ทำยังไงให้อยู่กับปัจจุบันครับ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย ฮาทณัฐพล, 1 มีนาคม 2012.

  1. ฮาทณัฐพล

    ฮาทณัฐพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +253
    :'(ผมเป็นมาเกือบปีละครับจิตใจอยู่ไม่เป็นสุขเลย
    คอยแต่พร่ำเพ้อถึงอดีตที่ผ่านมาอยากจะกลับไปแก้ไขอยากไห้มันเกิดอีก
    ผมเครียดมากอารมเสียง่ายเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายอ่ะครับแล้วก็คอยแต่โทษตัวเองไปเรื่อย
    เป็นอย่างนี้ทุกเวลาเรียนตื่นนอนอยู่บ้านในฝันเป็นหมดจิตใจอยู่ไม่เป็นสุขเลยครับใจร้อนรุ่มมากโกรธเกลียดคนรอบข้างไปหมดครับ ผมอยากอยู่กับปัจจุบันไม่อยากคิดอีกแล้วครับ
    ผมควรทำยังไงดีครับขอบคุณครับ
    :':)'(
     
  2. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    อย่าตำหนิกรรมของผู้อื่น

    [FONT=&quot]สมเด็จองค์ปฐมทรงเมตตาตรัสสอนว่า (เพื่อสะดวกในการจดจำ แล้วนำไปปฏิบัติต่อ ขอเขียนเป็นข้อๆ) ดังนี้[/FONT] [FONT=&quot] ๑. "เหตุที่จิตมีอุปาทาน ยึดเอากรรมของผู้อื่นมาใส่จิตของเรา จึงกล่าวเป็นวจีกรรมหลุดออกไป เพราะเหตุไม่รู้เท่าทันอารมณ์ของจิต ที่ยึดเอาอุปาทานนั้นๆ(บุรุษผู้สร้างกรรมกับปลา) ถ้าไม่ใช่อดีตกรรมส่งผลให้เขาทำกับปลา กล่าวคือ ถ้าไม่ใช่ปลาเคยเป็นคนมาแล้ว จับคนที่เป็นปลาอยู่อย่างนี้แล้ว กรรมนี้ก็เป็นกรรมปัจจุบัน คือ มีอารมณ์ฟุ้งซ่านเหลวไหล เห็นสิ่งที่ไม่เป็นสาระว่าเป็นสาระ มีอารมณ์สนุกไปกับการเบียดเบียนปลา จึงสร้างกรรมนี้ให้เกิดขึ้น ซึ่งกรรมนี้เมื่อลุล่วงไปแล้ว ก็เป็นกายกรรมอันส่งผลให้เกิดกรรมในอนาคตได้ กล่าวคือจะต้องมีชาติหนึ่งในต่อไปข้างหน้า บุรุษนี้ก็จะเกิดมาเป็นปลาสวาย และปลานั้นกลับชาติมาเกิดเป็นคนจับเงี่ยงปลาชูให้ดิ้นรน จนกระทั่งตกลงกระแทกแพอีก นี่คือกรรมภายนอก แต่เจ้าทั้งสองเอามาเป็นกรรมภายใน สร้างวจีกรรมให้เกิด เท่ากับเห็นคนผิด เห็นปลาถูก จึงไปตำหนิกรรมอยู่อย่างนั้น วจีกรรมคือนินทากับสรรเสริญนั่นเอง[/FONT]
    [FONT=&quot] ๒. "[/FONT][FONT=&quot]ถ้าจิตยังละการตำหนิกรรมไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นมโนกรรมหรือวจีกรรม ก็เท่ากับสร้างผลกรรมให้ต่อเนื่องกันไป ในการตำหนิกรรมไม่รู้จักสิ้นสุด ในเมื่อโลกนี้มันเป็นวัฏจักรอยู่อย่างนี้ ผิดถูกในโลกนี้ไม่มี มันมีแต่กรรมล้วนๆ [/FONT]
    [FONT=&quot] ๓. [/FONT][FONT=&quot]"ในเมื่อเจ้าทั้งสองตำหนิกรรมอย่างนี้แล้ว พอไปชาติหน้าก็ประสบมาเป็นคน จากคนที่เป็นปลาก็ต้องมาตำหนิกรรมอีก เมื่อมัวแต่ตำหนิธรรมหรือกรรมของผู้อื่น อันสืบเนื่องเป็นสันตติประดุจกงกำกงเกวียน หมุนเวียนต่อเนื่องกันไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แล้วพวกเจ้าจะเอาชาติไหนมาตัดสินว่าใครผิด-ใครถูก โลกทั้งโลกมันเป็นอยู่อย่างนี้ เพราะกิเลส-ตัณหา-อุปาทาน-อกุศลกรรมเป็นเหตุ ทำให้จิตของคนกระทำกรรมให้เกิดแก่มโน-วจีและกายได้อยู่เป็นอาจิณ[/FONT]
    [FONT=&quot] ๔. "[/FONT][FONT=&quot]เจ้าต้องการพ้นกรรม ก็จงหมั่นปล่อยวาง มองเห็นเหตุแห่งกรรม อะไรจักเกิดก็ต้องคิดว่า กรรมใครกรรมมัน รู้สันตติของกฎแห่งกรรมว่ามันเป็นอย่างนี้ ถ้าเขาไม่ทำกรรมกันมาก่อน กรรมนี้ก็จักไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นมาได้ ตถาคตจึงได้ตรัสยืนยันว่า กรรมทั้งหลายมาแต่เหตุ เมื่อเรารู้เหตุก็จงดับที่เหตุแห่งกรรมนั้น จงอย่ามองว่าใครผิดใครถูก กรรมถ้าไม่ใช่เขาก่อขึ้นเอง มันก็เกิดขึ้นไม่ได้เองหรอก” [/FONT]
    [FONT=&quot] ๕. [/FONT][FONT=&quot]"เมื่อพวกเจ้าเข้าใจดีแล้ว [/FONT][FONT=&quot]ก็จงหมั่นทำจิตให้พ้นจากการตำหนิธรรมเถิด ค่อยๆวางค่อยๆทำ กายกรรม-วจีกรรม-มโนกรรม ก็จะละเอียดขึ้นตามลำดับ กำหนดจิตให้ตั้งมั่นอยู่ในวิมุติธรรม ทำอารมณ์สังขารุเบกขาญาณ ยอมรับนับถือกฎของกรรมให้เกิดขึ้นในจิต ทำบ่อยๆเข้ามรรคผลก็จะปรากฏขึ้นเอง อย่าละความเพียรเสีย กระทบเท่าไหร่-เมื่อไหร่-ที่ไหนก็ต้องรู้ อย่าตำหนิธรรมให้เกิดขึ้นกับจิต เห็นกรรมที่เป็นสภาวะอย่างนี้อยู่ให้ชัดเจนอยู่ตลอดเวลาอยู่กับจิต ผู้ไม่รู้ย่อมกอปรกรรมให้เกิดด้วยจิตอุปาทานในกรรมนั้น ๆ กรรมใครกรรมมัน พวกเจ้าอย่าไปเกาะยึดเอากรรมนั้นๆมาตำหนิดีเลว เพราะเท่ากับว่ามีอุปาทานเห็นกรรมนั้น ๆ ว่าดี-เลว เมื่อจิตมีอุปาทานตำหนิดี-เลวจนเป็นมโนกรรม แล้วยับยั้งไม่อยู่ ก็ออกปากตำหนิดี-เลว จนเป็นวจีกรรมอีก[/FONT][FONT=&quot][FONT=&quot][/FONT] [/FONT]
    [FONT=&quot] ๖. [/FONT][FONT=&quot]"ถ้าบุคคลไม่รู้อุปาทานนี้ ทำกรรมโดยลงแพไปต่อว่าต่อขานคนที่จับปลาเข้า ถ้ายังอารมณ์ปฏิฆะให้เกิด ก็จะทะเลาะกัน ดีไม่ดีก็จักทำร้ายร่างกายกัน จนเป็นกายกรรมสืบเนื่องต่อกันไปได้ ดังมีตัวอย่างมามากมาย คนอื่นเขาทะเลาะกัน สร้างกรรมกัน คนนอกเข้าไปสอดแทรก เป็นกรรมการห้ามปราม คู่กรณีไม่ยอมฟังเกิดอารมณ์โทสะขึ้นหน้า ลงมือทำร้ายกรรมการเสียจนตายไปด้วยความหมั่นไส้ เพราะฉะนั้น เมื่อพวกเจ้าปรารถนามรรคผลนิพพาน ก็ไม่ควรต่อกรรมกันไปอีก ยุติการตำหนิกรรมลงเสียให้ได้ ไม่ว่าจักเป็นกายกรรม-วจีกรรม-มโนกรรม ก็ต้องยุติลง ใช้ศีล-สมาธิ-ปัญญาอันเกิดแก่จิต พิจารณาให้รู้แจ้งเห็นจริงในสันตติวงล้อวัฏจักรกรรมว่ามันเป็นอยู่อย่างนี้เอง พยายามทำจิตให้ยอมรับกฎของกรรมโทษของกรรมไม่ว่าดีหรือเลวนั้นไม่มี เห็นแต่กงกำกงเกวียนหมุนเวียนอยู่อย่างนี้ไม่มีที่สิ้นสุด จงยอมรับกฎของกรรมซึ่งยุติธรรมที่สุด ใครทำใครได้ อย่าไปมีหุ้นส่วนกรรมกับใครๆเขาโดยการตำหนิกรรมเป็นอันขาด จำไว้นะ[/FONT]
     
  3. bluebaby2

    bluebaby2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2010
    โพสต์:
    2,471
    ค่าพลัง:
    +4,288
    ธรรมะที่เหมาะกับคุณ

    ไม้ ดอกแต่ละชนิด ก็ทำหน้าที่ของแต่ละชนิด ความสวยงามก็แตกต่างกันออกไป แต่ดอกไม้ทุกดอก ก็มีความงามของตนเอง มีมากมายหลากหลายสี มีทั้งกลิ่นและไม่มีกลิ่น มีทั้งมีกลิ่นหอม ไม่หอม และเหม็น ให้มนุษย์ได้พิจารณา และศึกษา มนุษย์บางคนที่ทำตัวน่ารัก ก็มีคนอยากอยู่ใกล้ๆ เหมือนดอกไม้หอม แต่บางคนก็ร้าย ไม่มีใครอยากเข้าใกล้ เหมือนดอกอุตรพิษที่ส่งกลิ่นเหม็น หรือบางคนก็ไร้อารมณ์ เหมือนดอกไม้ที่ไม่มีกลิ่นคนก็ไ<wbr>ม่สนใจที่จะดม

    มนุษย์ควรมีอารมณ์ที่ถูกต้องในส<wbr>ถานการณ์ต่างๆ โกรธได้...แต่ต้องโกรธ...ให้เป็<wbr>น...!
    รักได้...แต่ต้องรัก...ให้เป็น.<wbr>..! ถ้ามนุษย์ใช้อารมณ์ในสถานการณ์ต่างๆ ไม่เป็น ก็คงอยู่ในโลกนี้อย่างไม่มีความ<wbr>สุข ดอกไม้ถึงเวลาของเขา เขาก็ออกดอก ถึงเวลาร่วง...เขาก็ร่วง ทุกอย่างมีเวลา...! เขาเคยออกดอกสีไหน เขาก็ออกสีเดิม ไม่เคยอิจฉาดอกชนิดอื่น หรือสีอื่นๆ ดอกอุตรพิษ ไม่เคยอิจฉาดอกลิลลี่หรือดอกมะลิ เขาก็ต่างทำหน้าที่ให้มนุษย์ได้เรียนรู้

    ไม่มีดอกเหม็นมาเปรียบเทียบ จะรู้คุณค่าความหอมได้อย่างไร?
    ไม่มีความชั่วมาให้เปรียบเทียบ ก็คงไม่รู้ว่าดีเป็นอย่างไร
    เมื่อมีมืดก็มีสว่าง มีขาวก็มีดำ มีทุกข์ก็มีสุข มีชั่วก็มีดี
    เห็นคนทำชั่วไม่ต้องว่าเขา ดูเขาเป็นครู
    รู้ว่าชั่วแล้วจะทำอย่างเขาไหม?<wbr> ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมขึ้นกลางป่า<wbr>ก็หอม ไม่ว่าจะมีคนไปดมหรือไม่ก็ไม่เค<wbr>ยสนใจ หน้าที่คือการส่งกลิ่นของเขา ส่วนการได้กลิ่นเป็นเรื่องของมนุษย์ ไม่ใช่หน้าที่ของต้นไม้และดอกไม้ เพราะความสำคัญอยู่ที่...การทำห<wbr>น้าที่ของตนให้ดีที่สุด...มนุษย์ทำหน้าที่ได้เหมือนต้นไม้ได้หรือไม่?
    ทำไมมนุษย์ส่วนใหญ่ชอบทำความดีต่อหน้า
    แต่พอลับหลังไม่ทำ มนุษย์ทำตัวเยี่ยงไม้ดอกได้หรือ<wbr>ไม่?
    ทำความดีทั้งต่อหน้าและลับหลัง
    คนเห็นหรือไม่เห็นก็ทำ!

    เจ้ารู้มั้ย?
    ทำไมดอกกุหลาบเขาใช้เป็นสัญลักษ<wbr>ณ์ของความรัก เพราะดอกกุหลาบโดดเด่นและมีกลิ่<wbr>นหอม เชิญชวนให้มนุษย์มาเชยชม หรือเด็ดดม แล้วทำไมดอกกุหลาบจึงมีหนามแหลม<wbr>คม เพราะถ้ามนุษย์จับอย่างไม่ระมัด<wbr>ระวังจะโดนหนามกุหลาบทิ่มแทงจนไ<wbr>ด้รับความเจ็บปวด เปรียบเทียบกับความรัก...มีทั้ง<wbr>สวยงามและหอมหวาน แต่ถ้ารักไม่เป็นก็จะถูกพิษของค<wbr>วามรักทิ่มแทงให้เจ็บปวดได้เช่น<wbr>เดียวกับหนามกุหลาบ ก่อนที่จะมี...ความรัก...ต้องเรียนรู้เรื่องความรักให้ดีก่อน รักให้เป็น...แล้วจะไม่เป็นทุกข์...
    ความรักที่ดีคือ...รักอย่างมีสติ...ก่อนจะลงหลุมคิดหาทางขึ้นจา<wbr>กหลุมให้ได้เสียก่อนจะดีกว่าไหม<wbr> มิฉะนั้นเมื่อตกหลุมแล้ว หาทางขึ้นไม่ได้ก็จะเป็นทุกข์ ถ้าควบคุมสติตนเองไม่ได้...ถึงต<wbr>าย...ก็มีให้เห็นตั้งมากมาย
     
  4. ผู้พันจุ่น

    ผู้พันจุ่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,396
    ค่าพลัง:
    +2,983
    ใคร เป็นผู้กลับเข้าไปในอดีต ....?

    ทำอย่างไร ? จะไม่แก่ ไม่เจ็บ ไม่ตาย......?

    คิดให้ได้คำตอบ ....เดี๋ยวมันก็ พบทางออกได้เอง
     
  5. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    .......................เราไปเอาอะไรจากอดีตไม่ได้หรอกครับ มันผ่านไปแล้ว.....คงต้องบอกตรงตรงให้คุณฝึกเจริญสติละครับ.........คุณมีทุกข์ใช่ใหมครับ.....ทุกข์นั้นเกิดจากความอยาก(ตัณหา) อย่างเดียวเลย....ถ้าคุณตั้งใจเจริญสติอยู่กับ กาย-ใจในปัจจุบัน....จะเห็นว่ามันก้เกิดดับในปัจจุบันนี้เหมือนกัน....เจริญสติให้เข้าใจความจริงตรงนี้....ความคิดเป็นธรรมมารมณ์อย่างหนึ่ง ทำให้เกิดจิตสังขาร (โทสะ โมหะ ราคะ)...ให้มีสติระลึกรู้...ไว้ตลอดเป็นเบื้องต้น...............ส่วนถ้าคุณจะปฎิบัติธรรมจริงจริงนั้นผมว่าคุณสามารถหาความรู้ได้เองอยู่แล้ว ลองดูนะครับ:cool:
     
  6. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,458
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    ขอฝากหนังสือให้คุณ momandboy อ่านเเล้วกันครับ กดเข้าไปใน link ที่อยู่ใต้ comment ของผม เเล้วเข้าไป download ได้เลยครับ ใน link มีหนังสือดีๆอยู่ 2 เล่ม คือ หนังสือชีวิตเป็นอย่างนี้ เเละทําบ้านให้เป็นสุข ยังไงก็ลอง download ไปอ่านให้จบเเล้วกันครับ อ่านจบเเล้วคุณ momandboy จะรู้สึกดีขึ้นอย่างเเน่นอนครับ ขอเป็นกําลังใจให้ครับ
     
  7. itipizo

    itipizo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2010
    โพสต์:
    178
    ค่าพลัง:
    +86
    ง่าย ๆ นะ เวลาคุณจะทำอะไร เอาความรู้สึกตัวใส่เข้าไปด้วย ให้จิตมันอยู่กับฐานกาย
    อย่างคุณพิมพ์ข้อความนี่ ใจคุณก็ไหลไปคิด ก็เพียงแค่รู้สึกถืงนิ้วกำลังพริ้วอยู่บน
    แป้นพิมพ์ ในหัวของคุณจะโล่งว่างขึ้นมาขณะนึงทันที..
    ทุกก้าวที่คุณจะเหยียบลงพื้นลองใส่ใจ เอาใจไปใส่กับเท้า สัมผัสกับพื้น
    รู้สึกเล่น ๆ กับกายนี้ไปเรื่อย ๆ ทำเล่น ๆ ไป อย่าไปตั้งใจเอาจริงเอาจัง
    อยากได้อยากดีอะไร แล้ววันหนึ่งคุณจะเห็นว่า...ความสุขมันอยู่รอบตัวเราจริงๆ ครับ..

    เป็นกำลังใจให้นะครับ..
    ร่างกายจะให้แข็งแรงต้องเคลื่อนไหว
    จิตจะให้มีพลัง..ต้องหยุดนิ่ง...
     
  8. โอกระบี่

    โอกระบี่ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    1,477
    ค่าพลัง:
    +1,651
    ลองสวดมนต์ไหว้พระดูน่ะครับจิตจะได้จดจ่ออยู่กับสิ่งดี ๆ เดี๋ยวสติก็จะเกิดตามมาเอง
     
  9. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    วิธีง่ายๆ แต่อาจจะยากก็ได้ คือ
    ตามสังเกตุดู อารมณ์ของตนเอง...เวลารู้สึกหงุดหงิด อารมณ์เราเป็นอย่างไร ในขณะนั้น ลมหายใจเราจะสั้นๆ หายใจติดขัดไม่เป็นปกติ...อันนี้ลองสังเกตุดูสิ จริงมั้ย? พอเราจับอารมณ์ได้แล้ว อุปมาเหมือนเจ้าของบ้านจับขโมยได้ ขโมยมันจะรู้สึกระอายใจ ไม่กล้าเข้ามาขโมยความดีไปจากใจเราได้อีก

    พอรู้แล้ว พยายามสูดลมหายใจเข้ายาวๆลึกๆหลายๆครั้ง เพื่อเป็นการปรับธาตุ และเรียกสติให้กลับมาอยู่ในอารมณ์ปัจจุบัน...ไม่ว่าจะเป็นความคิดที่แล่นไปในอดีต ก็ทำนองเดียวกัน สังเกตุดู อารมณ์กับลมหายใจ มันจะสัมพัธ์กันอยู่เสมอ พยายามหายใจเข้ายาวๆลึกๆให้ถึงท้อง...อันนี้หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม ท่านแนะว่า คนหายใจสั้นๆ มักจะเป็นคนอารมณ์ร้อน โกรธง่าย...พอโกรธมา ปั๊บ! หายใจเข้ายาวๆลึกๆ ความคิดถึงอดีตมา ปั๊บ! หายใจเข้ายาวๆลึกๆ...ฯลฯ จนเราชำนาญแล้ว จะทำให้เราเป็นคนใจเย็นขึ้น สติปัญญาก็มีกำลัง สามารถแก้ปัญหาในชีวิตประจำวันได้ทันท่วงที...

    สรุป คุณลองไปฝึกสังเกตุ ดูอารมณ์ของตนเอง(รัก โลภ โกรธ หลง ฟุ้งซ่าน ใจลอย ฯลฯ หน้าตามันเป็นเช่นไร) พร้อมทั้งสังเกตุลมหายใจอยู่ทุกขณะ จะช่วยให้เรา อยู่กับเหตุการณ์ปัจจุบันได้ดียิ่งขึ้น...

    เจริญในรสธรรม
     
  10. phasusorn

    phasusorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    174
    ค่าพลัง:
    +133
    โมทนาสาธุครับ ไม่มีสิ่งใดที่ยิ่งใหญ่ไปกว่าพระธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อีกแล้วครับ นิพพานเป็นสุขอย่างยิ่ง
     
  11. ฮาทณัฐพล

    ฮาทณัฐพล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +253
    ขอบคุณทุกท่านคับผมจะพยายามครับ:cool:
     
  12. ท่ามกลาง

    ท่ามกลาง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    115
    ค่าพลัง:
    +27
    [FONT=&quot]ความจริงแล้วองค์พุทธะ ท่านให้ปล่อยวางปัจจุบัน ไม่เนื่องด้วยปัจจุบัน ไม่เนื่องด้วยกายและจิต ไม่ดิ้นรนตามตัณหา ไม่เจริญเหตุแห่งทุกข์ ก็ย่อม[/FONT][FONT=&quot]พ้นทุกข์ในปัจจุบัน[/FONT][FONT=&quot]แล้ว จัดเป็นผู้ไม่ประมาท เมื่อตรงต่อความหลุดพ้นในปัจจุบันไปเรื่อยๆ ก็จะบริบูรณ์ใน[/FONT][FONT=&quot]นิพพานอยู่แล้ว[/FONT][FONT=&quot]ไปเอง[/FONT]

    เจริญพร
    พระต่อศักดิ์ วชิรญาโณ
    วัดร่มโพธิธรรม ต.หนองหิน อ.หนองหิน จ.เลย 42190
    www.rombodhidharma.com
     

แชร์หน้านี้

Loading...