พระธาตุดอยตุง--เวอร์ชั่นของผม--ไม่ซ้ำใคร

ศิลปปูนปั้น รูปเทวดา นางฟ้า สัตว์ในตำนาน

รายละเอียด ยิบยิบ สวยงาม

ฝีมือ Look นี้เห็นคุ้นตาหลายวัด อาจจะเป็นช่างกลุ่มเดียวกัน

 

.............................................................................

 

ปิดท้ายด้วย---ยามง่วง ที่วัดน้อยครับ
ยามเหงา ยามหลับ ก็ได้
.

.

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

 

..............................................................................

 

ขอกราบอนุโมทนาสาธุ ด้วยค่ะ พระธาตุ ดอยตุงเป็นพระธาตุประจำปีเกิด คือปีกุนค่ะ ได้มีโอกาสไปกราบนมัสการมาแล้วค่ะ ในภาพดูปรับปรุงใหม่นะค่ะ
สาธุ สาธุ สาธุ

 

ขออนุญาติพี่boontar น่ะครับ พอดีผมเคยอ่านพบข้อมูลว่า พระธาตุดอยตุงองค์ที่เห็นทุกวันนี้(ศิลปะทางเหนือ)ที่องค์ครูบาเจ้าศรีวิชัยได้ทำนุบำรุงไว้เป็นองค์เดิมๆเลยครับ เพียงแต่สมัยจอมพล ป.ต้องการรื้อแล้วสร้างใหม่ แต่ท่านอาจารย์(ผมจำนามท่านไม่ได้)ที่รับผิดชอบงานก่อสร้างท่านเห็นว่าองค์เดิมเป็นคุณค่าทางศิลปะทางเหนือแบบดั่งเดิมไม่อยากทำลาย จึงสร้างครอบรอบองค์พระธาตุด้านนอกองค์เก่าขึ้น และเมื่อหลายปีก่อนหากจำไม่ผิดกรมศิลป์จะไปบูรณะแล้วพบองค์เก่าถูกครอบด้วยองค์สมัยจอมพล ป. จึงได้มีความคิดรื้อครอบที่สร้างสมัยจอมพล ป.ออก จึงทำให้ได้เห็นองค์เจดีย์เดิมที่องค์ครูบาเข้าศรีวิชัยท่านได้ทำนุบำรุงไว้ครับ

 

ตรงที่ม่อนฤาษีผมเคยไปไหว้เมื่อก่อนหลายปีแล้ว จะมีศาลาเล็กฯอยู่และมีไม้เสี่ยงทายยาวประมาน 1 วาให้นึกถึงพ่อปู่ฤาษีแล้วตั้งจิตอธิฐานว่าจะให้ไม้ยาวหรือสั้นตามที่อธิฐานไว้ก็น่าแปลกใจเหมือนกัน (เป็นความเชื่อมั่นส่วนบุคคล) เป็นจุดชมวิวแห่งหนึ่งที่สวยมาก สงบเงียบไม่มีคนพลุกพล่านเหมาะสำหรับการภาวนาจริงฯ แต่เสียดายน่าจะบูรณะเพราะน้อยคนนักจะรู้จัก

 

ขออนุโมทนา ร่วมด้วยทุกประการ และ ขอร่วมแบ่งปัน ด้วย ตำนานพระธาตุดอยตุง ดังนี้ ครับ

ตำนานพระธาตุดอยทุงเมืองเชียงแสน ฉบับกรมศิลปากร ที่ได้ปริวรรตแปลออกมาจากภาษาพื้นเมือง มีความว่า ดังนี้
<O</O

ไนกาลเมื่อนั้นสัพพัญญูพุทธเจ้ายังธรมานหยู่ แล้วเทียวจงกรมแก้วไนเขาคิชกูตที่นั้น เทวทัตตเถรมันมักไคร่ไจกะทำร้ายกำจัดแก่พระพุทธเจ้าแล้วจักเปนพระเจ้าแทนว่าอั้น บุญสมภารสัพพัญญูเจ้ามีมากบ่อาจจักกะทำฮ้ายได้ มันจิ่งขึ้นไปสู่จอมดอยคิชกูตกิ้งหินก้อนหนึ่งไหย่นักลง เพื่อจักหื้อถูกตนพระพุทธเจ้าว่าอั้น ยังมีหินก้อนหนึ่งก็มารับเอาก้อนนั้นบ่หื้อถูกพระพุทธเจ้าหั้นแล ส่วนพระพุทธเจ้าเท่าอาวัชนะรำเพิงเถิงทานปารมี ๓ ถ้าน เมตตาเถิงมันเพื่อบ่หื้ออกเทวทัตต์แตก พระพุทธเจ้าก็เหยียดบาทก้ำซ้ายไปหน่อยหนึ่ง ทีนั้นยังมีหินกีบหนึ่งซะเด็นไปถูกปาทบาทพระพุทธเจ้า พอหื้อบังเกิดโลหิตุบาทปาทซ้ำเป็นเลือดแล ทีนั้นหมอกุมารภัจมาผ่าเอาเลือดออกเสียแล้วก็ทายาหื้อรำงับ แล้วพระพุทธเจ้าก็สเด็ดออกจากดอยคิชกูต แล้วก็ไต่เทียวไปด้วยแม่น้ำขรนทีลงมาด้วยแม่ของ แล้วพระพุทธเจ้าก็เล็งไปทิสก้ำวันตก ก็หันเขาสามอันตั้งเรียงกันหยู่ก็เฉลิมแก่นคราดั่งอั้น พระพุทธเจ้าก็ สเด็ดมาด้วยทิสลวงอากาสมีอรหันต์ ๕๐๐ พระองค์เปนบริวารแล้วก็ขึ้นสู่เหนือหินก้อนหนึ่ง มีซงสันถานดั่งหมากนาวตัดเกิ่งก็ตั้งหยู่เหนือเขาปู่เจ้า อันมีทิสหนไต้นั้นแล พูเขาอันนั้นบ่มีไม้เท่ามีหย้าแพดหย้ามุ้งกะต่ายและแฝกหอมแขมเหลืองกุสิสะหน่อย หากเปนเขาตามพทิสจิ่งเรียกว่าดอยดินแดงเพื่ออั้นแล หินก้อนพระพุทธเจ้าย่ำนั้นก็มุดจมลงไปทางไต้ ๕ สอกพ้นดิน ๗ สอก อึดปากถ้ำช้างเผือกหยู่แล
<O</O
พระพุทธเจ้านั่งที่นั้นแล้วก็อว่ายหน้าสู่ทิสหนวันออก เล็งดูบ้านเมืองทังมวนแล้วก็ทำนายว่าเมืองนี้จักเปน เมืองอันไหย่ เปนที่ตั้งสาสนาแห่งตถาคตตราบต่อเท้า ๕๐๐๐ วัสสาชะแล เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้วจักไว้สรีรธาตุดูกด้ามมีดเบื้องซ้ายไนดอยที่นี้ หื้อเปนที่ไหว้และบูชาแก่คนและเทวดาทังหลายตราบต่อเท้าห้าพันวัสสาชะแล พระพุทธเจ้าทำนวายว่าดั่งนี้แล้วก็จิ่งเจียรจากับด้วยอรหันตเจ้าทังหลายมีอานนทเถรเปนประธานว่าดั่งนี้ อานันทะ ดูราอานนท์ เมื่อกาลตถาคตปรินิพพานไปแล้ว จุ่งหื้อมหากัสสปเถรเอามหาธาตุพระตถาคตมาปะจุไว้ผาก้อนนี้ซงสันถานดั่งหมากนาวตัดเกิ่งที่นี้เทอะ พระพุทธเจ้าเจียรจาเซิ่งอรหันตเจ้าทังหลายมีอานนทเถรเปนประธาน หยู่สำรานที่นั้นแล้ว พระก็มักไคร่สันน้ำ มหาอานนทเถรก็เอาบาตรตักน้ำเอาทางทิสหรดีแต่ตีนเขามาหื้อสัน คันว่าพระพุทธเจ้าสันน้ำแล้วก็เจียรจากับด้วยเจ้าอานนท์ ว่าดูราอานนท์ เมื่อพระเจ้ากกุสนธิ์มาเปนพระวันนั้น สยองแต่ป่าอิสีมิคทายโพ้นมาเอาเข้าบินทบาตรเมืองมิถิลาแล้วพระก็สยองมาด้วยลวงอากาส มานั่งเหนือผาก้อนนี้ ก็ลงไปสันเข้าตีนเขาก้ำทิสวันออกซวยเหนือ ชื่อว่าถ้ำกุมภ์ที่นั้น เมื่อโกนาคมนเจ้าเกิดเปนพระแล้วไปบินทบาตได้เข้าสยองมานั่งเหนือผาก้อนนี้ ก็ลงไปสันเข้ายังถ้ำกุมภ์ที่นั้น เมื่อพระกัสสปเจ้าเปนพระแล้วก็ไปเอาเข้าบินทบาตรก็มานั่งเหนือผาก้อนนี้ แล้วจึงลงไปสันเข้ายังถ้ำกุมภ์ที่นั้นแล แม่นพระอาริยเมตไตรโพธิสัตว์ คันเปนพระแล้วก็ไปเอาเข้าบินทบาตรไนเมืองราชครึห ได้เข้าแล้วก็จักมานั่งเหนือผาก้อนนี้ ก็ลงไปสันเข้ายังถ้ำกุมภ์ที่นั้นชะแล พระพุทธเจ้าเจียรจากับเจ้าอานนท์แล้วก็ลงไปสันเข้ายังถ้ำกุมภ์ที่นั้น ด้วยดั่งพระเจ้าทังหลายแต่ก่อนนั้นแล้วพระพุทธเจ้าก็กล่าวถานะที่นี้จักมีมกตะ ๒ ตัวมาอยู่เฝ้าถ้ำที่นี้ ก็จักแพร่ออกหลวงหลายหยู่รักสาถ้ำที่นี้ ผู้ไดบูชามกตะหมู่นี้แล้วขอเอาพรส่วนเสี้ยวแล้วบูชาด้วยเข้าน้ำหมากไม้ลูกไม้ก็จักอุดมสมริทธิชะแล พระพุทธเจ้าทำนวายมกตะแล้วก็สเด็ดไปสู่ทิสก้ำไต้ถ้ำกุมภ์ เลียบตีนเขาก้ำวันออกซวยไต้ ยังมีสระน้ำอันหนึ่งไหลออกท้องเขาออกมาควนอัสจรรยมากนักหนาแล พระพุทธเจ้าก็อธิถานปาป่อยไว้ไนสระที่นั้น มีรูปตาหีบคีมทางยาวซู่ตัว อันบุคคลนำมาไส่บาตรพระพุทธเจ้านั้นแล บุคคลผู้ไดปูชาปาด้วยเข้าตอกดอกไม้แล้วขอเอาอายุก็สวัสดีแล้ว ผู้ได้ไหว้และบูชามหาธาตุเจ้ากุมภ์และถ้ำมหาธาตุเจ้าเปียวป่องฟ้าแล้วอธิถานบูชาน้ำทิพย์อันมีในถ้ำเปียวป่องฟ้าแล้วอถิทานบูชาบ่อน้ำทิพย์ อันมีไนถ้ำเปียวป่องฟ้า บุคคลผู้ไดได้อธิถานกินมีอายุยืนแล
<O</O
พระพุทธเจ้าจากับด้วยอานนทเถรเจ้าเท่านี้แล้วมีหมู่อรหันต์ทังหลายเปนบริวาร พระก็เสด็ดไปสู่บ้านเมืองไหย่น้อยลำดับไปตราบเถิงเมืองกุสินารายแล้วพระก็นอนอยู่ไต้หว่างละแวกเค้ารังต้นอันมีใบดกหนา พระก็นิพพานไปที่นั้นแล เมื่อดั่งอั้นท้าวพระยาเมืองมละทังหลายก็สาลิกายกตาบัวรมวนแล้วด้วยตนพระเจ้า อรหันตเจ้าทังหลายมีอนุรุทธเถรเปนประธานและโทนพราหมณ์ พร้อมกันแจกธาตุพระพุทธเจ้าไว้ในบ้านน้อยเมืองใหญ่ทั้งหลายซู่แห่งซู่ที่แล มหากัสสปเถรเจ้าเอาธาตุพระพุทธเจ้า ๕๐๐ พระองค์กับดูกด้ำมีดและเกสธาตุทันตธาตุโลมาธาตุ สรีรธาตุทังหลายมวนไส่โกสแก้วปัทมราคลูกหนึ่งใหญ่เท่าแม่พาด เอาผ้าจันทน์ลำหนึ่งยาว ๘ วาอ่อนละเอียดนักห่อธาตุพระพุทธเจ้าก็สยองขึ้นมาแต่ลวงอากาสมีอรหันต์ ๕๐๐ ตนเปนบริวาร มาเถิงนครเมืองยวนเชียงแสน ก็กล่าวแก่พระยาอชุตราชตนเสวยเมืองด้วยดั่งพระเจ้าสั่งไว้ซู่อัน ที่นั้นพระยาอชุตราชก็ยินดีนัก พระยาก็หื้อแปงโขสลูกหนึ่งแล้วด้วยคำซ้อนโขสแก้วอันนั้น กับเครื่องบูชาทังหลายมวน พระยาก็เอาหมู่ริพลทังหลายมีเสนาโยธาแวดล้อมเปนบริวารก็ราธนายังธาตุพระพุทธเจ้าขึ้นสู่จอมดอยด้วยอรหันต์ทังหลายแล มหากัสสปเจ้าก็เอาโขสธาตุพระเจ้าตั้งเหนือหินก้อนเหมือนหมากนาวตัดเกิ่งนั้น มหากัสสปเจ้าก็อธิถานธาตุพระพุทธเจ้าหื้อมุดจมลงหยู่ในหินก้อนนั้นเลิ๊ก ๘ สอกแลธาตุพระพุทธเจ้าก็กะทำอิทธิญาณผายปาติหาริยธัมเบ่งรัสมีมีวรรน ๗ ประการทั่วเมืองเชียงแสนทังมวนเปนดั่งพระจันทเพ็งนั้นแล พระยาอชุตราชก็หยู่อุปถากธาตุพระพุทธเจ้ากับด้วยอรหันตเจ้าทังหลาย ก็เรียกหาปู่เจ้าลาวจกทังสองผัวเมียมาแล้วก็หื้อคำ ๑๐๐๐ แก่ขาทังสองผัวเมีย ขอเอาคามเขตและด้านละ ๓๐๐๐ วา แล้วก็โอกาสเวนไว้หื้อเปนทานกับธาตุเจ้า แล้วพระยาอชุตราชก็หื้อชาวมิลักขุทังหลาย ๕๐๐ คนหยู่อุปถากแล้วหยาดน้ำไว้หื้อหยู่อุปถากธาตุเจ้าและพระยาอชุตราชมหากสัตรก็แช่งไว้บ่อหื้อไผม้างสักคนคนแล แล้วก็เสด็ดเมือสู่ที่หยู่ตนกะทำบุญหื้อหานบ่อขาดสายแล
<O</O
เมื่อนั้นมหากัสสปเถรเจ้าก็อธิถานคันธุงยาวโยชนะหนึ่ง กับธุงยาว ๗๐๐๐ วาวลวงกว้าง ๕๐๐๐ วาบูชามหาธาตุเจ้า ทุงผืนนั้นมีวรรณ ๗ ประการ มีพันเขียว ขาว แดง หม่น เหลือง ก็บูชาธาตุเจ้าทิสหนวันออกทางขวาเมื่อขึ้นแล
<O</O
จำเนียรแต่นั้นไปพายหน้าคนทังหลายหัน ธุงทิพย ผืนนั้น จิ่งไส่ชื่อ ว่าดอยธุงตราบเท่าบัดนี้แล<O</O

 

ข้าพเจ้าตั้งใจไว้ว่าสักวันคงได้มีโอกาสไปกราบนมัสการองค์พระธาตุดอยตุงสักครั้ง และจะพยายามหาโอกาสไปให้จงได้ ขอขอบคุณท่านที่นำภาพมาให้ชมครับ

 

................................................
ขอบคุณครับ

 

............................................................................
ไปเที่ยวอีก สิครับ
คณะครั้งนี้ของผม ปีกุนเพียบ

 

.............................................................................
เสียดายผมไม่มีเวลาแวะ
มองเห็นศาลาอยู่เหมือนกันและดูจะสงบสงัดมากด้วย

 

..........................................................................
ยินดีครับ

 

.................................................................................
ขอให้ได้ไปกราบพระธาตุในเร็ววันครับ

 

.......................................................................................
ขอบคุณมากครับ

 

อยากไป..
<table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="477"><colgroup><col width="477"></colgroup><tbody><tr height="17"> <td class="xl24" style="height:12.75pt; width:358pt" height="17" width="477" align="left">งาน parttime</td> </tr></tbody></table>