ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน..อย่ารอแบบหวังลมๆแล้งๆ

นาทีนี้ไม่พูดก็อึดอัดใจเหลือประมาณเพราะ ดูเหมือนคนส่วนมากจะ งงๆ..กลัวลุ้นน้ำจะท่วมมั้ยแต่น้อยคนที่จะหาทางรอดให้ตัวเอง กลับรอให้เทวดาช่วย...(แล้วช่วยได้มั้ยเนี่ย..)

ข่าวน้ำท่วมโครมๆ ขนาดนี้ยังไม่สำรวจตัวเองว่าบ้านอยู่พี้นที่ต่ำมั้ย เป็นทางไหลของน้ำรึเปล่า พอน้ำเริ่มมายังมัวรอดูสถานการณ์โดยไม่ลงมือทำอะไร

รู้อยู่ว่าบ้านอยู่ใกล้ทางน้ำ แล้วรีบกลับไปเฝ้าบ้านรอน้ำมันจะขึ้นตอนไหนถึงจะรีบขนของขึ้นที่สูง แล้วมันช่วยได้มั้ย.. ข้าวของเสียหาย รถจมน้ำพัง ไม่มีที่นอนที่อาศัย ห้องน้ำไม่มี ลำบากลำบน ...ทำไม..

ถ้าตนไม่เป็นที่พึ่งแห่งตนก่อน...เทวดาไหนจะช่วยได้ ได้แต่ปลอบใจตัวเองเมื่อสายเกิน ว่าใครๆเค้าก็ท่วม ก็ลำบากเหมือนๆกันน่ะแหละ...(มันมีประโยชน์มั้ย)ไม่เข้าใจว่าถ้าพื้นที่ใกล้เคียงเค้าท่วมแล้ว คุณจะรอให้มาถึงตัวก่อนทำไม

อยากจะให้ท่านๆ ตั้งสติ ตัดสินใจลงมือปกป้องบ้านเรือน ครอบครัวของตัวเองโดยไม่ต้อง รอบัญชาจากข่าวช่องไหน หน่วยงานอะไร การสร้างแนวกระสอบทรายกั้นน้ำเข้าบ้าน หรือล้อมบ้านไปเลย ยิ่งรีบทำแต่เนิ่นๆ แค่น้ำไม่ไหลเข้าบ้านคุณ อย่างน้อยคุณก็มีที่นอน มีห้องน้ำ รถก็ไม่จมน้ำ รีบตัดสินใจทำเดี๋ยวนี้ ก่อนจะไม่เหลืออะไรให้ตัดสินใจ

ใครท่วมแล้วแต่ยังไม่สูงมาก ...รีบนะคะ ทำแนวกระสอบล้อมบ้านหรือช่องที่น้ำจะไหลเข้า แล้ววิดน้ำออก อย่างน้อยก็มีที่นอนและของในบ้า<WBR>นไม่เสียหาย.... ถ้าแบบด่วน ก็ใช้แผ่นไม้หรือโต๊ะใหญ่ๆ วางล้อมแล้วใช้ผ้าพลาสติกคลุม ใช้กระสอบดินทับปลายผ้าพลาสติก แค่น้ำเข้าไม่ได้ก็ใช้ได้ค่ะ..แ<WBR>ล้วรีบวิดน้ำออก.. อย่ารอดูน้ำโดยไม่ทำอะไร จะเสียหายเป็นล้านทั้งบ้านทั้งร<WBR>ถข้าวของ ทรายแค่คิวละสี่ห้าร้อย อย่าคิดเยอะ...

ด้วยความปรารถนาดีอย่างจริงใจ
หากท่านจะเมตตาต่อพี่น้องชุมชน โปรดช่วยบอกต่อเตือนสติ เพื่อบรรเทาความเสียหาย ที่จะเกิดขึ้นเถิด

 

อยากให้ทุกๆ ท่าน ช่วยกันแสดงความคิดเห็นค่ะ..ว่ามีวิธีใดบ้าง ที่จะปกป้องบ้านเรือน ครอบครัว จากภาวะน้ำท่วม อย่างน้อยๆ ไม่ต้องไร้บ้าน ไร้ที่อาศัย ..จะเป็นพระคุณแก่ผู้อ่านมากๆ ค่ะ

 

ก่อนน้ำท่วม : เริ่มจากวางแผนของบ้านตัวเองก่อนว่าจะทำยังไง ความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน จากนั้นต่อด้วยพูดคุยกับเพื่อนบ้านเผื่อมีแนวทางอื่น จากนั้นไปถึงระดับหมู่บ้าน อบต. ที่ต้องพูดคุยกันให้มาก ๆ เพราะพื้นที่แต่ละพื้นทีมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน หน่วยงานส่วนกลางไม่อาจเข้าไปได้ทันในเวลาฉุกเฉินและติดต่อยากเช่นนี้

 

คุณมหิธา เห็นด้วยกับความคิดของคุณอย่างมาก
ก็เลยเข้ามาส่งเสริมความคิดเห็น ถูกต้องที่สุด


ต้องอย่างนี้ซิ ;ปรบมือ(y)(y)(y)

 

ผมเป็นชนกลุ่มน้อยครับ ทำเท่าที่จะทำได้

 

เอามาฝากค่ะ ...

เผยกลเม็ด “วิธีรับมือน้ำท่วมบ้านอย่างได้ผล”



เนื่องจากขณะนี้หลายจังหวัด หลายพื้นที่ในประเทศไทยของเรากำลังประสบปัญหาอุทกภัย จากหลายสาเหตุไม่ว่าจะเป็นอากาศที่แปรปรวน ผลกระทบจากพายุทั้งนกเต็น เนสาด และล่าสุดนาลแก ซ้ำยังโดนมรสุมถล่ม ทำให้ในหลายพื้นที่อยู่ในสภาวะวิกฤติถึงขั้นรุนแรงเพราะมีน้ำท่วมสูง บ้านเรือนประชาชน ที่อยู่อาศัยเสียหายนับพันหลัง

ทั้งนี้ทาง isn ของเราก็เจอบทความดีๆ ใน “Bloggang ทองกาญจนา” ของผู้ที่เคยประสบปัญหาน้ำท่วมบ้านครั้งหนึ่ง เผยเคล็ดลับ วิธีการในการป้องกันบ้านไม่ให้ถูกน้ำท่วม ทาง isn จึงไม่รอช้ารีบนำมาเสนอผู้อ่านทันที เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับใครหลายคนที่คงจะกำลังประสบปัญหาน้ำท่วมหรือกำลังหาวิธีป้องกันบ้านของตนเองให้ปลอดภัยจากน้ำได้นำไปใช้หรือเรียนรู้ไว้ก็คงไม่เสียหายอะไร
วิธีป้องกันไม่ให้น้ำท่วมบ้านอย่างได้ผล

น้ำท่วมเชียงใหม่ปีนี้ บ้านผมก็หนีไม่พ้นอีกเช่นเคย เพราะอยู่ในโซนหมายเลข 1 ที่น้ำจะต้องท่วมก่อนโซนอื่น ๆ ยังโชคดีที่ อบต.ปรับปรุงถนนหน้าหมู่บ้านให้มีความสูงมากขึ้นมาตั้งแต่ต้นปี ดังนั้นถึงแม้ระดับน้ำจากแม่น้ำปิงจะสูงเกินค่าวิกฤติ คือ 3.70 เมตร น้ำก็ยังไม่ล้นตลิ่งข้ามถนนเข้าไปท่วมหมู่บ้าน แต่ในที่สุดก็ไม่รอด เพราะปีนี้น้ำขึ้นสูงสุดถึง 4.94 เมตร สรุปว่าน้ำเริ่มเข้าท่วมถนนภายในหมู่บ้านตั้งแต่ตอนบ่ายวันพุธที่ 28 กันยายน 2554 และหยุดท่วมในเช้าวันเสาร์ที่ 1 ตุลาคม 2554
ถึงน้ำจะท่วมถนนภายในหมู่บ้านสูงถึง 60 ซม. จนไม่สามารถใช้รถยนต์ส่วนตัวเข้า-ออกได้ตามปกติ แต่จากประสบการณ์ที่ต้องผจญกับน้ำท่วมในหมู่บ้านนี้มาหลายครั้ง ทำให้เกิดองค์ความรู้ที่จะป้องกันไม่ให้น้ำจากถนนภายในหมู่บ้าน ไหลเข้าไปท่วมในบริเวณบ้านอย่างได้ผล ขอนำมาบันทึกไว้เพื่อเป็นประโยชน์กับท่านอื่น ๆ ในวันนี้ครับ

เตรียมการก่อน
ประสบการณ์จากน้ำท่วมเมื่อครั้งที่แล้ว พบว่าถึงแม้จะกั้นกระสอบทรายไว้ที่ประตูรั้ว แต่ก็ไม่สามารถกั้นน้ำเข้าบ้านได้ เพราะ (1)บริเวณสนามหญ้าและลานอิฐบล็อกภายในบริเวณบ้านจะมีน้ำปุดทะลุพื้นดินขึ้นมา (2)กระสอบทรายไม่มีความมั่นคงแข็งแรงเพียงพอ เมื่อถูกคลื่นที่เกิดจากรถยนต์วิ่งฝ่าเข้ามาในถนนที่น้ำท่วม จะมีแรงดันมหาศาลทำให้กำแพงกระสอบทรายพัง และน้ำไหลเข้าบริเวณบ้านได้ในที่สุด

จากประสบการณ์ดังกล่าวผมได้เตรียมการไว้หลังจากน้ำลดครั้งที่แล้ว ดังนี้
(1) ปรับปรุงพื้นรอบ ๆ บริเวณบ้านใหม่ โดยทำพื้นให้เรียบและเทพื้นด้วยคอนกรีตซีแพ็คลงไปจนเต็มชิดรั้วทุกด้าน

(2) ทำบานเหล็กสำหรับกั้นน้ำพร้อมอุปกรณ์ติดตั้ง โดยทำกรอบรางเหล็กสำหรับสวม ติดถาวรไว้ที่ประตูรั้วบ้านทั้งซ้ายและขวา ส่วนบานเหล็กและเสาค้ำยันถอดออกได้ เพื่อให้สามารถใช้ประตูบ้านได้ในยามปกติ

(3) ซื้อเครื่องสูบน้ำชนิดแช่ขนาดเล็กที่เรียกว่าไดรโว่ ราคาประมาณ 1,500-2,000 บาท เครื่องสูบน้ำชนิดนี้จะขาดตลาดทันทีที่เกิดน้ำท่วม จึงต้องซื้อเก็บไว้ล่วงหน้า แล้วก็ไม่ลืมสายไฟพร้อมปลั๊กที่จะใช้ต่อพ่วงมาจากตัวบ้านจนถึงประตูรั้ว

(4) ดินน้ำมันจำนวนหนึ่ง ใช้สำหรับอุดในช่องว่างที่ประกอบบานเหล็กกั้นน้ำเข้ากับประตูรั้วบ้าน

น้ำมาแล้ว
เสียงประกาศเตือนภัยจาก อบต. ตั้งแต่เช้า แจ้งว่าน้ำคงจะเข้าท่วมหมู่บ้านในช่วงบ่าย ขอให้ประชาชนเตรียมป้องกันทรัพย์สินของตนเอง ผมนำรถยนต์ออกจากบ้านไปจอดไว้ยังที่ปลอดภัยนอกหมู่บ้าน กลับเข้ามาก็เริ่มติดตั้งบานเหล็กเข้ากับประตูรั้วบ้าน ติดตั้งเสาค้ำยัน ใช้ดินน้ำมันอุดตามรอยต่อระหว่างบานกับกรอบรางเหล็ก นำเครื่องสูบน้ำไดรโว่มาวางไว้ใกล้ประตูรั้ว ในตำแหน่งที่คาดว่าน้ำจะซึมเข้ามาและท่วมขังอยู่ ต่อสายไฟพร้อมใช้งาน แล้วรอน้ำที่กำลังเริ่มไหลเข้ามาในหมู่บ้านอย่างใจจดใจจ่อ

เวลาประมาณ 16.00 น. น้ำท่วมถนนภายในหมู่บ้านทุกถนนแล้ว มีน้ำซึมผ่านบานเหล็กที่ประตูรั้วเข้ามาในบ้านของผมปริมาณหนึ่ง แต่เมื่อเปิดเครื่องสูบน้ำก็สามารถควบคุมระดับน้ำไม่ให้สูงจนเกิดความเสียหายได้ เมื่อน้ำในถนนลดลง ผมไม่ต้องลำบากในการทำความสะอาดบริเวณบ้าน ที่มีดินโคลนตกค้างจากน้ำท่วมขัง เหมือนน้ำท่วมเมื่อครั้งก่อนอีกแล้ว

ภาพบรรยากาศ


ติดตั้งบานเหล็กเข้ากับเสาประตูรั้วบ้าน พร้อมติดตั้งเสาค้ำยัน


เข้า-ออก จากบ้านต้องใช้เก้าอี้บันไดตัวนี้ สังเกตระดับน้ำภายนอกบ้านเริ่มสูงมากแล้ว


ขณะที่ถนนด้านนอกระดับน้ำสูงถึง 60 ซม. แต่ภายในบ้านมีน้ำรั่วซึมเข้ามาเพียงเท่านี้ และเมื่อเปิดเครื่องสูบน้ำ น้ำก็จะแห้งภายใน 5 นาที


ลุยน้ำออกไปถ่ายจากนอกบ้านเข้ามา สภาพประตูกั้นน้ำจะมีลักษณะนี้


บ้านข้าง ๆ ก็ติดตั้งบานประตูกั้นน้ำเช่นเดียวกัน


บ้านข้าง ๆ ก็ติดตั้งบานประตูกั้นน้ำเช่นเดียวกัน

คิดว่าบทความดีๆ “วิธีป้องกันไม่ให้น้ำท่วมบ้านอย่างได้ผล” นี้ คงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยสำหรับผู้อ่านและผู้ที่กำลังประสบปัญน้ำท่วมโดยตรง และทาง isn ขอเป็นกำลังใจสำหรับเพื่อนพี่น้องที่ประสบปัญหาน้ำท่วมด้วยน่ะค่ะ

ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก Bloggang ทองกาญจนา

 

ขอบคุณครับ

.

 

ขอบคุณสำหรับบทความค่ะ

 

เดี๋ยวขนของเสร็จจะมาช่วยหาข้อมูลต่อนะคะ ... ตอนนี้ขอตัวไปขนของขั้นชั้น 2 ก่อน 555+

(เพิ่งล้างบ้านที่เชียงใหม่เมื่ออาทิตย์ก่อนหยกๆ ฤารอบนี้จะต้องมาล้างบ้านที่กรุงเทพด้วย!!)

 

ถ้ากันบ้านได้ขนาดนั้น ก็คงต้องเตรียมเสบียงอาาหารไว้เยอะๆ เพราะการที่จะให้ผู้อื่น ...เข้ามาช่วยเหลือคงทำได้ยากมาก และผมเห็นควรว่า รัฐบาล ควรประกาศภาวะฉุกเฉิน ใน พื้นที่ๆ คิดว่า ประชาชนจะสามารถอยู่ได้อย่างลำบากและเป็น อันตราย บังคับ อพยบ แต่ปัญหาของบ้านเราไม่มีพื้นที่รองรับการอพยบเนี่ยแหละสำคัญมาก ๆ แล้วให้ ทหารเข้าควบคุมพื้นที่ เพื่อป้องกันขโมยกับโจรที่จะไปขโมยของชาวบ้านเรา เพราะ คนส่วนใหญ่ที่ไม่กล้าอพยบ ก็เพราะกลัวขโมยเนี่ยแหละ ...

 

เป็นคำแนะนำที่เยี่ยมยอดมาก แต่คงต้องมีการเตรียมการล่วงหน้าสักครึ่งเดือนครับ การหาช่างงานเหล็กแบบเร่งด่วนไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ครับ หากใครมีความคุ้นเคยกับช่างอยู่ก่อนก็ดึงมาก่อนได้ แต่ต้องจ่ายหนักๆ หน่อยครับเพราะเป็นงานเร่งด่วนในภาวะฉุกเฉิน

 

ต้องทำตามแบบที่นี่ครับ.....สุดยอด

 

ขอบคุณทุกๆ ความเห็นค่ะ...ปีนี้น้ำท่วมหนักจริงๆ ปัญหาจะอยู่ที่พื้นที่ที่ไม่เคยท่วมมาก่อน ก็จะไม่คิดจะเตรียมการณ์ ตรงนี้แหละยากค่ะ ท่านใดมีข้อแนะนำมั้ยคะ...^^

เมื่อวานนี้ เพื่อนที่ออฟฟิศบอกว่าน้ำป่าสักล้นตลิ่งจะท่วมบ้าน กำนันก็สั่งทรายมากองให้2กอง วันนี้ตอนเย็นน้ำยุบลง ชาวบ้านก็เลยพากันขนทรายไปเทโรยใส่รอบบ้านตัวเองซะงั้น... ยังนึกอยู่ว่า ถ้าน้ำมาสูงอีกคราวนี้ จะทำยังไง... ทางการอุตสาห์เอาทรายมากองให้ยังไม่สามารถจัดการกันได้เล้ย...เฮ้อ..เป็นห่วงเจงๆค่า...:'(

 

เป็นเรื่องธรรมดา...ไปเสียแล้ว...ครับ

1. เราถูกสอนให้จำมากกว่า...ถูกสอนให้คิด (คิดไม่เป็น)

2. ธุระไม่ใช่...หากไม่โดนเข้ากับตัวเอง...จะไม่มีวันลุกขึ้นมาทำอะไร...เลย

เห็นในข่าววันนี้แล้วเศร้าครับ...ครอบครัวหลายครอบครัว...ย้ายมาอยู่บนถนน...เมื่อน้ำไหลแรงจนล้นถนน...กระแสน้ำไหลผ่านเตียง...ไหลผ่านเท้า...ของเขาเหล่านั้น

นักข่าวถามว่า...ทำไมไม่ย้ายไปที่อื่น
ตอบว่า...ไม่รู้จะไปไหน
นักข่าวตอบว่า...ค่ายทหารเขาเปิดเป็นศูนย์อพยพ
ตอบว่า...อยู่ไกล...กลัวของหาย

แต่ผมกลัว...เด็กๆที่อยู่ด้วย...จะลอยหายไปกับกระแสน้ำมากกว่า

ไม่เข้าใจ...จริงๆว่า...ต้องโดนหนักแค่ไหน...จึงจะคิดได้....เสียที

 

เห็นด้วยอย่างแรงครับ ผมก็จะเตรียมการไว้แล้ว และจะรอให้พ้นหน้าฝน ผมจะเดินทางเพื่อหาสถานที่ปลอดภัยต่อไป เพราะว่าผมไม่แน่ใจแล้วว่าในปีหน้าจะต้องรับสถานการณ์แค่ไหน เผลอ ๆ อาจจะแก้ไขไม่ทันการ สมควรจะหาทางแก้ไขไว้ก่อนจะสาย ขอบคุณครับ

 

latest breaking news headline


เเถม PANTIP.COM : NE11160048

 

ถ้าอยู่ในพื้นที่ เสี่ยง(ดูจากข่าวแล้ว) ควรหาบ้านเช่า นอกพื้นที่เสี่ยงได้แล้วค่ะ ทยอยย้ายของไปไว้ก่อนตั้งแต่เนิ่นๆ ดีกว่าจะเกิดการย้ายไม่ทัน เช่นของชิ้นใหญ่ๆ เห็นว่าปีนี้ยังจะต้องเจอพายุ อีก6-8ลูกรึเปล่าค่ะ อย่าเพิ่งวางใจดินฟ้าอากาศ...จ้า จะได้ไม่ต้องหาข้ออ้างรองรับว่าน้ำมันมาเร็ว มาแรงเก็บของไม่ทัน..เน้อพี่น้อง..

 

เห็นด้วยอย่างแร้งงง...ตนนั้นแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ธรรมะขั้นพื้นฐานชั้นเลิศของมนุษยชาติทุกคน

" ..เมื่อเจ้ายังไม่คิดที่จะช่วยเหลือตนเองให้เต็มที่เสียก่อน จงอย่าได้ร้องขอ หรือบนบาน เทพเจ้า สิ่งศักดิ์ใดๆ หลวงปู่ หลวงพ่อใดๆให้มาช่วยเจ้าเลย..."
(ธรรมะจากหลวงปู่โต)

ดังคำพูดของ ท่านผู้รู้ทั้งหลายเคยกล่าวไว้ว่า

" เมื่อมนุษย์ เกิดวิกฤติภัยพิบัติ เจ้าจะได้เห็นธาตุแท้แห่งคุณธรรมสันดาน เดิม
ความแก่งแย่ง ความโลภ ความโง่เขลา ความฉลาด ความดี น้ำใจ หรือความเห็นแก่ตัว จากจิตที่เป็นมาร หรือเทวดา ที่ซ่อนแฝงอยู่ในร่างมนุษย์ "

ชอบนักที่จะโวยวาย โทษหน่วยงานราชการ มูลนิธิ ไม่ดูแล ไม่เยียวยา หรือเยียวยาแล้วแต่ไม่สะใจ หรือถ้ามีการเยียวยา บางพวก บางกลุ่มกลับพากันโกงข้อมูลราชการจนเกินจริง คิดว่าว่าตนเองฉลาดหรือมีพวกพ้องเป็นคนในวงราชการ โกงเข้าไปเถอะ งบหลวง เงินแผ่นดิน นรกอยู่แค่เอื้อมเท่านั้น

สิ่งใดที่เตรียมความพร้อมได้ด้วยความไม่ประมาท เพื่อป้องกันความเสียหายทั้งปวงจงเร่งทำเถิด อย่าได้อาย ถ้าจะมีผู้คนรอบข้าง มาสบประมาทว่าตื่นตูมจนเกินเหตุ.... เมือยามเกิดผลร้ายขึ้นจริงเราอาจได้สร้างบุญช่วยเหลือคนเขลาเหล่านั้นก็เป็นได้!!

 

ต้องลงพื้นที่จริงครับ ลองขับรถจาก กทม.ไปสุพรรณแล้วเลยไปชัยนาทดู จะเห็นทุ่งนาโล่งๆและบางคนก็เริ่มทำนารอบใหม่แล้ว แต่ตอนนี้อาจจะเริ่มท่วมบ้างแล้วก็ได้เพราะที่อื่นเขารับไม่ไหวแล้วจึงต้องแบ่งไปบ้าง

 

ได้ข่าวว่าเกิดช่องทางทำกินใหม่เยอะจริงอะไรจริงค่ะ ช่วงนี้ เรือไฟเบอร์ เดิม4500บาท เอาไปขาย แถวอยุธยา 7500 บาท ดินรถละ3000 ขึ้นราคาเป็น4000 บาท เสื้อชูชีพอีก มีบริการเรือขนของข้ามน้ำระยะทาง100เมตร 150บาทอีก...เฮ้อ..
คนจิตใจงามก็บริจาคกันเข้าไป คนที่ตักตวงบนความทุกข์ยากของคนอื่นทำไมช่างทำได้ลงคอน้อ....