กฎแห่งกรรม ใครเป็นผู้สร้าง?

Willam · 17 สิงหาคม 2011

bluebaby2 said: ↑

ครับมันยุติธรรมตามที่คุณเข้าใจ แล้วการฝากชีวิตของเราไว้กับคน
อื่นมันยุติธรรมจริงหรือ ตามกฎหมายแล้วถ้าคุณทำความผิดแล้วมี
บุคคลจำนวนหนึ่งเห็นว่าคุณสมควรที่จะตาย คุณก็ต้องตาย แม้ว่า
คุณไม่สมัครใจที่จะตาย หรือถ้าคุณทำความผิดแบบที่คนในสังคมรับ
ไม่ได้เขาก็จะจับคุณไปทิ้งไว้กับคนอื่นๆ ที่คนในสังคมรับไม่ได้ หรือ
ถ้าคุณไม่ได้ทำความผิดแต่หลักฐานและบุคคลจำนวนหนึ่งเห็นว่าคุณ
กระทำความผิดและสมควรที่จะต้องตายคุณก็ต้องตาย หรือแม้แต่ถ้า
สมัครใจที่จะตายแล้วมีคนอื่นมาเห็นเข้า เขาจะพยายามห้ามคุณ นี่
คือแม้เราไม่อยากตาย คนในสังคมเห็นว่าเราสมควรตายเราก็ต้อง
ตาย หรือเราอยากตายคนในสังคมเห็นว่าเราไม่สมควรตายก็ต้องอยู่
นี่คือชิวิตของเราไม่ได้เป็นไปตามการกระทำของเราเองแต่เป็นไป
ตามความเห็นของผู้อื่น ถ้าคุณมองว่าสิ่งนี้ยุติธรรมแล้วก็ได้ เพราะ
ยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรมเป็นสิ่งที่ขึ้นกับความเห็นของแต่ละคน แต่
อย่าพึ่งสรุปว่ากฎแห่งกรรมนั้นไม่มีเพราะยังพิสูน์ไม่ได้หรือมองว่ามัน
ไม่ยุติธรรม ความจริงเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นจะต้องเชื่อ เรื่องโกหกต่าง
หากที่จำเป็๋นจะต้องเชื่อ เพราะถ้ามีเรื่องโกหกเรื่องหนึ่งแล้วไม่มีใคร
เชื่อเรื่องโกหกนั้นก็ไม่มีความหมาย ความจริงอย่างพระอาทิตย์นั้น
ขึ้นทางตะวันออกและตกทางตะวันตก อย่างนี้คุณไม่จำเป็นจะต้อง
เชื่อก็ได้ แต่มันก็เป็นของมันอย่างนั้นไม่ได้ขึ้นกับความเชื่อ
Click to expand...

กฎแห่งกรรม คือ ความเชื่อของแต่ละบุคคลครับ ส่วนเรื่อง กฎหมายนั้นก็อยู่ที่คนถือกฎหมายสำหรับไทยแล้ว เกลียดใครไม่ชอบหน้าใครมักจะเอากฎหมายมาอ้าง แล้วก็ยัดข้อหา พอความสะใจ ความสุขที่ได้ล้างแค้น เอาผู้บริสุทธิ์เข้าคุกฟรี ที่กระผมกล่าวอ้างมา ผู้ที่กระทำความผิดจริงแต่เหตุการณ์มันเร่งรัด คือ หนี้สิน ติดยาบ้า อยากรวยทางรัด ความยุติธรรมก็มีครับ วัน พ่อ วัน แม่ เค้าก็ลดความผิดอยู่ครับ ก็ยุติธรรมดี กฎแห่งกรรม ก็อีกเรื่องหนึ่ง ที่ คนธรรมดาของกระผมจะเข้าใจได้ อีกอย่าง กระผมก็ไม่ได้อยู่ในศาสนาพุทธด้วยการที่เขาเชื่ออย่างนั้นก็เป็นเรื่องดีครับ ใครอะไรไว้ก็ได้อย่างงั้น ก็เป็นการดีนะครับ คุณพูดมาก็ถูกนะครับ แต่ถ้าพูดโดยรวมแล้ว จะให้คนทั้งโลกเชื่อในกฎแห่งกรรมก็มิได้ครับ พระพุทธเจ้าก็เปลี่ยนทั้งโลกได้ไม่หมดครับ ศาสนาอื่นๆ ก็มีครับ ไม่ใช่มีแค่ศาสนาพุทธ อย่าง เดียวที่เชื่อใน เรื่อง บุญ และ บาป ครับ สิ่งท่านชี้แนะกระผมก็ทำให้กระผมมีความรู้เพิ่มครับเรื่องกฎแห่งกรรม อนุโมทนา ครับ.

bluebaby2 · 17 สิงหาคม 2011

Willam said: ↑

กฎแห่งกรรม คือ ความเชื่อของแต่ละบุคคลครับ ส่วนเรื่อง กฎหมายนั้นก็อยู่ที่คนถือกฎหมายสำหรับไทยแล้ว เกลียดใครไม่ชอบหน้าใครมักจะเอากฎหมายมาอ้าง แล้วก็ยัดข้อหา พอความสะใจ ความสุขที่ได้ล้างแค้น เอาผู้บริสุทธิ์เข้าคุกฟรี ที่กระผมกล่าวอ้างมา ผู้ที่กระทำความผิดจริงแต่เหตุการณ์มันเร่งรัด คือ หนี้สิน ติดยาบ้า อยากรวยทางรัด ความยุติธรรมก็มีครับ วัน พ่อ วัน แม่ เค้าก็ลดความผิดอยู่ครับ ก็ยุติธรรมดี กฎแห่งกรรม ก็อีกเรื่องหนึ่ง ที่ คนธรรมดาของกระผมจะเข้าใจได้ อีกอย่าง กระผมก็ไม่ได้อยู่ในศาสนาพุทธด้วยการที่เขาเชื่ออย่างนั้นก็เป็นเรื่องดีครับ ใครอะไรไว้ก็ได้อย่างงั้น ก็เป็นการดีนะครับ คุณพูดมาก็ถูกนะครับ แต่ถ้าพูดโดยรวมแล้ว จะให้คนทั้งโลกเชื่อในกฎแห่งกรรมก็มิได้ครับ พระพุทธเจ้าก็เปลี่ยนทั้งโลกได้ไม่หมดครับ ศาสนาอื่นๆ ก็มีครับ ไม่ใช่มีแค่ศาสนาพุทธ อย่าง เดียวที่เชื่อใน เรื่อง บุญ และ บาป ครับ สิ่งท่านชี้แนะกระผมก็ทำให้กระผมมีความรู้เพิ่มครับเรื่องกฎแห่งกรรม อนุโมทนา ครับ.
Click to expand...

แต่คุณคิดว่ามันยุติธรรมจริงหรือ เพราะถ้าคุณคิดว่ามันยุติธรรมแสดง
ว่าถ้าวันหนึ่งคุณเกิดไม่ได้ทำความผิดแต่มีคนกลุ่มหนึ่งเห็นว่าคุณ
สมควรตายคุณก็ยอมตายและยังเห็นว่ามันยุติธรรม หรือถ้าคุณทำ
ความผิดจริงแต่คุณเห็นว่าคุณไม่สมควรตายแต่มีคนกลุ่มหนึ่งเห็นว่า
คุณสมควรตายคุณก็จะยอมตายและยังเห็นว่ามันยุติธรรม หรือถ้าวัน
หนึ่งคุณไม่ได้ทำความผิดจริงแต่มีคนกลุ่มหนึ่งเห็นว่าคุณทำผิดและจับ
คุณไปโยนไว้ในที่กักขังจากคนสังคมคุณก็ยังเห็นว่ามันยุติธรรม หรือ
ถ้าคุณเห็นคนที่ทำผิดเท่าคุณลอยนวลแต่คุณกลับต้องมาถูกตัดสิน
หรือคนที่ทำความผิดไม่ได้รับโทษเยี่ยงคนที่ทำความผิดคุณก็ยังเห็นว่า
มันยุติธรรมอยู่ หรือการที่คุณทำอย่างหนึ่งในสถานที่หนึ่งเช่นการค้า
ประเวณีมีความผิด แต่ห่างออกไปไม่ไกลจากที่นั้นกลับถูกกฎหมาย
หรือแม้แต่การที่สมัยก่อนแห็นว่าคนทำผิดประเพณีแล้วจับไปเผาเป็น
เรื่องถูกแต่สมัยนี้กลับผิด แล้วถ้าใครเห็นว่ามันยุติธรรมหรือไม่
ยุติธรรมก็เป็นความเห็นทั้งนั้น ไม่มีสิ่งที่ยุติธรรมสำหรับคนทุกคน
เพราะคำว่ายุติธรรมเป็นความเห็นส่วนบุคคล

Willam · 17 สิงหาคม 2011

bluebaby2 said: ↑

แต่คุณคิดว่ามันยุติธรรมจริงหรือ เพราะถ้าคุณคิดว่ามันยุติธรรมแสดง
ว่าถ้าวันหนึ่งคุณเกิดไม่ได้ทำความผิดแต่มีคนกลุ่มหนึ่งเห็นว่าคุณ
สมควรตายคุณก็ยอมตายและยังเห็นว่ามันยุติธรรม หรือถ้าคุณทำ
ความผิดจริงแต่คุณเห็นว่าคุณไม่สมควรตายแต่มีคนกลุ่มหนึ่งเห็นว่า
คุณสมควรตายคุณก็จะยอมตายและยังเห็นว่ามันยุติธรรม หรือถ้าวัน
หนึ่งคุณไม่ได้ทำความผิดจริงแต่มีคนกลุ่มหนึ่งเห็นว่าคุณทำผิดและจับ
คุณไปโยนไว้ในที่กักขังจากคนสังคมคุณก็ยังเห็นว่ามันยุติธรรม หรือ
ถ้าคุณเห็นคนที่ทำผิดเท่าคุณลอยนวลแต่คุณกลับต้องมาถูกตัดสิน
หรือคนที่ทำความผิดไม่ได้รับโทษเยี่ยงคนที่ทำความผิดคุณก็ยังเห็นว่า
มันยุติธรรมอยู่ หรือการที่คุณทำอย่างหนึ่งในสถานที่หนึ่งเช่นการค้า
ประเวณีมีความผิด แต่ห่างออกไปไม่ไกลจากที่นั้นกลับถูกกฎหมาย
หรือแม้แต่การที่สมัยก่อนแห็นว่าคนทำผิดประเพณีแล้วจับไปเผาเป็น
เรื่องถูกแต่สมัยนี้กลับผิด แล้วถ้าใครเห็นว่ามันยุติธรรมหรือไม่
ยุติธรรมก็เป็นความเห็นทั้งนั้น ไม่มีสิ่งที่ยุติธรรมสำหรับคนทุกคน
เพราะคำว่ายุติธรรมเป็นความเห็นส่วนบุคคล
Click to expand...

ใช่ครับ ถูกต้องเลยครับ ยุติธรรมสำหรับส่วนบุคคล

ชุนชิว · 17 สิงหาคม 2011

กฏแห่งกรรมในพุทธศาสนา นั้นคือสอนว่ากรรมไม่สูญ สัตว์ทั้งหลาย(คนก็เป็นสัตว์ เรียกว่าสัตว์ประเสริฐ)มีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งพาอาศัย ผู้ใดทำกรรมใดไว้ จะดีก็ตาม จะชั่วก็ตาม จักต้องได้รับผลแห่งกรรมนั้น และก็สอนอีกว่าตายแล้วก็ไม่สุญ ยังมีต่อไปอีกคือต้องไปเสวยกรรมตามความดี ความชั่วที่เคยทำไว้ในภพภูมิต่างๆ ซึ่งมีอยู่ 31 ภพภูมิ ถ้าจะหาความยุติธรรมในโลกนี้คงหาได้ยาก แค่กำเนิดของคนก็ยังต่างกันแล้ว บางคนเกิดมาร่ำรวยเงินทองยศศักดิ์ บางคนเกิดมายากจนต่ำต้อย ซึ่งย่อมมีเหตุที่ให้เป็นเช่นนั้นแน่นอน หากต้องการรู้ความจริงด้วยตนเองต้องปฏิบัติตามคำสอนที่มีเป็นขั้นเป็นตอน ตามจริต ตามนิสัย ซึ่งก็มีคนทำได้มากมายในประเทศไทย เรียกว่า กรรมฐาน มี 40 วิธี ลองศึกษาดูครับ

Willam · 17 สิงหาคม 2011

พยัคฆ์นิล said: ↑

กฏแห่งกรรมในพุทธศาสนา นั้นคือสอนว่ากรรมไม่สูญ สัตว์ทั้งหลาย(คนก็เป็นสัตว์ เรียกว่าสัตว์ประเสริฐ)มีกรรมเป็นของตน มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งพาอาศัย ผู้ใดทำกรรมใดไว้ จะดีก็ตาม จะชั่วก็ตาม จักต้องได้รับผลแห่งกรรมนั้น และก็สอนอีกว่าตายแล้วก็ไม่สุญ ยังมีต่อไปอีกคือต้องไปเสวยกรรมตามความดี ความชั่วที่เคยทำไว้ในภพภูมิต่างๆ ซึ่งมีอยู่ 31 ภพภูมิ ถ้าจะหาความยุติธรรมในโลกนี้คงหาได้ยาก แค่กำเนิดของคนก็ยังต่างกันแล้ว บางคนเกิดมาร่ำรวยเงินทองยศศักดิ์ บางคนเกิดมายากจนต่ำต้อย ซึ่งย่อมมีเหตุที่ให้เป็นเช่นนั้นแน่นอน หากต้องการรู้ความจริงด้วยตนเองต้องปฏิบัติตามคำสอนที่มีเป็นขั้นเป็นตอน ตามจริต ตามนิสัย ซึ่งก็มีคนทำได้มากมายในประเทศไทย เรียกว่า กรรมฐาน มี 40 วิธี ลองศึกษาดูครับ
Click to expand...

ขอบคุณมาก........ครับ

Kama-Manas · 17 สิงหาคม 2011

กรรม คือ การกระทำ ง่ายๆ สั้นๆ จบข่าว

jojopattaya · 17 สิงหาคม 2011

ขออนุโมทนาในการตอบคำถามด้วยนะครับผมอีกคนนึงหล่ะที่ไม่เข้าใจเรื่องกฏแห่งกรรมแต่ตอนนี้ผมกระจ่างแล้วจริงๆๆๆๆต้องขอบพระคุณผู้รู้ทุกท่านด้วยนะครับ สาธุๆๆๆๆๆๆ

phloiwang · 19 สิงหาคม 2011

Willam said: ↑

กระผมไม่ได้นับถือศาสนานี้เลย งงๆ ที่กระผมตั้งกระทู้ถามเฉยๆ ถามเพื่อเป็นความรู้ ครับ รับกรรมอะไรกระผมมิทราบ แต่ชีวิตประจำวันก็ไม่มีทุกข์ สุขเพราะฐานะ สุขเพราะมีเงินมีทอง สุขเพราะได้ทำมาหากิน สุข เพราะไม่ยึดติด สุขเพราะอยู่เฉยๆ สุขเพราะไม่ลำบาก การปฎิบัติธรรมสำหรับกระผมแล้วเหมือนไม่ค่อยถูกจริตกระผมเลย กระผมชอบช่วยเหลือคนอื่น โดย บริจาคเงินทอง ช่วยเหลือผู้ต้องโทษติดคุก เพื่อให้เค้าหาอาชีพที่มั่นคงไม่ต้องไปทำความผิดทางอาญาอีก หาอาชีพหางานให้เค้าโดยไม่รับสิ่งตอบแทนก็สุขอีกอย่างสุขทางใจ โดยความเชื่อของกระผมเองกระผมไม่ค่อยเชื่อในกฎแห่งกรรมจากชาติปางก่อน ต่อให้เกิดมาฐานะไม่ดีถ้าไม่ขยันทำมาหากินก็จนแล้วจนอีก ก็คล้ายการปลูกต้นไม้อย่างที่ทุกท่านสนทนาด้วยครับ ถ้าเราไม่ขยันรดน้ำพรวนดินต้นไม้ก็มิได้เจริญเติบโต กระผมก็สร้างเนื้อสร้างตัวเหมือนกัน กฎแห่งกรรม จะให้เกิดความยุติธรรมก็คือการให้ ครับ โดยไม่รับสิ่งตอบแทนใดๆ นั้นคือกฎปแห่งกรรมของทางโลก การตัดสินคดีก็เป็นกฎแห่งกรรมอีกอย่างหนึ่งมนุษย์ก็สร้างมันได้ ใครทำชั่วก็ติดคุก ใครทำดีไม่ต้องหา ถึงจะไม่มีกฎแห่งกรรม กฎหมายบ้านเมืองก็มีแทนกฎแห่งกรรม กระผมคิดอย่างนี้
Click to expand...

คุณเป็นคนดีมากทีเดียว อนุโมทนาด้วยครับ

phloiwang · 19 สิงหาคม 2011

Willam said: ↑

ก็ไม่ถูกอย่างหนึ่งครับ ต่างศาสนา บางศาสนาก็แก้เป็นนิกายสอนคนแบบผิดๆ เคร่งครัดก็จริง แต่ทำสงครามศาสนาไปทำ รบ เพื่อพระเจ้างั้นหรอ สรุปแล้วรบเพื่อตนเองงั้นหรอ มิใช่รบเพื่อพระเจ้า ศาสนาทุกศาสนาสอนให้คนทำดีกันทั้งนั้น มิได้สอนให้คนทำสงครามระหว่างศาสนา เช่น คริส vs อิสลาม คนตีความกันไปศาสนาไหนต้องเป็นใหญ่สร้างความเชื่อ ให้คนเกลียดศาสนาฝ่ายตรงข้าม ทุกวันนี้ ในประเทศไทย คุณเชื่อหรือไม่ว่า วัยรุ่นไทย เชื่อกฎแห่งกรรมกันหรือไม่? เช่น เด็กนักเรียนตีกัน ถึงกับ ฆ่าแกงกัน? ลงหนังสือพิมพ์ทุกวัน ก็เพราะเค้าไม่ค่อยเชื่อกฎแห่งกรรม และ ห่างจากศาสนาพุทธมาก เด็กวัยเรียนเข้าวัดก็น้อย กระผมเคยไปวัดของศาสนาพุทธ วัยรุ่นทำไมถึงเข้าน้อยจัง เห็นแต่ เด็กเล็ก กับคนชรา เยอะกว่าคนหนุ่มสาวเสียอีกครับ ถ้าคุณลองทำแบบฟอร์มผลสำรวจดูครับ จะเห็นผลกันเยอะเลย พระท่านก็เคยเทศน์ครับเรื่องวัยรุ่น.....
Click to expand...

คนทั่วไปจะเพลิดเพลินกับความสุขทางโลก ต้องผ่านโลกมานานหน่อยหรือพบทุกข์หนักๆ จึงจะเข้าวัดหรือศึกษาธรรมะ ยกเว้นคนที่สนใจธรรมะเองโดยกำเนิด

boontar · 19 สิงหาคม 2011

กฎทางคณิตศาสตร์มีกฎเกณฑ์แน่นอนยุติธรรม-เกิดเองตามธรรมชาติอยู่คู่กาลเวลา-ไม่มีใครสร้าง-นักคณิตศาสตร์ทั้งหลายศึกษาค้นพบ(แต่ยังไม่ครบถ้วนและไม่นำไปสู่การพ้นทุกข์)
กฎทางฟิสิกส์มีกฎเกณฑ์แน่นอนยุติธรรม-เกิดเองตามธรรมชาติอยู่คู่กาลเวลา-ไม่มีใครสร้าง-นักฟิสิกส์ทั้งหลายศึกษาค้นพบ(แต่ก็ยังไม่ครบถ้วนและไม่นำไปสู่การพ้นทุกข์)
กฎทางเคมีมีกฎเกณฑ์แน่นอนยุติธรรม-เกิดเองตามธรรมชาติอยู่คู่กาลเวลา-ไม่มีใครสร้าง-นักเคมีทั้งหลายศึกษาค้นพบ(แต่ยังไม่ครบถ้วนและไม่นำไปสู่การพ้นทุกข์)
กฎทางชีวะมีกฎเกณฑ์แน่นอนยุติธรรม-เกิดเองตามธรรมชาติอยู่คู่กาลเวลา-ไม่มีใครสร้าง-นักชีวะทั้งหลายศึกษาค้นพบ(แต่ยังไม่ครบถ้วนและไม่นำไปสู่การพ้นทุกข์)
กฎทาง -- ฯลฯ --ฯลฯ--ฯลฯ
กฎแห่งกรรมมีกฎเกณฑ์แน่นอนยุติธรรม-เกิดเองตามธรรมชาติอยู่คู่กาลเวลา-ไม่มีใครสร้าง-พระพุทธเจ้าทั้งหลายศึกษาค้นพบ(ครบถ้วนแล้วและนำไปสู่การพ้นทุกข์)

โยคีย์แมน · 25 สิงหาคม 2011

ล้วนเป็นเช่นนั้น____________________________________________เอง

Willam · 25 สิงหาคม 2011

ป่าวๆ หมายถึง กฎแห่งกรรม แบบเศษกรรม ชาติปางก่อนงะ ผมไม่มีคนปองร้ายหรอก แต่เรื่องอื่นมากกว่า เช่น คนชอบมายุ่งเรื่องผมอ่ะ ทั้งไม่ชอบเค้ามาช่วยเหลือ โดนตลอดผมไม่ไปประชุม ก็ไปประชุมแทนผม อย่างงี้ เลยมันเป็นเรื่องอะไร

จันทโค · 26 สิงหาคม 2011

Willam said: ↑

ป่าวๆ หมายถึง กฎแห่งกรรม แบบเศษกรรม ชาติปางก่อนงะ ผมไม่มีคนปองร้ายหรอก แต่เรื่องอื่นมากกว่า เช่น คนชอบมายุ่งเรื่องผมอ่ะ ทั้งไม่ชอบเค้ามาช่วยเหลือ โดนตลอดผมไม่ไปประชุม ก็ไปประชุมแทนผม อย่างงี้ เลยมันเป็นเรื่องอะไร
Click to expand...

อิอิ
เป็นลูกน้องเขาก็แบบนี้ละครับ
ลองมาเป็นเจ้านายตัวเองดิครับ ปวดหัวมากกว่านี้อีก ๕๕๕ๆๆๆ
ลองดูนะครับ

จันทโค · 26 สิงหาคม 2011

Willam said: ↑

ป่าวๆ หมายถึง กฎแห่งกรรม แบบเศษกรรม ชาติปางก่อนงะ ผมไม่มีคนปองร้ายหรอก แต่เรื่องอื่นมากกว่า เช่น คนชอบมายุ่งเรื่องผมอ่ะ ทั้งไม่ชอบเค้ามาช่วยเหลือ โดนตลอดผมไม่ไปประชุม ก็ไปประชุมแทนผม อย่างงี้ เลยมันเป็นเรื่องอะไร
Click to expand...

ลองอ่านข้างล่างดูนะครับ


กรรมที่ทำให้ถูกกล่าวตู่
ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เกิดเป็นนักเลงสุราชื่อ มุนาลิ ได้กล่าวตู่ พระนันทะ สาวกของพระสัพพาภิภู ปัจเจกพุทธเจ้า ว่าเป็นสมณะทุศีล
ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ด้วยเศษกรรมที่ยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าจึงต้องถูกกล่าวตู่โดยนาง จิญจมาณวิกา
เรื่องมีว่าเหล่าเดียรถีย์เกิดความริษยา ที่เห็นพระพุทธเจ้ามีบุคคลเลื่อมใสศรัทธาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ลาภสักการะของพวกตนน้อยลง จึงหาทางทำลายพระเกียรติคุณของพระพุทธเจ้า ด้วยการใช้นางจิญจมาณวิกา สาวิกาของพวกตน เป็นผู้ดำเนินการตามอุบาย กล่าวคือในตอนเย็น ขณะที่เหล่าชนกำลังเดินทางกลับเข้าเมือง ก็ให้นางเดินสวนทางออกไป ตอนเช้าขณะเหล่าชนเดินทางออกจากเมือง ก็ให้นางเดินสวนทางกลับเข้ามา ทำเช่นนี้เป็นประจำ จนชาวเมืองเกิดความสงสัย ถามว่านางออกไปนอกเมืองทุกเวลาเย็นด้วยเหตุใด นางตอบว่า เราออกไปตามความประสงค์ของพระสมณะโคดมผู้เป็นศาสดาของพวกท่าน และพำนักอยู่ในพระคันธกุฎีในพระเชตวัน
เวลาล่วงมาหลายเดือน นางจิญจมาณวิกา จึงนำท่อนไม้มาผูกติดกับเอว สวมเสื้อคลุมทับไว้ ทำประหนึ่งว่าตนกำลังมีครรภ์ เดินเข้าไปหาพระพุทธเจ้าในพระเชตะวันวิหาร ท่ามกลางบริษัทที่กำลังฟังพระธรรมเทศนา กล่าววาจาตู่พระพุทธเจ้าว่า เป็นผู้ที่ทำให้นางตั้งครรภ์ พระพุทธเจ้ามิได้โต้ตอบแต่ประการใด ทำให้ชนบางกลุ่มในที่นั้นเกิดความสงสัย คิดว่าหากไม่เป็นความจริง นางคงมิกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้าชนเป็นอันมากแน่นอน
ท้าวสักกะทราบความ จึงบันดาลให้เชือกที่นางผูกเอวไว้ขาดออก ท่อนไม้หลุดลงมาทับเท้าของนางจนหลังเท้าแตก เหล่าชนในพระเชตะวันวิหารเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น พากันขับไล่นางออกไปเมื่อพ้นประตูวิหาร นางก็ถูกเปลวเพลิงนรกฉุดลงไปสู่อเวจี

กรรมที่ทำให้ถูกกล่าวหา
ในอดีตกาลพระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์ ชื่อ สุตวา บวชเป็นดาบสสั่งสอนศิษย์อยู่ในป่าหิมพานต์ ต่อมามีดาบสผู้สำเร็จอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ มายังสำนักของตน ด้วยความริษยาที่เห็นว่ามีวิชาความรู้มากกว่าตน จึงกล่าวหาดาบสนั้นว่า ดาบสนี้หลอกลวง ดาบสนี้เป็นผู้บริโภคกาม และยังแนะให้ศิษย์ของตนกระทำตาม
ด้วยวิบากแห่งกรรมที่กล่าวหาผู้อื่นโดยไม่เป็นจริง พระโพธิสัตว์และเหล่าศิษย์ต้องเสวยทุกข์ในอบายเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมที่ยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าและสงฆ์สาวก จึงถูกกล่าวหาว่าร่วมกันฆ่านางสุนทรี
เรื่องมีว่า เหล่าเดียรถีย์ยังคิดการที่จะทำลายพระเกียรติคุณ ของพระพุทธเจ้าต่อไปจึงใช้ให้นาง สุนทรี สาวิกาของพวกตนอีกคนหนึ่งไปดำเนินการ ตามวิธีเช่นเดียวกับนางจิญจมาณวิกาจากนั้นได้ไปว่าจ้างเหล่าโจรให้ฆ่านาง นำศพไปหมกไว้ใกล้พระเชตวันวิหาร แล้วส่งคนของตนเข้าไปร้องเรียนต่อพระราชาว่า สาวิกาผู้หนึ่งของพวกตนหายไป พระราชามีรับสั่งให้ค้นหา พบศพหมกอยู่ใกล้พระเชตวันวิหาร เหล่าเดียรถีย์จึงนำศพวางบนแคร่หาม ออกเดินประกาศไปทั่วพระนครว่า เหล่าศากยสมณะร่วมกันฆ่านาง พระอานนท์ทูลความให้พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบ พระพุทธองค์ตรัสว่า อีก ๗ วัน เรื่องนี้จะปรากฏความจริง
ฝ่ายพระราชา แม้จะมีหลักฐานปรากฏเช่นนั้นก็ยังไม่แน่พระทัย รับสั่งให้เจ้าพนักงานออกทำการสืบสวนหาความจริง เจ้าพนักงานไปพบกับเหล่าโจรซึ่งกำลังเมามาย ต่างก็อวดตัวว่าเป็นคนฆ่านางสุนทรี จึงคุมตัวไปเฝ้าพระราชา ทรงสอบถามจนได้ความจริงว่า เหล่าเดียรถีย์เป็นผู้ว่าจ้างพวกตน พระราชามีรับสั่งให้จับเดียรถีย์คุมตัวเดินประจานไปทั่วพระนคร พร้อมทั้งให้ร้องประกาศว่า พวกตนเป็นผู้สั่งให้ฆ่านาง มิใช่เป็นการกระทำของศากยสมณะ จากนั้นจึงนำตัวไปลงโทษสถานหนักทั้งหมด

Willam · 26 สิงหาคม 2011

ต้นละ said: ↑

ลองอ่านข้างล่างดูนะครับ

กรรมที่ทำให้ถูกกล่าวตู่

ในอดีตกาล พระโพธิสัตว์เกิดเป็นนักเลงสุราชื่อ มุนาลิ ได้กล่าวตู่ พระนันทะ สาวกของพระสัพพาภิภู ปัจเจกพุทธเจ้า ว่าเป็นสมณะทุศีล
ด้วยวิบากแห่งกรรมนั้น พระโพธิสัตว์ต้องเสวยทุกข์ในอบายเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ด้วยเศษกรรมที่ยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าจึงต้องถูกกล่าวตู่โดยนาง จิญจมาณวิกา
เรื่องมีว่าเหล่าเดียรถีย์เกิดความริษยา ที่เห็นพระพุทธเจ้ามีบุคคลเลื่อมใสศรัทธาเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ทำให้ลาภสักการะของพวกตนน้อยลง จึงหาทางทำลายพระเกียรติคุณของพระพุทธเจ้า ด้วยการใช้นางจิญจมาณวิกา สาวิกาของพวกตน เป็นผู้ดำเนินการตามอุบาย กล่าวคือในตอนเย็น ขณะที่เหล่าชนกำลังเดินทางกลับเข้าเมือง ก็ให้นางเดินสวนทางออกไป ตอนเช้าขณะเหล่าชนเดินทางออกจากเมือง ก็ให้นางเดินสวนทางกลับเข้ามา ทำเช่นนี้เป็นประจำ จนชาวเมืองเกิดความสงสัย ถามว่านางออกไปนอกเมืองทุกเวลาเย็นด้วยเหตุใด นางตอบว่า เราออกไปตามความประสงค์ของพระสมณะโคดมผู้เป็นศาสดาของพวกท่าน และพำนักอยู่ในพระคันธกุฎีในพระเชตวัน
เวลาล่วงมาหลายเดือน นางจิญจมาณวิกา จึงนำท่อนไม้มาผูกติดกับเอว สวมเสื้อคลุมทับไว้ ทำประหนึ่งว่าตนกำลังมีครรภ์ เดินเข้าไปหาพระพุทธเจ้าในพระเชตะวันวิหาร ท่ามกลางบริษัทที่กำลังฟังพระธรรมเทศนา กล่าววาจาตู่พระพุทธเจ้าว่า เป็นผู้ที่ทำให้นางตั้งครรภ์ พระพุทธเจ้ามิได้โต้ตอบแต่ประการใด ทำให้ชนบางกลุ่มในที่นั้นเกิดความสงสัย คิดว่าหากไม่เป็นความจริง นางคงมิกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้าชนเป็นอันมากแน่นอน
ท้าวสักกะทราบความ จึงบันดาลให้เชือกที่นางผูกเอวไว้ขาดออก ท่อนไม้หลุดลงมาทับเท้าของนางจนหลังเท้าแตก เหล่าชนในพระเชตะวันวิหารเห็นเหตุการณ์เช่นนั้น พากันขับไล่นางออกไปเมื่อพ้นประตูวิหาร นางก็ถูกเปลวเพลิงนรกฉุดลงไปสู่อเวจี

กรรมที่ทำให้ถูกกล่าวหา

ในอดีตกาลพระโพธิสัตว์เกิดในตระกูลพราหมณ์ ชื่อ สุตวา บวชเป็นดาบสสั่งสอนศิษย์อยู่ในป่าหิมพานต์ ต่อมามีดาบสผู้สำเร็จอภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ มายังสำนักของตน ด้วยความริษยาที่เห็นว่ามีวิชาความรู้มากกว่าตน จึงกล่าวหาดาบสนั้นว่า ดาบสนี้หลอกลวง ดาบสนี้เป็นผู้บริโภคกาม และยังแนะให้ศิษย์ของตนกระทำตาม
ด้วยวิบากแห่งกรรมที่กล่าวหาผู้อื่นโดยไม่เป็นจริง พระโพธิสัตว์และเหล่าศิษย์ต้องเสวยทุกข์ในอบายเป็นเวลานาน แม้ในปัจจุบันด้วยเศษกรรมที่ยังเหลืออยู่ พระพุทธเจ้าและสงฆ์สาวก จึงถูกกล่าวหาว่าร่วมกันฆ่านางสุนทรี
เรื่องมีว่า เหล่าเดียรถีย์ยังคิดการที่จะทำลายพระเกียรติคุณ ของพระพุทธเจ้าต่อไปจึงใช้ให้นาง สุนทรี สาวิกาของพวกตนอีกคนหนึ่งไปดำเนินการ ตามวิธีเช่นเดียวกับนางจิญจมาณวิกาจากนั้นได้ไปว่าจ้างเหล่าโจรให้ฆ่านาง นำศพไปหมกไว้ใกล้พระเชตวันวิหาร แล้วส่งคนของตนเข้าไปร้องเรียนต่อพระราชาว่า สาวิกาผู้หนึ่งของพวกตนหายไป พระราชามีรับสั่งให้ค้นหา พบศพหมกอยู่ใกล้พระเชตวันวิหาร เหล่าเดียรถีย์จึงนำศพวางบนแคร่หาม ออกเดินประกาศไปทั่วพระนครว่า เหล่าศากยสมณะร่วมกันฆ่านาง พระอานนท์ทูลความให้พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงทราบ พระพุทธองค์ตรัสว่า อีก ๗ วัน เรื่องนี้จะปรากฏความจริง
ฝ่ายพระราชา แม้จะมีหลักฐานปรากฏเช่นนั้นก็ยังไม่แน่พระทัย รับสั่งให้เจ้าพนักงานออกทำการสืบสวนหาความจริง เจ้าพนักงานไปพบกับเหล่าโจรซึ่งกำลังเมามาย ต่างก็อวดตัวว่าเป็นคนฆ่านางสุนทรี จึงคุมตัวไปเฝ้าพระราชา ทรงสอบถามจนได้ความจริงว่า เหล่าเดียรถีย์เป็นผู้ว่าจ้างพวกตน พระราชามีรับสั่งให้จับเดียรถีย์คุมตัวเดินประจานไปทั่วพระนคร พร้อมทั้งให้ร้องประกาศว่า พวกตนเป็นผู้สั่งให้ฆ่านาง มิใช่เป็นการกระทำของศากยสมณะ จากนั้นจึงนำตัวไปลงโทษสถานหนักทั้งหมด
Click to expand...

ขอขอบพระคุณสำหรับข้อมูล ครับ การที่จะตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ก็ต้องชดใช้กรรม นั่นหรือ ก่อนที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่นี่กระผมเป็นบุคคลสามัญทั่วไป ก่อนจะบรรลุ กรรมคงรอคิวเล่นแบบทีเดียว งั้นหรือนี่ครับ

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

กฎแห่งกรรม ใครเป็นผู้สร้าง?

Willam สมาชิก

bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

Willam สมาชิก

ชุนชิว เป็นที่รู้จักกันดี

Willam สมาชิก

Kama-Manas เป็นที่รู้จักกันดี

jojopattaya เป็นที่รู้จักกันดี

phloiwang เป็นที่รู้จักกันดี

phloiwang เป็นที่รู้จักกันดี

boontar เป็นที่รู้จักกันดี

โยคีย์แมน สมาชิก

Willam สมาชิก

จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

จันทโค เป็นที่รู้จักกันดี

Willam สมาชิก

แชร์หน้านี้

แชร์หน้านี้

เข้าสู่ระบบหรือลงทะเบียน

กฎแห่งกรรม ใครเป็นผู้สร้าง?

แชร์หน้านี้

การค้นหาที่มีประโยชน์

ติดต่อเรา