หลวงปู่จันทร์ดี เกสาโว เล่าเรื่องหลวงปู่มั่นสยบฤทธิ์เหล็กไหล

ฌานนิโรธสมาบัติ​

ของหลวงปู่จันทร์ดี เกสาโว​

เมื่อบ่าย 3 โมงเย็นเศษของวันที่ 14 กันยายน 2542 ที่ผ่านมา ที่หมู่บ้านโนนสวรรค์ และ และ หมู่บ้านวังหว้า ฝนชุ่มฉ่ำ ตกหนักต้อนรับการเดินทางของรถพยาบาลที่นำหลวงปู่จันทร์ดี เกสาโว กลับวัดป่าหินเกิ้งวิปัสสนา ตามเจตนาของท่านที่ประสงค์จะละวางสังขารที่วัด โดยมีแพทย์ พยาบาล และพระที่ดูแลท่านในสภาพที่มีสายยางดูดเสมหะในลำคอ และต้องให้ออกซิเจนมาตลอดทางที่ออกจากห้อง อาร์.ซี.ยู ของโรงพยาบาลศิริราช ซึ่งเป็นที่อัศจรรย์ยิ่งนักที่ผู้ขับรถตามรถพยาบาลซึ่งใช้ความเร็วบางช่วงถึง 170-180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ยังขับตามรถพยาบาลไม่ทัน ตลอดการเดินทางแดดจัดอากาศดีมาก ไม่มีฝนตก จะมีก็แต่สองหมู่บ้านที่อยู่ปากทางเข้าวัดและที่วัดเท่านั้น ลูกศิษย์ที่ขับตามกันมาหลายคันขับตามไม่ทัน ถึงกับออกปากว่า "หลวงปู่ท่านบินกลับวัดหรือย่นระยะทางกันแน่"​

ครั้นถึงวัด หลวงปู่จันทร์ดี เกสาโว ได้ขอให้แพทย์ถอดเครื่องช่วยหายใจออก พร้อมกับลุกนั่ง บอกความประสงค์ครั้งสุดท้ายด้วยความเมตตาแก่ญาติและลูกศิษย์ที่อยู่ใกล้ชิด ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้งวัดทั้งคืน ดูเหมือนท่านไม่รู้สึกตัว เพราะเวทนารุมเร้าหนักเหลือเกิน เวลา 15.55 น. ท่านจึงเอนตัวนอนทอดร่างกายเหยียดยาว ท่านหลับตาลงและเข้าฌานสมาบัติอย่างเฉียบพลัน ท่านดับขันธ์ห้าของท่าน ด้วย ความสงบนิ่ง ไม่มีอาการของเวทนาเข้ามาแทรก ท่านละสังขารของท่านเมื่อเวลา 15.59น.​

 

โธ่ หลวงปู่จากไปอีกองค์นึงแล้ว แดนพระนิพพาน ไม่เป็นไรลูกหลานจะตามไป แต่ขอชดใช้ค่าน้ำนมแม่ก่อน

 

ขอบคุณครับ ธรรมมะ และบทความดีๆ ที่เสียสละเวลานำมาเสนอ ขอให้เจริญในธรรมครับ

 

ขอบคุณครับ..
ขอให้เจริญในธรรม... ยิ่งๆเทอญ

 

จบแล้วหรือครับท่าน <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->jiradech panatuhk<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_4909879", true); </SCRIPT>

 

ต่อไปจะนำพระธรรมเทศนาของหลวงปู่ที่หาฟังได้ยากมาพิมพ์ไว้ให้อ่านนะครับ ขอเวลาอีกนิดนึง หลวงปู่จะสอนเรื่องสมาธิและการภาวนาด้วยการเจริญสติ

เหมาะแก่ผู่ที่ต้องการไปพระนิพพานโดยตรงครับ

 

โมทนา สาธุครับท่าน <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->jiradech panatuhk

 

หลวงปู่แนะกรรมฐาน

ผู้เขียนได้กราบเรียนหลวงปู่ให้ชี้แนะการปฎิบัติกรรมฐานในเบื่องต้น

ตลอดจนข้อธรรมะของท่าน เพื่อเป็นแนวทางให้ญาติโยมได้นำไปปฎิบัติต่อไป ซึ่งท่านก็เมตตาเป็นกรณีพิเศษ แม้จะเป็นธรรมที่สั้นแต่ก็มีความหมายอย่างยิ่ง

"ให้ปลงว่า สังขารไม่เที่ยง สังขารทั้งหลายเป็ฯทุกข์ เราทั้งหลายเป็นอนัตตา คือ ให้ละ โทสะ โมหะ ละ ความโกรธ ความโลภ ความหลง ยินดีแต่ในธรรม ไม่หวั่นไหวในทุกข์ทั้งปวง สิ่งนั้นเป็นประโยชน์แก่ตน ทั้งชาตินี้และชาติหน้า เป็นประโยชน์อันยิ่งใหญ่ไผศาล "

ท่านพี่น้องสาธุชน ทุกชั้น ทุกวรรณะ ถ้าหากว่าเราละกิเลสได้แล้ว ก็มีความสุขกาย สุขใจ นำความสบายกาย สบายใจมาสู่ตน สามารถฝ่าอุปสรรคและอุปัทวันตรายทั้งหลายทั้งปวงได้

ปราถนาสิ่งใดสิ่งหนึ่ง สิ่งนั้นย่อมไหลมาเทมา ปรารถนา ลาภ ยศ สรรเสริญ สิ่งใดสิ่งนั้น จะต้องสมตามความมุ่งมาดปราถนาทุกประการ

ส่วนคติธรรมของหลวงปู่ท่านได้กล่าวไว้ว่า

"โอ้...โอ อนิจจา สังขารา ไม่เที่ยงตรง แก่ย่อมจักปลงชีวิตม้วย อย่าสงกา อุบัติเกิดแล้วก็กลับวิญญานหลับย่อมสิ้นไป"

สำหรับขั้นตอนการปฎิบัติธรรมนั้น หลวงปู่จันทร์ดี เกสาโว กล่าวสอนเอาไว้ว่า ให้อาบน้ำชำระล้างร่างกายให้สะอาด ไหว้พระ พอไหว้พระเสร็จแล้วนะ เราก็ตั้งใจว่าสมาทาน พระกรรมฐานดังนี้

"อุกาสะ อุกาสะ ข้าพเจ้า ขอสมาทานซึ่งพระกรรมฐาน ขอขนิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปนาสมาธิ และวิปัสสนาญาน จงเกิดมีในขันธสันดานของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าขอตั้งสติไว้ที่ลมหายใจเข้าออก ลมหายใจเข้ารู้ ลมหายใจออกรู้ 3 หน 7 หน และ 1000 หน ตั้งแต่บัดนี้เป็ฯต้นไปเทอญฯ "

นั่งเอาขาขวาทับขาซ้าย ตั้งกายให้ตรง หลับตาลงให้สนิท อย่าคิดถึงอดีต อย่าคิดถึงอนาคต คิดแต่ปัจจุบัน หายใจเข้า พุท หายใจออก โธ นิ่งเลย

หลวงปู่สอนกรรมฐานที่วัดของหลวงปู่บ้างไหม? ผู้เขียนถามต่อ

ถ้ามีมาก็สอน ถ้าไม่มีก็สอนตัวเอง หลวงปู่จันทร์ดี กล่าวตอบ พร้อมทั้งกล่าวเปิดเผยให้ฟังว่า ที่วัดของท่านตอนนี้มีพระเณรอยู่ 5 รูป ส่วนท่านเป็นพระผ่ายธรรมยุต หรือ มหานิกายหรือไม่นั้น ท่านกล่าวว่า

แล้วแต่จะเรียก เรียกอะไรก็ได้ แต่อาตมามาปฏิบัติ อาตมานี้ไม่รู้เป็นอะไร คือพระอุปัชฌาย์เป็นมหานิกาย ส่วนพระคู่สวดเป็นธรรมยุต ก็ปนกันอยู่

สมัยก่อน แต่ก่อนมีก้เลยเป็นธรรมยุต ก็ใช่พันธุ์ผสม คืออำเภอ เมืองพล เจ้าคณะอำเภอเป็นธรรมยุต ท่านก็บวชทั่วไปเรื่อยๆ แต่ก่อน ไม่ถือกันถึงขนาดนี้ เดี๋ยวนี้แยกแยะออกไปมาก เป็นฝ่ายธรรมยุต ฝ่ายมหานิกาย ทีนี้ไม่ทราบว่าอาตมาอยู่ฝ่ายไหน ขออยู่เป็นกลางๆ ก็แล้วกัน คือฝ่ายไหนก็ได้

หลวงปู่แคล้วคลาดภยันตรายในการเดินธุดงค์ หลวงปู่ใช้ธรรมข้อไหนบ้างในการเจริญพระกรรมฐาน ผู้เขียนถาม

"โดยมากอาตมาใช้ นัตถิ ขันติ ปะลัง สุขัง สุขอื่นยิ่งกว่าความสงบไม่มี คือไม่ได้ใช้คาถาอาคมอะไร อย่าใช้เลย ใช้ความสงบนี่แหละ ดีที่สุด" หลวงปู่กล่าว​

 

เอาอย่างสมเด็จโต

ผู้เขียนได้กราบเรียนถามถึงด้านเมตตามหานิยม ทางโชคลาภ เพิ่มเติมว่า ท่านมีคาถาอะไรบ้าง ท่านก็ตอบว่า

"มีหลายอย่าง เช่น นะเมตตา มหาเมตตา โมกรุณา พุทธปราณี ทายินดี ยะเอ็นดู มะอึดอัด ปัดมิด อะปิจิตปิตปากศัตรู มาเอ็นดู มีกรีที โอมมะ อุอะมะ" ใช้ได้ผลทางเมตตา แต่ไม่มีค่าครู มีแต่ขันธ์ 5 ขันธ์ 8 ดอกไม้ขาวสะอาด บริสุทธิ์เท่านั้น

ถ้าเป็นอย่างสมัยก่อนนะ วัว ควาย ช้าง ม้า ดุๆนี่ หรืองู ก็ใช้คาถาบทนี้แหละ เมตตาดี หมองูก็จับมันได้ ถ้าว่าคาถาบทนี้จับงูเล่นได้ไม่กัด แต่อย่าไปทำแรง เราเมตตา เราลูบไปลูบมา ตะขาบ กิ้งกือ อย่าไปลูบแรง มันไม่กัดหรอก คาถาบทนี้อยู่ใน กรณียเมตตาสูตร ทั้งนั้น

(คาถาที่หลวงปู่ให้ไว้นั้นมีอยู่ 12 ตัว คือ สา ตะ ปะ ทะ อะ เส ตะ อะ เม จะ สะ กะ ท่านว่าคาถาบทนี้ดีนักแล)

ผู้เขียนกราบเรียนถามท่านถึงเรื่องญาติโยมไปรบกวนท่านมาก เกี่ยวกับ การขอโชคลาภกับท่าน ท่านกล่าวว่า

"มีคนมาขอโชคลาภเยอะแยะ แต่ไม่บอก คือจะเป็นภัย และ ไม่ใช่หนทางที่ถูกต้อง"

"หลวงปู่เคยเห็นนิมิตบ้างไหม"

เห็นอยู่ อันนี้พูดไม่ได้เป็น ปัจจัตตัง รู้เฉพาะตน คุยไม่ได้ บอกไม่ได้ เขียนไม่ได้ ทำไมจึงไม่บอก ที่ไม่บอกเพราะคนมารบกวน คนมาทุกชั้นวรรณะ คนพาลก็มี บัณทิตก็มี เราเลยอยู่ลำบาก เขารบกวนเราจึง ต้องเอาอย่าง สมเด็จพระพุทธาจารยน์ (โต พรหมรังสี) ท่านบอกว่า

"ขรัวโตบ้าก็ว่าขรัวโตดี ขรัวโตดีก็ว่าขรัวโตบ้า"

สมเด็จท่านพูดเช่นนี้ หมายถึงสมัยก่อน นั้นมีหวย ก.ข. ต่อมาท่านแก่มาก มีคนมารบกวนท่านมาก ท่านเลยไม่บอก ไม่รับแขก ไม่เกี่ยวข้องกับใคร ท่านเอาปัสสาวะ เทราดบนกุฏิของท่าน ท่านบอกว่า เขามา ไม่มีกลางวัน เขามาไม่มีกลางคืน ไม่เกรงใจ

อาตมาจึงเอาแบบอย่างท่านบ้างก็ดี เราร้อนอยากพักผ่อนอยากจำวัด นั่งจนลมออกหู หูมันอื้อ นั่งรับแขกนาน สุขภาพจึงไม่ค่อยดี คือคนเรานั้น มีชาติ มีชรา มีพยาธิ แต่มรระยังมาไม่ถึง หลวงปู่กล่าวอย่างอารมณ์ดี

ผู้เขียนกราบเรียนถามหลวงปู่ว่า หลวงปู่มั่น หลวงปู่เสาร์ ท่านมรณะภาพ ได้ไปร่วมในงานศพท่านหรือไม่ ก็ได้รับคำตอบจากท่านว่า

"พระอาจารย์มั่นมรณะภาพ อาตมาก็ไป อาตมาก็ปลงพอแล้ว อัฐิของท่านเป็นแก้ว พวกขี้เถ้าคนแย่งเอาไปกันหมดเลย อาตมาไม่แย่งหรอก จึงไม่ได้ไปแย่งกับเขา เพราะเป็นพระพรรษา 4 พรรรษา 5 เท่านั้น ส่วนมากที่ได้ไป พระผู้ใหญ่เอาไปหมดแล้ว เราก็อยู่แถวหลัง ส่วนพระอาจารย์เสาร์ ไม่ได้ไปงานท่านเลย เพราะนานมากชักลืมๆแล้ว ลงมากรุงเทพฯ กับท่านอาจารย์ลี แห่งวัดอโศการาม ก็ติดตามกันมา "​

 

...อีกนานไม่ครับ...จะรออ่านใจจะขาดแล้วครับ...

.....ศิษย์ หลวงปู่ชม ฐานธัมโม วัดบ้านกู่พระโกนา อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด..

 

....รออีกนานไม่ครับ....ใจจะขาดแล้วครับ....( ศิษย์หลวงปู่ ชม ฐานะธัมโม วัดบ้านกู่พระโกนา อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด....

 

....รออีกนานไม่ครับ....(ศิษย์หลวงปู่ ชม ฐานธัมโม วัดบ้านกู่พระโกนา อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด...

 

******ใช่ครับหลวงปู่ชม ฐานธัมโม (ตอบให้พี่จีรเดช...)

 

ขอบอกบุญครับ

สำนักสงฆ์ฉลองราชศรัทธาราม ตั้งอยู่เลขที่ ๕๘๔ หมู่ที่ ๕ ตำบลสบป้าด อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง รหัสไปรษณีย์ ๕๒๒๒๐

อ้างอิงเว็บ http://palungjit.org/threads/เปิดให้คณะศรัทธาร่วมทำบุญมอบชีวิตใหม่ให้แม่โค-อีก-๙-ตัว-ตามที่คุณโยมขอให้เปิด.304623/
<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-comfficeffice" /><o></o>

ตามที่สำนักสงฆ์ฉลองราชศรัทธาราม ตั้งอยู่เลขที่ ๕๘๔ หมู่ที่ ๕ ตำบลสบป้าด อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง รหัสไปรษณีย์ ๕๒๒๒๐ ได้ประกาศทางเว็บพลังจิต,และเว็บญานทิพย์อย่างชัดเจน ว่าทางวัดจะขออำลา คณะศรัทธาทั้งสองเว็บ ยุติการบอกบุญ ในวันที่ ๑๑ มกราคม ๒๕๕๕ (วันครบสองปีในการก่อสร้างวัด) เนื่องด้วยการก่อสร้างวัดได้ใกล้จะเสร็จเรียบร้อยสมบูรณ์เต็มร้อยเปอร์เซนต์

ดังนั้น ทางวัดจึงอยากจะขอเชิญชวนคณะศรัทธาทั้งหลาย ได้ร่วมทำบุญไถ่ชีวิตโคกระบือแม่ลูกอ่อน(ท้อง) ร่วมกับทางวัดสักครั้งหนึ่งในชีวิต จำนวน ๑๙ ตัว ๆ ละ ๙,๙๙๙ บาท โดยทางวัดจะรวบรวมปัจจัยที่ได้รับบริจาคทั้งหมด ดำเนินการจัดซื้อโคกระบือจากโรงฆ่าสัตว์ในพื้นที่ มาทำพิธีปล่อยไว้ในวัด/ในหมู่บ้าน แบบธรรมชาติไม่ล้อมคอก โดยมีข้อตกลงให้คณะศรัทธาในหมู่บ้านช่วยกันดูแล โคกระบือจะได้มีชีวิตอิสระ จะเดินไปที่ไหนก็ได้ตามใจปราถนา ภายในพื้นที่หมู่บ้านฉลองราช ๗๐๐ กว่าไร่

อนึ่ง ทางวัดไม่เคยบอกบุญเรื่องการไถ่ชีวิตโคกระบือแม่ลูกอ่อน(ท้อง) จึงขอเจริญพรเรียนเชิญคณะศรัทธาทั้งหลาย ร่วมทำบุญให้ชีวิตใหม่แก่โคกระบือแม่ลูกอ่อน(ท้อง) ผู้โชคดี จำนวน ๑๙ ตัว จากโรงฆ่าสัตว์ ตามกำลังศรัทธาของท่านทั้งหลาย

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และบุญกุศลที่คุณโยมทั้งหลายได้ทำบุญให้ชีวิตใหม่โคกระบือแม่ลูกอ่อน(ท้อง)ในครั้งนี้ จงเป็นพลวปัจจัยโปรดอำนวยพรให้คุณโยมพร้อมทั้งครอบครัวทุกท่าน ประสบสิริสวัสดิ์พิพัฒนานุภาพ กอปรด้วย ลาภ ยศ สุข สรรเสริญ และเจริญด้วย จตุรพิธพรชัย คือ อายุ วรรรณะ สุขะ พละ ปฎิภาณ ธนสารสมบัติ ในที่ทุกสถาน ตลอดกาลทุกเมื่อ เทอญ.

จึงเจริญพรมาเพื่อโปรดพิจารณาร่วมทำบุญ ตามกำลังศรัทธา

ขอเจริญพร
พระอัครพล กนฺตธมฺโม
เจ้าสำนักสงฆ์ฉลองราชศรัทธาราม

โทรศัพท์ ๐๘-๕๐๓๗-๐๓๗๐ อีเมล์ maemoh1@hotmail.com

ขอเชิญร่วมไถ่ชีวิตโคกระบือแม่ลูกอ่อน(ท้อง) ๙ ตัว จากโรงฆ่าสัตว์ ได้ที่
ธนาคารกรุงไทย สาขาแม่เมาะ
ชื่อบัญชี
สำนักสงฆ์ฉลองราชศรัทธาราม (ช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส)
เลขที่บัญชี
๕๐๐-๐-๑๗๘๐๓-๓


​

 

มีโอกาสได้ ไปกราบนมัสการท่านมาครั้งหนึ่ง
ท่านทราบวาระจิตด้วย คือ กราบเรียนถามท่านในใจท่านตอบคำถามมาหมดเลย
ลองอยู่หลายครั้งท่านตอบทุกครั้ง
เหรียญรุ่นแรกของท่านท่านบอกมาประมาณว่า บูชาเหมือนกับบูชาพระพุทธองค์เป็นพระที่ กราบไหว้ได้อย่างสนิทใจจริงๆครับ​

 

คำสอนหลวงปู่

พึงชนะความโกรธของเขา ด้วยความไม่โกรธของเรา
พึงชนะความไม่ดีของเขา ด้วยความดีของเรา
พึงชนะความไม่ซื่อสัตย์ของเขา ด้วยความซื่อสัตย์ของเรา
พึงชนะควาตระหนี่ของเขา ด้วยความไม่ตระหนี่ของเรา

 

ธรรมะหลวงปู่ ๑

หลวงปู่จันทร์ดี เกสาโว ท่านได้ให้ข้อคิดและแนวทางการสำหรับผู้ที่สนใจใฝ่ธรรมะทั้งหลาย ให้รับรู้ว่า การจะเจริญวิปัสสนากรรมฐานนั้น เราต้องเป็นคนพร้อมในทุกสิ่งทุกอย่าง ตั้งแต่ร่างกายและจิตใจของเรา คือให้มีความสะอาดทั้งร่างกายและจิตใจนั่นเอง

เมื่อจะเจริญวิปัสสนากรรมฐาน จะต้องหาสถานที่ให้เป็นที่สบาย หาอาหารให้เป็นที่สบาย หาอาจารย์ให้เป็นที่สบาย สึกษาวิปัสสนาภูมิ ไหว้พระสวดมนต์และสมาทานศีล 5 ศีล 8 และสมาทานวิปัสสนาว่า

"อุกาสะ อุกาสะ ณ โอกาสบัดนี้ ข้าพเจ้าขอสมาทาน ซึ่งพระวิปัสสนกรรมฐาน ขอขณิกสมาธิ อุปจารสมาธิ อัปนาสมาธิและวิปัสสนาญาน จงบังเกิดมีในขันธสันดานของข้าพเจ้า"

จากนั้น ตั้งสติไว้ที่ตา ขณะเห็น กำหนดสีเป็นรูป (เห็น) รู้เป็นนาม
ขณะได้ยิน ตั้งสติไว้ที่หู กำหนดว่า เสียงเป็นรูป รู้เป็นนาม
ขณะได้กลิ่น ตั้งสติไว้ที่จมูก กำหนดว่า กลิ่นเป็นรูป รู้เป็นนาม

ไว้มาเขียนต่อครับ

 

อนุโมทนากับเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับ...ขอบคุณที่นำเรื่องราวดีๆมาฝากครับ...รออ่านตอนต่อไปนะครับ

 

สาธุ อนุโมทามิ