หลวงปู่หงษ์เตือนภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ศรศิลป์, 5 กุมภาพันธ์ 2012.

  1. ศรศิลป์

    ศรศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,232
    ค่าพลัง:
    +3,200
    ผมคัดลอกมาอีกทีครับ เผื่อมีคนสนใจถึงภัยธรรมชาติโลกเปลี่ยนแปลง เป็นการศึกษาเตือนสติตนเอง

    หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ สุสานทุ่งมน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
    เตือนภัยพิบัติเรื่อง

    1.น้ำท่วม
    2.โรคปากแห้ง(อดอยาก ขาดแคลนข้าวปลาอาหาร ปล้นฆ่ากัน)
    3.โรคระบาดที่มาทางอากาศเกี่ยวกับทางเดินหายใจ

    หลวงปู่หงษ์เมตตาบอกว่า ให้ถือ ศีลห้า ให้ได้แล้วทุกคนที่ถือได้จะมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติ
    เพราะว่าไม่มียาชนิดใดรักษาได้ สาธุช่วยกันนำไปเผยแพร่สำหรับลูกศิษย์ผู้ที่ศรัทธาในองค์หลวงปู่กันครับ
    สำหรับใครที่ไม่เชื่อเรื่องที่หลวงปู่ท่านเมตตาเตือนก็ไม่ต้องไปเตือนหรอกครับเดี๋ยวจะเป็นบาปที่ไปปรามาสหลวงปู่ท่านครับ

    สำหรับเรื่องที่หลวงปู่เมตตาเตือนนั้นท่านเตือนตั้งแต่กลางปี 2553 แล้วว่าประมาณต้นปี 2554 จะเกิดการนองเลือด(เกิดแล้วไม่บอกนะครับว่าเรื่องอะไร) และตอนปลายปีจะเกิดน้ำท่วมกรุงเทพ ได้เกิดแล้ว ซึ่งครั้งนี้แค่มาเตือนยังมีครั้งใหญ่ที่จะตามมาอีกซึ่งถ้าเกิดครั้งนี้ก็คงอยู่ไม่ได้แล้วต้องหนีอย่างเดียว
    น้ำจะท่วมกรุงเทพสูง <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com[​IMG]</st1:metricconverter>5 เมตร และน้ำจะไม่ลดเลย และเมื่อประมาณกลางปี 2554 หลวงปู่ยังเมตตาเตือนอีกว่าซื้อเรือรึยัง (หลังจากนั้นไม่กี่เดือนน้ำก็เริ่มท่วมเลย)
    และเมื่อตอนปลายปี 2554 หลังจากที่น้ำเริ่มลดแล้ว หลวงปู่หงษ์ เมตตาเตือนอีกว่า ของกินของใช้ที่เก็บไว้อย่าพึ่งเลิกเก็บเพราะว่าเดี๋ยวจะเกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่อีกและล่าสุดที่ท่านเตือนอยู่ทุกวันคือให้ลูกศิษย์ตัดผมให้สั้นทั้งชายและหญิงซึ่งท่านเมตตาเตือนครั้งนี้ ท่าทางจะหนักหนาสาหัสสากรรจ์มากๆเลย

    สอดคล้องกับคำเตือนหลวงปู่แฟ๊บ วัดป่าดงหวาย สกลนคร ที่ท่านเตือนศิษย์ที่อยู่กรุงเทพฯบอกว่าให้กลับบ้านเรา(อิสาน) เพราะอีกหน่อยน้ำจะท่วมกรุงเทพฯ ท่านเตือนก่อนปี 2554 แล้วก็เกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯและภาคกลางจริงๆ รายละเอียดคนที่เป็นศิษย์ท่านจะทราบดี ผมเพียงได้รับการบอกจากเพื่อนธรรมมาหลังจากน้ำท่วมกรุงเทพฯไปแล้ว เพื่อนบอกว่าไปอ่านเจอหนังสือหลวงปู่แฟ๊บ ผมไม่แน่ใจว่าหนังสือแจกงานศพท่านหรือเปล่า<O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 กุมภาพันธ์ 2012
  2. Nostadamous

    Nostadamous เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +162
    ครับผม...
    ขอบคุณ ท่านศรศิลป์ มากนะครับ ผมก็มั่นใจว่า กทม. สุดท้ายก็ไม่เหลือครับ
    ไม่ว่าเขื่อนจะแตกหรือไม่แตก ก็ตามครับ เพราะพระดังๆหลายรูป ต่างให้ข้อมูลตรงกัน
    ว่าจะเกิดในปี 2555 เช่น หลวงปู่สรวง, ท่านปู่อินทร์ตาทิพย์ ฯลฯ
     
  3. ศรศิลป์

    ศรศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,232
    ค่าพลัง:
    +3,200
    ทั้งหลวงพ่อสังวาลย์ หลวงปู่หงษ์ หลวงปู่สรวง ปู่อินทร์ตาทิพย์ หลวงปู่แฟ๊บ ท่านเมตตาเตือนถึงภัยที่จะเกิดขึ้น ข่าวทุกวันนี้อีกซีกโลกหนึ่งกำลังเจอกับภัยหนาวหิมะตกหนักคนหนาวตายเป็นร้อยคน เมืองไทยเราก็จะเจอปัญหาเรื่องน้ำ ทุกวันนี้ใต้ดินกรุงเทพฯเป็นโพรงหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ผืนดินกรุงเทพฯมันอ่อนนุ่มเป็นที่ราบลุ่ม ถ้าเกิดน้ำทะเลหนุนสูงขึ้นทุกวัน อนาคตมีสิทธิ์จมน้ำ
     
  4. JESUS_

    JESUS_ สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มกราคม 2012
    โพสต์:
    16
    ค่าพลัง:
    +5
    ออสเตรียเลียน้ำก็ท่วมอีกแระ จะว่าไปลำดับเหตุการณ์ตอนปีที่แล้ว 1.น้ำท่วมดินถล่มใต้ไทย---> 2.ยุโรป-จีน-เมกาหนาว ---> 3.น้ำท่วมครั้งใหญ่ออสเตรเลีย---- > ---> 4.ซึนามิญี่ปุ่น จากนั้นกทม.หนาว หิมะตกพม่า&เวียดนาม ---->5.พายุกระหน่ำแล้วน้ำท่วมครั้งใหญ่ไทยเรา

    ถ้าเหตุการณ์ยังมีแนวโน้มย่ำรอยเดิม 1-2-3-4-5 แต่ดูเหมือนว่าจะหนักกว่าปีที่แล้วมาก็น่าจะคิด ว่าต้องทำยังไงต่อกันนะ ระดับการเตรียมการรับมือก็น่าจะสูงขึ้นด้วย
     
  5. ศรศิลป์

    ศรศิลป์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,232
    ค่าพลัง:
    +3,200
    ตอนนี้ได้แต่เตือนกับคนที่รู้จักไม่กี่คน ผมได้คุยกับญาติธรรมที่เขานับถือพระป่ากรรมฐาน เขาบอกว่าได้ทราบเรื่องภัยพิบัติจากครูบาอาจารย์มาเหมือนกัน ซึ่งเขาก็เตรียมพร้อมแล้วหากจะเจอ คนที่อยู่กรุงเทพฯหากอยู่ตึกแถวคงหนีขึ้นชั้นสามชั้นสี่ แต่ถ้าเกิดขึ้นจริงแล้ว หนทางหนีจะดีกว่า เพราะหากท่วมสูงขนาดนั้นก็ไม่มีรถทหารเข้าไปช่วยเหลือได้ เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่รู้แล้วมีเวลาเตรียมตัว ซ้อมหนีภัย วางแผนอพยพล่วงหน้าได้
     
  6. natatik

    natatik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2012
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +3,607
    กระทู้ war room เตือนภัยพิบัติก็ตั้งมาเกือบปีแล้ว ทำให้เราเห็นภาพการภัยพิบัติหนักขึ้นเรื่อย ๆ จริง ๆ
     
  7. Prophecy

    Prophecy เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    1,221
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +7,605
    <object width="420" height="315"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/2fLGBg8-bi4?version=3&amp;hl=en_US&amp;rel=0"></param><param name="allowFullScreen" value="true"></param><param name="allowscriptaccess" value="always"></param><embed src="http://www.youtube.com/v/2fLGBg8-bi4?version=3&amp;hl=en_US&amp;rel=0" type="application/x-shockwave-flash" width="420" height="315" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></embed></object>
     
  8. Moderator6

    Moderator6 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +3,721
    • สาธุครับ..หลวงปู่..หลวงปู่เมตต<wbr>­ามากเลยครับ..พระผงรุนแรก..ที่ส<wbr>­ุดยอดคือ...รักยม.หลวงปู่ยอมรับ<wbr>­ว่า น่าทึ่งมากจริงๆ

      rhachata 5 days ago
    • สาธุค่ะ

      Rawiya Fankat 6 days ago
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 สิงหาคม 2012
  9. Moderator6

    Moderator6 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +3,721
    หลวงปู่หงษ์
    หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ หรือ พระครูปราสาทพรหมคุณ สุสานทุ่งมน (วัดเพชรบุรี) อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ นามเดิมของท่านคือ สุวรรณหงษ์ จะมัวดี เมื่ออายุได้ 18 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณร ในขณะนั้นมีชาวบ้านมีขอให้ท่านเทศน์ ท่านปฏิเสธว่าเพิ่งบวชเณรยังเทศน์ไม่ได้ แต่ชาวบ้านก็บอกให้ท่านตั้ง นะโม 3 จบเถิดแล้วท่านจะเทศน์ได้เอง​
    [​IMG]หลวงปู่หงษ์

    หลวงปู่หงษ์
    สามสามเณรสงสัยว่า บุคคลทั้งหลายเหล่านี้เป็นใคร? มาจากไหน? อยู่ๆก็มาขอร้องให้เราเทศน์ แต่เมื่อลองคิดแล้วเขาบอกให้ว่านะโม 3 จบ จากนั้นก็เป็นเรื่องที่ปากพูดไปได้เองเป็นเรื่องเป็นราว ชายหญิงทั้งหลายต่างนั่งพนมมือ อมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ครั้นเทศน์จบก็กราบขอบคุณขอลากลับ หันไปอีกทาง ปรากฏว่าหายไปทางไหนก็ไม่รู้
    ทำไมสามเณรพรหมศรจึงเทศน์ได้ ท่านกล่าวว่า มันเป็นของเก่าหรือที่เรียกว่า “ธรรมบันดาล” ที่พาให้พูดกล่าวไปได้เอง ความตั้งใจที่จะบวชเพียง 7 วัน ก็อยู่เลยเรื่อยมาจนอายุครบ 20 ปี พระอุปัชฌาย์จึงอุปสมบทให้ ณ วัดเพชรบุรี ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ โดยตั้งนามฉายาให้ใหม่ว่า “พรหมปัญโญ” แปลว่า ผู้มีปัญญาดุจพรหม
    เมื่ออุปสมบทแล้ว หลวงปู่หงษ์ ตั้งใจมั่นขยันหมั่นเพียรศึกษาพระปริยัติธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระผู้มีพระ ภาคเจ้า หลวงปู่เป็นผู้มีความวิริยะสูง จดท่องจำแม่นยำยิ่งนัก ทั้งฝักใฝ่หาความรู้ เพียรหาครูบาอาจารย์อย่างไม่ลดละแม้จะไกลไปยาก ก็อุตส่าห์ดั้นด้นเดินทางไป เพื่อให้ได้ความรู้กลับคืนมาเป็นรางวัล ด้วยปณิธานมั่นที่จะโปรดลูกหลานญาติโยมภายหน้า สืบไป
    [​IMG]หลวงปู่หงษ์

    หลวงปู่หงษ์
    ครั้นอุปสมบทได้แล้ว 3 พรรษา จึงกราบลาพระอุปัชฌาย์จาริกธุดงควัตรตามแบบฉบับแห่งพระบรมครู อาศัยอยู่ตามโคนไม้ นุ่งห่มใช้ผ้าเพียงสามผืน ทั้งถือที่สงบสัปปายะ เช่น ป่าช้าเป็นที่เจริญภาวนาเช้าค่ำ ขบฉันภัตตราหารเพียงมื้อเดียว ได้ท่องเที่ยวสู่เมืองขุขัน จ.ศรีสะเกษ เพราะเป็นเขตแห่งสรรพศาสตร์มนตรา จึงได้เข้าขอศึกษากับครูอาจารย์ที่เป็นทั้งฆราวาสก็ดี เป็นผู้ทรงศีลสมณะก็ตาม จนเป็นที่พอใจแล้ว จึงขออนุญาตลากลับเพื่อจาริกธุดงค์สู่พรมเปญ กัมพูชาสืบไป
    หลวงปู่หงษ์ เป็นพระธุดงค์ ถือสันโดษ โปรดสัตว์ จึงไม่ติดกับที่อยู่ หรืออมิสลาภ จึงได้ลาญาติโยม เพื่อจาริกแสวงบุญต่อเรื่อยมา
    [​IMG]หลวงปู่หงษ์

    หลวงปู่หงษ์
    หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ เตือนภัยพิบัติ
    1.น้ำท่วม
    2.โรคปากแห้ง(อดอยาก ขาดแคลนข้าวปลาอาหาร ปล้นฆ่ากัน)
    3.โรคระบาดที่มาทางอากาศเกี่ยวกับทางเดินหายใจ


    หลวงปู่หงษ์เมตตาบอกว่า ให้ถือ ศีลห้า ให้ได้แล้วทุกคนที่ถือได้จะมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัยจากภัยพิบัติ เพราะว่าไม่ มียาชนิดใดรักษาได้ สาธุช่วยกันนำไปเผยแพร่สำหรับลูกศิษย์ผู้ที่ศรัทธาในองค์หลวงปู่กันครับ
    สำหรับใครที่ไม่เชื่อเรื่องที่หลวงปู่ท่านเมตตาเตือนก็ไม่ต้องไปเตือนหรอกครับเดี๋ยวจะเป็นบาปที่ไปปรามาสหลวงปู่ท่าน
    สำหรับเรื่องที่หลวงปู่เมตตาเตือนนั้นท่านเตือนตั้งแต่กลางปี 2553 แล้วว่าประมาณต้นปี 2554 จะเกิดการนองเลือด(เกิดแล้วไม่บอกนะครับว่าเรื่องอะไร) และตอนปลายปีจะเกิดน้ำท่วมกรุงเทพ ได้เกิดแล้ว ซึ่งครั้งนี้แค่มาเตือนยังมีครั้งใหญ่ที่จะตามมาอีกซึ่งถ้าเกิดครั้งนี้ก็คง อยู่ไม่ได้แล้วต้องหนีอย่างเดียว น้ำจะท่วมกรุงเทพสูง 5 เมตร และน้ำจะไม่ลดเลย และเมื่อประมาณกลางปี 2554 หลวงปู่ยังเมตตาเตือนอีกว่าซื้อเรือรึยัง (หลังจากนั้นไม่กี่เดือนน้ำก็เริ่มท่วมเลย) และเมื่อตอนปลายปี 2554 หลังจากที่น้ำเริ่มลดแล้ว หลวงปู่หงษ์ เมตตาเตือนอีกว่า ของกินของใช้ที่เก็บไว้อย่าพึ่งเลิกเก็บเพราะว่าเดี๋ยวจะเกิดภัยพิบัติครั้ง ใหญ่อีกและล่าสุดที่ท่านเตือนอยู่ทุกวันคือให้ลูกศิษย์ตัดผมให้สั้นทั้งชาย และหญิงซึ่งท่านเมตตาเตือนครั้งนี้ ท่าทางจะหนักหนาสาหัสสากรรจ์มากๆเลย


    หลวงปู่หงษ์
    ข้อมูลจาก http://palungjit.org
    http://www.tadarab.com/หลวงปู่หงษ์/
     
  10. Moderator6

    Moderator6 ทีมผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +3,721

    http://palungjit.org/threads/๙๙๙-อิทธิมงคล-มหาบารมี-วัตถุมงคล-หลวงปู่หงษ์-พรหมปัญโญ-๙๙๙.279079/
     
  11. ไผ่มรกต

    ไผ่มรกต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    248
    ค่าพลัง:
    +1,896
    ยุคศรีวิไลย์

    สภาวะอันเป็นไปของโลก
    วันเสาร์ที่ 1ม.ค.2542 ขึ้น๑๕ค่ำ | นะโม ตัสสะ ภควโตฯ ณโอกาศนี้จะได้กล่าวสภาวะอันเป็นไปของโลก คือยุคศรีวิไลย์ คำว่ายุคศรีวิไลย์คือเป็นชื่อของกาลเวลาชั่วระยะหนึ่ง ยุคศรีวิไลย์กาลเวลาที่จะบังเกิดตามชื่อนี้ ก็จะสิ้นระยะกาลรัชสมัยหนึ่งๆ หรือช่วงพระเจ้าแผ่นดินองค์หนึ่งๆ ของเมืองไทย เมืองไทยซึ่งได้สร้างเมืองมา ตั้งแต่ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ซึ่งเป็นองค์ปฐมแห่งพระเจ้าแผ่นดิน ในวงค์นี้คือวงค์รัตนโกสินทร์ ก็พระเจ้าแผ่นดินองค์แรก ชั่วระยะพระเจ้าแผ่นดินทรงครองราษฎสมบัติอยู่ องค์ต้นก็เรียกว่ายุคที่๑ องค์ที่๒ก็เรียกว่ายุคที่๒ องค์ที่๓ก็เรียกว่ายุคที่๓ ก็เมื่อองค์ที่๔มาสืบแทน องค์ที่๔สิ้นไปองค์ที่๕ก็มาสืบแทน สืบกันไปเรื่อยๆอย่างนี้ ชื่อว่ายุคหนึ่งนั้นมีเจ้าผู้ครองแผ่นดิน ของประเทศไทยแต่ละองค์ๆ ชื่อว่ายุคในที่นี้ก็มีหลายยุคด้วยกัน มีถึง๑๐ยุค ๑๒ยุค คือนับตั้งแต่ยุคต้น ยุคต้นเรียกว่ายุคมหากาฬ ยุคที่สองเรียกว่าภารยักษ์ ยุคที่๓ ยุคที่๔ที่๕ ก็มีชื่อเรียกกันไปตามลำดับ คือภารยักษ์ รักมิตร สถิตธรรม จำแขนขาด ราษฎโจรัญ ทันทุกข์ ยุคทมิฬ ถิ่นกาขาว ชาวศรีวิไลย์ ไทยมหารัฐ แล้วก็จักรพรรดิราษฎ ก็ท่านกล่าวกันไว้เป็นยุคๆ ดังที่ท่านพระคุณเจ้ากล่าวมานี้ ถามว่าในปัจจุบันนี้เป็นยุคอะหยั๋ง ก็มีคำตอบว่า ยุคถิ่นกาขาว ยุคถิ่นกาขาวเป็นอย่างไร ก็ได้แก่รัชสมัยพระภูมิพลอดุลยเดช องค์ปัจจุบัน ที่ครองราษฎสมบัติอยู่ในประเทศไทย อันนี้ได้แก่ถิ่นกาขาว ยุคถิ่นกาขาวก็ดูเหมือนกับว่า ถูกต้องตามรูปเรื่อง หรือความเป็นมาของแต่ละยุค แต่ละยุค ถิ่นกาขาวหรือถิ่นตาขาว อันนี้ก็คือมีคนเข้าวัดปฎิบัติธรรม นุ่งขาวห่มขาว รู้จักหันมาสวดมนต์ภาวนา เจริญกรรมฐานทุกชั้นทุกเพศทุกวัย อันนี้ท่านเรียกว่าถิ่นกาขาว หรือถิ่นขาวสะอาดก็ได้เหมือนกัน ขาวสะอาดก็คือ หันเข้ามาปฎิบัติในทางศีล ทางธรรมนั่นเอง เข้าวัดเข้าวา รู้จักบำเพ็ญตน เจริญศีลเจริญภาวนา ก่อนหน้านี้คือคนไทย ก็น้อยนักที่จะรู้จักหันเข้ามา เจริญศีลธรรมกรรมฐาน ไม่เคยรู้ว่าภาวนามันเป็นอย่างไร กรรมฐานมันเป็นอย่างไร ก็เพราะว่าคนนอกทั่วๆไป ไม่ได้ยินมาก่อนไม่รู้เรื่องมาก่อน แต่เข้ามาในรัชสมัยเรานี้ ดังที่ได้กล่าวก็รู้สึกว่า มีประชาชน ได้รู้จักกรรมฐานภาวนา รู้จักมานุ่งขาวห่มขาวปฎิบัติธรรม รู้จักถือศีล๘รู้จักงดเว้นปลาเนื้อ นี่ก็คือเข้าลักษณะที่เรียกว่า ถิ่นกาขาวหรือถิ่นขาวสะอาด ถิ่นขาวสะอาดก็บังเกิดขึ้นในประเทศไทยราว ๓๐-๔๐ ปีมานี้ แต่ก่อนนี้ก็ไม่ค่อยจะรู้กัน แล้วยุคนี้จะดำรงค์อยู่ หรือมีชื่อไปจนถึงรัชกาลองค์ใหม่ รัชกาลองค์ใหม่ก็จะเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนยุคมาเป็นยุคชาวศรีวิไลย์ แล้วจะเป็นอย่างไรอันนี้ก็จะขอนำมาแสดงต่อไปข้างหน้า ทีนี้จะขอย้อนกล่าวถึงเรื่องการที่จะเปลื่ยนแปลงยุคหรือที่จะถึงยุคใหม่มันก็มักจะมีอะำำไรบันดลบันดาล หรือที่เรียกว่า ธรรมดาตกแต่่งให้เป็นเหตุเป็นปัจจัย ให้เปลื่ยนแปลงเป็นยุคขึ้นมาใหม่หรือเป็นสมัยขึ้นมาใหม่ ก็เพราะว่าก่อนที่จะถึงเป็นสมัยขึ้นมาใหม่ มันจะต้องเปลื่ยนแปลง หรือมีอะไรที่ทำให้สูญเสียไป เหมือนกับคำทำนายที่กล่าวกันไว้ หรือคำพยากรณ์ หรือคำบอกเล่าที่เป็นสิ่งที่น่าหวั่นวิตกอยู่มากๆ อันจะมีมาในระยะใกล้ๆนี้ สิ่งที่ท่านพระคุณเจ้าก็ได้นำมาเล่า เมื่อศีลที่แล้วมานี้ ก็เป็นคำพยากรณ์ หรือคำบอกเล่าของท่านผู้รู้ๆหลายๆท่าน ว่าภัยพิบัติิอันจะเกิดขึ้นแก่มนุษย์โลก หรือแผ่นดินหรือโลกมนุษย์นี้ในระยะใกล้ๆนี้ คือพ.ศ.๒๕๔๐-๒๕๔๒ อีกนัยหนึ่งพ.ศ.๒๕๔๒-พ.ศ.๒๕๔๔ อันนี้กล่าวไว้ ๒ นัย ตามที่ท่านอาจารย์องค์หนึ่ง ซึ่งท่านได้ภาวนารู้เห็นในสภาวธรรมอันจะเกิดนั้น หรือเทวดามาบอกเล่ากับท่าน เรื่องภัยภิบัติิอันน่าหวาดกลัวนั้นก็คือ ทั่วโลกๆจะถึงซึ่งความวิบัติมากมาย แผ่นดินจะจมลงในมหาสมุทร หรือกลายเป็นทะเล ประเทศบางประเทศ ที่เป็นเกาะ เช่นญี่ปุ่น ใต้หวัน สิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ อะไรเหล่านี้ ที่เป็นประเทศ เป็นเกาะๆ ท่านว่ามันจะจมหายลงไปๆ เกือบหมด ท่านว่าอย่างนั้น นี้หมายถึงเมืองนอก แล้วก็อีกประการหนึ่งเช่นภัยพิบัติ อันจะมาก็เกี่ยวกับสงครามโลก นี้มันเป็นสงครามอะไร อันนี้เราก็จะเคยได้ยินกันมาบ้างแล้ว ครั้งที่ ๒ ผ่านมาแล้ว แต่ครั้งที่ ๓ จะมาอีก ครั้งหนึ่งเป็นภัยพิบัติ จะต้องทำสงครามล้างพลาญ ประหัต ประหารกัน จนถึงความพินาศ อย่างใหญ่หลวงทุกสิ่งทุกอย่างที่ เกิดขึ้น วัตถุ สิ่งก่อสร้างในโลกนี้ จะสิ้นสูญลง สะแหลกสะหลายลงหมด สิ้นยุคสมัยวิทยาศาสตร์ความเจริญต่างๆเสื่อมหายไปจะหมดสิ้นลง ท่านผู้ฟังทั้งหลาย นี้ก็คือก่อนที่จะถึงยุคขึ้นมาใหม่ แล้วก็ผู้คนจะถึงซึ่งอัสสัญญี คือล้มหายตายจากภัยธรรมชาิติต่างๆ จะสู้รบตบมือ จะทำสงคราม หรือว่าแผ่นดินถล่มแผ่นดินหายยุบลง ไปใต้น้ำเป็นท้องทะเล อะไรเหล่านี้ คนมันจะสิ้นชีวิตลงไปเป็นอันมากมาย ๑๐ จะเหลือใน ๑ หรืออาจจะ ไมุ่ถึงเสียด้วยซ้ำไป คือความหมาย ๑๐ ใน๑ เปรียบหมายถึง ๑๐ นั้นจะหมดไปเหลือแค่ ๑ ถ้าเปรียบอย่างนี้แล้ว มนุษย์เราจะหล่อยหลอลงไป ผู้คนจะล้มหายตายไปจนเหลือน้อยเพราัะฉะนั้น วิทยาการต่างๆ มันจะเสื่อมถอยไปด้วย การทำสร้างสรรค์วิทยุ โทรทัศน์ อาวุธอะไรต่่างๆ เหล่านี้ ที่ทำกันขึ้นมันจะหมดไป วิทยุเราก็ไม่ได้ฟังกันแล้ว โทรทัศน์หนังอะไรเหล่านี้ก็จะไม่ได้ดูกันแล้ว หรืออะไรต่ออะไรนี้ มันจะำไม่มีกันแล้วตลอดจนวิทยาศาสตร์ การสร้างสรรค์ต่างๆก็จะหมดไป กลายเป็นคนยุคป่า ยุคเถื่อนกันอย่างนั้นละหรือ ท่านผู้ฟังทั้งหลาย แล้วท่านก็มาว่าประเทศไทย ซึ่งนับว่ามีโชคดีกว่าเปิ้นท่านว่าอย่างนั้น ที่ว่ามีโชคดีกว่าเปิ้นก็ได้แก่ ประเทศไทย มีพระพุทธศาสนา มีผู้ปฏิบัติธรรม อยู่ในศีลในธรรมกันมากกว่าประเทศอื่น กว่าเมืองอื่นๆ รู้จักการมีศิล รู้จักให้ทาน รู้จักการเข้าวัดวา รู้จักบำเพ็ญบารมีทั้ง ๗ ประการแล้วคนประเทศอื่นก็จะเหลือน้อย อย่างที่ได้กล่าวมาแล้วนั่นแหละ ที่เหลืออยู่ก็จะเป็นคนมีสติไม่สมบรูณ์ กลายเป็นคนใบ้ คนบ้า เสียสติ วิปลาสไป ที่ผู้คนต้องซึ่งถึงความวินาศ ซึ่งทำใจไม่ได้ก็กลายเป็นคนเสียสติไป ทีนี้คนไทยที่มีพระพุทธศาสนา ได้ฟังธรรมของท่านผู้รู้ ก็รู้เท่าทันของสภาวะธรรมอันเปลี่ยนแปลงไป คือกฎอนิจจังไม่เที่ยงแล้วก็มาปลงอนิจจังไม่เที่ยง ก็ทำให้มีจิตใจเข้มแข็งขึ้นมาไม่ต้องเสียสติ แต่คนที่มีจิตใจเบาไม่เข้าวัดไม่เข้าวา ไม่รู้จักภาวนากรรมฐาน ไม่รู้จักความแก่ ความเจ็บ ความตายก็จะกลายเป็นคนที่เสียสติ มีจริตไม่สมบรูณ์ไป ข้อที่ว่าภาคใต้จะจมหายไปด้วยคลื่น ด้วยลม ด้วยน้ำ ด้วยแผ่นดินไหวอะไรเหล่านี้ แล้วจะจมหายไปเป็นบางส่วนๆ แล้วก็มาภาคกลางท่านว่า กรุงเทพฯ จะกลายเป็นทะเล เมืองที่ใกล้ กรุงเทพฯก็จะกลายเป็นทะเลไปด้วย ท่านผู้ฟังทั้งหลายนี้ วันนี้พูดถึงภาคกลางเพราะแผ่นดินจม แผ่นดินสั่นสะเทือน แผ่นดินทรุด กลายเป็นทะเลไป แล้วก็มาพูดถึง ภาคหนือ แผ่นดินไหว แล้วตลอดทั่วประเทศจะมืด ๓ วัน ๓ คืน อากาศจะวิปริต แล้วก็จะมีอะำไรที่เกิดขึ้น เช่น แผ่นดินไหว แผ่นดินร้อน แผ่นดินยก แล้วจะมีไฟพุ่งขึ้นจากใต้พื้นพิภพ ก็ทำให็อากาศมืดมนต์ อนตระการ แปรปรวน สนั่นหวั่นไหว ภูเขาแผ่นดินจะล้ม จะละลายจะทรุดไปเป็นบางที่ๆ บางแห่งๆ อันนี้ก็เป็นคำเล่าของท่านที่เล่าไว้ และส่วนภาคอีสานก็มีบางสิ่ง ที่สำคัญก็คือ จะมีโรคระบาด อันติดตามมาทีหลัง และคนส่วนมากที่เหลืออยู่นั้น ก็ส่วนมากก็มีเป็นคนที่อยู่ในศีล ในธรรม ส่วนคนที่ไม่มีศิลไม่มีธรรมนั้น คนที่เป็นสัตว์นรกมาเกิด คนชั่ว คนร้าย ก็จะมีอันเป็น จะมีอันหมดไปจากแผ่นดิน ท่่านผู้ฟังทั้งหลาย อันนี้ก็คือว่าเป็นคำเล่า คำเล่าอันนี้ก็ทำให้รู้สึกว่าเป็นคำที่รุนแรง จึงทำให้คนฟังแล้วไม่น่าเชื่อ ที่ว่าไม่น่าเชื่อคือที่ว่ามัีนไม่น่าจะเป็นไปได้ ตามความเห็นของพระคุณเจ้า พระคุณเจ้าก็ว่าไม่น่าเชื่อเหมือนกัน พระคุณเจ้าก็ไม่เชื่อเหมือนกัน ก็เชื่่อเป็นบางส่วนแต่ไม่เชื่อเป็นบางส่วน ที่จะไม่เชื่อเป็นบางส่วนนั้นนะ ก็คือมันไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะ
    อาศรมไผ่มรกต
     
  12. ญา-ติ-กา

    ญา-ติ-กา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2012
    โพสต์:
    64
    ค่าพลัง:
    +228
    เห็นกะทู้นี้แล้วนึกได้ ตอนอยู่สุรินทร์ เคยไปกราบท่าน ท่านบอกว่า ตอนนี้ถึงครึ่งหนึ่งของพุทธศาสนาแล้ว ให้ลูกหลานถือศีล 5 ทุกคนนะ จะทำให้ปลอดภัย ท่านว่าอย่างนั้น ท่านรดน้ำมันให้ด้วย และท่านอายุมากแล้ว ตอนนั้นไม่สบายด้วย แต่ท่านก็ออกมาพบปะญาติโยมทุกวัน สงสารท่านมาก แต่หน้าท่านยิ้มตลอด มีเมตตาสูงมาก นึกถึงท่านเมื่อไหร่ จิตใจก็ชุ่มชื่นตลอด นี่คงเป็นความรู้สึกที่เราได้กราบพระอริสงฆ์ เป็นบุญจริงๆ ค่ะ
     
  13. kittapass

    kittapass เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    72
    ค่าพลัง:
    +257
    คุณจ่าติ๊ก เขียนดี แต่อ่านยาก อยากจะขอความกรุณา ช่วยย่อหน้าซักหน่อยครับ จะเป็นบุญเป็นกุศลยิ่งขึ้นครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...