามก็คงจะเป็นความลำบาก ไม่กล้าทำตามท่านได้

    แต่กิตติศัพท์กิตติคุณฟุ้งขจรออกมาจากความดีเด่นของท่านในเวลานั้น เป็นเหตุให้ทั้งพระและประชาชนมีความสนใจใคร่ต่อการอบรมศึกษากับท่านอย่างใกล้ชิด จึงต่างก็ไปอบรมศึกษาและขออยู่อาศัยกับท่าน ประกอบกับท่านผู้มีธรรมขนาดนั้นแล้ว ก็ย่อมปราศจากความเมตตาไม่ได้ จำต้องเมตตาสั่งสอนตามภูมิสติปัญญาความสามารถของผู้ไปศึกษาบำเพ็ญด้วย

    จากนั้นมาท่านพระอาจารย์เสาร์และท่านพระอาจารย์มั่น รู้สึกจะเป็นแหล่งใหญ่ของบรรดาศิษย์ทั้งพระและประชาชนในภาคอีสานและภาคอื่นๆ ที่เข้าไปขออาศัยและศึกษาอบรมกับท่าน เพราะภูมิลำเนาเดิมของท่านพระอาจารย์ทั้งสองอยู่ในจังหวัดอุบลราชธานี ปรากฏว่าท่านพระอาจารย์ทั้งสองนี้ มีลูกศิษย์มากมายทั้งนักบวชและประชาชนในภาคต่างๆ

    เมื่อถึงมรณกาลของท่าน ก็ไม่ทิ้งลวดลายของนักปฏิบัติ วาดภาพอันดีเด่นไว้แก่หูแก่ตาของบรรดาศิษย์ผู้เข้าใกล้ชิดในเวลานั้นอย่างเปิดเผย คือขณะจะมรณภาพ ก็เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อยเป็นที่น่าเลื่อมใสยิ่งนัก

    ท่านพระอาจารย์เสาร์ พอมรณกาลจวนตัวเข้ามา จริงๆ ท่านตั้งใจจะมรณภาพที่นครจำปาศักดิ์ ซึ่งเวลานั้นเป็นของฝรั่งเศส แต่บรรดาลูกศิษย์ทั้งพระและประชาชนจำนวนมาก ต่างก็ขออาราธนานิมนต์ท่านให้กลับมามรณภาพที่ฝั่งไทยเรา เมื่อคณะลูกศิษย์ที่มีจำนวนมากอาราธนาวิงวอน ท่านทนไม่ไหว ท่านจำต้องรับคำ


    การทอดอาลัยในชีวิต ซึ่งปลงใจจะปล่อยวางสังขารลงที่นครจำปาศักดิ์ ก็ได้ถอดถอนล้มเลิกไป จำต้องปฏิบัติตามความเห็นและเจตนาหวังดีของคนหมู่มาก ยอมรับปากคำและเตรียมลงเรือข้ามฝั่งลำแม่น้ำโขงมาฝั่งไทยเรา

    พอมาถึงท่าวัดศิริอำมาตย์ จังหวัดอุบลราชธานี เขาก็อาราธนาท่านขึ้นบนแคร่ แล้วหามท่านขึ้นไปสู่วัดนั้น พอก้าวขึ้นสู่วัดและปลงท่านลงที่ลานวัดเท่านั้น เขากราบเรียนท่านว่า

    “บัดนี้มาถึงวัดศิริอำมาตย์ในเขตเมืองไทยเราแล้ว ท่านอาจารย์”

    เวลานั้นท่านนอนหลับตาและพยายามพยุงธาตุขันธ์ของท่านมาตลอดทาง ท่านก็ลืมตาขึ้นแล้วถามว่า

    “ถึงสถานที่แล้วหรือยัง ?”

    เขาก็กราบเรียนถวายท่านว่า “ถึงที่แล้วครับ”

    ท่านก็พูดขึ้นมาว่า “ถ้าเช่นนั้นจงพยุงผมลุกขึ้นนั่ง ผมจะกราบพระ”

    พอเขาพยุงท่านลุกขึ้นนั่งแล้ว ท่านก็ก้มกราบพระสามครั้ง พอจบครั้งที่สามแล้วเท่านั้น ท่านก็สิ้นในขณะนั้นเอง ไม่อยู่เป็นเวลานาน ขณะที่ท่านจะสิ้นก็สิ้นด้วยความสงบเรียบร้อย และมีท่าทางอันองอาจกล้าหาญต่อมรณภัย มีลักษณะเหมือนม้าอาชาไนย ไม่มีความหวั่นไหวต่อความตาย ซึ่งสัตว์โลกทั้งหลายกลัวกันยิ่งนัก

    แต่ท่านที่ปฏิบัติจนรู้ถึงหลักความจริงแล้ว ย่อมถือเป็นคติธรรมดาว่ามาแล้วต้องไป เกิดแล้วต้องตาย จะให้เป็นอย่างอื่นไม่ได้ เพราะสติปัญญาที่ฝึกหัดอบรมมาจากหลักธรรมทุกแขนง ก็ฝึกหัดอบรมมาเพื่อรู้ตามหลักความ จริงที่มีอยู่กับตัว ก็เมื่อการไปการมา การเกิดการตาย เป็นหลักความจริงประจำตัวแล้ว ต้องยอมรับหลักการด้วย ปัญญาอันเป็นหลักความจริงฝ่ายพิสูจน์เช่นเดียวกัน

    เพราะฉะนั้นท่านที่เรียนและปฏิบัติรู้ถึงขั้นนั้นแล้ว จึงไม่มีความหวั่นไหวต่อการไปการมา การเกิดการตาย การสลายพลัดพรากจากสัตว์และสังขารทั้งของท่านและของผู้อื่น จึงสมนามว่าเรียนและปฏิบัติเพื่อ “สุคโต” ทั้งเป็นคติตัวอย่างอันดีแก่คนรุ่นหลังตลอดมาจนบัดนี้

    นี่เป็นประวัติของท่านพระอาจารย์เสาร์ ที่วาดภาพอันดีและชัดเจนไว้แก่พวกเรา เพื่อยึดเป็นคติเครื่องสอนคนต่อไป ไม่อยากให้เป็นทำนองว่าเวลามามีความยิ้มแย้ม แต่เวลาไปก็มีความเศร้าโศก

    [​IMG]
    หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต


    ส่วน ท่านพระอาจารย์มั่น ในเวลาต่อมาตอนท่านเริ่มป่วย จำได้แต่เพียงว่าเดือน ๔ ขึ้น ๑๔ ค่ำ พ.ศ. ๒๔๙๒ เป็นวันท่านเริ่มป่วย ท่านเล่าให้ฟังตอนไปเที่ยวกลับมา กราบนมัสการท่าน ท่านเริ่มป่วยคราวนี้ไม่เหมือนกับคราวใดๆ ซึ่งแต่ก่อนเวลาท่านป่วย ถ้ามีผู้นำยาไปถวายท่าน ท่านก็ฉันให้บ้าง มาคราวนี้ท่านห้ามการฉันยาโดยประการทั้งปวงแต่ขั้นเริ่มแรกป่วย โดยให้เหตุผลว่า “การป่วยคราวนี้ไม่มีหวังได้รับประโยชน์อะไรจากยา เช่นเดียวกับต้นไม้ที่ตายยืนต้นอยู่เท่านั้น ใครจะมารดน้ำพรวนดินทะนุบำรุงเต็มสติกำลังความสามารถ ต้นไม้นั้นจะไม่มีวันกลับมาผลิดอกออกผลใบและแสดงผลต่อไปอีกได้เลย เพียงสักว่ายังยืนต้นอยู่เท่านั้น ไม่แน่ใจว่าจะล้มลงจมดินวันใด ธาตุขันธ์ที่แก่ชราภาพขนาดนี้แล้ว ย่อมมีลักษณะเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นหยูกยาจึงไม่เป็นผลอะไรกับโรคประเภทนี้ ที่เขาเรียกว่า โรคคนแก่”

    ท่านว่า แม้ท่านจะห้ามยามิให้นำมาเกี่ยวข้องกับท่าน แต่ก็ทนต่อคนหมู่มากไม่ไหว คนนั้นก็จะให้ท่านฉันยานั้น คนนี้ก็จะให้ท่านฉันยานี้ คนนั้นจะฉีด คนนั้นจะให้ฉัน หนักเข้าท่านก็จำต้องปล่อยตามเรื่อง มีคนมากราบเรียนถามเรื่องยาถูกกับโรคของท่านหรือไม่ ท่านก็นิ่งไม่ตอบโดยประการทั้งปวง

    เมื่ออาการของท่านหนักจวนตัวเข้าจริงๆ ท่านก็บอกกับคณะลูกศิษย์ทั้งพระและญาติโยมว่า

    “จะให้ผมตายในวัดป่าหนองผือนี้ไม่ได้ เพราะผมน่ะตายเพียงคนเดียว แต่ว่าสัตว์ที่ตายตามเพราะผมเป็นเหตุจะมีจำนวนมากมาย เพราะฉะนั้นขอให้นำผมออกจากที่นี้ไปจังหวัดสกลนคร เพื่อให้อภัยแก่สัตว์ซึ่งมีจำนวนมาก อย่าให้เขาพลอยทุกข์และตายไปด้วยเลย ที่โน้นเขามีตลาด ซึ่งมีการซื้อขายกันอยู่แล้ว ไม่มีทางเสียหาย เนื่องจากการตายของผม”


    พอท่านพูดและให้เหตุผลอย่างนั้น ทุกคนต้องยอมทำตามความเห็นของท่าน จึงเตรียมแคร่ที่นอนมาถวายและอาราธนานิมนต์ท่านขึ้นนอนบนแคร่ แล้วพร้อมกันหามท่านออกไปในวันรุ่งขึ้น พอมาถึงวัดป่าบ้านภู่ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร แล้วก็พาท่านพักแรมคืนอยู่ที่นั้นหลายคืน ท่านก็คอยเตือนเสมอว่า

    “ทำไมพาผมมาพักค้างที่นี่ล่ะ ผมเคยบอกแล้วว่าจะไปจังหวัดสกลนคร ก็ที่นี่ไม่ใช่สกลนคร” ท่านว่า

    เมื่อจวนตัวเข้าจริงๆ ในสามคืนสุดท้าย ท่านไม่ค่อยจะพักนอน แต่คอยเตือนให้รีบพาท่านไปสกลนครเสมอ เฉพาะคืนสุดท้ายไม่เพียงแต่ไม่หลับนอนเท่านั้น ยังต้องบังคับว่า

    “ให้รีบพาผมไปสกลนครในคืนวันนี้จงได้ อย่าขืนเอาผมไว้ที่นี่เป็นอันขาด” ท่านพูดย้ำแล้วย้ำเล่าอยู่ทำนองนั้น

    แม้ที่สุดท่านจะนั่งภาวนา ท่านก็สั่งว่า “ให้หันหน้าผมไปทางจังหวัดสกลนคร”

    ที่ท่านสั่งเช่นนั้น เข้าใจว่าเพื่อให้เป็นปัญหาอันสำคัญแก่คณะลูกศิษย์ จะได้ขบคิดถึงคำพูดและอาการที่ท่านทำอย่างนั้นว่า มีความหมายแค่ไหนและอย่างไรบ้าง พอตื่นเช้าจะเป็นเพราะเหตุไรก็สันนิษฐานยาก เผอิญชาวจังหวัดสกลนครซึ่งเป็นลูกศิษย์ของท่าน พร้อมกันเอารถยนต์มารับท่าน ๓ คัน แล้วอาราธนานิมนต์ให้ท่านไปจังหวัดสกลนคร ท่านก็เมตตารับทันที เพราะท่านเตรียมจะไปอยู่แล้ว

    ก่อนจะขึ้นรถยนต์ หมอได้ไปฉีดยานอนหลับให้ท่าน จากนั้นท่านก็นอนหลับไปตลอดทางจนถึงวัดสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร เวลา ๐๑.๐๐ นาฬิกา ท่านก็เริ่มตื่น พอตื่นจากหลับแล้ว จากนั้นท่านก็เริ่มทำหน้าที่เตรียมลา “ภาราหเว ปญฺจกฺขนฺธา ขันธ์ห้าเป็นภาระหนัก” จะมรณภาพ

    จนถึง ๐๒.๒๓ นาฬิกา ก็เป็นวาระสุดท้าย ก่อนหน้านี้ประมาณสองชั่วโมงเศษ ท่านนอนท่าตะแคงข้างขวา แต่เห็นว่าท่านจะเหนื่อยมาก เพราะนอนท่านี้มานาน จึงพากันเอาหมอนที่หนุนอยู่หลังท่านถอยออก เลยกลายเป็นท่านนอนหงายไป พอท่านทราบก็พยายามขยับตัวหมุน กลับจะนอนท่าตะแคงข้างขวาตามเดิม พระเถระผู้ใหญ่ซึ่ง เป็นศิษย์ของท่าน ก็พยายามเอาหมอนหนุนหลังท่านเข้าไปอีก ท่านเองก็พยายามขยับๆ เช่นเดียวกัน เมื่อเห็นอาการของท่านอ่อนเพลียมากและหมดเรี่ยวแรง ก็เลยหยุดไว้แค่นั้น

    ดังนั้น การนอนของท่านจะว่านอนหงายก็ไม่ใช่ จะว่านอนตะแคงข้างขวาก็ไม่เชิง เป็นอาการเพียงเอียงๆ อยู่เท่านั้น ทั้งเวลาของท่านก็จวนเข้ามาทุกที บรรดาศิษย์ ก็ไม่กล้าแตะต้องกายท่านอีก จึงปล่อยท่านไว้ตามสภาพ คือท่านนอนท่าเอียงๆ จนถึงเวลา ซึ่งเป็นความสงบอยู่ตลอดเวลา


    ในวาระสุดท้ายนี้ ต่างก็นั่งสังเกตลมหายใจของท่านแบบตาไม่กระพริบไปตามๆ กัน การนั่งของพระที่มีจำนวนมากในเวลานั้น ต้องนั่งเป็นสองชั้น คือ ชั้นใกล้ชิดกับท่าน และชั้นถัดกันออกมา ชั้นในก็มีพระผู้ใหญ่ มี ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ เป็นต้น ชั้นนอกก็เป็นพระที่มีพรรษาน้อย แล้วถัดกันออกไปก็เป็นพระนวกะและสามเณร บรรดาพระทั้งพระเถระและรองลำดับกันลงมาจนถึงสามเณร ในขณะนั้นรู้สึกจะแสดงความหมดหวัง และหมดกำลังใจไปตามๆ กัน แต่ไม่มีใครกล้าปริปากออกมา นอกจากมีแต่อาการที่เต็มไปด้วยความหมดหวังและความเศร้าสลดเท่านั้น เพราะร่มโพธิ์ใหญ่มีใบหนา ซึ่งเคยเป็นที่อาศัยและร่มเย็นอย่างยิ่งมาเป็นเวลานาน กำลังถูกพายุจากมรณภัยคุกคาม จะหักโค่นพินาศใหญ่ขณะนั้นอยู่แล้ว การทำหน้าที่ของท่านก็กำลังเป็นไปแบบมองดูแล้วหลับตาไม่ลงทั้งท่านผู้อื่นและเรา

    ขณะที่ท่านจะสิ้นลมจริงๆ รู้สึกว่าอาการทุกส่วนของท่านอยู่ในความสงบและละเอียดมาก จนไม่มีใครจะสามารถทราบได้ว่า ท่านสิ้นลมไปในขณะใด นาทีใด เนื่องจากลมหายใจของท่านละเอียดเข้าเป็นลำดับ จนไม่ปรากฏว่าท่านสิ้นไปเมื่อไร เพราะไม่มีอวัยวะส่วนใดส่วนหนึ่งแสดงอาการในวาระสุดท้าย พอให้ทราบได้ว่าท่านสิ้นไปในวินาทีนั้น

    แม้จะพากันนั่งสังเกตอยู่เป็นเวลานานก็ไม่มีใครรู้ขณะสุดท้ายของท่าน ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ ซึ่งเป็นประธานอยู่ในที่นั้น เห็นท่าไม่ได้การ จึงพูดขึ้นว่า “นี่ไม่ใช่ท่านสิ้นไปแล้วหรือ ?” จากนั้นท่านก็ดูนาฬิกาเป็นเวลา ๐๒.๒๓ นาฬิกา จึงได้ยึดเอาเวลานั้นเป็นเวลามรณภาพของท่าน


    [​IMG]
    ท่านเจ้าคุณพระธรรมเจดีย์ (จูม พนฺธุโล)

    [​IMG]
    หลวงตามหาบัว ญาณสมฺปนฺโน


    ส่วนหนึ่งของพระธรรมเทศนา
    วันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ.๒๕๐๘ ณ วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

    จากหนังสือธรรมลีลา ฉบับที่ ๑๒๘ กรกฎาคม ๒๕๕๔
    โดย พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว) วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี


    .....................................................
    ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎตายตัว


    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=38890
     
  13. adis.

    adis. Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    20
    ค่าพลัง:
    +54
    ไม่ได้ไปร่วมถวายอาหารที่ รพ.สงฆ์ หลายเดือนแล้ว แต่รู้สึกปิติ และอิ่มเอิบใจทุกครั้งที่เห็นภาพเหล่านี้ครับ ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่านด้วยนะครับ....
     
  14. ไชยชุมพล

    ไชยชุมพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +1,873
    เมื่อวานคุณแม่ โอนเงินร่วมทำบุญกับทุนนิธิฯ ประจำเดือน จำนวน ๕๐๐ บาท เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ
     
  15. ลูกปลาใหญ่

    ลูกปลาใหญ่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    166
    ค่าพลัง:
    +577
    วันนี้ 05/07/54 ได้โอนเงินจำนวน 500 บาทเข้าบัญชีทุนนิธิฯ เพื่อร่วมทำบุญประจำเดือน ก.ค. 54 ครับ
     
  16. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    วิธีการทำบุญ เพื่อจะให้ได้บุญนั้น มีอยู่ ๓ วิธี โดยจำแนกตามจิต

    คำว่า "บุญ" แปลว่า ความสุข ความดี ความสะอาด ความผ่องแผ้วแห่งจิต
    คำว่า "การทำบุญ" หมายถึง การทำกิจใดๆ เพื่อให้ได้บุญ คือ เพื่อให้ได้ความสุขกายสบายใจ
    กิจที่ทำนั้นต้องเป็นประโยชน์ต่อตนเอง และผู้อื่น โดยถูกทำนองคลองธรรม สำหรับคำว่า "การ
    บำเพ็ญบุญ" มีความหมายเช่นเดียวกับ "การทำบุญ"

    วิธีการทำบุญ เพื่อจะให้ได้บุญนั้น มีอยู่ ๓ วิธี โดยจำแนกตามจิต รวมเรียกว่า "บุญกิริยาวัตถุ
    ๓ อย่าง" คือ

    ๑. ทานมัย วิธีการทำบุญด้วยการบริจาคทาน เป็นเรื่องของจิตเกี่ยวเนื่องกับสิ่งของที่จะทำทาน
    มีหน้าที่กำจัดกิเลสอย่างหยาบคือความโลภได้ ผู้ที่ได้บุญจากทานมัยย่อมเป็นคนกว้างขวาง เป็น
    ที่รักและเคารพของปวงชน สมานไมตรีกันไว้ได้ทุกชั้น ทั้งยึดถือประโยชน์ของคนที่มีทรัพย์ได้
    ด้วย เราจำแนกทานออกเป็น ๒ อย่างคือ

    ๑.๑ อามิสทาน เป็นการสละทรัพย์ของตนแก่คนทั้งหลาย ด้วยอัธยาศัยเมตตาเผื่อแผ่ เช่น ถวาย
    ทานแด่พระภิกษุสามเณร คนชรา ขอทาน ผู้ตกยาก เป็นต้น

    ๑.๒ ธรรมทาน เป็นการแนะนำสั่งสอนชี้แจงให้ผู้อื่นรู้จักบาปบุญคุณโทษ ให้วิชาความรู้ ดัง
    พุทธภาษิตที่ว่า "สัพพะทานัง ธัมมะทานัง ชินาติ" แปลว่า การให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้
    ทั้งปวง

    ๒. สีลมัย วิธีการทำบุญด้วยการรักษาศีล เป็นเรื่องของจิตเกี่ยวเนื่องกับกายวาจา สีลมัยมีหน้าที่
    กำจัดกิเลสอย่างกลาง คือความโกรธได้ ผู้ที่ได้บุญจากสีลมัยย่อมเป็นที่รักและเคารพของชนทั้ง
    หลาย หมดความรังเกียจซึ่งกันและกัน ทั้งทำให้เป็นคนองอาจด้วย สีลมัยจำแนกเป็น

    ๒.๑ ศีล ๕ สำหรับสามัญชนทั่วไป
    ๒.๒ ศีล ๘ หรือ อุโบสถศีล สำหรับอุบาสกอุบาสิกา
    ๒.๓ ศีล ๑๐ สำหรับสามเณร
    ๒.๔ ศีล ๒๒๗ สำหรับพระภิกษุ

    ปกติคนที่ถูกโทสะครอบงำจิตย่อมจะเดือดร้อนใจ มักจะเสียความประพฤติทางกาย และ
    วาจา จำต้องรักษาศีลควบคุมกายวาจาให้สงบ ตลอดจนคลุมจิตใจให้เป็นปกติหายโทสะ จิตจึง
    จะเป็นบุญ

    ๓. ภาวนามัย วีธีการทำบุญด้วยการภาวนา เป็นเรื่องของจิตอย่างเดียว ผู้ที่ได้บุญจากการ
    ภาวนามัย ย่อมเป็นคนหนักแน่นมั่นคง แม้กระทบกระทั่งอารมณ์ใดๆ ย่อมจะไม่หวั่นไหวไปตาม
    อารมณ์นั้นๆ การภาวนา เป็นการอบรมจิตใจให้ตั้งมั่นอยู่ในความดีและให้ฉลาด สำหรับคนทั่ว
    ไป ได้แก่ การศึกษาเล่าเรียน หมั่นฟัง หมั่นคิด หมั่นท่องบ่นหลักวิชาการต่างๆ หมั่นสนทนากับ
    ท่านผู้รู้จนเกิดความฉลาด การภาวนาที่ละเอียดมากขึ้น ได้แก่

    ๓.๑ สมถภาวนา (สมถกัมมัฏฐาน) คือการทำจิตให้อยู่ในอารมณ์เดียว ด้วยการสำรวม ความ
    ระวัง และตั้งใจ

    ๓.๒ วิปัสสนาภาวนา (วิปัสสนากัมมัฏฐาน) คือใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นแจ้งในสังขารธรรม
    ทั้งปวง ด้วยความฝึกฝน ความทรมาน ความดัดสันดานและด้วยความข่มใจ

    ภาวนามัยเป็นข้อสำคัญที่สุดในบุญกิริยาทั้งหลาย เพราะยึดบุญกิริยานั้นๆ ให้คงอยู่ได้ด้วย
    แกนเหล็กที่ตั้งอยู่ ณ ภายในทำของที่หุ้มอยู่ ณ ภายนอกให้มั่นคงฉะนั้น อันความงามความดีที่
    จะเป็นผล ซึ่งบุคคลที่ประพฤติให้ปรากฏออกภายนอกด้วยกายก็ดี ด้วยวาจาก็ดี ต้องมีภาวนา
    เป็นสารอยู่ภายใน ย่อมเป็นไปดังสุคนธชาติ เป็นต้นว่า เนื้อไม้ที่อบไว้เป็นอันดี เพราะเหตุนั้น
    กุศลราศีที่บุคคลทำให้มีขึ้นโดยสนิทใจ ได้ชื่อว่าภาวนาเพราะใจความว่าเป็นเครื่องอบรมกุศล
    ให้มีขึ้นในสันดาน

    ��ʹ�Ը�����Ѻ�ط���ʹԡ�� : Dhamma Department Store : Dhammathai.org

    [​IMG]


    มาร่วมอนุโมทนาและสาธุบุญกับเด็กน้อยคนนี้ด้วยกันครับ แค่นึกถึงบุญที่ได้เห็นเด็กคนนี้ได้ตั้งใจฝึกสมาธิแค่นี้ก็บุญจับจิตแล้ว นี่ละ ปีติ และสุข ทรงให้ดีก็แล้วกัน สบายแน่ ยิ่งถ้าได้ลงมือปฏิบัติเองด้วย อบายภูมิไม่มีวันมาข้องเกี่ยวเลยล่ะ


     
  17. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    มีเรื่องเล่าให้ทราบนิดนึง เป็นเรื่องประสบการณ์ในการใช้พระพิมพ์สมเด็จนอกมาตรฐานวงการพระเครื่องของผมเองครับ คือ เมื่อเดือนที่แล้วผมได้บ่นให้ผู้ใหญ่ท่านนึงฟังว่า ในช่วงนี้ลูกน้องไม่ค่อยเชื่อฟังคำสั่ง ทำไงดี จะหาพระพิมพ์ใดมาแขวนเพื่อให้ลูกน้องเกรงใจบ้าง เพราะพระพิมพ์นอกวงการฯ ที่ผมเองมีอยู่มากมาย ทั้งหายากและหาง่าย บางพิมพ์กระแสจะแรงและออกดุ หนักไปทางมหาอำนาจ หากแขวนท่าน ลูกน้องเราจากกลัวจะกลายเป็นดื้อหรือหนีหน้าไม่มาให้ใช้งานเลย หรือบางพิมพ์เมตตามาก ลูกน้องก็จะไม่กลัว เพราะอาจหาว่าไม่เอาจริงแบบว่าเห็นหน้าเราแล้วก็ยิ้มมาก่อน ท่านผู้ใหญ่มองหน้าผมแล้วบอกว่า ไอ้เซ่อ...มีของดีกับตัวเยอะไม่รู้จักมาถามก่อน เอ้า..เมื่อถามก็จะตอบให้

    1. ถ้าจะให้กลัวแบบหางจุกก้น แค่มองหน้าก็สั่นแล้ว ให้เอาพระพิมพ์สมเด็จที่มีพระโลหิตธาตุที่ผมเคยนำมาลงให้ดูในเวบนี้ว่าเป็นพระคู่ใจ และเคยนำมาให้ผู้ที่เข้าร่วมกิจกรรมได้บูชากันแล้ว มาแขวน เพระท่านหนักไปทางมหาอำนาจ แบบตบโต๊ะเปรี้ยงแล้วจบเลย

    [​IMG]

    รูปจาก www.google.co.th/imgres?
    2. แต่ถ้าจะเอาแบบอยู่เฉยๆ ไม่ต้องสั่ง เดี๋ยวมันทำให้เองหมด ให้เอาพระพิมพ์สมเด็จ สกุล๒๔๐๘ แบบหน้าเดียวมาแขวน เดี๋ยวรู้เรื่องเอง เห็นผลได้รวดเร็วผมได้ฟังดังนั้น กลับถึงบ้านเปลี่ยนพระทันทีเช่นกันเพราะกลัวลืม นำเอาพระพิมพ์สมเด็จ สกุล๒๔๐๘ ของนายสติกรรมการทุนนิธิฯ ที่ให้มานานแล้ว และไม่รู้สรรพคุณของท่านเลยวางไว้เฉยๆ เป็นพิมพ์จอมพลเรือซะด้วย เช็คเอง ตรวจเองกระแสดีเทวดาที่รักษาท่านยังไม่หนึเราไป เอาล่ะว๊ะ ลองดู เช้าวันจันทร์ไปทำงาน ได้ผลแฮะ ยังไม่ทันนั่งโต๊ะ แค่ขับรถผ่านไปใกล้ เห็นลูกน้องยืนสั่งการแม่บ้าน คนสวน รปภ. กันแบบฝุ่นตลบ พอมาถึงโต๊ะทำงาน ผ่านไปสักครึ่งวัน ห้องทำงานงี้ไม่ว่างเลย ลูกน้องมารายงาน หลายเรื่องทั้งๆ ที่บางเรื่อง ต้องทวงแบบปากแทบฉีก ยังไม่ทำให้ เลยนำมาเล่าให้ฟังพอเป็นประสบการณ์กันนี่แค่วันแรก ส่วนวันต่อๆ มา ไม่ต้องพูดถึง มาถึงนั่งก้มหน้ารอฟังอย่างเดียว รับคำสั่งเสร็จเปิดแน๊บ งานเสร็จตามนัดเป๊ะ ส่วนรูปที่นำมาลงให้ดูนั้น พอเป็นตัวอย่างจากเวบของศิษย์สมเด็จฯ ที่มีรูปพระพิมพ์สมเด็จ สกุล ๒๔๐๘ นี้หลายพิมพ์โชว์ให้ดูไว้ อันที่จริงพระสกุลนี้มีหลายอย่างหลายพิมพ์ 2 หน้าก็มี หน้าเดียวก็มี 2 หน้าแบบมีกริ่งก็มี อิทธิคุณนั้นแรงมาก ท่าน อ.ประถมฯ เขียนบอกไว้ว่า แรงกว่าพระสมพิมพ์สมเด็จวัดระฆังถึง 3 เท่า ก็แน่ล่ะ ท่านหลวงปู่ใหญ่ หรือท่านหลวงปู่พระธรรมฑูตโลกอุดรท่านเสกไว้ให้ โดยเฉพาะท่านหลวงปู่อุตตระ แต่ถ้าเรื่องบังคับบัญชาต้องเป็นพิมพ์หน้าเดียวเท่านั้น ตามในภาพจะเห็นเหมือนมีปืนใหญ่เรืออยู่ด้านล่าง เลยเรียกว่าพิมพ์จอมพลเรือ แต่ของผมด้านบนเป็นแบบมีรูปองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ในสามเหลี่ยมและมีมหายันต์อยู่ 2 ด้าน หาดูรูปตามเวบต่างๆ แล้วไม่เจอ จะถ่ายเองก็ไม่ชัด เลยให้ดูรูปที่คล้ายกันไปก่อนครับ แต่ถ้าเจอที่ไหนคว้าไว้ก่อนราคาแถวท่าพระจันทร์องค์ละ 30 บาทได้ แต่หากรู้จักกันเหลือแค่ 20 ในซอยบาจาไม่เคยเห็น เคยเห็นแต่แผงหน้าแฟลต กับแผงยายหรั่งหน้าร้านถ่ายรูป แท้หรือไม่แท้ วันทำกิจกรรมประจำเดือนกรกฎาคมนี้ คือวันอาทิตย์ที่ 31นำไปให้นายสติดูได้ แถมมีน้องตาดีคอยตรวจทางจิตให้อีก ไม่พลาดแน่ครับ


    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 กรกฎาคม 2011
  18. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    แนะนำไปกราบพระดีอีกองค์หนึ่ง อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจาก กทม.สักเท่าไร ท่านผู้รู้บอกว่า ท่านสำเร็จกิจทางศาสนาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ใครอยู่ใกล้ท่านก็รีบไปกราบซะดี ผมเองก็คงต้องไปเหมือนกัน พระระดับจิตเดียวกับท่านหลวงพ่อสวัสดิ์ วัดศาลาปูน อยุธยา นับองค์ได้ในปัจจุบันนี้ อย่ามัวรอช้า เข้าพรรษานี้ ไปขอพรท่านให้เป็นสิริมงคลกับตัวและกับครอบครัวครับ ผมเองยังไปไม่ถูกเหมือนกัน แต่หนทางอยู่ที่ปาก เมื่อกราบท่านเสร็จแล้ว ขาย้อนกลับกรุงเทพ แวะมาอีกองค์หนึ่งอย่าลืมครับ ท่านหลวงพ่อพร้า วัดโคกดอกไม้ อยู่แถวๆ ชัณสูตร สิงห์บุรี เคยบูชาพระพิมพ์สมเด็จในตู้จากวัดท่าน แล้วนำไปให้ท่านเป่าอีกที ขากลับตอนขับรถ มือซ้ายว่างๆ จึงนำพระท่านมาคลำเล่น เราก็ว่าเฉยๆ ปรากฏว่า ได้คำเฉลยแล้วในวันนี้ หลังจากคาใจมานานว่าท่านเก่งเท่าอาจารย์ของท่าน คือหลวงพ่อกวย จริงรึเปล่า คำตอบก็คือ "จิตเอ็งยังไม่ละเอียดเท่าท่าน ยังไงก็จับไม่เจอหรอก ท่านระดับสุดยอดแล้ว เห็นพระบ้านนอกนี่ล่ะมึง ท่านคมในฝัก" เอ้ารู้แล้ว ฝากไว้อีกองค์นึงด้วย ครับ ส่วนท่านองค์แรกประวัติตามข้างล่างนี้ครับ

    [​IMG]



    หลวงปู่นะ ฐิตปัญโญ สืบพุทธาคมหลวงปู่ศุข

    พระครูปทุมชัยกิจ หรือ หลวงปู่นะ ฐิตปัญโญ เจ้าอาวาสวัดปทุมธาราม (หนองบัว) ต.หนองบัว อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท เป็นพระเกจิอาจารย์ชื่อดังรูปหนึ่งแห่งลุ่มแม่น้ำท่าจีน ที่ชาวบ้านให้ความเลื่อมใสศรัทธา เป็นพระเถระที่เปี่ยมด้วยเมตตาธรรมทายาทสืบทอดพุทธาคมสายหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท

    ปัจจุบันหลวงปู่นะ สิริอายุ 92 พรรษา 72 ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปทุมธาราม และอดีตยังเคยดำรงตำแหน่งเจ้าคณะตำบลบ่อแร่-หนองขุ่น เขต 2 อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท ด้วย

    อัตโนประวัติ มีนามเดิมว่า โฉม เหล่ายัง เกิดเมื่อวันพุธที่ 6 ธันวาคม 2459 ตรงกับวันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 1 (อ้าย) ปีมะโรง ณ บ้านขุนแก้ว ต.ดงขวาง อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี

    เป็นบุตรคนที่ 2 ในจำนวน 9 คน ของนายแจกและนางตี่ เหล่ายัง ครอบครัวประกอบอาชีพเกษตรกรรม

    ในวาระแรกเกิด บิดา-มารดา ตั้งชื่อให้ว่า โฉม ต่อมาเมื่ออายุได้ 5-6 ขวบ หมอเป้ซึ่งเป็นหมอแผนโบราณ และมีความรู้ทางด้านโหราศาสตร์ด้วย เห็นว่าเจ็บไข้ได้ป่วยอยู่เป็นประจำ จึงเปลี่ยนชื่อใหม่ว่า นะ อันเป็นมงคลนาม

    ช่วงวัยเยาว์ ครอบครัวมีความเป็นอยู่ค่อนข้างขัดสน เนื่องจากมีบุตรด้วยกันหลายคน ทุกคนต้องช่วยเหลือตนเอง

    ต่อมาครอบครัวได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านเกาะโสภี อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี ท่านจึงได้รับการศึกษาที่วัดหนองมะกอกในชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 3 และชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เรียนที่โรงเรียนวัดหนองแฟบ หลังจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มาช่วยครอบครัวทำอาชีพกสิกรรมทำมาหาเลี้ยงชีพ

    ครั้นอายุครบ 21 ปีบริบูรณ์ ได้ขออนุญาตโยมพ่อโยมแม่ อุปสมบท ซึ่งท่านทั้งสองก็ยินดีร่วมอนุโมทนา

    ท่านได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ พัทธสีมา วัดราษฎร์นิธิยาวาส (ดอนปอ) ต.บ่อแร่ อ.วัดสิงห์ จ.ชัยนาท เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2480 มี พระครูวิจิตรชัยการ (หลวงพ่อเคลือบ) วัดบ่อแร่ เป็นพระอุปัชฌาย์, พระอาจารย์ชั้น เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์สำเนียง เป็นพระอนุสาวนาจารย์

    ได้รับฉายาว่า ฐิตปัญโญ มีความหมายว่า ผู้มีปัญญาอันตั้งไว้แล้ว

    หลังอุปสมบท ท่านได้ปฏิบัติกิจแห่งสงฆ์โดยครบถ้วน ใช้เวลาศึกษาเล่าเรียนพระปริยัติธรรมด้วยความตั้งใจ พ.ศ.2481 สอบได้นักธรรมชั้นตรี จากสำนักเรียนวัดราษฎร์นิธิยาวาส (ดอนปอ) พ.ศ.2483 เดินทางไปศึกษาต่อในสำนักเรียนวัดหนองแฟบ อ.หนองขาหย่าง จ.อุทัยธานี สอบได้นักธรรมชั้นโท

    พ.ศ.2485 ได้ไปจำพรรษาที่วัดปทุมธาราม (หนองบัว) และในปี พ.ศ.2487 ท่านได้เข้าสอบนักธรรมชั้นเอก อันเป็นชั้นสุดท้ายของภาคการศึกษานักธรรมที่วัดหนองแฟบ

    ขณะศึกษานักธรรม ท่านได้มีโอกาสศึกษาวิชาการแพทย์แผนโบราณกับพระอาจารย์ศรี วัดหนองแฟบ ควบคู่ไปด้วย จนมีความรู้ความชำนาญการใช้สมุนไพรรักษาโรคภัยไข้เจ็บทั่วไป

    ด้วยความเป็นพระหนุ่มที่ทรงความรู้ วิทยฐานะนักธรรมชั้นเอก ในสมัยนั้นจะหายากยิ่ง ท่านจึงมีความคิดก่อตั้งสำนักเรียนขึ้นมาใหม่ หลังจากซบเซาขาดหายไปนาน ซึ่งท่านเป็นผู้สอนเองทุกชั้น ตั้งแต่นักธรรมชั้นตรี โท และเอก ท่านจึงมีลูกศิษย์ที่เป็นพระภิกษุบริหารกิจการคณะสงฆ์อยู่ในเวลานี้หลายจังหวัด

    ในความเป็นจริงแล้ว ภายหลังสอบไล่ได้นักธรรมชั้นเอก ท่านคิดที่จะเรียนทางด้านภาษาบาลีต่อ แต่ด้วยกิจการคณะสงฆ์ที่วัด ทำให้ไม่มีเวลา อีกทั้งสำนักเรียนบาลีก็อยู่ในตัวเมืองไกลจากวัดหนองบัว การเดินทางไม่สะดวก ทำให้ต้องงดการเรียนบาลี

    อย่างไรก็ตาม ท่านหันมาให้ความสนใจศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณเพิ่มเติม และเรียนวิทยาคม เลขยันต์พันคาถาควบคู่กันไป จากตำราที่พระปลัดปั่น เจ้าอาวาสรูปที่ 9 ได้รับมอบจากหลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า และพระปลัดปั่นท่านได้มอบตำราของหลวงปู่ศุขให้กับหลวงพ่อนะ

    ท่านได้ศึกษาสรรพวิชาในตำราทั้งหมด จนมีความรู้แตกฉานในวิทยาคมเป็นอย่างดี เป็นที่พึ่งของชาวบ้านที่เจ็บไข้ได้ป่วย และผู้ที่โดนคุณไสย ท่านก็ได้ช่วยเหลือปัดเป่าทุกข์เหล่านั้นด้วยความเมตตา

    ด้านงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา ได้จัดเทศนาธรรมเป็นประจำในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา ชักชวนประชาชนให้ร่วมทำบุญตักบาตร ฟังเทศน์ เวียนเทียนรอบอุโบสถ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา อีกทั้งเป็นครูสอนพระปริยัติธรรม สำนักเรียนวัดปทุมธาราม (หนองบัว) เป็นครูสอนการปฏิบัติธรรมวิปัสสนากัมมัฏฐานแก่พระภิกษุ สามเณร ตลอดจนประชาชนทั่วไป จัดสถานที่อบรมหน่วยพระธรรมทูต และได้รับเชิญให้ออกปฏิบัติงานพระธรรมทูตตามวัดและโรงเรียนในเขตอำเภอ-จังหวัด และจังหวัดใกล้เคียง โดยร่วมมือกับหน่วยราชการต่างๆ

    ด้านการพัฒนาวัด นับตั้งแต่ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดปทุมธารามเป็นต้นมา ได้ทำการพัฒนาวัดจนเจริญรุ่งเรืองขึ้นเป็นลำดับ ด้วยการสร้างศาลาการเปรียญ โครงสร้างชั้นล่างเป็นคอนกรีตเสริม เหล็ก ชั้นบนเป็นไม้ หลังคาเป็นกระเบื้องเกล็ด, สร้างอุโบสถหลังใหม่แทนหลังเก่าที่ชำรุดทรุดโทรม ลักษณะทรงไทย คอนกรีตเสริมเหล็ก เพื่อใช้เป็นที่บำเพ็ญกุศล, สร้างกุฏิ 2 หลัง ลักษณะทรงไทยประยุกต์ ชั้นล่างเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ชั้นบนเป็นไม้, สร้างฌาปนสถานแบบมาตรฐาน พร้อมเตาเผาอย่างดี, สร้างอาคารปริยัติธรรมภิกษุ-สามเณร ลักษณะทรงไทย คอนกรีตเสริมเหล็ก

    นอกจากนี้ ยังสร้างวิหารหลวงปู่ศุขอีก 1 หลัง ลักษณะทรงไทยก่ออิฐถือปูน ช่อฟ้า ใบระกา หน้าบัน ลายใบเทศ ประดับด้วยกระจก, ต่อเติมชานวัดพื้นไม้ สร้างมุขบันไดทรงไทยจัตุรมุข, สร้างหอสมุดประชาชนประจำตำบล, สร้างหอ กลอง หอระฆัง, ถมดินปรับพื้นที่ในลานวัด, สร้างศาลาการเปรียญหลังใหม่

    ด้านวัตถุมงคลของหลวงปู่นะ อาทิ ใบพลูใจเดียว, เหรียญนารายณ์ทรงครุฑ, สมเด็จบัวไขว้ข้างอุ, เหรียญรูปไข่ รุ่นรวยลาภ-รวยยศ, ผ้ายันต์หนุมานประสานกาย เป็นต้น ล้วนแต่ได้รับความนิยมจากสาธุชน เนื่องจากมีพุทธคุณครอบจักรวาล โดดเด่นในหลากหลายด้าน

    พ.ศ.2493 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดปทุมธาราม

    พ.ศ.2495 เป็นเจ้าคณะตำบลบ่อแร่-หนองขุ่น เขต 2

    พ.ศ.2500 เป็นองค์อุปถัมภ์โรงเรียนประชา บาล โรงเรียนรัฐปทุมราษฎร์อุปถัมภ์

    พ.ศ.2501 เป็นพระอุปัชฌาย์

    ลำดับสมณศักดิ์ พ.ศ.2501 ได้รับพระราช ทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ชั้นตรี ในราชทินนามที่ พระครูปทุมชัยกิจ

    พ.ศ.2514 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท ในราชทินนามเดิม

    หลวงปู่นะ พร่ำสอนญาติโยมทั่วไป ให้ทุกคนทำความดี ละเว้นความชั่ว ให้มีความอดทน อดกลั้น ให้มีความละอายต่อการกระทำชั่ว กตัญญูกตเวทีต่อบิดา มารดา และครูบาอาจารย์

    หลวงปู่นะ เป็นพระเถราจารย์ชื่อดังรูปหนึ่ง ที่มีความเคร่งครัดในพระธรรมวินัย เผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนสืบทอดพระพุทธศาสนาให้มั่นคงอยู่เป็นประจำ พัฒนาวัดเก่าแก่เสื่อมโทรมจนเป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง

    เป็นเนื้อนาบุญของชาวเมืองชัยนาทอย่างแท้จริง


    ขอขอบคุณ http://sites.google.com/site/prakruengchainat/luangpoona
     
  19. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097

    สาธุ ขออนุโมทนาและสาธุบุญกับทุกๆ ท่าน ข้างต้นด้วยครับ แม้จะช้าไปบ้าง แต่ด้วยดวงจิตอันเป็นกุศลของท่านนั้น รับรองได้ว่าบุญที่ท่านได้ทำไปนั้น ดวงจิตของท่านได้ซึมซับไว้หมดแล้ว และก็อาจจะตามข้ามภพชาติท่านไป ลองอ่านบทความตามลิงค์ข้างล่างนี้ดูครับ

    จิตเป็นตัวสั่งสมบุญและบาป
    ลักษณะที่สำคัญประการหนึ่งของจิต ก็คือ เป็นตัวสั่งสมบุญ บาปกรรมและกิเลสเอาไว้ ก็เมื่อจิตมีหน้าที่รับอารมณ์ จึงเก็บอารมณ์ทุกชนิดทั้งที่เป็นบุญ ทั้งที่เป็นบาป ทั้งที่ไม่ใช่บุญไม่ใช่บาปเอาไว้ แล้วเก็บไว้ในภวังค์ที่เรียกว่า ภวังคจิต เก็บไว้ได้หมดสิ้นอย่างละเอียด และสามารถนำติดตัวข้ามภพข้ามชาติไปได้ด้วย
    ลักษณะที่จิตเก็บบุญและบาปเอาไว้นั้น เหมือนกระดาษซับ ที่สามารถซับน้ำเอาไว้ คือ ตามปกติเมื่อมีน้ำหกราดลงบนโต๊ะ หรือบนพื้นห้องถ้ามีกระดาษซับ เรามักจะใช้กระดาษนี้ซับ น้ำที่หกราดนั้นให้แห้งไปได้ กระดาษซับสามารกเก็บน้ำได้หมดฉันใด จิตก็เหมือนกัน เมื่อคนเราทำบุญหรือบาปลงไปจิตก็ซับเก็บไว้ได้หมด ฉันนั้น จิตจึงเป็นสภาพพิเศษที่น่าศึกษาจริง ๆ และเราทุกคนก็ได้ใช้จิตสั่งงานอยู่เกือบตลอดเวลา คนฉลาดจึงเห็นคุณค่าในการพัฒนาจิต อบรมจิตของตน
    ในเรื่องที่จิตสามารถเก็บบุญและบาปเอาไว้จนถึงนำข้ามภพข้ามชาติไปได้นี้ บางคนอาจจะสงสัยและคัดค้านว่า “ ถ้าหากว่าจิตมีลักษณะเกิดดับอยู่ตลอดเวลาแล้ว จะติดตามจิตต่อไปได้อย่างไร เพราะบุญและบาปได้ดับไปพร้อมจิตดวงนั้นเสียแล้ว ”
    ข้อนี้ขอเฉลยว่า ธรรมชาติของจิตเกิดดับอยู่ตลอดเวลา และเกิดดับสืบต่อกันไปไม่ขาดสาย เหมือนกระแสไฟฟ้าที่ทำให้แสงสว่างติดต่อกันตลอด เพราะเกิดดับไวมาก อันธรรมชาติของจิตนั้น ก่อนที่มันจะดับ ไป ได้ถ่ายทอดทิ้งเชื้อ คือ บุญ บาป กรรม กิเลส ไว้ให้จิตดวงต่อไป เก็บไว้นำต่อไป แล้วแสดงผลออกมาเป็นระยะตามพลังแห่งกรรม คือบุญและบาปที่ได้สั่งสมไว้ บุญบาป มิได้สูญหายไปพร้อมกับความตายของร่างกาย หรือพร้อมกับความดับของจิต แต่ได้ถ่ายทอดสืบเนื่องไปตลอดเวลา เหมือนกับพันธุกรรมของมนุษย์และสัตว์ทั้งหลายที่ถ่ายทอดสืบต่อมาจากพ่อ แม่ ปู่ ย่า ตา ทวด แม้ท่านจะตายล่วงลับไปแล้ว แต่ตัวท่านก็ยังมีอยู่ เพราะยีน (Gene) ซึ่งถ่ายทอดมาจากสเปอร์ม และไข่ อันเป็นเชื้อในพันธุกรรมของท่านซึ่งเปรียบเสมือนบุญและบาป ยังสืบต่ออยู่ในบุตรหลานของท่านเพราะฉะนั้น บุญ บาป จึงมิได้หายไปตราบเท่าที่คนนั้นยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ แม้จิตจะเป็นธรรมชาติเกิดดับอยู่ตลอดเวลาก็ตาม คนที่เคยพัฒนาตนไว้ดีเมื่อชาติก่อน ๆ เมื่อมาสู่ชาตินี้ จิตก็ยังมีคุณภาพสูงอยู่ ดังที่เราได้พบเห็นท่านผู้ที่มีบุญมากมาเกิด จึงเป็นคนมีรูปร่างดี ปัญญาเฉียบแหลม จิตใจเข้มแข็ง ประกอบด้วยเมตตากรุณา เป็นต้น แต่ถ้าผู้นั้นจะกินแต่บุญเก่าอย่างเดียว ไม่ยอมพัฒนาตนเองในปัจจุบัน พลังของบุญหรือพลังแห่งการพัฒนาตนไว้เมื่อชาติก่อนนั้นย่อมหมดไป ฉะนั้น คนที่ฉลาดจึงไม่หวังแต่กินบุญเก่าอย่างเดียว เขาจะพยายามเพิ่มบุญใหม่ด้วยการพัฒนาตน อบรมตนในปัจจุบันด้วย


    http://www.mettadham.ca/buddhist canon1.htm



    [​IMG]

     
  20. พันวฤทธิ์

    พันวฤทธิ์ เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,782
    ค่าพลัง:
    +16,097
    เสาร์-อาทิตย์นี้ ไม่ได้ไปไหน หากผ่านไปทางท่าพระจันทร์พบเจอพระพิมพ์ตามภาพตามแผงข้างทาง หรือดาวน์โหลดไปให้แผงพระดู หากพบเจอท่าน อย่าปล่อยให้หลุดมือ พระพิมพ์สกุลนี้ เรียกว่าพระพิมพ์สมเด็จสกุลเจ้าคุณกรมท่า พิมพ์คะแนนร้อย คือกดพิมพ์พระครบร้อยองค์ก็พิมพ์พระพิมพ์นี้ 1 องค์ เพื่อที่จะให้สะดวกตอนนับพระพิมพ์ ส่วนพระพิมพ์คะแนนพันนั้น จะมีขอบมนโค้งทั้ง 4 ด้าน โดยอาศัยหลักการพิมพ์ครบ 1 พัน ตามหลักการข้างต้น ซึ่งนับว่าเป็นภูมิปัญญาของผู้สร้างพระพิมพ์ในสมัยโบราณโดยแท้ และในภาพเป็นพระพิมพ์คะแนนร้อยที่เป็นรักสีน้ำเงิน (รักจากประเทศพม่า) และรักสีแดง อยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติม ลองหาอ่านดูในกระทู้นี้หน้าเก่าๆ ดูครับ หรือหากอยากดูองค์จริงก็ติดต่อมาครับ จะได้นำไปให้ดูในวันทำบุญประจำเดือนนี้ วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม แต่ไม่ได้ให้เช่าบูชาครับ เพียงแต่นำไปดูกันให้เป็นความรู้ไว้เท่านั้น ส่วนภาพที่นำมาเป็นของน้องกรณ์สมาชิกประจำของทุนนิธิฯ ที่ถ่ายไว้นานแล้ว สงสารท่าน เลยนำมาลงให้ดูกันอีกครั้ง เผื่อพบเจอท่าน จะได้หาเก็บกันไว้ และขอบอกไว้ก่อนว่า เป็นพระพิมพ์นอกมาตรฐานวงการพระเครื่อง เล่นหากันเฉพาะกลุ่ม แต่โทษที อิทธิคุณและเอกคุณของท่านพระพิมพ์สมัยนี้ ไม่มีเทียบได้เลยครับ เพราะองค์ผู้เสกท่านเป็นพระธรรมฑูตโลกอุดรที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ (โต) อัญเชิญท่านมาช่วยทำให้ทางอทิสมานกาย (กายทิพย์) อริยสงฆ์หรือฌาณลาภีบุคคล หรือผู้ที่ฝึดจิตจนได้ระดับฌาณอ่อนๆ สามารถสัมผัสพลังท่านอย่างสบายครับ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG] [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...