สงสัยเกี่ยวกับวิธีฝึกอสุภะครับ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย gentboy, 28 พฤศจิกายน 2011.

  1. gentboy

    gentboy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 เมษายน 2011
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +240
    ผมกำลังจะฝึกอสุภะโดย จำภาพซากศพ เลยสงสัยว่า เวลาเรานั่งสมาธิ เราควรนั่งนึกอสุภะ ให้จำติดตาคล้ายกสิณ หรือ ควรจะภาวนาในใจไปด้วยว่ากายนี้เป็นของน่าเกียด น่าเบื่อหน่าย หรืออย่างไรครับ ผมยังไม่เข้าใจวิธีปฎิบัติที่ถูกต้อง ขอบคุณล่วงหน้าครับ
     
  2. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    จำติดตา ครับ นึกเมื่อไหร่ เห็นปั๊ป ถ้ามัน เคลื่อนไหวเป็นช๊อตๆได้ ยิ่งดี

    ความที่มัน เคลื่อนไหว เป็น แอนนิเมชั่นได้ เลยไม่ใช่ กสิณ การเพ่ง

    แต่ ผลลัพธ์ ที่ได้ อาจจะได้ กสิณ กลับมาด้วย เพราะ หากผู้ภาวนา
    น้อมนิมิตนั้นกลับมาที่ กายตน ก็จะเริ่มเป็นส่วนของ กสิณสี ไปในตัว
    ( มักจะจี้ลงไปที่ อวัยวะชิ้นใดชิ้นหนึ่งในกาย )


    ส่วน การภาวนาเป็น คำ เป็นนามธรรม ไม่เกิดรูปนั้น ก็สำหรับ คนที่
    ยก นิมิตไม่ขึ้น ก็เลยให้ อบรมปัญญาเข้ามาแทน ใช้ปัญญาอบรมสมาธิ
    เข้ามา เหตุเพราะ คนๆนั้น มีแนวโน้มใช้ทิฏฐิ หรือ มีจิตฝุ้งไปทางนาม
    ธรรมมาก เลยทำให้ นึกรูปแล้วไม่ปรากฏชัดอย่าง สมถะยานิก
     
  3. Darkever

    Darkever เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2011
    โพสต์:
    450
    ค่าพลัง:
    +333
    อสุภะ กรรมฐาน ในส่วนพระไตรปิฏก
    ท่าน หมายเอา การคิด การพิจารณา
    ใช้อารมณ์คิด ไคร่ครวญอยู่เสมอ

    แต่ถ้าเอามาทำเป็นกสิน ก็ถูก ถูกส่วนหนึ่ง
    แต่ไม่ถูกตามจุดประสงค์
     
  4. Phanudet

    Phanudet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    8,434
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +15,646
    หมวดอสุภกรรมฐาน ๑๐<!-- google_ad_section_end -->



    <!-- google_ad_section_end --><HR style="BACKGROUND-COLOR: #ffffff; COLOR: #ffffff" SIZE=1>Artist: หลวงพ่อ ฤาษีลิงดำ



    <FIELDSET class=fieldset><LEGEND>ไฟล์แนบข้อความ</LEGEND><TABLE border=0 cellSpacing=3 cellPadding=0><TBODY><TR><TD width=20><INPUT id=play_295 onclick=document.all.music.url=document.all.play_295.value; value=attachment.php?attachmentid=295 type=radio name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>หมวดอสุภกรรมฐาน 10 ม้วนที่1a.mp3 (3.09 MB, 223858 views)</TD></TR><TR><TD width=20><INPUT id=play_296 onclick=document.all.music.url=document.all.play_296.value; value=attachment.php?attachmentid=296 type=radio name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>หมวดอสุภกรรมฐาน 10 ม้วนที่1b.mp3 (3.13 MB, 2582 views)</TD></TR><TR><TD width=20><INPUT id=play_297 onclick=document.all.music.url=document.all.play_297.value; value=attachment.php?attachmentid=297 type=radio name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>หมวดอสุภกรรมฐาน 10 ม้วนที่2a.mp3 (3.09 MB, 169119 views)</TD></TR><TR><TD width=20><INPUT id=play_298 onclick=document.all.music.url=document.all.play_298.value; value=attachment.php?attachmentid=298 type=radio name=Music>ฟัง</TD><TD>[​IMG]</TD><TD>หมวดอสุภกรรมฐาน 10 ม้วนที่2b.mp3 (3.08 MB, 2426 views)</TD></TR></TBODY></TABLE></FIELDSET>
    <SCRIPT language=JavaScript src="http://a.admaxserver.com/servlet/ajrotator/818517/0/vj?z=admaxasia2&dim=280733&pid=f9495e6b-a541-414e-932e-d0ad5d5e6065&asid=b2a78f01-1304-47c3-8524-8df944047e53"></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript><!--google_ad_client = "ca-pub-2576485761337625";/* 300x250, created 21/07/09 */google_ad_slot = "6922411748";google_ad_width = 300;google_ad_height = 250;//--></SCRIPT><SCRIPT type=text/javascript src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></SCRIPT><NOSCRIPT></NOSCRIPT><!-- google_ad_section_start --><!-- google_ad_section_end -->

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 พฤศจิกายน 2011
  5. naroksong

    naroksong เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    412
    ค่าพลัง:
    +1,135
    อสุภะ คุณต้องกลัวและรังเกียจ นี้เป็นรสของอสุภกรรมฐาน คุณไม่ควรไปเพ่งลักษณะของ สี

    การฝึกอสุภกรรมฐานให้ได้ผล ควรไปเพ่งซากศพด้วยตาตนเอง และไปคนเดียว คุณจะจำความน่ากลัวน่าเกลียดนั้นได้เข้ากระดูกดำเลยทีเดียว นึกถึงขึ้นมาก็ชวนสยองพองขน
    (พอดี เคยมีประสบการณ์เจอคนแขวนคอตาย แล้วผมเจอเป็นคนแรกเลยทะลึ่งเข้าไปดูใกล้ๆ เล่นเอานอนไม่หลับไปหลายคืน มันได้อารมณ์กว่าการดูอสุภะในคอมมาก)

    ถ้าคุณเพ่งอสุภะจากภาพถ่าย จากคอม คงยากที่จะทำให้เกิดความกลัวความรังเกียจเป็นพิเศษได้ แต่ก็มีประโยชน์ เพราะการได้เห็นสิ่งเหล่านี้จะช่วยชำระสัมมาทิฐิและทำให้เกิดความไม่ประมาท

    ขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  6. wannop karakate

    wannop karakate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    340
    ค่าพลัง:
    +589
    เออ..ผมก็เคยเรียนแบบนี้กับคูรบาเจ้าเพชร วชิรโม อยู่นะ ท่านสอนว่ามองอสุภะแล้วน้อมเข้าหาตัวเราสมมุติเห็นหัวกระโหลกก็เอาภาพหัวกระโหลกนั้นมาซ่อนกับหัวเรา และมองให้เป็นปกติของร่างกายว่ามันเป็นของมันอย่างนั้นแต่ต้องวางกำลังใจให้เป็นปกติอย่าฝ่อเดียวจิตมันจะเศร้าหมองแล้วจะไม่มีกำลังในการพิจรณาตามความเป็นจิง ผมทำตามท่านมาตลอดเลยครับโดยเฉพาะตอนนั้งรถเมล์ บ้างทีอยู่ๆก็เห็นทุกคนที่ผ่านไปมาเป็นถุงใส่อะไรสักอย่างที่เหมือนมีอะไรอยู่ในนั้นที่มีทั้งเลือดทั้งกระดูกทั้งเอ็นโยงยึดกันไปมา แล้วอยู่ๆจิตเรามันก็เกิดอิ่มเอิบปิติขึ้นมาทันทีเลย บางทีก็นั่งลอกหนังแยกเนื้อแยกเอ็น ตับ ม่าม ไส้ ไปเรื่อยๆ ในยามว่าง ผมจะเจอกับครูบาท่านเดือนละครั้ง และจะเล่าถวายท่านเป็นระยะ นะครับท่านบอกพอใช้ได้ ต้องทำบ่อยๆ เพราะนั้นแค่เห็นจริงตามสัญญาเดิมแต่ยังไม่มีกำลังมากพอในการตัด มีดตัดเชือกคมแต่คนถือแรงไม่พอเชือกเลยไม่ขาด
     
  7. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ให้ปล่อย ทิฏฐิ ตัวนี้ ทิ้งเข้าป่า ไปครับ ถวายครูไปเลยก็ได้ อย่าเอามา ใช้ หรือ พูด
    หรือ คำนึงถึงอีก เด็ดขาด

    เพราะ ตัวนี้แหละ ตัวขวาง

    ขอให้ ทำอย่างเดิมเรื่อยๆ อย่างเดียวพอ อย่าให้ จิตแส่ส่าย ออกจากกรรมฐาน
    เพื่อไป ชะเง้อมุ่งเอาผลเด็ดขาด

    ภาษาพระป่าท่านชอบใช้คำว่า "ชิงสุกก่อนห่าม"
     
  8. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ทีนี้ ในพระสูตร นั้น การพิจารณา อสุภสัญญา พระพุทธองค์จะหมาย
    ให้พิจารณาการ สิ้นไปของราคะ เป็นสำคัญ

    ซึ่ง การพิจารณา ก็ไม่ใช่ไป คำนึงล่วงหน้า หรือ ไปย้อนหลัง แต่ต้อง
    ปรากฏ หรือ แสดงการทำงานขึ้นมา เมื่อมีเหตุ คือ ราคะ กำเริบ

    พอ ราคะกำเริบ จิตมันผลิกไปที่ อสุภะสัญญา ไหม ถ้าผลิกไป ก็ใช้ได้

    แต่ ถ้า ราคะกำเริบ จิตกลับแน่นิ่ง ไม่เกิด นิมิตติดตาใดๆ ปรากฏ ก็เพียง
    แต่รู้ว่า อบรม ไม่พอ ต้องไปทำเพิ่ม

    ทำแบบนี้ ผู้ปฏิบัติจะทราบเองว่า กำลัง หรือ พละ หรือ อินทรีย์ มีหรือไม่มี
    ถ้าไม่มี ก็แค่ทำเพิ่ม

    ซึ่ง

    จะแตกต่างกับ การนึกเอาตอนนี้อย่างลอยๆว่า จะตัด แล้ว ก็ทำนิมิตขึ้นมา
    แล้วก็ทำท่าตัด หรือ ไปนึกภาพราคะเอาดื้อๆแล้ว ย้อนด้วยนิมิตอสุภะตัด

    ถ้าทำแบบนี้ คือ เสร็จมันแล้ว โดนมันหลอก

    จึงเป็นเรื่อง เฉพาะหน้า ดูกัน ที่เวลามันกำเริบตามความเป็นจริง

    * * * *

    ความแตกต่าง ที่จะเห็นได้ชัด ว่า ตัดตามความเป็นจริง คือ การท้อ

    ถ้าเราปรุงขึ้น กิเลสมันหลอกปรุงขึ้น ให้ทำท่า ตัด และ ปรุงขึ้นไปเร่ง
    ความเพียร เราจะท้อ

    แต่ ถ้า เป็นการ พิจารณาตามความเป็นจริง จิตจะกลับไปสมาทาน
    กรรมฐานอย่างไม่ยึดมั่นถือมั่น ความไม่ถือมั่นแม้ในกรรมฐานเอง
    ตัวนี้แหละ จะทำให้ ไม่ท้อ มีปิติ มีวิริยะ มีพละ เป็นโพชฌงค์ขึ้นมา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2011
  9. wannop karakate

    wannop karakate เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    340
    ค่าพลัง:
    +589
    ขอบคุณพี่ เล่าปัง นะครับ มันก็เป็นนะครับ เป็นอัตโนมัติเลยครับแค่เราเดินสวนกับของสวยที่เราชอบนะครับหรือผู้หญิงหน้าตาดีนะครับ แค่นึกว่าสวยนี้มันก็โผล่มาแซกทันทีเลยจะเห็นเป็นภาพเค้าไม่มีหนังและมัดกล้ามเนื้อหลุดออกมาเป็นชิ้นเดินสวนเราไป อะครับแต่เป็นแค่เสี่ยววินาทีเองนะครับ
     
  10. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    ดีๆ คราวนี้ก็เหลือ น้อมมาที่ตัว ให้มันเกิด

    ตรงนั้น ยังถือว่า เรียกว่า มันเกิดข้างนอก

    แต่ถ้า เราภาวนา อบรม ให้มันวกกลับมาที่กายเรา มากพอ

    เวลาอาบน้ำ เสยผม หรือ หลิ่วตา เห็น กายเราผุดผ่อง อันนี้
    ต้องเห็นเป็นอย่างอื่น ไม่ใช่เห็นกายผุดผ่อง

    เห็นกายผุดผ่อง เพราะว่า มันผุดผ่องจริงๆ อันนี้ ช่วยไม่ได้ ภาวนา
    มาดีมันก้ต้องผุดผ่อง ดังนั้น มันจะต้องลึกเข้าไปกว่านั้นอีก

    เรียกว่าเห็น อภิชญา โทมนัส มันจะต้องแสดงตัว หากไม่แสดงตัวก็
    แปลว่า ยังอบรมไม่พอ

    พอผ่านตรงนี้ไปนะ จิตมันจะทิ้งกายอย่างไรท่าไหน มันก็ผลิกกลับมา
    ดูตัวเราหมด ไม่ไปเที่ยวข้างนอก ไม่รีบร้อนบรรลุ เพราะว่า จะเห็น
    เลยว่า ต้องภาวนากันอีกนาน ถ้าไม่เห็นระยะเวลาอีกยาวนาน ไม่เห็น
    "ทางอันไกล(ธรรมสังเวชอย่างหนึ่งที่ทำให้เกิดวิริยะ)" ก็จะไม่สอดคล้อง
    กับ กรรมฐาน

    ที่ให้คำปรารภการมุ่ง "ผล" ออกไปนั้น ถวายครูนั้น เพราะ ส่วนใหญ่
    พอทำไว้บ่อยๆ มันจะมาคอยขย้ำนักภาวนาตอน จิตทิ้งกาย พอทิ้งปั๊ปเอา
    แล้ว ไอ้ตัวที่เราปลูกเอาไว้มันมาดักงาบไป นักภาวนาคนนั้นก็จะ หยุดการ
    ปฏิบัติ วิ่งไปหาครูบ้าง วิ่งไปหาอะไรบ้าง เพื่อให้ "สิ่งข้างนอกมาพยากรณ์ตน"


    วิธีปฏิบัติ ง่ายนะ อธิบายสั้นๆ แต่ทำกันปางตาย เนาะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 พฤศจิกายน 2011

แชร์หน้านี้

Loading...