แท้หรือเทียม กับหลายกระทู้เตือนภัยพิบัติ ด้วยลัทธิในการทำสมาธิ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย wmt, 11 ธันวาคม 2011.

  1. wmt

    wmt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +1,432
    กระทู้นี้เกิดจาก การติดตามอ่านเรื่องการเตือนภัยพิบัติ หลายๆหัวข้อ ซึ่ง wmt อยากให้ทุกคนรู้เรื่องจุดประสงค์การทำสมาธิก่อน เมื่อเรารู้หรือพอทราบเป็นแนวทาง เราจะไม่หลงประเด็น ไม่เสียจิต (วิตก)

    ขอน้อมนำเอาคำพูดของพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มาตอบ เพื่อเป็นธรรมะทาน

    พอสรุปใจความได้ดังนี้

    การทำสมาธินั้นมีหลายแบบ

    ๑. สมาธิลัทธิภวังคตาจิต ใช้นิมิตเป็นตัวนำ หมายถึงจิตที่นึกปรุงแต่งอยากเห็นอะไร สิ่งนั้นก็จะปรากฏออกมาให้เห็นในนิมิต ดังคำพูด " เราประคองมันลงนะ..เดี๋ยวก็พอทำได้แล้วครูบาอาจารย์ก็บอกว่ายิ่งลงไปละเอียดเท่าไรยิ่งดี ยิ่งลึกเท่าไรยิ่งดี ทีนี้สอนแบบนั้น พอดีเราชนะมันปุ๊ปเสร็จเลยทีนี้ ยิ่งลึกเข้าไปเท่าไรก็ยิ่งเด่นออกมาเป็นลำดับ อ้าว..ทีนี้ก็ชมผลแหม วันนี้เบา วันนี้สบาย วันนี้สว่าง เห็นอันโน้น เห็นอันนี้ เดี๋ยวก็บ้าจิต "


    ๒. สมาธิลัทธิข้อปฏิบัติเบญจขันธ์ เหมือนกันกับข้อแรก แต่เอาจิตไปปรุงแต่งดูกาย ดังคำพูด " ...พอลัทธิเบญจขันธ์เขาก็สอนให้ทำแบบเดียวกัน พอสามารถสู้กันได้เสร็จเรียบร้อยดี เอาความรู้ทั้งหลายเหล่านั้นมาอ่านกาย มีหนังกี่ชั้น มีกระดูกกี่ขด มีเส้นเอ็น เส้นน้อยเส้นใหญ่ ไม่รู้อะไรมันอยู่ตลอดเลย อันนั้นมันลัทธิเบญจขันธ์ เขาก็เอาไปแบบนั้น แต่แล้วกิเลสไม่ได้ทำลาย "


    ๓. สมาธิลัทธิฌานโลกีย์ ดังคำพูด "..เมื่อเขาทำได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็พยายามมองอันนั้น มองไฟให้ดับ มองไฟให้ติด เอาละทีนี้ มันก็ไปต่างๆนานา หรือบางทีทำแบบนี้เป็นมหานิยม ทำให้คนนี้หลง ทำให้คนนู้นหลง ไปกันแล้วทีนี้ "

    ๔. สมาธิลัทธิจิตวิทยา ๔ (ข้อนี้ท่านไม่ได้อธิบาย)

    มันเป็นคนละลัทธิ

    หมายเหตุ ขอยกคำอธิบาย ในข้อ ๔. ดังคำพูดที่ท่านฯ พูดไว้ก่อนหน้านี้ "...ผมบอกว่าเพียงแค่นักจิตวิทยา ไม่ต้องเอาอะไรหรอกครับ รู้แต่ว่าหนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ๆ ๆ โดยจุดประสงค์ต้องการจะบังคับความรู้สึกให้รับรู้ในแก้วอย่างเดียวนาฮะ เขาดำเนินเพียงแค่นี้ เขาไม่ได้รู้อะไรมากมาย ทำไมเขาสามารถเอากำลังส่วนนี้ไปรักษาโรคบางอย่างได้....."

    -------------------------------------------------------

    ส่วนลัทธิที่ ๕ นั้น ท่านก็ได้เมตตาสอนไว้ เป็นลัทธิที่ต่างจาก ๔ ลัทธิด้านบน
    คือเป็นสมาธิลัทธิแบบโลกุตตระธรรม เป็นสมาธิของแท้ที่เอากำลังจากการสร้างตัวสติมาทำสมาธิเพื่อทำลายกิเลส และตัดภพ ตัดชาติ เมื่อทำได้บริบูรณ์ด้วยมหาสติ ความรู้ที่ได้ก็จะเกิดจากปัญญาที่แท้จริง คือจิตผู้รู้

    ลัทธิทั้ง ๕ ท่านอธิบายเพิ่มว่า สร้างกำลังสติเหมือนกัน แต่เอามาใช้ต่างกัน

    ในความเห็นตามกำลังของ wmt เมื่อท่านได้เมตตาบอกไว้แบบนี้ แสดงว่าเมื่อเอามาใช้ต่างกัน ผลที่ได้ย่อมต่างกันด้วย ฉะนั้นทั้งหมดนี้คงเป็นเหตุผลเบื้องต้นและบางส่วนเพื่อให้ทุกท่าน ได้ใช้วิจารณญาณในการเชื่อหรือไม่

    เมื่อการรู้เห็นภัยพิบัติในอนาคตข้างหน้า รู้จากตัวปัญญาที่แท้จริง คือตัวจิตผู้รู้

    กับรู้ด้วยนิมิต (โลกียฌาณ) ที่อิงจากประสาทสมองที่ผูกติดกับสัญญาทั้ง ๔ ลัทธิ คือ ข้อ ๑-๔ ข้างต้น

    การรู้ของสมาธิทั้ง ๕ จึงต่างกันอย่างสิ้นเชิง เพราะฉะนั้น​

    รู้แบบโลกุตตระธรรม จึงเป็นความรู้ที่แท้จริง ของโลกใบนี้ทั้งมวลที่รวมลงกับคำว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

    คำตอบแต่ละกระทู้อยู่ด้านบนแล้ว wmt เพียงแต่อยากยกคำสอนของพระผู้ปฏิบัติดี มาชี้ให้เห็นว่า การพยากรณ์ด้วยการทำสมาธินั้น ทำได้หลายวิธี แต่ ทั้ง ๔ สมาูิธิ ดังกล่าว ความรู้ที่ได้ยังอิงประสาทสมอง คือความจำได้หมายรู้ ภาษาทางธรรม เรียก มีสัญญา จิตนึกปรุงแต่อะไรก็ไปตามนั้น จึงเห็นได้หลายกระทู้ ที่อ้างว่าเห็นภัยพิบัติเป็นเรื่องเป็นราว....

    หมายเหตุ

    บทความนี้ ไม่มีเจตนาปรามาสใครทั้งสิ้น เพียงแต่ขอยกเอาเทศนาธรรมะในบางมุม ของพ่อแม่ครูอาจารย์มาบอกเป็นธรรมะทาน ซึ่ง wmt คิดว่า มันมีผลต่อความเชื่อ การทำนาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 ธันวาคม 2011
  2. diya

    diya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มกราคม 2010
    โพสต์:
    1,950
    ค่าพลัง:
    +13,031
    ขออนุโมทนาค่ะ

    จำได้ว่ามีช่วงนึเคยยึดมั่นถือมั่นว่านิมิตต่างๆที่เห็นตอนนั่งสมาธิจะเกิดขึ้นจริง (นิมิตเกี่ยวกับตัวเองไม่ใช่เรื่องภัยพิบัติ) เพราะมันเคยเกิดขึ้นจริง จึงเข้าไปยึด แต่แล้วต่อๆ มามันกลับไม่เกิดขึ้น จึงตั้งคำถามความสงสัยเก็บไว้ในใจ ประเหมาะเคราะห์ดีบุญยังมีไปเจอหนังสือคำสอนของหลวงปู่มั่น มีญาติโยมถามหลวงปู่มั่นถึงนิมิตที่เห็นในสมาธิ ท่านบอกว่า นิมิตมีจริงเกิดขึ้นได้จริง แต่นิมิตจะจริงหรือไม่จะเกิดเหตุการณ์ตามนิมิตหรือไม่เป็นอีกเรื่อง เกิดก็ได้ ไม่เกิดก็ได้ ใช่ก็ได้ ไม่ใช่ก็ได้ ท่านว่าอย่าไปหลงและยึดติดในนิมิต อ่านคำตอบของหลวงปู่มั่นแล้วรู้สึกถึงความเมตตาของท่าน หลวงปู่มาช่วยเคาะกะโหลกกะลาของลูกโดยแท้
     
  3. wmt

    wmt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    242
    ค่าพลัง:
    +1,432
    ภัยพิบัติของแท้ แบบจัดหนัก ประเภทต้องย้ายเมือง จึงไม่ใช่ปีหน้า..

    พ่อแม่ครูบา้อาจารย์ องค์อริยะสงฆ์ ผู้เมตตาศิษย์และมวลมนุษยชาติ ที่เป็นสายบารมีขององค์ท่านฯ ด้วยการเมตตาสอนศิษย์ทั้งบรรพชิตและฆราวาสเพื่อเร่งดำเนินจิตให้หลุดพ้น และพยากรณ์เหตุแท้จริง เป็นกรรมของประเทศที่ต้องเผชิญ
    นับจากนี้ไป ไม่เกินสิบปี ( เลยปี ๕๙ )

    เร่งความดีกันไว้ แล้วจะเกิดผล โชคดีๆๆ จงเป็นของทุกท่าน
     
  4. เทพเมรัย

    เทพเมรัย Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    262
    ค่าพลัง:
    +80
    สมาธิไม่ได้ทำให้คนรู้ความจริงได้สาระพัด มันไม่ใช่ยาสารพัดนึก

    บางคนรู้ได้มาก บางคนได้น้อย และบางคนรู้ทุกสรรพสิ่ง

    ในความรู้ที่ได้จากสมาธิ มีความจริงอยู่หลายชั้น สมมุตติสัจจะ หรือ ปรมัตถสัจจะ

    เมื่ออยู่ในสามาธิ อะไรเป็นตัวไปรับรู้

    บางคนตอบว่า จิต และในจิตมีอะไร

    ในจิตมี เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ และสติ

    ความรู้ที่เกิดจาก สติ เป็นความรู้ที่เป็นสัจจะที่สุด

    เมื่อใด สติ แยกออกมาเห็น จิต เมื่อนั้นก็ นิพพาน
     
  5. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    สมาธิกับภัยพิบัติ
    ภัยพิบัติ ไม่ได้เริ่มเกิดขึ้นและไม่ได้เพิ่งมีการเตือน มันมีการเกิดขึ้นมาหลายทศวรรษแล้ว แต่การสื่อสารของมนุษย์ เพิ่มเริ่มมีการเจริญขึ้นในไม่กี่ปีมานี้เองและมีการแพร่หลายมากขึ้น จึงทำให้ข้อมูลข่าวสารเดินทางได้ว่องไวขึ้น รวมถึงภัยพิบัติที่เกิดขึ้นก็ดูเหมือนมีความแรงความถี่มากขึ้น ก็มาจากเหตุเดี่ยวกันนั่นเอง

    สมาธิ การที่มีการแยกเป็นลัทธิและความเห็นต่าง ๆ นั้น ก็เป็นด้วยจริตของมนุษย์ ที่มีการเรียนรู้ รับรู้ และการดำรงไม่เหมือนกัน สภาพจิต สภาพแวดล้อม สภาพการเลี้ยงดู สภาพการนึกคิดจินตนาการ ก็แตกต่างกันออกไป
    ดังนั้น การดำเนินกิจกรรมใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับจิต สมาธิ หรือนอกโลก ล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้น และก็เปลี่ยนแปลงไปในที่สุด
    ดังนั้น การมีความเห็น เพราะเราเอา อยาตนะ 6 ของเราออกไปจับและดึงมาเปรียบเทียบกับของเรา จึงเกิดการ เห็น เข้าใจ และแสดงออกที่แตกต่างกัน จึงสรุปได้ว่า ไม่มีอะไรผิด ไม่มีอะไรถูก ถ้าเราทั้งหลายเลือกที่จะเสพและเรียนรู้เพื่อการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์
    บุคคลที่จะได้รับการพัฒนา ก็ย่อมเป็นตัวเรา ที่มันไม่มีนั่นเอง
     
  6. kwansao

    kwansao เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2011
    โพสต์:
    403
    ค่าพลัง:
    +619
    เรื่องนี้ เคยมี ความเห็นแย้งกันมาแล้ว เป็นเรื่องที่พิสูจน์กันไม่ได้ ก็
    เลยแย้งกันไม่รู้จบ ระหว่างความเชื่อ กับเหตุผล

    ความเชื่อ.... เชื่อว่าบุคคลที่เขา เคารพพูด และกล่าวเป็นความจริง
    เชื่อโดยปราศจากเหตุผล และ คำถามใดใด

    เหตุผล....... แย้งว่าอาจจะเป็นฌาณลวง หรือ การปรุงแต่งจากจิต
    ของผู้มีฌาณเองก็ได้ เพราะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า ฌานของท่านผู้นั้น
    จัดเป็นฌาณขั้นไหน ระดับใด อย่างไร

    ความเชื่อ.... เชื่อว่า ท่านเมตตาจึงบอก (ห้ามปรามาส) ควรเชื่อ
    ต่อให้ 1000 ครั้ง ถูกเพียง 1 ครั้ง ก็ถือว่าถูก

    เหตุผล....... การที่ผู้มีฌาณ (จริง หรือ ลวง) ออกมาบอกกล่าว
    แก่คนมากมาย เกือบทุกสำนัก ทำให้คนกลัว เป็นทุกข์กับภัยที่จะเกิด
    จนบางคนไม่เป็นอันทำมาหากิน อย่างที่ทางใต้ บางคนถึงกับ หอบลูก
    หอบหลาน ไปฝากไว้ที่ปลอดภัย ส่วนตัวเองต้องกลับไปทำมาหากินที่ชายทะเลต่อ
    และ ที่อื่นๆ กลาง อีสาน ก็ต้องหลีกเลี่ยง ที่ ที่ ผู้มีฌาณระบุไว้
    จะมีซักกี่คนที่ มีสติ ทำใจได้ รับฟังโดยไม่ตื่นตระหนก

    ความเชื่อ.... เมื่อเหตุไม่เกิด อย่างที่ผู้มีฌาณบอก เป็นเพราะผู้ (.........ฯลฯ)
    ปัดเป่าให้ เลยไม่เกิด

    เหตุผล...... เพราะ ฌาณลวงต่างหาก มันเลยไม่มี และ ไม่เกิด

    ความเชื่อ.... ปรามาส........................

    เหตุผล....... ถูกรุมว่า (ด้วยกลุ่มความเชื่อ)

    ด้วยเหตุนี้ เหตุผล..ก็เลยไม่ค่อยกล้าออกมาแย้ง
    แต่ก็ทำให้การทำนายด้วยฌาณ เบาบางลง

    พอเหตุการณ์ครั้งนั้น จางลง ตอนนี้การทำนายด้วยฌาณก็กลับมาอีก

    มันก็เป็นเช่นนี้แลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2011
  7. ผีกองกอย

    ผีกองกอย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2011
    โพสต์:
    455
    ค่าพลัง:
    +214
    เมือพูดเเล้วทำ จะเห็นงาน
    เมือฟังเเล้วปฏิบัติ จะเห็นผล
    ลัทธิทุกลัทธิ มันก็เหมือนกับการขึ้นต้นไม้ใหญ่ๆๆๆต้นหนึ่ง
    เเต่กิ่งก้างมันเเยกก้างสาขาเยอะ คนทีจะขึ้นไปนะ จงดูว่าจิตเรานะชอบกิ่งไน เล็กบ้างใหญ่บ้าง เเล้วเเต่ปัญยาเราเองทีจะขึ้นไปหรือหยีบเอา เเต่เวลามันจะลง ก็คือทางเดียวกันหมด จะช้าหรือเร็วลงทางเดียวกันหมดเช่นว่า พวกปันญาดีเขาก็เดินหยีบกิ่งไม้กลางไม่เล็กไปไม่ใหญ่ไปคือเดินสายกลาง พิจรานา วิปัสนา
    พวกชอบฤิทธิเขาก็เลือกกิ่งใหญ่เเตกก้างสายขาเล็กๆๆเยอะเเยะไปไวมาไวคล่องเเค้วว่องไว
    สายฌาน
    เป็นต้น อธิบายพอเข้าใจนะครับ ส่วนการเห็นนิมิต ภัยพิบัตินั้น ครูบาอาจารย์บางท่านก็เห็นจริงเเละก็ไม่จริง เรียกว่าปนๆๆกันไปนะครับ ทุกอย่างนั้นมันเเล้วเเต่ความเชื่อของเเต่ละบุคล
    เเต่การไม่ประมาท ก็ควรรีบสร้างกุศลไว้เยอะๆๆเป็นเเท้แน่นอน ส่วนว่าอะไรมันจะเกิดก็ปล่อยให้มันเกิดไป ทำดีไม่เบียดเบียนผู้อื่น นั้นละ ดีเเท้เเล้ว
    จงอย่ากลัวความตาย เพราะเรายังไงก็ต้องตายอยู่เเล้ว ไม่มีใครอยู่คล้ำฟ้าได้นานหลอกครับ จนมีสติระลึกถึงความตายทุกขณะจิต เเล้วเราจะไม่มีความประมาทในความตายเลย
    เเละความกลัวตายในจิตใจจะไม่มีให้กลัวเมือมันถึงเวลาจะตาย
     
  8. somkun62

    somkun62 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    271
    ค่าพลัง:
    +763
    พ่อแม่ครูบา้อาจารย์ องค์อริยะสงฆ์ ผู้เมตตาศิษย์และมวลมนุษยชาติ ที่เป็นสายบารมีขององค์ท่านฯ ด้วยการเมตตาสอนศิษย์ทั้งบรรพชิตและฆราวาสเพื่อเร่งดำเนินจิตให้หลุดพ้น และพยากรณ์เหตุแท้จริง เป็นกรรมของประเทศที่ต้องเผชิญ
    นับจากนี้ไป ไม่เกินสิบปี ( เลยปี ๕๙ )

    เร่งความดีกันไว้ แล้วจะเกิดผล โชคดีๆๆ จงเป็นของทุกท่าน

    พ่อแม่ครูอาจารย์ ท่านอุตส่าห์เตือนมาขนาดนี้แล้ว มีหรือครับที่ผมจะไม่เชื่อฟัง ตอนนี้ผมกำลังชกอยู่กับโหลนของกิเลสอยู่ผลัดกันแพ้-ชนะอยู่นี่แหละ อิอิ ศรัทธาทุกรูปแด่พระผู้เป็นสุปฏิปันโนอย่างแท้จริง ขอบคุณครับ
     
  9. GUYTHUM

    GUYTHUM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +1,088
    ขออนุญาตเจ้าของกระทู้เติมข้อสี่หน่อยนะขอยืมจาก คุณเดมีดี จะผิดถูกอย่างไรก็เสนอความคิดเห็นได้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 ธันวาคม 2011
  10. tuta868248

    tuta868248 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    563
    ค่าพลัง:
    +1,116
    อะไรมันจะเกิดมันต้องเกิด เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป มันไม่เที่ยง มันเปลี่ยนแปลงได้มันไม่แน่นอนคะ พระพุทธองค์ท่านทรงสอนว่า อคีตผ่านมาแล้วแก้ไขไม่ได้ อนาคตยังไม่มาถึง ให้เอาปัจจุบันก่อน ส่วนนิมิตรที่เห็นในสมาธินั้น เห็นจริงแต่ไม่ใช่ของจริงคะ อย่าเอาจิตปรุงแต่งและยึดติดคะบุญรักษาคะ
     
  11. ดาวบุ๋น5

    ดาวบุ๋น5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    605
    ค่าพลัง:
    +375
    คนจะเห็นได้ต้องเป็นบุคคลที่ถูกเลือก แต่บุคคลนั้นจะไม่ได้ช่วยคนกลุ่มใหญ่ๆจะช่วยได้แค่กลุ่มย่อยๆ ..

    บุคคลนั้นอาจจะมีหลายคน แยกกันไปคนล่ะที่ หลายโอกาสที่เห็น แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเห็นถูกต้องไปตลอดทุกครั้งที่เห็น ..

    ดังนั้นต่างกรรมก็ต่างวาระที่จะรับรู้ว่าอันไหนถูกอันไหนผิด จึงต้องแยกแยะด้วยเหตุผลและผลบุญของตัวเอง

    สรุปจะหาคำเตือนที่ถูกต้องในที่กระจายข่าวกว้่างๆคงเป็นไปได้ยาก เพราะถ้าบอกมาแล้วจะไม่เป็นไปตามนั้นเพราะเรื่องแบบนี้จะรับรู้ได้แค่กลุ่มจำกัด และห้ามเปิดเผยกว้าง

    คล้ายๆกับเห็นหวย บอกคนอื่นมากๆมันก็เปลี่ยนเลขไป เงียบๆไว้กับตัวถึงจะออกตรงตามนั้นครับ
     
  12. GUYTHUM

    GUYTHUM เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2008
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +1,088
    กล่าวได้ถูกต้องแล้ว ผู้กระหายในธรรม
     
  13. กรึงไกร

    กรึงไกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    179
    ค่าพลัง:
    +295
    ถ้าคิดจะล้างคนไม่ดี คงไม่มาป่าวประกาศในที่สาธารณะให้คนรับรู้กันมากมาย

    แผนที่วางไว้คงกำจัดใครไม่ได้ เพราะรู้ตัวกันเสียหมด ข่าวที่เห็นเป็นเพียง

    ลับ ลวง พราง สับขาหรอกให้ผู้คนตายใจ ให้ขาดความน่าเชื่อถือ และทำ

    ให้เราประมาทว่าภัยพิบัติไม่มีจริง เดินหน้าทำชั่วกันต่อไป

    ภัยพิบัตินั้นเกิดจริงเพียงแต่เวลาเท่านั้น ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ได้

    สิ่งที่เราเตรียมกันได้คือตายก่อนตาย สะสมเสบียงบุญไว้ภพหน้า

    อันนี้ซิของจริงแท้แน่นอน
     
  14. พุทเท

    พุทเท สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +7
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทนา
    ขอให้สรรพสัตว์ทั้งหลายจงพ้นภัยด้วยเถิด
     
  15. พุทเท

    พุทเท สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    152
    ค่าพลัง:
    +7
    ชาตะมะ สะ ละ วา
    นะสัจจัง ทาคะยัง มะสำคำปัง
    สะโร นะกา โททายะ โมพุทธะตะยะ
     
  16. naitiw

    naitiw เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,611
    ค่าพลัง:
    +2,882
    กรึงไกร อย่าไปบอกเค้าสิ เดี๋ยวก็หมดสนุก

    [​IMG]
     
  17. interestor

    interestor สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    10
    ค่าพลัง:
    +8
    เห็นด้วยกับคุณWMTครับ ส่วนใหญ่แล้วหมอดูมักไม่รับผิดชอบคำพูดตัวเอง เมื่อไม่เกิดอะไรก็หายเงียบไม่ออกมาบอกว่าตัวเองดูผิด การมองเห็นในสิ่งต่าง ๆ ในการทำสมาธินั้นแสดงว่ามีสติสัมปชัญญะเต็มเปี่ยม เมื่อมีสติฯเต็มเปี่ยมย่อมรู้ว่าสิ่งใดเป็นมายาแห่งจิตหรือนัยหนึ่งก็คือการปรุงแต่งโดยการโดนจิตตัวเองหลอกให้แล้ว
     
  18. ภูติอาคเนย์

    ภูติอาคเนย์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    723
    ค่าพลัง:
    +1,326
    แม่น้ำทุกสายนั้นต่างกัน ลึกบ้าง ตื้นบ้าง ตรงบ้าง คดบ้าง ยาวบ้าง สั้นบ้าง กว้างบ้าง แคบบ้าง ไหลบนดินบ้าง ไหลใต้ดินบ้าง แตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับชื่อเรียก เวลา ผู้สังเกตุ และพื้นที่ แต่ที่เหมือนกันคือ แม่น้ำทุกสายต่างไหลลงสู่มหาสมุทรเดียวกัน
     
  19. haihui

    haihui สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +2
    โดยส่วนตัวก็ 50-50 มาตลอดครับ :cool:
     
  20. Nok Khonsaranadhum

    Nok Khonsaranadhum สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +4
    ปฏิบัติธรรม อย่างไร..? เพื่อให้พ้นภัยพิบัติ<?xml:namespace prefix = o ns = "urn:schemas-microsoft-com:eek:ffice:eek:ffice" /><o:p></o:p>
    ปริยัติ เป็นหลักธรรมองค์ความรู้(โพธิปักขิยธรรม 37) ที่พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอน รวบรวมไว้ในพระไตรปิฏก<o:p></o:p>
    ปฏิบัติ เป็นการนำปริยัติอันเป็นความรู้ที่ศึกษามาลงมือปฏิบัติเจริญภาวนา เพื่อพัฒนาอบรมสภาวจิตให้เจริญ<o:p></o:p>
    ทางวาจา ใช้สัมมาทิฏฐิ(เห็นชอบ) สัมมาสังกัปปะ(ดำริชอบ) และสัมมาวาจา(วาจาชอบ)<o:p></o:p>
    ทางกาย ใช้สัมมากัมมันตะ(การงานชอบ) สัมมาอาชีวะ(เลี้ยงชีพชอบ) และสัมมาวายามะ(เพียรชอบ)<o:p></o:p>
    ทางใจ ใช้สัมมาสติ(ระลึกชอบ) และสัมมาสมาธิ(ตั้งจิตมั่นชอบ) <o:p></o:p>
    ปฏิเวธ เป็นผลที่เกิดจากการศึกษาปริยัติ ลงมือปฏิบัติ จนรู้ชัด ประจักษ์ แจ้ง ในวิถีทางสู่การพ้นทุกข์ ด้วยจิตตน<o:p></o:p>
    อานาปานสติสูตร เป็นการนิมิตอารมณ์กรรมฐาน ด้วยสัมมาสติ กำหนดจิตตั้งมั่นอยู่ที่ลมหายใจเข้า-ออก <o:p></o:p>
    โพธิปักขิยธรรม 37 ได้แก่ มหาสติปัฏฐานสูตร 4, สัมมัปปธาน 4, อิธิบาท 4, อินทรีย์ 5, พละ 5, โพชฌงค์ 7 และ อริยมรรค 8<o:p></o:p>
    การปฏิบัติธรรม ที่ถูกต้อง จึงจำเป็นต้องศึกษาหาความรู้(ปริยัติ) ควบคู่ไปกับการลงมือภาวนา(ปฏิบัติ) อบรมจิตให้เจริญ เพื่อให้เกิดปัญญา รู้ชัด ประจักษ์ แจ้ง ด้วยจิตตน(ปฏิเวธ) นำสู่การพ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริง<o:p></o:p>
     

แชร์หน้านี้

Loading...