การทำบาปโดยไม่รู้ ว่าบาป ?

สงสัย การทำบาปโดยไม่รู้ว่าบาป
และทำทำบาป โดยรู้ว่าบาป ผลต่างกันมั้ย

 

เหตุเกิด แห่งกรรม(การกระทำ) คือ ผัสสะ...เจตนา นั้นเป็น กรรม บุคคลคิดแล้ว จึงกระทำ ด้วย กาย วาจา ใจ................ความดับแห่งกรรม คือ ความดับแห่งผัสสะ อริยมรรคมีองค์8 คือปฎิปทาให้ถึง ความดับแห่ง กรรม.........ส่วนถามว่าผลต่างกันใหม? อันนี้ตอบยากเพราะผู้รู้เรื่องกรรมจริงจริงคือพระพุทธองค์.....ลองประมวลความคิด จากความหมายของกรรมแล้วตอบตัวเองดูครับ.....ถ้าอยากรู้ที่พระพุทธองค์ตรัสเรื่องกรรม ก็หาเพิ่มเติม ใน กูเกิ้ล หาคำว่า" เจตนาว่าเป็นกรรม ผัสสะเป็นเหตุเกิดกรรม" ครับ อาจจะเข้าใจได้ถ่องแท้ ขึ้นครับ

 

ตามความเข้าใจส่วนตัวคราวๆว่า ให้ดูที่เจตนาว่าตั้งใจหรือไม่
ถ้ารู้ว่าบาปแล้วยังทำก็บาปมาก
ถ้าไม่รู้ว่าบาปแต่บังเอิญทำ โดยไม่มีเจตนาก็บาปน้อย
แต่ถ้าภายหลังรู้แล้ว ยังทำอีก ก็บาปแล้ว
แต่ถ้าภายหลังรู้แล้วไม่ทำอีก ก็ไม่มีบาปเพิ่มอีก
แต่ถ้าอ้างทำเป็นไม่รุ้ไม่ชี้ไม่สนใจว่าบาปหรือไม่ อันนี้น่าสงสาร มีโอกาสถลำลึกทำบาปได้เรื่อยๆ

 

การทำบาปโดยไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำเป็นบาป บาปมากกว่า

ปัญหาที่ ๑๐ ถามถึงการทำบาปแห่งผู้รู้กับผู้ไม่รู้<TABLE border=0 width="95%" align=center><TBODY><TR><TD class=T15>“ ข้าแต่พระนาคเสน สมมุติว่ามีคน ๒ คน คนหนึ่งรู้จักบาป อีกคนหนึ่งไม่รู้จัก แต่กระทำบาปด้วยกันทั้งสองคน ข้างไหนจะได้บาปมากกว่ากัน ? ”

“ ขอถวายพระพร ข้างไม่รู้จักได้บาปมากกว่า ”

“ ข้าแต่พระนาคเสน ราชบุตรของโยมหรือราชมหาอำมาตย์คนใดรู้ แต่ทำผิดลงไปโยมลงโทษแก่ผู้นั้นเป็นทวีคูณ ”

“ ขอถวายพระพร มหาบพิตรจะเข้าพระทัยความข้อนี้อย่างไร...คือสมมุติว่ามีคน ๒ คน จับก้อนเหล็กแดงเหมือนกัน คนหนึ่งรู้ว่าเป็นก้อนเหล็กแดง อีกคนหนึ่งไม่รู้ คนไหนจะจับแรงกว่ากัน ? ”

“ ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า คนไม่รู้จับแรงกว่า ”

“ ข้อนี้ก็ฉันนั้นแหละ มหาบพิตร คือผู้ไม่รู้บาปได้บาปมากกว่า”

“ ชอบแล้ว พระนาคเสน ” (มิลินทปัญหา)

---------------------------------------

แต่ถ้าไม่รู้ว่ามีการกระทำ เช่น เดินเหยียบมด ก็ไม่เป็นบาปเลย

ขอให้เจริญในธรรมครับ
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ทำดี ไม่ทำบาป

เห็นด้วยครับ...แนะนำด้วยความเป็นมิตรครับ ถ้าเราทำผิดเราควรสำรวมระวังมากยิ่งขึ้น แล้วทำกรรมดีเข้าไปทดแทน อย่าปล่อยกายใจไปทำชั่วแล้วไม่ยอมหยุด ถ้ายิ่งทำชั่วบาปก็เพิ่มมากขึ้น แต่ถ้าเราหยุดทำชั่ว แล้วทำแต่ความดี ทำจิตใจให้ผ่องใส เราก็จะมีความสุข และนิพพานในที่สุด..........

 

ยกตัวอย่างคือ พูดปด
ผู้รู้ว่าพูดปดเป็นบาป มีผลเป็นทุกข์โทมนัส
อีกผู้หนึ่งไม่รู้ว่าการพูดปดเป็นบาป และให้ผลเป็นทุกข์โทมนัส
สองคนนี้กระทำบาปด้วยกันทั้งคู่ คือพูดปด กรรมนั้นสำเร็จแล้วด้วยเจตนา

ยกตัวอย่างอีกข้อหนึ่ง คือ การฆ่าสัตว์
คนหนึ่งรู้ว่าการฆ่าสัตว์เป็นบาป มีผลเป็นทุกข์โทมนัส
อีกคนไม่รู้เลยว่าการฆ่าสัตว์เป็นบาป มีผลเป็นทุกข์โทมนัส
สองคนนี้ก็ฆ่าสัตว์ด้วยกันทั้งคู่ กรรมสำเร็จแล้วด้วยเจตนา

ผมเห็นด้วยกับพระนาคเสน คือ ผู้ไม่รู้บาป ได้บาปมากกว่า

 

ท่านเชื่อในหลักฐานจากการสังเกตจากแหล่งอื่นหรือไม่ หากท่านเชื่อท่านก็เชื่อว่าถูกครับ การทำบาปโดยไม่รู้หรือรู้ก็ตามยังไงก็บาปทั้งนั้น แต่ใช้เจตนาเป็นตัววัดระดับความบาป ผู้ที่ชอบศึกษามักเชื่อเช่นนั้น

ส่วนผู้ใดที่ยังไม่เชื่อ แล้วแต่วิจารณญาณของท่านครับ เพราะอย่างน้อยพระพุทธเจ้าก็สอนว่าอย่าเชื่อจนกว่าจะได้พิสูจน์ แต่บางเรื่องผมคิดว่าไม่ต้องรอพิสูจน์ให้หมดทุกเรื่องก่อนค่อยเชื่อก็ได้ ถ้าความเชื่อนั้นเป็นอุบายให้อยู่ในทำนองคลองธรรมถ้าเชื่อแล้วจิตเป็นสุข เป็นธรรม จะเชื่อโดยไม่ต้องพิสูจน์คงดีกว่า เอวัง ขอให้ทุกคนเจริญในธรรมครับ

หากคุณเชื่อในหลักฐานจากแหล่งอื่นบ้างนอกจากตัวเองแล้ว แนะนำให้ดูคลิปนี้ครับ

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=Py5TKrMIacg]ทำบาปโดยไม่รู้ก็เป็นบาป - YouTube[/ame]
จากคำแปลพระสูตรและพระอรรถกถาแปลครับ

 

สมมติ หมาเราไล่กัดไก่ชาวบ้าน ห้ามยังไงมันก็ไม่ฟัง
เราจึงลงไม้ลงมือตีมันด้วยไม้เรียวอย่างแรงให้มันหยาบจำ
ตีมันไป มันหนีก็ตี ตีให้มันกลัว ตีให้มันไม่กล้า
ตีให้มันกลัวแค่ได้ยินเสียงเรา
เองงงงๆๆๆ เสียงร้องโหยหวน ของหมาของเราเอง
ที่เราเองเป็นผู้ทำร้ายมัน

ถามว่า คุณรู้สึกผิดไหม? คุณคิดว่าบาปหรือไม่
ถ้าคุณคิดว่าบาป จิตเป็นทุกข์มันก็บาป
เพราะทำร้ายสัตว์เบียนเบียนสัตว์นี่นะ

แต่ถ้าคุณจะคิดว่า ทำเพื่อสั่งสอนมัน
เพื่อปกป้องมันจากกรรมที่มันทำไปด้วยความไม่รู้
เพราะมันจะอยู่ไม่ได้ ถ้าไม่เลิกไปกัดไก่ชาวบ้าน
และมันก็เป็นกรรมหนักของมันด้วย(ฆ่าไก่)
คิดอย่างนี้มันก็ได้บุญ เพราะเราเจตนาดีมันก็เป็นบุญ

แต่ถ้าคุณเจตนาดีด้วย หวังดีกับมันอยู่
แต่ก็ต้องจำใจตีมัน เห็นมันเจ็บก็สงสาร
ไม่อยากทำร้าย แต่ก็ต้องทำ
อย่างนี้ เจตนาดี แต่จิตเศร้าหมอง
เบิ้ลไปทั้งบาปทั้งบุญ

แต่จะบาปหรือบุญ คุณก็ตีเขาแล้ว
กรรมจากการไปตีเขา ยังไงก็มี ต้องชดใช้


สรุป ทำบาปโดยไม่รู้ ไม่บาป
ทำบาปทั้งๆที่รู้ เป็นบาป
ผู้ทำบาปโดยไม่รู้อยู่เรียกว่า มิจฉาทิฏฐิ หรือ คนโง่(โง่ต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดี)
ผู้ทำบาปโดยที่รู้อยู่เรียกว่า โคตรมิจฉาทิฏฐิ หรือ คนเลว

 

ต่างกัน

 

ขอแสดงธรรมเพิ่มเติมครับ

ถ้าเราทำร้ายสัตว์โดนอ้างเหตุผลว่าลงโทษมันเพื่อมันจะได้ไม่ทำอีก ถ้าคิดว่าไม่บาปเพราะว่าหวังดีและจิตไม่ทุกข์ก็ไม่ใช่ เพราะบาปสามารถกระทำได้หลายวิธี เช่น

- โลภ โกรธ หลง ฯลฯ ตรงนี้จัดเข้าประเภท บาปแบบมีเจตนาเศร้าหมองร่วม
- บาปแบบไม่รู้ตัว เช่น เผลอพูดสนุก ๆ แต่คำพูดนั้นกลับไปทำให้คนอื่นอับอายบ้าง โกรธบ้างโดยผู้พูดไม่ได้ตั้งใจจะให้เป็นอย่างนั้น นี่ก็บาปครับ จัดเข้าประเภท บาปแบบไม่มีเจตนาร่วม

ถ้าเราทำร้ายสัตว์โดยอ้างเหตุผลว่าลงโทษมัน มันจะได้ไม่ทำผิดอีกเอย มันจะได้ดีขึ้นเอย ตรงนี้ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าบูชายัญ หรือ ฆ่าแล้วใจเป็นสุข เพราะอย่าลืมว่าการทำร้ายร่างกายจัดอยู่ในข้อห้ามของศีล 5 ข้อ 1 คือห้ามฆ่าสัตว์ กล่าวอย่างระเอียดคือห้ามฆ่าสัตว์ ห้ามทำร้ายจิตใจ-ร่างกาย ฯลฯ การฆ่าบูชายัญนั้นกล่าวคือทำไปเพราะคิดว่าสิ่งที่ตนนับถือต้องการแบบนั้น หรือการฆ่าแบบให้มันพ้นทุกข์ จริง ๆ แล้วไม่ใช่ เพราะสรรพสัตว์ล้วนเกิดมาเสวยผลกรรมที่ตนได้กระทำไว้จากอดีตชาติบ้าง ปัจจุบันชาติบ้าง การที่เราทำร้ายหรือฆ่ามันอาจส่งผลกระทบให้มันใช้ผลกรรมเก่ายาก แทนที่จะหวังดีกลับกลายไปเบียดเบียนมันอีก ส่วนมันจะกัดสัตว์อะไรก็เรื่องของมัน เป็นชีวิตของสัตว์มัน เป็นวัฏจักรเป็นธรรมชาติของสัตว์ เช่นเห็นงูกำลังกินไก่ ให้ปลงตกเสียว่าธรรมชาติของมัน ถ้าช่วยไก่คุณอาจจะรู้สึกดีที่ได้ช่วยชีวิต แต่งูกลับอด กลับหิว นี่แหละธรรมชาติของมัน ไม่สมควรไปทำร้ายมัน ถามใจผู้เลี้ยงเถอะว่าทำไมถึงปล่อยให้มันไปกัดสัตว์ได้ เลี้ยงมันดีแค่ไหน อบรมนิสัยมันเป็นไหม ไม่ใช่ว่ามันทำผิดแล้วไปโทษมัน วิธีดัดนิสัยสุนัขมีหลายวิธี ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญได้ เขาจะไม่แนะนำให้คุณทำร้ายมัน แต่จะใช้วิธีควบคุมด้านจิตใจแบบจิตวิทยาสุนัขมากกว่า เรื่องนี้ต้องถามผู้เชี่ยวชาญเอง ดัดนิสัยสุนัขง่ายกว่าดัดนิสัยคน พึงระลึกเสมอว่าอย่าทำบาปกับบุญพร้อมกัน อย่าปล้นคนรวยช่วยคนจน คนรวยผิดอะไรถึงไปปล้นเขา คนจนก็ใช่ว่านิสัยจะดีทุกคน​

เคยได้ยินคำนี้ไหม "ดื่มเหล้าไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็เป็นบาปทั้งนั้น" นี่ก็เหมือนกัน

การพิสูจน์ก่อนเชื่อเป็นสิ่งที่ฉลาด แต่ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ทุกเรื่องก่อนเชื่อถ้าเรื่องนั้นยังให้เราเป็นสุข เป็นธรรม เช่น ฆ่าสัตว์แล้วตกนรกจริงเปล่า ก็ไม่ต้องไปลองฆ่าสัตว์แล้วรอดูตอนตายว่าจะตกนรกไหม ไม่ต้องลงทุนพิสูจน์เขลาแบบนั้น วิจารณญาณมีไว้ให้ใช้แบบแยบ มิใช่หยาบ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็น ตัวตน

ฉัน เท่านั้นที่ต้องพิสูจน์ก่อนเชื่อ
ฉัน เท่านั้น ไม่ฟังใคร ไม่สนใจเหตุผล ไม่สนใจหลักฐาน

มิเช่นนั้นจะเข้าข่ายเป็น "ฉัน เท่านั้นที่ต้องพิสูจน์ไปเสียทุกเรื่อง ถึงจะแบ่งปันเรื่องนั้นให้ผู้อื่นได้"

 

ถูกต้องครับ

บุญบาปเป็นเรื่องของเจตนา
เจตนาดีหวังดี ไม่เจือ โทสะ โลภะ โมหะ ก็ได้บุญ
แต่ถ้าทำด้วยเจตนาที่เจือด้วย โทสะ โลภะ โมหะ
เริ่มมีความเห็นแก่ตัวเข้ามา อย่างนี้บาป
แต่ว่า
เรื่องของกรรม คือการกระทำ ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น
จะเจตนา ไม่เจตนา ก็ได้อย่างนั้น
ตีหมาเพื่อสั่งสอนด้วยความหวังดีเจตนาดีเป็นบุญ
แต่กรรมที่ไปตีหมา ตีเขาไว้อย่างไร กรรมนั้นก็จะมาสู่เราตามวาระ

เหมือนทุกวันนี้ มนุษย์ส่วนมากก็ยังไม่รู้ว่าตนนั้นสร้างกรรมเสมอ
กินเนื้อสัตว์ เนื้อสัตว์จะมาได้ ก็ต้องฆ่าสัตว์
เมื่อเราไม่สนที่มาในเนื้อสัตว์นั้น จิตมันไม่เศร้าหมอง มันไม่เห็นเขาฆ่า
แต่ทุกคนย่อมรู้ ว่าเขาฆ่ามาให้เรากิน แม้ไม่บาปทางใจ
แต่กรรมนั้นมีอยู่ สักวันหนึ่ง ยามใดที่เราเผลอลงอบาย
เราได้ไปเกิดเป็นเหล่าสัตว์ที่เรากินเป็นแน่
และจะได้รับรู้ว่า สัตว์เหล่านั้นต้องเจออะไรบ้าง


สุดท้าย ถ้าอยากรู้ว่าทำบาปแล้วตกนรกจริงหรือไม่
เราใช้ปัญญาพิจารณาเองได้
มีคนมาเบียดเบียนเรา เรายังไม่ชอบ
เฉะนั้นการเบียดเบียนเป็นสิ่งที่ต้องละ
มีแต่ผู้ที่โง่บัดซบเท่านั้น ที่ใช้วิธีการพิสูจน์โดยการทำชั่วและรอให้ตาย
ซึ่ง เมื่อถึงเวลานั้น ก็คงรู้ซึ้ง แต่ว่ามันสายไปแล้ว และกลับมาบอกใครก็ไม่ได้
อีกจำพวกก็พวกอัตตา เอาความคิดตนเป็นใหญ่
คิดว่าไม่บาป คิดว่าไม่เบียดเบียน แล้วก็กระทำการสนองอัตตาต่อไปเรื่อยๆ
พวกนี้ไม่มีวันคิดได้ง่ายๆ ใครมาบอกมาเตือนก็ไม่ฟัง
และเอาอัตตาของตนเองมาอวดเบ่งเบียดเบียนผู้อื่น

 

ถูกครับ

กรรมคือการกระทำ ทำยังไงก็ได้ทำ ไม่มีใครทำแล้วกลับไปลบทำได้ งงไหม 555

บางครั้งคุณอธิบายความต่างระหว่าง กรรม กับ บาป ไว้ถูกต้องแล้ว แต่รู้สึกเหมือนคุณยังคงสับสนคำว่า กรรม ซึ่งคุณมักใช้ในความหมายเดียวกับ บาป อยู่เรื่อย อย่างที่คุณบอกว่า มนุษย์ส่วนมากยังไม่รู้ว่าตนนั้นสร้างกรรมเสมอ แล้วคุณก็ยกตัวอย่างว่า กินเนื้อ (ตีความว่าอกุศลกรรม) แล้วก็บอกแหล่งที่มาของเนื้อสัตว์ ฯลฯ จึงขออธิบายว่า คนถ้ายังมีสติดีหรือไม่ได้เป็นอัลไซเมอร์ยังไงก็ต้องรู้แน่ครับว่าตนได้ทำอะไรไว้ หรือไม่เช่นนั้นก็ลืมนั่นเอง

บาปไม่ได้เฉพาะว่าต้องเห็นเขาฆ่ามัน เท่านั้นถึงบาป เพราะนั่นหมายถึง เมื่อเห็นแล้วจิตจะหมอง ดิ่งลงอบาย ถูกต้องอย่างที่คุณเข้าใจ

แต่เรารู้อยู่ใช่ไหมว่า ถึงแม้เราจะไม่เห็นการฆ่า แต่เนื้อจานนี้ส่วนใหญ่แล้วมาจากการฆ่าทั้งนั้น (คือ ไม่เห็น แต่ก็รู้อยู่ว่าผ่านการฆ่ามา) ตรงนี้เรายังบาปอยู่นะครับเข้าข่ายบาปแบบรู้ตัว ที่ว่าบาปเพราะเราไปเป็นส่วนหนึ่งในการฆ่า ขอยกตัวอย่างหมูแล้วกัน

กระบวนการฆ่าคือ

1. หมูเกิดถึงเวลาที่กินได้คนก็ฆ่า
2. อาจจะผ่านพ่อค้าคนกลางก่อน
3. คนเอามาปรุงอาหาร
4. คนกิน

นี่ไงครับที่เรายังอยู่ในกระบวนการอกุศลกรรมอยู่ เพราะถ้าทุกคนบนโลกอยู่ดี ๆ ก็ไม่กินหมูเฉย ๆ คงจะไม่มีใครฆ่าแน่ ๆ จริงอยู่หมูเกิดมาเป็นอาหารคน เป็นผลกรรมของมันจากอดีตชาติ แต่ถ้าเรารู้ยังงี้เราก็ไม่ต้องไปกินมันก็ได้ แล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าถ้าเราไม่กินมันเดี๋ยวมันก็ใช้กรรมไม่ได้ เพราะบางครั้งหมูไม่ได้เกิดมาใช้กรรมด้วยการถูกคนกินอย่างเดียว บางครั้งแค่มันได้เกิดมาเป็นหมูก็ถือว่าใช้กรรมแล้ว เพราะถ้าไม่มีใครไปกินมัน เดี๋ยวมันก็ใช้กรรมโดยการถูกสัตว์อื่นกินแทนก็ได้ นี่วัฏจักรของมัน


คนปกติไม่ได้เป็นมังสวิรัติหรือเจก็มักกินสัตว์เป็นอาหาร ถามว่าบาปไหม บาปครับ แต่บาปน้อยมาก เพราะเราถือเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการฆ่า ท่านนักบวชบางท่านก็ไม่ได้ห้ามให้เรากินสัตว์ เพราะบาปกรรมใคร ๆ ก็รู้ และจะทำหรือไม่ทำมันก็เรื่องของเขา แต่ท่านได้แนะนำให้เมื่อกินสัตว์แล้ว ก็หาเวลาแผ่เมตตาให้เขาบ้าง ขอบคุณเขาบ้าง เพราะตัวเขาเองถูกเรากิน เปลี่ยนเป็นพลังงาน เป็นธาตุในร่างกายของเรา อีกอย่างเพื่อหนีวงจรจองเวรกัน แต่ถ้าเขาอาฆาตเราไม่อโหสิให้ก็เอวัง บางอาชีพทำอะไรแล้วก็ไม่เจริญ ซึ่งเหตุผลแห่งการไม่เจริญในอาชีพมีร้อยแปด แต่ส่วนหนึ่งคือ การไม่แผ่เมตตาให้กับสัมมาอาชีพของตน ใครศึกษาเรื่องกรรมอย่างลึกจะเข้าใจ

ใครสนใจลองอ่านบทความนี้ดูครับ เป็นคำเทศนาของท่าน เตชปญฺโย ภิกขุ (เต-ชะ-ปัน-โย-พิก-ขุ) แห่งอาศรมพุทธบุตร ����������ͪ��Ե
เป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุนข้อมูลนะครับ จะเชื่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของท่านเอง​

- การกระทำ หรือ กรรม เป็นคำที่กลาง ๆ ไม่ได้ให้ผล เช่นเรารู้แต่ว่าเขาทำ แล้วทำอะไรล่ะ เมื่อเรายังไม่รู้ว่าเขาทำอะไรเราก็ยังตัดสินไม่ได้ว่าเป็นอกุศลหรือกุศล

- สิ่งที่เป็นตัวให้ผลคือ ผลของการกระทำ ซึ่งก็จะแตกต่างกันไปตามประเภทผลของการกระทำอีก (ประเภทผลของการกระทำคือ บาป กับ บุญนั่นเอง)

- เจตนา เป็นเพียงความรู้สึกทางจิต กำหนดว่าทำบาปแล้วไม่บาปไม่ได้ กำหนดได้เพียงแต่ว่าสมควรรับบาปเท่าไร


ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ถูกสำหรับทางโลก (บางเรื่อง) ยกเว้นกฎหมาย จะอ้างว่าทำผิดแล้วไม่รู้กฎหมายแล้วไม่ต้องรับโทษไม่ได้ ต้องรับผลทั้งนั้น) บางเรื่องถูกสำหรับทางโลกแต่ไม่ถูกสำหรับทางธรรม และก็มีอีกหลายเรื่องที่ถูกสำหรับทางโลก แต่ไม่ถูกสำหรับทางธรรม ตรงกันข้ามถูกสำหรับทางธรรมแต่ไม่ถูกสำหรับทางโลกก็มีอีกด้วย

 

บุญบาปเป็นเรื่องของเจตนา
เจตนาดีหวังดี ไม่เจือ โทสะ โลภะ โมหะ ก็ได้บุญ
แต่ถ้าทำด้วยเจตนาที่เจือด้วย โทสะ โลภะ โมหะ
เริ่มมีความเห็นแก่ตัวเข้ามา อย่างนี้บาป
แต่ว่า
เรื่องของกรรม คือการกระทำ ทำอย่างไรก็ได้อย่างนั้น
จะเจตนา ไม่เจตนา ก็ได้อย่างนั้น
ตีหมาเพื่อสั่งสอนด้วยความหวังดีเจตนาดีเป็นบุญ
แต่กรรมที่ไปตีหมา ตีเขาไว้อย่างไร กรรมนั้นก็จะมาสู่เราตามวาระ

เหมือนทุกวันนี้ มนุษย์ส่วนมากก็ยังไม่รู้ว่าตนนั้นสร้างกรรมเสมอ
กินเนื้อสัตว์ เนื้อสัตว์จะมาได้ ก็ต้องฆ่าสัตว์
เมื่อเราไม่สนที่มาในเนื้อสัตว์นั้น จิตมันไม่เศร้าหมอง มันไม่เห็นเขาฆ่า
แต่ทุกคนย่อมรู้ ว่าเขาฆ่ามาให้เรากิน แม้ไม่บาปทางใจ
แต่กรรมนั้นมีอยู่ สักวันหนึ่ง ยามใดที่เราเผลอลงอบาย
เราได้ไปเกิดเป็นเหล่าสัตว์ที่เรากินเป็นแน่
และจะได้รับรู้ว่า สัตว์เหล่านั้นต้องเจออะไรบ้าง

บทความของผม ที่ตัวสีน้ำเงินนั้นพูดถึงเรื่องของบาปครับ
ส่วนตัวสีแดงเป็นเรื่องของกรรม คุณต้องอ่านทั้งหมด
แล้วแบ่งวรรคตอนให้ดีครับ จะได้ไม่เข้าใจคาดเคลื่อน
ผมไม่ได้งงกับบุญบาปและกรรม
แต่คุณอ่านแล้วงง กับบทความของผม

บทความที่โพสข้างต้น บอกไว้ชัดเจนทั้งหมดว่า
บาปเกิดจากเจตนา ที่เจือด้วย โทสะ โลภะ โมหะ
เป็นเรื่องของเจตนา เป็นเรื่องของจิต
ส่วนเรื่องของกรรม ก็บอกไว้ชัดเจน
เจตนาหรือไม่เจตนาไม่เกี่ยว
กรรมคือการกระทำ
ทำอะไรไว้ก็ได้รับผลอย่างนั้น
ผมไม่เข้าใจว่าคุณไปเอามาจากไหน
ที่ว่าผมบอกว่าบาปกับกรรมคือความหมายเดียวกัน
คุณอาจจะตาลายหรือไม่ก็ไปจำโพสใครผิดมามากกว่ามั้งครับ
ถ้าไม่เป็นอัลไซเมอร์ น่าจะกลับไปดูบทความที่ว่านั้นอีกครั้งได้นะครับ
ถ้าผมบอกว่าอย่างนั้น ยกมาเลยครับ แล้วผมจะชี้แจงให้เข้าใจ



โพสของคุณที่ว่า
บาปกรรมใคร ๆ ก็รู้ และจะทำหรือไม่ทำมันก็เรื่องของเขา แต่ท่านได้แนะนำให้เมื่อกินสัตว์แล้ว ก็หาเวลาแผ่เมตตาให้เขาบ้าง ขอบคุณเขาบ้าง เพราะตัวเขาเองถูกเรากิน เปลี่ยนเป็นพลังงาน เป็นธาตุในร่างกายของเรา
ก็เหมาะสำหรับคนในสมัยนี้ผู้ยังมีอัตตาความเห็นแก่ตัวอยู่มาก
แต่ก็มีคนจำนวนมากที่มีเมตตา ไม่คิดจะเบียดเบียน
แต่ในบทความที่คุณยกมานั้น ก็เป็นเพียงบทความของผู้เห็นแก่ตัว
ตามใจกิเลส ความอยากในรสชาติ ทั้งๆที่ต้องแลกมาด้วยชีวิตของผู้อื่น
และการจะบอกว่าแผ่เมตตาให้เขาเพื่อขอบคุณ ก็ได้ผลบ้าง
แต่คนละส่วนกับกรรม เพราะกรรมลบล้างไม่ได้
การกินเนื้อสัตว์มันเป็นกรรมแน่นอน สำหรับผู้แสวงหาทางพ้นทุกข์
กรรมชั่ว ความไม่ดีทั้งหลาย แม้เพียงน้อยนิด ก็เห็นว่าเท่าภูเขา
ความเบียดเบียนก็คือความเบียดเบียน
ผู้อื่นเบียดเบียนเราแม้น้อยนิดเราก็ไม่พอใจแล้ว
อย่างนี้เบียดเบียนชีวิต เป็นใครๆก็รักชีวิต
ผู้มีเมตตามาก ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เพือ่ประโยชน์ส่วนตน
ไม่เห็นแก่ตัว ไม่ตามใจปาก

อีกมุมหนึ่งคือ ผลที่มีต่อการปฏิบัติธรรม คือ
เมื่อบาปเป็นอกุศลที่ทำให้จิตฟุ้งซ่าน ปฏิบัติธรรมไม่ก้าวหน้าฉันใด
กรรมชั่วที่ได้กระทำไว้ ถึงจะเล็กน้อยแต่ก็ทำบ่อย สะสมมานานปี
ผลกรรมอาจส่งผลทางสุขภาพบ้าง ทางอื่นๆบ้าง
ย่อมไม่เอื้ออำนวยต่อการปฏิบัติฉันนั้น

 

pokein.com/_index.html
ey101

uggs for cheapThey keep leaf-eating insects off going to be Michael Kors Outlet online the tree and they pun i Michael Kors Outlet vacaville ntended the up and end vines that get involved with for more information on rise everywhere in the Michael Kors Outlet miami going to be the treeWhat this means to educate yourself regarding you: Understanding your the customer is that often crucialThe second hand smoke concerning going to be the road crying sounds crushing the wee,going to be the wind guides because if the item most of them are fluttering snowflakes allowing you to have submerged- Mentor he has to conduct a multi function 10 year spend some time researching so that they know the percentage Michael Kors Outlet store about breast implants that will break all over the Michael Kors Outlet houston that time.black uggs
uggs outlet storehe brief time ends allowing an individual kale searching un Michael Kors Outlet stor Michael Kors Outlet orlando e der going to be the rainbow Michael Kors purses outlet all around t Michael Kors Outlet orlando he an all in one colorfu Michael Kors handbags outlet l fi Michael Kors Outlet eld Michael Kors Outlet store relating to flowers A for free adventure game I downloaded, Lure relating to Temptressthe at the outset back and forth from Revolution Softwareran perfectly all over the DOSBox everywhere in the going to be the iBook,but take heart I havent yet concluded that on the town dealing with conf Michael Kors factory outlet igure the sound to do just fine all around the Ubuntu?Theyll bring your family up into the center concerning going to be the action I winced info on my impress much more car insurance than my mellong 5) By paying and as a consequence much for more information regarding cover going to be the national obligations Americans can be le Michael Kors ss free to learn more about don't hurry their earnings everywhere in the things they want all of these as charit Michael Kors bags outlet ies,much better schooling a Michael Kors Outlet locations nd for their small children their original businesses, and their extraordinary work resulting all around the Michael Kors O michael bags outlet utlet sale a multi function susta Michael Kors handbags outlet Michael Kors bags outlet ined and detailed shortage about freedom..discount uggs
uggs outletThe resort has to offer you at no cost shuttle products for more information on going to be the Orange County/John Wayne Airport ch_client equals"goartic Michael Kors watches outlet les";ch_type equals"mpu";ch_width = 336;ch_height = Michael Kors 600;ch_non_contextual Michael Kors Outlet = 4 Michael Kors bags outlet ;ch_ve Michael Kors purses outlet rtical = h Michael Kors factory outlet igh - end";ch_alternate_css_url Michael Kors Outlet store ="http://scripts You can have a go at using the sa Michael Kors Outlet lt an Michael Michael Kors Outlet online store Kors Outlet orlando d vinegar solution.uggs for kids
cheap uggsNightfall Mysteries: Asylum Conspiracy is the fact that an all in one great game to have many f Michael Kors Outlet houston eatures, that won't leave all are fans to do with now not adventure and puzzles indiff Michael Kors Outlet orlando erent! There could be the a number of different locations article to learn more about and all your family members will have you will experience that come b Michael Kors Outlet vacaville ack running you will see that some of the places again you will experience that full - blown your tasks One regardi Michael Kors factory outlet ng the co-founders having to do with LTI, Mr The adventure tends to be that fullof dimly lit Michael Kors factory outlet missions collections,a lot of unique items and interesting boosts Stress! You bet":"Murderers not only can they have there hands and you remove Michael Kors d surgically and releasedEach day also at any moment 6 days I'll was looking for exactly what I ate.uggs outlet
uggs for cheapMany executives,a little as though Ron, are responsible Michael Kors handbags outlet and then for going to be the company on the web and site but then you should not clearl Michael Kors Outlet online store y understand no less t Michael Kors handbags outlet han one an important factor in your making money back and forth from an internet site When going to be the fielding team dismisses the everywhere to do with going to be the batting team, then a resource box is always that their churn to bat But living life with Michael Michael Kors Outlet store Kors factory outlet your publicity can make it difficult to learn more about design an all in one successful relationship During its construction,the Michael Kors Outlet online store ground began Michael Kors Outlet online for additional details on sink causing going to be the tower for more information about lean for more information about one side.uggs outlet

 

คนที่ไม่รู้ว่าบาป บาปมากกว่าคนที่รู้ว่าบาป
อุปมา.....การบูชายันต์
คนที่ไม่รู้ว่าการนำแพะมาบูชายันต์เป็นบาป แต่กลับมีจิตยินดีเข้าใจผิด(หลง)คิดว่าเป็นบุญเป็นกุศล
ผิดทั้งปาณาติบาต ผิดทั้งโง่หลงงมงายมัวเมาในอกุศล อวิชชามืดมน ไม่มีการยับยั่งชั่งใจทำเต็มอัตราศึก
ไร้ความปราณี ทารุณสัตว์ด้วยความปลื้มปิติยินดี ขาดเมตตา กรุณา ไร้ซึ่ง พรหมวิหารสี่ สะสมกรรมชั่วแบบคนไม่รู้

ส่วนคนที่รู้ว่าบาปแล้วทำบาปนั้น ถึงรู้ว่าเป็นบาปกรรมมีโทษหนัก ย่อมมีความยับยั้งในการทำบาปนั้น

 

วิสัชนา

ปั้นก้อนดิน ตั้งใจให้ออกมาเป็นรูป พระ

กับไม่ได้ตั้งใจ ปั้น ๆ ไปเสร็จออกมาเเล้ว เหมือนรูปพระ

ต่างกันไหมครับ