แด่ผู้อ่อนแอที่ยึดตัวบุคคล เช่น ยึดพระพุทธเจ้า ยึดทักษิณ ยึดๆๆๆ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย น้องหน่อยน่ารัก, 4 มิถุนายน 2007.

  1. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    ขอจงรู้ไว้เถิดว่า "พุทธะ" มีอยู่แล้วในใจของเธอ
    เธอจะแสวงหามันจากที่ไหนเล่า? ยิ่งเธอไขว่คว้าหา
    เธอยิ่งอ่อนแอ ยิ่งเธอไปเกาะ ไปยึด ไปยื้อคนอื่น
    เธอยิ่งไม่สามารถใช้ความเป็นพุทธะของเธอเองได้


    จิตเดิมแท้ของเธอนั่นแหละคือ "พุทธะ"


    นั่นแหละ " พระพุทธเจ้า" ที่อยู่กับเธอมาตลอด ดูแล
    เธอตลอด ไม่เคยทอดทิ้งเธอ ไม่เคยจากไปไหน
    เพราะอะไรหรือ? เพราะจิตทุกดวงล้วนมาจากหนึ่งเดียวกัน
    มิได้เป็นตัวกูของกู เราคือหนึ่งเดียวกันทั้งสิ้น กำเนิดจากหนึ่ง
    และดำเนินไปเพื่อความเป็นหนึ่งเดียว ไม่แตกแยก เพื่อกันและกัน


    พระพุทธองค์ ก็อยู่ในใจเธอมาตลอด ไม่หายสูญไปไหน


    เพียงเธอปลุกจิตเดิมแท้ของเธอขึ้นมา เอจะไม่เหงา ไม่ว้าเหว่
    ไม่ทนทุกข์ ไม่คิดถึงบ้าน คิดถึงที่ๆ จากมา คิดหาที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ
    เธอจะกล้าที่จะเป็ฯตัวของตัวเอง โดยไม่ผิด เพราะจิตเดิมแท้ของเธอ
    ไม่คิดทำผิด แต่เป็นไปเพื่อประโยชน์แห่งมหาชนอย่างไม่สิ้นสุด


    เธอเคยดูจิตของเธออย่างสงบไหม? ดูมันนานๆ ดูบ่อยๆ


    มันนิ่งว่าง เบาสบาย มีอิ่มเต็ม มันสุข มันไม่ต้องการไรๆ มันอยู่
    เองได้ โดยไม่ต้องยึดหาอะไรเกาะ มันคือหนึ่งเดียวกันทั้งมวล
    นั่นคือ "ตถาคต" ที่แท้จริง ไม่ใช่ "รูปขันธ์" ของตถาคต


    เธอจะรู้ว่ามันอิ่ม มันสุข มันไม่มีความเหงา มันคือหนึ่งเดียว
    ไม่ใช่ตัวใครตัวมัน ตัวกูของกู แต่จิตเดิมแท้นี่แหละ คือ "พุทธะ"


    แล้วเธอจะไปยึดตัวบุคคลทำไมอีก หมดวาระจบกิจ ก็พักไป
    แต่เธอยังต้องทำกิจต่อไป จงลุกขึ้น เข้มแข็งหน่อย ดึง
    พลังอันมากมายและบริสุทธิ์ที่ซ่อนลึกในตัวของเธอออกมา


    แล้วเธอจะรู้ว่า "เธอทำอะไรได้เหนือกว่าคนที่เธอเคยยึดมั่น" เสียอีก



    ฉันรอเธอที่ปลายทาง วันหนึ่งเราคงได้พบกัน เร็วๆ นี้ สวัสดี...
     
  2. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    แสดงว่าบ้านคุณไม่มียึดพระรัตนตรัย นะครับ พระรัตนตรัยประกอบด้วย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
     
  3. เอกวัฒน์

    เอกวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    359
    ค่าพลัง:
    +2,431
    แล้วมันเกี่ยวอะไรกับ ทักษิน ล่ะครับ ไปพาดพิงถึงเขาทำไม
     
  4. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,513
    ค่าพลัง:
    +27,181
    ไม่เอาด้วยละจ้ะ
    เก่งกว่าพระพุทธเจ้าเดี๋ยวไปนรก
     
  5. Just_Aware

    Just_Aware เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    89
    ค่าพลัง:
    +579
    ขออนุญาต แสดงความเห็นแบบผู้รู้น้อยนะครับ

    ผมเข้าใจว่าคุณสัปเหร่อ กำลังจะบอกว่า เมื่อเราเดินมาถึงจุดหนึ่ง

    เราคงต้องปล่อยสิ่งที่ยึดถือ ยึดมั่น ออก.. แล้วกลับมาอยู่กลับตัวเองให้มากขึ้น


    เมื่อเราเริ่มหัดเดินได้ กำลังจะก้าวไปได้ด้วยตัวเอง เราต้องกล้าปล่อยมือแม่ของเรา

    แม้เราจะไม่ได้จับมือแม่ของเราไว้ แม้แม่ของเราจะดึงมือกลับออกไป นั่นก็เพราะว่า ท่านต้องการให้เรากล้า ที่จะเดินได้เอง เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้น เราก็ต้อง เกาะมือท่าน เกาะขาท่านเดินไปตลอดชีวิต นั่นก็เพราะเราไม่ยอมปล่อยท่านนั่นเอง

    ท่านสัปเหร่อ น่าจะหมายความว่า พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ย่อมเป็นที่พึ่งอันสูงสุดของเรา แต่ไม่ใช่สิ่งที่ยึดสูงสุดของเรา

    เพราะถึงวันนึง ผู้ที่จะช่วยเราได้ ก็คือตัวเราเอง จริงๆ ท่านทั้งหลายล้วนพยายามช่วยเรา แต่หากเราไม่ช่วยตัวเอง ไม่รู้จักดูจิต ดูใจ และดูตัวเอง ท่านก็คงช่วยเรา ให้พ้นไปจาก วัฏฏะ นี้ไม่ได้จริงๆ

    อย่างไรก็ตาม พระรัตนตรัยนั้น ย่อมเป็นสิ่งสูดสุด ที่พวกเราควรนบนอบ และยึดถือเป็นแบบอย่าง เพื่อที่ว่า เมื่อเราพร้อมแล้ว เราจะสามารถ ข้ามผ่านห้วงแห่งวัฏฏะ นี้ไปได้เอง... โดยไม่มัวยึดท่านอยู่อีกฝั่งหนึ่ง เพราะความจริงแล้ว ท่านเหล่านั้น รอต้อนรับเรา อยู่ที่อีกฟากนึงแล้วต่างหาก


    ขออนุโมทนากับทุกท่าน และขออภัยหากตีความผิดพลาดนะครับ
     
  6. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    ปิดโลก เปิดธรรม.......เปิดใจกว้าง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  7. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ****

    เกิดเป็นมนุษย์ ต้องพึ่งการกระทำของตนเองที่ได้ทำไปแล้ว
    เพราะต้องเป็นไปตาม ..."หลักสัจจะธรรม"
    คือ สิ่งที่ทำไปแล้วไม่ตาย ไม่สูญสลาย ติดตัวเราไปตลอดกาล และมีผลตอบแทนแน่นอน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  8. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ตะรังอะธิวะจะ ธรรมหมวดนี้ตอน พระพุทธเจ้าเห็นชีวิตตนเป็นที่พึ่ง ****

    ชาญชราสมาติ
    ศรีอิตฐะ เกตะระ ชีวิสัง อัตฐะตุมะตัง โพวะจะสัง เอคะนะตัง
    สัมมาติตะ อะชะยะ ปุทิวิบัตชัยยัง เสจะทะทะรัง เกวะสัง บุพพะละวิจัตตัง สัมมาติตะ
    รัตนะสุอิตฐัง กันทิกัง บุพพะลานะจะ เกตะรังวิหัชชนัง โสตะมานะสัง สุกันตุ ปุทิวิหัชชนัง
    เอวะสัง ชาญชรัง สันตะมานะสัง จุตานะจะ พรหมมะวิหัชชนัง เสตะชีวิสุอิตฐัง ภูมีนะจะ
    อุเบกคะจะภูตัง สัมมาติตะ รัตนะสุเมตตัง สันตะชีวิตุมิสสัง เกตะรัง สัมมะนานะจะ ปุทิยะกรุณัง
    โพจะมานะสัง อัตฐะ สมณะวิมุตสัง โชตทะติตัง กิรานะจะ อะชะยะ อมุทิตัง โสวะมานะสัง
    เอคะนะตัง จิตานะจะ รัตนะนะสุขขัง พรหมมะจริยัง สัญญาวะหัง จิตานะจะ อัตฐะอูลุวิสัจจัง
    โพจะมานะสัง เอคานะตัง สุขขัง สมามัง เร เต ติ ฯ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  9. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    เราว่า จขกท. มีปัญหาทางจิต ต้องไปตรวจเช็คแล้วล่ะครับ
     
  10. zipper

    zipper เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    5,226
    ค่าพลัง:
    +10,590
    ผมว่าที่เค้าเขียนนั้นเหมือนแนวความคิดของ เซน เลยนะ

    "ตามทัศนะของเซนนั้น สรรพสัตว์ในจักรวาลนี้ มีพุทธภาวะ (Buddhahood) หรือความรู้แจ้งซึ่งเป็นภาวะที่สะอาด สว่าง สงบ อยู่ภายในตัวแล้ว ภาวะดังกล่าวอาจเรียกชื่อแตกต่างกันออกไปบ้าง เช่นที่อาจารย์บางท่านเรียกว่า จิตหนึ่ง (One Mind) และบางท่านก็เรียกว่าจิตเดิมแท้ (Essence of Mind) แต่ไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไรก็ตาม สิ่งนั้นก็ยังคงเป็นภาวะที่ไม่อาจจะเอาชื่อหรือสัญลักษณ์ทางภาษาใด ๆ ไปนิยามได้ เพราะเป็นภาวะที่อยู่เกินเลยขอบเขตของภาษาและไม่ใช่สิ่งที่จะเอาการใช้เหตุผล (Reasoning) ไปทำความเข้าใจได้ ดังคำที่ท่านฮุยเหน็งได้กล่าวเอาไว้ว่า "ธรรมชาติแท้ของเรานั้นคือธรรมชาติแห่งความเป็นพุทธะ และนอกเหนือจากธรรมชาติอันนี้แล้วหามีพุทธะที่ไหนอีกไม่เลย...เรากล่าวว่าจิตเดิมแท้เป็นของใหญ่หลวง ก็เพราะมันรวมสิ่งต่าง ๆ เข้าไว้หมด โดยที่สิ่งทุกสิ่งนั้นมันอยู่ในตัวธรรมชาติแท้ของเรา เมื่อเราพบเห็นความดีหรือความชั่วก็ตามของบุคคลอื่น เราไม่ถูกดึงดูดให้ชอบ หรือไม่ถูกผลักดันให้ชัง หรือเราไม่เกาะเกี่ยวกับมัน เมื่อนั้นลักษณะแห่งจิตใจของเราก็เป็นของว่างเท่ากับอากาศ ด้วยเหตุนี้เราจึงกล่าวว่า ใจของเราใหญ่หลวง (ไม่มีขอบเขตเหมือนอากาศ)" ในเรื่องนี้ ท่านฮวงโป (Huang-Po) ซึ่งเป็นอาจารย์ของท่านรินไซก็ได้กล่าวไว้ในทำนองเดียวกันว่า "พระพุทธเจ้าทั้งหลายและบรรดาสัตว์โลกทั้งมวลต่างก็เติบโตมาจากจิตหนึ่ง(One Mind)นี้ และไม่มีความจริงอะไรอื่นอีกเลยนอกจากจิตหนึ่งนี้เท่านั้น จิตหนึ่งนี้ดำรงอยู่ตั้งแต่อดีตที่ไม่มีจุดเริ่มต้น มันไม่ได้เกิดขึ้นและก็ไม่อาจสูญสลายไปได้ มันไม่ได้เป็นสีน้ำเงินหรือสีเขียว ทั้งไม่ได้มีรูปทรงหรือรูปแบบแต่อย่างใด มันดำรงอยู่เหนือสิ่งที่มีอยู่และสิ่งที่ไม่มีอยู่ มันไม่อาจกำหนดวัดได้ด้วยอายุว่าเก่าหรือใหม่ มันไม่ใช่ของยาวหรือสั้น มันไม่ใช่ของใหญ่หรือของเล็ก เพราะมันอยู่เกินเลยขอบเขตที่จำกัด อยู่เกินเลยคำพูด อยู่เกินเลยร่องรอยและสิ่งตรงกันข้าม(สิ่งเปรียบเทียบ)ทั้งหมด จิตหนึ่งนี้จะต้องถูกเห็นตามสภาวะเดิมอย่างที่มันเป็นอยู่เท่านั้น เมื่อเราพยายามจะคว้าจับมันไว้ในใจของเรา มันก็จะหลุดลอยไป มันเป็นเหมือนกับช่องว่างที่ไม่อาจวัดขอบเขตมันได้ ไม่อาจใช้ความคิดคำนึง (Concept) ไปวัดหยั่งในกรณีนี้ได้"

    เพราะเหตุที่มีทัศนะเช่นนี้เอง เซนจึงถือว่า พระอรหันต์กับปุถุชนไม่มีความแตกต่างกันแต่อย่างใด เพราะต่างก็มีพุทธภาวะหรือธรรมชาติเดิมแท้ที่บริสุทธิ์หมดจดเป็นแก่นสารเหมือนกัน แต่ถ้าจะมองให้แตกต่าง ก็มีอยู่แค่ว่า ปุถุชนคือผู้ที่ยังไม่สามารถขจัดอวิชชาที่ห่อหุ้มพุทธภาวะออกไปได้ ธรรมชาติแท้ของเขาจึงยังไม่ส่องประกายออกมา เขาจึงยังคิดปรุงแต่งไปในอารมณ์ต่าง ๆ ก่อเกิดกระแสแห่งการเวียนว่ายตายเกิดไม่รู้จบสิ้น ส่วนพระอรหันต์นั้นสามารถขจัดอวิชชาที่ปิดบังพุทธภาวะออกได้แล้ว จึงรับรู้โลกและชีวิตจากธรรมชาติแท้ที่บริสุทธิ์ของตนเอง ไม่มีอะไรมาปิดบังเคลือบแฝงอีกต่อไป จึงอยู่ในภาวะที่เหนือสุขและทุกข์ แต่หากมองจากสายตาของปุถุชนหรือจากภาษาบัญญัติในโลกนี้ ก็อาจพูดได้ว่า ผู้ที่ขจัดอวิชชาออกได้แล้วจะรับรู้โลกด้วยมุมมองใหม่ที่ไร้ความทุกข์หรือความวิตกกังวลใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นท่าทีที่สดใส เบิกบาน สะอาดหมดจดอย่างแท้จริง "ถ้าธรรมชาติแห่งความเป็นพุทธะ ยังถูกห่อหุ้มเกี่ยวพันอยู่เพียงใดแล้ว มันก็ไม่มีความแตกต่างกันระหว่างผู้ที่เห็นแจ้งกับผู้ที่มืดบอด ข้อแตกต่างกันนั้นมันอยู่ที่ว่าคนหนึ่งได้ตรัสรู้แจ่มแจ้ง (เพราะพุทธภาวะอันเกี่ยวกับผู้นั้นถูกเพิกถอนเครื่องห่อหุ้มได้หมดจดแล้ว) ส่วนอีกคนหนึ่งยังมืดมิดอยู่"

    เมื่อเป็นเช่นนี้ การที่จะเข้าไปสู่ภาวะดังกล่าวได้ ก็จะต้องแสวงหาจากภายในตนเอง ไม่ใช่จากภายนอก และต้องพยายามไม่ปล่อยให้ความคิดปรุงแต่งเกิดขึ้นในเรื่องใด ๆ "เราต้องปฏิบัติเพื่อความเป็นพุทธะภายในจิตเดิมแท้ และต้องไม่เสาะแสวงหาจิตเดิมแท้ในที่อื่นนอกจากตัวเราเอง ผู้ที่ถูกความเขลาครอบงำจนมองไม่เห็นจิตเดิมแท้นั้นจัดเป็นคนสามัญ ส่วนผู้ที่มีความสว่างจนมองเห็นจิตเดิมแท้ของตนเอง จัดเป็นพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง""

    http://tulip.bu.ac.th/~kanong.p/zen.htm#บทที่ 2 หลักการของเซน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2007
  11. กังขา ณ ปลาย

    กังขา ณ ปลาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +1,763
    ชอบเนื้อหา

    ไม่ชอบตอนจบ กับ ชื่อกระทู้

    แล้วเธอจะรู้ว่า "เธอทำอะไรได้เหนือกว่าคนที่เธอเคยยึดมั่น" เสียอีก

    ปรมัตถ์เท่ากันก็จริง แต่สมมุติเราไม่เท่าพระองค์ท่าน มันเป็นไปไม่ได้
    แต่ถ้าเป็นพระพุทธเจ้าที่เธอยึดมั่น (ไม่ใช่จริง) เขาก็ไม่มีตัวตน ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี

    ก็ควรเคลียร์เรื่องภาษา
    ก็จะโอ... .. นะ
     
  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** ตน พึ่ง ที่พึ่ง ตน ****

    ไขว่คว้าหายึดเกาะ ... ไม่พบหลักมั่น
    เผลอหน่อยก็อนิจจัง....หลักนั้นไม่มั่นจริง
    สิ่งยึดกลับพลันสลาย...หมดเวลา ชรา ตาย
    หาสิ่งใหม่ๆ ยึดเรื่อยไป....ตามสมัยนิยม

    อะไรหนอคือที่พึ่งแท้?... การกระทำของตนเอง
    อะไรหนอคือสิ่งแน่ที่เฝ้าฝัน?.... นิพพาน
    อะไรหนอที่ไขว่คว้าหากัน?... ความสุข
    อะไรหนอเสียเวลาแข่งขันแลแย่งชิง?.... สังขาร วัตถุ ปัจจัย

    หรือว่า "หยุด" คือ ตัวสำเร็จ...ใช่แล้ว หยุด ละ เลิกด้วย "สัจจะ" วันละนิด
    หรือว่า "จิต" คือ พุทธะ....ใช่แล้ว เหมือนมีพระ ในตัวตน
    หรือว่า "แก่น" คือ เนื้อใน... ใช่แล้ว แก่นศาสนา คือ "สัจจะ" ขจัดขัดเกลานิสัย
    หรือว่าใช่ "ทุกสิ่งจบที่ใจ"?.... ใช่แล้ว ใจหยุดได้ นิสัยหนึ่งหมดไป การกระทำนั้นไม่มี

    พระพุทธท่านชำระจิตแทนได้ไหม?...ไม่ได้ เพราะ "การกระทำ" เป็นของใครของมัน
    พระธรรมไซร้ชำระจิตแทนได้บ่?.... ไม่ได้ เพราะ พระธรรม เป็นอักษรคำบัญชา อยู่ที่ว่าเราจะทำหรือไม่ทำ
    พระสงฆ์ท่านชำระจิตแทนได้ก๊อ?... ไม่ได้ เพราะ "การกระทำ" เป็นของตน
    หรือแท้หนอ เรานั้น ชำระเอง?....ใช่แล้ว ใครจะบังคับให้เรากระทำความดี ได้ดีเท่าตัวของเรา

    พึ่งพาหาใครๆ เล่าหนอ?... พึ่งวัตถุสังขาร ตายไม่หมดกรรม !!!!
    พึ่งพาขอสิ่งใดได้ตลอดเล่า?....พึ่งเทพเทวดา หาบารมีชดใช้ไม่ทัน !!!
    พึ่งพาธรรมเทศน์มาแต่เยาว์... พึ่งพิธี พยักหน้าเข้าใจดี ผ่านพ้นพิธี พ้นรั้ววัด สักพักนิสัยเก่ากลับมา !!!!

    ล้วนไม่เท่า "ตนที่พึ่งตน"... สุดท้ายเกิดเป็นมนุษย์ ต้องพึ่งการกระทำของตนเองที่ทำไปแล้ว !!!!

    ตน...ตัวแรก คือ ตัวเรา
    ตน....ตัวหลัง คือ "ตัวกระทำ" ของเรา ...เกิดจากการกระทำของตนเอง
    ตัวกระทำ...คือ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบใน ...หลักสัจจะธรรม

    ----------------- " หลักสัจจะธรรม " ----------------------
    ....... ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน .......
    -------------------------------------------------------

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  13. กังขา ณ ปลาย

    กังขา ณ ปลาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    226
    ค่าพลัง:
    +1,763
    อึ๋ย... อ่ะจ๊าก .. ล้อเล่นอ่ะเปล่า

    (b-cry)


    ......


    พระพุทธเจ้าคือผู้ที่เป็นศาสดาเอกในพุทธศาสนา แบ่งพระพุทธเจ้าออกเป็น 3 ประเภท


    1.ปัญญาพุทธเจ้าคือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ปัญญาเป็นตัวนำ
    ระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 20 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป คือปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 7 อสงไขย
    หลังจากนั้นออกปากกล่าววาจาต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 9 อสงไขย รวมเป็น 16 อสงไขย และได้เป็นพระนิยตะโพธิสัตว์
    ได้รับพุทธพยากรณ์ ครั้งแรกเหลืออีก 4 อสงไขยกับเศษแสนมหากัปเป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อย
    และได้รับพยากรณ์ช้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้าจนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน


    2. ศรัทธาพุทธเจ้าคือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้ศรัทธาเป็นตัวนำระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 40 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป
    คือปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 14 อสงไขย หลังจากนั้นออกปากกล่าววาจาต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 18 อสงไขยรวมเป็น 32
    อสงไขย และได้เป็นพระนิยตะโพธิสัตว์ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกเหลืออีก 8 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป
    เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อยและได้รับพยากรณ์ช้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน


    3. วิริยะพุทธเจ้าคือพระพุทธเจ้าที่สร้างบารมีโดยใช้วิริยะเป็นตัวนำระยะเวลาการสร้างบารมีทั้งหมด 80 อสงไขยกับเศษแสนมหากับล์
    คือปรารถนาอยู่ในใจเป็นเวลา 28 อสงไขย หลังจากนั้นออกปากกล่าววาจาต่อพระพักตร์พระพุทธเจ้าเป็นเวลา 36 อสงไขยรวมเป็น 64
    อสงไขย และได้เป็นพระนิยตะโพธิสัตว์ได้รับพุทธพยากรณ์ครั้งแรกเหลืออีก 16 อสงไขยกับเศษแสนมหากัป
    เป็นการสร้างบารมีอย่างยิ่งและเข็มงวดขึ้นเรื่อยและได้รับพยากรณ์ช้ำมาตลอดเมื่อได้พบกับพระพุทธเจ้า จนถึงสมัยพุทธภูมิของท่าน
    ซึ่งพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้ มีพระนามว่า พระศรีศากยมนีโคดมพุทธเจ้า พระองค์ทรงสร้างบารมีมาทางปัญญาพุทธเจ้า

    ไปอ่านเรื่องพระโพธิสัตต์ โดยคุณวิชาธรรมกันค่ะ
    http://www.vichadham.com/POTI/index.html

    ฟังเพลงไปด้วยตอนอ่าน เข้ากับกระทู้นี้มั่กๆ
    I'll be there for U
    http://web.bangmod.ac.th/Music/default.asp?page=1&id=375&keyword=&fieldname=

    (i)
     
  14. แสบสนิท

    แสบสนิท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +119
    สัปเหร่อ...ตามข้ามาที่นรกอเวจีดีกว่า...ข้าจะจัดที่อยู่เจ้าโดยเฉพาะ...ไม่มีใครกวนใจเจ้า...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 มิถุนายน 2007
  15. The Third Eyes

    The Third Eyes เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    2,790
    ค่าพลัง:
    +51,007
    ลองคิดดูให้ดี อีกครั้ง
    ที่ไหนมี หณุมาณนำสาร
    ที่นั่นต้องมี สัปเหร่อ
    เป็นปัญหาธรรม อีกข้อ

    สิ่งที่กระทู้นี้อ้าง
    น่าจะเป็นพุทธภาษิตที่ว่า
    "อัตตโน นาโถ"
    ตนต้องเป็นที่พึ่งแก่ตน
    ต้องทำเอง
    สิ่งอื่นช่วยได้ในเรื่อง แนะนำและชี้ทางคน
    ที่เดินเป็นแล้ว ก็ต้องเดินเอง
    คนอื่นเดินแทนไม่ได้

    เดินไปไหน
    ไปนิพพาน
    ไปสู่ความว่างเปล่า
    ?????????????
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2007
  16. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** เตือนผู้ปกป้องศาสนา ด้วยความจริง ****

    อย่า...ได้เอาเหล่าผู้ที่มี "สัจจะ" และพยายามช่วยเผยแพร่ "สัจจะธรรม" ความจริงไป Blackhole !!!!!!!
    เพราะ เป็นการกระทำที่พยายาม...ปิดปากผู้มีธรรม...ปิดโอกาสการหลุดพ้นของสัตว์โลก
    ความปรารถนาของท่าน ที่ปกป้องศาสนา...โดยขาดการพิจารณา และใช้อารมณ์
    การกระทำของท่าน...จะกลายเป็นผู้ทำลายธรรม โดยแท้จริง
    เมื่อถึงเวลา...จัตตุกะเทวรูป เขาจะออกมาปราบผู้ทำลายธรรม
    จึงเตือนด้วยความเมตตาและความจริง

    -" หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  17. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** พรกึ่งพุทธกาล จัตตุกะเทวรูปกำลังพิสูจน์พรหมวิหาร ****

    จันทิกะตุมะสัง
    สันทะโบกทะรัง สมณาทะปะ สมณะกะเทโว จัตตะตุโส สัญญาสุคคะโต
    ตุเมทะโส โบคคะภูโต มาทิตะ ตุมะ สมณะกสัทโฐ บุคเชนตุปุริโส เอคะจัตตะ สมณะกะเทโว
    เสทะโส จันตุโต ราชาโว มาทิตะ เสมหะ มันทะตุมะโส โพทิทะโร โสกะตันตุมังสัง บันทิกัง
    เสมหะวะหัง สูทะสุนันตัง บุคคะตาวะสัง ผัสสะตุมะคิววะหัง โสกะพรหมมะจริยัง เซวะสุขขัง
    สมณะสุนันตัง ขันธิยามะ ตุระปุริสัง สุคคะตะ มันทิตา สุมามามะ เสวะขะ สมณะขันติตะ
    ปุริสงฆ์ โชตทะกะ ไสยะปุริสงฆ์ กันธุกะธุดงค์ เสวะสงฆ์ จัตธุดงค์ สงฆ์ ตุรง ตง ติ ฯ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  18. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,696
    ค่าพลัง:
    +51,932
    *** พร จัตตุกะเทวรูป บทปราบผู้ทำลายธรรม ****

    จัตติมาสิกกา
    อุปัททิวะหา พรหมมะจัตตุกะ สัญญะโภคคะตุเมสา มันทิทะรังมะสะ
    สันทะตุมังสา จะตุกะ โทรมมนัสอุปาทา มันทิกะ อนุวะสา ไพนะตุมังสา จัตตุกะ บัททิยา
    โสวะจัตตา พรหมมะสิขขา ตุมังสิขขา พรหมมะจริยัง ตุมังมะตะ จัตตุกะ เสมหะพันชนัง
    วิสังเว โชตติเรทา อะวะเสคุมหา ตุมามะตะ สัญญะโภคคะ สุนันจะจะตุมา เสวะตุมังสา
    บันทะบุรุษ อุลุวะจัตตุมัสสา พรหมมะจริยามา เสมมะหา สุขขาอุปาทา สุชะนะจิตตัง
    ตุมามะตะ บัททิยามามามะ เสมวะตุตะ ขันธิยามา บัททะตา สมณะศึกษา จัตตุปาทา
    เสวะศึกษา อุลุนจะเทวา สุขขา จัตติมาติราชา พรหมมะจริยา ตุเมตุ อุลุวะสัทฐา สมณะจิตตา
    อุเบกคะจัตตุกะ พรหมมานะสา เสกะทะรา อุปายะสุขขา หันตะนามา สุขเขทินยา สุชะนะจิตตา
    จัตตุกะ ตุมะมะสัน สุนันทะจะ อุลุนวะจะ กัตตะปะตุมะตัง เสมมะจะคิพวะหัง โสทิทะรัง
    จัตตุกัง ตุมังวะสัง วันทะนะจะ ตุมะวิกัตกะตัง ตุมังวะสัง โสทิทะรัง จัตตุกัง โห ตุ ฯ

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  19. babifun

    babifun Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    84
    ค่าพลัง:
    +81
    อดีตคือเหตุ...ปัจจุบันคือผล
    ปัจจุบันคือเหตุ...อนาคตคือผล
    กองฟืนคือเหตุ...เปลวไฟคือผล
    เปลวไฟคือเหตุ...ความร้อนคือผล
    กรรมคือเหตุ...จิตคือผล
    กายคือเหตุ...จิตคือผล
    ความดีคือเหตุ...สุขคือผล
    สุขคือเหตุ...จิตคือผล
    ความชั่วคือเหตุ...ทุกข์คือผล
    ทุกข์คือเหตุ...จิตคือผล
    บัวมีหลายเหล่า(กรรมคือเหตุ)
    ไม่ยึดพระพุทธเจ้านั่นเป็นสิ่งสุดท้าย
    ก่อนนิพพาน
    ตราบใดทียังยึดๆๆอย่างอื่นอยู่นั้น
    สิ่งที่ควรยึดมากที่สุดคือพระธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 8 มิถุนายน 2007
  20. น้องหน่อยน่ารัก

    น้องหน่อยน่ารัก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    1,976
    ค่าพลัง:
    +4,975
    เรียนคุณ The third eye

    เดินไปไหน...............ตอบ จบที่ใจไม่ต้องไปไหนครับ
    ไปนิพพาน...............ตอบ คือ ความสุขเที่ยงแท้
    ไปสู่ความว่างเปล่า.......ตอบ คือ กิเลสว่าง, เหตุแห่งทุกข์ว่าง เลยไม่เกิดผล
    เป็นทุกข์ เพราะไม่มีเหตุแห่งทุกข์เหลือแล้ว ตัดแค่เหตุแห่งทุกข์ อย่างอื่นไม่
    จำเป็น ปล่อยไปตามธรมชาติครับ


    กิเลสอันเป็นเหตุแห่งทุกข์ว่าง เมื่อเหตุแห่งทุกข์ไม่มีก็ไม่มีทุกข์
    อย่างอื่นไม่ต้องยุ่งก๊ะมันครับ ยังมีความสุขเปรมปรีย์ได้ตามปกติ

    .................................................
    ฝากอาจารย์ตาที่สามช่วยดูคุณ "สัปเหร่อ"
    ทีสิครับว่าเป็นใครมาจากไหน
    คนเดียวกับคุณหนุมานหรือเปล่าครับ?


    ขอบคุณครับ...
     

แชร์หน้านี้

Loading...