ประสบการณ์เหนือธรรมชาติ รอวัน"วิทยาศาสตร์"ไขปริศนา!

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 30 มกราคม 2007.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    ประสบการณ์เหนือธรรมชาติ รอวัน" วิทยาศาสตร์"ไขปริศนา!



    [​IMG]

    วิทยาศาสตร์นำความเจริญมาสู่สังคมมนุษย์หลากหลายรูปแบบ ทั้งในด้านการผลิตพลังงาน การบิน การแพทย์ รวมทั้งใช้เป็นเครื่องมืออธิบายสภาวะต่างๆ ของโลกและจักรวาล

    ทุกวันนี้แม้เทคโนโลยีจะเจริญรุดหน้าอย่างมากจนถึงขั้นมนุษย์จะทำแผนที่รหัสพันธุกรรมของตนเอง อย่างไรก็ตาม วิทยาศาสตร์เองก็มีข้อจำกัดในตัวมันเอง เนื่องจากยังคงอธิบายถึงที่ไปที่มาได้ทุกปรากฎการณ์-ทุกสรรพสิ่งไม่ได้โดยสมบูรณ์ แต่ในอนาคตไม่แน่ว่าในที่สุดแล้ววิทยาศาสตร์ก็จะไขปริศนาความลึกลับของเรื่องราวเหล่านี้ได้สำเร็จ!



    ความสัมพันธ์"จิตกับกาย"

    ปัจจุบัน วิทยาศาสตร์การแพทย์กำลังอยู่ในขั้นเริ่มต้นในการทำความเข้าใจถึงอิทธิพลของ "จิต" ที่ส่งผลต่อร่างกาย

    การทดลอง "เพลอเซโบ เอฟเฟ็กต์" คือ ตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของ "จิต"

    นั่นคือ ในบางกรณีเมื่อผู้ป่วยได้รับ "ยาหลอก" แต่กลับมีอาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน

    เป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าถ้าสภาพจิตใจเข้มแข็งและได้รับกำลังใจก็จะสามารถสั่งให้ร่างกายรักษาตัวเองได้ในระดับหนึ่ง



    พลังจิตและการหยั่งรู้

    "พลังจิต" (ไซคิก-อีเอสพี) เป็นเรื่องที่พิสูจน์ไม่ได้ด้วยวิทยาศาสตร์ยุคนี้ แต่ก็มีผู้คนทั่วโลกจำนวนมากเชื่อว่าเป็นพลังที่มีอยู่จริง

    ผลการทดลองเก็บข้อมูลจากบุคคลที่อ้างว่าหรือคาดว่ามีพลังจิต ไม่ได้ข้อมูลเป็นชิ้นเป็นอันนัก <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    หรือไม่เช่นนั้นผลลัพธ์ที่ออกมาก็กำกวม

    ในส่วนของพลังแห่งการหยั่งรู้อนาคต จัดเป็นความสามารถพิเศษประเภทหนึ่งของผู้มีพลังจิตเช่นกัน



    ชีวิตหลังความตาย

    ปรากฎการณ์เฉียดตาย รวมถึงชีวิตหลังความตาย มักเกิดขึ้นกับบุคคลที่หัวใจหยุดเต้น-หยุดหายใจไปแล้วชั่วขณะ แต่กลับฟื้นคืนมามีชีวิตอีกครั้งได้

    คนที่ผ่านประสบการณ์หลังความตายเคยให้ข้อมูลว่า จะมองเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ เห็นแสดงสว่างจ้า หรือไม่ก็ได้พบกับบุคคลอันเป็นที่รักที่จากโลกนี้ไปแล้วก่อนหน้า

    นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า สิ่งที่เกิดขึ้นหลังตายไปชั่วขณะนั้นเป็นสภาวะตามธรรมชาติ

    ซึ่งมีต้นกำเนิดมาจากการที่ "สมอง" ของคนๆ นั้นได้ถูกกระทบกระเทือนอย่างเฉียบพลัน (เช่น ขาดอากาศ ถูกกระแทก ฯลฯ) จนทำให้เกิด "ภาพหลอน" ขึ้นมา

    ที่สุดแล้ว...ไม่ว่าภาพนั้นจะเป็นภาพหลอน หรือ ภาพจากภพอื่น ย่อมเป็นสิ่งรอคอยการพิสูจน์กันต่อไป



    ยูเอฟโอ-มนุษย์ต่างดาว

    ตามความรู้ด้านจักรวาลวิทยาเห็นว่า มนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตชนิดเดียวในจักรวาลอย่างแน่นอน

    บนดาวดวงอื่นต้องมีสิ่งมีชีวิตอยู่เหมือนพื้นโลก เพียงแต่อาจมีรูปลักษณ์แตกต่างกันไป

    สำหรับ "ยูเอฟโอ" หรือที่คนไทยเรียกว่า "จานผี" เล่าลือสืบต่อกันมาทั่วโลกว่าเป็นพาหนะที่นำพามนุษย์ต่างดาวมาเยือนโลก

    นักวิทยาศาสตร์พยายามค้นคว้าคำบอกเล่า-ภาพถ่ายของวัตถุ รวมทั้งแสงแปลกประหลาดบนท้องฟ้า ซึ่งผู้พบเห็นอ้างว่าเป็นยูเอฟโอ <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=2><TBODY><TR bgColor=#ffffe8><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    อย่างไรก็ตาม เมื่อหาคำตอบที่หนักแน่มาชี้แจงไม่ได้ ทำให้เกิดคำอธิบายว่า แท้จริงแล้วยูเอฟโอที่ชาวโลกเคยพบเห็นก็คือ "สิ่งที่อธิบายได้" เช่น อุกกาบาต ฝนดาวตก เครื่องบิน เครื่อบินรบรุ่นใหม่ที่อยู่ระหว่างการทดลอง ฯลฯ



    เดจาวู

    "เดจาวู" เป็นคำภาษาฝรั่งเศส หมายความว่า "เคยได้พบเห็นมาแล้ว"

    ประสบการณ์นี้เกิดขึ้นขณะเรากำลังทำสิ่งใดๆ อยู่ หรือ เข้าไปอยู่ในสถานที่-สภาพการณ์ใดๆ แล้วรู้สึกว่าเคยทำอย่างนั้นมาแล้ว

    มีคนพยายามอาคำอธิบายมากมายให้กับปรากฎการณ์เดจาวู เช่น เป็นภาวะของการที่มนุษย์อยู่ใน "โลกคู่ขนาน" ในขณะที่เรามีตัวตนอยู่ในโลกใบนี้ ก็ยังมีเราอีกคนในโลกอีกโลกหนึ่ง หรืออาจเป็นเรื่องของการย้อนรำลึกอดีตชาติ

    การศึกษาทางการแพทย์ชี้ว่า เดจาวูอาจเกิดขึ้นผลการไหลของคลื่นกระแสไฟฟ้าในสมองเกิดการผิดปกติ ทำให้การกระทำที่กำลังทำอยู่ ณ ขณะนั้น คล้ายว่าเคยเกิดมาแล้ว

    สาเหตุเพราะสมองมนุษย์ก็เหมือนเครื่องจักรย่อมทำงานข้อผิดพลาดได้ โดยเมื่อสมองรับภาพมาจากประสาทตาก็นำมาแปลความหมาย

    สมองคนเรามี 2 ซีก ตามี 2 ข้าง ประสาทตาซ้ายเข้าสมองซีกขวา ประสาทตาขวาเข้าสมองซีกซ้าย สมองทั้งสองจึงต้องทำงานประสานกันอย่างมาก

    ดังนั้นถ้าสมองข้างหนึ่งเกิดส่งข้อมูลมาช้าไปเพียงนิดเดียว ทำให้สมองแปลความหมายของภาพนั้นว่าเป็นภาพจากความจำไม่ใช่ปัจจุบันทำให้รู้สึกว่าเหตุการณ์ที่เจอนั้นเคยเห็นมาก่อน



    ผี

    ความเชื่อเรื่อง "ผี" และ " วิญญาณ" อยู่คู่กับมนุษย์มาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์

    มีบันทึกหลักฐานมากมายอ้างถึงเหตุการณ์ของคนที่เคยเจอผี ถ่ายภาพผี สื่อสารกับผี ไปจนถึงโดนผีตามหลอกหลอน

    วิทยาศาสตร์เฝ้าพยายามค้นหาคำตอบปริศนาความลึกลับของผี

    บ้างก็ว่าเป็นรูปแบบหนึ่งของ "พลังงาน" ที่หลุดลอยออกจากร่างผู้ดับสูญ

    การพิสูจน์การดำรงอยู่ของผีและวิญญาณ จะเป็นงานหนักของนักวิทยาศาสตร์ตราบนานเท่านาน



    สัมผัสที่ 6

    "สัมผัสที่ 6" หรือ "ซิกธ์ เซนต์" เป็นสภาวะการมองเห็นอนาคตที่เหนือคำอธิบาย ซึ่งคนส่วนใหญ่น่าจะเคยประสบ

    บางครั้งเราอาจมีลางสังหรณ์ว่า ไม่ควรทำสิ่งนี้ สิ่งนั้น เพราะอาจเกิดอันตรายขึ้นมาได้ในอนาคต

    แน่นอนว่า ลางสังหรณ์ย่อมผิดพลาดได้ แต่ครั้งที่ถูกต้องก็มีเช่นกัน

    นักจิตวิทยาระบุว่า ภาวะสัมผัสที่ 6 รวมถึงการมีลางสังหรณ์แปลกๆ อาจเป็นกระบวนการในระดับ "จิตใต้สำนึก" ของมนุษย์ โดยเราจะนำเอาประสบการณ์-ข้อมูลเก่าๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวมาประเมินผลลัพธ์จากการกระทำที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตโดยไม่รู้ตัว

    ความรู้ด้านจิตวิทยาที่เจาะลึกมากขึ้นเรื่อยๆ อาจช่วยคลี่คลายปริศนาเกี่ยวกับสัมผัสที่ 6 ต่อไป
    ---------------------------------
    Ref.
    http://www.matichon.co.th/khaosod/k...g=03tec05300150&day=2007/01/30&sectionid=0333
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,156
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,352
    ยังเป็นปริศนาที่คู่ขนานกันต่อไป
     
  3. sacrifar

    sacrifar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    551
    ค่าพลัง:
    +3,221
    ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นธรรมชาติครับ แต่มนุษย์เราเรียกธรรมชาติที่เราสามารถพิสูจน์หาเหตุผลได้ว่า วิทยาศาสตร์ เช่น คนสมัยต้นประวัติศาสตร์เห็นพายุก็บอกว่าพระเจ้าลงโทษ พอคนยุคหลังอธิบายได้ว่าเกิดจากการถ่ายเทเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิอากาศ ก็กลายเป็นวิทยาศาสตร์ไป มนุษย์กลัวสิ่งที่ไม่รู้ สิ่งใดที่รู้ก็ไม่กลัว
     
  4. chotiwit

    chotiwit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,616
    ค่าพลัง:
    +1,794
    จากเรื่องจริง เคยไปพบคุณป้าท่านหนึ่งที่ พานนก ได้ให้ท่านนั่งสมาธิคุยกับหลวงปู่ท่านหนึ่งที่ จังหวัดลพบุรี ซึ่งยืนยันได้ว่าท่านทั้ง 2 ไม่รู้จักกันเลย และผมได้เดินทางไปที่ ลพบุรี แล้วถามท่านหลวงปู่ว่าได้คุยกับป้าที่กรุงเทพหรือไม่ ท่านตอบว่า ได้คุยแล้ว ทำให้เชื่อว่า เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะพิสูจน์ได้โดยใช้วิทยาศาสตร์ เข้าช่วย ทุกวันนี้เลยเชื่อว่า ปริศนาความลึกลับมีจริง และบางอย่างไม่สามารถพิสูจน์ได้ ทุกวันนี้เลยหันมานั่งสมาธิแทบทุกวันเลย
     
  5. มหาหินทร์

    มหาหินทร์ ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กันยายน 2005
    โพสต์:
    21,454
    ค่าพลัง:
    +181,786
    ในทาง วิทยาศาสตร์....

    "คนเรา"(คน คือ หมุนวน วุ่นวาย) ที่ใช้ "วิทยาศาสตร์" เป็นแนวนำ ในการค้นคว้า....

    เขา ก็จะฝักใฝ่ ศึกษา ในสิ่งที่ตนเองไม่รู้ โดยตั้ง "ทฤษฎี" ไว้ก่อน
    แล้วก็หาทาง ค้นคว้า ค้นหา สอดส่อง (Search)
    และ ค้นแล้ว คว้าอีก หาแล้ว หาอีก ที่เรียกว่า วิจัย (Research)
    เพื่อให้ สอดคล้องกับ สมมุติฐาน ที่ตั้งไว้ หรือ ตรงกับทฤษฎี ที่คาดการณ์ไว้ หรือไม่

    เมื่อได้ผลที่ตรงกับสมมุติฐาน.. ก็มีความก้าวหน้ามากขึ้น....
    แล้วก็มีการ ค้นหานสมมุติฐานใหม่ ๆ มาหักล้าง ทฤษฎีเก่า ๆ ที่อาจจะล้าสมัยไป
    ก็ยิ่งทำให้มีความก้าวหน้า ยิ่งขึ้น ๆ (ในทางโลก)

    จากสิ่งที่ไม่รู้.. ก็เริ่มรู้....
    จากสิ่งที่ไม่มี.. ก็เริ่มมี....

    จากเกวียน.. เป็นรถจักรไอน้ำ.. เป็นรถยนต์เครื่องจักรกล.. เป็นเครื่องบินใบพัด..
    เป็นเครื่องบินไอพ่น.. เป็นจรวด.. เป็นพลังงานนิวเคลียร์..

    สมมุติฐาน ในวันข้างหน้า(อนาคตกาล)
    พลังงาน ที่เกิดจากแร่ ที่สามารถแผ่ "รังสี" นำมาเป็นพลังงาน ทดแทน "น้ำมัน"

    สรุปว่า....
    วิทยาศาสตร์ จึงเป็นการศึกษา ค้น และคว้า ในสิ่งที่ยังไม่มี
    จากสิ่งที่ใกล้ตัว ขยายเป็นวงกว้างไปเรื่อย ๆ
    หาจุดที่สิ้นสุดไม่พบ....
    สุดท้าย ความก้าวหน้าในทางวิทยาศาสตร์ ก็จะทำลาย สมบัติในโลก ทำลาย"คน"
    (เพราะว่า ไม่ได้ลดกิเลส โลภ โกรธ และ หลง)

    ....................................................................................

    ในทาง พระศาสนา....

    ดูเหมือนว่า การค้นคว้า ใน หลักการ(หัวใจ)ของพระศาสนา
    จะตรงกันข้าม กับ วิทยาศาสตร์

    เพราะว่า "คน" จะพยายาม หาทางเป็น "มนุษย์"(ผู้ประเสริฐ)
    โดยอาศัย หลักธรรม คือ ทาน ศีล และ ภาวนา

    ด้วยการพิจารณา "โลก" จาก วงกว้าง.. ทุกอย่างในโลกล้วน อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
    แล้ว น้อมพิจารณามาสู่ ตนเอง ศึกษา จิต ของตนเอง(ด้วยพิจารณาลมหายใจ) เท่านั้น

    สรุปว่า....

    พระศาสนา สำรวจ มองเห็น รู้เท่าทัน โลก จากวงกว้าง....
    สุดท้าย มาศึกษาเฉพาะ จิต(ลมหายใจ)ของตนเอง เท่านั้นเอง....

    ปัญญา(จากสมาธิ) ก็จะเกิด จะรู้เท่าทันกองทุกข์ กองขันธ์ 5 จะรู้จริง เห็นได้จริง
    (ศึกษาจากวงกว้าง มาสู่ วงแคบ จนเหลือเพียง จิต ของตนเอง เท่านั้น)

    จบกิจ(มีจุดที่สิ้นสุดของกิเลส) ก็ที่ตรงนี้เอง.

    ...................................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 กุมภาพันธ์ 2007
  6. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,489
    อนุโมทนาสาธุจ๊ะ..ลุงมหาหินมักมีคำอธิบายที่เข้าใจง่าย..และแจ่ม..เสมอๆ [​IMG]
     
  7. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    วิทยาศาสตร์ทางแพทย์พยายามจะเข้าถึงพลังจิตและปรากฏการณ์ต่างๆ

    แต่ใช้การพิสูจน์ที่ "ผิดวิธี" จึงอธิบายไม่ได้

    เพราะการจะอธิบายให้เข้าใจถึงปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติดังกล่าวด้วยอายตนะทั้งห้าที่มนุษย์ทุกผู้ทุกนามมีอยู่คือ กาย (สัมผัส) หู ตา จมูก ลิ้น นั้น ไม่สามารถอธิบายได้

    เพราะปรากฏการณ์ดังกล่าวดำเนินอยู่ในอายตนะที่ 6 คือ จิต
    แต่เป็นจิตที่เป็นระดับ "อธิจิต" หรือ "อธิปัญญา" ซึ่งจะมีอยู่ได้ในเฉพาะบุคคล (ปัจจัตตัง) ที่ "รู้" และ "เข้าถึง" ตลอดจน "ฝึกฝน" ให้มี ให้รู้ ให้สัมผัสทางจิตได้เท่านั้น

    เปรียบเสมือนเล่นซ่อนหาในเขาวงกตหรืออยู่กันในโลกเดียวกัน แต่ต่างมิติเท่านั้น การอธิบายจึงต้องทำกับบุคคลที่มี "อธิจิต" ด้วยกันเท่านั้น

    แต่ปัจจุบันสถาบันการศึกษาชั้นนำหลายแห่งในโลกต่างตั้งใจศึกษาค้นคว้าในเรื่องปรากฏการณ์เหล่านี้อย่างจริงจัง ซึ่งหากสถาบันเหล่านั้นหันมาเน้นการปฏิบัติธรรมเช่นเดียวกับ หนทางของอริยชนทางพุทธศาสนาก็จะสามารถเข้าใจและเข้าถึงได้เร็วขึ้น (เจโตปริติญาน) โดยจะต้องเน้น ศีล สมาธิ ปัญญา เป็นหลักในการดำเนินการฝึก (มรรค)


    "ผู้ที่ได้สดับความแล้วนำไปพิจารณา พึงเรียกได้ว่าเป็นบัณฑิต"
     
  8. ลูกหลานหลวงปู่

    ลูกหลานหลวงปู่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    550
    ค่าพลัง:
    +3,588
    ร่างกายเราและสิ่งอื่นประกอบด้วยธาตุทั้งหก(ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ วิญญาณ) เมื่อเรียนรู้ ศึกษาตัวเอง กายนคร เรียกว่า รูป และเรียกนามบัญญัติว่า นาม เมื่อใจเราศึกษาถึงแก่นแท้ของส่วนประกอบ เราก็สามารถเรียนรู้สิ่งอื่นๆได้ ดั่งคำว่า เราคือโลก โลกคือเรา เราคือจักรวาล จักรวาลคือเรา
     
  9. weirchai

    weirchai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    393
    ค่าพลัง:
    +1,410
    อีกหน่อยคงมีแว่นใส่แล้วมองเห็นพวกภูตผีวิญญาณต่างๆ
     
  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** โลก กับ มนุษย์ ****

    ร่างกาย...ขับเคลื่อนด้วย....จิตใจ
    โลก...ขับเคลื่อนด้วย....มนุษย์
    มนุษย์...ขับเคลื่อนเป็น....การกระทำ

    แต่.......
    สัจจะ...ควบคุม....จิตใจ ไม่ให้ออกนอกทาง !!!

    - หนุมาน ผู้นำสาร
     
  11. noiboran

    noiboran Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2007
    โพสต์:
    9
    ค่าพลัง:
    +43
    นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,680
    ค่าพลัง:
    +51,926
    *** เวียนว่ายตายเกิด ****

    - มนุษย์ - สัตว์ - ต้นไม้ -
    หลุดพ้น... พ้นออกนอกโลก....นิพพาน
    ธรรมของโลกุตตระ...นำสัตว์ให้หลุดพ้น
    ด้วยสัจจะปฏิบัติ....ขจัดนิสัยสันดานที่ยังติดอยู่ในจิต

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  13. naf06

    naf06 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    577
    ค่าพลัง:
    +2,227
    กรรมุนาวัตตีโลโก(สัตว์โลกย่อยเป็นไปตามกรรม)
     
  14. naf06

    naf06 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    577
    ค่าพลัง:
    +2,227
    กรรมุนาวัตตีโลโก กุ๊กๆ (สัตว์โลกย่อยเป็นไปตามกรรม)
     
  15. มดดํา

    มดดํา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    34
    ค่าพลัง:
    +129
    ทุกสิ่งล้วนอนิจจัง....
     
  16. treetree

    treetree สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +14
    เดจาวู

    "เดจาวู" เป็นคำภาษาฝรั่งเศส หมายความว่า "เคยได้พบเห็นมาแล้ว"
    ผมเคยเป็นอยู่ครั้งแต่ คงไม่เชิงนัก
    ตอนอยู่ประมาณ ม.2 ผมไปเจอเหตุการณ์หนึ่งเหมือนเคยเจอมาแล้ว
    ผมก็นึกได้ว่าถ้าอย่างนั้นอีกสักเดี๋ยวจะมีเด็กตัวดำดำ ผ่านมา
    แล้วก็มาจริงๆ อย่างนี้เรียกว่า เดจาวู รึป่าว
     
  17. jaae09

    jaae09 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    กรรมใด ใครก่อ กรรมนั้นย่อมตอบสนอง
     
  18. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,164
    ค่าพลัง:
    +3,739
    พระพุทธเจ้าท่านสอนว่าเรื่องอะจินไตยไม่ต้องไปรู้ไม่ต้องอธิบายมันเป็นก็เป็นของมันอย่างนั้น แต่นักวิทยาศาสตร์พยายามอธิบาย วิธีตรวจสอบวิธีอธิบายบางที่มันผิดแล้วจะอะธิบายถูกต้องอย่างไร ผมเห็นด้วยกับท่าน Nirvana (ข้อความที่ 14)

    อย่างไรก็ตาม เมื่อปฏิบัติจนถึงที่สุดแล้วความสงสัยต่าง ๆ จะถูกทำให้แจ้งได้ วิธีพิศูจน์ท่านก็อธิบายไว้แล้วอยากรู้ทำเอา พิศูจน์ได้ก็รู้เฉพาะตนจะไปเล่าให้ใครฟังเขาก็ไม่รู้เรื่องด้วย ต้องทำเอาเอง ทำอย่างไร ทางไหนเล่า?

    ก็กรรมฐานสมาธิไง เมื่อได้ฌาน 4 หรือ สูงกว่านั้น แล้วได้วิชา 3 เป็นเบื้องต้น ก็หายสงสัยแทบทุกหัวข้อตามที่ผู้ตั้งกระทู้ได้เขียนถามไว้

    ของที่มีvยู่เป็นอยู่ใครจะเถียงว่ามีว่าเป็น เถียงว่าไม่มีว่าไม่เป็น มันก็เป็นของมันอย่างนั้น

    มีวิธีแล้วทำเอาพิศูจน์เอาจะได้หมดสงสัย ....ถ้าไม่จริงคงจะไม่ได้เป็นวิธีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาจนทุกวันนี้...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กุมภาพันธ์ 2007
  19. Kakarot

    Kakarot Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    86
    ค่าพลัง:
    +81
    ปัจจัตตัง
     
  20. surad

    surad เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2006
    โพสต์:
    386
    ค่าพลัง:
    +1,287
    ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
     

แชร์หน้านี้

Loading...