ว่าด้วยสมาธิสามารถจับพลังพระเครื่องได้ไหม

คงต้องไปฝึกสมาธิกันดูว่าจับได้ไหม แลัวเอาตอนไหนจับ จิตเป็นสมาธิแค่ไหนถึงจับได้ แล้วจับได้แล้วจะมีความรู้สึกอย่างไร เวลาจับจิตคิดสงสัยจะจับขึ้นไหม ต้องภาวนาอะไรหรือไม่ เพ่งจิตอย่างไร ที่นี้มีคำบอก จับได้จริงหรือ อุปทาน ทั้งหลายทั้งปวงล้วนน่า หาประเด็นวิเคราะห์ จะจับพลังได้ทุกเวลาไหม น่ารู้ทั้งนั้น จิตเป็นเสมือนไฟฟ้า พระเครื่องก็คือไฟฟ้า ขั่วบวก ขั่วลบ ขั่วถูกต้องก็เกิดการดึงดูดกัน ขั่วผิดกันก็ผลักกัน ในตัวคนเรามีไฟฟ้าอยู่แล้ว สังเกตุดูท่านเคยขนลุกไหม นั้นหละไฟฟ้า วิ่งในกายท่าน บางที่ทำสมาธิพอถึงจุดหนึ่งขนลุกได้ก็มี เราต้องลองก่อนแล้วว่ากันว่า จริงแท้แค่ไหน จับพลังพระได้ไหม คิดไปเองไหม แกล้งเสแสร้งไปเองไหม หรอกตนเองไหม เราจะมาวิเคราะห์กัน

 

นั่นนะซิครับ

 

ผมว่าได้นะ แต่ต้องเป็นสมาธิจริง ๆ และบริสุทธิด้วย ไม่ใช้อย่างที่เค้าทำกัน เพราะถ้ารู้จักที่ฝรั่งเค้าทำ คือ ใช้ เพนดูลัม ในการวัดพลังนั้น ก็เหมือนกัน ถ้าจิตไม่นิ่งผลก็ออกมามั่ว ครับ

 

มโนมยิทธิ ของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ สามารถจับได้ว่า พระเครื่ององค์นั้น ประจุพลังจิตด้านใดเอาไว้ หากเป็นสีขาวจะเป็นด้านบู๊ หรือคงกระพันชาตรี หากเป็นสีรุ้งจะเป็น โชคลา่ภ ลองฝึกแล้วนำไปใช้ดู [www.marateebook.com]

 

การจับพลังพระเครื่องไม่ใช่การหลอกตนเองหรืออุปทานใดๆทั้งสิน หรือเสแสร้งใดๆแต่สัมผัดได้จริงๆโดยเฉพาะพระสมเด็จสายวัดระฆัง มีพลังแปลกพิศดารมากสุดยอดแห่งพุทธคุณ ก่อนอื่นท่านต้องทำสมาธิให้พอรู้ว่า เบาใจเบากายก่อน เวลาเบาใจเบากายจะรู้สึกเคลิ่มๆว่าห่วงนอนแต่มีสติอยู่ตอนนี้และเป็นตอนที่จิตว่างธุระทุกอย่างมันจึงเคลิ่มๆปล่อยว่างเหมื่อนคนจะหลับได้ต้องปล่อยว่างเสียก่อนจึงหลับได้จิตเป็นสมาธิก้ตอนนี้เหมือนกันจากนั้นนำพระมาจับไว้ใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้จับเบาๆพอประมาณข้อศอกอย่าว่างที่หัวเข่าให้ยกลอยขึ้น แล้วเพ่งจิตเบาๆ ไปที่องค์พระแบบสบายๆไม่ต้องภาวนาอะไรทั้งสิน เพราะการภาวนาเป็นการปลุกเสกเสียเองไม่ใช้การจับพลังพระต้องเข้าใจด้วยถ้าเราปลุกเสกเสียเองมันก็ก็ขึ้นอยู่แล้วจริงเปล่า เราต้องการจับพลังพระไม่ใช้ไปภาวนาปลุกเสกพระเพ่งจิตเบาๆไปที่องพระไม่ต้องว่าคาถาอะไรเลยเหมือนทำสมาธิแบบเดียวกัน พระสมเด็จสายวัดระฆังเวลาจับพลังได้จะรู้สึกว่าองค์พระจะค่อยๆหนักขึ้นๆ จนเราต้องออกแรงยกแต่มือที่จับจะไม่เกร็งแต่แรงที่ออกแรงยกจับต้องอกแรงมากขึ้นเรือ่ยๆจนรู้สึกได้เลยว่าหนักมากๆจนต้องทำหน้าเกร็งออกแรงเลยเหมือนยกหินพันชังแต่เรายกได้แล้วยกพระไปวนที่หน้าผาก แล้วยกชูสูงขึ้นกลับมาที่เดิมบางที่จะทำท่าฟันแบบดาบบอกว่าเป็นคลาดแคลดนี้ไม่ใช้การสะกดจิตตนเองแต่เป็นพลังพระพุทธคุณแถมขนลุกสู้ทั้งตัว ถ้าใจเด็จตอนนี้เอามีดเฉือดเนื้อยังไม่เข้าเลยแต่อย่าลองนะครับพระทุกองค์เวลาจับพลังต้องเป็นแบบนี้ไม่อย่างใดต้องอย่างหนึ่ง พลังจะขึ้นเองไม่ต้องว่าคาถาอะไร ถ้าว่าคาถาแสดงว่า ท่านปลุกเสกพระไม่ใช้จับพลังพระ ฉน้นคนที่จับพลังพระแล้วท่องคาถาแสดงว่าผิดแบบท่านเสกเสียเองแล้วที่ว่า จับแล้วเย็น ร้อน ก็ไม่ใช้มันเป็นธาตุไหลผ่านมือต่างหาก

 

อยากรู้ต้องลองฝึกดูครับ มันบอกกันยาก

เหมือนนรกสวรรค์มีจริงหรือไม่ ต้องเห็นเองถึงจะเชื่อ

จะไปนรกสวรรค์ยังไง ก็แล้วแต่แนวทางของแต่ละคน บางคนตายไปถึงรู้ บางคนไม่มีทางรู้ บางคนถอดกายทิพย์ได้ถึงไปได้

 

ลองไปอ่านดูนะ
http://www.ampoljane.com/index.php?option=...4&Itemid=81

 

จับได้ครับแต่เป็นปัจจัตตัง ใช่ว่าจะจับได้ทุกเมื่อต้องตอนจิตว่าง วาง จริงๆถึงจะได้ครับ

 

จับได้ครับ แค่ใช้ขณิกะสมาธิ แต่ต้องฝึกจับหลายๆปีเพื่อแยกว่า ความรู้สึกแบบไหนเป็นคุณวิเศษด้านใด เช่น
1.รู้สึกเนื้อหนังตึงเปรี๊ยะๆ จะเป็นคงกระพัน
2.รู้สึกที่อึดอัดและหนักที่ท้ายทอย จะเป็นมหาอุด
3.รู้สึกสบายตัวตามผิวหนังเหมือนมีอะไรเย็นๆคล้ายๆจะมีปิติ เป็นเมตตา
4.รู้สึกวูบๆวาบๆที่ผิวหนังแต่เบาๆ จะเป็นแคล้วคลาด
5.รู้สึกสบายๆแต่ที่ท้ายทอหนักๆ จะเป็นเสน่ห์(พวกของอาถรรพ์) อันนี้จะแยกยากเพราะบางท่านจะคิดว่าเป็นมหาอุด

นี่เพียงประสบการณ์บางส่วนที่ผมจับมาหลายปี ปีแรกๆจะถูกอุปาทานหลอก ต้องวางใจเป็นปกติกลางๆ แล้วจะทราบเอง การจับพระเครื่องต้องแยกให้ออกอีกว่า สิ่งที่เราสำผัสได้เป็นลมเพลมพัดหรือว่าเป็นพุทธคุณ พอทดสอบไปหลายๆปี แค่แตะปับก็จะรู้ได้ทันทีครับ....

 

จับได้ครับ แต่ถ้าฝึกต่อแค่มองก็รู้ได้ครับ

 

ตอนนี้ผมกำลัง ศึกษา และหา ข้อมูลที่เท็จ จริงอยู่เหมือนกันครับ

ขอบคุณครับ