ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ไทยตอนบนมีฝนฟ้าคะนองระยะนี้ - กทม.ฝน 10% ของพื้นที่ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศประจำวันที่ 14 มีนาคม 2555 เมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางจากประเทศจีนที่ปกคลุม ประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลง
    ประกอบกับมีลมตะวันออกเฉียงใต้พัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าว มีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นได้ ในระยะนี้


    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


    ภาคเหนือ มีอากาศเย็นในตอนเช้ากับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเชียงราย ลำปาง พะเยา แพร่ น่าน อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นในตอนเช้ากับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย ขอนแก่น และชัยภูมิ อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
    ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดกาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
    ภาคตะวันออก มีเมฆบางส่วนกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสงขลา ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา และภูเก็ต อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆบางส่วนกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ปรากฏการณ์"ลานีญา"ใกล้อวสาน </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>วันนี้( 13 มี.ค.) แถลงการณ์ของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติออสเตรเลีย ในวันนี้ระบุว่า ปรากฏการณ์สภาพภูมิอากาศ ลานีญา

    ที่ทำให้เกิดฝนตกหนัก และพืชพันธุ์ถูกทำลายเสียหายในบริเวณกว้าง ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ใกล้จะถึงจุดจบแล้ว โดยจากการติดตามตรวจสอบความเคลื่อนไหวและประเมินผล เชื่อว่า ลานีญา จะ “หมดฤทธิ์” ประมาณเดือน เม.ย. หรือ พ.ค. ที่จะถึง ซึ่งการค้นพบนี้สอดคล้องกับคำทำนายของหลายหน่วยงานด้านตรวจสอบสภาพภูมิอากาศของสหรัฐอเมริกา


    ปรากฏการณ์ ลานีญา จะทำให้น้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกแถบเส้นศูนย์สูตรเย็นผิดปกติ ซึ่งอาจกินเวลานานหลายปี

    สร้างความเสียหายอย่างหนักต่อสภาพภูมิอากาศในทวีปเอเชีย และทวีปอเมริกาทั้งเหนือและใต้ ส่วนปรากฏการณ์ตรงกันข้าม ลานีโญ จะทำให้น้ำในแถบดังกล่าวของแปซิฟิกร้อนผิดปกติ ทำให้เกิดภาวะแห้งแล้งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และออสเตรเลีย และน้ำท่วมในอเมริกาใต้


    ล่าสุดอุณหภูมิผิวน้ำทะเล ทั่วเขตเส้นศูนย์สูตรตอนกลางของมหาสมุทรแปซิฟิก เกือบกลับคืนสู่ระดับปกติ

    เป็นสัญญาณบ่งชี้กาลอวสานที่ใกล้มาถึงของ ลานีญา ออสเตรเลียเป็นประเทศผู้ผลิตข้าวสาลีรายใหญ่อันดับ 4 ของโลก คาดว่าผลผลิตปีนี้จะสูงกว่าอัตราเฉลี่ย เนื่องจากเกษตรกรผู้ปลูกข้าวสาลีทั่วประเทศ เผชิญกับสภาพภูมิอากาศที่ดีขึ้น และคาดว่า ผลผลิตฝ้ายและข้าวโดยรวมของออสเตรเลีย จะดีขึ้นในปีนี้ด้วยเช่นกัน


    <!-- /.content --><!-- START: Facebook Share -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>"ดร.สมิทธ"เตือนคนไทยเตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อวันที่ 13 มีนาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครสวรรค์ นายสมิทธ ธรรมสโรช นักวิชาการเชี่ยวชาญด้านภัยพิบัติ

    เปิดเผยในการประชุมวิชาการเครือข่ายสุขภาพเขต 18 ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคที่ 8 นครสวรรค์ เกี่ยวกับการเตรียมพร้อมรับมือมหันตภัยจากมหาอุทกภัย โดยมีประชาชนในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมรุนแรงจากจังหวัดนครสวรรค์ พิจิตร กำแพงเพชร และอุทัยธานี เข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก เพื่อต้องการกระตุ้นประชาชนกลุ่มเสี่ยงที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากมหาอุทกภัยได้เตรียมรับมือ ซึ่งนอกจากจะถกกันเรื่องวิชาการแล้ว สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 8 ได้จัดนิทรรศการทางวิชาการหารูปแบบเครื่องมือต่างๆ ที่จะสามารถเรียนรู้ให้ประชาชนสามารถนำมาใช้ให้อยู่รอดได้เมื่อเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมขึ้น ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก

    นายสมิทธกล่าวว่า จากการติดตามปรากฏการณ์ความเปลี่ยนแปลงของโลกที่ผ่านมา

    พบว่าโลกแบกรับความเสี่ยงจากการถูกพุ่งชนของดาวที่โคจรรอบๆ อย่างมาก เพราะว่าสภาพแวดล้อมภายในโลกใบนี้เริ่มเปลี่ยนแปลง ที่เกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์ทั้งสิ้น จะทำให้โลกที่เราอยู่เสี่ยงที่จะเกิดปรากฏการณ์ความรุนแรงจากภัยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินไหว สึนามิ หรือดวงดาวพุ่งชนโลก

    "ดังนั้น ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงทั่วประเทศจำเป็นต้องเรียนรู้ นำเอาวิวัฒนาการเครื่องมือใหม่ๆ มาใช้ เพื่อรับมือกับภัยพิบัติที่ประเทศไทยไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไป ซึ่งจากข้อมูลทางการแพทย์พบว่าน้ำที่ท่วมไม่กี่จังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง ประชาชนได้รับผลกระทบทั้งร่างกายและจิตใจกว่า 2 ล้านราย และจำนวนนี้มีกว่า 2 หมื่นรายคิดฆ่าตัวตาย ซึ่งหากไม่เตรียมพร้อมที่จะรับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ อนาคตคนไทยจะไม่สามารถอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้จะทำให้ประเทศไทยอ่อนแอลงและเสี่ยงที่จะเกิดโรคระบาดตามมา จะทำให้คนล้มตายจำนวนมากอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน" นายสมิทธกล่าว
    <!-- Tags Keyword -->
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ปั๊มน้ำมันกว่า500แห่งจ่อเจ๊งหลังน้ำมันพุ่ง </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>ปั๊มน้ำมันกว่า 500 แห่ง เตรียมสายป่านขาด หลังราคาน้ำมันพุ่งแต่กำไรน้อยลง ชี้คนเริ่มทยอยหันไปใช้แก็สทั้ง LPG และ NGV มากขึ้น


    14 มี.ค.55 นายสมชาย เจียรนัยพาณิชย์ ประธานชมรมผู้ประกอบการสถานีบริการน้ำมัน จังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า เนื่องจากสถานการณ์น้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ณ ขณะนี้นั้น ซึ่งขึ้นมาจาก ช่วง 2 เดือนที่แล้ว ประมาณ 20 สาเหตุมาจากปัญหานิวเคลียร์อิหร่านที่อาจส่งผลกระทบต่อปริมาณน้ำมันโลก ซึ่งสถานการณ์น้ำมันตอนนี้คาดการณ์ว่าจะสูงประมาณ 100-110 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ปัญหาของประเทศไทยตอนนี้นั้นยังรัฐบาลได้ไปลดราคาน้ำมัน งดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันในช่วงที่เข้ารับตำแหน่ง ทำให้เมื่อราคาน้ำมันกระชากเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะไม่มีเงินกองทุนเป็นตัวกันชนไม่ให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นมากนัก
    <!-- inside news -->
    อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นที่น้ำมันแพงขึ้นไปจนถึง 147 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล อย่างเมื่อ 2-3 ปีก่อน ที่เคยเป็นปัญหาราคาน้ำมันแพง

    แต่ ณ เวลานั้นยังมีกองทุนน้ำมันเป็นตัวกันชนอยู่ โดยคาดว่า เมื่อน้ำมันแพงจนถึงจุดๆ หนึ่งแล้ว ราคาน้ำมันจะตกลงมาเอง เหตุมาจากการที่ผู้บริโภคจะหันไปใช้กรรมวิธีต่างๆ ที่มาช่วยในการลดการใช้น้ำมัน ไม่ว่าจะเป็นการอยู่กับบ้านไม่ออกไปไหนมากนัก หรือหันไปใช้เครื่องที่ติดแก็สทั้ง LPG และ NGV เองก็ตาม แต่สถานการณ์ยังไม่น่าจะถึง ณ จุด นั้น ดังนั้นจึงต้องรอดูสถานการณ์ของอิหร่านว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้เร็วแค่ไหน


    นายสมชาย กล่าวต่อว่า ตอนนี้ในทางผู้ประกอบการปั้มน้ำมันในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ทั้ง 26 อำเภอ

    มีสถานีบริการน้ำมันทั้งรายเล็กและรายใหญ่รวมประมาณกว่า 500 แห่ง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับในช่วงที่ราคาน้ำมันแพงเมื่อ 2-3 ปีที่แล้วนั้น มีสถานีบริการน้ำมันทั้งรายเล็กและรายใหญ่รวมประมาณกว่า 1,000 แห่ง โดยปั้มส่วนใหญ่ที่หายไปนั้นจะเป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กที่อยู่ตามอำเภอรอบนอก ซึ่งไม่มีเงินหมุนเวียนหรือมีสายป่านไม่ยาวพอ แต่สถานการณ์ตอนนี้ยังไม่ถึงจุดที่จะปิดกิจการลงเพียงแต่ได้กำไรน้อย เนื่องจากสถานีบริการน้ำมันแต่ละแห่ง จะมีกำไรลิตรละ 40 สตางค์ ซึ่งกำไรตรงนี้ ไม่มีการเพิ่มหรือลดตามราคาน้ำมัน เพราะถูกกำหนดมาตายตัว แล้วนำมาขายตามราคาที่ถูกกำหนดจากส่วนกลางแต่ละวัน แต่ไม่ว่าจะขายได้มากหรือน้อยแค่ไหนก็ยังได้กำไรที่ลิตรละ 40 สตางค์ เช่นเดิม


    “ส่วนกรณีที่ผู้บริโภคจะหันไปใช้แก็สทั้ง LPG และ NGV นั้นมีสูงมาก เนื่องจากราคาของแก็สทั้ง LPG และ NGV นั้นยังห่างจากราคาน้ำมันเกือบครึ่ง แต่คงยังเปลี่ยนไปใช้ไม่มากแต่ถ้าสถานการณ์น้ำมันแพงเพิ่มขึ้นกว่านี้ คาดว่าน่าจะมีประชาชนหันมาเปลี่ยนมาใช้แก็สทั้ง LPG และ NGV มากขึ้นอย่างแน่นอน โดยสถานการณ์ปั้มแก็สทั้ง LPG และ NGV ต่างก็เปิดกิจการในขอนแก่นเพิ่มขึ้น และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างตอนนี้ก็ทราบว่าจะเปิดอีกแห่งหนึ่งบริเวณแถวบึงแก่นนคร 1 แห่ง “ นายสมชาย กล่าว



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. สิงห์สมุทร

    สิงห์สมุทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 เมษายน 2011
    โพสต์:
    33
    ค่าพลัง:
    +182
    ปีนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี บอกว่าน้ำไม่ท่วม จะเชื่อถือได้จริงหรือ..เพราะปีที่ผ่านมาปล่อยให้ท่วมเต็มที่ไปแล้ว..
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 59.jpg
      59.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.4 KB
      เปิดดู:
      94
    • 304032_3_n.jpg
      304032_3_n.jpg
      ขนาดไฟล์:
      51.1 KB
      เปิดดู:
      100
    • 308445_n.jpg
      308445_n.jpg
      ขนาดไฟล์:
      71.4 KB
      เปิดดู:
      108
    • 75_1_~1.JPG
      75_1_~1.JPG
      ขนาดไฟล์:
      56 KB
      เปิดดู:
      88
  3. natatik

    natatik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2012
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +3,607
    วุ่น! ฝนกระหน่ำทำอุโมงค์ปากเกร็ดน้ำท่วม

    <!-- CSS = "article-detail partners" -->
    [​IMG]
    วุ่น! ฝนกระหน่ำทำอุโมงค์ปากเกร็ดน้ำท่วม
    (14 มี.ค.) ผู้สื่อข่าว รับแจ้งจากผู้ใช้รถว่าการจราจรบนถนนติวานนท์ฝั่งขาเข้าติดขัด เป็นระยะทางหลายสิบกิโล จึงรีบรุดเดินทางไปตรวจสอบ และพบว่าอุโมงค์ใต้ดินบริเวณห้าแยกปากเกร็ดมีน้ำท่วมขังระดับสูงเกือบหนึ่งเมตรรถราไม่กล้าขับผ่าน บางคันเกิดดับกะทันหันจนวุ่นวายไปหมด
    ต่อมาทาง พ.ต.ท.ประสงค์ ศิริทิพย์วานิช สว.จร. สภ.ปากเกร็ด ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรมาอำนวยความสะดวก ก่อนตัดสินใจปิดอุโมงค์ดังกล่าวชั่วคราว จากนั้นได้ติดต่อไปยังเจ้าหน้าที่กรมทางหลวงก่อนส่ง นายเอนก ปรางค์ทอง อายุ 56 ปี หัวหน้าชุดสนามกรมทางหลวงมาแก้ไข และพบว่าปั๊มน้ำซึ่งติดตั้งอยู่ จำนวน 3 เครื่อง ได้รับความเสียหายไม่สามารถใช้การได้
    จากนั้นจึงได้ติดต่อไปที่ นายวิชัย บรรดาศักดิ์ นายกเทศมนตรีเทศบาลนครปากเกร็ด นำรถน้ำมาทำการสูบน้ำออกจากบริเวณดังกล่าวขึ้นไปยังปากอุโมงค์เพื่อระบายลงท่อ ต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมงจึงทำให้น้ำที่ท่วมขังลดลง จึงสามารถเปิดการจราจรได้เป็นปกติ
    ตามติดข่าวและสถานการณ์บ้านเมือง ก่อนใครผ่านทาง Facebook..ได้เลยที่นี่!!
    <IFRAME style="WIDTH: 292px; HEIGHT: 62px; OVERFLOW: hidden" src="http://www.facebook.com/plugins/likebox.php?href=http%3A%2F%2Fwww.facebook.com%2Fpages%2FSNews%2F129541077091421&width=292&height=62&colorscheme=light&show_faces=false&border_color&stream=false&header=false" frameBorder=0 scrolling=no></IFRAME>​
    <!-- Partner Thank--><!-- End Partner Thank-->
    <!-- Gallery -->
    • [​IMG]
    • [​IMG]
    จะท่วมไม่ท่วม ก็ดูเอาเองแล้วกันค่ะ
     
  4. natatik

    natatik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2012
    โพสต์:
    873
    ค่าพลัง:
    +3,607
    ปลอดประสพ โว ปีนี้น้ำท่วมใหญ่ มีโอกาสเกิดแค่ 1%


    ข่าว » ข่าวทั่วไป, ข่าวน้ำท่วม, ข่าวเด่นประจำวัน » ปลอดประสพ โว ปีนี้น้ำท่วมใหญ่ มีโอกาสเกิดแค่ 1%
    <INS style="POSITION: relative; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 468px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; HEIGHT: 15px; VISIBILITY: visible; PADDING-TOP: 0px"><INS style="POSITION: relative; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 468px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; HEIGHT: 15px; VISIBILITY: visible; PADDING-TOP: 0px" id=aswift_0_anchor><IFRAME style="POSITION: absolute; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=aswift_0 height=15 marginHeight=0 frameBorder=0 width=468 allowTransparency name=aswift_0 marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME></INS></INS>
    เขียนโดย Hanoiii Reuters โพสต์เมื่อ <ABBR class=published title="2012-03-15 10:02:23">วันพฤหัสที่ 15 มีนาคม 2555</ABBR> เนื้อหานี้อยู่ในหมวด ข่าวทั่วไป, ข่าวน้ำท่วม, ข่าวเด่นประจำวัน
    [​IMG]ปลอดประสพ สุรัสวดี

    แต่ก็ยังไม่ประมาท เชื่องบประมาณและแผนรับมือของรัฐบาลสามารถรับมือได้
    นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย ( กบอ.) กล่าวว่า ปีนี้น้ำจะไม่ท่วมเหมือนปี 2554 แน่นอน เพราะจากข้อมูลแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ของผู้เชี่ยวชาญจากประเทศเดนมาร์กและเนเธอร์แลนด์ ซึ่งมีการเก็บข้อมูลข้อมูลย้อนหลังจากปัจจัยที่เกี่ยวข้องทั้งด้านสภาพภูมิอากาศ ลมมรสุม อุณหภูมิและอื่น ๆ ของประเทศไทยในรอบ70-80 ปีที่ผ่านมา
    โดยคาดการณ์ได้ว่า โอกาสที่ไทยจะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เหมือนปีทีผ่านมา มีเพียง 1 ใน100 หรือ 1 % เท่านั้น และหาก 1 % นั้นเกิดขึ้นจริง จากงบประมาณและแผนการรับมือที่รัฐบาลเตรียมไว้เป็นจำนวนมาก จะทำให้ความเสียหายที่น่าจะเกิดขึ้นลดลงกว่า 50 % อย่างไรก็ดี เชื่อว่าปีนี้น้ำไม่ท่วม แต่ก็ไม่ประมาท
    ส่วนเรื่องการกำหนดพื้นที่รับน้ำนั้น ยังไม่มีการสรุป ซึ่งจะขึ้นอยู่กับตัวเลขปริมาณน้ำ มากกว่าปริมาณพื้นที่ ทั้งนี้ได้คำนึงถึงการใช้พื้นที่ให้น้อยที่สุด และต้องให้ประชาชนยอมรับได้ นายปลอดประสพกล่าว.

    ต้องเปลี่ยนใหม่ โอกาสที่น้ำไม่ท่วม แค่ 1% 99% ท่วมแน่นอน
     
  5. warrrior

    warrrior Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +64
    5555 พี่ปอดเอาอยู่อีกแล้ว
     
  6. ANAN JANG

    ANAN JANG เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    544
    ค่าพลัง:
    +175
    ท่าทางเหมือนแกเพิ่งตื่นนอนนะครับ คงฝันไปมั้งครับ oO!
     
  7. ไทยคนหนึ่ง

    ไทยคนหนึ่ง Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2011
    โพสต์:
    237
    ค่าพลัง:
    +50
    ขอ ประชาสัมพันธ์ นิดหน่อยค่ะ

    หลวงปู่สาครออกแบบและสร้างเครื่องผลักดันเลน


    <TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=1 width=90 align=center><TBODY><TR><TD height=15></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=1 bgColor=#ffffff align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffd384>
    [​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=1 cellPadding=1 width=90 align=center><TBODY><TR><TD height=5></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="88%" align=center><TBODY><TR><TD>
    รายการข่าว๓มิติ ออกอากาศในวันศุกร์ที่๒๔กุมภาพันธ์๒๕๕๕ เวลา ๒๓.๐๐น.ทางสถานีโทรทัศน์ช่อง๓ ดูรายการได้ที่ ข่าว 3 มิติ 24 กุมภาพันธ์ 2555
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  8. Nat_usp

    Nat_usp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    676
    กระทู้เรื่องเด่น:
    3
    ค่าพลัง:
    +2,394
    เผยภาพ ยานลึกลับคล้ายดาวเคราะห์ดำ เติมเชื้อเพลิงจากดวงอาทิตย์

    [​IMG]


    ฮือฮา ยานลึกลับคล้ายดาวเคราะห์ดำ เติมเชื้อเพลิง จากดวงอาทิตย์

    Mthainews: สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า กล้องโทรทัศน์ของศูนย์สังเกตการณ์พลังขับเคลื่อนสุริยะของนาซา สามารภจับภาพอันน่าฉงน เมื่อยานประหลาดสีดำลำหนึ่ง ทำการเติมเชื้อเพลิงจากดวงอาทิตย์ โดยมันมีขนาดเท่ากับโลกของเรา ก่อนที่จะโครจรออกไป สร้างความฮือฮาให้กับผู้ที่เห็นเป็นอย่างมาก
    <IFRAME height=312 src="http://www.youtube.com/embed/Ev8JGqDO8nk" frameBorder=0 width=547></IFRAME>
    อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีข้อธิบาย และข้อสรุปว่าสิ่งดังกล่าวก่อตัวจากอะไร แต่มันมีลักษณะเหมือนดาวเคราะห์ดำเย็นกว่าวัตถุสุริยะรอบข้าง แต่ภาพดังกล่าวปรากฎเส้นใยสุริยะ ที่เกิดจากการขยายตัวทุกวัน โดยสามารถขยายตัวได้ไกลถึงหลายแสนไมล์ไปสู่อวกาศ
    <IFRAME height=311 src="http://www.youtube.com/embed/5AwrJQ7V6bw" frameBorder=0 width=543></IFRAME>

    เผยภาพ ยานลึกลับคล้ายดาวเคราะห์ดำ เติมเชื้อเพลิงจากดวงอาทิตย์ | ข่าวต่างประเทศ
     
  9. warrrior

    warrrior Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +64

    สงสัยค่าน้ำมันแพงเลยไปเติมฟรีที่ดวงอาทิตย์ น่ะ555 เพราะไม่อ้างอิงราคาที่ตลาดสิงคโปร์หรือตลาดโลก:cool:
     
  10. mam7734

    mam7734 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    319
    ค่าพลัง:
    +349
    วันนี้ อ.เมือง กาญจนบุรี พายุฝนกระหน่ำอย่างแรงหลานสาวเกือบไม่รอด
    โชคดี วิ่งออกมาทันเวลา...
    เป็นห่วงจิง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  11. pczophie

    pczophie Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มกราคม 2012
    โพสต์:
    222
    ค่าพลัง:
    +61
    พวกเราไม่จำเป็นต้องกลัวภัยพิบัติเลยค่ะ

    พวกเราผ่านการเกิดการตายมาแล้วหลายชาติภพ เราควรปฏิบัติทุกๆขณะจิตให้ดีที่สุด ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด

    สิ่งของนอกกายไม่ใช่ของเรา แม้แต่ร่างกายนี้ก็ไม่ใช่ของเรา เราแค่ผ่านเข้ามาแล้วก็ผ่านไป

    เราไม่ควรกลัวความตาย และไม่ควรเสียดายทรัพย์สินจนเกิดเป็นความทุกข์

    ควรปล่อยวาง เมื่อธรรมชาติต้องการให้เราตาย นั่นคือ เราก็ต้องตาย เพราะถึงเวลาของเราแล้ว เราต้องทิ้งร่างกายนี้ไปเกิดใหม่ ในร่างใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ๆ

    แต่หลายๆคนตายไปแล้วก็เกิดทุกข์ เพราะตอนมีชีวิตอยู่ยังไม่ได้ทำสิ่งดีๆ ยังไม่ได้ตอบแทนพระคุณบิดามารดา

    เราควรทำสิ่งดีๆ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ มีเมตตา มีน้ำใจ ตอบแทนพระคุณบิดามารดา นั่งสมาธิ แผ่ส่วนกุศลให้สัตว์ที่กำลังทุกข์ทรมาน แผ่เมตตาให้เขา แค่นี้เราก็ตายแบบไม่ห่วงแล้วค่ะ
     
  12. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    มาติดตามสถานการณ์ค่ะ ช่วงนี้แผ่นดินไหวบ่อยจังค่ะ
    เมื่อวานดูข่าวช่อง 3 ตอนเย็น เห็นมาออกเรื่องพบรอยเลื่อนมีพลังเกิดใหม่เพิ่มขึ้น รู้สึกจะอยู่แถวเชียงราย กาญจน์ นครนายก (อาจจำผิดพลาด ขออภัย) แสดงว่าแผ่นดิน(ไทยเรา)เริ่มเคลื่อนที่แล้วจริงๆ และจะมีตอนต่อไป ให้ระวังกันมากๆนะคะ อะไรก็เกิดขึ้นได้
     
  13. ปธ6

    ปธ6 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    349
    ค่าพลัง:
    +292
    แผ่นดินไหว ก็เหมือนแก้วที่มีรอยร้าว มันจะแทรกซึมเชื่อมโยงถึงกันในที่สุด เพราะเป็นโลกผืนเดียวกัน อยู่ที่ว่าส่วนไหนจะเริ่มรับแรงกระทบก่อนลุกลามต่อๆกันไป
     
  14. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>เหนือ ภาคกลาง ตะวันออก ฝน 20-40% ของพื้นที่ลมกระโชกแรง อุณหภูมิลด 4-6 องศา </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศประจำวันที่ 16 มีนาคม 2555 เมื่อเวลา 04:00 น.

    คลื่นกระแสลมตะวันตกจะเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ และลมกระโชกแรงในบางพื้นที่ หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส โดยจะเริ่มในภาคเหนือและภาคกลางตอนบนก่อนในระยะแรก ส่วนภาคอื่นๆจะได้รับผลกระทบในระยะต่อไป สำหรับลมตะวันออกเฉียงใต้ยังคงพัดนำความชื้นจากอ่าวไทยเข้ามาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคตะวันออก ทำให้มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆในระยะนี้


    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.


    ภาคเหนือ อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดตาก พิษณุโลก กำแพงเพชร พิจิตร และเพชรบูรณ์ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
    ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ อุทัยธานี ลพบุรี สระบุรี กาญจนบุรี และราชบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
    ภาคตะวันออก ทางตอนบนของภาคมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดสระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร
    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง และพังงา อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีเมฆเป็นส่วนมาก และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>พายุ-ลูกเห็บกระหน่ำเชียงราย-เชียงใหม่ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>พายุฤดูร้อนพัดกระหน่ำหลายพื้นที่ใน จ.เชียงราย ส่งผลให้ไฟดับทั่วเมือง เสาไฟฟ้าเอียงกว่า 10 ต้น เบื้องต้นยังไม่มีรายงานความเสียหาย พายุฝนถล่มเชียงใหม่ลูกเห็บตกหลายพื้นที่


    14 มี.ค.55 เวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้เกิดฝนตกหนักและพายุฤดูร้อนพัดแรงในหลายพื้นที่ของ จ.เชียงราย


    โดยเฉพาะ อ.แม่สาย อ.แม่จัน และอ.เมือง โดยในเขต อ.เมือง ได้ทำให้ต้นไม้ ป้ายประชาสัมพันธ์ ป้ายโฆษณา หักโค่นล้มลงระเนระนาดในหลายพื้นที่ ส่วนบ้านเรือนหลายแห่งถูกต้นไม้ล้มทับ ขณะที่กระแสไฟฟ้าในชุมชนต่างๆ เช่น ชุมชนหนองบัว ชุมชนบ้านไร่ ฯลฯ กระแสไฟฟ้าดับและสัญญานไฟจราจรหลายแห่งก็ดับลงด้วย เนื่องจากเสาไฟฟ้าที่ตั้งอยู่หลายจุดเอนลง เช่น บนถนนพหลโยธินสายเชียงราย-แม่จัน ตรงหน้าสำนักงานพัฒนาที่ดิน จ.เชียงราย ต.นางแล อ.เมือง พบเสาไฟฟ้ากว่า 10 ต้นเอนเกือบล้ม

    สำหรับฝนตกหนักและพายุลมพัดแรงดังกล่าวได้ทำให้ส่งผลให้กระแสไฟฟ้าตามบ้านเรือนดับนานกว่า 1 ชั่วโมง



    และบางชุมชนดับนานหลายชั่วคราว เจ้าหน้าที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคต้องออกซ่อมแซมตามจุดต่างๆ อย่างเร่งด่วน ขณะที่พื้นที่ชายแดนไทย-พม่า ด้าน อ.แม่สาย พบมีฝนตกหนักและมีลูกเห็บตกทั่วบริเวณแต่ไม่มีความเสียหายจากพายุมากนัก หลังเกิดเหตุนายเชษา โฆษิกรัตน์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.เชียงราย ได้ประสานกับทางฝ่ายปกครองอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่อเร่งสำรวจความเสียหายแล้ว

    เมื่อเวลา 16.00 น. เกิดพายุฤดูร้อนที่จังหวัดเชียงใหม่ ทำให้มีฝนตกหนัก ลมกระโชกแร


    และเกิดลูกเห็บตกในพื้นที่ตำบลเจดีย์แม่ครัว อำเภอสันทราย ,ตำบลสันโป่ง อ.แม่ริม และ ดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ นานกว่า 1 ชม.ส่งผลให้หลังคาบ้านเรือนได้รับความเสียหายหลายหลัง ส่วนตำบลแม่เหียะ อำเภอเมืองเชียงใหม่ มีเสาไฟฟ้าหักโค่น 2 ต้น ส่งผลให้ไฟฟ้าบริเวณนั้นดับเป็นบางจุด

    นายวัลลภ สิทธัญ เลขานุการ นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเจดีย์แม่ครัว อำเภอสันทราย จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า


    ได้เกิดฝนตกหนัก และลูกเห็บตกในพื้นที่อย่างหนัก เป็นเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง ปกติไม่ค่อยมีลูกเห็บตกมานานแล้ว แต่ครั้งนี้ถือว่าหนักมาก ขนาดประมาณ 1 ซม. ส่งผลให้พื้นดิน และบ้านเรือนของชาวบ้านมีสภาพขาดโพลน จากการสำรวจความเสียหายในเบื้องต้น พบว่าในม.3, ม.13,ม.11,ม.10 และม.7 พบว่าบ้านเรือนของประชาชนได้รับแรงถล่มของลูกเห็บหลังคาเสียหายเป็นจำนวนมาก ต้องมีการจัดกระเบื้องลอนซ่อมแซมให้ไม่ต่ำกว่า 7,000 แผ่น ขณะที่ต้นไม้มีการโค่นล้มหลายจุดด้วยกัน ทำให้ไฟฟ้าดับขยายเป็นวงกว้าง แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

    ด้านนางสาววชิราภรณ์ แซ่เฉิน พนักงานฝ่ายบริการ สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า


    ช่วงเวลาประมาณ 5 โมงเย็นวันนี้สภาพอากาศค่อนข้างครึ้ม จากนั้นมีลมแรงมาก และมีลูกเห็บตกอย่างหนัก ก่อนที่จะมีฝนตกลงมาประมาณเกือบชั่วโมง โดยลูกเห็บที่ตกลงมามีขนาดเท่าเมล็ดลำไย ซึ่งปกติที่นี่เคยมีลูกเห็บตกแต่ไม่เคยแรงเท่ากับครั้งนี้ ทำให้ร่มผ้าที่ได้นำมากางให้นักท่องเที่ยวเข้ามาใช้บริการ บริเวณร้านอาหารเกือบ 10 คัน ถูกแรงกระแทกของลูกเห็บทะลุพังเสียหายหมด ซึ่งจากการสำรวจอย่างอื่นยังไม่พบความเสียหาย


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>นักวิชาการวอนชาวลำปางอย่าตื่นลำแสงไม่เกี่ยวพายุสุริยะ </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>นายเดชพสิษฐ์ เดชะบุญ นักวิชาการศึกษา ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษาจังหวัดลำปาง

    เปิดเผยถึงปรากฏการณ์ลำแสงสีส้ม-เหลืองพุ่งทางทิศใต้ของจังหวัดช่วงสายวันนี้ (17 มี.ค.) ว่า ลำแสงดังกล่าวสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจน และเกิดขึ้นในระยะเวลาสั้น ๆ ประมาณ 5 – 8 นาที ช่วงที่พระอาทิตย์เริ่มส่องแสงกระทบพื้นดิน แม้ขณะนี้ยังสรุปไม่ได้ว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติแบบผีพุ่งใต้ หรือดาวตก แต่ประชาชนอย่าแตกตื่นหรือกังวลกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับพายุสุริยะ และปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้เคยเกิดมาแล้วเมื่อ 2 ปีก่อนที่จังหวัดลำปาง

    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ปรากฏการณ์ดังกล่าวชาวบ้านหลายคนในหมู่บ้านฟ่อน ต.ชมพู อ.เมือง จ.ลำปาง

    ระบุว่าไม่เคยเห็นลำแสงเกิดขึ้นตอนกลางวัน ส่วนใหญ่ที่เห็นเป็นแบบผีพุ่งใต้ และเป็นลำแสงสั้น ๆ เท่านั้นในตอนกลางคืน ขณะที่บางกลุ่มพากันอธิษฐานตามความเชื่อขอให้ประสบความสำเร็จในสิ่งที่มุ่งหวัง.-สำนักข่าวไทย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย:"ข่าวเข้ม ฉับไว เป็นกลาง"
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> 'หมูป่าแสนรู้'คุ้มกันพระออกบิณฑบาต </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>พบหมูป่าเดินตามเจ้าอาวาสวัดวังอ้อเมืองกล้วยไข่ ออกรับบิณฑบาต ทำหน้าที่เป็นตำรวจจราจร ดูแลความปลอดภัยไม่ให้รถชนพระ เป็นที่เอ็นดูของชาวบ้าน


    เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่วัดวังอ้อ หมู่ 9 ต.นิคมทุ่งโพธิ์ทะเล อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปตรวจสอบหลังทราบจากชาวบ้านว่า ที่วัดแห่งนี้มีหมูป่าที่คอยดูแลความปลอดภัยให้กับพระครูปัญญา ปภัสสโร เจ้าอาวาสวัดวังอ้อ เวลาออกบิณฑบาต

    พระครูปัญญา กล่าวต่อว่า เมื่อพระลูกวัดตีระฆังทุกเช้า เจ้านำโชคเมื่อได้ยินเสียงก็จะตื่นพร้อมกับเสียงระฆัง



    จากนั้นก็จะเดินทางมาฟังพระทำวัตรเช้าในศาลาอยู่เป็นประจำทุกวัน ก่อนที่จะเริ่มออกเดินตามพระไปบิณฑบาตในหมู่บ้าน จนขณะนี้น้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม ก็ยังเดินอุ้ยอ้ายตามหลังพระไปบิณฑบาตตามเส้นทางในหมู่บ้าน เมื่ออาตมาหยุดรับบิณฑบาต เจ้าหมู่ป่านำโชคก็จะหยุดด้วยโดยไม่มีใครไปสั่งสอน จนเป็นที่รู้จักมักคุ้นของคนในหมู่บ้านกันเป็นอย่างดี ด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูของพฤติกรรมของเจ้าหมูแสนรู้ตัวนี้


    พระครูปัญญาเปิดเผยว่า เจ้านำโชคคือชื่อของหมูป่าวัย 8 เดือน น้ำหนักเกินกว่า 100 กิโลกรัม ขนตัวสีดำ ลูกศิษย์ชาวเขาเผ่าม้ง อ.ปาศิลาทอง จ.กำแพงเพชร นำมาถวาย ไม่รู้ว่าได้มาจากไหน ตอนนำมาให้หมูตัวนี้อายุเพียง 2 เดือน จากนั้นได้เลี้ยงโดยนำข้าวก้นบาตรผสมให้กินมา จนขณะนี้อายุได้ 8 เดือน มีนิสัย ขี้เล่น อารมณ์ดี ไม่ดุร้าย

    ที่เป็นความสามารถพิเศษ คือ เจ้านำโชคตัวดังกล่าวมีพฤติกรรมชอบทำตัวเป็นหมู่ตำรวจจราจร


    เวลาพระหยุดรับบิณฑบาต เจ้านำโชคก็จะหยุดตามเพื่อรอพระจนกว่าพระจะรับบิณฑบาตเสร็จแล้วเดินต่อ จากนั้นเมื่อมีรถวิ่งผ่านมาเจ้านำโชคจะแสดงตัวเป็นหมูตำรวจจราจรทันที เดินออกไปกลางเลนถนน เพื่อไม่ให้รถเข้ามาเฉี่ยวชนพระ จนรถทุกคันต้องหลบให้ รถบางคันต้องจอดรอก่อนจนพระเดินผ่านไป เป็นอย่างนี้ทุกวัน จึงเป็นที่รู้จักและรักใครของชาวบ้าน ระหว่างทางจะมีชาวบ้านนำอาหารให้เจ้านำโชคกิน แต่เจ้าหมูนำโชคจะเลือกกินเฉพาะเจ้าประจำเท่านั้น

    ส่วนสถานที่ขับถ่าย ระหว่างทางจะถ่ายเฉพาะที่ที่ประจำเช่นกัน ไม่ถ่ายเรี่ยลาดเหมือนกับหมูตัวอื่นๆ


    ส่วนเด็กๆมักชอบเล่นจับตัวเจ้าหนูนำโชค โดยเจ้าหมู่ไม่แสดงอาการดุร้าย ยังมีอารมณ์ดี ส่งเสียงร้องตลอด ส่วนระหว่างครึ่งทาง ลูกศิษย์วัดจะนำน้ำลาดไปที่ตัวหมู่เพื่อคลายร้อน เพราะเส้นทางพระเดินรับบิณฑบาตตามหมู่บ้านประมาณ 5 กิโลเมตร


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>ทึ่งขอทานใจบุญ เงินสด1ล. หอบถวายวัดไร่ขิง </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>ฮือฮาขอทานวัดไร่ขิงใจบุญประกาศบริจาคเงินให้วัด1 ล้านบาท พร้อมว่าจ้างวงดนตรีลูกทุ่งสาวชื่อดัง "ตั๊กแตน ชลดา"

    มาแสดงให้ชาวบ้านได้ชมด้วยปิดใจเริ่มนั่งขอทานที่วัดดังนครปฐมมาตั้งแต่ปี 2522 ปีแรกถวายเงินวัด 300 บาท และถวายเพิ่มมาเรื่อยๆ ตามรายได้ เมื่อปีที่แล้วถวาย 4 แสน ตั้งใจว่าถ้าปีนี้มีรายได้ถึง 1 ล้าน จะถวายวัดทั้งหมด ซึ่งก็ได้ตามเป้าจริงๆ ด้านเจ้าอาวาสเผยเป็นคนใจบุญแม้จะร่างกายไม่สมประกอบ ที่ผ่านมาเคยบริจาคให้วัดปีละเป็นแสน

    เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 14 มี.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่านายเอี่ยม คัมภิรานนท์ อายุ 62 ปี



    อยู่บ้านเลขที่ 87 ซอย 7 ถนนพหลโยธิน ต.ปากเพรียว อ.เมือง จ.สระบุรี อาชีพขอทานอยู่ภายในวัดไร่ขิง พระอารามหลวง อ.สามพราน จ.นครปฐม จะนำเงินถวายให้วัดจำนวน 1 ล้านบาท จึงเดินทางไปตรวจสอบพบว่านายเอี่ยมวันนี้แต่งกายสะอาด ใส่ชุดสูทสีดำ ผูกหูกระต่ายสีแดง ใบหน้ายิ้มแย้ม ถือพานใส่เงินสดจำนวน 1 ล้านบาท พร้อมดอกบัวกำใหญ่

    จากการสอบถามนายเอี่ยมทราบว่า ตนเป็นคนป่วยเป็นโรคโปลิโอตั้งแต่กำเนิด



    พิการแขนขา เดินไม่สะดวก ลิ้นไก่สั้น พูดไม่ชัด ไม่มีญาติพี่น้อง อาศัยอยู่คนเดียว ตกกลางคืนจะนอนอยู่ที่ศาลาจำหน่ายธูปเทียนของวัด ปกติ แล้วมา นั่งขอทานอยู่ด้านหลังโบสถ์วัดไร่ขิงตั้งแต่ปีพ.ศ.2522 จนปัจจุบันรวมระยะเวลากว่า 33 ปีแล้ว

    นายเอี่ยมกล่าวต่อว่ามานั่งขอทาน โดยเชิญชวนประชาชนที่มาทำบุญให้ร่วมซื้อดอกบัวถวายหลวงพ่อวัดไร่ขิงตั้งแต่ในปีแรก



    ซึ่งตนถวายเงินสดจำนวน 300 บาท และถวายเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี เมื่อประชาชนผู้มีจิตกุศลให้เงินตนทุกๆ วัน ตนก็ได้เก็บรวบรวมฝากธนาคารรวบรวมไว้ เมื่อปีที่แล้วบริจาค 4 แสน สำหรับในปีนี้ หากตนสะสมเงินที่ขอทานมาได้ครบ 1 ล้านบาท ตนตั้งใจว่าจะถวายหลวงพ่อวัดไร่ขิง เพื่อร่วมซื้อดอกบัวถวายงานประจำปีหลวงพ่อวัดไร่ขิง ระหว่างวันที่ 2 -10 มี.ค. แล้วก็ได้เงิน 1 ล้านดังหวังจริงๆ จึงขอมอบเงินส่วนนี้ให้วัดเพื่อนำไปบำรุงพระศาสนาต่อไป พร้อมกันนี้ในช่วงค่ำวันเดียวกัน 19.30 น. นายเอี่ยมได้จ้างวงดนตรีมาเล่นถวายหลวงพ่อวัดไร่ขิง โดยมีศิลปินนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ตั๊กแตน ชลดา มาร้องเพลงด้วย

    ด้านพระราชวิริยาลังการ เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง เปิดเผยรายละเอียดเรื่องราวขอทานเงินล้านใจบุญรายนี้ว่า



    นายเอี่ยมเป็นขอทานแล้วมาพักอาศัยอยู่ที่วัด ทราบว่าเป็นคนสุโขทัย มาขอทานที่วัดนี้ประมาณ 10-20 ปีแล้ว เจ้าอาวาสรูปก่อนอนุญาตให้เข้ามาขอทานในวัดได้ เนื่องจากเป็นคนน่าสงสาร พิการ มือหงิกทั้ง 2 ข้าง เดินไม่ได้ ต้องใช้วิธีคลานแทน แต่ละวันทราบว่านายเอี่ยมขอทานได้วันละ 2 พันกว่าบาท ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ ก็ได้เป็นหมื่นบาท จากนั้นก็นำเงินรวบรวมมาบริจาควัดทุกปี ครั้งละประมาณ 1 แสนบาท โดยทำมาแล้ว 4-5 ปี ซึ่งจะบริจาคในช่วงงานวัดช่วงเดือนเม.ย.ทุกปี แต่ปีนี้นายเอี่ยมถูกหวยงวดวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา ได้เงินหลายล้านบาท จึงแสดงความจำนงถวายเงินให้วัด 999,999 บาท พร้อมทั้งหาวงดนตรีของตั๊กแตน ชลดา และหนังกลางแปลงมาแก้บนกับหลวงพ่อวัดไร่ขิง โดยนายเอี่ยมจะนำเงินมามอบให้ต่อหลวงพ่อในโบสก์ในเวลา 20.00 น.

    ด้านนายอุดร ศิริอาภรณ์ อาจารย์โรงเรียนวัดไร่ขิงวิทยา อ.สามพราน จ.นครปฐม กล่าวว่า



    การมอบเงินดังกล่าวของนายเอี่ยม ถือว่าเป็นการตอบแทนวัด ที่นายเอี่ยมใช้เป็นที่พักพิง และเป็นความประสงค์อยากจะทำบุญร่วมกับทางวัด ยืนยันว่าทางวัดไม่ได้สนับสนุนให้มีอาชีพขอทานเกิดขึ้น เพื่อที่จะแสวงหาเงินจากผู้ที่มาทำบุญที่วัด กรณีเงิน 1 ล้านบาท ที่มอบให้ ทางวัดก็จะออกหนังสือเพื่อรับรองการบริจาคให้ เพื่อให้เงินที่บริจาคมา ใช้อย่างถูกต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค ทราบว่านายเอี่ยมฝากเอาไว้หลายที่ด้วยกัน ที่นายเอี่ยมไว้วางใจ เมื่อถึงเวลาที่จะใช้จ่าย จึงไปเบิกมา


    สำหรับนายเอี่ยมพิการเป็นโรคโปลิโอตั้งแต่กำเนิด พูดไม่ค่อยชัด ต้องใช้สมาธิพอสมควรในการฟังคำพูดเพื่อจับใจความว่าต้องการสื่ออะไร

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>สึนามิลูกย่อมซัดชายฝั่งญี่ปุ่นหลังครบรอบ1ปี </TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>วานนี้ (14 มี.ค.) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นว่า
    คลื่นสึนามิขนาดย่อมพัดถล่มชายฝั่งด้านตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศญี่ปุ่น เมื่อช่วงค่ำวันนี้ หลังผ่านพ้นวันครบรอบ 1 ปี เหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิครั้งใหญ่ 9.0 ริคเตอร์ พัดถล่มญี่ปุ่น มีผู้เสียชีวิต 19,000 ศพ

    สำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐ แจ้งเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงวัดได้ 6.9 ริคเตอร์ เมื่อเวลา 18.08 น.ค่ำวันนี้ ตามเวลาท้องถิ่


    น ตรงกับ 16.08 น.วันเดียวกันตามเวลาในประเทศไทย โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ลึกกว่าพื้นผิวทะเล 26.6 กม. และอยู่นอกชายฝั่งเกาะฮอกไกโด เกาะใหญ่ทางเหนือสุดของญี่ปุ่น ผลจากแผ่นดินไหวทำให้เกิดคลื่นสึนามิสูงประมาณ 20 ซม. พัดเข้าสู่ชายฝั่ง ทำให้ทางการต้องประกาศเตือนประชาชนให้อพยพออกจากพื้นที่ริมชายฝั่ง ก่อนที่คลื่นจะพัดเข้ามา ซึ่งก็มีหลายจุดที่คลื่นสึนามิขนาดย่อมพัดเข้าไป บนเกาะฮอกไกโด รวมถึงจังหวัดโอโมริ ซึ่งเป็นอีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว 9.0 ริคเตอร์และสึนามิ พัดถล่มเมื่อวันที่ 11 มี.ค.ปีที่แล้ว มีผู้เสียชีวิต 19,000 ศพ

    แต่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของญี่ปุ่น รายงานในเบื้องต้นว่า คลื่นสึนามิอาจสูงถึง 50 ซม. แต่ศูนย์เตือนภัยสึนามิแห่งมหาสมุทรแปซิฟิก ไม่ได้แจ้งเตือนให้ระวังอันตรายจากคลื่นสึนามิในมหาสมุทรแปซิฟิกแต่อย่างใด

    หลังจากนั้นมีอาฟเตอร์ช็อกหรือแรงสั่นสะเทือนตามหลังแผ่นดินไหวตามมาอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่ได้รุนแรง


    ยกเว้นอยู่ครั้งหนึ่ง วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 6.1 ริคเตอร์ แต่ก็ไม่มีคำเตือนเรื่องคลื่นสึนามิแต่อย่างใด จนกระทั่งเกือบ 3 ชั่วโมง หลังแผ่นดินไหวครั้งแรก มีรายงานจากสำนักงานสำรวจธรณีวิทยาสหรัฐว่า วัดแรงสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวได้ 5.7 ริคเตอร์ เมื่อเวลา 21.05 น.ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น ตรงกับ 19.05 น.วันเดียวกันตามเวลาในประเทศไทย โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ 90 กม.ทางตะวันออกของกรุงโตเกียว ไม่มีรายงานความเสียหายและประกาศเตือนภัยสึนามิแต่อย่างใด ส่วนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะ ไดอิจิ ก็ไม่มีรายงานความเสียหายเช่นกัน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  15. ปธ6

    ปธ6 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    349
    ค่าพลัง:
    +292
    ความน่าสะพึงกลัวมันเริ่มมาอีกแล้ว ธรรมชาติจัดหนักแน่นอน นับวันรอไว้ได้เลย
     
  16. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    17 มี.ค. 55

    ขับรถ ถูกกฏ ช่วยลด
    ไม่หมด เงินทอง หามา
    มีด่าน ตั้งไว้ ข้างหน้า
    อย่าช้า ระวัง ให้ดี

    ภาพซ้ำ

    เมื่อเช้าวานนี้ ในนิมิตเห็นตัวเองออกไปทำงานนอกบ้าน ที่ทำงาน ผมได้เห็นกระแสน้ำไหลมาอย่างรวดเร็วโชคดีที่มีความสูงไม่มาก

    ภาพนี้จะสื่อถึง ปีนี้โดยทั่วไปน้ำท่วมแต่ไม่รุนแรงเหมือนปีที่ผ่านมา

    องค์อินทร์ ๙๗
    ทำการแทน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 17 มีนาคม 2012
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    มหาวิบัติของสังคมจากทิศเบื้องบน

    [​IMG]

    คฤหัสถ์ขาดความรับผิดชอบต่อสังคมหรือศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นที่ร่วมสังคม

    ถ้าพระภิกษุขาดอริยวินัย ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของท่านให้สมบูรณ์ ผลเสียที่จะเกิดประการที่ ๒ คือ คฤหัสถ์จะไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคมหรือต่อศักดิ์ศรีแห่งความเป็นมนุษย์ของผู้อื่นที่ร่วมสังคม ด้วยการเกี่ยวข้องพัวพันอบายมุขเป็นอาจิณ ซึ่งจะเกิดเป็นลักษณะนิสัยและแสดงพฤติกรรมออกมาให้เห็นได้อย่างน้อย ๓ ประการ คือ

    ๑) เป็นคนอคติ ผู้ที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ย่อมคิดถึงตนเองหรือประโยชน์ของตน และบริวารของพวกพ้องของตนเป็นสำคัญ ดังนั้นจึงไม่คำนึงถึงการสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในสังคม เมื่อจะพูดหรือทำสิ่งใดก็จะตั้งอยู่บนพื้นฐานของความลำเอียง คนที่มีใจลำเอียงย่อมพยายามคิดหากลวิธีพลิกแพลงมากระทำการต่างๆ ให้เบี่ยงเบนไปจากความยุติธรรม พฤติกรรมที่เห็นได้ชัดเจนมากในสังคมก็คือ ระบบอุปถัมภ์ หรือระบบเส้นสาย ซึ่งนอกจากจะก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมโดยทั่วไป หรือที่เรียกว่า การเลือกปฏิบัติในสังคมแล้ว ยังก่อให้เกิดปัญหาเลวร้ายตามมาเป็นลูกโซ่ นับตั้งแต่ปัญหาคอรัปชั่น การติดสินบน การกลั่นแกล้งใส่ร้ายป้ายสีกัน ตลอดจนกระทั่งการตั้งศาลเตี้ยขึ้นมาตัดสินปัญหาโดยพลการด้วยการฆาตกรรมกันเป็นต้น ดังนั้น สังคมของผู้ที่มีอคติจึงหาความสงบสุขและความเจริญได้ยากยิ่ง

    เกี่ยวกับเรื่องนี้มีสิ่งพึงต้องทำความเข้าใจให้ถูกต้องว่า ถ้าทิศเบื้องบนมีอริยวินัยสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้สมบูรณ์ไม่มีบกพร่อง ย่อมส่งผลให้ทิศอื่นๆ มีอริยวินัย ต่างปฏิบัติหน้าที่ของตนๆ ได้สมบูรณ์ตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทิศเบื้องหน้า ย่อมจะสามารถปลูกฝังนิสัยรักความยุติธรรมให้แก่บุตรธิดาของตนตั้งแต่เยาว์วัย ครั้นเมื่อเยาวชนเหล่านี้ไปโรงเรียน ย่อมจะได้รับการปลูกฝังนิสัยรักความยุติธรรมเป็นการตกย้ำเพิ่มเติมจากทิศเบื้องขวาให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นอีก ครั้นเมื่อเยาวชนเหล่านี้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ก็ย่อมจะเป็นผู้ใหญ่ที่รักความยุติธรรม เกลียดชังนิสัยอคติ สังคมใดที่มีแต่ผู้รักความยุติธรรม สังคมนั้นย่อมเป็นสังคมสันติสุข สามารถพัฒนาให้เจริญก้าวหน้าไปได้ด้วยศักยภาพในตนเอง

    สมมุติว่าเรามีแม่พิมพ์โลหะอยู่อันหนึ่ง ถ้านำแม่พิมพ์นี้ไปพิมพ์ขนม (แห้ง) ไม่ว่าขนมจะมีเครื่องปรุงแตกต่างกันอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นขนมไทย แขก ฝรั่ง หรือ จีน เมื่อพิมพ์ออกมาเสร็จแล้ว ขนมเหล่านั้นทุกชิ้นย่อมมีรูปทรงเหมือนแม่พิมพ์ทุกประการ อาจจะมีขนมบางชิ้นไม่เหมือนแม่พิมพ์อยู่บ้าง ก็เพราะมีบางส่วนบิ่น หรือแตกออกไปเล็กน้อย เนื่องจากสาเหตุบางประการแต่ก็ยังมีเค้าโครงของแม่พิมพ์ปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน

    ข้อนี้ฉันใด ถ้าทิศเบื้องบนมีอริยวินัย ปฏิบัติหน้าที่ของตนอย่างสมบูรณ์ไม่บกพร่อง ทิศต่างๆ อีก ๕ ทิศ ย่อมมีอริยวินัยปฏิบัติหน้าที่ของตนๆ ได้สมบูรณ์ไม่บกพร่องฉันนั้น อาจจะมีบางคนในบางทิศปฏิบัติหน้าที่หย่อนยานไปบ้าง แต่ก็คงไม่ถึงขั้นขาดอริยวินัยจนกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิ มีอคติแรงกล้า ถึงกับก่อความระส่ำระสายขึ้นในสังคม ดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน..

    ๒) นิยมการใส่ความ ด้วยอำนาจความคิดมิจฉาทิฏฐิ หวังจะไดลาภ ยศ สรรเสริญ มากกว่าผู้อื่น ผู้ที่มีอคติ ก็จะพยายามหาวิธีโฆษณาประชาสัมพันธ์ตนเองด้วยวิธีการต่างๆ มีการปรากฏตัวเป็นข่าวตามสื่อเป็นต้น เพื่อให้สังคมเห็นว่าตนนั้นควรได้รับสิ่งที่ตนหวังมากกว่าคนอื่นๆ ที่(คิดว่า) เป็นคู่แข่ง ทั้งๆ ที่ตนควรจะได้รับน้อยกว่า หรือไม่ควรได้รับเลย

    ในขณะเดียวกันก็พยายามหาทางกำจัดคู่แข่ง ด้วยการใส่ไคล้คู่แข่ง โดยการพูดเหน็บแนมบ้าง เอาเรื่องส่วนตัวในเชิงลบของคู่แข่งมาเปิดเผยต่อสาธารณะอย่างมีเลศนัยบ้าง ปั้นน้ำเป็นตัว โดยสรุปก็คือ คนอคติจะมีวิธีหาประโยชน์ใส่ตัวหรือพรรคพวก ด้วยการพูดจาแบบ “ เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น” นั่นเอง

    ๓) กระทำการใส่ไคล้ นอกจากการกล่าววาจาใส่ความผู้อื่นแล้ว เพื่อให้ความคิดอคติของตนสัมฤทธิผลตามปรารถนา คนมิจฉาทิฏฐิก็จะใช้การกระทำเพื่อเสริมน้ำหนักให้มากขึ้น โดยการทำใบปลิวโจมตีคู่แข่งบ้าง ทำบัตรสนเท่ห์ ถึงผู้บังคับบัญชาของคู่แข่งบ้าง หรือทำเอกสารปลอมเพื่อแสดงการทำผิดกฎหมายของคู่แข่งบ้าง เป็นต้น

    ส่วนบางรายที่มีมิจฉาทิฏฐิหนัก ก็ถึงกับตัดคู่แข่งด้วยการใช้กลมารยา ลวงคู่แข่งให้หลงประพฤติผิดศีลธรรมบ้าง มิฉะนั้นก็ใช้วิธีลอบสังหารกันบ้าง กล่าวได้ว่า การกระทำของคนอคติจะมีความรุนแรงเพียงใดนั้น ขึ้นอยู่กับปริมาณค่าแห่งผลประโยชน์ที่เขาคาดหวังเป็นสำคัญ

    คฤหัสถ์ขาดความรับผิดชอบต่อศีลธรรมทางเศรษฐกิจ

    ถ้าพระภิกษุขาดอริยวินัย ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของท่านให้สมบูรณ์ ผลเสียที่จะเกิดประการที่ ๓ คือ คฤหัสถ์ไม่มีความสำนึกรับผิดชอบต่อศีลธรรมทางเศรษฐกิจ ด้วยการเกี่ยวข้องพัวพันกับอบายมุขเป็นอาจิณ ซึ่งจะเกิดเป็นลักษณะนิสัยและแสดงพฤติกรรมออกมาให้เห็นได้อย่างน้อย ๓ ประการ คือ

    ๑) นิยมชมชอบอบายมุข โดยทั่วไปเมื่อกล่าวถึงอบายมุข คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงการพนัน แท้ที่จริง อบายมุข หมายถึง เหตุหรือการกระทำที่นำความฉิบหายมาสู่ผู้ปฏิบัติ การพนันเป็นเพียงเหตุอย่างหนึ่งเท่านั้นในอบายมุข ๖ ประการ

    เหตุการณ์ในชีวิตประจำวันของผู้คนในสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสภาพสังคมปัจจุบัน ตามเมืองใหญ่โดยทั่วไปนั้น พร้อมที่จะชักจูงโน้มน้าวหรือผลักพันผู้คนทุกเพศทุกวัย เข้าไปเกี่ยวข้องพัวพันกับอบายมุข ๖ ประการตลอดเวลา แต่ผู้ที่จิตใจมีภูมิคุ้มกันดี ย่อมสามารถปกป้องคุ้มครองตนเอง ให้รอดพ้นจากการตกเป็นทาสของอบายมุขได้

    บุคคลที่จะมีภูมิคุ้มกันจิตใจ คือ สัมมาทิฏฐิ และหิริโอตตัปปะมั่นคง ไม่คลอนแคลนเปลี่ยนเป็นมิจฉาทิฏฐิ โดยทั่วไปแล้วจะต้องได้รับการปลูกฝังอบรมอย่างดีตั้งแต่เล็กแต่น้อยจากทิศเบื้องหน้า และเบื้องขวาเป็นสำคัญ ขณะเดียวกันทิศทั้ง ๖ นี้ก็มีพฤติกรรมที่ถูกต้องเหมาะสม ให้ยึดเอาเป็นตัวอย่างได้เสมอ มิใช่เป็นประเภทสอนลูกหรือลูกศิษย์ให้ทำดี แต่ผู้สอนกลับประพฤติตรงข้าม เยาวชนประเภทนี้ย่อมหวังได้ว่าพวกเขาจะมีภูมิคุ้มกันจิตใจที่มีประสิทธิภาพสูง ยากที่จะสูญสลายกลายเป็นมิจฉาทิฏฐิไปได้ง่ายๆ

    อย่างไรก็ตาม ถ้าทิศเบื้องบนขาดอริยวินัย ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ การประพฤติปฏิบัติของอีก ๕ ทิศ ก็จะเบี่ยงเบนจากสัมมาทิฏฐิไป นั่นคือ แต่ละคนในแต่ละทิศย่อขาดภูมิคุ้มกันจิตใจ จึงมีลักษณะนิสัยเป็นคนมิจฉาทิฏฐิ ซึ่งอาจจะมากน้อยแตกต่างกันไปตามอิทธิพลของบุคคลที่แวดล้อมพวกเขา และตามแรงบุญ-บาปที่ติดวิญญาณธาตุของแต่ละคนมาแต่กำเนิด

    ถ้าเป็นเช่นนั้น เยาวชนทั้งหลาย นอกจากจะไม่ได้รับการปลูกฝังสัมมาทิฏฐิแล้ว ยังจะมีตัวอย่างผู้ใหญ่มิจฉาทิฏฐิ ให้ลอกเลียนแบบอีกด้วย ดังปรากฏให้เห็นเป็นจำนวนมากในปัจจุบัน

    สิ่งที่เย้ายวนกิเลสในใจคนเรามากที่สุด ไม่มีอะไรเกินอบายมุข ๖ บุคคลที่มีภูมิคุ้มกันจิตใจเป็นอย่างดี ย่อมสามารถประคองตัวให้พ้นจากการเป็นทาสของอบายมุข แต่ในทางกลับกัน บุคคลที่ขาดภูมิคุ้มกันจิตใจ คือบรรดามิจฉาทิฏฐิบุคคลทั้งหลาย ย่อมมีความนิยมชมชอบอบายมุขเป็นอย่างยิ่ง เพราะมีความเห็นผิดตั้งแต่เบื้องต้นว่า อบายมุขเป็นสิ่งที่คุณให้แก่ชีวิตอยู่ไม่น้อย เช่น เด็กหนุ่มส่วนมากเห็นว่าการดื่มสุรา การสูบบุหรี่ การเที่ยวกลางคืน นอกจากจะทำให้เกิดความรื่นเริงบันเทิงใจจากการเสพสิ่งเหล่านั้น และการร่วมวงสังสรรค์กันระหว่างเพื่อนฝูงแล้ว ยังจะได้รับประสบการณ์ชีวิตที่ทำให้เขารู้สึกเป็น “ ลูกผู้ชาย” ได้เต็มภาคภูมิอีกด้วย

    ในปัจจุบันไม่เฉพาะเด็กหนุ่มเท่านั้น แม้เด็กสาวก็มีพฤติกรรมทำนองเดียวกับเด็กหนุ่ม ซึ่งพฤติกรรม “ ใจแตก” ของเยาวชนเหล่านั้นนอกจากจะก่อให้เกิดปัญหาเงินทองขาดมือแล้ว ยังเป็นอุปสรรคต่อความสำเร็จด้านการศึกษาเล่าเรียนของพวกเขาอีกด้วย

    คนส่วนมากที่พัวพันหมกมุ่นกับการดื่ม การเที่ยวกลางคืนย่อมต้องใช้จ่ายเงินทองฟุ่มเฟือย ทำให้รายจ่ายเกินรายรับ คนเหล่านี้ จึงหันเข้าหาการพนัน เพราะคิดว่าเป็นวิธีหาเงินได้ง่าย คราใดที่ชนะพนันก็จะย่ามใจเสี่ยงโชคมากขึ้น หรือใช้จ่ายในเรื่องการดื่มการเที่ยวหนักยิ่งขึ้น แต่คราใดที่แพ้พนัน ก็อาจต้องใช้วิธีกู้หนี้ยืมสิน ลักขโมย จี้ปล้น ไปจนถึงการค้ายาเสพติด

    กล่าวได้ว่าคนที่พัวพันหมกมุ่นอยู่กับอบายมุข ชีวิตของเขาก็จะยิ่งจมอยู่กับความเลวร้ายหนักขึ้นๆ ตราบใดที่เขายังไม่ล้มหมอนนอนเสื่อเรื่องที่เขาจะกลับตัวกลับใจเป็นคนดี มีสัมมาทิฏฐินั้นยากที่จะหวัง

    ๒) มีพฤติกรรมตลบตะแลง ผู้ที่จมอยู่กับอบายมุข จะมีปัญหาต่างๆ รุมเร้าอยู่ตลอดเวลา นับตั้งแต่ปัญหาขาดแคลนเงินสำหรับจับจ่ายใช้สอยประจำวัน ทำผิดศีลธรรม ผิดกฎหมาย ผิดคำพูด คนเหล่านี้จึงต้องพยายามแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อเอาตัวรอดไปแต่ละครั้งๆ พวกเขาจึงมีพฤติกรรมพูดอย่างหนึ่ง แต่ทำอีกอย่างหนึ่ง เช่น เมื่อหยิบยืมเงินเพื่อนฝูงหรือญาติพี่น้องไป ก็สัญญาว่าจะนำมาใช้คืนในวันสิ้นเดือน แต่ครั้นถึงวันกำหนดนัด ก็ไม่ทำตามสัญญา โดยขอผัดผ่อนไปเรื่อย หรือมิฉะนั้นก็หลบลี้หนีหน้าไปนานๆ แล้วกลับมาขอยืมใหม่ เป็นต้น

    คนที่จมอยู่กับอบายมุข จึงเป็นคนที่พูดจาเชื่อถือไม่ได้ เป็นคนที่ไม่รักษาคำพูด มีพฤติกรรมตลบตะแลง เป็นนิสัย

    ๓) มีพฤติกรรมชั่วร้าย ผู้คนมิจฉาทิฏฐิ นอกจากแสดงพฤติกรรมชั่วร้ายทางวาจาแล้ว ยังจะแสดงพฤติกรรมชั่วร้ายออกมาทางกายอีกด้วย ทุกวันนี้พฤติกรรมชั่วร้ายของผู้คนมิจฉาทิฏฐิ ปรากฏเป็นข่าวอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และทุกหนทุกแห่งในบ้านเมืองของเรา เช่น

    - แม่ฆ่าลูก สามีฆ่าภรรยา ภรรยาฆ่าสามี นักศึกษาฆ่าตัวตาย
    - ผู้ร้ายปล้นแท็กซี่ วัยรุ่นเป็นตีนแมว สิบแปดมงกุฎแหกตาเศรษฐีนี ข้าราชการคอรัปชั่น
    - พ่อข่มขืนลูกสาวในไส้ ครูข่มขื่นลูกศิษย์ชั้นประถม เฒ่าหัวงูซื้อบริการทางเพศเด็กหญิง เด็กหญิงขายบริการทางเพศเพื่อหาเงินมาซื้อมือถือ
    - ขี้เมาขับรถชนเสาไฟฟ้าดับคาที่ หนุ่มเสพยาบ้าจี้สาวเป็นตัวประกัน คนงานเสพยาม้าแล้วพยายามโดดระเบียงตึกชั้น ๘

    จากข่าวตัวอย่างข่าวร้ายที่ยกมานี้ ขาดหิริโอตตัปปะ ขาดปฏิสัมพันธ์อันดีกับผู้คนรอบข้าง หรือขาดความสำนึกรับผิดชอบต่อทิศ ๖ของตนนั่นเอง เพราะจิตใจถูกครอบงำด้วยอำนาจมิจฉาทิฐิ

    คฤหัสถ์ขาดความสำนึกรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ

    คฤหัสถ์ขาดความสำนึกรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ ก็เพราะไม่เห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมทั้งใกล้และไกลตัว อีกทั้งเห็นแก่ตัวยิ่งกว่าส่วนรวม ซึ่งจะเกิดเป็นลักษณะนิสัย และแสดงพฤติกรรมออกมาให้เห็นได้อย่างน้อย ๓ ประการ คือ

    ๑) ขาดวิสัยทัศน์เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม คนมิจฉาทิฏฐิเป็นคนมีปัญญาน้อย เห็นแก่ตัว และใจแคบ ดังนั้นเมื่อกระทำสิ่งใด ก็จะคิดถึงเฉพาะประโยชน์ระยะสั้น ที่จะเกิดขึ้นแก่ตนก่อนส่วนรวม จึงไม่ใคร่คำนึงถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นในระยะยาว เป็นผู้ที่ทำงานโดยไม่มีการวางแผนระยะยาวนั่นเอง

    ๒) ชอบแก้ตัว คนมิจฉาทิฏฐิไม่ว่าจะทำงานเล็กหรือใหญ่ ก็มักจะทำอย่างมักง่าย ครั้นเมื่อเกิดผลเสียหายขึ้น ก็พยายามหาเหตุผลมาแก้ตัวบ้าง ซัดทอดความผิดไปให้ผู้อื่นบ้าง โอดครวญว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมบ้าง หรือเมื่อจนด้วยพยานหลักฐาน ก็จะหาทางพูดกลบเกลื่อนเพื่อเอาตัวรอด

    ดังกรณีชาวบ้านที่ชอบทิ้งสิ่งปฏิกูลลงในแม่น้ำลำคลองเป็นประจำ เมื่อถูกทักท้วงตักเตือน ก็จะแก้ตัวว่าสิ่งปฏิกูลจากบ้านของตนเพียงเล็กน้อย ย่อมไม่ทำให้น้ำในแม่น้ำลำคลองถึงกับเน่าเสียได้ สิ่งปฏิกูลที่ปล่อยออกมาจากโรงงานอุตสาหกรรมต่างหากที่ทำให้น้ำเน่าเสีย เพราะฉะนั้นแทนที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจะเข้มงวดกวดขันกับพวกตน ก็ควรจะไปเข้มงวดกับโรงงานต่างๆ ไม่ให้ปล่อยของเสียลงแม่น้ำ

    แท้ที่จริง แม้แต่ละบ้านจะทิ้งสิ่งปฏิกูลเพียงเล็กน้อย แต่จำนวนบ้านที่ทิ้งสิ่งปฏิกูลนั้นมีอยู่มากมาย เมื่อรวมกันแล้ว สิ่งปฏิกูลจากบ้านเรือย่อมจะมากกว่าโรงงานอุตสาหกรรมเสียอีก การที่ชาวบ้านเหล่านั้นออกมาตอบโต้ ก็ล้วนเป็นการแก้ตัวให้พ้นผิดเท่านั้น

    อนึ่ง รัฐยังมีกฎหมายบังคับโรงงานอุตสาหกรรม ให้บำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยทิ้งลงไปในแม่น้ำลำคลอง แต่ก็มีเจ้าของโรงงานที่เห็นแก่ตัวบางแห่ง ต้องการประหยัดงบประมาณสำหรับบำบัดสิ่งปฏิกูล จึงแอบปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำลำคลอง โดยยังมิได้ผ่านกระบวนการบำบัด ครั้นเมื่อถูกจับได้ไล่ทัน ก็มักจะแก้ตัวกับสังคม โดยออกข่าวโพนทะนาว่าตนไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่บ้านเมือง

    จากตัวอย่างที่ยกมานี้ จะเห็นว่าเป็นพฤติกรรมของคนมิจฉาทิฏฐิที่พยายามแก้ตัวเมื่อทำผิด เพื่อเอาตัวรอด โดยไม่มีความรับผิดชอบต่อสังคม

    ๓) ทำลายสิ่งแวดล้อม เนื่องจากคนมิจฉาทิฏฐิเป็นคนมักง่ายเห็นแก่ตัว ขาดหิริโอตตัปปะ ขาดวิสัยทัศน์เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม จึงมีพฤติกรรมทำลายสิ่งแวดล้อมอยู่เป็นนิจ ผลเสียอันเกิดจากสิ่งแวดล้อมที่ถูกทำลายนั้น กว่าจะเห็นได้ชัดเจนย่อมกินเวลานาน ครั้นเมื่อผลเสียปรากฏขึ้นแล้ว ก็ยากที่จะเยียวยาแก้ไข

    ต่อไปคือตัวอย่างผลเสียอันเกิดจากการที่สิ่งแวดล้อมถูกทำลายที่ปรากฏชัดเจนในประเทศไทย ขณะนี้

    - น้ำในคูคลองน้อยใหญ่ในกรุงเทพฯ และจังหวัดต่างๆ เน่าเสียส่งกลิ่นเหม็น
    - ตลาดสดต่างๆ ทั้งในเมืองใหญ่และเมืองเล็ก สกปรกรุงรัง ท่อระบายน้ำอุดตัน ส่งกลิ่นเน่าเหม็น
    - หมู่บ้านจัดสรรเกรดต่ำ เมื่อเริ่มเปิดโครงการ ต่างมีผังเมืองเป็นระเบียบ มีทัศนียภาพสวยงาม ครั้นเมื่อมีอายุเลย ๕ ปีขึ้นไปแล้ว จะมีสภาพคล้ายสลัม เพราะมีการต่อเติมอาคารอย่างไม่เป็นระเบียบ สกปรกรกรุงรัง มีกลิ่นขยะและน้ำเน่าเหม็น
    - อากาศในเมืองเต็มไปด้วยมลพิษ จากคาร์บอนมอนนอกไซด์ที่ปล่อยออกมาจากเครื่องยนต์ในยวดยานพาหนะต่างๆ เนื่องจากไม่เอาใจใส่ต่อระบบการจัดการที่ดี
    - การใช้น้ำบาดาลที่ขาดการควบคุมอย่างเข้มงวดกวดขัน และถูกหลักวิชา ทำให้ผืนแผ่นดินในเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑลทรุดต่ำลงทุกปี
    - ผืนแผ่นดินในป่าพังทลาย ไม่สามารถรับน้ำฝนที่ตกหนักได้ เนื่องจากไม่มีรากไม้ยึดดินไว้ เพราะต้นไม้ใหญ่ในป่าถูกโค่นทำลายไปหมดแล้ว
    - อุณหภูมิทั่วประเทศ(และทั่วโลก) ร้อนขึ้นเรื่อยๆ ทั้งนี้เพราะป่าไม้ถูกทำลาย

    คฤหัสถ์ทำลายตนเองและส่วนรวม

    เนื่องจากผู้ที่จมอยู่กับอบายมุขจะต้องเผชิญกับปัญหาเรื่องเงินเป็นประจำ ทำให้กลายเป็นคนหิวเงินอยู่ตลอดเวลา จึงพยายามคิดแสวงหาเงินทางลัดโดยไม่เลือกงาน คือจะเป็นงานอะไรก็ได้ ที่ให้ค่าตอบแทนสูงโดยไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรนัก แม้จะเป็นงานที่ผิดศีลธรรมหรือผิดกฎหมาย ก็ไม่รังเกียจ ไม่เกรงกลัว เช่น ถ้าเป็นข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ หรือนักการเมือง ก็คอยจ้องหาโอกาสคอรัปชั่น รับสินบน ค้ายาเสพติด ฯลฯ

    ถ้าเป็นพ่อค้า นักธุรกิจ ก็จะดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับอบายมุขโดยตรง เช่น เปิดบ่อนเถื่อน เป็นเจ้ามือหวยใต้ดิน ฯลฯ หรือบางรายอาจเปิดบาร์ เปิดไนท์คลับบังหน้า แต่เบื้องหลังนั้นค้ายาเสพติด

    ส่วนบุคคลทั่วไปหรือวัยรุ่น ทั้งยังไม่สามารถทำธุรกิจใหญ่ได้ก็อาจใช้วิธีตัดช่องย่องเบาตามวัดวาอารามบ้าง ตามบ้านประชาชนบ้าง ขายยาเสพติดบ้าง ถ้าเป็นเด็กสาวก็ “ ขายเนื้อสด” บ้าง ขายยาเสพติดบ้างเป็นต้น

    งานดังกล่าวล้วนเป็นมิจฉาอาชีวะ ซึ่งนอกจากผู้ทำจะผิดศีล ผิดกฎหมาย เป็นการทำลายตนเองแล้ว ยังเป็นการทำลายเศรษฐกิจและสังคมส่วนรวมอีกด้วย

    คฤหัสถ์ไม่มีความสำนึกรับผิดชอบต่อทิศ ๖ และต่อสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ

    ถ้าพระภิกษุขาดอริยวินัย ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของท่านให้สมบูรณ์ ผลเสียที่จะเกิดประการที่ ๔ คือ คฤหัสถ์ไม่มีความสำนึกรับผิดชอบต่อทิศ ๖ และต่อสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ

    คฤหัสถ์ไม่มีความสำนึกรับผิดชอบต่อทิศ ๖ คือขาดปฏิสัมพันธ์อันดีกับทิศ ๖ ของตน ซึ่งจะเกิดเป็นลักษณะนิสัย และแสดงพฤติกรรมออกมาให้เห็นได้อย่างน้อย ๓ ประการ คือ

    ๑) ขาดความเคารพ ความเคารพ หมายถึง ความตระหนักซาบซึ้งถึงคุณความดีที่มีอยู่จริงของบุคคล สิ่งของและเหตุการณ์ต่างๆ ถ้าได้ตระหนักถึงคุณงามความดีของใครหรือสิ่งใดแล้ว คนเราก็จะเกิดความคิดยอมรับนับถือ ไม่ดูเบา และปฏิบัติตามหรือนำคุณความดีเหล่านั้นมาปฏิบัติ นี่คือความหมายที่สมบูรณ์ของคำว่า “ เคารพ” ซึ่งครอบคลุมตลอดทั้งความเคารพ การทำความเคารพ ความเป็นผู้มีความเคารพตามสมควรในบุคคลต่างๆ มีพระพุทธเจ้า เป็นต้น ความเคารพนี้จะเป็นเหตุให้ผู้ปฏิบัติไปสู่สุคติ ดังที่พระพุทธองค์ตรัสว่า

    “ บุคคลกระทำความเคารพผู้ที่ควรเคารพสักการะผู้ที่ควรสักการะนับถือผู้ที่ควรนับถือ บูชาผู้ที่ควรบูชา เพราะกรรมนั้น ที่ยึดถือไว้บริสุทธิ์อย่างยิ่ง เบื้องหน้าแต่ตาย เพราะกายแตก เขาย่อมถึงสุคติโลกสวรรค์ หากเขาเกิดเป็นมนุษย์ ก็จะเป็นผู้มีตระกูลสูงในประเทศที่กลับมาเกิด”

    อนึ่ง พระธรรมเทศนาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงสอนเกี่ยวกับเรื่องความเคารพไว้ในพระสูตรต่างๆ นั้น ปรากฏว่ามีธรรมะอยู่ ๗ ประการ ที่บุคคลพึงให้ความเคารพ คือ ๑) พระพุทธเจ้า ๒) พระธรรม ๓) พระสงฆ์ ๔) การศึกษา ๕) การเจริญสมาธิภาวนา ๖) ความไม่ประมาท ๗) การปฏิสันถาร

    ได้กล่าวแล้วว่า ถ้าทิศเบื้องบนขาดอริยวินัย ไม่ปฏิบัติหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ ผู้คนในอีก ๕ ทิศ ก็จะตกเป็นทาสของมิจฉาทิฏฐิ มีสภาพเหมือนอยู่ในความมืดแห่งอำนาจกิเลส เพราะไม่มีผู้มาจุดประทีปส่องทางสว่าง ให้แลเห็นทางดำเนินชีวิต อันเป็นมาตรฐานของอริยชน ความคิดมิจฉาทิฏฐิอย่างหนึ่งในใจของผู้คนเหล่านี้คือ ขาดความเคารพในธรรม ๗ ประการ ดังกล่าวแล้ว เป็นต้นว่า

    - ขาดความเคารพพระรัตนตรัย ผู้ที่ขาดความเคารพพระรัตนตรัยย่อมขาดหิริโอตตัปปะ จึงทำกรรมชั่วได้ทุกอย่างเมื่อมีโอกาส
    - ขาดความเคารพพ่อแม่ ทั้งนี้เพราะพ่อแม่เองก็มีอวิชชา คือไม่รู้ซึ้งถึงคุณค่าและความสำคัญของความเคารพ อีกทั้งตนเองก็ไม่เคยมีความเคารพนับถือใครๆ หรือธรรมใดๆ จึงสอนลูกไม่เป็น ลูกหลานในตระกูลจึงขาดความกตัญญูกตเวที ไม่ช้าไม่นานตระกูลก็จะล่มสลายไปเอง
    - ขาดความเคารพครูอาจารย์ ศิษย์ที่ขาดความเคารพนับถือครูอาจารย์ อาจเป็นเพราะครูอาจารย์เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไม่รู้จักสอนศิษย์ให้มีความเคารพ หรือตัวครูอาจารย์เองก็มีพฤติกรรมน่ารังเกียจ ศิษย์จึงไม่ให้ความเคารพนับถือ พฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นเหตุให้สรรพวิทยาการต่างๆ อันทรงคุณค่าอันตรธานหายไปจากโลก
    - ขาดความเคารพบุคคลรอบข้าง บุคคลที่ไม่ตระหนักถึงความดีของผู้อื่น ก็เพราะคิดว่าตนเองมีความสามารถสูงกว่า มีฐานะดีกว่า หรือมีอำนาจเหนือกว่าผู้อื่น โดยสรุปก็คือ คิดว่าตนเองดีวิเศษกว่าผู้อื่นด้วยประการทั้งปวง ความคิดมิจฉาทิฏฐิเช่นนี้ ย่อมแสดงออกมาเป็นพฤติกรรมเลวร้ายทางกายและวาจา ซึ่งในที่สุดก็จะนำอันตรายนานัปการมาสู่ทั้งตนเองและสังคมโดยรวม

    ถ้าผู้คนในสังคมต่างขาดความเคารพเสียแล้ว สังคมก็จะมีปัญหาเลวร้ายต่างๆ เกิดขึ้นตลอดเวลา จนหาความสงบสุขไม่ได้เลย

    ๒) มีวจีทุจริต คนมิจฉาทิฏฐิ คดว่าตนเองวิเศษกว่าผู้อื่น ย่อมจะอวดวิเศษด้วยวาจายกตนข่มท่านบ้าง ลบหลู่ดูถูกเหยียดหยามเยาะเย้ยถากถางผู้อื่นบ้าง หรือมิฉะนั้นก็ท้าทาย ท้าตีท้าต่อยด้วยถ้อยคำระคายหูบ้าง หรือบางครั้งก็อาจหลอกลวงผู้อื่นเพื่อหาผลประโยชน์ใส่ตนบ้าง

    นอกจากนี้บางคนอาจกล่าวแสดงความสงสัยเกี่ยวกับพระรัตนตรัย หรือคุณของพระรัตนตรัย ซึ่งอาจเป็นเหตุให้คนปัญญาน้อยเห็นคล้อยตามแล้วไม่มีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย กลายเป็นมิจฉาทิฏฐิตามไปด้วย

    ในบ้างครั้งที่มีข่าวพระสงฆ์บางรูปประพฤติผิดพระธรรมวินัย คนมิจฉาทิฏฐิเหล่านี้ก็อาจจะกล่าววิพากษ์วิจารณ์ด้วยถ้อยคำรุนแรง หยาบคายและก้าวล่วงไปถึงวงการสงฆ์ ทำให้ภาพลักษณ์ของวงการสงฆ์พลอยมัวหมองไปด้วย

    บางคนอาจกล่าวถึงโทษภัยของการเจริญสมาธิภาวนาอย่างผิดๆ ทั้งๆ ที่ตนไม่เคยมีประสบการณ์ตรง นับว่าเป็นการตัดหนทางแห่งปัญญาของผู้ฟังที่มีปัญญาน้อย ด้วยอวิชชาของตนโดยแท้

    บางคนเมื่อทำผิดก็ไม่ยอมรับผิด พยายามโต้เถียงพ่อแม่ครูอาจารย์ อย่างไม่มีลดราวาศอก โต้เถียงกับญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง ภรรยา/สามี ตลอดจนผู้คนรอบข้าง เพื่อแสดงว่าตนเป็นฝ่ายถูก ผู้อื่นเป็นฝ่ายผิด

    โดยสรุปก็คือ คนที่ขาดความเคารพ จะชอบแสดงวจีทุจริต มีแต่คำพูดที่ไม่สร้างสรรค์ บั่นทอนกำลังใจผู้คน สร้างความร้าวฉานและร้าวรานในหมู่พวกและสังคม อย่างยากที่จะหาความสงบสุข

    สรุปปัญหาในทิศเบื้องบน

    ปัญหาในทิศนี้ อาจแบ่งออกได้เป็น ๒ ประเภท คือ

    ๑. ปัญหาที่สังคมเห็นชัดเจน คือ ประชาชนเสื่อมศีลธรรมเพราะไม่รู้ธรรมะ แล้วกล่าวโทษว่า เพราะพระภิกษุไม่น่านับถือ ตนจึงไม่ศรัทธาพระศาสนา ไม่ทำนุบำรุงพระศาสนา คนบางกลุ่มยังพยายามทำลายสถาบันพระพุทธศาสนาด้วยวิธีการต่างๆ อย่างเปิดเผย

    ๒. ปัญหาที่สังคมเห็นไม่ชัดเจน ได้แก่ พระภิกษุไม่ปฏิบัติหน้าที่ให้สมบูรณ์ สำหรับเรื่องนี้ต้องพิจารณากันด้วยโยนิโสมนสิการ ซึ่งอาจแบ่งออกได้หลายประเด็น คือ

    ๑) พระภิกษุที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัย มีภูมิธรรมสูง แต่ไม่สามารถจะถ่ายทอดพระธรรมอันประเสริฐให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ เพราะ

    - ญาติโยมไม่ต้องการ สิ่งที่ญาติโยมต้องการ คือ พรและสิ่งศักดิ์สิทธิ์จากพระภิกษุ เช่น น้ำมนต์ พระเครื่อง เครื่องราง ของขลัง
    - ญาติโยมไม่รู้คุณของพระธรรมอันประเสริฐ เพราะคิดว่าการมีวุฒิการศึกษาทางโลกสูงๆ ทำให้สามารถหาเงินได้มากๆ นั้นประเสริฐกว่าความรู้ทางธรรม ความคิดเช่นนี้เป็นอวิชชาโดยแท้ ฯลฯ

    ๒) พระภิกษุส่วนหนึ่งไม่มีโอกาสศึกษาทางโลกในระดับสูงๆ จึงเข้ามาบวช แล้วตั้งหน้าศึกษาพระคัมภีร์ด้วยความวิริยอุตสาหะ โดยมีเป้าหมายอยู่ที่วุฒิบัตรหรือปริญญาบัตร เพื่อจะสึกออกไปเอาดีทางโลก จึงไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่รับผิดชอบตามที่กำหนดไว้เป็นอริยวินัยในทิศเบื้องบน

    ๓) พระภิกษุส่วนหนึ่งเป็นคฤหัสถ์ที่มีปัญหาหรือด้อยคุณภาพ เมื่อบวชเข้ามาแล้ว ก็ยากแก่การพัฒนา กาย วาจา ใจ ตามอุดมการณ์และหลักการในพระพุทธศาสนา จึงเป็นพระภิกษุที่หย่อนคุณภาพ และมักจะสร้างปัญหาที่ทำให้ญาติโยมเสื่อมศรัทธา ฯลฯ

    การป้องกันและการแก้ไขมหาวิบัติในสังคม

    ก่อนที่จะคิดป้องกันและแก้ไขมหาวิบัติในสังคม จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องรู้ถึงสาเหตุรากเหง้าที่จริงของปัญหา จากธรรมบรรยายที่ผ่านมาแล้วทั้งหมด ท่านคงจะได้เห็นชัดเจนแล้วว่า ปัญหาหรือความวิบัติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทยขณะนี้ต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่ โดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่ครอบครัวและพ่อแม่ อย่าหลงไปมองที่จุดอื่น เพราะถ้าจับต้นเหตุไม่ถูกแล้วจะแก้ปัญหาไม่สำเร็จ​

    ถ้าถามว่าการพัฒนาคนให้เป็นคนดีนั้นควรจะเริ่มต้นอย่างไร? ตอบได้ว่า การพัฒนาคือการปลุกฝังอบรมลักษณะนิสัย เพื่อให้คนเป็นคนดีมีอริยวินัยนั้น จำเป็นจะต้องเรากระทำกันตั้งแต่ทารกลืมตามาดูโลกทีเดียวเป็นพ่อแม่นั่นเองที่มีบทบาทสำคัญที่สุด ในการทำหน้าที่ฝึกอบรม หรือ เป็นครูชุดแรกของลูก ด้วยเหตุนี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงจัดพ่อแม่ให้เป็นทิศที่ ๑ หรือทิศเบื้องหน้า​

    ในด้านร่างกายนั้น แพทย์จะมีการให้วัคซีนและยามากายหลายอย่างแก่ทารก เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันโรคพยาธิต่างๆ ให้ทารก มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงไม่เจ็บไข้ ซึ่งวัคซีนบางอย่างก็สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ตลอดชีวิตทีเดียว​

    ในด้านจิตใจก็เช่นกัน ไม่ว่าพ่อแม่จะเอาใจใส่ประคบประหงมเลี้ยงดู ปลูกฝังอบรมลูกอย่างพิถีพิถันเพียงใดก็ตาม แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้เด็ดขาดก็คือ ต้องสร้างภูมิคุ้มกันด้านจิตใจให้แก่ลูก เพื่อให้เขามีจิตใจเข้มแข็งทรหดอดทน มีภูมิต่อต้านโรคกิเลสได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีเสื่อมถอยตลอดชีวิต วัคซีนหรือสิ่งที่จะสร้างภูมิคุ้มกันจิตใจที่สำคัญที่สุดก็คือ หิริโอตตัปปะ และสัมมาทิฏฐิ​

    หิริโอตตัปปะ หรือความละอายและความกลัวบาปนี้แหละ ที่จะคุ้มครองโลกให้เกิดสันติสุข ใครก็ตามที่ขาดหิริโอตตัปปะ ก็เปรียบเสมือนบุคคลที่มีระเบิดคล้องคอเอาไว้ พร้อมที่ระเบิดได้ตลอดเวลาเมื่อต้องการ ส่วนผู้ที่มีหิริโอตตัปปะนั้น เปรียบเสมือนผู้ที่ถอดระเบิดที่คล้องคอไว้ออกแล้ว อยู่ในอาการอันสงบได้ ไม่มีความกระเหี้ยนกระหือรือในการก่อกรรมชั่วใดๆ ด้วยเหตุนี้ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงตรัสแสดงว่า “ หิริโอตตัปปะเป็นธรรมคุ้มครองโลก”​

    สัมมาทิฏฐิ หรือปัญญาอันเห็นชอบตามทำนองคลองธรรมนี้คือธรรมะที่ประครองใจคนเราให้เลือกทำแต่คุณความดีตลอดไป ไม่หลงออกนอกทางไปเกลือกกลั้วความชั่ว​

    ส่วนพ่อแม่ที่ได้ปลูกฝังธรรมะทั้ง ๒ เรื่อง นี้ลงในจิตใจลูกเป็นอย่างดีแล้ว ก็มั่นใจได้ว่าลูกของท่านจะเป็นคนดีอย่างแน่นอน​

    ส่วนพ่อแม่ที่ไม่ได้ปลูกฝังอบรมธรรมะ ๒ เรื่อง นี้ให้แก่ลูกเด็กก็ยังมีโอกาสจะได้รับการปลูกฝังจากทางโรงเรียน เป็นลำดับต่อไปกระนั้นก็ตาม โอกาสที่เด็กจะได้รับการปลูกฝังอบรมธรรมะดังกล่าวจากโรงเรียนอย่างได้ผลจริงจัง คงจะหวังได้น้อยเต็มที ทั้งนี้เพราะครูอาจารย์ต้องแบกภาระหน้าที่ดูแลรับผิดชอบนักเรียนเป็นจำนวนมากประการหนึ่งและการปลูกฝังอบรมเรื่องบุญ – บาป ดี – ชั่ว ควร – ไม่ควร เพื่อพัฒนาให้เกิดสัมมาทิฏฐิอย่างแท้จริงนั้น ต้องกระทำตั้งแต่เด็กก่อนไปโรงเรียน อีกประการหนึ่ง​

    การที่การปลูกฝังอบรมเด็กที่โตแล้ว ไม่ใคร่จะได้ผลดี ก็เพราะเด็กได้สะสมมิจฉาทิฏฐิไว้ในจิตใจมากแล้ว ย่อมยากที่จะลบล้างออกไปยิ่งถ้าเป็นเด็กวัยรุ่นด้วยแล้ว แทบจะไม่ได้ผลเลย เพราะเด็กวัยนี้จะตามกระแสสังคมและเพื่อนฝูง จึงไม่ฟังครูอาจารย์​

    เด็กที่พลาดโอกาสจากรสธรรมะทั้ง ๒ ประการนี้ (รวมทั้งเรื่องอื่นๆ ด้วย) จากทิศเบื้องหน้า และเบื้องขวาเสียแล้ว ประกอบกับวัยที่เจริญเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ลูกระเบิดที่คล้องคอพวกเขาอยู่นั้น ย่อมจะมีขนาดโตตามตัวไปด้วย ซึ่งย่อมจะมีสมรรถนะในหารทำลายล้างสูงขึ้นอีกนั่นคือถ้าพวกเขาคิดจะทำความชั่วก็ย่อมจะทำได้ร้ายแรงกว่าเมื่อยังเป็นเด็กอยู่ ด้วยเหตุนี้เราจึงได้ยินข่าวเด็กชายสมคบกันเป็นตีนแมวงัดแงะโจรกรรมบ้านเรือนประชาชน เพื่อหาเงินไปเที่ยวกลางคืน หรืออีกข่าวหนึ่งที่เกรียวกราวมากก็คือเด็กหญิงขายบริการทางเพศ​

    สิ่งที่น่าเป็นห่วงเยาวชนในยุคโลกาภิวัตน์นี้เป็นอย่างมากก็คือค่านิยมของคนรุ่นใหม่ และสิ่งเร้าต่างๆ ในสังคม ที่ทำให้เยาวชนที่พ่อแม่ผู้ปกครองปล่อยปละละเลยรวมทั้งเยาวชนที่เร่ร่อน ต่างมั่วสุมเกี่ยวข้องกันด้วยเรื่องเพศสัมพันธ์ถึงขั้นอยู่กินฉันผัวเมีย ในขณะที่ยังเป็นนักเรียนมัธยมกันอยู่ในขณะที่ยังไม่สัมมาอาชีพเลี้ยงตัวเอง​

    ถามว่าเยาวชนเหล่านี้จะก่อมหาวิบัติอะไรให้สังคมบ้าง?

    ตอบได้ว่าเด็กในวัยนี้แม้บางคนจะมีวุฒิภาวะทางกาย แต่ทางใจนั้นยังไม่มี พวกเขาก็ยังเป็นเด็กที่ชอบสนุกสนานตามประสาเด็กนั่นเอง การอยู่กินร่วมกันฉันผัวเมียของพวกเขานั้นล้วนเป็นเรื่องของกามารมณ์นำหน้า มิได้ตั้งอยู่บนรากฐานหรือเหตุผลของการเลือกคู่ครองที่ดี เพื่อเป็นกัลยาณมิตรประคับประครองพึ่งพากันไปตลอดชีวิต ความรู้แค่หางอึ่งที่พวกเขามีอยู่นั้นจะสามารถเอื้ออำนวยในการทำมาหากินเลี้ยงชีวิตได้ดีเพียงใด ยิ่งถ้าเยาวชนเหล่านี้ต้องมีสถานภาพเป็นพ่อแม่อีกด้วย พวกเขาก็คงจะเป็นเสมือนหนึ่งธัญพืชพิษในสังคมที่จะแพร่ “ กล้า” ของพันธุ์ไม้พิษ คือ ลูกที่เป็นมิจฉาทิฏฐิ ไว้แพร่พันธุ์ในสังคมอย่างต่อเนื่องชั่วลูกชั่วหลาน

    เยาวชนที่พลาดโอกาสได้เรียนรู้ธรรมะจากทิศเบื้องหน้า และเบื้องขวาครั้นเมื่อพวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เข้าสู่วงการอาชีพ ถ้าได้เพื่อนดีเป็นกัลยาณมิตรให้ ก็อาจจะพอมีโอกาสพัฒนาภูมิคุ้มกันด้านจิตใจขึ้นบ้างอาจทำให้สามารถฝ่ากระแสเลวร้ายต่างๆ ให้สังคมไปได้บ้าง แต่โอกาสที่จะได้เพื่อนดีนี่สิค่อนข้างจะมีน้อยมาก

    ถ้าพวกเขาได้เสวนากับเพื่อนเลวๆ เป็นประจำ เขาก็พร้อมที่จะเป็นแหล่งแพร่เชื้อมิจฉาทิฏฐิ ต่อไปให้บุตรภรรยา ลูกน้อย บริวารต่อไปอีก ทำนองเดียวกับไม้เถาไม้เลื้อย ที่เจริญงอกงามสามารถแผ่ขยายเครือข่ายอย่างรวดเร็วในฤดูฝน

    อนึ่ง ยังมีข้อสังเกตอีกเรื่องหนึ่งก็คือ นายจ้าง หรือหัวหน้าที่เติบโตมาจากเด็กมีปัญหา เพราะขาดภูมิคุ้มกันด้านจิตใจ นายจ้างประเภทนี้ย่อมขาดอริยวินัย ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าที่ดีได้ ดังนั้น “ ลูกพี่” ประเภทนี้ย่อมมีโอกาสน้อยนักที่ “ ลูกน้อง” ดีๆ จะอยู่ด้วย และถ้าบังเอิญได้ลูกน้อยดีๆ มาช่วยงาน เขาก็จะแพร่เชื้อมิจฉาทิฏฐิเข้าไปทำลายภูมิคุ้มกันของลูกน้องดีๆ จนลูกน้องต้องกลายพันธุ์ไป

    อย่างไรก็ตาม เราคงจะไม่ถึงกับหมดหวังเสียเลยทีเดียวเพราะยังมีทิศเบื้องบน ที่จะเป็นแพทย์ชุดสุดท้ายมาแจกจ่ายธรรมโอสถให้แก่ชาวโลก

    สังคมไทยที่ร้อนระอุอยู่ด้วยไฟกิเลสดังเช่นปัจจุบันนี้ กำลังรอคอยพระภิกษุที่ทรงภูมิรู้ภูมิธรรมสูงส่ง ผู้อุทิศชีวิตเข้ามาอยู่ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ เพื่อตามรอยบาทพระบรมศาสดา ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ สะอาด และมั่นคงอย่างแท้จริง ที่จะออกมาร่วมแรงร่วมใจประสานพลังสามัคคีช่วยกันดับไฟกิเลสที่กำลังเผาลนจิตใจปุถุชนในสังคมให้สงบลงอย่างรวดเร็ว

    เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ควรจะถูกนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ในการเผยแผ่ธรรมไปสู่ประชาชนในระดับที่สามารถเจาะลึก ถึงขั้นปลูกฝังลักษณะนิสัยของผู้คนได้อย่างเป็นรูปธรรม มิใช่เป็นเพียงการกระจายข่าวหรือข้อมูลธรรมะไปตามลมเท่านั้น ถ้าทุกฝ่ายได้ร่วมกันพิจารณาเรื่องนี้ด้วยโยนิโสมนสิการ ก็เชื่อมั่นว่า ทิศเบื้องบนจะสามารถกระทำเรื่องนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูง โดยไม่จำเป็นต้องมีพระธรรมกถึกเป็นจำนวนมากมายอะไรเลย ถ้าทิศเบื้องบนประสบความสำเร็จในการทำงานนี้ ก็เท่ากับว่าได้ปลุกทิศเบื้องหน้าและเบื้องขวา ซึ่งมีบทบาทหน้าที่สำคัญในการสร้างอริยวินัยไห้แก่สังคมได้ตื่นขึ้นมาพัฒนาอริยวินัยของตนเอง พร้อมๆ ทั้งหมดดังกล่าวนี้ ย่อมสามารถป้องกันและแก้ไขมหาวิบัติในสังคมได้อย่างมีประสิทธิผล และยั่งยืนต่อเนื่องกันไป ถึงชั้นลูก หลาน เหลน ครบวงจรแห่งสังสารวัฏ

    ที่มา www.kalyanamitra.org/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 มีนาคม 2012
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    หากคราวนี้ไม่มีภัยพิบัติลงมากวาดล้างโลกนี้แล้ว โลกนี้จะหมดสิ้นคนดี !!!

    [​IMG]

    [​IMG]

    koymoo สมาชิก

    องค์อนุตตรธรรมมารดา คือพระผู้เป็นเจ้าแห่งญาณทั้งเวลา ความจริงแล้ว พระองค์ประทานมาเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2484 ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง แล้วค่ะ แต่ก้อยอยากจะให้สังเกตกันว่า พระองค์นั้นได้เตือนชาวโลกมานานแล้ว แต่เพราะชาวโลกไม่เชื่อกลับทำเลวขึ้นเรื่อยๆ จึงได้เกิดภัยพิบัติในยุคนี้ไงคะ เช่น สึนามิ เป็นต้น (ความจริงในหนังสือมี 10 พระโอวาท แต่ก้อยเลือกพระโอวาทที่ 5 มาให้อ่านค่ะ)ซึ่งครั้งนั้นพระองค์ประทาน ณ สำนักธรรมจงอี ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน โดยมี

    1.สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก
    2.ท้าวจตุมหาโลกบาลทั้งสี่ พร้อมดาวนักษัตร 24 องค์
    3.แปดมหาวชิรญาณเทพฯ
    4.องค์มหาพฤฒาชันษาแห่งทักษิณาลัย (หัวหน้าโป๊ยเซียน)
    5.พระโพธิสัตว์ในหมื่นโลกธาตุ
    6.องค์ประธานคุมสอบสามภูมิ
    7.อู้ฉันพี่เจ้า (นำเหล่าเซียนหมวดอักษรอู้)
    8.จอมทัพเม่าเหมิง (นำเหล่าเซียนหมวดอักษรเม่า)
    9.พระโพธิสัตว์อนุศาสน์
    10.จอมทัพฟ้าฝ่ายอัสนี
    11.พระพุทธธรณีกษิติครรภ์
    12.พระพุทธจี้กงแห่งหนานผิง
    13.ท้าวสักกะเทวราช พร้อมห-ลวี่ต้งปินต้าเซียน
    14.จอมเทพวินัยธรมหาราชพร้อมด้วยจอมทัพฮักซุย
    15.พระโพธิสัตว์จันทรปัญญา
    16.พระโพธิสัตว์กวนอิม
    17.พระโพธิสัตว์สมันตภัทร
    18.พระโพธิสัตว์มัญชุศรี
    19.ศาสดาอิสลามโมฮัมหมัด
    20.พระเยซูคริสต์
    21.จอมปราชญ์อมตเหลาจื้อ
    22.พระยูไลสัมมาสัมพุทธเจ้า
    23.บรมครูจอมปราชญ์ขงจื้อ
    24.พระศาสดายุคขาว พระศรีอาริยเมตไตรย
    25.สองกุมารหวินเป่า

    พระโอวาทที่ 5 มีดังนี้ค่ะ :

    พุทธบุตรลูกแม่ทั้งหลาย แม่ขอเตือน ให้ตั้งใจบำเพ็ญวิถีอนุตตรธรรม ขอให้ลูกพึงกำหนดรู้ในเกณฑ์กำหนดแห่งกาลเวลา และเจตนาของฟ้าเบื้องบนในเวลานี้ว่า ต้องการให้ลูกๆบำเพ็ญธรรมเพื่อกลับสู่ความเป็นอริยะ เป็นปราชญ์ให้ได้โดยเร็วด้วยวิธีลัดที่ไม่มีมาก่อน

    ในกัปสุดท้ายนี้ สิ่งที่ลงมาสู่โลกมนุษย์พร้อมกันสองอย่าง คือธรรมะกับภัยพิบัติ อันที่จริงแม่มีเมตตาจิตต่อลูกๆ ได้จัดสรรทุกสิ่งทุกอย่างไว้อย่างเป็นระบบทั้งโลกมนุษย์ ทั้งลูกหญิง-ชาย ให้เรียบร้อยแล้ว แต่เหตุไฉนจึงกำหนดภัยพิบัติมาครอบงำกวาดล้างโลกมนุษย์ ขอให้ลูกลองคิดดู สมัยโบราณนานมาแล้วนั้น มีกษัตริย์จีนโบราณผู้ทรงคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ ในสมัยห้าพันปีก่อนโน้น ทรงพระนามว่า เหยา ซุ่น อวี่ ผู้คนในยุคนั้นเป็นคนใจตรง ฟ้าเบื้องบนก็พลอยสงบไปด้วย ภัยพิบัติจึงไม่เกิด เมื่อใดที่ใจคนไม่ซื่อ มีเล่ห์เหลี่ยมกลโกง เมื่อนั้นจึงมีภัยพิบัติ

    โลกมนุษย์ในยุคนี้เลวลงสุดประมาณ จารีตประเพณีอันดีงามของอารยะชนกลับถูกหมางเมิน ผู้คนรู้ฝึกฝนกลโกง โลภโมโทสัน เป็นคนร้อยเล่ห์พันเหลี่ยมโหดเหี้ยมดุร้าย หลอกลวง ไร้สิ้นคุณธรรมจริยธรรมไปทั่ว นายไร้สิ้นซึ่งคุณธรรม บ่าวข้าไม่สัตย์ซื่อ พ่อลูกขาดเมตตายำเกรงกัน ผัวไม่ซื่อสัตย์ต่อเมีย เมียไร้ซึ่งคุณธรรมหาเหตุทะเลาะตบตีกัน พี่น้องอาฆาตมาดร้ายต่อกัน เพื่อนฝูงต่างขาดสัจจะแก่กันและไม่ไว้วางใจกัน มีแต่เชือดเฉือนทิ่มแทงกัน คุณธรรม คุณสัมพันธ์ห้า และคุณธรรมแปดประการ เสื่อมถอยลง ยากแก่การฟื้นฟู

    นักวิชาการพูดแต่ทฤษฎี กล่าวหาว่าคนอื่นแต่ตนเองไม่ปฏิบัติ กสิกรชาวนาชาวสวนไม่มีคุณธรรมมุ่งหาแต่เงินทองหวังร่ำรวย กรรมกรหยาบกร้าน เกียจคร้านเห็นแก่ตัว ขาดความอดทน พ่อค้าวาณิชปลอมปนสินค้าตบตาคนซื้อ ดูถูกหาว่าโง่กว่าตน ขาดความจริงใจไม่ซื่อสัตย์ต่อลูกค้า พระสงฆ์องค์เณรลืมตรัยรัตน์และศีลห้า สาวกเต๋านอกลู่ทิ้งแนวเดิม ถือเอากระพี้เป็นเปลือกไม่ถึงแก่น ยึดเอาพิธีกรรมมากหลายมาสำคัญว่าเป็นทางหลุดพ้น สาวกศาสนาปราชญ์เรียนเพียงผิวเผินอวดรู้ว่าเป็นปราชญ์

    แม่เห็นแล้วอดเศร้าใจไม่ได้ โลกถึงยุคที่จะเกิดภัยพิบัติ หากคราวนี้ไม่มีภัยพิบัติลงมากวาดล้างโลกนี้แล้ว โลกนี้จะหมดสิ้นคนดี หาคนเป็นปราชญ์เป็นอริยะเป็นหลักนำไม่ได้เลย จึงได้กำหนดภัยพิบัติแปดประการนี้ขึ้นมา คือ "ภัยจากน้ำ ลมพายุ ภัยจากไฟเผาผลาญ ภัยจากอาวุธมหาประลัย ภัยจากทหาร ความแห้งแล้งกันดาร น้ำหลากอดอยาก ขาดแคลน กำหนดภัยธรรมชาติทั่วไปในโลกกว้างถึงเก้าเก้าแปดสิบเอ็ดภัย กับทั้งส่งรากษส และพญามารทั้งห้ามาก่อกวนโลกมนุษย์ ใช้หมื่นพันวิธีเพื่อกวาดเก็บคนชั่วเป็นระยะๆ

    บัดนี้!ถึงกาลเวลาสิ้นชะตาฟ้าดินแล้ว คนชั่วที่สั่งสมกรรมเวรมาในรอบหกหมื่นปีมานี้ จะถูกกวาดล้างใหญ่ในครั้งนี้ ทั้งจะเป็นการจำแนกแยกแยะคนดีคนเลวเหมือนแยกหินกับหยกออกจากกัน แม่มองลงมาด้วยน้ำตาที่ไหลริน เสมือนสายธารเลือดเมฆหมอกแห่งความชั่วร้ายปกคลุมคละคลุ้งกลบไปทั่วท้องฟ้า พิบัติภัยเกิดขึ้นทุกมุมโลกโดยฝีมือมาร โจรภัยเกิดไม่เว้นแต่ละวัน สงครามย่อยเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า เก้าในสิบคนต้องทนทุกข์ทรมาน น้ำท่วมฉับพลัน ฝนแล้ง น้ำแห้ง ลำคลองตื้นเขินเกิดโรคระบาดรุนแรงและโรคร้ายที่รักษายาก พืชพันธุ์ธัญญาหารไม่งอกงามอุดมสมบูรณ์เช่นแต่ก่อน

    "ในที่สุด จะเกิดเหตุการณ์สยดสยอง ท้องฟ้ามืดสนิทไร้เดือนดาวถึงสี่สิบเก้าวัน"

    ในวันนั้นประตูนรกเปิดออก ปล่อยให้ผีมาทวงหนี้คน หนี้ชีวิตเงินทองที่ค้างกันมา จะสะสางกันให้สิ้นในวันนั้น เป็นการล้างหนี้กันทั้งสามโลกในคราวเดียวจบสิ้น ไม่ค้างกันอีกต่อไป ลมพายุร้ายแรงเป็นมหาวาตภัยล้างโลก กวาดจักรวาลเป็นการชำระล้างทั้งสามโลก เปลี่ยนแกนกลางโลกเสียใหม่ ต่อให้ลูกมีร่างกายแข็งแกร่งปานเหล็กไหล มิอาจรอดพ้นมหันตภัยในครั้งนี้ได้ แม้ว่าภัยพิบัติครั้งนี้แม่เป็นผู้กำหนดขึ้นมาก็ตาม แต่แม่ก็ต้องร้องไห้ทุกวันคืน แม่มิอาจทำเป็นใจหินทำลายทุกอย่างทั้งดีทั้งชั่ว ทำลายทั้งหยกทั้งหินได้พร้อมกันในคราวนี้ แม่จึงได้หย่อนเส้นทางสายทองมาให้ลูกขึ้นกลับคืน เส้นทางอื่นใดมีเป็นพันเป็นหมื่นมิอาจพ้นได้ มีเส้นทางเดียวเท่านั้นที่จะรอดปลอดภัย คือ "เอกายนมรรค" ให้รีบขอรีบธรรมโองการสวรรค์ คือ วิถีอนุตตรธรรมเสีย

    นึกถึงลูกที่ลงมาเกิดกาย รับทุกข์ทรมานนานนักหนา แม่จึงสู้อุตส่าห์ขีดเขียนเพียรส่งสาสน์มาเตือนยังลูกๆทั้งหลาย ให้รีบบำเพ็ญเพื่อคืนกลับด้วยเกรงมหันตภัยจะทำลายล้างลูกที่แม่รัก ลูกที่ได้รับวิถีธรรมแล้ว อย่าลังเล ขอให้ลูกแม่รีบปฏิบัติบำเพ็ญเพื่อให้เกิดปัญญากล้า หากยังมัวหลงโลกโลกีย์นี้อยู่ ไหนเลยลูกจะรู้จักโลกอันเป็นสมมตินี้ได้ มองโลกมนุษย์ให้ละเอียดทุกจุดทุกมุม ในขณะนี้แล้วน่าเศร้ามากไหม เมื่อมหันตภัยมาถึง ต่อให้ลูกสามารถสร้างสิ่งป้องกันอันแข็งแกร่งใดๆก็ตาม ไม่อาจพ้นความวิบัติได้เลย ต้องเป็นไปตามกฎแห่งกรรม

    "พลเมืองในโลกขณะนี้ ถ้าแบ่งออกเป็นสิบส่วน ในวันเกิดมหันตภัย คนจะตายเสียเจ็ดส่วน สามส่วนที่เหลือก็ต้องทนทุกข์ยากลำบากอยู่ระยะเวลาหนึ่ง กระดูกคนตายกองโตเท่าภูเขา เลือดท่วมไหลเป็นสายธาร" หากยังมัวหลงใหลอยู่ในลาภยศ มัวโลภมัวหลงอยู่ ไม่ปฏิบัติบำเพ็ญธรรม สิ่งที่แน่นอนคือ ภัยพิบัติทั้งปวงทั้งเก้าเก้าแปดสิบเอ็ดภัยจะกระหน่ำให้ญาณจิตตกไปสู่โลกันตร์มหานรก ถ้าอยากให้พ้นไปจากภัยพิบัติทั้งสิ้นนี้ ให้เร่งสร้างมหากุศล แม่จะดลจิตเทพให้คุ้มครองเจ้าให้ได้สุขขณะครองสังขารกายเนื้อนี้อยู่

    ใครรู้สำนึกตัว ตื่นขึ้นมาบำเพ็ญ ได้ตามแม่กลับไปนิพพานแน่นอน ใครเป็นคนดื้อรั้นว่ายากสอนยาก ไม่ปฏิบัติบำเพ็ญ จะพลอยถูกกวาดส่งลงสู่นรกคราวมหันตภัยกวาดล้างในครั้งนี้ด้วย บัดนี้!เทพทุกพระองค์ที่มาพร้อมแม่ จะกลับคืนสู่เบื้องบนแล้ว ลูกๆทั้งหลายจงพร้อมกันมากราบส่ง แม่ขอเว้นช่วงพักและหยุดการเขียนสักครู่ก่อน แล้วจะมาให้คำสอนใหม่ให้เหมือนดังหยกทอง...

    พระโอวาท อนุตตรธรรมมารดา สิบบัญญัติ :
    คิดถึงลูกแทบขาดใจ สุดอาลัยพูนเทวษ
    วิมานเขตอ้างว้าง เทพเซียนต่างส่งมาสิ้น
    ด้วยถวิลช่วยพระบุตร อนิจจาลูกหลับหลง
    เฝ้าระทมแม่เฒ่า มาช่วยเจ้าเปลี่ยนโลกีย์
    เขียนวจีด้วยเลือด รำพันเกือบเป็นหมื่นแสน
    ผลตอบแทนเจ้าไม่ฟัง

    ที่มา http://palungjit.org/threads/%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B2-%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%82%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81.2873/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ExDay.jpg
      ExDay.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.5 KB
      เปิดดู:
      3,386
    • a1.jpg
      a1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      36.1 KB
      เปิดดู:
      3,427
    • 012a.jpg
      012a.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39.1 KB
      เปิดดู:
      164
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2012
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เบื้องหลังการทำงานกวาดล้างคนชั่วของโลกวิญญาณ !!!

    [​IMG]

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Aunyasit<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_5868437", true); </SCRIPT> สมาชิก

    ที่จริงในช่วงที่เกิดเหตุภัยพิบัตินั้น จะมีความซับซ้อนในภพภูมิ เกินกว่าที่คนทั่วไปจะเข้าใจได้ เท่าที่ผมรับทราบมาก็คือ

    จะมีภพภูมิบางภพภูมิ พวกเขาจะทำหน้าที่รักษาคนดีมีศีลธรรม มีมากมายเป็นกองทัพเลยครับ เขาจะทำหน้าที่คอยควบคุมตามเส้นทางถนนต่างๆ เขาบอกผมว่าพวกเขาจะทำหน้าที่อยู่ตามถนนหนทางทุกที่ เขาจะดูแลรักษาเฉพาะคนดีมีศีลธรรม ส่วนภพภูมิอีกพวกนึงเขาก็จะคอยทำลายล้างคนไม่มีศีลธรรม เข้าใจว่าคอยสกัดกั้นทำให้ไม่สามารถเดินทางไปถึงจุดมุ่งหมายได้

    ภพภูมิพวกนี้ผมไปเจอแถวเส้นทางช่วงโคราช-ขอนแก่น เขาบอกว่าเขากระจายกันอยู่ตามถนนทั่วประเทศไทย ถึงกาลเวลาที่พวกเขาต้องมาทำหน้าที่ เขาขออนุญาตติดตามอารักขาคณะลูกหลานของพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ผมถามปู่ขาวมหาราช ว่าจะให้ทำยังไงกับพวกนี้ ปู่ขาวท่านบอกว่าแล้วแต่ลูกจะพิจารณา ผมก็ได้อนุญาตให้พวกเขาติดตามไปด้วยทุกที่ แต่ในเขตของพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ ภพภูมิพวกนี้จะไม่สามารถเข้าไปในเขตชั้นในได้ แต่เขาจะรอคอยอยู่ข้างนอกตามถนนหนทาง ผมก็แผ่บุญกุศลให้พวกเขาอยู่เหมือนกัน

    ในระบบที่เร้นลับเกี่ยวกับโลกนั้น ในกาลของภัยพิบัติยังมีสิ่งอื่นที่เกี่ยวข้องอีกหลายอย่าง อย่างพญานาคใหญ่ที่ทำหน้าที่ควบคุมระบบสมดุลน้ำของโลก เมื่อถึงเวลาภัยพิบัติ เขาก็จะเลื้อยผ่านไปตามที่ต่างๆ แต่ในโลกมนุษย์จะมองเห็นเป็นลมพายุที่มีลมและฝน แต่ในโลกภายในที่ซ้อนกันอยู่นั้นจะเป็นพญานาคใหญ่มากๆเลื้อยไป เป็นต้น

    หรือแม้กระทั่งการเคลื่อนที่ของจักรแก้วของพระจักรพรรดิ์นั้น เมื่อจักรแก้วเคลื่อนที่จากมิติเร้นลับเข้ามาในเขตของภพภูมิแห่งโลกมนุษย์นั้น อานุภาพของจักรแก้วนั้นจะทำให้สั่นสะเทือนไปทั้ง 3 โลก ดังนั้นในการอัญเชิญจักรแก้วเข้ามาในเขตของมนุษย์โลกนั้น พระบรมจักรพรรดิ์ผู้เป็นใหญ่ในจักรวาล จะขออนุญาตจากพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่ออัญเชิญแก้ว 7 ประการ จากมิติเร้นลับมาสู่โลกมนุษย์ เพราะว่าการเคลื่อนเข้ามาของแก้ว 7 ประการนั้น จะกระเทือนไปถึง 31 ภพภูมิและกระทบต่อโลกมนุษย์ด้วย

    เท่าที่ผมฟังดูก่อนที่พระบรมจักรพรรดิ์จะอัญเชิญแก้ว 7 ประการนั้น ท่านจะทำการสักการะพระพุทธเจ้าก่อน ท่านสวดมนต์เป็นภาษาแปลกๆ แต่มีพลังสูงมาก ท่านเหล่านั้นมีความนอบน้อมต่อพระพุทธเจ้าเป็นอย่างมาก

    ในช่วงที่อัญเชิญพระพุทธเจ้าขึ้นแท่นประทับนั้น คืนแรก(วันที่ 7 มี.ค)คณะพระอรหันต์จากอนันตจักรวาล ท่านมาสวดมนต์สักการะพระพุทธเจ้า คืนที่สอง (วันที่ 8 มี.ค)คณะพระบรมจักรพรรดิ์จากอนันตจักรวาล ท่านมาสวดมนต์สักการะพระพุทธเจ้าและขออนุญาตอัญเชิญแก้ว 7 ประการ คืนที่สาม(วันที่ 9 มี.ค) คณะของปู่มหาฤษี จากอนันตจักรวาล ท่านมาสวดมนต์สักการะพระพุทธเจ้า

    ในช่วงงานสมโภชพระธรรมจักรในวันที่ 6 เม.ย.นี้ เท่าที่ทราบจะเป็นกาลของพวกเทพต่างๆ มาสวดมนต์สักการะพระพุทธเจ้า และอาจจะมีพวกอื่นๆอีกด้วย ถ้าใครเข้าใจเรื่องของพระธรรมจักร ก็จะเข้าใจว่าทำไมพวกเทพเขาจึงมาในวาระนี้ครับ

    ที่จริงโลกแห่งพระพุทธศาสนานั้น มีอะไรให้เรียนรู้อีกมากมายครับ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับโลกอันเร้นลับ ยุคกึ่งพุทธกาลนี้เบื้องบนเขาคงจะเปิดให้มนุษย์ได้รู้เห็นอะไรอีกมากมาย และหลายอย่างจะได้เห็นด้วยตาเนื้อครับ หลังจากเหตุการณ์ภัยพิบัติ จะมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นอีกมากมาย ใครที่แสวงหาเนื้อนาบุญเพื่อสร้างบุญกุศล ก็จะได้พบพระอรหันต์ ที่จะออกมาโปรดสัตว์โลกกันเต็มบ้านเต็มเมือง ขณะนี้ส่วนใหญ่ท่านอยู่ในมิติเร้นลับกัน แต่เมื่อมนุษย์มีศีลธรรมสูงขึ้น ท่านเหล่านั้นก็จะออกมาจากมิติเร้นลับ สู่มิติของโลกมนุษย์ ปัจจุบันนี้มนุษย์ส่วนใหญ่มีศีลธรรมไม่เพียงพอที่จะรองรับความบริสุทธิ์ของพระอรหันต์ ถ้าท่านเหล่านั้นปรากฏตัวออกมา แทนที่จะเป็นคุณอนันต์ก็จะเป็นโทษมหันต์ต่อมนุษย์เหล่านั้น

    ดังนั้นก็น่าจะคุ้มค่ากับการที่พวกเราพยายามดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด เพื่อไปใช้ชีวิตอยู่ในยุคศิวิไลซ์ เพื่อสร้างบารมีเชื่อมต่อไปสู่ศาสนาของพระศรีอริยเมตไตรย์ต่อไปครับ<!-- google_ad_section_end -->

    ที่มา http://palungjit.org/threads/การเตรียมตัว-เตรียมใจ-ไปสู่ยุคภัยพิบัติ.330377/page-3
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649



    พระโอวาทพระอนุตตรธรรมมารดา ๑๐ บัญญัติ

    25/05/2011 เอกธรรมมรรค อนุตตรธรรมวิถีจิต







    [​IMG]
    <table border="0" cellpadding="0" cellspacing="0" width="615"> <tbody> <tr> <td valign="top" width="664"> พระ โอวาทพระอนุตตรธรรมมารดา ๑๐ บัญญัติ เป็นพระโอวาทพระธรรมมารดาเมตตาประทาน ณ ฉงฮั่วถัง จี้หนาน ซันตง เมื่อวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ อธิกมาศ พ.ศ.๒๔๘๔ (ค.ศ.๑๙๔๑) ตรงกับวันเฉลิมอริยพรรษาพระธรรมมารดา ฤดูร้อน พระอาจารย์ทรงเป็นผู้ดูแลงานนี้ด้วยพระองค์เอง
    ด้วยผู้น้อยด้อยปัญญา ได้นำพระโอวาทพระอนุตตรธรรมมารดา ๑๐ บัญญัติ มาเผยแพร่ก็หวังเพียงให้พี่น้องร่วมบำเพ็ญจะได้แนวทางปฏิบัติบำเพ็ญตามที่ พระธรรมมารดาเมตตาไว้ หากมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดผิดพลาด ขอพระธรรมมารดาเมตตาประทานอภัย
    ข้อมูลโดย : Worapot Intomya
    เรียบเรียงโดย : เอกธรรมมรรค อนุตตรธรรมวิถีจิต</td> </tr> </tbody> </table>
    ๑) พระโอวาทข้อที่หนึ่ง แม่ลูกจากกันที่ซันซันพอ
    ๒) พระโอวาทข้อที่สอง ยุคท้ายปรกโปรดสามโลก
    ๓) พระโอวาทข้อที่สาม ธรรมะจริง สัจธรรมจริง พระโองการฟ้าจริง
    ๔) พระโอวาทข้อที่สี่ รู้จริงกับปลอม หลุดพ้นทะเลทุกข์
    ๕) พระโอวาทข้อที่ห้า กาลเวลาคับขัน ชำระสะสางครั้งใหญ่
    ๖) พระโอวาทข้อที่หก เปิดเผยชัดเจน ฟ้าร่วมช่วย
    ๗) พระโอวาทข้อที่เจ็ด ได้พระวิสุทธิอาจารย์หนึ่งจุดชี้รีบสร้างบุญ
    ๘) พระโอวาทข้อที่แปด รับการทดสอบ เคี่ยวกรำ ขัดเกลาอนุสัย
    ๙) พระโอวาทข้อที่เก้า หมื่นศาสน์รวมหนึ่ง
    ๑๐) พระโอวาทข้อที่สิบ กลับคืนสู่เบื้องบนกราบพระแม่องค์ธรรม
    ข้อหนึ่ง
    ให้พระบุตรรู้ซึ่งเป็นมา พู่กันพาเผยความอันฉงน
    ครั้งดินฟ้ายังคละเคล้าปะปน ไม่มีคนว่างเปล่าดวงกลมโต
    ครั้งนั้นธรรมญาณเก้าพันหกร้อยล้าน อยู่ร่วมกันหรรษาชั้นฟ้าใส
    เซียนน้องพี่กับแม่อยู่เคียงกาย จะไปไหนไปกับแม่มิห่างกัน
    สุขาวดีเกษมสานต์สำราญเล่น มังกรหยกหงส์เป็นพา-หนะศรี
    ไม่กลัวหนาวไม่กลัวร้อนมีเสรี วิสุทธีไม่ประจันเช่น “หยาง”“อิน”
    มีเวลาเที่ยวชมภิรมย์ทัศน์ รำคาญขัดเดินหมากดีดเพลงขิม
    สุธารสผลทิพย์ท้อล้วนน่ากิน จะเหาะบินเกือกเหยีบยเมฆทิพย์อาภรณ์
    อนุตตรอมแดนศักดิ์สิทธิ์ แดนสถิตประสาธน์สรรพ์อันสงบ
    จนเข้าเกณฑ์ “หนึ่งชวด”เวลาครบ แม่กำหนดเจ็ดพุทธาอาสางาน
    ปกครองโลกหมื่นแปดร้อยปีกฎ “สองฉลู” ดินกำเนิดทุกอย่างพร้อม
    ธาตุเบาใสกลายเป็นฟ้าลอยโพยม ส่วนขุ่นตมเป็นเขาธาร ทะเลบึง
    เข้า “สามขาล” ตะวันเดือนดินฟ้าร่วม “อินหยาง” รวมอากาศธาตุเกิดสิ่งสรรพ์
    คุณวิเศษเบื้องบนได้เบิกจุดทาง ธรรมจัดวางปัจจัยเนื่องสืบต่อกัน
    อนุตตรภูมิเป็นแดนอันสงบ ชั้นภูมิภพเทวโลกยังเคลื่อนไหว
    โลกียะสมมุติเทพมีหญิงชาย สิ่งทั้งหลายมีตรงข้ามแก้ต่างกัน
    ธรรมคือหลัก หลักคือธรรมพลังสร้าง บนความว่างแต่สถิตศักดิ์สิทธิ์สูง
    ธรรมกำเนิดให้เกิดหนึ่งสองเกิดจูง สองก็ปรุงให้เกิดสามตามเป็นพรวน
    ต้นกำเนิดหนึ่งกลายหลายหมื่นแสน จนจบแดนจากไม่มีจนมีถ้วน
    ความลี้ลับวิเศษเหลือเหนือกระบวน แม้เทพไทไม่อาจถ้วนบรรยายความ
    เมื่อพร้อมเพรียบมีดินฟ้าสาร แต่ยังขาดหญิงชายในโลกหล้า
    จนใจแม่ซึ่งเป็นเจ้าองค์มารดา จำสละลูกลงมาทั้งหญิงชาย
    ส่งพุทธบุตรลงมาหลายคราครั้ง ไม่ยอมยั้งอยู่พัฒนาโลกาถิ่น
    จนใจแม่ให้สุราโลหิตหลอกดื่มกิน มอบเมาสิ้นลูกพุทธา “เชิงเขาไตร”
    แล้วสร้างสระน้ำใหญ่ให้ลงสระ ขโมยเสื้อ เกือกทรงถอดวางหนี
    พอสร่างเมาเหลียวหาแม่ไม่เห็นมี ทั้งเสื้อเกือกวางอยู่ดีก็หายไป
    แม่รวดร้าวยินเสียงลูกรงมหา ลูกจงอยู่พัฒนาอย่าตามหมาย
    หากแม่คืนเสื้อเกือกทิพย์แกลูกไป จะมีใครยอมอยู่ดูแลแดน
    ลูกจงหากิ่งใบไม้คลมุร่าง ลูกสนต่างผลาหารธารน้ำดื่ม
    พุทธบุตรใจจะขาดสุดกล้ำกลืน เมื่อไหร่คืนชั้นฟ้าแม่อย่าลืม
    แม่ตอบว่า “ยุคสามเกณฑ์โปรดมวลสัตว์” แม่จะส่งสารามากอบกู้
    ลูกหญิงชายร้องไห้แคลงใจอยู่ แม่จึงสู้เขียนคำมั่น “ลัญจกร”
    จากนั้นพุทธบุตรก็ท่องไปในแดนโลก เป็นผู้ปกครองสถานบ้านอาศัย
    ลูกจากแม่แต่นั้นมาเหลืออาลัย แม่เสียใจลูกเคี่ยวกรำต้องลำเค็ญ
    จนบัดนี้นานนับได้หกหมื่นปี คิดถึงลูกที่เคี่ยวกรำช้ำใจแม่
    เกณฑ์กำหนดถึงกาลแล้วธรรมปรกแผ่ พุทธาแท้สามองค์ลงเก็บงาน
    แม่กล่าวมาทั้งสิ้นความจริงถ้วน หวังลูกล้วนขอรับธรรมโองการฟ้า
    ยึดสายทองตามทางแม่คืนกลับมา มัวเมาพาตกทะเลทุกข์ไม่เกิดภาย
    กล่าวถึงตรงนี้แม่เหลือที่จะอาดรู จึงขอพักไว้ สักครู่ใหม่จะไขความ

    ข้อสอง
    เตือนลูกพุทธาตั้งหน้าฟัง ให้ระวังในยุคนี้มีทุกข์ผลาญ
    ถึงคราวสิ้นฟ้าดินชะตากาล แม่สงสารมิให้ลูกถูกทำลาย
    หย่อนสายทองทางสว่างสร้างปัญญา ธรรมอรรถาทั่วโลกรวมหนึ่งสาย
    ศรีอาริย์ครองธรรมจักรวาลรวมศาสน์ไว้ “เทียนหยาน”กายพระภาค “หลิงเมี่ยว”ลงแพร่ธรรม
    พระศรีอาริย์รับบัญชาเทวาช่วย ศาสน์อำนวยเทพฯร่วมเสริมปาฏิหาริย์
    บนฟากฟ้าแม่ไม่เหลือพุทธญาณ ทุกเทวัญโพธิสัตว์อุบัติลง
    ใหญ่ดินฟ้าบัญชาแม่ใหญ่กว่านัก ทำตามจักรุ่งเจริญ คนเมินม้วย
    ไม่เคยมีเช่นนี้ครั้งนี้โปรดอำนวย บุญจรวยจรุงพบประสบกาล
    บนโปรดเทพฯ ล่างโปรดผี กลางสาธุชน รวมทุกคนศาสนามุ่งตรงหมาย
    ถ่ายทอดความลับของสวรรค์ขั้นสุดท้าย กุญแจทองจุดเปิดไขเห็นกายทอง
    ให้ลัญจกรยืนยันครั้งจาก “หลิงซัน” อีกจุดญาณฐานสำคัญแห่งยุคขาว
    คาถาวิเศษรหัสฟ้าว่าปากเปล่า ขอเร่งเร้าพระเทพฯพรหมลงคุ้มครอง
    ได้ธรรมพลันบัญชีสวรรค์ชื่อปรากฏ บัญชีนรกชื่อขีดลบพ้นเวียนว่าย
    หนึ่งจุดรู้เช้าได้ธรรมเย็นตายไม่เสียดาย นิมิตหมายนี้ล้ำค่าพานิพพาน
    ธรรมเหนือชั้นหนึ่งก้าวพ้นง่ายและใกล้ ทิ้งรูปกายได้อมตะยอดสุขี
    มิใช่ลมปากหลักฐานความจริงมี รูปกายนี้ยืนยันได้ให้เห็นจริง
    ตายจะสวยหนาวแข็งร้อนไม่เหม็น ซากให้เห็นทิ้งร่างไว้คืนกายทิพย์
    สำนักธรรมเชิญวิญญาณคลายข้องจิต มิได้บิดเบือนหลอกอ้างแต่อย่างใด
    ธรรมโองการสามโลกแท้ไม่มีสอง บรรพจารย์ก่อนสืบทอดสายทองจนวันนี้
    องค์สิบแปดท่าน “กงจั่ง” รับหน้าที่ เป็นวิถีบวชอยู่บ้านบำเพ็ญธรรม
    บัดนี้ วิถีธรรมแพร่หลายในแดนดิน สากลสิ้นสิ่งศักดิ์สิทธิ์จุติช่วย
    สำแดงองค์ให้สติคนงงงวย หรือโปรดช่วยกิจธรรมงานสามโลก
    ควรใฝ่ใจเร่งรุดทำประโยชน์ ช่วยฟ้าโปรด ช่วยแพร่ธรรม ช่วยอาจารย์
    ธรรมอาศัยคนเป็นสื่อแผ่ไผศาล คนต้องการพระเบื้องบนบันดาลให้
    สัมพันธ์ต้องทำนองธรรมสร้างคุณไป ทุกอย่างให้เหมาะกาลเทศะควร
    จนบัดนี้ “ภาคเหนือ” เบิกธรรมนานมา แต่จะหาเสาคานใหญ่คนจริงยาก
    อีกธรรมแท้ยังไม่ปรากฏไม่แจ้งจริง ไม่ควรพลาดโอกาสนี้อันดีงาม
    ดั้งนั้นแม่ไว้โอวาทสิบบัญญัติ เพื่อเร่งรัดลูกหญิงชายพร้อมใจหมาย
    บำเพ็ญธรรมไม่ละทิ้งโปรดทั่วไป ยอมน้อมใจพร่ำพูดไป ได้แพร่ธรรม
    ต้องตั้งมั่นปณิธานอันสุดสูง ช่วยตนจูงผู้อื่นด้วยเป็นมุ่งมั่น
    มีแต่ชื่อเข้าร่วมวงไม่เป็นงาน จะพ้นผ่านกลับสวรรค์ยากเหลือเกิน
    บ้างทำสุ่มใส่หน้ากากไปวันๆ ยิ่งนานไปยิ่งตกต่ำถลำหนัก
    บ้างทำหยุดครึ่งกลางบางชะงัก ต้องจมปรักตกนรกหมกไม่คืน
    หวังพุทธะบุตรจะรีบตื่นขึ้นเร็วไว มุ่งตรงไปโดยตลอดสำเร็จผล
    กุศลบุญแร่งแผ่ธรรมผลกลืนกลม บัวสร้างสมพันกลีบได้ในแดนดิน
    ต่อให้ลูกเป็นเทวาพุทธามาเกิด ไม่ประเสริฐกุศล จริงยากคืนสวรรค์
    รีบมานะเมื่อฟังแม่เตือนฝากคำ จะเสียการสร้างผลมรรคหากช้าไป
    เป็นผู้นำ เจ้าของสำนักภาระสูง จะฉุดจูงหมื่นคนล่มหากตนหลง
    หากใครดีมีปัญญาสักหนึ่งคน จะเป็นผลนำเมธีมีศีลทาน
    โอวาทฝาก ผู้นำร่วมเจ้าของสถาน เร่งขยันขันแข็งจริงยิ่ง แกร่งกว่า
    ทำอย่างไรช่วยคนหลงขึ้นฝั่งมา เร่งศรัทธาให้ชาวโลกเกิดใจจริง
    ใจสมานเหมือนปุยเมฆเหมือนสายน้ำ จะสูงต่ำขยายหดกำหนดได้
    ยึดหลักธรรมไม่คล้อยผิด ผิดตามไป โลภ โกรธ หลง รัก เป็นกายธรรม
    ตำแหน่งศักดิ์คุณาสูงพึงสังวร ยอดสิงขรตกลงมาหมื่นวาเหว
    ยิ่งบินสูงยิ่งตกหนักเป็นหลักแนว ฉลาดแล้วกลับหลงผิดคิดอย่างไร
    บำเพ็ญตนให้ “เกรงสาม” โบราณว่า เกรงอาญาสวรรค์ เกรงท่านผู้ใหญ่
    เกรงอริยะท่านสอนสั่งฝากคำไข ให้เข้าใจถ่องแท้แน่หลัก “สามเกรง”
    อีก “พิจารณ์” ความคิดเก้าให้เข้าใจ ดูอะไรพิจารณ์ดูให้รู้แน่
    ทั้งฟังเสียงให้พิจารณ์ชัดเจนแท้ พิจารณ์แน่สีหน้าตนอ่อนโยนดี
    พิจารณ์สี่วางท่าทีให้นบนอบ วาจาชอบ เคารพงาน หมั่นถามไถ่
    ข้อที่แปดเกิดโทสะให้ละไว้ พิจารณ์ภัยโทสะลามตามทำลาย
    พิจารณ์ให้ระวังความพอใจ ประโยชน์ได้มิควรด่วนสอบสวน
    ให้เคร่งครัดพิจารณ์ตนให้เหมาะควร พิจารณ์ถ้วนปากกับใจให้ตรงกัน
    ถือ “สำรวจตนสาม” ให้ไถ่ถามจิต วันนี้มีความนึกคิดไม่ซื่อไหม
    กับเพื่อนฝูงไม่ถือสัตย์ต่อผู้ใด วันนี้เรียนรู้สิ่งใดไม่ทบทวน
    อีก “สีไม่”ให้ระวังอย่าพลั้งเผลอ ไม่มองเหม่ออนาจารอันบัดสี
    ไม่ฟัง พูดเลวหยาบโลนคำไม่ดี ไม่ข้อสี่ ไม่ล่วงกายไร้จรรยา
    เชื่อโอวาทเสวยสวรรค์อยู่นานเนิ่น ลุ่มหลงเพลินตามใจตนได้นรก
    เขียนคำสอนให้ลูกจำไว้หนึ่งบท หยุดสงบ สามคุณพัก จักเขียนใหม่ พัก

    ข้อสาม
    เตือนลูกรู้แจ้งแห่งญาณตน รู้เหตุผลสัจธรรมว่างคือไม่
    ไม่แต่มี กฎเดียวกัน มีไม่ไซร์ ทุกสิ่งได้เกิดจากธรรมเป็นครรลอง
    รูปคือว่างว่างคือรูปใช้รูปว่าง รำลึกครั้งโลกเพิ่งสร้างยังคลุกเคล้า
    ดวงกลมใหญ่ไร้กลิ่นเสียงไร้รูปเงา จนถึงคราวธาตุคลายเคลื่อนแยกเขตแนว
    ธรรมสูงสุดขยับโลกิยภูมิจึงปรากฏ เริ่มกำหนดมืดสว่าง “อินหยาง” สอง
    แยก “สามคุณ” คือ ฟ้า กลาง แผ่นดินรอง อีกจัดคล้องสี่ฤดูอยู่วนเวียน
    ทั้งแบ่งดาวธาตุทั้งห้ามาประกอบ โคจรรอบ ดาวทอง ไม้ ไฟ ดิน น้ำ
    แยกอากาศธาตุต่างๆรอบห้าวัน ห้าคูณวัน “อากาศหก” ครบหนึ่งเดือน
    “เจ็ดปกครอง” คืออาทิตย์ถึงดวงจันทร์ รวมเจ็ดวัน ธาตุ ดาวอังคาร-เสาร์
    สร้าง “โป๊ยก่วย” อีกหนึ่ง “ปราสาท” รวมเป็นเก้า ช่วยให้เรารู้หลักฟ้าคำนวณการณ์
    แยกความกดอากาศหนักขัดหรือคล่อง เป็นทำน้องมืดสว่างต่าง “อินหยาง”
    ร้อนและเย็นหนักบาง เบา หรือเป็นกลาง ทุกสิ่งอย่างเป็นปัจจัยกำเนิดการ
    ความวิเศษอันว่างเปล่าใครเข้าถึง ธรรมลึกซึ้งญาณสว่างดูว่างเปล่า
    ไร้ปฏิภาคอินหยางลดเพิ่มหรือหนักเบา ไร้รูปเงาแต่มิใช่ไร้อย่างคน
    ไม่มีสีใช่หยุดนิ่ง เคลื่อนไหว ใช่ร้อนหนาว แต่รวมเอาพลังสร้างทั้งปวงไว้
    ไม่ยินยล แต่ซอนแทรกสุดกว้างไกล ไม่แปรไป ไม่อ้างอวดไม่ต่อรอง
    องค์กำหนด ศูนย์รวมใหญ่ กระจายญาณ เหนือเก้าชั้นสวรรค์โลกพ้นนามรูป
    ไม่อาจหยั่งเก้านรกสิบขุมสุด ธรรมมีทุกสภาวะระดับภูมิ
    ดินฟ้าสรรพสูญสลายไร้ธรรมหนุน ธรรมค้ำจุนความพอดีมีจังหวะ
    จำให้ชื่อ “เอกวิสุทธิ” หรือธรรม ยิ่งพละคุณาคุ้มจักรวาล
    ฟ้ามีธรรมฟ้าโปร่งใสดาวเรียงราย โคจรได้ ลมฤดู ไม่ปั่นป่วน
    ดินมีธรรม ภูเขา ธารไร่นาสวนฯ ทุกอย่างล้วนเกิดแต่หนึ่งซึ่งเป็นธรรม
    กายมีธรรมชีวิตคงดำรงอยู่ ใครไม่รู้ตนมีธรรมหลงเวียนว่าย
    สามศาสนาแม่บัญชาใช่อื่นไกล ถ่ายทอดเพื่อรู้ธรรมในญาณตน
    “เต๋าผลทิพย์” “พุทธสริธาตุ” “ปราชญ์เรียกจิต” ญาณสถิตหลักเดียวกันเพียงชื่อต่าง
    หลักเดียวกันธรรมเดียวกันแต่โบราณ พุทธาท่านถ่ายทอดใจสายเดียวกัน
    รู้หลักเดียวหลักอื่นๆเป็นหมื่นรู้ พาไปสู่หมื่นพระธรรมคัมภีร์สาส์น
    หยุดสืบทอดเมื่อสามพุทธาสู่นิพพาน ไว้สถาบันศาสนาเป็นแนวทาง
    สามพันปีไม่มีใครได้ประจักษ์ นิกายมากศาสนาเกิดมาใหม่
    วิถีธรรมทางมุ่งตรงไม่เข้าใจ จนเบื้องบนโปรดทั่วไปในบัดนี้
    “หลงฮวา” งานชุมนุมอริยะ ฟื้นบรรพจริยธรรมเริ่มกันใหม่
    สืบวิถีความลับฟ้าสามพุทไธ โปรดเวไนยสัตว์ร่วมขึ้นเรือธรรม
    อนุตตรธรรมวิเศษใครรู้แจ้ง ผู้แสวงกราบ “กงจั่ง” ได้ธรรมแท้
    ใช้กายธาตุเร่งบำเพ็ญธรรมแน่วแน่ หมื่นเห็นแท้ไม่จีรังยังแต่ธรรม
    ชีวิตเช่นเมล็ดข้าวเปลือกกลางสมุทร ลอยน้ำผุดตามกระแสทุกทิศา
    หลงรูปรส ลาภลืมสิ้นจิตพุทธา หลงกามาอารมณ์เจ็ดบดบังญาณ
    ทะเลกามมิเคยหลับความรักเช่นโซ่ตรวน ลาภ ยศ อยาก เหมือนเชือกอวนคลุมใจกาย
    สว่างวาบดับวูบดั่งหินเหล็กไฟ คงบาปไว้สุขร่วงพลันเหมือน “ถันฮวา”
    หลงจอมปลอมคนงมงายไหนจะแจ้ง เหมือนมดแมลงชีวิตทุกข์เห็นสุขี
    สามหมื่นหกพันวันใครอยู่ร้อยปี ไม่คิดทีหรือเมื่อไรได้สุขจริง
    เริ่มชีวิตเด็กเติบใหญ่แก่แล้วตาย น่าเศร้าใจรสชาติหายในที่สุด
    เกิดแก่เจ็บตายใครพ้นซึ่งความทุกข์ ไม่อาจหยุดชั้วพริบตาชราโรย
    ไปมาเปล่าไม่ได้เอาเงินติดมือ ที่สุดคือแหล่งสุสานวิญญาณผี
    จะสูงศักดิ์รวยจนไม่พ้นคดี ต้องใช่หนี้คน สัตว์ คนเกิดวนเวียน
    จากเกณฑ์ “ขาล” จนวันนี้หลายหมื่นปี ทุกข์ทวีไม่สิ้นสุดวัฏฏสงสาร
    ละร่างโน้นเข้าร่างนี้ตลอดกาล หนุ่มบ้าน “จาง”สาวบ้าน “หลี่”เที่ยวเกิดกาย
    ยิ่งเปลี่ยนไปยิ่งงมงายถลำลึก มิได้นึกถึงพระแม่องค์สวรรค์
    รวมพุทธาพระบุตรร่วมในดวงญาณ อริยะหรือสามัญญาณเท่ากัน
    คนรู้ตื่นสำเร็จได้ขึ้นสวรรค์ คนทั่วกันหลงนรกทุกข์ล้นพ้น
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำเร็จได้ไปจากคน ไม่มีใครเกิดตัวตนพร้อมเป็นเซียน
    หวังให้ลูกหญิงชายได้รู้จริงเท็จ ทางสำเร็จกราบอาจารย์คืนทางต้น
    ถึงเพียงนี้ “สามคุณ”เหนื่อยพักเขียนกลอน ทั้งสามพร้อมกินอิ่มหนำค่อยต่อความ

    ข้อสี่
    เตือนพุทธบุตรบำเพ็ญให้แข็งขัน โลกอ้างว้างทะเลทุกข์คลื่นถาโถม
    ชีวิตสั้นเหมือนแมลงชั่วยามโมง ใครหรือพ้นยมบาลท่านเรียกตัว
    สู้ตรากตรำเที่ยวผันผกจนจรดค่ำ วันทั้งวันเหมือนวัวควายวิ่งวนป่า
    ไม่กี่ปีเกิดแก่เจ็บมรณา เหมือนน้ำค้างบนยอดหญ้าทุกอย่างไป
    เพื่อผลประโยชน์แย่งชิงกระเสือกกระสน รักลูกตนหลงเมียสวยเหมือนหลับฝัน
    แท้ที่จริงชีวิตทุกข์ทรมาน หลงพัวพันเจ็ดอารมณ์หกฉันทา
    ต่อให้ลูกสร้างสมบัตินับหมื่นแสน นาจบแดนยุ้งข้าวล้น กินแค่อิ่ม
    ต่อให้มีตึกกระฟ้าครองแผ่นดิน ที่นอนจริง แปดศอกยาวแค่เตียงเดียว
    ต่อให้ลูกมีเงินกองเท่าภูเขา ไม่ยักเอาติดไปด้วยเมื่อตักษัย
    ต่อให้ลูกสรวมแพรพรรณสวยเพียงไร มีความหมายปกร้อนหนาวเท่านั้นเอง
    ต่อให้ลูกกินอาหารพิสดารเหลือ กินเลือดเนื้อชีวิตเขาเราใช้บาป
    ต่อให้ลูกเล่นสำราญสุขกำซาบ เหมือนฝันลับผ่านหายไปใช่ร้อยปี
    ต่อให้ลูกมีลูกเมียแสนประเสริฐ ต่างกระเจิดไม่ร่วมทางในเมืองผี
    อนิจจา “ปฎิกูลห้า” แห่งโลกีย์ หวังลูกนี้จะไม่มัวหลงงมงาย
    โลกโลกีย์เหมือนสถานสำราญเล่น ปู่ย่ากลายเป็นลูกหลานเกี่ยวกรรมก่อน
    หากสำนึกร่วมบำเพ็ญเป็นสังวร ร่วมทางจรกลับบ้านเดิมโดยสร้างบุญ
    เพียรภพนี้ครอบครัวดีสิริสุข ผลบรรลุได้พบกันบนสวรรค์
    บุญวิเศษเพิ่งเกิดมีปัจจุบัน หลงหลับฝันน่าเสียดายไม่รู้ตัว
    คนบ้ายศยิ่งยศแล้วยังอยากบ้า คนที่บ้าเงินล้านได้ ไม่หายบ้า
    เอาแต่โลภเอาแต่หลง ไม่ตรึกตรา ลืมที่มากลับมุ่งหาพญายม
    รู้ญาณตนเร่งบำเพ็ญมุ่งนิพพาน น่าสงสารคนงมงายได้นรก
    ทางฟ้าดินอยู่ที่ใจแยกให้ตก โศกกำสรดชั่วกาลจิตคิดพลาดไป
    ความสาหัสในนรกไม่อาจเล่า กระจกเงาส่องความชั่วทุกอย่างเผย
    หากทำดีชาติหน้าได้สุขชมเชย แต่เสวยสุขเสร็จสิ้นต้องกลับลง
    กรรมชั่วหนักมิพักให้เถียงแย้งได้ ตนทำไว้โทษอย่างไรพึงได้รับ
    ภูเขามีด กระทะน้ำมันหลายประหัส โม่ เลื่อย ตัด เลือดเนื้อนองหมาจ้องกิน
    ตกแม่น้ำอนิจจัง ทั้งทุกวัย นรกใหญ่สิบแปดขุมเศร้าสยอง
    ไม่อาจเล่าถึงความทุกข์น่าขนพอง อกสะท้อนน้ำตาพรากลงอาบทรวง
    ความผิดพลาดพลั้งเกินแก้ได้สายเช่นนี้ เกิดอีกทีไร้กายคนยากกลับคืน
    จงฟังแม่บำเพ็ญธรรมตั้งใจรับ แกร่งเช่นกับวัชราศรัทธาตรง
    บรรพชนเก้าชั่วคนโอดครวญหา ทุกเวลารอส่วนบุญพ้นเวียนว่าย
    ตัวเราเองแม้พลาดลงไม่เป็นไร ยังผลให้บรรพชนนรกครวญ
    หมกนรกหกหมื่นปีทุกข์มหันต์ รอกระทั่งเกณฑ์กัปหน้าเรือธรรมใหม่
    หากมีบุญทันโอกาสขึ้นเรือไป หรือจะได้เกิดเป็นคนได้รับธรรม
    จึงควรรีบฉวยโอกาสนี้ดีกว่า ตื่นจากหลงตามแม่มาคืนทิพย์สถาน
    ให้โอวาทถึงเพียงนี้สั่งพักเขียน หยุดเขียนขาดให้ศึกษาแม่กล่าวมา พัก

    ข้อห้า
    เตือนบุตรพุทธาน้อมบำเพ็ญ เข้าใจเกณฑ์เจตนาฟ้าเป็นปราชญ์ได้
    กัปสุดท้ายลงพร้อมสองธรรมคู่ภัย โลก หญิงชายทุกสิ่งสรรพ์ถูกจัดวาง
    อันที่จริงองค์มารดาเมตตาจิต ใยวิปริตให้ภัยครอบแดนดินหล้า
    ลูกไม่คิดคิดครั้งโบราณมิมีนา “เหยา” “ซุ่น” “อวี่” กษัตราสำราญธรรม
    ใจคนตรงใจฟ้าสงบ ภัยมีหรือ ใจไม่ซื่อเล่ห์ร้ายนำภัยมหันต์
    โลกใบนี้ยิ่งเลวลงสุดประมาณ จารีต งามอริยะธรรมคนหมางเมิน
    ฝึกโกง โลภ เล่ห์เหี้ยม ร้ายขุดหลุมพราง สิ้นคุณสัมพันธ์ จริยหลักยากกล่าวสุม
    นายไร้ธรรมข้าไม่ซื่อยากปรับปรุง พ่อลูกยุ่งขาดเมตตาขาดยำเกรง
    ผัวไม่ซื่อ เมียไม่สมคุณธรรมเสื่อม เอาแต่เรื่องพี่น้องกันถืออาฆาต
    เพื่อนฝูงกันไม่ไว้ใจมุ่งเชือดบาด คุณธรรมขาดสัมพันธ์เสื่อมยากฟื้นฟู
    นักวิชาพูดตามหลักมักไม่ทำ กสิกรรมชาวนาสวนมุ่งเงินผล
    กรรมกรหยาบคร้านงาน เห็นแก่ตน ตบตาคนซื้อโง่กว่าพ่อค้าทราม
    สงฆ์สาวกลืมตรัยรัตน์อีกห้าศีล แนวเดิมทิ้งเต๋าสาวกนอกรอยลู่
    เรียนผิวเผินสาวกปราชญ์อวดล่วงรู้ เห็นๆอยู่มิอดได้แม่เศร้าใจ
    หากคราวนี้ไม่มีภัยลงเก็บกวาด โลกจะขาดปราชญ์สักคนเป็นแก่นสาร
    จึงแปดภัยสามลมไปอาวุทลาญ ทั่วโลกกว้างเก้าเก้าแปดสิบเอ็ดภัย
    ส่งพญามารทั้งห้ามาก่อกวน เป็นกระบวนกลวิธีเก็บคนชั่ว
    ถึงเวลาเกณฑ์ฟ้าดินสิ้นกาลตัว อีกคนชั่วสั่งสมกรรมผูกจองเวร
    หกหมื่นปีกวาดล้างใหญ่ในบัดนี้ แยกเลวดีหินหรือหยกกำหนดได้
    ส่องทิพย์เนตรน้ำตาเลือดแม่รินไหล หมอกชั่วร้ายภัยคละคลุ้งกลบนภา
    ทุกมุมโลกมรสุมมารทำลายพัด โจรภัยจัดสงครามเกิดทุกหย่อมหญ้า
    ท่วม กันดาร โรคระบาด อีกนานา พืชธัญญาทั่วโลกตายไม่งอกงาม
    ภัยดังกล่าวแม้ทุกข์เข็ญไม่ประหลาด สุดขยาดน้ำไฟลมกวาดล้างโลก
    เจ็ดๆ สี่สิบเก้าสิ้นตะวันเดือนปรกมืด ประตูนรกเปิดปล่อยผีทวงหนีคน
    มืดสนิทน่าพรั่นพรึงอึมครึมทั่ว หนี้กรรมชั่ว เงิน ชีวิต ถูกทวงถาม
    ลมมหันต์ล้างโลกหล้ากวาดจักรวาล ชำระล้างทั้งสามโลกเปลี่ยนแกนกลาง
    ต่อให้ลูกร่างกายแกร่งเป็นเหล็กไหล มิพ้นภัยแม่อุบัติรอดไปได้
    แม้ภัยนี้แม่กำหนดให้เป็นไป รู้หรือไม่แม่ร้องไห้ทุกคืนวัน
    มิอดใจหินหยก ร่วมทำลายพร้อม หย่อนสายทองญาณส่องเรือเที่ยวกูลเกื้อ
    เหมื่นพันทางไม่พ้นได้ ไม่มีเหลือ ทางหนึ่งเอื้อ “เอกายนมรรค” รีบขอธรรม
    ด้วยนึกถึงลูกผันผกระหกหัน เพียรส่งสาส์นเตือนลูกหนาพุทธาลูก
    เกรงภัยผลาญทำลายล้างเหล่าพระบุตร จึงสู้อุตส่าห์ขีดเขียนเพียรส่งมา
    ลูกแม่เอ๋ยกตัญญูผู้เป็นปราชญ์ จงอย่าพลาดรีบขึ้นฝั่งบำเพ็ญหมาย
    ได้วิถีธรรมแล้วอย่าลังเลใจ ปัญญาให้คมเหมือนดาบตัดนิวรณ์
    หากยังหลงไหนจะรู้โลกสมมุติ มองทุกจุดในโลกนี้น่าเศร้าไหม
    ต่อให้ลูกสามารถสร้างแผนการใด ถึงคราวไซร้ไม่อาจพ้นวิบัติกาล
    สิบส่วนคนตายเสียเจ็ดสามส่วนทุกข์ กองกระดูกเท่าภูเขาเลือดล้นหลาม
    หากยังมัวโลภหลงอยู่ผิดหลักธรรม เก้าเก้าภัยกระหน่ำญาณหมกโลกันตร์
    อยากได้พ้นภัยให้เร่งสร้างกุศล แม่จะดลเทพฯคุ้มเจ้าสุขสนาน
    ใครรู้ตื่นติดตามแม่กลับนิพพาน ใครดื้อรั้นภัยกวาดส่งนรกคุม
    ลูกทั้งหลายจงพร้อมกันมากราบส่ง ทุกพระองค์แม่นำมาจะคืนกลับ
    ถึงเพียงนี้หยุดเขียนไว้เว้นช่วงพัก ต่อไปจักไว้คำสอนดังหยกทอง


    ข้อหก

    เตือนพระบุตรเร่งเคาะระฆังทอง คิดถึงลูกแม่อนาทรดั่งไฟโหม
    ห่วงลูกหลงผิด ไม่เชื่อแม่โน้มนำ หนังสือแม่ ลูกจับโยนไม่ใส่ใจ
    คนชาชินคนดื้อด้านดัดได้ยาก ยอมลำบากแม่สู้จากทิพย์สถาน
    ลำบากแสนเพื่อยุคสามการเก็บงาน บัญชาการทุกเทพไท้ให้ลงมา
    ใช้วิธีหมื่นพันอย่างไม่เห็นผล โลหิตปนเขียนจดหมายมาหลายครั้ง
    อนุตตรแม่โศกาสะอื้นดัง คิดดูบ้างน้ำตาแม่ดั่งฝนพรู
    ร้อนใจเปล่า หรือช่างเถอะ อย่าโปรดเลย แต่ลูกเอ๋ยทิ้งไม่ลงน้ำตาไหล
    จึงโลหิตเขียนบัญญัติสิบข้อไว้ เตือนเร็วไวบุตรพุทธาพ้นกักกัน
    กุศลในโลกแม้นกตัญญู ใครไม่รู้ใช่นักธรรมบำเพ็ญกล้า
    หวังลูกแม่อย่าผิดกตัญญุตา แม่สั่งมาจงทำตามอย่างเมธี
    กตัญญูใยให้แม่พูดซ้ำสาม ควรช่วยงานควรเข้าใจพระทัยแม่
    จากวันนี้เร่งบำเพ็ญตัวอย่างแท้ คิดถึงแม่คิดแผ่เผื่อพี่น้องกัน
    ในโลกกว้างล้วนน้องพี่รีบชูช่วย ฝึกตนด้วยกายใจตรงจึงสอนเขา
    ปลุกใจเขาเราบรรลุเขาได้ตาม หลักธรรมให้เสริมเขามุ่งเช่นกับเรา
    ใครแจ้งก่อนสอนคนหลังสู่ทางแจ้ง คนอยู่หน้าทุ่มเทแรงช่วยคนหลัง
    จะฉุดเขาต้องฉุดขึ้นถูกเส้นทาง ช่วยทุกอย่างถึงที่สุดเป็นชัยชาญ
    ช่วยหนึ่งสำเร็จหนึ่งพึงใจแม่ อย่าได้แต่ช่วยขึ้นฝั่งแล้วตัดหาง
    กาลบัดนี้คับขันยิ่งเหลือประมาณ เร่งเสริมสร้าง เปิด ปลูกธรรมสร้างบุญทาน
    รุดเดินหน้า เร่งปลูกไว ได้ผลใหญ่ ก้าวช้าไปปลูกลงช้าไม่ตกผล
    วิถีธรรมบำเพ็ญได้ทั้งมีจน เพียงทุกคนมั่นเพียรจริงทั้งหญิงชาย
    จนช่วยแรงรวยช่วยเงินร่วมงานธรรม วิทยาทานอีกทรัพย์ด้วยรวยมรรคผล
    ชาติหน้าเรืองปัญญาดีชาตินี้อุดม เร่งมรรคผลแพร่อรรถาอย่ารีรอ
    มัวลังเลหนาวเหน็บมาบำเพ็ญยาก ใช้ปากกาช่วยฟ้าได้ช่วยแพร่เขียน
    ใครมีแรงช่วยวิ่งเต้นแพร่สำเนียง อย่าได้เกี่ยงช่วยแรง เงิน ทุกเมื่อควร
    คุณพระองค์ไม่จำกัดโอบอุ้มทั่ว ธรรมไม่มัวหวังตอบแทนต่อลาภผล
    ใช่ผู้นำมีสิ่งใดเป็นแยบยล ทุกๆคนมุ่งเสร็จสมปณิธาน
    กินอยู่อ้างอาศัยพระ ฟ้าจะผ่า ยอมฟันฝ่าทุกแห่งไปเพื่อชาวโลก
    อริยะพุทธาก่อนท่อนออมอด ช่วยชาวโลกตามบัญชาพระมารดร
    วิถีแท้ยืนยันแน่ใช่เขียนหลอก หากแม่บอกวิถีธรรมคำเท็จสอน
    คำสาบานลูกให้ไว้แม่แบกคอน ใยแม่ยอมกล่าวเป็นกรรมซ้ำลูกตัว
    ถึงเพียงนี้ลูกยังหลงฟังใส่ใคล้ มรรคผลได้หมื่นแปดร้อยสร้างกาลนี่
    อุดมได้วิมุติสุขชาติหน้ามี รีบกระวีกระวาดจิตคิดมุ่งไป
    แม้ต้องตายก็ยินดีบำเพ็ญมั่น หรือจะสร้างสำนักธรรมบุญยิ่งใหญ่
    หรือจะเบิกคุณอนันต์แพร่ธรรมไป หากทำได้ตามคำแม่แพร่ธรรมจริง
    จะบัญชาพุทธาช่วยสำเร็จล่วง กาลนี้ช่วงธรรมอยู่ครึ่งมืดสว่าง
    โอกาสดีกล้าเดินหน้าแผ้วถาง ทำทุกอย่างเหมาะกาละรอบคอบควร
    วิถีธรรมแอบเฟ้นหาปราชญ์เมธี ใครรู้ที่ฟ้าเปิดกาลคัดเลือกสอบ
    หากเพียรเพื่อเป็นเทพพรหมได้ติดรอบ สามพันหกสี่หมื่นแปดอันดับเรา
    เดินช้า สาย แม้ร้องไห้ก็ป่วยการ กลับนิพพานกับแม่เถิดเมื่อรู้ฟ้า
    กำหนดการณ์เกณฑ์กัปนี้ที่ผันมา สิ้นชีวา ไม่รู้กาลพานพบภัย
    หวังพุทธบุตรทั้งหลายได้นึกรู้ อีกทั้งคู่การบำเพ็ญเร่งแพร่ธรรม
    พักสักครู่สงบใจเวลาเลย แม่จะเอ๋ยเขียนโอวาทให้ต่อไป

    ข้อเจ็ด

    เตือนบุตรพุทธาน้ำตานอง ห่วงลูกผองหลงโลกีย์นานนักหนา
    บนวิมารแม่ครวญคร่ำทุกเวลา สายน้ำตากัดกร่อนใจให้แหลกลาญ
    ลูกไม่ตื่นเกี่ยวอะไรกับแม่ด้วย เกรงลูกม้วยมอดไปกับภัยพิบัติ
    ฟังแม่รีบตื่นบำเพ็ญชีพหมายมาด เป็นปราชญ์ จงรู้ใจแม่คุณ – อาจารย์
    หนึ่งจุดนี้แม้ชีวีทดแทนยาก พระคุณมากกว่าเข้าทะเลจดจำไว้
    แม้มิได้อาจารย์จุดทำอย่างไร พ้นเวียนว่ายพ้นทุกเข็ญพ้นเภทภัย
    บารมีปรกปู่ – หลานอาจารย์ให้ จึงควรได้แทนพระคุณอาจารย์สอน
    บุตรธรรมาหากฝ่าฝืนไม่สังวร ทั้งปู่ย่าร่วมทุกข์ร้อนฟ้าลงทัณฑ์
    ยึดทางธรรมคำอาจารย์นับเป็นปราชญ์ รู้หมอบกราบรู้ถ่อมตนอ่อนโยนยิ้ม
    ดีที่สุดมนุษย์สัมพันธ์ร่วมแอบอิง เที่ยงตรงจริงจริยารักษาธรรม
    ชายยึดคุณสัมพันธ์ห้า คุณธรรมแปด หญิงจำแนก สี่คุณธรรม ยึดถือสาม
    หัดสัตย์ซื่อเมตตาจริยเร่งโน้มนำ ต่อญาติธรรมคือพี่น้องท้องมารดา
    อย่าตำหนิคนนั้นโง่นี่ฉลาด ดีจนยากหรือขาวดำใช้ธรรมวัด
    เป็นผู้นำต้องใจกว้างไม่อึดอัด ช่วยแนะจัดชนรุ่นหลังเบิกงานธรรม
    ชายชาตรีรู้ปรับตัวรู้อดทน ไม่นึกบ่นฝ่าลมหนาวเขาละหาร
    หวั่นในคุณ ชอบรู้ผิด แก้สันดาน รู้ประมาณจึงได้ชื่อขื่อคานธรรม
    คนรุ่นหลังน้อมเคารพอาวุโส อาวุโสเสริมรุ่นหลังน้ำใจกว้าง
    วาระนี้คับขันต่างพยายาม มิเสียคำอันมีค่าแม่ว่าวอน
    ปุถุชนใครพ้นผิด ผิดรู้แก้ ผิดไม่แก้รู้แก่ใจไม่ยอมรับ
    ผิดเรื่อยไป ผิดเลยแล้ว ไม่คิดกลับ เลยลาลับห่างนิพพานไม่กลับคืน
    สร้างบุญก่อนสร้างบาปตามบุญถูกลบ บุญเกินกลบบาปเลยทำประมาณได้
    ล้างความผิดสร้างกรรมดีกุศลใหม่ จารึกไว้บุญเป็นบุญไม่ตัดทอน
    ใครบุญมากทำบาปน้อยฟ้าจารึก บาปเป็นปึกบุญเพียงเศษตกภัยขุม
    บัญชีฟ้าคำนวณไว้ให้เป็นทุน ก่อนทำบุญเร่งล้างบาปเป็นหลักคน
    แต่โบราณบำเพ็ญธรรมมิใช่ง่าย มิเปรียบได้ปัจจุบันท่านจัดใหม่
    แม่เมตตากรุณาช่วยทั่วไป กฎเกณฑ์ได้ลดน้อยลงทั้งภัยมาร
    วาระนี้วิถีธรรมบำเพ็ญง่าย วิบากภัยทุกข์อาเพศไม่ใหญ่นัก
    แม้หกหันไปเหนือใต้ทนลำบาก เที่ยวนำชักพุทธบุตรแม่ให้บัว
    แม้ตากลมทนหนาวร้อนตะรอนเร่ บุญคะเนทดแทนทุกข์บันลือฉาย
    แม้ถูกหลู่ถูกใส่ใคล้รังเกียจกาย ถึงคราวได้รู้ดีโง่ ฉลาด เลว
    หากรู้ทนคำกล่าวหาสู้กลืนกล้ำ ยุติธรรม พระฯไม่ลืมให้ประจักษ์
    ถึงถ่มตัวบำเพ็ญเงียบไม่คึกคัก ใจฟูมฟักดอกพุทธาได้เบ่งบาน
    มารจะสอบด้วยวิบากหรือราบเรียบ ไม่สอบเทียบไม่สำเร็จเป็นหลักหมาย
    คนชั่วร้ายแม้เห็นยังอยู่สบาย กำหมดไว้กาลนี้จะกวาดเตียน
    แต่โบราณเพียรธรรมใหญ่มีภัยมาร ธรรมโอฬารเพียรคุณสัจจ์ทำลายหนัก
    มิใส่ว่าถูกใส่ใคล้เพราะบาปหนัก ขาดฐานหลักบัวพันใบทูนได้ฤา
    วาสนาน้อยด้อยผลบุญใจไม่แน่น ได้ธรรมแท้กลับถดถอยห่างสวรรค์
    ลูกอย่าว่าคนเพียรธรรมโง่ดักดาน ทำจริงจังมรรคผมใหญ่ไว้ชื่อคง
    ลูกไม่คิดศาสดาสามนำศาสน์ก่อ ทุกข์ไม่ท้อได้วิมุติไม่เสื่อมสูญ
    ล่วงสามพันปีสวรรค์โลกยังเทิดทูน มรรคอยู่สูงชื่ออยู่โลกเกียรติกำจาย
    สมัยนั้นเพียงชดเชยพระเกียรติ ไม่อาจเทียบโปรดสามโลกครั้งนี้ได้
    สามพันหกวัดยุคขาวสถิตไว้ รับกราบไหว้อีกสี่หมื่นแปดเหล่าลุธรรม
    ปราชญ์อริยะคือรุดหน้าไม่หยุดยั้ง เสริมคนหลังส่องคนหน้าปลูกกุศล
    ทำตามได้ผลแม้ไม่จะตกจม “คุณสาม” คนนิ่งพักก่อนสักครู่แม่ต่อความ

    ข้อแปด

    เตือนเหล่าบุตรพุทธาแม่ชาชิน เฝ้าถวิลลูกไม่ตื่นโลกวิสัย
    เห็นสุขปลอมรับทุกข์แท้ทุกวันไป เสียไม่เกี่ยวไม่ว่างบำเพ็ญธรรม
    คนส่วนใหญ่ลืมหลักธรรมโลงโลกทัศน์ บ้างขยาดมารทดสอบใจไม่มั่น
    อันธรรมแท้มีสอบแน่หลักมานาน ใครสอบผ่านจิตเหล็กไหลหยกไร้รอย
    หยกไม่แกะไม่ได้รูปพูดถูกต้อง เผายิ่งร้อนทองคำแท้ยิ่งสุกเหลือง
    ต้นไม้ใหญ่ตัดกิ่งก้านเป็นเสาเรือน ตอกเข็มเขื่องสร้างตึกสูงฐานมั่นคง
    เปรียบทุกอย่างไม่ต่างเช่นกับคนเรา ปัญญาเชาว์เกิดได้เพราะถูกขัดฝน
    ลูกกตัญญูปรากฏในบ้านยากจน ชาติเกิดคนเก่งภักดีเมื่อมีภัย
    กลางลมแรงรู้หญ้าแกร่งไม่แสร้งว่า ไม่ตรวจตราเทียบเท็จจริงไม่เห็นมั่น
    เหล่าเพียรธรรมมิใช่คนเดียวเท่านั้น งอนิ้วกันนับไม่ถ้วนล้วนสอบกรำ
    ยังจำครั้ง “เจียงไท่กง” ขายแป้งหมี่ โชคไม่ดีมารสอบกรำหลายทุกเข็ญ
    “เหวินอ๋อง” ถูก “โจ้ว” ขังอิ่ว เจ็ดปีเต็ม ทรงเล็งเห็นวิบากกรรมตามทำนอง
    ยังอีกท่านครูขงจื้อภัยใหญ่ล้น ผ่าน “อุ้ย” “ซ่ง” ถูกล้อมกรอบลบรอยเท้า
    ตัดเงาไม้ที่ “ไช่” “เฉิน” เจ็ดวันถูกอดเกือบตาย คนทั้งหลายเห็นจอมปราชญ์เป็นบ้าบอ
    “ชิวฉางชุน” บำเพ็ญธรรมยิ่งลำบาก อดตายอยากเจ็ดแปดครั้งยังใจมั่น
    “เมี่ยวซั่น” เธอบำเพ็ญธรรมถูกบดบั่น “ซุนปู้เอ้อ”ลวกน้ำมันให้หน้าลาย
    บำเพ็ญธรรมปัจจุบันเทียบการก่อน มารลดหย่อนให้สบายไม่บีบคั้น
    คนถูกสอบมักเป็นหลักแกนสำคัญ กรำกับมารพุทธญาณได้เรืองรอง
    ได้มรรคผลบรรลุจากบันไดนี้ เข้าใจดีตีให้แตกบรรลุถึง
    แม่วางแผนสุดแยบยลสุดลึกซึ้ง ฉากหน้าตรึงบดบังไว้ภายในวาว
    บำเพ็ญธรรมแม้ไม่มีมารทดสอบ หญิงชายชอบเหล้ายาต่างคืนสวรรค์
    ไม่สอบชั่วโง่ฉลาดเลวดีกัน ใครยกฐานบัวให้ใครนั่งก่อนใคร
    อย่าว่าแต่มรรคผลฟ้าผ่านการสอบ ชิงเข้ารอบราชกาลนานสิบปี
    แม่ห่วงลูกไม่เข้าใจต่างถอยหนี มิรู้ที่แม่ร้องไห้สายเลือดพรู
    หลายครั้งแล้วแม่ส่งสาส์นตรงมาให้ ครั้งหนึ่งไปอีกครั้งสองไม่เห็นผล
    กำชับแล้วกำชับอีกตื่นสักคน ใจไม่สนโอวาทหมกนรกคลุม
    เรียกลูกเอ๋ยเร่งรู้ญาณใจพุทธะ พันมารจะสอบหมื่นครั้งใจยังผ่อง
    มั่นกุศลทำตลอดตั้งใจปอง ศรัทธาส่องมารหลีกถอยไม่รังควาญ
    โบราณมาบำเพ็ญธรรมออกป่าเขา เมีย ลูกเต้าสมบัติทิ้งเที่ยวท่องหา
    จนจบแดนค้นครูจริงไม่ได้มา รองเท้าหนาพื้นเหล็กสึกไม่พบครู
    หมื่นเคี่ยวกรำพันวิบากยากจะกล่าว ศรัทธาเร้า ครูวิสุทธิ์จุดถ่ายทอด
    พิสูจน์แล้วหลักธรรมแท้มิใช่หลอก เข้าถ้ำปลอดเริ่มบำเพ็ญให้เห็นญาณ
    สามพันทานแปดร้อยกุศลเต็มผลมรรค เพียงประจักษ์ชั้นรูปพรหมเสวยผล
    มาบัดนี้วิถีธรรมง่ายเหลือทน ให้ผู้คนรับถ่ายทอดค่อยบำเพ็ญ
    อันที่จริงความลับนี้ใช่การควรไม่แพร่งพราย แม่โปรดให้คนอยู่บ้านเพียรธรรมจริง
    ตื่นเถิดลูกโอวาทนี้มีเลือดแม่ มิใช่แต่คำชาวโลกเป็นเชิงสอน
    เพื่อลูกๆเลือดใจแม่แหลกร้าวรอน จำคำสอนแพร่ธรรมเถิดบุตรพุทธา
    ถึงตรงนี้หยุดเสียที “สามคุณ”พัก เดี๋ยวแม่จักประทับฐานเขียนพานทราย

    ข้อเก้า

    เตือนบุตรเหล่าพุทธาน้ำตาตก ใจตะหนกหวั่นผวาพุทธาแม่
    หนทางธรรมนับพันสายใช่ทางแท้ ไม่ยึดแน่สายทองแท้ยากกลับคืน
    กาลนี้ศาสน์นอกลู่ทางต่างเฟื่องฟู เกรงแต่เรื่องบุตรพุทธาจะพาหลง
    ทุกลู่ทางศาสนาแม่ให้ลง สื่อความส่งก่อนจดหมายให้รู้ทาง
    กาลไม่ถึงแม่ไม่ให้เอกธรรมมรรค ด้วยประจักรลูกหลงใหลนานนักหนา
    จึงกระจายลัทธิศาสนาให้บูชา โบสถ์ศาลาผูกมัดใจให้ทำบุญ
    วิถีธรรมเก็บงานท้ายโปรดไปทั่ว ทุกครอบครัวรับธรรมจริงคือสวรรค์
    ไม้ถึงคราวแม่ไม่เผยความวิมาน เพราะเก็บงานทุกศาสนามารวมกัน
    แม่ให้ธรรมโปรดโลกกว้างชื่อ “เอกธรรมมรรค” สามโลกพรักพร้อมโปรดขึ้นบันไดเมฆ
    คำของแม่ล้วนเป็นจริงมิใช่เท็จ พิสูจน์เหตุผลหลักฐานยืนยันจริง
    ศาสน์ทั้งสามคืนหลักหนึ่งคืนไปไหน ก็อย่างไรหมื่นจากหนึ่ง หนึ่งจาไหน
    จะบำเพ็ญต้องรู้แจ้งทางเป็นไป ไม่เข้าใจทางจริงยากจะกลับคืน
    ถ่ายความลับขั้นสูงด้วยธรรมเก็บงาน แต่บรรพกาลประหลาดเพิ่งเห็นยุคสาม
    แม้ไม่เชื่อหลักฐานหนึ่งพร้อมพิจารณ์ ศูนย์พระธรรมสามศาสนามาชี้ดู
    เอกวิสุทธิ อนุตตรธรรมนำเป็นเอก พุทธ เต๋า ปราชญ์ จุกเดียวกันคือรวมศูนย์
    เห็นกายแท้ดวงธรรมแน่พุทธกล่าวจูง ปราชญ์ผดุงคุณธรรมเป็นหลักแกน
    ฝึกจิตญาณคืนดวงธรรมหลักของเต๋า ล้วนรวมเอาญาณวิเศษเหนือกายร่าง
    เพียรคุณธรรมสงบใสหลักไม่ต่าง ปราชญ์ฝึกว่างรู้หลักฟ้ากำหนดใจ
    พุทธให้ปลงกายสังขารรวมสมาธิ เป็นดำริสู่นิพานด้วยญาณนิ่ง
    น้อมตรัยรัตน์อีกศีลห้าเป็นอ้างอิง เต๋ารวมสิ่งกายธรรมสามห้าลมปราณ
    ปราชญ์จริยปกครองสาม คุณปฏิบัติห้า สามศาสนาหลักเดียวกันในวันนี้
    หนึ่งพุทธ์ปาณาฯปราชญ์เมตตาให้ปราณี เต๋าคืนที่พลังธาตุไม่ในจิตตน
    สองพุทธอทินนนาฯ ปราชญ์จงรักอีกสัตย์ซื่อ เต๋าฝึกปรือพลังธาตุทองรวมไว้
    สามพุทธละกาเมฯ ปราชญ์จริยาสำรวมใจ เต๋าธาตุไฟหล่อหลอมพลังให้คุมญาณ
    สี่พุทธสุราเมฯ ปราชญ์คงปัญญารู้ถูกผิด เต๋าให้สถิตธาตุน้ำใสคุมกายกล้า
    ห้าพุทธไม่มุสาฯ ปราชญ์ยึดถือสัตย์วาจา เต๋ารวมพลาธาตุดินคืนพื้นญาณเดิม
    รวมจุดพลังธาตุทั้งห้าเต๋าว่าไว้ พุทธคุมใจมุ่งกำหมดด้วยศีลห้า
    ปราชญ์ถึงพร้อมคุณปฏิบัติหลักเบญจา สามศาสนาแม้ต่างหลักใช่ทางตรง
    ครั้ง “ฟู่ซี” หนึ่งขีดเผยพยากรณ์สัจจ์ ปฐมอุบัติวิถีธรรมฐานวันนี้
    ยุคโลกเขียวบัญชา “พระทีปังกร” ลงโลกีย์ แอบเลือกคนดีสองร้อยล้านคืนเบื้องบน
    ยุคโลกแดงบัญชาพระศากยะพุทธ อุบัติรุดนำโพธิญาณอีกสองร้อยล้าน
    ทั้งสองยุคสี่ร้อยล้านพุทธญาณ คงทรมานในโลกอีกเก้าพันสองร้อยล้านดวง
    ยุคขาวนี้อริยเมตไตรยทรงนำธรรม พระ “เทียนหยาน” ดำเนินงานโปรดโลกกว้าง
    แม่ไม่เหลือเทพพรหมไว้บนวิมาน อุบัติท่านล้วนเกิดกายให้ช่วยงาน
    ถึงฟ้าดินกว้างใหญ่ธรรมใหญ่กว่า องการฟ้าบัญชาแม่ศักดิ์สิทธิ์ขลัง
    แม้ทำตามโอวาทแม่อย่างจริงจัง แม่จะสั่งเทพปกคุ้มลูกปลอดภัย
    กำหนดกาลเบื้องต่อไปใหญ่หลวงนัก เกณฑ์ฟ้าจักปรากฏชัดในไม่ช้า
    พันนิกายศาสน์ทั้งหลายแผ่พลาฯ ใช่มนตราเรียกฝนลมคึกคะนอง
    ไสยศาสตร์มีอำนาจกรีดดินฟ้า ย้ายภูผายกทะเลเก้าอี้เหาะ
    เหยียบหมอกเมฆ กายธาตุแฝง หายตัวล่อ เวทมารก่อปรากฏการณ์ไม่จบความ
    ถึงคราวนั้นพุทธบุตรแม่จงจำ หลงเชื่อตามสิ้นแสงญาณน่าสงสาร
    นั่นคือเกณฑ์ยุคสาม ฟ้ากำหนดการ เป็นแผนอันแยบยลแท้แม่เจตนา
    อำนาจใหญ่ให้เป็นไปแม่ควบคุม จนประจวบเวลาเหมาะแม่สั่งพัก
    ต่อไปดูหมื่นเทพพรหมครึกครื้นหนัก อ้วนมั่กกั่กพร้อมคนบ้าสำแดงองค์
    ถือธงเหลืองประกาศิตโบกเหนือฟ้า ทุกเทวาให้ถอยกลับคืนตำแหน่ง
    สิ้นเสียงสั่งเวทมนต์เสื่อมเทพฯ ไม่ช่วยแรง คนสำแดงมือเปล่าๆสิ้นฤทธี
    ถึงกาลนั้นทุกนิกายศาสน์กราบพระศรีฯ โอภาสจี้กงปรกแผ่คลุมสามโลก
    คนรวยกลับไหว้คนจนมือประหรก คุณธรรมปรกโลกสันติทุกเขตคาม
    พุทธบุตรปัญญาใสเร่งมือทำ ถึงกลางน้ำปะเรือรั่วจะสายเกิน
    ถึงเพียงนี้ “สามคุณ” เหนื่อย พักเขียนไว้ สงบใจนั่งรอแม่อีกต่อความ

    ข้อสิบ

    เตือนพระบุตรจดหมายนี้ถี่ถ้วนความ เรื่องเก็บงานธรรมยิ่งใหญ่ไม่ล้อเล่น
    ตรัยภูมิสูงหลักหนึ่งสอนพุทธบุตรเป็น ทั่วโลกเห็นดอกบัวทองรองปฐพี
    ธรรมยิ่งใหญ่สามระดับอนุตตรยิ่ง เป็นความจริงนอกเหนือฟ้ายังมีฟ้า
    อนุตตร เทวโลกโลกียะเรื่อยลงมา อนุตตรฟ้าแดนศักดิ์สิทธิ์วิมุติภูมิ
    เทวโลกแดนเทพพรหมเวียนธรรมจักร โลกียะเทพสมมุติ พืชสัตว์สรรพ์
    สามระดับจำแนกรู้ อริยะ ปราชญ์ คนสามัญ บำเพ็ญธรรมกายธรรมสูงวิเศษจริง
    ฝึกลมปราณเวียนธรรม์จักรระดับกลาง ระดับสามยึดรูปลักษณ์ยากกล่าวขาน
    กรรมพิธี ประโคมท่องไม่นิพพาน บัดนี้กาลพ้นเวียนว่ายให้หลักธรรม
    ได้ยินธรรมบำเพ็ญได้ตามใจหมาย มีหนุ่มวัยสิบแปดหนึ่งนั่งกลางโลก
    สัมปนาทสะเทือนขวัญทั่วกันหมด ทุกเมืองครบจบแดนถ้วนรับธรรมา
    หมื่นพันพระฯ ชุมนุมพร้อม ณ แดนกลาง ทุกคนต่างใช้หนี้จบยุคขาวตั้ง
    สิ้นคนชั่วเหลือคนดีอยู่ร่วมกัน โลกเปลี่ยนผันทะเลทุกข์เป็นดอกบัว
    โลกโลกีย์จะกลายเป็นแดนนิพพาน สี่สิบปีอรหันต์มนุษย์สุขเหลือหลาย
    ทางกุศลเกิดอยู่ไม่ฆ่าทำลาย มงคลฉาย กิเลน หงส์ กลับมีมา
    ทะเลเรียบร่วมยินดีโลกสันติสุข ต่างไม่ทุกข์ ไม่แย่งชิง เคารพรัก
    ลมฝนเหมาะอุดมสมัย “เหยา” กษัตริย์ ปณิธานวัตรโปรดเก้าหกเสร็จสมบูรณ์
    พระศรีฯ ประทับทิพย์อาสน์ประกาศตั้ง พุทธญาณพ้นทะเลทุกข์ขึ้นฝั่งพร้อม
    พระเทียนหยานนำญาณเดิมเข้าเฝ้ากราบบังคม ได้ปลดปลงให้แม่ได้คลายห่วงใย
    กุศลใหญ่ใครได้สร้างต่างยินดี คนนั้นที่เริ่มบุกเบิกผลนำหน้า
    คนนั้นที่สร้างบุญใหญ่ที่หนึ่งตรา นั้นธรรมวิทยาทรัพย์เป็นทานยอดฐานบัว
    คนโน้นสละตนช่วยงานธรรมสูงศักดิ์ศรี คนนั้นที่สร้างสำนักธรรมชั้นเทพฯ พรหม
    คนนั้นที่ศรัทธายิ่งผลไม่น้อย ถึงกาลค่อยแบ่งระดับมรรคเก้า สาม
    พุทธบุตรมีผลบุญต่างสำราญ ยังอยู่บ้านก็ศักดิ์สิทธิ์ทั้งกายใจ
    เสวยสุขไม่ทุกข์ร้อนอุดมผล พุทธบุตรละกายตนคืนสวรรค์
    ถอดกายเนื้อได้กายทิพย์เป็นเทวัญ อาภรณ์พรรณชาวฟ้าสรวมทองประกาย
    ปักปิ่นทองรองเท้าเมฆทิพย์มาลา ฐานบัวพากราบพระองค์ฯแม่จูงขึ้น
    เรียกลูกเอ๋ยจนวันนี้จึงกลับคืน ต่อวันอื่นไม่ให้เจ้าลำบากไป
    ไม่ให้เกิดเป็นปุถุชนทนกรำทุกข์ จะให้ลูกกินลูกท้อทิพย์น้ำทิพย์หวาน
    ปิติสุขยินดีล้นพ้นประมาณ ให้บันดาลอภินิหาริย์ทั่วฟ้าดิน
    ใช้อำนาจพรหมวิเศษแปลงโลกเพศ กายวิเศษตะวันเดือนฉายรูปโปร่ง
    ตกน้ำไปไม่จมไหม้ชีพยืนยง ไม่ติดจมอินหยางควบฟ้าดินคุม
    ไม่กลัวลมไม่กลัวฝนร้อนหรือหนาว ผ่านออกเข้าหินทองได้ไม่ยั้งหยุด
    ท่องสามพันมิติโลกโดยไร้รูป บรรพบุรุษเจ็ดลูกหลานเก้าพ้นทุกข์ภัย
    มรรคผลใครระดับไหนสมสง่า เหล่าพุทธาจัดเลี้ยงบนสุธาวาส
    งาน “หลงฮวา” ประชุมเทพฯ ทุกระดับ ต่างเฝ้ากราบอนุตตรเราองค์มารดา
    ได้แต่ปลื้ม ไม่อาจพูดบรรยายถูก ส่งให้ลูกดื่มสักนิดโพธิรส
    งานเลี้ยงทิพย์บุตรพุทธาต่างปราโมทย์ สุขสมโภชน์ชุมนุมร่วมรวมเกลียวกลม
    เสียงปรบมือยินดีก้องสุธาวาส ก้องประกาศเพียรอนุตตรธรรมล้ำค่าสูง
    มิเสียแรงลูกยืนหยัดสู้เทิดทูน จบสมบูรณ์ถึงเพียงนี้เก็บแท่งทอง
    นำคำแม่ฝังใจไว้ศรัทธามั่น โอวาทนี้มีชื่อขาน พระโอวาท
    อนุตตรธรรมมารดาสิบบัญญัติ หยุดสักพักแม่จักให้อีกบางคำ
    โอวาทไว้ให้ปรกแดน “กลางวิจิตร” ทั่วทุกทิศประกาศธรรมนำกุศล
    คนดีร่วมขึ้นฝั่งพุทธกันทุกคน พร้อมกุศลบุตรพุทธานั่งดอกบัว
    ขยับเขียนกำชับแล้วอีกกำชับ ปฏิบัตินะ ปฏิบัตินะพุทธาลูก
    หวังพวกเจ้าตั้งใจสุดตั้งใจสุด พุทธบุตรช่วยหนวกบอดคนงมงาย
    สรวงสวรรค์ทุกวันนี้วิแวกแสน เพื่อดินแดนเทพฯ พรหมพร้อมยอมลงให้
    สี่ร้อยล้านพุทธบุตรลงเกิดกาย บัดนี้ไซร้ ใครรู้ต้นกำเนิดเดิม
    เปิดวิสูตรเห็นตัวจริงนายก่อนเก่า พอรู้เท่า กระทืบเท้าทุบอกผาง
    จงอย่าได้พลาดโอกาสอันดีงาม “ไก่ทองขัน” ทั่วโลกกว้างธรรมกำจาย
    โอกาสนี้ ยังครึ่งมืดครึ่งสว่าง โอวาทตาม ทุกย่างก้าวปฏิบัติ
    โอวาทนี้ ผิดพลาดมากเมื่อคัดจด พ้นแท่นอาสน์ รีบแก้ไขให้โดยไว
    คัดเสร็จแล้วโอวาทนี้รีบเรียงพิมพ์ ยิ่งพิมพ์เพิ่มยิ่งทำให้ใจแม่สม
    สร้างบุญทานรีบโน้มนำโปรดผู้คน ฉุดโลกพ้นห้วง น้ำ ไฟ บรรลัยกัลป์
    แม่เขียนจบไม่เขียนคำพูดต่อไป นำพุทไธ ประทับอาสน์กลับฟ้าใส
    วกกลับมา ยากตัดใจ ยากตัดใจ ลูกทั้งหลาย ใช่มิใช่จะทำจริง
    ที่ฝากคำ น้ำตาเลือดแม่ไหลหลั่ง แม่ฝากคำ อย่าทำเป็นลมข้างหู
    ทางสองแพร่ง สุดแท้แต่ลูกเดินสู่ เกียจคร้านอยู่ตกนรกหกหมื่นวา
    สิ้นคำแล้วอำลาจากลูกหญิงชาย สะอื้นให้แม่ลากลับวิมานแมน

    http://witeejit.wordpress.com/2011/05/25/พระโอวาทพระอนุตตรธรรมม/



    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 18 มีนาคม 2012

แชร์หน้านี้

Loading...