พระครูพิทักษ์ศาสนวงศ์ (หลวงพ่อไก่) **บุญใหญ่ร่วมลงชื่อสวดพาหุง ฯ 2609 จบ บูชาพุทธชยันตี**

ในห้อง 'บทสวดมนต์ - คาถา' ตั้งกระทู้โดย MayBuddhaBlessYou, 13 มีนาคม 2011.

  1. ฟ้าสว่าง

    ฟ้าสว่าง สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +14
    ขออนุโมทนากับจขกท และทุกท่านที่มาเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับหลวงพ่อนะคะ อยากจะหาโอกาสไปกราบท่านสักวันเช่นกันค่ะ
     
  2. อย่าลืมฉัน

    อย่าลืมฉัน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +2,807
    [​IMG]


    อนุโมทนาครับ

    กราบแทบเท้าหลวงพ่อไก่ ผู้เป็นเนื้อนาบุญอันประเสริฐของโลกครับ สาธุ ๆ ๆ
     
  3. apichai53

    apichai53 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    630
    ค่าพลัง:
    +2,261
    ได้โทรไปสอบถามข้อมูลคุณเจนเรื่อง การไปกราบพระอาจารย์ใหญ่ที่วัดป่าสระกระโจม
    ขอบคุณในข้อมูลมากๆ ....บุญรักษาและเจริญในธรรมนะครับ...
     
  4. yokeemonkaew

    yokeemonkaew เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    153
    ค่าพลัง:
    +301
    ได้เคยไปกราบท่านพระอาจารย์ ท่านคือสัพพัญญูจริงครับ เหตุเนื่องจากที่อยู่ในเขตแวดวงพระศาสนา ด้วยบุญบารมีอันเนื่องด้วยกัน ไม่ว่าจากชาติหนึ่งชาติใดก็ตาม โดยผมและคณะได้ร่วมมหาบุญกับพ่อแม่ครูอาจารย์ที่เชียงใหม่ ในวันอาสาฬหบูชา/เข้าพรรษา ที่ผ่านมานี้ ซึ่งท่านออกรับบิณฑบาตรและได้รับรูปท่านผ่านทางเครื่องมือสื่อสาร จากผู้ที่ได้ร่วมบุญที่วัดท่านพระอาจารย์ส่งมา ผมได้ดูรูปท่านครั้งแรกนึกอธิฐานขึ้นเหนือหัว หากแม้นเกี่ยวเนื่องขอให้ลูกได้กราบท่านด้วย เหตุจังหวะลงตัวหรือด้วยบุญแห่งพระเมตตาจากท่านพระอาจารย์ส่ง หนึ่งอาทิตย์จากงานมหาบุญที่เชียงใหม่ มีงานบุญ 2 งานที่เข้ามา คืองานหล่อพระ..และไปกราบท่านพระอาจารย์ โดยผมต้องเลือกอธิษฐานกระแสท่านพระอาจารย์ปรากฏ คือถ้าไม่ไปก็คงไม่สบโอกาสเช่นนี้เป็นแน่ เมื่อไปถึงบริเวณเขตวัดก็แผ่เมตตาให้เทพ พรหมเทวดา เจ้าที่เจ้าทาง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัด เตรียมดอกไม้และพระที่จะถวายท่าน โดยรออยู่ที่ศาลา บางคนก็นั่งเจริญสติ ส่วนผมซึ่งใหม่ต่อสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ได้แต่กวาดสายตาแผ่บุญไป กำหนดจิตส่งถึงท่านพระอาจารย์ว่าผมที่ได้เคยอธิฐานได้มาถึงแล้ว ถึงเวลาก็เดินเข้าศาลาท่านพระอาจารย์ โดยมีท่านแม่ชีใจดีและท่านพระภิกษุนำเข้าพบ ผมเดินเข้าคนสุท้ายเห็นท่านครั้งแรก ท่านนั่งหลับตาเช็คทุกคนที่เดินเข้ามา กราบพระและถวายสังฆทานร่วมกัน คณะผมได้มีโอกาสได้ถวายพระผงแด่ท่านซึ่งท่านได้ดำหริไว้ก่อนทีจะไปครั้งนี้ ถึงเวลาปุจฉา-วิสัชนาแล้ว ทุกคนที่มีปัญหาก็ถามได้คำตอบจากท่านก็เป็นประโยชน์แก่เราด้วย มีทั้งผู้ที่เป็นโรค ผู้ที่มีวิญญาณติดตาม ธุรกิจ การปฏิบัติ ส่วนผมนั่งเจริญสติ ฟังไปด้วย คราวนี้ถึงวาระของผมแล้วครับ ผมไม่ได้ถามท่าน แต่ผมนั่งกำหนดจิตถามในการปฏิบัติสำหรับตัวผมทำอย่างไร กับที่ทำอยู่ในปัจจุบันนี้ ท่านได้ตอบออกมาโดยผมรู้ว่าท่านเมตตาแล้ว เมื่อท่านสะกิดให้ผมได้รู้แล้วผมก็ลืมตา พนมมือสาธุ แล้วท่านก็หันมามองผมในขณะที่ท่านยังตอบปัญหาอยู่ และท่านยังพูดอีกว่าจะถามอะไรอีกไหม ได้ทุกเรื่อง แล้วท่านก็ส่งรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะ นี่แหละครับ ท่านเจโตผมแล้ว มีโอกาสไปกราบท่านนะครับ ท่านช่วยประเทศอยู่ ทำบุญเจริญสติแผ่บุญถึงท่านพระอาจารย์ด้วยนะครับ กาลข้างหน้าเป็นอย่างไรยังไม้รู้ รู้แต่ว่าต้องทำกัน(ปฏิบัติ)ต่อไป...
     
  5. _nnn_123

    _nnn_123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +567
    ขออนุญาติ แก้ไขนิดหนึ่งคะ แม่ชีที่พาเข้าพบหลวงพ่อคือ แม่ชีปุ๊ คะ...ขอกราบขอขมา ที่ตอนนั้นดิฉันไม่ทราบไม่แน่ใจว่า ท่านชื่อแม่ชีปุ๊ หรือ แม่ชีจ๊ะ เพราะ วันที่ไปพบหลวงพ่อ เป็นครั้งแรกที่ไปวัด คะ....
     
  6. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0
    อดข้าว อดอาหาร ไม่เป็นอัตตกิลมัตถานุโยคเหรอครับ
     
  7. ลมไหว

    ลมไหว สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    28
    ค่าพลัง:
    +9
    ต้องถามพระอุปคุต ตอนนี้ท่านจำพรรษาอยู่ที่สะดือทะเล ไม่ฉันอาหารดำรงชีวิตด้วยณานสมาบัติ ถามท่านดูนะว่าท่านทำอย่างนี้เป็นอัตตกิลมัตถานุโยคหรือ ?
     
  8. กาน้ำ

    กาน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +153
    ท่านเป็นพระเถระผู้ทรงฌานตลอด 24 ชั่วโมง ท่านไม่ได้นอนหลับ
    ท่านฉันเพียงน้ำปาณะบ้าง เครื่องดื่มบำรุงและโอสถบ้าง เพียงเล็กน้อย
    เพื่อให้ร่างกายธาตุขันธ์ดำรงอยู่ได้ ทั้งนี้เพื่อทำหน้าที่โปรดสัตว์ให้มากที่สุด สมกับที่ท่านกล่าวว่า
    "ครั้งนี้..เป็นการมาครั้งสุดท้ายของท่านแล้ว"

    มีผู้สงสัยว่าหลวงพ่ออยู่ได้อย่างไร ท่านเมตตาบอกว่า
    "อยู่ได้ด้วยกำลังของฌานสมาบัติ"


    ......................................................

    ฌาน ทำกันได้ทั้งปุถุชนและอริยเจ้าทุกระดับ

    ฌาณสมาบัติเป็นสมบัติของผู้เป็นฌานลาภีบุคคล
    (คือบุคคลผู้มีวาสนาพร้อมจะถึงฌาน เช่นมีแนวทางที่ถูก มีความวิริยะอุตสาหะ และมีบุญเก่าอุดหนุน)
    ฌานสมาบัติเกือบทั้งหมดต้องใช้สัญญาเป็นตัวแล่นไป ยกเว้นเนวสัญญานาสัญญายตนะ
    ซึ่งต้องถึงด้วยอาการ "ล่วง" เสียซึ่งความรู้สึกว่างเป็นอนันต์
    พรากจากสัญญา ความกำหนดหมายรู้ทั้งปวงเสียได้ จนสัญญามีและไม่มีครือกัน

    ส่วนนิโรธสมาบัติ เฉพาะของผู้ที่ถึงอนาคามีผล พระอรหัตมรรค พระอรหัตผล
    เป็นการเข้าอรูปฌานเป็นจนถึงเนวสัญญาฯ ท่านไม่แค่ทำให้สัญญาเหลือน้อยจนเหมือนไม่มี
    แต่ดับสัญญาและเวทนาลงสนิท

    ที่มา larndham.net
     
  9. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0
    ยังย้ำคำเดิม
     
  10. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0


    อย่างท่านไม่ฉันอาหารเพราะท่านเอาเวลาไปเข้าฌาน เมื่อออกมาแล้วท่านก็ไปบิณฑบาตรเพื่อหาอาหารมาดำรงชีพต่อ ฉันเสร็จแล้วท่านก็เข้าสมาบัติต่อ

    แต่ของท่านนี้ผมว่ามันแปลกๆคือว่า ที่เอามาประกาศกันเหมือนกับว่า ท่านไม่ฉันอะไรเลยรับแต่น้ำปานะ ทั้งๆที่อาหารท่านหาได้ ซึ่งมันก็ผิดวิสัยของผู้ที่ปฏิบัติ อีกอย่าง เท่าที่ดูท่านก็ไม่ได้เข้าสมาบัติตลอด ๒๔ ชม. เพราะยังเห็นมีเวลาออกมาพยากรณ์อนาคตของคนนั้นคนนี้ อันนี้ก็อีกอย่างที่สงฆ์ไม่ควรทำ

    อย่างพระอุปคุตท่านไม่เป็นอัตตกิลมัตถานุโยคเพราะว่า เมื่อมีโอกาศท่านก็แสวงหาอาหารมาเพื่อดำรงค์อยู่ได้แห่งอัตภาพ
    แต่ท่านนี้จำกัดอีกว่ารับน้ำปานะ ทั้งๆที่ก้ไม่ใช่เหตุจำเป็นอะไรเลย
     
  11. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0
    อีกอย่าง หน้าตาท่านทำไมเศร้าหมองจังครับ ทั้งๆที่มีปิติ ก็น่าจะอิ่มเอิบมากกว่านี้
    อาการคิ้วขมวดนี่มันก็เป็นจิตชรูปนะ
     
  12. _nnn_123

    _nnn_123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +567
    ขอโทษนะคะ ... ดิฉันว่าคุณอย่าตัดสินท่านจากการบอกเล่าหรือจากภาพเท่าที่คุณเห็นเลย คุณทำใจเป็นกลางๆ มีโอกาสไปกราบท่านเองแล้วค่อยตัดสินที่จะพูดอย่างที่คุณคิด...เพราะเดียวจะเป็นบาปติดตัวคุณเองจากการปรามาสพระสงฆ์
    ตัวดิฉันเองและอีกหลายๆท่านได้นำเรื่องราวของหลวงพ่อไก่ มาเล่าสู่หลายๆท่านฟังเพราะเกิดความเลื่อมใสศรัทธาในบารมีของหลวงพ่อ และอีกอย่างหลวงพ่อไม่ได้พยากรณ์คะ...หลวงพ่อท่านชี้ทางบอกชี้แนะแก่ญาติโยมที่มาหาหลวงพ่อจากความทุกข์ทั้งหลายหลวงพ่อไม่ได้ใช้ปาฎิหารย์ใดๆ หรือบอกกล่าวอะไรเกิดจริงท่านทรงญาณ...และขณะที่ท่านชี้ทางสว่างให้แก่ญาติโยมที่เข้าพบ ท่านก็อยู่ในญาณ
    สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น..สิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ..ดิฉันขอเรียนเชิญคุณไปกราบท่านซักครั้งก่อน...ก่อนที่คุณจะมองเพื่อหาข้อผิดหรือติเตียนท่าน ทุกคนที่ลงเรื่องราวเล่าสู่หลายๆท่านฟังไม่ได้มาเพื่อเรียกคะเเนนหรือโปรโมตใดๆ แต่มาจากจิตที่บริสุทธิและศรัทธาในหลวงพ่อ
    ด้วยตัวดิฉันเองกราบขอขมาหลวงพ่อไก่...ดิฉันได้นำเรื่องราวมาเล่าสู่พุทธศาสนิกชนหลายๆท่านได้อ่านโดยที่ไม่ทันได้กราบขออนุญาติหลวงพ่อก่อนแต่หากด้วยใจที่เป็นกุศลและศรัทธาในองค์หลวงพ่อบริสุทธิ์ใจในการนำเรื่องราวของหลวงพ่อมาเล่าสู่หลายๆท่านฟังเพื่อเป็นกุศล...ขอบุญบารมีของหลวงพ่อส่งเสริมให้ดิฉันคิดดีทำดีพูดดี มีสติและเกิดปัญญา...และหากแม้นท่านใดที่ได้อ่านเจอเรื่องราวขอหลวงพ่อไก่แล้ว ท่านที่บุญเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์และเกิดศรัทธาในองค์หลวงพ่อแล้วขอบารมีของหลวงพ่อให้ท่านนั้นๆได้มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อด้วยเทอญ...สาธุสาธุสาธุ
     
  13. จริงจัย

    จริงจัย สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2010
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +12
    I2D2 .. ปรามาสพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ระวัง ลงอบายนะครับ ^^
     
  14. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0
    สิ่งเหล่านี้ผมว่าบางอย่างเป็นกิจที่ท่านไม่ควรทำ ซึ่งหากเห็นว่าเป็นสิ่งที่ขัดต่อพระธรรมวินัยฆารวาสก็มีสิทธิ์ที่จะว่ากล่าวได้ ความหมายของ "สงฆ" อีกคำหนึ่งก็คือ

    ผู้น้อมรับคำติเตียน หากพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุ คือไม่เป็นประโยชน์แก่การบรรลุอริยมรรค อันนี้ก็ควรว่ากล่าวไม่ใช่หรือครับ


    ผมก็กล่าวไปตามหลักฐานที่มีเท่านั้นแหละ เพราะเดี๋ยวนี้เห็นออกมาอ้างกันเยอะเรื่องคุณวิเศษ
     
  15. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0
    ศรัทธาในตัวบุคลลนั้นหาใช่ศรัทธาที่แท้จริงไม่



    อย่าเอาแต่ศรัทธาอย่างเดียวครับ

    พุทธศาสนาไม่ใช่ศาสนาแห่งศรัทธา แต่เป็นศาสนาแห่งปัญญา
     
  16. กาน้ำ

    กาน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +153
    ต้องถามใจของลูกศิษย์ท่านแต่ละคนว่า ไปหาถึงที่ต้องการอะไรจากท่าน
    ๑ต้องการชมบารมี เจอแล้วก็ลากลับ
    ๒ต้องการใส่บาตร ต่อด้วยฟังท่านเทศน์ช่วงเช้า แล้วก็กลับ
    แบบนี้ ท่านไม่ต้องอดน้ำสักหยด ท่านก็ฉันท์ได้ตามสบาย ไม่ต้องทรงฌาณตามตอบปัญญาใคร

    แต่เพราะความอยากไม่สิ้นสุดของญาติโยม
    อยากรวย
    อยากหมดหนี้
    อยากหายป่วย
    สารพัดความอยากเข้าครอบงำตัวเอง พลอยส่งถึงท่านไปด้วย

    ถ้าลูกศิษย์ท่าน รวมใจกันบอกว่าอยากพ้นทุกข์ แล้วท่านนำพาปฏิบัติเพื่อการพ้นทุกข์
    ดูจะเป็นบรรยากาศที่ดีกว่านี้เยอะเลย ที่สำคัญดีกับธาตุขันธ์ท่านด้วย
     
  17. _nnn_123

    _nnn_123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +567
    สาธุ...จริงอย่างที่พูด มีครั้งหนึ่งหลวงพ่อเอ่ยถาม คนที่ไปพบท่านว่า "พวกมึงอยากอะไรความโลภพวกมึงมีอะไรอีกถามมา"(เพื่อนที่ไปบวชพรามหณ์เล่าให้ฟังในขณะที่เขากำลังจะลาสึก)
     
  18. _nnn_123

    _nnn_123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +567
    ขอบคุณคะ...สำหรับข้อคิด...แต่ดิฉันแค่อยากให้คุณไปเจอไปกราบท่านจริงๆ ค่อยพูดถึงหลักฐานที่คุณหาได้จากภาพและข้อความที่เห็นในกระทู้หรือเวป....สาธุ..สาธุ..สาธุ...น้อมรับและปฏิบัติเห็นจริงอย่างที่เห็น
     
  19. I2D2

    I2D2 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กันยายน 2011
    โพสต์:
    218
    ค่าพลัง:
    +0
    ต้องว่าตามหลักฐานครับ ค่อยว่าตามรายบุคคล
     
  20. _nnn_123

    _nnn_123 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    320
    ค่าพลัง:
    +567
    คะก็หวังว่าคุณคงได้เจอและได้ไปกราบหลวงพ่อ นะคะ...ส่วนเจอแล้วจะศรัทธาหรือไม่หรืออะไรก็ตามแต่ .. มันเป็นความศรัทธาส่วนบุคล...แต่ใหนๆก็ใหนๆแล้วอยากจะบอกว่า....หลวงพ่อเทศน์ให้ทำดีเป็นคนดี...หลวงพ่อไม่ได้ใช้ปาฎิหารย์อะไรหรือให้ใครมาบริจาคเงินทอง รถ...หรือทรัพย์สิน การรักษาคือการบวช...การเจริญวิปัสนา...การทำบุญ...ดิฉันว่าถ้ามองในแง่ดีก็คือกุศโลบายให้คนหันมาหาธรรม...เป็นการเทศน์การสอน ส่วนคนจะศรัทธาจะบวชแล้วแต่ บุคคลถ้าคุณอ่านและมองว่าไม่มีไรที่เกินปาฏิหารย์ หรือบริจาคหรือมีเรื่องเงินทองมาเกี่ยวเลย...อย่างน้อยท่านคือ พระสงฆ์..และไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนมีแต่คนเดือดร้อนมาหาท่าน...ขอความกรุณา...อย่าปรามาสท่านอีกเลยคะ....กราบขอบพระคุณ
     

แชร์หน้านี้

Loading...