เรามีส่วนผิดไหม ที่ทำให้น้องหันไปนับถือคริสต์

ถ้าวันหนึ่ง น้องของเราหันไปนับถือศาสนาคริสต์ เพียงเพราะเห็นว่า คนที่นับถือศาสนาคริสต์ดีกว่า อบอุ่นกว่า คนที่นับถือพุทธ เรารู้สึกเสียใจมาก ที่เค้ามีความรู้สึกอย่างนั้น เพียงเพราะเค้าคิดว่า พระเจ้าเปิดใจรับทุกคน ไม่ติเตียนคนที่กระทำความผิด ขอถามชาวพุทธว่า การกระทำเหล่านี้หน้าติเตียน ตักเตือน หรือไม่

- น้องเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีทั้งพ่อและแม่ ถูกอุปการะโดยครอบครัวหนึ่งซึ่งเป็นญาติ มีฐานะทางบ้านปานกลาง คุณลุงคุณป้าอายุก็ 60-70 ปี ใช้ชีวิตแบบคนวัยไม้ใกล้ฝั่ง ท่านเลี้ยงน้องมา 10 ปี จนจบมหาวิทยลัย ส่งเสียเลี้ยงดูมาแบบให้ช่วยเหลืองานในบ้าน แต่ท่านก็ให้การศึกษาจนน้องได้รับเกียรตินิยม แต่พอน้องเรียนจบน้องก็ตั้งใจว่าจะไม่กลับไปที่บ้านหลังนั้นอีก ด้วยเหตุผลที่ว่า คนในบ้านดุเค้า และขอเงินยาก จนทำให้เค้าไม่อยากใช้นามสกุลนี้ เรื่องที่ถูกดุก้คือ เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผู้ใหญ่คอยอบรมสั่งสอนแบบธรรมดา ที่อยากให้ญาติผู้น้องได้ดี ไม่ได้มีคำหยาบคายใด ๆ เลย ซึ่งมองดูแล้วก็เป็นครอบครัวที่รักเค้าดี แต่เค้ากลับเนรคุณคุณลุงคุณป้า โดยการทำอะไรไม่ปรึกษา ไม่โทรไปหา ไม่เคยคิดที่จะขอขมา ถ้าเป็นคุณ คุณจะต้องตักเตือนน้องสาวคนนี้ไหม

- น้องมีบุคลิกภาพและนิสัยส่วนตัวที่ค่อนข้างแย่ แต่ไม่ยอมแก้ไข เตือนก็ไม่ฟัง ไม่ทำตาม เช่นยกเท้าวางที่สูงกว่าหัวของตัวเอง ไม่เคยทำบุญ รับประทานอาหารไม่ใช้ช้อนกลาง ดูด ๆ อม ๆ ตะเกียบ แล้วเอามาคนในชามกับข้าวรวม เปลี่ยนกางเกงถอดพาดไว้บนราวห้องน้ำที่สูงกว่าหัวและเป็นห้องน้ำรวม ปากเหม็น กลิ่นตัวแรง ล้างจานทุกรอบจานแตกทุกรอบ ขี้ลืม ชอบเดินกระทืบเท้า พูดจาไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่ ไม่รู้จักรักษาของ ไม่มีความอดทน ต่อเพื่อนร่วมงาน ชอบใช้ของราคาแพง ไม่รู้จักประมาณตน ด่าพี่ชายตัวเองว่าหน้าตัวเมีย ด่าพี่ชายตัวเองว่าโง่ ที่สร้างบ้านหลังที่มีอยู่หลังเดียวทุกวันนี้ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าพี่ชายคือที่พึ่งสุดท้ายแต่ก็ยังด่า

- ติดผู้ชาย หลงหัวปักหัวปำ เค้าเคยพูดเอาไว้ว่า เค้าจะไปอยู่ทุก ๆ ที่ที่ผู้ชายคนนี้อยู่ ตอนแรกก็คิดว่าเค้าพูดเล่น แต่เค้าสามารถทิ้งหน้าที่การงานที่ได้เดือนละ 1.5 หมื่น มาทำงานเงินเดือนแค่เดือนละ 5 พันได้ เพียงแค่ขอให้ได้เจอหน้าผู้ชายคนนี้ ซึ่งเป็นแค่คนที่เค้าแอบชอบเท่านั้น ไม่ได้เป็นแฟน หรือแม้แต่จะเคยพูดคุยกันเลยแม้แต่น้อย

-พูดจาดูถูกผู้มีพระคุณทุก ๆ คนที่เคยส่งเสียเลี้ยงดูเค้ามา เค้าบอกว่า เค้าจะทำงานให้มีเงินเดือนหลาย ๆ หมื่น ให้มากกว่าลุงที่เป็นข้าราชการ เค้าว่าเงินเดือนข้าราชการมันกระจอกเกินไปสำหรับเค้า

-เห็นคนอื่นดีกว่าคนในครอบครัว เห็นเพื่อนดีกว่าลุงที่เลี้ยงเค้ามา เห็นเพื่อนดีกว่าพี่ชายซึ่งช่วยเหลือเค้าทุกอย่าง ไม่มีเงินก็มาขอพี่ก็ให้ไป

ทุกวันนี้ ญาติผู้ใหญ่และพี่ ๆ โดยส่วนมาก เค้าไม่ให้การช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้นกับน้องคนนี้ เพราะเค้าเห็นว่าน้องมีความอกตัญญูเป็นที่ตั้ง เตือนแล้วไม่ฟัง ไม่มีความสำนึกผิดใด ๆ เลย มีแต่ความหลงผิด ไม่อยู่บนโลกของความเป็นจริง

เค้าจึงเห็นว่าศาสนาคริสต์ดีกว่าศาสนพุทธ เพราะว่าหลักคำสอนของศาสนาคริสต์เค้าไม่ติเตียนคนผิด เพราะพระเจ้ารักทุกคน ให้ความยุติธรรมกับทุกคนเท่าเทียมกัน ไม่เหมือนคนพุทธที่มาติมาสอนเค้า

สรุปแล้วคือ...ศาสนาพุทธ คนพุทธไม่ดี หรือ มันเป็นเพราะว่าเค้าไม่มีความสำนึกเอง

ไอ้ที่เรามานั่งสอนเค้าเป็นเพราะว่าเรารักเค้า อยากให้เค้าได้ดี แต่เค้ากลับมองไม่เห็นถึงความดีเหล่านั้นบ้างเลย

 

น่าสงสาร

ช่างเป็นคนที่น่าสงสารจริงๆ ไม่รู้เมื่อไหร่จะำพ้นโคลนตมขึ้นมาได้ กรรมใครกรรมมัน
อย่าให้ใจเราเป็นทุกข์ สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม

 

บางทีคุณต้องเข้าใจนะว่ามันก็ไม่ได้เกี่ยวกับศาสนาหรอกครับ คือในโลกเรา
มีสังคมและสมาคมมากมายเต็มไปหมดรวมทั้งกลุ่มคนที่นับถือศาสนา ทำไมถึง
ป็นอย่างนี้เพราะเขามองหากลุ่มที่เหมาะกับตัวเอง หลายๆ คนที่มารวมกลุ่มกัน
เป็นเพราะเขาไม่ได้รับการยอมรับจากที่อื่นเขาเลยหากลุ่มที่เขาได้รับการยอมรับ
เป็นกันแทบทุกคนแหละ ถ้าพูดถึงเรื่องศาสนาเวลาที่ใครศึกษาคำสอนแล้วเกิด
ศรัทธาในคำสอนแล้วเขาก็เข้ามาเอง ไม่ต้องการให้ใครยอมรับเลยเพราะมี
ศรัทธาไม่ได้ต้องการให้ใครยอมรับก็มี แต่ส่วนใหญ่ไม่ใช่แบบนี้คือส่วนใหญ่คน
จะหากลุ่มที่เขาได้รับการยอมรับมันเป็นเรื่องที่ธรรมดามากนะ ผมว่าสิ่งที่น้องคน
นั้นต้องการไม่ใช่กลุ่มแต่เป็นการรู้จักที่จะเติบโตนะ ไม่ว่าใครทำให้เขาเติบโตได้
ก็ปล่อยไปเถอะ พอมีความเป็นผู้ใหญ่ไม่เหลวไหลแล้วก็รู้จักคิดเอง ก็ดูว่า
ตัวอย่างที่เขาเลียนแบบนี้ดีจริงเป็นผู้ใหญ่จริงๆ หรือเปล่าใครจะไปศาสนาไหนฝืน
ใจไม่ได้หรอก

 

คุณสมาชิกหน้าตาดี ไม่ได้คุยกันนานเลยนะครับ ... รอบนี้ กลุ้มใจเรื่องน้อง


น้องเขาไม่มีบุญในพระพุทธศาสนาครับ ยังดีที่เขาสนใจศาสนาคริสต์


ไม่ไปทรงเจ้าเข้าผี สนใจในด้านมนต์ดำ


กรรมใดที่เขาก่อไว้ จะกลับมาหาเขาเอง สุดท้ายเขาจะคิดได้เองครับ

 

โอ้โห ทำไมไปเหมือนน้องเราจัง อยากบอกว่าเข้าใจนะ เข้าไปนั่งในใจเลย เพราะ
น้องเราก็เป็นแบบที่ว่ามาทุกอย่าง

ภาษาสากลคือ "คนเห็นแก่ตัว" หากได้มีสักคนสองคนในครอบครัวไหน
ครอบครัวนั้นเป็นอันว่าสุขยาก พ่อดิฉันเคยบอกว่าเหยียบไปที่ไหนหญ้าตายหมด55

เมื่อเห็นแก่ตัว ก็ไม่ต้องสนใจความรู้สึกใคร เอาตัวเองเป็นที่ตั้ง ฉันจะต้อง
มีความสุขก่อน กฏหมู่ในการอยู่ร่วมกันไม่มี กินข้าวแต่จานฉันไม่ล้าง
(ก็พอใจจะแช่ไว้สักอาทิตย์ ใครทนเหม็นไมได้ก็ล้างไปสิ) จะหยิบของคนใน
บ้านไปใช้แล้วไม่คืน ก็เป็นความผิดของเจ้าของที่ไม่ทวงเอง (ที่ไม่ทวงเพราะ
มารู้เอาตอนที่ของหายไปแล้ว) มีแต่กฏฉัน ตามใจฉัน แม้จะ
ให้ความอุปการะอย่างไรก็ไม่มีคำว่าบุญคุณ คุณเทน้ำลงสนามทราย
สักวันอาจเต็มได้ แต่เทน้ำใจ ห่วงใย เมตตา กับเขา ไม่มีวันเต็ม เวลาเถียง
เหตุผลของเขาก็ถูกสำหรับเขา แม้ฟังแล้วช่างเลื่อนลอยไร้หลักเหลือเกิน
คนแบบนี้มักจะดี ดูน่ารักกับคนภายนอก แต่กับคนในครอบครัว คนที่แคร์
ห่วงใยเค้า เขาในไม่สนใจเลยที่จะทำความเจ็บช้ำให้แค่ไหน
ที่พูดมานี่ตรงบ้างมั้ยคะ 55 ธรรมชาติของคนทุกคนนั้นเห็นแก่ตัวก่อน
อยู่แล้ว แต่เป็นมากก็อยู่ร่วมกันยาก เป็นน้อยก็อยู่ร่วมกันง่ายกว่า ดิฉันไม่ค่อย
มีเพื่อนเพราะเอาตรงนี้เป็นมาตรวัดระดับความเสียสละ ความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
ถ้าเป็นเพื่อนก็เลิกคบไป แต่ถ้าเป็นคนในครอบครัว คนงาน บริวาร ที่เป็นงาน
บางทีก็ต้องกัดฟันทนเอาเหมือนกัน แต่อย่างว่านะคะ ถ้าเขาเข้ามาอยู่ในฐานะ
ที่เราไม่สามารถตัดเค้าได้ ต้องทนฝืนกลืนกล้ำกันไป นั่นแหล่ะค่ะ เจ้ากรรมนายเวร

ส่วนเรื่องศาสนา ไม่บาปหรอกค่ะ ถ้าไม่ใช่ลัทธิ ทุกศาสนาก็สอน
ให้ทุกคนเป็นคนดี เพียงต่างกันตรงที่ ศาสนาพุทธเท่านั้นที่สอนทางหลุดพ้น
จากการเวียนว่ายในวัฐอันแสนน่าเบื่อ ในความคิดส่วนตัวของดิฉันแล้ว พระเยซู
คริสต์เจ้า เจ้าแม่กวนอิม ล้วนเป็นพระโพธิสัตว์ที่ช่วยเหลือผู้คน สร้างบารมี
และเมตตาล้วนสูงส่งทั้งนั้น บางทีตรงนี้อาจจะเหมาะกับเขามากกว่าในช่วง
ระยะนี้ก็ได้ หากเขายังปรับพื้นฐานจิตใจให้เป็นผู้มีศีล 5 ไม่ได้ นับอะไร จะมา
รู้จักสนใจศึกษาหลักของศาสนาพุทธที่การจะเข้าถึงแก่นแท้นั้น ต้องมีการฝืน
ละ ลด เลิก อีกตั้งเยอะ
ดิฉันว่า ศาสนาพุทธ ของพระตถาคตเจ้า เป็นของสูงอย่างหาอะไรมา
เปรียบไม่ได้ พระธรรมก็บริสุทธิ์ผุดผ่อง พระอริยสาวกเจ้าล้วนเป็นเนื้อนาบุญ
ของโลก ของสูงเช่นนี้ หากไม่มีความดี ความพร้อม ความเคารพและศรัทธา
ในจุดหนึ่ง บางทีก็ไม่ควรให้คนที่คิดจะวางศาสนาแบบแบกะดินขายเลหลังเป็น
ของถูกมาจับ จนกว่าเขาจะพร้อมและเข้าใจ (นั่นคือเหตุความกลัวว่าหนังสือธรรมะที่
ดิฉันรักนักหนา มาขอร้องให้น้องอ่าน แต่ไปๆมาๆคงลงไปกองรวมกับ พื้นห้องรกๆ
กางเกงใน และผ้าใช้แล้ว) อย่าเสียใจไปเลยค่ะ หากเขามีของดีติดมา สักวัน
ก็จะมีอะไรบันดานให้เขาเปลี่ยนความคิด หากไม่แล้ว ก็ต้องปล่อยตามกรรมของเขา

 

คนยุคนี้มีโอกาส ศึกษาหาความรู้ได้กว้างมาก อะไรที่ดีก็รับไว้ ถือว่าเป็นศาสตร์ชนิดหนึ่ง
ที่ช่วยพัฒนาจิตวิญญานให้สูงขึ้น อาจใช้วิธีผสมผสาน แยกแยะเอาส่วนที่ดีมาใช้
คำสอนบางอย่างก็อาจจะเป็นตัวจุดประกาย ให้คนก้าวสูงขึ้น และที่สุดคือนิพาน(ตามที่
เข้าใจ ณ ขณะนี้) ให้อภัย และให้ความรัก ความปราถนาดี แก่กัน ก็อาจจะเปลี่ยนคนๆหนึ่งได้

 

เราเองมีเพื่อน ที่นับถือศาสนาคริสต์ และ คริสต์ แบบนิกายแยก (พวกนี้เขาจะด่าว่า ศาสนาพุทธมากกมาย และ ไม่ฟังที่เราอธิบาย) รวมถึงลัทธิอื่นๆ

พวกที่ไม่เข้าใจศาสนาใดๆ หวังอยาก ใช้ทางลัด มักจะตีความผิดๆ จากที่เราฟัง
ตีความผิดทั้ง พุทธ และ ลัทธิที่เขานับถือยู่

และพาลว่า ที่เราปฏิบัติอยู่นั้น ไม่ดี ช้า ไม่ด่วน พระใบ้หวย ฯลฯ หันมาอย่างเขาเหอะ

ตอบ ทำใจอย่าไปคิดมาก เราเคยโดนว่า มาแล้วจนต้องมาตั้งกระทู้แบบคุณเหมือนกันจ้า

ถ้าไม่ตอบในเชิงศาสนาใดเลย คงเข้าใจคำว่า มารยาท สัมมาคารวะ ฯลฯ พื้นๆ

อันนี้ไม่ต้องเกี่ยวกับศาสนาเลย ถามเด็ก ประถมก็รู้

 

ทุกศาสนาสอนให้คนเป็นคนดีหมดแหละ

ไม่แน่การที่ได้เข้าศาสนาคริสต์ไป อาจจะปรับปรุงตัวดีขึ้นก็ได้นะครับ

 

ดีแล้วครับ เขาเลือกทางที่เหมาะกับเขาแล้ว

 

พระเจ้ารักเราจริงหรือ? หากท่านไม่ทำดี พระเจ้าก็ไม่รักเขาหลอก
คนที่ไม่มีศีล กระทำชั่ว แต่หวังจะได้ดี ตะโกนขอความรักจากพระเจ้าสิ ถึงเธอต้องตายก็ไม่มีเสียงจากพระเจ้าหลอก ความเห็นผิดแท้ๆ

 

เขานับถือพระเจ้าแต่ไม่เชื่อฟังพระเจ้าในใจเขา
อาณาจักรพระเจ้าอยู่ภายใน พระเจ้าก็คือจิตอันบริสุทธิ์

เขามีความเห็นผิดมาก คงจะนับถือพุทธไม่ได้ ถึงนับถือไปก็คงไม่ได้อะไร
ถึงแม้จะหันไปนับถือคริสต์ ก็เพื่อให้ตัวเองรู้สึกชอบธรรม แต่ก็ไม่ได้สำนึกผิดบาปเลย
เขาเป็นคนที่มีปมปัญหามากมาย คงจะต้องการอะไรสักอย่าง ที่ทำให้เขารู้สึกสมบูรณ์ที่สุด

 

ทุกคนมีกรรมเป็นตัวกำหนดชะตาชีวิตค่ะ เราไม่สามารถไปบังคับชีวิตใครให้คิดไปตามทัศนของเราได้ หรือแม้กระทั่งความเชื่อเรื่องศาสนาก็เช่นเดียวกัน ดิฉันเองเป็นคนพุทธตั้งแต่เล็กมาเรียนโรงเรียนคริส ไม่เคยสวดมนต์ ไม่เชื่อเรื่องทำบุญ และเชื่อในพระเจ้ามากกว่า จนกระทั่งวันที่ชีวิตตกต่ำสุดขีด เริ่มลังเลคิดอยากเปลี่ยนศาสนาเพราะเคยมีความเชื่อว่า คนคริสส่วนใหญ่จะประสบความสำเร็จ แต่ได้ฝันเห็นพระพุทธเจ้าจึงเปลี่ยนใจ รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ทำให้เชื่อว่า หลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้านั่นจริงแท้แน่นอนที่สุด ในขณะที่ญาติหลายคนเลือกที่จะเปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสค่ะ ดิฉันถือว่าไม่มีใครเสียหาย ขอแค่ทุกคนเป็นคนดีก็พอแล้ว ส่วนน้องสาวของคุณเป็นคนที่ดื้อรั้น มีความคิดเป็นของตัวเองสูง(แบบผิดๆ) ซึ่งอยากจะสารภาพว่าดิฉันเองสมัยยังวัยรุ่น ก็เคยมีลักษณะนิสัยแย่ๆ(บางเรื่อง)เหมือนกับน้องคุณ แต่ตอนนี้ความคิดเปลี่ยน เพราะถึงเวลาที่มันจะต้องเปลี่ยนในความคิดของดิฉัน มันแย่ตรงที่ด้วยสภาวะแวดล้อมตั้งแต่เล็กจนโตของน้องสาวคุณ เป็นคนมีปมฝังใจ โหยหาในสิ่งที่ขาด และเลือกที่จะคิดว่า เค้าต้องดิ้นรนด้วยตัวของเค้าเองเสมอจนลืมคิดไปว่าใครเป็นผู้มีพระคุณที่เลี้ยงดูเค้ามา โปรดเชื่อเถอะค่ะ ตอนนี้เค้ากำลังเรียนรู้การมีชีวิตด้วยตัวของเค้าเองอยู่ หากเค้ามีบุญเก่าสะสมมาแต่ชาติปางก่อนๆบ้าง เมื่อถึงเวลา ฟ้าจะประทานความสว่างมาสู่ชีวิตของเค้าทีละนิดค่ะ แล้วเมื่อถึงวันนั้น จะมีสิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตของเค้า ให้เค้าค่อยๆเรียนรู้ในการดำเนินชีวิตอย่างถูกต้องจนดวงตาเห็นธรรม กรรมเก่าที่เค้าได้ทำตั้งแต่ยังเล็กมันจะคอยสะท้อนกลับมาให้เค้ารู้สึกใจหายและเสียใจ เค้าจะรู้ซึ้งถึงคำว่า บาป บุญ คุณ โทษ กงกรรมกงเกวียนทั้งหลายที่ทำให้เค้าและเราทุกคนบนโลกใบนี้จะต้องเกิดมาเพื่อชดใช้ ในขณะเดียวกัน ก็เรียนรู้ที่จะสะสมบารมีแห่งธรรม จนกว่าวาระแห่งกรรมของแต่ละคนจะหมดลงไป

 

คุณเป็นแค่ปัจจัยนะครับ
ถึงคุณจะไม่ใช่ปัจจัย น้องเขาก็ต้องไปเจอปัจจัยตัวอื่น ไปตามวิบากกรรม อย่างที่กัลยาณมิตรทุกท่านกล่าวมาอยู่ดี

คุณเดินตามทางที่องค์พระบรมจอมไตรศาสดา ทรงชี้ทางไว้ดีแล้วครับ

ยังมีลมหายใจก็มีโอกาสกลับมาตั้งมั่น มีผู้รู้ได้ไม่สายเกินไป แต่ก็ขึ้นอยู่กับน้องของคุณด้วยนะครับ
ถ้ามีโอกาสก็ทำให้เขาเห็นอะไรๆ ให้ชัดเจนขึ้นกว่านี้จะดีมากเลยครับ
อนุโมทนา สาธุนะครับ

 

ทุกๆคนมีกรรมเป็นตัวกําหนด

กรรมของเเต่ละบุคคลกระทํามา ต่างกัน วิถีทางเดินมันก็จําต้องต่างกัน
กรรมของใคร ก็ กรรมของมัน

ไม่มีอะไรที่มันได้ดั่งใจเราไปหมดทุกอย่างหลอก เเล้วถ้าการไม่ได้ดั่งใจนั้นมันกลับมาทําให้เรา ทุกข์ มันย้อนกลับมาให้เราขุ่นใจ หมองใจ ก็เท่ากลับว่า ภาวะของสตินั้นยังไม่ สมบูรณ์พอที่จะไป สอน ใครๆ
เเม้เเต่ใจตนเอง ยัง สอนไม่ได้เลย เเล้วจะไปสอนให้ใจคนอื่นเป็นดั่งใจเราได้ยังไงกัน

มองให้มันเป็นเรื่องธรรมชาติ อย่าไปปรุงเพิ่ม เเต่งเพิ่ม คนที่จะมานั่งทุกข์ ก็ใจเรา ตัวเรา นี่เเหล่ะ
เราทําได้เเค่เเนะนํา ชี้ทาง ในทางที่ควรเเก่เขาเท่านั้น

มองใจเราให้เจอก่อน เเล้วอะไร อะไร มันก็จะดีขึ้นเองจ๊ะ

สู้ สู้ นะจ๊ะ

 

นี่ล่ะครับอานุภาพความหลง -*-

 

ไม่ผิดหรอก อย่าคิดมากเลยค่ะ ที่จริงทุกศาสนาในโลกรวมเป็น 1 เดียวกัน มีศาสดาคนเดียวกัน แต่มนุษย์นั่นเหละที่เป็นตัวแบ่งแยก จะนับถือศาสนาอะไรก็ตาม ถ้า้เราหมั่นทำความดี คิดดี พูดดี ทำดี ก็พอแล้ว

พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้ว่า การจะได้เกิดเป็นคนนั้นยากมาก....แต่การที่จะมาพบคำสอนของพระพุทธเจ้านั่นยากกว่า...และการจะเจอคำสอนที่ถูกนั้น ก็ยากยิ่งกว่า

 

ไม่ผิดหรอกคะ นับถือศาสนาไหนถ้าเป็นคนดี ประพฤติดีอยู่ในกรอบศีล 5ก็ไม่ลงนรกแล้ว แต่จะติดอยู่แค่เพียงศาสนาพุทธเป็นเพียงศาสนาเดียวที่สอนให้มนุษย์ดับทุกข์ได้อย่างแท้จริงและหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด อันที่จริงคริตส์เค้าก็มีสอนอยู่นะว่าให้กตัญญูต่อผู้มีพระคุณ ส่วนเรื่องมารยาทไม่มีบอกเป็นข้อๆหรอกว่าอะไรควรทำไม่ควรทำห้ามไม่ให้ไม่ใช้ช้อนกลาง ดูด ๆ อม ๆ ตะเกียบ ฯลฯ... เหล่านี้เป็นมารยาททางวัฒนธรรมแต่ละที่ก็ต่างกัน เพราะมีอะไรไม่เหมือนกัน แต่ที่แน่ๆทุกศาสนาสอนให้สตรีเป็นคนสุภาพเรียบร้อย ห้ามชิงสุกก่อนห่าม ลองไปดูผู้หญิง คาธอลิก ทางสเปน โปรตุเกส เค้าก็มีมารยาทดี ไม่ทำอะไรหยาบคาย แต่บอกให้น้องคุณกลับไปอ่านไบเบิ้ลดูก็ดี เพราะมีแน่นอนเรื่องที่สอนเชิงว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ แต่จะผิดกันตรงที่คนโบราณไม่ได้บัญญัติไว้ว่าห้ามเอาเท้าวางกว่าที่สูงกว่าหัว และอะไรต่อมิอะไรที่ จขกกล่าวมาขางต้น ที่แน่นอนผูหญิงอิสราเอล โบราณสมัยพระเยซูเค้าไม่ทำแน่ ดังนั้นของแบบนี้ไม่มีห้ามในไบเบิ้ล ถ้าคนโบราณมาเห็นคนสมัยนี้ทำ คงตกใจคิดไม่ถึง แต่เรื่องสตรีควรมีมารยาทสำมาคารวะแม้แต่ในไบเบิ้ลก็มีบอกแน่นอน

 

นานมากค่ะเฮีย..แล้วก็ลืมไปเลยว่าพาตัวไหนมาบ่น 5555

วันนี้มีเรื่องชวนขนหัวลุกอีกแล้ว....

-เมื่อเธอกู้เงินด้วยการให้เพื่อนร่วมงานของเธอ เซ็นต์ค้ำประกันให้กับเธอ ทั้ง ๆ ที่เธอเพิ่งไปทำงานได้แค่ 4 เดือน แต่เธอต้องการที่จะกู้เงิน รวมทั้งสิ้น 60,000 บาท และเธอก็สามารถกู้เงินได้จริง ๆ แล้วจะย้ายหนีกลับมาอยู่กลับมาอยู่ที่บ้านและท่องที่ยวไปในโลกอันศิวิลัยของเธอ โฮ๊ะ ๆ ๆ เราอยากให้เธอ ไปเปลี่ยนนามสกุลมาก ๆ เพราะว่าอับอายเหลือเกิน แล้วเธอก็จะไม่ยอมทำงาน จะมาอยู่บ้านเฉย ๆ ให้พี่ชายกับพี่สะใภ้เลี้ยง ไม่รู้ว่าแจ๊คพอตหรือว่ากรรมหล่นทับกันแน่งานนี้ เรื่องเลี้ยงเค้าคนเดียวมันไม่เท่าไหร่แต่เรื่องการสร้างหนี้สินนี่สิ ...

-แต่กรรมที่หนักสุดของเธอคือการดูถูกอาชีพผู้มีพระคุณ เธอถูกอุปการะมาในอาชีพของความเป็นครู เป็นครอบครัวของข้าราชการ ครู อาจารย์ระดับผู้อำนวยการ อาจารย์หมอ แต่เธอกลับบอกว่า "เกลียดอาชีพครู"ทั้ง ๆ ที่เป็นอาชีพของผู้มีพระคุณที่หล่อเลี้ยงชีวิตเค้ามาทั้งร่างกายและการศึกษา ซึ่งเธอเองก็เรียนได้เกียรตินิยมอันดันดับ2ของรุ่น ..แต่มันไม่สามารถหล่อเลี้ยงจิตใจของเธอได้เลย...มันน่าเศร้าตรงที่เธอทำงานที่ไหนก็ไม่ทนทาน ไม่เคยทำงานที่ไหนได้เกิน 4 เดือน ...แล้วชีวิตเธอจะประสบกับความสำเร็จได้อย่างไรกัน....

มันเป็นกรรมอะไรของเธอหรือว่ามีคนสาปเธอไว้...

 

ในความคิดเห็นของผมคุณไม่ผิดแน่นอน ผมก็เป็นคริสเตียน และพระเจ้าก็สอนอะไรผมมากมาย ช่วยเหลือผมหลายอย่าง ใน Bible สอนให้รู้จัก เมตตา รักผู้อื่น รักและเคารพ บิดามารดา ให้อภัย ไม่ลักขโมย ไม่พูดโกหก ไม่ยุแยงให้แตกแยก ไม่ผิดประเวณี และอื่นๆอีกมากมาย พระเจ้ารักทุกคนจริงครับ และอภัยให้ทุกคน แต่ท่านต้องสำนึกในบาปนั้น และพร้อมที่จะสารภาพต่อพระเจ้า แต่ในกรณีของน้องคุณคงเข้าใจอะไรผิดไปหน่อยถึงจะเป็นคริสเตียนแต่ถ้ากระทำ พฤติกรรม แบบนั้นและไม่สำนึกในบาปนั้น ก็ยังไม่ได้รับการให้อภัยนะครับ