สัมภาษณ์ ดวงญาณหมู ในไส้กรอกจากตลาดหน้าทอน วัดศรีทวีป จ.สุราษฎร์ธานี

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย matiepoppy, 12 กรกฎาคม 2011.

  1. matiepoppy

    matiepoppy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2007
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +169
    สัมภาษณ์ดวงญาณหมูในไส้กรอกจากตลาดหน้าทอน
    ดวงญาณมาแสดงประจักษ์หลักฐาน ณ วัดศรีทวีป (วัดใหม่)
    หมู่ที่ ๕ ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี
    วันเสาร์ที่ ๓ เดือนกุมภาพันธ์ พุทธศักราช ๒๕๔๔ เวลา ๑๗.๐๕ น.

    [​IMG]
    ขออภัย! ชื่อบุคคลที่ปรากฏในมิติแห่งจักรวาล เป็นชื่อสมมติทั้งสิ้น ถ้าแม้นว่าไปสอดคล้องตรงกับชื่อของท่านใด หรือญาติพี่น้องของท่านใด ให้คิดแต่เพียงว่า นั้นเป็นชื่อสมมติ เพื่อความสมบูรณ์ของเรื่อง ขอขอบพระคุณมา ณ โอกาสนี้

    จักรวาลมีความลี้ลับเหลือหลาย มีสิ่งที่อยู่นอกเหนือจินตนาการของปุถุชน ที่มีกิเลสบังตา ไม่อาจเข้าถึงด้วยวิธีทางวัตถุ ในมิติจักรวาล มีพลังงานคลื่นความถี่ที่ไม่อาจมองเห็นด้วยตาเนื้อธรรมดา แต่ทิพยจักษุของผู้บำเพ็ญธรรมในระดับต่างๆ ก็จะเข้าถึง สัมผัสได้ มองเห็นได้ ละเอียดเป็นชั้นๆ การที่เรายังเข้าไปไม่ถึง ยังสัมผัสไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นไม่มี ฟ้า จักรวาลมีความแยบคาย และมอบหมายงานให้ตามความเหมาะสม ตามวาระของแต่ละสถานการณ์ใด ฟ้าพิจารณาเห็นอย่างวิจิตร แยบคายแล้ว จึงจัดให้เป็นไปตามความเหมาะสมตามสถานการณ์นั้นๆ ฟ้าเป็นเจ้าชีวิตมนุษย์ ให้กำเนิดมนุษย์ และสรรพสิ่งทั้งหลาย บุคคลผู้สร้างเครื่องจักรใด ย่อมมองเห็นทุกส่วนของเครื่องจักรนั้น และรู้ธรรมชาติของเครื่องที่ตนสร้างขึ้นมา ฉันใด ฟ้าจักรวาลก็มีความละเอียดอ่อนยิ่งกว่าหลายหมื่นหลายแสนเท่า ตั้งสติให้มั่น เปิดใจออก แล้วเริ่มศึกษาด้วยสมาธิจิตตามลำดับ ปัญญาของท่านก็จะแตกฉาน เข้าใจสภาวะของจักรวาล และตัวท่านเองยิ่งขึ้น....................

    เรื่องนี้เกิดขึ้นที่ วัดศรีทวีป (วัดใหม่) หมู่ที่ ๕ ต.อ่างทอง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ภายหลังจากได้ขออนุญาตใช้สถานที่เพื่อสวดมนต์ กรวดน้ำส่งบุญกุศลให้วิญญาณเหล่านั้นแล้ว วิญญาณหมูในไส้กรอกที่ถูกย่างอยู่บนเตาไฟ ในตลาดหน้าทอน ได้มาแสดงประจักษ์หลักฐานให้ปรากฏ เพื่อเป็นเครื่องประเทืองปัญญาแก่สาธุชน ได้มองเห็นสัจธรรมของฟ้าดินอย่างเที่ยงธรรม เกิดสัมมาทิฏฐิ วันหน้าจะได้พ้นจากการหลงทางชีวิต ดวงปัญญาเกิดในจิตญาณของท่านทั้งหลายแล้ว จะได้ไม่สร้างวจีกรรม จากการวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่งเกิดจากความรู้สึกที่คิดว่า อย่างนั้น อย่างนี้ ตามความเห็นของตน หาว่าผู้ที่เข้าถึงมิติจักรวาลงมงาย หาว่าเขาบ้า เพราะตาเนื้อของตัวเองมองไม่เห็น เพราะตัวเองยังเข้าไม่ถึงเอง จึงกล่าวหาคนอื่น แล้วจึงตัดสินเอาเองโดยการคาดคะเน จึงว่า “ไม่มี” คนตาบอด แล้วยังหัวดื้อ จิตรั้น ย่อมปฏิเสธดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ ที่ตัวเองมองไม่เห็น “ไม่มี” ส่วนคนตาดี มองเห็นดวงจันทร์ ยามค่ำคืนสุกสว่างเย็นตาเย็นใจ เห็นดวงอาทิตย์ส่องแสงสว่างเจิดจ้า แจ่มใสอยู่ทุกวี่ทุกวัน ฉันใด เรื่องความลี้ลับของจักรวาลก็เป็นเช่นเดียว ท่านผู้มีปัญญาโปรดจงพิจารณาเอาเถิด

    บทสนทนาต่อไปนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยภาวะปกติ ของมิติแห่งจักรวาล ตามเหตุปัจจัยของกาลเวลา ที่ฟ้าเปิดเผยทั้งความลับ และความลี้ลับของสรรพสิ่ง ในยุคกาลโปรดสามโลกครั้งนี้ เพื่อต้องการให้มนุษย์ทราบว่า วัฏสงสารอันหาเบื้องต้นไม่ได้ หาเบื้องปลายไม่พบ จิตญาณของมนุษย์เดินทางไกล ไปสู่ภาวะตามเหตุที่ตนสร้างไว้ เดรัจฉานวันนี้ เคยเป็นมนุษย์มาก่อนในอดีต สลับหมุนเวียนกันไม่มีที่สิ้นสุด เกิดเป็นกายเนื้อใดๆ และเกิดครั้งใดก็เป็นทุกข์ครั้งนั้น จะต้องเวียนว่ายตายเกิดอีกนานแสนนาน เข้าร่างโน้น ออกร่างนี้อยู่ตลอดไปจนกว่าจะพบหนทางสัจธรรม บำเพ็ญหลุดพ้นจากสนามพลังแห่งโลกโลกีย์นี้ กลับสู่ถิ่นฐานเดิมของดวงญาณ คือแดนนิพพาน

    อาจารย์ : มาแล้วหรือครับ ?
    วิญญาณ : (วิญญาณพยักหน้าตอบรับ)
    อาจารย์ : ท่านเป็นใคร ?
    วิญญาณ : เราเป็นวิญญาณหมูในไส้กรอก ที่กำลังถูกย่างไฟอยู่ที่ตลาด เจ็บแสบ ปวดร้อนมาก
    อาจารย์ : ท่านมาใช้ร่างนี้ได้อย่างไร ?
    วิญญาณ : เราตามคนมีแสงที่หน้าผากมา ตอนนั้นเราถูกย่างอยู่ที่บนเตา ร้อนมาก เราเห็นแสงแล้วเย็นสบาย แล้วเราก็ตามมา เราตามผู้หญิงคนนี้มา (เอามือชี้ไปที่ร่างสังขารมนุษย์ ที่วิญญาณหมูในไส้กรอกใช้อาศัย เพื่อสื่อสารให้เข้าใจภาษาอยู่) ผู้หญิงคนนี้ชวนมา เขาพูดว่า ให้ตามเรามา เพื่อปลดปล่อยให้พ้นจากความทุกข์ ให้วิญญาณสัตว์ทุกชนิดในตลาดตามเรามา ไปอยู่ในที่มีความสุข
    อาจารย์ : หมูถูกฆ่าเมื่อไร ?
    วิญญาณ : สองวันที่แล้วมา
    อาจารย์ : วันนี้ วันที่ ๓ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๔๔ ถูกฆ่า ๒ วันที่แล้วมา หมายความว่าถูกฆ่าเมื่อวันที่ ๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๔ ใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่!
    อาจารย์ : ช่วยเล่าความรู้สึกในขณะที่ถูกฆ่าได้ไหม ?
    วิญญาณ : อย่าให้เราพูดถึงเลยได้ไหม ? (ร้องไห้แสดงความเจ็บปวด, ท้อแท้) เราไม่อยากนึกถึง เพราะมันเจ็บปวดเหลือเกิน
    อาจารย์ : ข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์วิญญาณทั้งหลายจะรวบรวมพิมพ์เป็นคัมภีร์จิตฯ เมื่อเป็นเช่นนี้ก็เท่ากับว่าหมูเองได้ร่วมสร้างมหากุศล เมื่อคัมภีร์จิตฯ ออกเผยแพร่แล้ว คนทั้งหลายที่มีจิตเมตตาได้อ่านคัมภีร์ฯนี้แล้ว รับรู้ถึงความเดือดร้อนเจ็บปวดทรมานของสัตว์ที่ถูกฆ่า เขาก็เกิดความสงสาร เห็นใจพวกท่าน จึงไม่มีแก่ใจที่จะกินเนื้อผู้อื่นกันอีกต่อไป สัตว์ทั้งหลายจะถูกฆ่า และตายน้อยลง เป็นการสร้างบุญเผื่อแผ่แก่สัตว์อื่นด้วย เป็นบุญใหญ่ และวิญญาณที่ได้มาแสดงหลักฐานก็ได้บุญมากด้วย
    วิญญาณ : มันเจ็บปวดทรมานมาก ตอนที่ถูกฆ่ามันเจ็บปวดจนขาดใจ เสียว ใจหวิวๆ
    อาจารย์ : ขอให้เล่าถึงอาการความรู้สึกที่เกิดในขณะที่วิญญาณจะออกจากร่างสังขาร เมื่อสังขารหมูแตกดับ จากการถูกฆ่า สำหรับคณะเรา เพราะรู้ เห็น และเข้าใจถึงความเจ็บปวดทรมานของสัตว์โลกที่ร่วมเกิดแก่เจ็บตาย เราจึงเลิกกินเนื้อสัตว์มานานแล้ว ?
    วิญญาณ : เราขอบใจ ที่ไม่เบียดเบียนกัน เราขอบใจแทนสัตว์ทั้งหลาย วันนี้เรามาเป็นตัวแทนหมู และสัตว์อื่นในตลาดหน้าทอน เกาะสมุยทั้งหมด เมื่อมนุษย์จะฆ่าเรา เรารู้ว่าท่านเคยเห็นหมูถูกฆ่ามาแล้ว เมื่อเขาจับเราใส่ชุด นำส่งมาที่เกาะสมุย
    อาจารย์ : เขาจับใส่ชุดหมู (กรงขังหมู) ซึ่งเดี๋ยวนี้ทำด้วยเหล็ก รู้สึกเจ็บปวดอย่างไรบ้าง ?
    วิญญาณ : เราบอกไม่ถูก ทั้งร้อน อึดอัด ทรมาน เจ็บปวด เหนื่อย เพลีย
    อาจารย์ : รู้ชะตากรรมหรือไม่ ว่าจะเป็นอย่างไร รู้ชะตากรรมตั้งแต่เกิดมาเป็นหมู หรือว่ารู้ชะตากรรมว่าจะลงเอยอย่างไรในขณะที่ถูกจับใส่ชุดหมู ?
    วิญญาณ : เรารู้ชะตากรรมตั้งแต่เกิดแล้ว เราก็ได้แต่ปลง เรารู้ว่าเกิดเป็นหมูแล้วต้องถูกฆ่าเป็นอาหารของคน ขณะที่ถูกลำเลียงมาก็รู้ชัดเจนว่า เวลานั้นมาถึงแล้ว เราไม่อาจร้องขอชีวิตจากใครได้ ก็ต้องแบกรับกรรมที่สร้างไว้ แต่ก็ต้องการให้อายุขัยหมดตามวาระ และหวังว่าจะมีโอกาสนั้น
    อาจารย์ : ท่านเคยสร้างกรรมไว้อย่างไรบ้าง ?
    วิญญาณ : ก่อนจะเกิดเป็นหมู เราเคยเกิดเป็นคนมาก่อน
    อาจารย์ : เกิดที่ไหน ชื่อ นามสกุลอะไร และเคยทำกรรมอะไรไว้ ?
    วิญญาณ : เคยเกิดที่สุราษฎร์ฯในตลาด เป็นผู้หญิงชื่อวารี จำนามสกุลไม่ได้ ชอบขโมยของคนอื่นในตลาด ของที่เขาลืมไว้ หรือเจ้าของไม่เต็มใจจะให้ ขี้เกียจทำงาน กินแล้วนอน
    อาจารย์ : ช่วยเล่าถึงความเจ็บปวด ขณะที่วิญญาณออกจากร่างสังขารเมื่อถูกฆ่า ?
    วิญญาณ : เขาจับเราใส่ชุดเหล็ก เอามาขังคอกรวมกันหลายตัว แล้วลากมาที่ข้างเตาไฟร้อน ตีหัวเรา เราหลบหลายครั้ง ไม่พ้น เราถูกตีที่หัวจนมึน แล้วเขาก็เอามีดมาเสียบที่คอเรา เลือดไหล เจ็บปวดหมดแรง วิญญาณค่อยๆออกจากร่าง ความเจ็บปวดยิ่งเพิ่มขึ้น วิญญาณยังอยู่ในร่างบางส่วน เขาลวกน้ำร้อน แสบร้อนมาก ขูดหนังเรา ทั้งที่หัวใจยังเต้น วิญญาณเรายังอยู่ เขาเอาเราไปแล่เนื้อ เราเจ็บปวด ปวดแสบ ปวดร้อน ทุรนทุราย ไม่มีเสียงร้องแล้วในตอนนั้น เราโกรธมาก ร้องไห้ไปสาปแช่งไปด้วย ร้องไห้ด้วยความโกรธและอาฆาตแค้น เราจะต้องทำคืนให้ได้
    อาจารย์ : หมายความว่าในขณะนั้นวิญญาณออกจากกายสังขารยังไม่หมด จึงเจ็บปวดถึงกายสังขารหมูด้วย เช่นนั้นหรือ ?
    วิญญาณ : เจ็บที่จิตญาณ ทรมานมากเมื่อจิตญาณออกจากร่างทีละนิดๆ ไม่ได้ออกหมดทีเดียว
    อาจารย์ : หมูถูกฆ่าที่โรงฆ่าสัตว์ หรือว่าถูกฆ่าตามบ้าน ?
    วิญญาณ : ที่โรงฆ่าสัตว์
    อาจารย์ : ที่เกาะสมุยใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่!
    อาจารย์ : ที่นี่มีโรงฆ่าสัตว์ใหญ่หรือเล็ก ?
    วิญญาณ : เล็กๆ
    อาจารย์ : ท่านเป็นหมูที่เขาเลี้ยงที่เกาะสมุยใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ไม่ใช่ เราเป็นหมูที่เขาเลี้ยงที่สุราษฏร์
    อาจารย์ : เขาส่งมาทางเรือเฟอร์รี่หรือ ?
    วิญญาณ : ใช่!
    อาจารย์ : รู้สึกอย่างไรบ้าง ตอนที่ถูกลำเลียงมาที่เกาะสมุย ?
    วิญญาณ : ร้อน อึดอัด เจ็บปวด ทรมานดิ้นไปไหนไม่ได้ อยู่ในที่แคบๆ ทรมานตลอดทางจนถึงโรงฆ่า เราได้แต่ร้องไห้อย่างเดียว ดิ้นไปมาก็เจ็บปวด
    อาจารย์ : หมูอายุเท่าไร ตอนที่นำมาโรงฆ่าสัตว์ ?
    วิญญาณ : ๒ ปี!
    อาจารย์ : จิตญาณหมูที่ทยอยออกจากร่างไปไหน ?
    วิญญาณ : ไปรอเป็นดวงเต็มร่างญาณอยู่ข้างนอกด้วยความเจ็บปวด นานกว่าจะออกหมด และนานกว่าจะมารวมกันได้
    อาจารย์ : วิญญาณเมื่ออกจากร่างแล้วไปไหน ?
    วิญญาณ : เราเกาะติดอยู่กับเนื้อของเรา
    อาจารย์ : เมื่อออกมาจากร่างสังขาร วิญญาณหมูก็ยังมีร่างวิญญาณเป็นหมู และตามมาอยู่ในไส้กรอกใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่!
    อาจารย์ : ว่ากันว่าวิญญาณหมูเป็นวิญญาณสัตว์ที่อาฆาตมาก ตราบใดที่เนื้อชิ้นสุดท้ายยังไม่ถูกกลืนกิน วิญญาณก็จะเฝ้าอยู่อย่างนั้นไม่ว่าจะนานแสนนานเท่าใด ใช่หรือไม่ ?
    วิญญาณ : ถูกต้อง! เราจะเฝ้าดู จะจำหน้าคนกินเนื้อเรา เราจะสาปแช่งทุกคนที่กินเนื้อเราให้มีจิตใจที่ดุร้าย และเราจะแก้แค้นในภายหลัง เมื่อได้โอกาสในเวลาใดก็แล้วแต่
    อาจารย์ : หมูแก้แค้นอย่างไร?
    วิญญาณ : ทำให้ความเจ็บปวดตามร่างกาย วิญญาณของเรา จะดูด กัด ให้ความเจ็บปวดทรมานเหมือนกับตอนที่เราถูกฆ่า ให้เจ็บ ให้ไข้ ทรมานจนกว่าจะตาย
    อาจารย์ : เมื่อหมูถูกฆ่า ขูดขน ล้างสะอาดแล้ว จะถูกผ่าออกเป็น ๒ ซีก แล้วเมื่อนำไปตลาดจะถูกผ่าเป็นชิ้นใหญ่ๆ ๔ ชิ้น เมื่อถึงเขียงมีคนมาซื้อคนละ ๑ กิโล สมมติว่าหมูมีน้ำหนัก ๕๐ กิโล ก็หมายความว่ามีคนมาซื้อถึง ๕๐ คน จึงจะหมด ถามว่าวิญญาณดวงหนึ่งของหมูจะแบ่งออกเท่ากับจำนวนเนื้อที่แบ่งและตามคนทั้ง ๕๐ คนไปพร้อม ๆ กันเช่นนั้นหรือ ?
    วิญญาณ : ไม่ใช่! เราใช้วิธีกำหนดจิต นำความรู้สึกเคียดแค้นอาฆาตไปจดจำใบหน้าของผู้ซื้อเนื้อเราไปกินทุกคน และสาปแช่งให้คิดถึงสิ่งที่ไม่ดี แล้วทำสิ่งที่ไม่ดี
    อาจารย์ : คณะที่เดินเข้าไปในตลาดหลายคน หมูเห็นอะไรที่คนเหล่านั้น ?
    วิญญาณ : เราเห็นทุกคนมีแสง
    อาจารย์ : สีอะไร ?
    วิญญาณ : สีเหลืองนวล เราเห็นท่านด้วย เดินตามผู้หญิงคนนี้ (มือชี้ไปที่ร่างที่หมูกำลังใช้อยู่เพื่ออาศัยหลอดเสียงพูดคุยกับคณะเรา) รัศมีของท่านจ้ามาก มีสีเหลืองนวลเย็น ๆ (หมายถึง อาจารย์) ขณะที่เราถูกย่างร้อนอยู่บนเตาไฟเราเห็นแสงท่านแล้วเย็นสบาย
    อาจารย์ : รู้ไหม ในขณะนั้นผมก็กำหนดในใจว่าให้ทุกดวงญาณตามออกไป แล้วไปหาพ่ออาทิตย์ (สมเด็จพระชินปัญชรมหาราช) ที่นั่งอยู่ริมทะเล และตามพระองค์ท่านไปเพื่อไปทำพิธีปลดปล่อยดวงญาณขึ้นตามลำแสงไปสู่ลานธรรมพระศรีอาริยเมตไตรยที่วัด ?
    วิญญาณ : เราได้ยิน และก็ตามออกไป
    อาจารย์ : วิญญาณสัตว์ทุกชนิดทั้ง กุ้ง หอย ปู ปลา และสัตว์อื่นๆ ที่ขายอยู่ในตลาดตามออกมาหมดหรือไม่ ?
    วิญญาณ : ตามมาหมดไม่เหลือเลย
    อาจารย์ : ระหว่างคนกินกับคนฆ่า โกรธแค้นใครมากกว่ากัน ?
    วิญญาณ : โกรธคนกินมากกว่า
    อาจารย์ : เพราะเหตุใด ?
    วิญญาณ : เพราะถ้าเขาไม่กินเรา เราก็ไม่ถูกฆ่า คนกินเป็นต้นเหตุให้เราต้องตาย
    อาจารย์ : คิดเป็นสัดส่วน ถ้าสมมติว่าความแค้นมี ๑๐๐ ส่วน หมูจะแค้นคนกินมากกว่ากี่ส่วน ถึง ๖๐ ส่วนไหมครับ ?
    วิญญาณ : เราไม่รู้ รู้แต่ว่าเราแค้นมากกว่าคนฆ่ามากนัก
    อาจารย์ : ในขณะที่คนกินเนื้อ เคี้ยวเนื้ออยู่นั้น วิญญาณอยู่ที่ไหน ?
    วิญญาณ : วิญญาณของเราก็อยู่ในเนื้อ เมื่อเขาเคี้ยวเรา เราก็เข้าไปเกาะทับที่ใจของคนกิน เราโกรธแค้นมาก เพราะกรรมของเราไม่หมด ต้องเกิดแล้วเกิดอีก เมื่อเราถูกกำหนดให้เกิดเป็นหมู ๕ ชาติ มีคนมาฆ่าก่อนกำหนดตาย เราก็ต้องเริ่มต้นนับ ๑ ใหม่ แล้วเมื่อไหร่เราจะได้เกิดเป็นคนอย่างท่านละ (ร้องไห้สะอึกสะอื้น น่าสงสาร)
    อาจารย์ : หมายความว่าถ้าเกิดเป็นหมูมีอายุขัย ๓ ปี ถึง ๕ ชาติ ถ้าตายตามอายุขัยโดยไม่ถูกตัดรอนชีวิตเสียก่อน เวลาใช้กรรมในการเกิดเป็นหมูรวมเวลาทั้งหมด ๑๕ ปี แต่ถ้าอายุเกือบ ๒ ปี ถูกฆ่าและในขณะที่การใช้กรรมดำเนินมาถึงชาติที่ ๓ หรือ ๔ ใกล้จะหมดกรรมแห่งการเกิดเป็นหมูในวาระนั้นๆ ก็เท่ากับว่าเวลาที่ผ่านไปในการใช้กรรมนั้นสูญเสียไปเปล่า เมื่อเริ่มนับ ๑ ใหม่ก็เท่ากับเพิ่มเวลาแห่งการรับกรรมขึ้นไป เท่ากับจำนวนเวลาที่ถูกฆ่าก่อนเวลาหมดอายุขัยใช่ไหม ?
    วิญญาณ : ใช่! เราจึงโกรธคนกินที่เป็นต้นเหตุ ให้มีการฆ่ามาขายในตลาด มากกว่าคนฆ่าด้วยเหตุนี้
    อาจารย์ : แล้วญาณหมูตัวนี้เกิดมาเป็นหมูกี่ชาติแล้ว ?
    วิญญาณ : ๒ ชาติ!
    อาจารย์ : ตายก่อนอายุขัยทั้ง ๒ ชาติหรือเปล่า หรือว่าเฉพาะชาตินี้ ?
    วิญญาณ : ทั้ง ๒ ชาติ
    อาจารย์ : ก็น่าสงสาร เริ่มต้นใหม่อยู่เช่นนี้เรื่อยไป แล้วเมื่อไหร่จะครบตามเวลาที่กำหนด?
    วิญญาณ : ช่วยบอกกันต่อๆ ไปอย่าให้คนทั้งหลายกินเนื้อพวกเราอีกเลย นอกจากจะเจ็บปวดทรมานแล้ว ภพชาติการเกิดใช้กรรมจะหมดเมื่อใด เราก็ทุกข์ทรมานไม่จบสิ้น เราจึงแค้นและหาทางแก้แค้นให้ได้ ขอบคุณที่คณะท่านมาช่วยเราให้เราพ้นจากความทุกข์ทรมาน
    อาจารย์ : คณะปลดปล่อยวิญญาณภายใต้การนำของแม่ธรณี และสมเด็จพระชินปัญชรมหาราช เพื่อให้จิตญาณที่ทับถมอยู่ในพื้นปฐพีนี้ขึ้นสู่ลานธรรมของพระศรีอาริยเมตไตรยเพื่อไปขัดเกลาจิตญาณให้ใส ได้ไปสู่การเกิดเป็นคนใหม่ในยุคที่พระศรีอาริยเมตไตรยมาเกิดครองกายเนื้อ และตรัสรู้ธรรม เป็นพระพุทธเจ้าองค์สุดท้ายของกัปนี้ ซึ่งทุกดวงญาณเหล่านั้น ครั้นได้ฟังธรรมจากพระศรีอาริยเมตไตรยแล้ว จะได้สำเร็จธรรม กลับแดนนิพพานบ้านเดิมของทุกดวงญาณ กลับไปกราบบาทพระแม่องค์ธรรม อยู่ที่นั่นอย่างมีความสุขยาวนาน รู้จักพระแม่องค์ธรรมไหม ?
    วิญญาณ : เราไม่เคยรู้จัก ไม่เคยได้ยิน
    อาจารย์ : พระแม่องค์ธรรม คือทิพย์ญาณ ธรรมญาณใหญ่ของจักรวาล พระองค์ผู้เป็นต้นกำเนิดพลังแห่งจักรวาล เป็นแม่แห่งดวงญาณทั่วทั้งจักรวาลนี้ คนเรานั้นแต่เดิมเป็นดวงญาณที่อวตาร คือแยกมาจากอุระพระแม่องค์ธรรม มาเวียนเกิดเวียนตายนับชาติไม่ถ้วน ครั้งใดที่จิตคิดผิด พูดผิด ทำผิด ก็จะไปเกิดเพื่อรับความทุกข์ทรมาน ในภพภูมิที่ไม่ดี เรียกกันว่า “อบายภูมิ” ถ้าคิดถูก พูดถูก ทำถูก ก็จะไปเกิดในที่ดี ที่เรียกกันว่า “กามภูมิ” เพื่อรับผลที่เป็นความสุข วัฏจักรของชีวิต เกิดๆตายๆ เข้าร่างโน้นออกร่างนี้ อยู่ตลอด ทุกชาติของการเกิดตายล้วนแต่ทุกข์ทั้งสิ้น หมูเกิดมาใช้กรรม ๒ ภพชาติ ก็เห็นความทุกข์ทรมานแล้ว จะต้องเกิดตายอีกยาวนาน ก็ต้องเป็นทุกข์อีก ไม่รู้จบสิ้น วัฏสงสารนี้จึงน่าเบื่อหน่าย หมูและเพื่อนจิตญาณเดรัจฉานในตลาดสดหน้าทอนเกาะสมุยวันนี้ โชคดีที่เกิดและตายทันยุคโปรด ๓ โลกของพระศรีอาริยเมตไตรย และคณะของแม่ธรณีได้มาปลดปล่อยวิญญาณที่นี่ ในวันนี้ จึงได้รับโอกาสพิเศษนี้ ขึ้นสู่ลานธรรมของพระศรีอาริยเมตไตรย ไปฟังธรรม ขัดเกลาจิตที่นั่น แล้วจึงจะได้เกิดเป็นคน ในยุคพระศรีอาริยเมตไตรย ฟังธรรมจนสำเร็จธรรม กลับคืนแดนนิพพานในชาติเดียวนั้น ขอแสดงความยินดีอย่างยิ่ง โอกาสเช่นนี้กัปหนึ่งมีครั้งเดียว แสนปีมีครั้งเดียวเท่านั้น
    วิญญาณ : ขอบคุณที่ท่านมาช่วยเรา ขอบคุณแทนวิญญาณทุกดวง (ร้องไห้ตลอดเวลาน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความซาบซึ้ง ตื้นตัน ยินดี และสำนึกขอบคุณ)
    อาจารย์ : ขอบคุณพระแม่องค์ธรรมที่เมตตาจัดให้มีการโปรด ๓ โลกในครั้งนี้ ขอบคุณพระแม่ธรณี และพ่ออาทิตย์ (สมเด็จพระชินปัญชรมหาราช) ที่เสด็จมาช่วยงานโปรด ๓ โลกเฉพาะปลายกัปนี้เท่านั้น เราจึงมีวันนี้ วันปลดปล่อยวิญญาณให้พ้นจากความทุกข์ทรมาน
    วิญญาณ : ขอบคุณท่าน แทนทุกดวงญาณอีกครั้งหนึ่ง
    อาจารย์ : ขอแสดงความยินดี ขอให้โชคดี และสำเร็จธรรมกลับแดนนิพพานอยู่อย่างมีความสุขในอ้อมอกของแม่ สวัสดี.


    ขอบพระคุณข้อมูล จากมูลนิธิชินบัญชร
    อนุโมทนาบุญกับมูลนิธิและท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ




     
  2. สุทธิมา

    สุทธิมา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 เมษายน 2010
    โพสต์:
    784
    ค่าพลัง:
    +2,118
    กราบอนุโมทนาสาธุ
    ขอแผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทุกท่านทุกวิญญาณด้วย ขอให้ไปสู้สุคติภพภูมิเทอญ.
     
  3. เอทัศน์

    เอทัศน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2009
    โพสต์:
    330
    ค่าพลัง:
    +807
    รับรู้ได้ถึงความรู้สึกเจ็บปวดทรมานได้เลยค่ะ..ขออนุโมทนาบุญกับเจ้าของกระทู้ด้วยค่ะ
     
  4. Aporica

    Aporica สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +1
    เอ่อ...คือ ผมไม่เชื่ออ่ะครับ
    ไม่มีเจตนาลบหลู่ หรือ ดูหมิ่นแต่อย่างใดนะครับ
    อ่านแล้วมันรู้สึกขัดชอบกลครับ
     
  5. ดินหอม

    ดินหอม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    195
    ค่าพลัง:
    +187
    เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริงเป็นคติธรรมที่ผู้มีกุศลจิตเขียนถ่ายทอดเพื่อให้ร่มรับรู้ถึงความเจ็บปวดทุกข์ทรมานของสัตว์ที่ถูกฆ่าเป็นอาหารของคนทำให้เกิดเมตตาสงสารเพื่อนร่วมทุกข์ในโลกในร่างต่างๆนับเป็นกุศลจิตของพระโพธิสัตว์พ้นจากอานาติบาท ควรแก่การอนุโมทนายิ่ง..

    โลกแห่งชีวะ โลกแห่งดินหอม โลกแห่งอวิชชาและวิชชา ดินแร่ธาตุปรุงพร้อมน้ำลมไฟได้ส่วนเป็นสังขารร่างกาย ล้วนแสวงหาดินปรุงรสกลิ่นสนองตัณหาจิตผ่านทวารชิวหาวิญญาณเวทนาแห่งสัตว์ เต็มดินเข้าไปในดิน หมุนเวียนเปลี่ยนไปไม่หยุดนิ่ง สัตว์เล็กกินสัตว์ใหญ่ ห่วงโซ่อาหารของโลก สิ่งไหนกินแล้วทุกข์ใจก็ไม่ต้องกินมัน.....คิดได้ดังนั้นมดหนอนแมลงยุงก็กลัวตายเจ็บปวดเหมือนกัน สักวันคงมีคนสัมภาษณ์ดวงญาณยุงบนไม้ช็อตยุง..หุหุมันก็แค่ดินหอมก้อนหนึ่ง.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กรกฎาคม 2011
  6. ballbeamboy2

    ballbeamboy2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    1,622
    ค่าพลัง:
    +1,618
    อ่านแล้วเข้าใจ แต่ผมก็ไม่รู้จะทําไง ผมก็ต้องกินเนื้อเป็นปกติ คือใครให้ไรมาใครทําไรมาให้ผมก็กิน ถ้าแม่ผมซื้อมา แล้วผมไม่กินเปลืองตังค์เปล่าๆ ผมจะคอยแผ่เมตตาให้สัตว์ที่ผมกินมันเข้าไปละกัน
     
  7. ภัทรพงษ์

    ภัทรพงษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +64
    แผ่เมตตาให้สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงครับ ...
     
  8. jiranuchauth

    jiranuchauth Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +97
    น่ากลัวเราเลิกกินได้แต่เนื้อวัวอ่ะ หมูยังเลิกไม่ได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...