๓๗เรื่องเล่าหลวงปู่ดู่กับธรรมะลึกซึ้งที่เข้าใจได้ง่ายและนำไปใช้ได้ทันที

ในห้อง 'หลวงปู่ดู่ และ หลวงตาม้า' ตั้งกระทู้โดย 789987, 21 พฤษภาคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    ประสบการณ์ธุดงค์

    ๒๖. ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ ธุ ด ง ค์

    ธุดงควัตรของพระภิกษุสงฆ์ มีถึง ๑๓ ข้อ เช่น การถือบิณฑบาตเป็นวัตร การครองผ้า ๓ ผืน การฉันเอกาสนิกังคะ (มื้อเดียว) ฯลฯ ส่วนการเดินธุดงค์เพื่อหาความวิเวก หลวงปู่ท่านเรียกว่า "เดินรุกขมูล" จุดประสงค์ของพระพุทธองค์เพื่อให้ภิกษุมีการขัดเกลากิเลส และทำปัญญาให้เกิดขึ้นจากหลักสูตรที่บัญญัติขึ้น เช่น การฉันมื้อเดียว เพื่อให้ไม่ยุ่งยากในการหาอาหารบริโภค และอาหารที่ฉันน้อยลง สามารถมีเวลาในการปฏิบัติมากขึ้น ผู้เขียนเคยเรียนถามหลวงปู่ถึงการออกรุกขมูลว่าได้อะไรบ้าง

    หลวงปู่ "ดี ได้หลายอย่าง"

    เมื่อผู้เขียนเรียนถามถึงประสบการณ์ของการเดินรุกขมูลของหลวงปู่ ท่านจึงเล่าที่สำคัญให้ฟัง ๒ เรื่อง ดังนี้

    หลวงปู่ "กำลังเดินอยู่มีฝูงวัววิ่งเข้ามาเกือบร้อยตัว พระที่ไปด้วยจะวิ่งหนี บางองค์จะปีนต้นไม้ ข้าบอกว่า อย่าทำ! เดี๋ยวเสียเรื่อง อยู่เฉยๆ พอวัววิ่งมาถึง แทนที่จะมาชน วัวกลับกลายเป็นวิ่งเวียนขวา ทำการทักษิณาวรรต แล้วจึงหนีไป อีกครั้งคือ เดินไปแถวเมืองกาญจน์ ติดเขตเมืองสุพรรณบุรี พวกนี้ชอบลองพระ พอปักกลดเสร็จ กลางคืนกำลังสวดมนต์ ข้ารู้สึกไม่ค่อยดี ได้ยินเสียงว่า เห็ดขึ้นกลางนา ยิงไม่บาป เพราะเขาถือว่า กลดที่ปักเป็นเห็ด เขาลองยิงแต่ไม่ออก เสียงแช้ะ แช้ะ พอตอนเช้าเขามาขอของดี และขอขมาข้า ข้าเลยถอนกลดเดินต่อ บอกเขาว่าไม่มีอะไรจะให้"

    หลวงปู่เล่าจบ ท่านยังแถมท้ายอีกว่า "อุปัชฌาย์ข้า (หลวงพ่อกลั่น วัดพระญาติ) บอกอานิสงส์ของการภาวนา สว่างเท่าหัวไม้ขีดไฟ มากกว่าการตักบาตรจนขันลงหินทะลุ ด้วยความโง่เลยเที่ยวหาขันที่ทะลุ แต่ไม่เจอ ไปเจอเอาขันแตกใบหนึ่ง"

    พระพุทธองค์มีหลักสูตรของพระคือ ธุดงควัตร หลวงปู่จึงถือปฏิบัติตามพระพุทธเจ้า และในการเดินธุดงค์นั้น ตามพระวินัยกล่าวว่า ควรจะปฏิบัติหลังจากบวชได้ ๕ พรรษาแล้ว เพราะถือว่าเป็นผู้ใหญ่ (พระเถระ) หลวงปู่ได้ให้ข้อคิดว่า
    "ผู้ที่ออกเดินรุกขมูล ถ้าไม่มีความรู้หรือวิชาพอสมควร เมื่อเจอปัญหาหรืออุปสรรคจะเป็นอันตรายได้"


    อตฺตานํ ทมยนฺติ ปณฺฑิตา
    บัณฑิตย่อมฝึกตน
    พุทธพจน์
     
  2. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    เกินพอดี

    ๒๗. เ กิ น พ อ ดี

    ทางสายกลางหรือมัชฌิมาปฏิปทา คือความพอดี ถ้ามากเกินหรือน้อยเกินไป จะมีผลต่อจิตใจ ผู้เขียนเคยเรียนถามหลวงปู่เกี่ยวกับคนที่เสียจริต กรรมอะไรที่ทำให้ต้องเป็นเช่นนั้น หลวงปู่ท่านตอบแบบปัจจุบันกรรม คือกรรมในชาตินี้ว่า

    "ผู้ที่เสียใจสุดขีด หรือดีใจสุดขีด จะทำให้เป็นบ้าได้"

    นอกจากนี้ หลวงปู่ยังกล่าวถึงอารมณ์ของคนไม่ปกติ ท่านบอกว่าเป็นโรคลมบาทจิต บาดทะยักเกิดขึ้นกับร่างกาย บาทจิตเกิดขึ้นกับจิตใจ มีผลถึงประสาท ดังนั้น การรักษาอารมณ์ของคนจึงมีความจำเป็น บุคคลบางประเภทเดี๋ยวดี เดี๋ยวร้ายไม่แน่นอน หากที่เรียกว่า "ลมขึ้น ลมลง" เนื่องจากไม่ได้มีการฝึกจิตหรือฝึกสติให้มั่นคง การชำระแต่เพียงร่างกาย ถ้าไม่ได้ชำระจิตใจเสียบ้าง ในที่สุดจะเกิดการหมักหมมของอารมณ์เช่นเดียวกับผลไม้ที่เกิดการหมักหมมกลายเป็นเหล้า ทำให้เกิดความมัวเมาหาทิศทางไม่เจอ จิตใจเต็มไปด้วยอธรรม มีการแก่งแย่งชิงดี ริษยา อาฆาตไปต่างๆ นานา เมื่อสิ่งแวดล้อมเป็นพิษ จิตก็เกิดการล้มละลายได้ ลำพังความรู้ทางโลกอย่างเดียวนั้นไม่สามารถนำมาปฏิรูปจิตได้ มีครั้งหนึ่งหลวงปู่ท่านนั่งอ่านวิชาการทางโลก เมื่อเจ้าของหนังสือได้เรียนถามว่า "หลวงปู่อ่านเรื่องอะไร"

    หลวงปู่ "ข้าอ่านไปยังงั้นแหละ ข้าถามหลวงปู่ทวดว่า อ่านแล้วจะได้อะไร ท่านตอบข้าว่า อ่านยังไงก็ไม่พ้นทุกข์ ที่ท่านทำอยู่นั้นคือ ทางพ้นทุกข์ นั่นคือการปฏิบัตินั่นเอง"

    พระพุทธองค์ทรงหยิบใบไม้ขึ้นมาหนึ่งกำมือ แล้วตรัสถามพระภิกษุว่า

    "ปริมาณใบไม้ในมือกับในป่า อันไหนมากกว่ากัน"

    พระภิกษุทูลตอบว่า "ในป่ามีมากกว่ากันจนประมาณไม่ได้"

    พระพุทธองค์ "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ความรู้ที่ตถาคต นำมาสอนพวกเธอก็เช่นเดียวกัน เพราะความรู้มีมากมาย แต่ที่ทำให้พ้นทุกข์คือ สิ่งที่นำมาสอนพวกเธอเท่านั้น"

    สาธุ โข ปณฺฑิโต นาม น เตวว อติปณฺฑิโต
    อันว่าบัณฑิตนั้นดีแน่ แต่ว่าบัณฑิตเลยเถิดไปก็ไม่ดี
    พุทธพจน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤษภาคม 2007
  3. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    บอกไม่ได้

    ๒๘. บ อ ก ไ ม่ ไ ด้

    การที่หลวงปู่ท่านรับแขกโดยไม่ท้อถอย ร่างกายเลยขาดกำลังเนื่องจากพักผ่อนไม่เพียงพอ มีอยู่ครั้งหนึ่ง ขณะที่ท่านให้พรหลังจากฉันอาหารเสร็จแล้ว ท่านนิ่งไปเกือบครึ่งชั่วโมง ผู้คนในที่นั้นตกใจมาก รีบโทรศัพท์หาหมอเพราะเข้าใจว่าท่านช็อคหมดสติ แต่ในที่สุดท่านก็หายเป็นปกติ คืนวันนั้น ผู้เขียนไปเยี่ยมท่านถามถึงอาการว่าท่านหมดสติจริงหรือ หลวงปู่ท่านตอบว่า

    "ไม่เห็นเป็นอะไร เขาตกใจกันไปเอง แกน่าจะรู้ว่าข้าทำอะไร ขืนบอกไปเดี๋ยวตกนรก" ผู้เขียนจึงพยักหน้าและเข้าใจว่า ท่านต้องเข้าสมาธิจิตขั้นสูงสุด เพื่อปรับธาตุขันธ์ให้เป็นปกติ เพราะร่างกายอ่อนเพลียมาก การทำเช่นนี้ เพื่อให้จิตได้พักผ่อนเต็มที่และส่งผลไปถึงร่างกาย ผู้เขียนจึงพยายามตั้งคำถามว่า

    "แสดงว่า หลวงปู่เข้า........." ยังไม่ทันพูดจบดี ท่านรีบตัดบทว่า
    "ไม่ต้องพูด พอแล้ว หมดเรื่อง"
     
  4. Wisdom

    Wisdom ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    1,669
    กระทู้เรื่องเด่น:
    11
    ค่าพลัง:
    +26,542
    วีดิโอหลวงปู่ดู่โปรดญาติโยมที่มาทำบุญที่วัด <---
    http://www.watthummuangna.com/vdoluangpoodoo.htm


    นำมาฝากเป็นกำลังใจครับ นะโมโพธิสัตโต พรหมปัญโญ
    ดูวิดีโอท่านแล้วตื้นตันใจครับ พระคุณท่านมีต่อศิษย์
    มากเหลือเกิน ทำความดีถวายท่านกันเถอะครับ
    น้อมนำคำสอนท่านมาปฎิบัติ และปรับใช้กับตนเอง

    ------------------


    ธรรมรักษาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 พฤษภาคม 2007
  5. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,359
    เอาอีกๆๆๆๆๆๆๆๆ > <
     
  6. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    5555 มาแล้วครับคุณ Specialized
    เมื่อคืน hi speed ของ true เน่าครับ
    ต่อเลยครับผม
     
  7. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    อำนาจบุญ

    ๒๙. อำ น า จ บุ ญ

    วันหนึ่งขณะที่หลวงปู่กำลังสนทนากับผู้เขียน มีญาติโยมบ้านอยู่ที่อำเภอนครหลวง เข้ามากราบนมัสการพร้อมกับขอร้องหลวงปู่ให้ช่วยเหลือลูกสาวซึ่งถูกผีเข้าเป็นเวลาถึง ๓ ปี ผีที่เข้าบอกว่า โดนยิงตายที่หลังวัดข้างบ้านเจอผู้หญิงเกิดชอบใจ ต้องการได้ไว้เป็นภรรยา บางเวลาผีก็เข้า บางเวลาผีก็ออก ทำให้เกิดความกลัดกลุ้มมาก ถึงกับบางครั้งแกแทบจะยิงผี ซึ่งผีบอกว่า ยิงก็โดนลูกสาวแกเอง หลวงปู่ฟังเสร็จจึงพยักหน้ามาที่ผู้เขียนแล้วบอกว่า

    หลวงปู่ "แกช่วยเขาทีเอาบุญ"

    โยม "ต้องเอาตัวคนไข้มาหรือไม่ครับ"

    หลวงปู่ "ไม่ต้อง" หลังจากนั้นหลวงปู่ตั้งจิตแล้วพูดว่า "เรียกตัวผีมารับบุญหวงปู่ทวด มารับบุญข้าให้โมทนาซะ จะได้ไปดี เป็นผีก็ไปเอาเมียผี ไม่ใช่มาเอาเมียคน รับบุญไปจะได้มีเมียนางฟ้าเยอะแยะ ดูด้วยว่าผีรับหรือยัง...รับแล้วใช่ไหม....ไปเกิดซะ เอาละหมดเรื่องแล้ว"

    ผู้เขียนจึงบอกโยมคนนั้นว่า "ตอนที่เขาไปเกิดแล้วนี่เป็นเหตุ ลุงกลับบ้านลองไปดู ถ้าลูกสาวไม่เป็นไรแสดงว่าหาย" โยมคนนั้นจึงกลับไปพร้อมกับความสงสัยจนกระทั่งผ่านไปเกือบเดือน แกได้กลับมาที่วัดอีกครั้ง พร้อมรายงานว่า "หายดีแล้วครับ ตั้งแต่วันนั้นไม่มีอาการเกิดขึ้นอีกเลย เพราะหลวงปู่เมตตาช่วยเหลือไว้"

    remark ; นี่ครับ สุดยอด ไล่ผีในแบบพระโพธิสัตว์ คือการแผ่บุญไปช่วยเหลือให้เขาปรับภพภูมิ ได้บุญด้วย เหมือนที่พวกเราทำกันอยู่ตอนนี้น่ะครับ อ่านเรื่องนี้แล้วทุกท่านคงยิ่งชัดเจนเรื่องการแผ่บุญ ปรับภพภูมิ
    เป็นเรื่องง่ายๆ สำหรับหลวงปู่เลย ลุงคนนั้นตอนแรกแกคงงงน่ะครับ เพราะคุ้นเคยกับการใช้คุณไสยไปบังคับวิญญาณแบบพวกหมอผี แล้วแกก็คงคิดว่า เอ แค่นี้เสร็จแล้วหรือ บารมีหลวงปู่เรื่องแค่นี้ ผงมากครับ
     
  8. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    กรรมเก่า

    ๓๐. ก ร ร ม เ ก่ า

    โดยปกติหลวงปู่จะไม่มีการล้มหมอนนอนเสื่อ มีครั้งแพทย์เห็นอาการท่านหนักมาก ท่านบอกไม่เป็นไร แต่ท่านได้สงเคราะห์ให้หมอรักษาโดยการให้น้ำเกลือ หลวงปู่ท่านมองสายน้ำเกลือ

    หลวงปู่ "นึกถึงกรรมที่เคยผูกควายไว้กับต้นไม้ ไม่ให้ไปไหน ตอนนี้เลยมาโดนเข้ากับตัวเอง โดนผูกเอาไว้เหมือนกัน"

    พระพุทธองค์ตรัสว่า "ขึ้นชื่อว่าความชั่ว ไม่ทำเสียเลยดีกว่า" เพราะการทำกรรมมีผู้บันทึกไว้ทั้งสิ้น ไม่ว่าดีหรือชั่ว จิตคือคอมพิวเตอร์ที่บันทึกได้อย่างแม่นยำ ด้วยตัวของตัวเอง และจิตตัวนี้จะแสดงผลของกรรมให้เห็นในขณะดับจิต หลวงปู่ท่านเล่าถึงกรรมที่จิตไปข้องนั้น เม้แต่น้อยนิดยังส่งผลได้ โดยท่านกล่าวถึงอาจารย์องค์หนึ่งว่า

    หลวงปู่ "เป็นพระปฏิบัติกรรมฐาน ท่านเคยบอกลูกศิษย์ลูกหาท่านว่า ถ้าท่านตายวันไหน จะมีเสียงปี่พาทย์ราดตะโพนมารับ พอท่านตายจริงๆ กลับเงียบ ทำให้ลูกศิษย์เศร้าใจและเป็นห่วงท่านไปไม่ได้ เพราะไปนึกถึงอ้อยที่โยมเอามาถวาย ท่านปลูกเอาไว้ กำลังจะได้ผล ท่านเพียงแต่คิดว่าจะนำไปถวายให้พระฉัน ถ้าตายไปเลยตอนนี้ก็จะไปเกิดเป็นเล็นติดอยู่กับต้นอ้อย พอวันที่ ๗ พวกทายกเห็นต้นอ้อยงามดี เลยตัดนำไปถวายพระที่มางาน จึงเป็นโอกาสดี ท่านเลยโมทนาจิต ไม่ติดเกาะอยู่เท่านั้นเอง ทายกทายิกาได้ยินเสียงปี่พาทย์รับขึ้นมา ลูกศิษย์ลูกหาพลอยดีใจ เพราะคำพูดอาจารย์กล่าวไว้ศักดิ์สิทธิ์"

    ตรงกับพุทธภาษิตบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า

    จิตฺเต สงฺกิลิฏเฐ ทุคฺคติ ปาฏฺกงฺขา
    เมื่อจิตเศร้าหมองแล้ว ทุคติเป็นอันต้องหวัง
    จิตฺเต อสงฺกิลิฏฺเฐ สุคติ ปาฏิกงฺขา
    เมื่อจิตไม่เศร้าหมอง สุคติเป็นอันหวังได้
     
  9. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    อาหาเรปฏิกูลสัญญา

    ๓๑. อ า ห า เ ร ป ฏิ กู ล สั ญ ญ า

    พระสงฆ์ทุกองค์มีวินัยกำหนดให้พิจารณาอาหารก่อนทำการฉัน มองให้เห็นเป็นสิ่งปฏิกูล เพราะได้มาจากธาตุดิน เมื่อบริโภคแล้วจะได้ไม่ยึดติดในกลิ่นรส คิดว่าฉันเพื่อประทังความหิว และให้สังขารร่างกายได้ปฏิบัติต่อไป ให้ได้คุณธรรม หลวงพ่อมหาวีระท่านกล่าวไว้ว่า "ถ้าภิกษุฉันอาหารโดยไม่พิจารณาก่อน กินถ่านแดงเสียดีกว่า เพราะกินแล้วตายเลยไม่ต้องไปทนทุกข์ทรมานในนรก" ซึ่งคำพูดของท่านได้มาจากพระไตรปิฎก

    วันหนึ่ง ผู้เขียนจึงได้เรียนถามหลวงปู่ว่า

    ผู้เขียน "ท่านพิจารณาอย่างไรก่อนฉัน"
    หลวงปู่ "กินก็ตาย ไม่กินก็ตาย"
     
  10. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    สูบบุหรี่

    ๓๒. สู บ บุ ห รี่

    ในเรื่องของการกินหมาก สูบบุหรี่ มีพระสงฆ์อีกหลายๆ องค์ ถูกโจมตีจากผู้ปฏิบัติที่ยังติดรูปแบบ เพราะอ้างว่า แม้แต่กิเลสที่หยาบๆ ยังละไม่ได้ กิเลสส่วนละเอียดจะละได้อย่างไร ผู้เขียนเคยสัมผัสกับพระที่ทรงคุณธรรมหลายองค์ อาทิ พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน ท่านยังคงฉันหมาก เมื่อมีผู้เรียนถาม ท่านตอบมีใจความโดยย่อว่า

    "บุหรี่หรือหมาก ไม่ใช่เป็นเครื่องกั้น มัคคาวรณ์ (มรรคผลนิพพาน) และสัคคาวรณ์ (สวรรค์)"

    เรื่องนี้เป็นการยากที่เราปุถุชนจะไปตัดสินได้แน่ชัด เพราะกิริยาที่ท่านสูบบุหรี่ กับการที่ท่านสูบบุหรี่เพราะติดบุหรี่อย่างเครื่องเสพติดนั้นไม่เหมือนกัน ถ้าจิตใจของท่านเป็นทาสบุหรี่ สูบด้วยความกระหายงมงาย ด้วยเป็นสิ่งเสพติดอย่างนั้นก็ผิด

    พระบางองค์ท่านเห็นชาวบ้านมีทุกข์ แต่ไม่รู้จะเข้าวัดอย่างไร ไม่รู้จะหาอะไรมาถวายพระ เอาบุหรี่มาถวายท่านก็เมตตาสูบให้ อย่างหลวงปู่แหวน ท่านเอาบุหรี่มวนเองของชาวบ้านที่เขาเอามาถวาย ทำให้ผู้ถวายรู้สึกว่าตนยังพอมีของเล็กๆ น้อยๆ มาถวาย ให้เกิดความชื่นใจ ปีติ อิ่มเอิบ นึกอยากมาวัดอีก มาฟังคำสอนจากท่าน

    ถ้าท่านปฏิบัติอย่างนั้น การสูบบุหรี่ก็เป็นกิริยาเพื่อโปรดสัตว์ เพื่อสงเคราะห์สัตว์โลกให้มีหลักยึดในใจก็ไม่ผิด

    ผู้เขียนมาคิดเองว่าคนกินเหล้ากับคนไม่กินเหล้า นิสันดีกับนิสัยไม่ดี แตกต่างกันหรือไม่ ผู้ที่นุ่งขาวห่มขาวถือศีลจะมีนิสัยดีจริงหรือ คนสูบบุหรี่กับคนไม่สูบบุหรี่ มีสิ่งไหนตัดสินว่า ใจดีหรือใจไม่ดี คนตัดผมสั้นกับคนไว้ผมยาวใครดีกว่ากัน

    วันหนึ่ง มีพยาบาลไปกราบนมัสการหลวงปู่ พยาบาลคนนั้นนั่งอยู่ใกล้หลวงปู่พอสมควร คิดในใจว่านี่หรือพระที่มีผู้คนนับถือกันทั้งแผ่นดิน ยังพ่นควันบุหรี่โขมง และแล้วเธอก็ต้องตกใจอย่างมาก เมื่อได้ยินหลวงปู่กล่าวว่า

    หลวงปู่ "เรื่องของข้า ข้าจะสูบหรือไม่สูบ ไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน"

    ผู้เขียนมีเพื่อนอยู่คนหนึ่งชอบสูบบุหรี่มาก

    หลวงปู่ "แก (หมายถึงผู้เขียน) สูบแต่ไม่ติด แต่เพื่อนแกสูบติด"

    ดังนั้น ท่านจึงเน้นที่ใจเป็นสำคัญ หลวงปู่ท่านเคยปรารภเรื่องสูบบุหรี่ให้ผู้เขียนฟังว่า

    หลวงปู่ "สูบแล้ว นึกถึงสมัยเคยเลี้ยงควายตอนเด็ก ได้บุหรี่เป็นเพื่อนเลยไม่อยากทิ้ง ข้าจะสูบจนตายนั่นแหละ"
     
  11. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    ตายก่อนตาย

    ๓๓. ต า ย ก่ อ น ต า ย ช่วงที่ ๑

    เมื่อครั้งที่เกิดอุบัติเหตุจากเครื่องบินตกที่ อ.ธัญบุรี เมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๕๒๗ มีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้หลายคน ในจำนวนนั้นมีพระสงฆ์ ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของประชาชนภาคอีสาน ได้ถึงแก่มรณภาพพร้อมกันหลายรูป มีพระอาจารย์จวน, พระอาจารย์วัน, พระอาจารย์สิงห์ทอง เป็นต้น มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย ว่าท่านเหล่านี้ล้วนทรงคุณธรรมสัมมาปฏิบัติ ทำไมจึงต้องมามรณภาพแบบนี้ ผู้เขียนเรียนถามหลวงปู่ ท่านตอบว่า

    "ท่านเหล่านั้น ตายก่อนตาย ท่านจึงไม่กลัวตาย ท่านตายแล้วก่อนเครื่องบินจะตกลงกับพื้น"

    ผู้เขียนเกิดความสงสัยในคำพูดของหลวงปู่ คิดจะถามต่อเพราะเข้าใจว่าท่านถอดจิตไป แต่หลวงปู่ท่านตอบว่า

    "ท่านเป็นพระอรหันต์ กิเลสท่านหมดแล้ว ตายตอนไหนก็เป็นเรื่องของสังขารร่างกาย จิตท่านไม่ตาย"

    ผู้เขียนยกมือสาธุคำพูดของหลวงปู่ ความสงสัยในใจหายไป นึกถึงพระโมคคัลลาน์ พระอรหันต์ผู้ทรงคุณวิเศษ ยังต้องถูกโจรทุบตาย กรรมทางร่างกายเกิดขึ้นกับท่าน เพราะด้วยใช้กรรมจากอดีต เนื่องจากเคยทารุณบิดามารดาในกาลก่อน

    มีพระภิกษุท่านหนึ่งได้ออกข่าวครึกโครม ในทำนองว่าการตายของพระเหล่านั้น เป็นการตายโหง ยังไปไม่ได้ ถึงกับท่านต้องแผ่เมตตาให้บุญ จึงพ้นจากภูมิที่ท่านได้เป็นอยู่ แต่ผู้เขียนเชื่อมั่นว่าหลวงปู่ต้องพูดไม่ผิด จึงบอกกับผู้ที่มาถามถึงทรรศนะของผู้เขียน โดยบอกว่าให้รอ เมื่อเผาท่านเหล่านี้เสียก่อนแล้ว จึงค่อยมาพูดกัน เพราะยิ่งพูดยิ่งวิจารณ์มากจะเกิดบาปเปล่าๆ

    หลังจากมีพิธีพระราชทานเพลิงศพพระอาจารย์เหล่านั้น อัฐิของท่านได้กลายเป็นพระธาตุ ซึ่งแสดงถึงคุณธรรม ความบริสุทธิ์เป็นจริงตามที่หลวงปู่กล่าวไว้..
     
  12. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    ตายก่อนตาย

    ต า ย ก่ อ น ต า ย ช่วงที่ ๒

    ในเรื่องของความตาย หลวงปู่เคยพูดเสมอว่า "ท่านสู้แค่ตาย" และเมื่อท่านถึงคราวละสังขาร ท่านก็แสดงถึงสัจธรรมคำพูดท่าน คือ ท่านหัวใจวายในขณะที่ท่านกำลังจะออกมาโปรดญาติโยมตามปกติ ญาติโยมบางท่านเกิดความข้องใจว่า ทำไมหลวงปู่จึงไม่นั่งสมาธิละสังขาร ผู้เขียนจึงระลึกถึงคำพูดของท่านอาจารย์ดูลย์ อตุโล ในคราวที่ปีนเขาขึ้นไปเยี่ยมพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ที่ถ้ำขามด้วยความยากลำบาก ท่านบอกกับอาจารย์ฝั้นว่า "ท่านไม่มีวิบากของสังขาร ถ้าเห็นว่าไปไม่ไหวก็ทิ้งไปเลย" แสดงถึงจิดของท่านที่เตรียมหร้อมทุกอิริยาบท หลวงปู่ดู่เช่นกัน ท่านไม่เคยแสดงอาการเจ็บป่วยแบบล้มหมอนนอนเสื่อให้ลูกศิษย์ได้ปฐมพยาบาล อย่างมากที่สุดคือ ท่านอนุญาตให้นายแพทย์ทำการให้น้ำเกลือ หรือฉีดยาเพื่อการสงเคราะห์เท่านั้น บางครั้งแพทย์ลงความเห็นว่า ท่านควรจะไปรักษาที่โรงพยาบาล ท่านก็ไม่ยอมไป หลวงปู่เพียงแต่บอกว่า "ไม่เป็นไร" ถ้าลูกศิษย์แสดงความกังวลออกมาท่านจะพูดออกมาว่า "ยังไม่ตายหรอก ถ้าตายเมื่อไรจะบอก" แสดงถึงความกล้าหาญ ไม่กลัวในความตายของหลวงปู่ ไม่ว่าจะเป็นเวลาใดก็ตาม

    ลูกศิษย์ที่รับใช้หลวงปู่เล่าให้ผู้เขียนฟังว่า มีอยู่วันหนึ่งดูอาการของหลวงปู่ไม่ดีอย่างมาก คิดในใจว่าจะไปโทรศัพท์เรียกนายแพทย์ หลวงปู่รีบบอกว่า "ไม่ต้องโทรไปบอก ข้าไม่เป็นไร" ด้วยความที่เธอเป็นห่วง จึงโทรตามนายแพทย์มา เมื่อนายแพทย์มาถึงและตรวจอาการก็ไม่พบอะไร เมื่อนายแพทย์กลับไปแล้ว อาการท่านก็เป็นแบบเดิม และในสันนี้ ก็เป็นวันสุดท้ายของหลวงปู่ที่จะละสังขารจริงๆ มีญาติโยมจะนำสังฆทานมาถวายท่านในตอนเย็น หลวงปู่สั่งให้ไปถวายพระองค์อื่น เงินให้ใส่ในตู้ทำบุญ นับแต่นี้ไปท่านจะเลิกรับสังฆทาน

    พระอาจารย์มหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด เคยเขียนประวัติพระอาจารย์มั่น ตอนหนึ่งกล่าวถึง พุทธนิมิตของพระอรหันต์ ซึ่งแสดงถึงการนิพพาน มีอยู่หลายอิริยาบททั้ง ยืน เดิน นั่ง นอน แล้วแต่เวลาที่จะไป บางองค์เดินอยู่แล้วถึงนิพพาน นับว่าเป็นภาพที่ประทับใจสำหรับพระอาจารย์มั่นมาก หลวงปู่ดู่ท่านกำลังเดินออกจากกุฏิแต่มรณภาพ ก่อนที่จะออกมาเมตตา แสดงถึงความไม่สะทกสะท้านดังเช่น หลวงปู่ดูลย์ บอกไว้ทุกประการ....
     
  13. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    ผู้มีปกติอ่อนน้อม

    ๓๔. ผู้ มี ป ก ติ อ่ อ น น้ อ ม

    เมื่อครั้งหลวงปู่บุดดา ถาวโร วัดกลางชูศรีเจริญสุข จ.สิงห์บุรี มาเยี่ยมหลวงปู่ที่วัด ปกติหลวงปู่บุดดาท่านจะมีแป้งกระป๋องติดตัวอยู่เสมอ เพื่อประทานให้ญาติโยมที่ไปกราบนมัสการ เพราะมีความศรัทธาว่าเป็นของมงคล เมื่อหลวงปู่ดู่กราบหลวงปู่บุดดาเรียบร้อยแล้ว ท่านได้ประทานแป้งใส่มือหลวงปู่ดู่ หลวงปู่รับไว้และนำมาทาบนศรีษะ

    [​IMG]

    หลวงปู่บุดดาและหลวงปู่ดู่ได้สนทนาธรรมกันชั่วระยะหนึ่ง หลวงปู่บุดดาจึงลากลับ

    หลวงปู่บุดดาท่านนี้เป็นอาจารย์ของหลวงพ่ออินทร์ วัดไทรงามเหนือ จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็นอาจารย์ของผู้เขียน หลวงพ่ออินทร์ได้เคยบอกกับผู้เขียนว่า "หลวงปู่บุดดาเป็นธรรมทั้งองค์ เป็นทองทั้งแท่ง พระธรรม ๘๔,๐๐๐ อยู่ในดวงใจของท่าน ท่านรู้ทั้งนั้น หลวงพ่อเคยธุดงค์ไปกับท่านพร้อมกับหลวงพ่อสงฆ์ วัดอาวุธฯ"

    มีญาติโยมที่นั่งอยู่ด้วย ได้เรียนถามหลวงปู่ดู่ว่า ทำไมจึงนำแป้งไปทาบนศรีษะ ท่านตอบว่า

    "ของพระอรหันต์ให้ แกจะให้ไปทาที่ไหนละ จึงจะสมควร เดี๋ยวจะกลายเป็นความไม่เคารพ นอกจากบนหัวของเรา"

    สังฆัง สรณัง คัจฉามิ พระอริยสงฆ์เป็นสรณะที่พึ่งของข้าพเจ้า คนโบราณจึงถือว่า พระรัตนตรัยอยู่เหนือเศียรเหนือเกล้าด้วยเหตุฉะนี้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤษภาคม 2007
  14. kim_osk119

    kim_osk119 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    264
    ค่าพลัง:
    +1,598
    โมทนาครับ

    ขอบคุณมากที่มาลงให้อ่านกันอีก ใกล้ครบ 37 เรื่องแล้ว

    รอมาลงอีกๆ
     
  15. พระหลวงพ่อ

    พระหลวงพ่อ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    514
    ค่าพลัง:
    +892
    รออ่านอยู่นะครับ ขอบคุณครับ
     
  16. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,359
    ใกล้แล้วววววววววววววววว โฮกกกกกกกกกก.....
     
  17. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    ยังมีอีกหลายเรื่องครับผม
    เด๋วครบ ๓๗ แล้วเปิดกระทู้ใหม่
    อย่าลืมติดตามครับ
     
  18. Specialized

    Specialized ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    22,155
    กระทู้เรื่องเด่น:
    23
    ค่าพลัง:
    +83,359
    มะหร่ายจะมาลงงงง

    พ้มรอให้ครบ 37 เรื่องจะอ่านรวดเดียวและพิมพ์ออกมาเป็นเอกสาร ให้สมาชิกชมรมผมมันอ่านกันค้าบ > <

    รบกวนหน่อยเด้อ
     
  19. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    นานาทรรศนะเกี่ยวกับพระเครื่องบูชา

    ๓๕. น า น า ท ร ร ศ น ะ เ กี่ ย ว กั บ พ ร ะ เ ค รื่ อ ง บู ช า

    ผู้ที่มีพระเครื่องบูชา มักคิดไม่ตกว่าควรวางไว้ที่ใดจึงควรแก่การสักการะ คำถามเหล่านี้มีเป็นประจำ ผู้เขียนจึงรวบรวมไว้โดยสังเขป ดังนี้

    ผู้ถาม "พระหลวงปู่ตั้งไว้ที่เดียวกับพระพุทธเจ้าได้ไหม"

    หลวงปู่ "ข้าทำพระ สุดท้ายก็อธิษฐานเป็นพระพุทธเจ้า รูปข้าหรือรูปพระสงฆ์ทั่วไปยังไม่ใช่ของจริง เป็นของหลอก มีแต่พระพุทธเจ้าจึงมีจริง"

    ผู้ถาม "อย่างนั้น ตั้งไว้อาสนะเดียวกันได้สิครับ"

    หลวงปู่ "ได้ ถ้าแกไม่กลัวโลกเขาติเตียน ผู้รู้จะตำหนิเอาได้"

    ผู้ถาม "ถ้าผมไม่มีโต๊ะหมู่บูชา มีเพียงโต๊ะตัวเดียวจะทำอย่างไร"

    หลวงปู่ "เอาผ้าขาว กระดาษขาว วางรองไว้ที่ฐานพระพุทธรูป ก็ถือว่าคนละอาสนะแล้ว"

    ผู้ถาม "ถ้ามีคนเอารักยม กุมาร หรือรูปนางกวักเหล่านี้มา หลวงปู่เสกไหมครับ"

    หลวงปู่ "เสกได้ ทำเป็นพระเสียก็หมดเรื่อง รักยมก็บวชให้เป็นเณร เณรเป็นอรหันต์มีเยอะแยะ นางกวักก็เป็นภิกษุณี"

    ผู้ถาม "พระแก้วมรกตมีพระธาตุจริงไหม"

    หลวงปู่ "พระแก้วเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน พระนาคเสนเป็นพระอรหันต์ที่สร้างขึ้นมา ท่านอธิษฐานให้พระสารีริกธาตุสถิตอยู่ ๗ แห่ง"

    ผู้ถาม "ตัวแทนพระพุทธเจ้าทุกองค์ต้องสร้างด้วยมรกตสีเขียวใช่ไหมครับ"

    หลวงปู่ "ไม่เหมือนกัน ถ้าถึงยุคพระศรีอริยเมตไตรย พระทำด้วยทับทิม (แก้วมณี) เพราะเป็นของคู่บารมีท่าน"

    ผู้ถาม "การที่พระภิกษุสร้างรอยเท้าให้บูชานั้น มีวัตถุประสงค์อย่างไร"

    หลวงปู่ "การทำเช่นนั้น มิใช่การทำรอยเท้าของท่านเอง หากแต่อธิษฐานเป็นรอยเท้าพระพุทธเจ้า"
     
  20. 789987

    789987 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    489
    ค่าพลัง:
    +11,476
    ทางที่พ้นโลก

    ๓๖. ท า ง ที่ พ้ น โ ล ก

    หลวงปู่เคยเล่าให้ผู้เขียนฟังถึงประสบการณ์จากลูกศิษย์คนหนึ่ง กล่าวคือ ในตอนแรกลูกศิษย์ของท่านคนนี้นับถือศาสนาคริสต์ก็ไม่ยอมปฏิบัติ จนกระทั่งวันหนึ่งได้มีโอกาสเข้าไปนั่งปฏิบัติในกุฏิของท่าน และเห็นหลวงปู่ทวดในนิมิต ด้วยเหตุผลทางศาสนาจึงทำให้ไม่ยอมกราบหลวงปู่ทวด แต่ในที่สุดก็ต้องกราบหลวงปู่ทวดจนได้

    ต่อมา ลูกศิษย์คนนี้มานมัสการท่านพร้อมทั้งรายงานผลการปฏิบัติ และได้เรียนถามท่านว่า "หลวงลุงครับ รู้จักหลวงพ่อธรรมโชติไหม" ท่านก็ฉุกคิดได้ถึงการอธิษฐานของท่านเมื่อหลายสิบปีก่อน

    หลวงปู่ "ข้าเคยอธิษฐานขอคาถาจากรพอาจารย์ธรรมโชติ เพราะเห็นคนเขาลักของของวัด บางทีข้านอนอยู่ยังลักไปต่อหน้าต่อตา เขาเล่ากันว่า ที่วัดของท่าน ใครลักของไปต้องเอามาคืนหมด พระอาจารย์ธรรมโชติองค์นี้เป็นผู้ที่มีอาคมขลังในสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ ๒ และท่านเป็นผู้หนึ่งที่ร่วมอยู่ในค่ายบางระจันเพื่อต่อสู้กับอริราชศัตรูคือ พม่า"

    ลูกศิษย์ "อาจารย์ธรรมโชติท่านสั่งให้ผมมาเรียนหลวงลุงว่า คาถาที่ขอนั้นยังเป็นโลก ติดอยู่ในโลกไปไม่ได้ แต่วิธีการของหลวงลุงเป็นการทำตัวให้พ้นโลกที่ท่านทำนั้นสูงอยู่แล้ว"

    หลวงปู่จึงพูดกับผู้เขียนว่า
    "ที่จริงข้าลืมไปแล้วด้วยซ้ำ เพราะขอมานมนานกาเล แต่ท่านยังอุตส่าห์บอกถึงข้าจนได้"
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...