คุณกำลังใช้พลังกุณฑาริณี (จักระเพศ) ผิดวิธีหรือไม่?

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย anakarik, 4 ธันวาคม 2011.

  1. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    สังเกตุไหมว่าคนที่มีกามมาก จะโทรมเร็ว?
    เพราะใช้พลังจากจักระทางเพศมากเกินไป
    จักระทางเพศมีชื่อเรียกว่ากุณฑาริณี ซึ่งจะ
    ดึงออกมาใช้ในกิจต่างๆ ได้ ทว่า ปกติแล้ว
    จะใช้เพื่อพลังทางเพศโดยเฉพาะเท่านั้น
     
  2. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    จักระทั้งเจ็ดมีหน้าที่ต่างกัน ส่วนกุณฑาริณีนั้นมีหน้าที่เฉพาะ


    คือ หน้าที่ทางเพศ, การให้กำเนิดบุตร, การมีกาม, พลังเฮือกสุดท้าย
    เป็นต้น หน้าที่ปกติ ไม่มี เช่น หน้าที่ในการทำงานตามปกตินั้น จะเป็น
    หน้าที่ของจักระอื่นๆ เมื่อใด บุคคลฝึกกุณฑาริณี เขาจะฝึกดึงออกมา
    เพื่อโคจรไปทั่วร่าง เพื่อ "ฟื้นฟูและขจัดสิ่งที่ไม่ดีออกไป" จากนั้น จึง
    "เก็บกลับเข้าที่" เพื่อรักษาระดับพลังงานชนิดนี้เอาไว้ ถ้าพลังลดน้อย
    ลงถึงระดับหนึ่ง จะส่งผลให้เกิด "ความแก่" และถ้าลดมากลงไปอีก ก็
    จะ "ทรุดโทรม" ลงไปเหมือนคนอายุมากเช่น นักกีฬาบางคนพยายาม
    ใช้พลังเฮือกสุดท้าย ปลุกพลังตัวเองมาใช้เรื่อยๆ จนทำได้เป็นนิสัย ก็
    จะแก่เร็ว, ร่างกายทรุดโทรมเร็ว นี่เป็นผลมาจากเขาได้ปลุกเอาพลังนี้
    มาใช้โดยไม่ทราบถึงผลเสีย ซึ่งปกติแล้ว โยคีสายนี้ จะไม่นำพลังนี้มา
    ใช้อย่างอื่นให้สูญเสียไป นอกเสียจากโคจรไปตามเส้นทางโคจรปกติ
    แล้ว "นำกลับเข้าเก็บ" ตามที่เดิม เท่านั้น จะไม่นำ "ไปใช้ข้างนอก"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 4 ธันวาคม 2011
  3. ผ่านมาจริงๆ

    ผ่านมาจริงๆ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    501
    ค่าพลัง:
    +635
    เพิ่มเติมหน่อยค่ะ ดึงพลังอย่างไร โคจรอย่างไร นำเข้าเก็บอย่างไร
    และอะไรคือ จะไม่นำ ไปใช้ข้างนอก catt13
     
  4. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    การโคจรพลังกุณฑาริณี คร่าวๆ โดยแบบของข้าพเจ้า


    กุณฑาริณีมีสองสาย ร้อนกับเย็น เหมือนโยคะมีทั้งสายร้อน
    และเย็น บางท่านจะปลุกพลังร้อนและเย็นยากง่ายต่างกันใน
    ชายปกติจะปลุกพลังร้อน หญิงปลุกพลังเย็น แต่มีชาย-หญิง
    บางคนแตกต่างไปจากนี้ เรียกง่ายๆ ว่า "งูร้อน-งูเย็น" เวลา
    โคจรจะขึ้นมาทางไขสันหลัง (ด้านหลัง) คือ จากก้นกบซึ่ง
    ใช้เก็บพลัง ดันขึ้นมาทางไขสันหลังถึงศีรษะแล้วม้วนลงมา
    ทางด้านหน้าจากนั้นจึงลงไปเก็บที่จักระที่ ๑ (บริเวณอวัยวะ
    เพศ) ครบ ๑ รอบโคจร หรือบางท่าน จะเปล่งพลังเพื่อเปิด
    จักระที่เจ็ด (เมื่อพลังกุณฑาริณีพุ่งถึงศีรษะ) จากนั้น พลัง
    จากจักรวาล (พลังใหม่) จะประสานตรงลงมา จากด้านบน
    แล้วเคลื่อนลงมาสู่จักระที่ ๑ (แทนที่ของเก่า) เป็นการชำระ
    พลังงานเก่า รับพลังงานใหม่จากจักรวาล แบบนี้ ก็มีเหมือน
    กัน ซึ่งจะส่งผลต่างกันในรายละเอียดบางประการ สำหรับผม
    จะปลุกพลังงูเย็นออกทางศีรษะแล้วทะลวงจักระที่เจ็ดเปิดรับ
    พลังจักรวาลไปเลย (ไม่ทราบว่าท่านอื่นฝึกต่างกันหรือไม่?)
    แต่จะไม่นิยมนำพลังส่วนนี้ไปใช้อย่างอื่น ซึ่งในบางครั้งพลัง
    ไม่ได้ขึ้นไปยังศีรษะ แต่แผ่จากบ่าออกไปยังแขนสองข้าง ก็
    มี สรุป คือ พลังจักระที่หนึ่งนี้ "เป็นพลังสำรองที่ควรมีอยู่ใน
    ระดับที่พอดี" หากถูกนำไปใช้จนร่อยหรอเกินพอดี จะมีผลที่
    ไม่ดีต่อร่างกาย (ควรใช้กรณีฉุกเฉิน หรือยามจำเป็นเท่านั้น)
     
  5. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    เคยใช้พลังในร่างกายจนหมด แล้วฮึดสู้ แล้วพลังมันก็ขึ้นมาอีกไหม?
    อันนั้นแหละ พลังเฮือกสุดท้าย ที่สะสมสำรองไว้ลึกที่สุดที่จักระที่ ๑
    (ซึ่งไม่ควรนำมาใช้บ่อย) ถ้าเคยทำได้ (ไม่ยากเกินไป ถูกบีบมากๆ ก็
    ทำได้กันทั้งนั้น) แสดงว่าดึงพลังกุณฑาริณีออกมาใช้ได้แล้ว หรือไม่
    ก็ตอนมีเพศสัมพันธ์หรือช่วยตัวเอง ลองสังเกตุการเดินทางของพลัง
    ลมปราณจากจักระทางเพศดู อันนี้ ก็มาจากแหล่งเดียวกัน


    ต่อไป ก็ทำแบบช้าๆ เพื่อจะใช้ "จิตดูลมปราณ" ว่าโคจรอย่างไร
    ออกมาจากตรงไหน, เดินทางไปไหน, ร้อนหรือเย็น ฯลฯ ไม่ยาก
    ก็จำความรู้สึกตอนนั้นที่ดึงพลังเฮือกสุดท้ายออกมาได้ไหม? ใช้
    ความรู้สึกนั้น อารมณ์จิตแบบนั้น (ขณะนั่งสมาธินิ่งๆ ควรหลับตา)
    แล้วจะใช้ได้จิตดูอย่างละเอียดว่าลมปราณชนิดนี้เดินทางอย่างไร


    โอเค ไหม?
     
  6. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พลังที่นิยมใช้ทำกิจต่างๆ ควรนำมาจากจักระที่สอง (ตันเถียน)
    พลังปราณนี้ ในคนที่ฝึกลมปราณเรียกว่า "เก้าเอี้ยง" สายร้อน
    เป็นพลังจาก "การเผาผลาญอาหารในร่างกายตามปกติ" สะสม
    ที่บริเวณท้องน้อย สามารถนำมาใช้ทำกิจกรรมตามปกติได้


    ส่วนจักระอื่นๆ อีก ๕ จักระ จะนิยมใช้ในกิจแตกต่างกันไป เช่น
    จักระที่ ๗ ใช้เชื่อมโยงสื่อสารกับเบื้องบน เป็นต้น
     
  7. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    พลังกุณฑาริณี มีอยู่แล้วในมนุษย์ทุกคนใช้ในกิจทางเพศ


    คือ หน้าที่ปกติของพลังนี้ จะส่งผ่านจากผู้ชายไปสะสมในผู้หญิง
    เมื่อมากพอ จะรวมกันเป็นปราณชีพพื้นฐานสำหรับลูกที่จะกำเนิด
    ดังนั้น เส้นทางการเดินทางปกติ คือ จากจักระที่หนึ่งพุ่งตรงไปยัง
    "ด้านหน้า" หรือ ทวารเปิดด้านหน้าหรือก็คือปลายอวัยวะเพศนั่น
    เอง นี่คือ "เส้นทางเดินของพลังปราณปกติ" แต่ในผู้ฝึกปราณจะ
    ไม่ทำเพียงแค่นั้น จะใช้จิตนำวิถีลมปราณเพื่อนำลมปราณชนิดนี้
    ไปใช้ใน "กิจอื่นๆ" เช่น ทะลวงจักระที่เจ็ด ดังที่ได้กล่าวมาแล้วก็
    มี หรือใช้ในกิจที่ไม่ควร เช่น ใช้ทำงานจนพลังสำรองหร่อยรอไป
    ก็มี (อันนี้ใช้ผิดวิธี) ปกติ โยคีที่เข้าใจถึงเรื่องลมปราณชนิดนี้ จะ
    ถือพรหมจรรย์กันทั้งสิ้น และจะมีใบหน้าอ่อนกว่าอายุ, สุขภาพดี
     
  8. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    ฝ่ายผู้ชายจะถนัดปลดปล่อยพลัง ฝ่ายผู้หญิงจะถนัดรับพลังเก็บไว้


    ในการปลดปล่อยพลังจากจักระที่หนึ่ง ฝ่ายชายจะถนัดกว่า เป็นสายหยาง
    แต่แทนที่จะปลดปล่อยออกทางด้านหน้าตามปกติ ถ้ากรณีมีกาม สังเกตุดู
    เวลาผู้ชายปลดปล่อยก็จะปลดปล่อยทางด้านหน้าแต่เวลา "หยุดการหลั่ง"
    ได้สำเร็จ บางครั้ง จะรู้สึกถึงพลังที่ปลดปล่อยออกมา "ทางด้านหลัง" ก็มี
    นั่นคือ พลังงานได้รับการปลดปล่อยแล้วแต่แทนที่จะไปทางด้านหน้าสู่ร่าง
    ของเพศหญิง กลับย้อนมาทางด้านหลัง (กุณฑาริณีขาขึ้น) บางคนจะมึน
    ที่ศีรษะเวลาที่ทำแบบนี้บ่อยๆ (คือ หยุดการหลั่ง) พลังจะตีขึ้นศีรษะ สะสม
    มากๆ ถ้าจักระที่เจ็ดไม่เปิด ก็จะปวดหัว แต่ถ้าเปิดสำเร็จจะโล่ง ส่วนผู้หญิง
    จะถนัดเก็บเข้าทางด้านหน้า ขากลับนี้ ฝ่ายชายจำนวนมากจะทำไม่ค่อยได้
    ทำให้ไม่ถนัดการเก็บพลังเข้าที่ เหมือนผู้หญิงที่รู้สึกดีได้รับสิ่งที่ตนต้องการ
    ขณะถึงจุดสุดยอด แบบนั้น พลังก็จะถูกเก็บเข้าไปที่จักระที่ ๑ สะสมไว้จนมี
    บุตร ก็จะถ่ายทอดให้บุตรจนหมด อันนี้ เป็นความรู้สึกที่เพศชายจะเข้าถึงได้
    ยาก ทำให้เวลาโคจรพลังกลับเข้าที่ไปเก็บตามเดิม ทำได้ยาก จะอธิบายให้
    เข้าใจได้อย่างไรดี? เหมือนความรู้สึกทางพลังงานที่ซ้อนอยู่ในขณะที่ชาย
    และหญิงมีเพศสัมพันธ์กัน มีพลังแห่งความเป็นหยินและหยาง ในคนสองคน
    แต่ในขณะที่โคจรลมปราณนี้ "จะมีคนๆ เดียว" ครบทั้งส่วนหยินและหยางนั้น
    จะทำได้สำเร็จก็ต้องพ้นจากการยึดติดในชายและหญิงก่อน เข้าสู่สภาวะหยิน
    หยางแท้ (ก่อนมีเพศ) แล้วจะเข้าใจเรื่องพลังงานภายในของเพศทั้งสองเอง
     
  9. saintyom

    saintyom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    286
    ค่าพลัง:
    +777
    แล้วมีวิธีฝึกอย่างไรครับ?
     
  10. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    จักระเจ็ดแห่ง
    ลมปราณห้าชนิด
    ท่อพลังทั้งสาม (หยิน-หยาง-กลาง)
     
  11. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    เคล็ดวิชาเปลี่ยนอาทิตย์หรือ กุณฑาลินีโยคะ

    จาก
    http://topicstock.pantip.com/library/topicstock/2008/11/K7206373/K7206373.html]PANTIP.COM : K7206373


    <!--MsgIDBody=0-->เคล็ดวิชาเปลี่ยนอาทิตย์ นอกจากปากฎในจักวาลของหวงอี้แล้วเคยปรากฎในนิยายของใครมาก่อนนะ คุ้นๆ มาฝึกวิชานี้ักัน

    ใน วิชาเปลี่ยนอาทิตย์ หรือ กุณฑาลินีโยคะ นี้ หวงอี้ ได้กล่าวถึงลมปราณทั้งห้า ท่อพลังทั้งสาม และจักรทั้งเจ็ด โดยที่ ลมปราณทั้งห้า หมายถึง

    (1) ปราณา หรือปราณในช่วงระหว่างลำคอถึงกระบังลม

    (2) อปานา หรือปราณที่อยู่ในบริเวณต่ำกว่าสะดือลงไป

    (3) สมานา หรือปราณที่อยู่บริเวณสะดือ

    (4) อุดานา หรือปราณที่อยู่บริเวณเหนือลำคอ

    (5) ไวยานา หรือปราณที่กระจายไปทั่วร่าง

    ส่วน ท่อพลังทั้งสาม หมายถึง ท่ออิทะ ท่อปิงคละ และท่อสุษุมนะ ซึ่งเป็นสามช่องทางเดินใหญ่ที่เป็นทางผ่านของจิตสำนึก ปราณ และพลังกุณฑาลินี โดยท่อสุษุมนะเป็นท่องกลาง เริ่มจากก้นกบไปถึงขม่อมเชื่อมต่อกับกระดูกสันหลัง ส่วนท่ออิทะกับท่อปิงคละเป็นท่อซ้ายขวา

    สำหรับ จักรทั้งเจ็ด หมายถึงศูนย์พลังภายในกายเจ็ดแห่ง ซึ่งได้แก่ จักรมูลธาร (จักรก้นสมุทร) จักรสวาธิษฐาน (จักรเพศ)

    จักรมณีปุระ (จักรสะดือ) จักรอนาหตะ (จักรหัวใจ)

    จักรวิสุทธิ (จักรคอ) จักรอาชณะ (จักรหว่างคิ้ว)

    จักรสหัสธาร (จักรขม่อม)

    วิชาโยคะ หรือ วิชาเปลี่ยนอาทิตย์ คือ ระบบการฝึกฝนตนเองอย่างหนึ่งเพื่อบรรลุการเป็นนายของตนเองให้จงได้ การฝึก วิชาโยคะ จึงเป็น การฝึกเปลี่ยนแปลงตนเองจากภายใน โดยเริ่มจากการฝึกฝนร่างกายให้แข็งแกร่งพอที่จะทนทานต่อการบำเพ็ญตบะ และการฝึกจิตขั้นสูง จากนั้นก็ทำการบ่มเพาะคุณธรรม และคุณสมบัติที่ดีนานัปการไว้ในตัว และพัฒนาคุณธรรมกับคุณสมบัติเหล่านั้นให้เติบใหญ่เข้มแข็ง จนกลายมาเป็น ปัจเจกภาพ และ บุคลิกภาพ อันยอดเยี่ยม น่าพึงยกย่องของคนผู้นั้น
    ริ่มจากการทำสมาธิเพื่อปลุก จักรอาชณะ (จักร หว่างคิ้ว) ก่อนเป็นอันดับแรก อาชณะ แปลว่ารากฐานของความรู้ทั้งปวง เป็นฐานของการสั่งการทางความคิด และเป็นที่ติดต่อกับจิตวิญญาณภายในของคนเรา และจิตศักดิ์สิทธิ์ภายนอก จักรอาชณะ มีความสำคัญในการฝึกจิตมาก เพราะตำแหน่งนี้เป็นที่บรรจบของช่องทางเดินพลังทั้งสาม คือ อิทะ ปิงคละ และสุษุมนะ การฝึก จักรอาชณะ นี้จะทำให้ผู้นั้นสามารถสัมผัสกับศูนย์รวมแห่งความรู้ และปัญญาญาณที่อยู่ภายในของผู้นั้นได้ ไม่แต่เท่านั้น การฝึก จักรอาชณะ ยังช่วยให้ผู้นั้นสามารถชำระจิตใจของตนให้สะอาดบริสุทธิ์ยิ่งขึ้นได้ เมื่อจิตของผู้ฝึกวิชาโยคะบริสุทธิ์ขึ้นแล้ว จึงจะสามารถไปฝึกจักรอื่นๆ ที่เหลือได้

    เพราะถ้าหากผู้ฝึกโยคะไม่ฝึกจิตให้บริสุทธิ์ขึ้นเสียก่อน โดยผ่านการทำสมาธิปลุก จักรอาชณะ แต่กลับรีบร้อนไปฝึกจักรอื่นๆ ก่อน โดยที่จักรอื่นๆ นั้นเป็นที่รวมของความทรงจำฝังลึกที่ผ่านมา ทั้งแบบดีและแบบไม่ดี ทั้งรื่นรมย์และเจ็บปวด ทั้งทางบวกและทางลบ เมื่อถูกปลุกขึ้นมา ความคิดเชิงลบต่างๆ ที่เคยกักเก็บเอาไว้มันจะออกมาหมด หากผู้ฝึกไม่สามารถเผชิญกับความคิดเชิงลบเหล่านี้ได้ จะเกิดผลเสียแก่ตัวผู้ฝึกเอง เพราะฉะนั้นในการฝึก วิชาเปลี่ยนอาทิตย์ หรือ กุณฑาลินีโยคะ จึงจำเป็นที่จะต้องเริ่มต้นจากการปลุก จักรอาชณะ ก่อนที่จะไปปลุกจักรอื่นๆ

    โอม คือ คำศักดิ์สิทธิ์เพื่อใช้ทำสมาธิในการปลุก จักรอาชณะ เมื่อผู้ฝึกโยคะส่งจิตใจมาจดจ่อที่ จักรอาชณะ นี้ มันจะไปช่วยกระตุ้น ต่อมไพนีล ในสมองให้เปล่งความสามารถที่ซ่อนเร้นออกมา เพราะ ต่อมไพนีล นี้มีความสามารถในการเชื่อมกับจิตวิญญาณภายในของตัวผู้ฝึก กับมีความสามารถติดต่อทางจิตกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลกภายนอก

    อนึ่ง จักรอาชณะ นี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า ตาที่สาม การปลุกจักรอาชณะทำได้โดยการส่งความรู้สึกไปจดจ่อที่จักรนี้ แต่อย่าตั้งใจมากเกินไปจนเครียด ขอให้ส่งจิตไปที่จักรนี้อย่างเป็นธรรมชาติ แล้วจะรู้สึกถึงจักรนี้ได้อย่างเป็นไปเอง ความรู้สึกที่จักรนี้จะเด่นชัดยิ่งขึ้น หากผู้ฝึกโยคะนึกถึงคำว่า โอม เพียงแผ่วเบาให้เกิดขึ้นเอง ที่สำคัญคือ อย่าพยายามท่องคำคำนี้ แต่ควรปล่อยให้คำศักดิ์สิทธิ์คำนี้เข้ามาในจิตสำนึกของผู้นั้นเอง

    ดับไฟในห้อง นั่งขัดสมาธิแบบปทุมอาสนะ (สมาธิเพชร) หรือกึ่งปทุมอาสนะก็ได้ โดยเท้าขวาอยู่บนหน้าขาซ้าย นั่งตัวตรง หลับตาเพียงแผ่วเบา ไม่สวมแว่นตา ไม่เกร็ง ผ่อนคลาย สองมือทำปางมือที่ถนัด

    ในขณะที่หลับตา ขอให้ผู้ฝึกโยคะจงส่งสมาธิไปที่จุดกึ่งหว่างคิ้ว โดยตอนหายใจเข้าขอให้ค่อยๆ บีบรัดหรือขมิบกล้ามเนื้อรอยฝีเย็บใต้อวัยวะเพศ จากนั้นให้กักลมหายใจไว้พักหนึ่ง ในตอนหายใจออกค่อยๆ คลายกล้ามเนื้อออก จงฝึกบีบและคลายกล้ามเนื้อที่รอยฝีเย็บนี้พร้อมๆ กับการหายใจเข้าออก ทำเช่นนี้ไปเรื่อยๆ อย่างตั้งใจ แต่อย่าฝืนอย่าเกร็ง ทำเช่นนี้พร้อมๆ กับการจดจ่อความรู้สึกอยู่ที่ จักรอาชณะ โดยไม่เคลื่อนไหวร่างกายส่วนอื่น ฝึกสมาธิปลุกจักรอาชณะราวๆ หนึ่งก้านธูป ก่อนจะออกจากสมาธิ

    หลังจากที่ฝึกสมาธิปลุก จักรอาชณะ อย่างจริงจังต่อเนื่องเป็นเวลาไม่ต่ำกว่าหนึ่งปีหกเดือนถึงสองปี จนผู้ฝึกรู้สึกว่าตัวเองสามารถชำระจิตของตนให้บริสุทธิ์ขึ้นได้แล้ว จึงค่อยเริ่มฝึกปลุก จักรมูลธาร เป็นจักรต่อไปได้

    จักรมูลธาร มีความสำคัญมากต่อระบบประสาทสัมผัสทั้งห้า และเป็นที่ตั้งของพลังความสามารถแฝงเร้นของมนุษย์ที่เรียกในภาษาโยคะว่า พลังกุณฑาลินีจักรมูลธาร มีความสำคัญมากเพราะมันเป็น บ่อเกิดของพลังชีวิตจำนวนมหาศาลของผู้นั้น ที่สามารถดึงพลังชีวิตอันนี้มาสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด มันเป็นที่มาของความสดชื่นมีชีวิตชีวา กระปรี้กระเปร่าของคนผู้นั้น

    จักรมูลธาร จึงเป็นจักรที่สำคัญมาก เพราะมันเกี่ยวข้องกับพลังชีวิตของคนผู้นั้น แต่ก็เป็นจักรที่ถูกรบกวนทางจิตได้ง่ายมากเมื่อเทียบกับจักรอื่นๆ เพราะฉะนั้น การปลุก จักรอาชณะ ให้ตื่นขึ้นก่อนที่จะไปปลุก จักรมูลธาร จึงเป็นแนวทางที่ถูกต้องของการฝึก วิชาเปลี่ยนอาทิตย์

    ที่ตั้งของ จักรมูลธาร ในเพศชาย ตั้งอยู่ภายในบริเวณใต้รอยฝีเย็บด้านใน ส่วนที่ตั้งของ จักรมูลธาร ในเพศหญิงนั้นอยู่ในบริเวณด้านในของปากมดลูก จักรมูลธารนี้มีลักษณะขมวดเป็นปม เมื่อใดที่ปมอันนี้ถูกทำให้คลายออกด้วยการฝึก วิชาโยคะ หรือ วิชาเปลี่ยนอาทิตย์ เมื่อนั้นความรอบรู้แห่งปัญญาญาณทางธรรม และพลังอันน่าทึ่งจักบังเกิดแก่คนผู้นั้น เคล็ดการทำสมาธิปลุกจักรนั้นอยู่ที่การเริ่มปลุกจักรที่เป็นขั้วตรงข้ามของ จักรนั้นก่อน แล้วจึงค่อยเพ่งจิตไปที่จักรที่ต้องการจะปลุกนั้นทีหลัง อันเป็นหลักการเดียวกันกับการรักษาโรคด้วยการฝังเข็ม เพื่อทำให้ลมปราณไหลเวียนได้สะดวกโล่ง

    เพราะฉะนั้นในการฝึกสมาธิเพื่อปลุก จักรมูลธาร จึงเริ่มที่การส่งจิตไปจดจ่อที่ปลายจมูกของผู้ฝึกก่อน เพื่อกระตุ้นท่ออิทะกับท่อปิงคละซึ่งเชื่อมโยงไปถึง จักรมูลธาร ที่อยู่ด้านล่าง รวมทั้งพลังกุณฑาลินีที่นอนสงบนิ่งอยู่ที่นั่น จากนั้นจึงเพ่งจิตไปที่จักรมูลธาร พร้อมๆ กับการเพ่งที่ปลายจมูกเพื่อกระตุ้นจักรมูลธารด้วย

    เวลาเพ่งจิตไปที่จักรมูลธารบริเวณรอยฝีเย็บ ผู้ฝึกควรขมิบกล้ามเนื้อบริเวณรอยฝีเย็บและคลาย พร้อมๆ กับการหายใจเข้าออกเหมือนเช่นตอนที่ฝึกปลุกจักรอาชณะ แต่ต่างกันตรงที่จุดเพ่งจิตเท่านั้น

     
  12. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    วิธีของผมอาจจะต่างจากตำรานิดหน่อย


    คือ อย่างแรกปลุกพลังออกมาให้ได้ก่อน (ให้เป็นก่อน)
    พอรู้ว่า "มีพลังจริง" ไม่โกหก แล้ว ก็ค่อยๆ เข้ามานั่ง
    สมาธิ แล้วใช้วิธีเดิมนั้น ปลุกพลังขึ้นมาอีกครั้งขณะทำ
    สมาธิ เพื่อศึกษาดูว่าพลังงานนั้นเป็นอย่างไร เหมือน
    ตอนเราทำสมาธิปกติ ดูกาย, เวทนา, จิต, ธรรม แต่นี่
    จะละเอียดและเฉพาะเจาะจงไปเลยว่าเพ่งดูลมปราณนี้
    แล้วก็ไปดูผู้มีลมปราณชนิดนี้ เป็นอย่างไร, ใช้อย่างไร
    เกิดอะไรขึ้นบ้าง เก็บข้อมูลเหมือนสถิติสมัยใหม่ แล้วก็
    นำมาประกอบเป็นข้อมูลส่วนตัว แล้วค่อยๆ ฝึกเองอีกที


    ส่วนที่หามาจากเว็บพันธ์ทิพย์นั้น เป็นแบบตามตำราฝึก
    ได้ก็คงไม่เป๋ออกนอกทาง (แบบผม มันไม่ตรงตามนั้น)
     
  13. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    หมายเหตุ


    สายพราหมณ์ จะเน้นใช้สมาธิเพ่ง, สะสม, รวมเก็บไว้ที่เดิม
    เพื่อเป็นพลังพื้นฐานในการทำสิ่งต่างๆ ตามกิจของปราณนั้น
    จะไม่นิยมให้ดึงออกมาใช้หรือโคจรไปตามส่วนต่างๆ มากนัก


    สายเต๋า จะเน้น "การโคจร" ของพลังงาน เคลื่อนที่ไปยังที่
    ต่างๆ ของร่างกาย เพื่อนำไปใช้เสริมส่วนต่างๆ ของร่างกาย
    โดยเฉพาะกิจ เฉพาะหน้าที่ต่างๆ ได้ แต่จะไม่เน้นเพ่งจิตนิ่งๆ
     
  14. haihui

    haihui สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +2
    หืม ลึกล้ำมากๆครับ ฝึกแบบนี้จะมีผลเสียอะไรไหมครับ?
     
  15. chang938

    chang938 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    468
    ค่าพลัง:
    +451
    ผมขอแทรกนิดครับ.....ถ้าเก็บไว้ที่บริเวรอวัยวะเพศ ( ตันเถียนหรือตังชั้ง จุดนี้อยู่ต่ำจากศูนย์สะดือ ๒-๓ นิ้วและลึกเขาไปไนตัวสองนิ้วมือ ) จะทำให้มีความต้องการทางเพศมากขึ้น ต้องดึงไปที่ทวารหนักแล้วขึ้นมาที่ก้นกบ ไปตามกระดูกสันหลังเรื่อยขึ้นไปที่กลางกระหม่อม ส่วนการโคจรลมปราณจะมาจบอยู่ที่ริมฝีปากบนคือพลังลบและพลังบวกจะรวมกันตรงนี้ ลืมบอก...พลังที่บอกข้างต้นเป็นพลังลบครับ

    ถ้าข้อความของผมไม่ถูกต้องหรือรบกวนท่าน จขกท.ต้องขอโทษด้วยครับและเชิญลบทิ้งได้เลยครับ
     
  16. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722

    เคล็ดการโคจรลมปราณไม่เหมือนกัน ไม่มีผิดถูกหรอก
    ต่างสำนักยังต่างวิธี บางทีสำนักเดียวกันยังต่างกันเลย
    ที่เหลือคือ ทำแล้วผลเป็นอย่างไร ก็ทดลองดูเอาครับ
     
  17. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    จักระที่หนึ่งควบคุมมูลฐานของชีวิต ถ้าฝึกผิดอาจอันตรายมาก


    จักระที่หนึ่ง ควบคุมทั้ง เพศ, วัย, อายุ, ฯลฯ อันเป็นพื้นฐานของมนุษย์
    ถ้าฝึกผิด ก็ส่งผลให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ เช่น จากแก่
    กลายเป็นเด็ก, จากเด็กกลายเป็นคนแก่, จากผู้หญิงกลายเป็นผู้ชายหรือ
    จากชายกลายเป็นผู้หญิง ฯลฯ เป็นไปได้ทั้งหมด ปกติ โยคีสายพราหมณ์
    จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรในจักระนี้มาก คือ ฝึกเพ่งจิตรวมสามธินิ่งเพื่อเพิ่ม
    พลังในจุดนี้ เท่านั้นเอง แต่นักพรตสายเต๋า จะฝึกมากกว่านั้น คือจะโคจร
    เคลื่อนที่ดู ก็จะทราบถึงข้อมูลรายละเอียดมากขึ้น เมื่อขยับสิ่งนี้จากที่ไป
    แต่ก็มีความเสี่ยงดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้นสูง อันนี้ไม่ใช่ไม่มีเกิดขึ้น อย่าง
    ปัจจุบัน หลายท่านเพศ, วัย, อายุ ฯลฯ บางทีไม่สัมพันธ์กับสังขารที่ตนมี
    ลองศึกษาดู บางท่านอาจมีลมปราณกุณฑาริณีผิดปกติ อย่างตัวอย่างผม
    นะ พลังกุณฑาริณีฝ่ายร้อน (หยาง) อ่อนกำลังเวลามีความรักใคร่ จะอ่อน
    ด้อย กอหักง่าย อยากตายได้ง่ายๆ แต่กุณฑาริณีฝ่ายเย็น (หยิน) มีกำลัง
    มากกว่ามาก ทำให้ใจแข็ง ปฏิเสธความรักใคร่ อยู่ได้ตัวคนเดียวไม่ต้องมี
    คู่ อย่างนี้ ไม่สมดุล ก็ส่งผลมากต่อเรื่อง คู่ครอง, เพศ ซึ่งผมกำลังศึกษา
    และแก้ไขอยู่ ถ้าสำเร็จ อาจเป็นวิธีช่วยคนที่คล้ายๆ กันได้อีกมากมายครับ
     
  18. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    อายุของคนไม่ได้กำหนดด้วยดวงตะวันแต่กำหนดด้วยนาฬิกาชีวิตในตนเอง


    คนแต่ละคน จะมี "นาฬิกาชีวิต" ซึ่งก็คือ จักระที่หนึ่ง นั่นเอง สิ่งนี้ จะกำหนดควบคุม
    อายุและวัยของคน เช่น อายุ 1,000 ปี อยู่ในวัยรุ่นแต่อายุ 10,000 ปี อยู่ในวัยชรา
    ก็ได้ หรืออาจเป็นอายุ 16 ปี วัยรุ่น อายุ 40 ปี วัยผู้ใหญ่ก็ได้ แต่และคนไม่เหมือนกัน
    ขึ้นอยู่กับจักระนี้ ส่งผลอย่างไร ไม่เกี่ยวกับการเดินทางของดวงตะวัน การฝึกเพื่อควบ
    คุมนาฬ่กาชีวิต จึงเหมือนเรากำหนดเวลาชีวิตของเราเอง เปลี่ยนจากการถูกควบคุมที่
    เวลาของโลกหรือการขึ้นลงของดวงตะวัน เป็นนาฬิกาชีวิตของเราเอง จึงเรียกว่าวิชา
    "เปลี่ยนอาทิตย์" คือ เปลี่ยนให้ดวงอาทิตย์ที่ควบคุมเวลา เป็นจักระที่หนึ่งของเราเอง
    เราเป็นผู้ควบคุมกำหนดเวลาในชีวิตของเราเอง ซึ่งปกติแล้ว ร่างสังขารของมนุษย์นั้น
    มีวิวัฒนาการสูง สามารถใช้ได้ถึง 10,000 ปีทีเดียว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ ถ้าใช้ให้สั้นก็
    ได้, ใช้ให้ยาวก็ได้ อย่างสมัยโบราณใช้ให้ยาว มีวิถีชีวิตเชื่องช้า อายุก็ยืน แต่ปัจจุบัน
    ใช้ให้สั้น เร่งรีบ อายุก็ส้นลง แก่เร็ว เป็นต้น ไม่เพียงแต่สังขารของคนเท่านั้น แม้แต่ใน
    สัตว์อื่นๆ ก็เช่นกัน ล้วนมี "นาฬิกาชีวิต" ของมันเองทั้งนั้น สัตว์บางชนิดเช่น ปลา จะ
    มีอายุยืนยาวเป็นพันปีก็ได้, สิบกว่าปีก็ได้ จะเร่งให้โตเร็ว ตามสิ่งแวดล้อมก็ได้ หรือจะ
    แคระแกรน ค่อยๆ โตอย่างช้าๆ แต่อายุยืนยาว ก็ได้ อันนี้เป็นปัจจัยภายในส่งผลสำคัญ
     
  19. anakarik

    anakarik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    3,648
    ค่าพลัง:
    +1,722
    การใช้งานจักระทั้ง 7 ในมุมมองของผม เป็นดังนี้


    1. จักระที่หนึ่ง เป็นการเซทระบบชีวิตมูลฐานให้ปกติที่ใดเช่น อายุขัยเท่าไรคือปกติของเรา
    2. จักระที่สอง เป็นแหล่งพลังงานจากการเผาผลาญอาหารปกติ ใช้ในการทำกิจตามปกติ
    3. จักระที่สาม เป็นศูนย์กลางกาย ตำแหน่งของการวางจิตทำสมาธิ เพื่อใช้จิตรู้ทำกิจต่างๆ
    4. จักระที่สี่ เป็นตำแหน่งของหัวใจ วางดวงแก้วประจำกาย (ดวงใจ) เสริมเพิ่มกำลังใจได้
    5. จักระที่ห้า เป็นตำแหน่งบริเวณลำคอ ส่งผลต่อการพูด, การกิน, การหายใจ ฯลฯ
    6. จักระที่หก หรือตาที่สาม ไว้เปิดเพื่อเพ่งดูโลกทิพย์, ของทิพย์, พลังปราณทิพย์ ก็ได้
    7. จักระที่เจ็ด หรือด้านบนของศีรษะ เปิดเพื่อเชื่อมต่อสื่อสารกับมิติอื่นๆ เช่น โลกทิพย์


    ปกติ ฝึกจักระทั้ง 7 ไปเพื่อวัตถุประสงค์อย่างไรกันบ้างหรือครับ?
     
  20. suriyanvajra

    suriyanvajra Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2011
    โพสต์:
    281
    ค่าพลัง:
    +67
    ทำไมอ่านข้อความในกระทู้นี้แล้วมีโทสะอย่างนี้นะ
    ไม่ถึงกับเป็นปัญหา แต่มันทำไมมีได้หว่า
    ตอน flowzen flower เขียนนี่ได้ใช้โทสะหรือเปล่า ?
    หรือว่าเราโมโหเธอกันแน่นะ ?

    ตนเองไม่ได้ฝึกจักระแต่ฝึกดำเนินอยู่ท่ามกลางทุกข์ แล้วจักระมันเปิดเอง

    จากใจจริงแล้วไม่อยากให้พี่น้องลูกหลานไปใส่ใจกับเรื่องจักระมากเกินเหตุ เกรงจะกลายเป็นมะม่วงดิบบ่มแก็ส ต้องตายแล้วเกิดใหม่จึงจะสามารถกลายเป็นมะม่วงสุกได้ แต่คงเป็นไปไม่ได้เพราะดูท่าหลายท่านชอบเรื่องแบบนี้ คงเหมือนตนเองที่ชอบเรื่องกำลังภายใน มีฉันทะก็ดีแล้วไม่งั้นวิริยะ จิตตะ วิมังสาคงไม่เกิด...ถ้างั้นก็ช่างมันเหอะ

    หายโมโหละ...สงสัยเรากลัวอะไรบางอย่างแต่ตอนนี้หายกลัวแล้ว
     

แชร์หน้านี้

Loading...