อยากถามเรื่องอาบัติ ติดตัวไหม

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ชุติกานต์, 22 มิถุนายน 2007.

  1. ชุติกานต์

    ชุติกานต์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +95
    ผมบวชตอนอายุ20 แล้วตอนนั้นได้ทำผิด(อาบัติ)ไว้ด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการและความโง่ของผม(อาบัติ สังฆาทิเสท) ทั้งที่ตั้งใจ และไม่ตั้ง และเพราะความไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจของผม ผมผิดอาบัติไปหลายข้อ กว่าจะรู้ตัว ก็บวชไปได้เป็นเดือนแล้ว แล้วพอออกพรรษามา ผมก็ได้ไป เข้าปริวาสกรรม อยู่10วัน แล้วพอกลับมาจะสึกอยู่แล้ว ผมนอนหลับแล้วเกิดเผลอจิตไป(ทำให้น้ำเคลื่อนออกมา รู้สึกตัวมาก็ไม่ทันแล้ว แต่ตอนนั้นผมไม่ได้คิดอะไรนะครับ เหมือนกับว่า มันรู้ตัวแล้ว พยายามตื่นขึ้นมา แต่มันไม่ทัน) พอตื่นมาก็ไม่ได้ปรึกษาใคร เพราะผมคิดว่าไม่เป็นไร เราไม่ได้ตั้งใจนี่ และตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดหมกมุ่นถึงเรื่องพวกนั้นเลย แล้วก็สึกออกมา แต่ตอนนี้ผมเริ่มรู้สึกว่ามันยังไงชอบกลครับ เริ่มสงสัยและกลัวบาป แล้วยังงี้ อาบัติจะติดตัวผมมั้ย แล้วถ้าผมจะกลับไปบวช จะบวชได้หรือป่าวครับ ขอความกรุณาผู้รู้ช่วยแนะนำทีครับ
    ปล. ถ้าใครอยากด่าก็เอาเลยครับผมอยากโดน เพราะผมรู้สึกละอายๆยังไงไม่รู้ครับ
     
  2. พระป่าสุพรรณ

    พระป่าสุพรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +13,135
    อืม....เหมือนกันเลยครับ ผมเองก็บวชตอนยี่สิบ เผอิญบวชตอนยังไม่รู้จักพุทธศาสนาเลย แถมยังไม่มีใครแนะนำอีก ผมทำอาบัติกระจายเลย (เพิ่งมารู้เมื่อไม่นานนี้เอง) ผมแก้โดยการเป็นเจ้าภ่พพระบวชใหม่ทุกปีแล้วแต่ใครจะบอกบุญมา แล้วก็แจกหนังสือนวโกวาท ที่เป็นบทรวมของศีลทั้งหลายสำหรับพระบวชใหม่ .....เพื่อที่ใครๆจะไม่ต้องทำผิดศีลเหมือนผม...(ไม่รู้จะช่วยได้มั้ย เพราะถ้าให้ไปอยู่กรรมตอนนี้ คงไปไม่ได้อ่ะ)
     
  3. Sunny

    Sunny เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    1,405
    ค่าพลัง:
    +8,071
    อาบัติติดตัวครับ แม้นในอดีตชาติที่เคยต้องอาบัติ หากปลงอาบัติไม่ตกก็ติดตัวมาครับ อันนี้ เคยถามหลวงปู่ทองดี วัดใหม่ปลายห้วยครับ
     
  4. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    ตอบทีละข้อ
    1.การฝันถือว่าองค์อาบัตสังฆาทิเสทไม่ครบองค์และให้เข้าใจว่าน้ำที่ร่างกายขับออกมาก็เป็นเหมือนธาตุ 4ในร่างกายที่ขับออกมาทางทวารแต่ด้วยเราไปเข้าใจผิด จึงคิดว่าจะมีกรรมติดเนื่องจากคิดว่าตนยังไม่พ้นอาบัติและอาบัตินั้นยังไม่ถูกระงับ
    2.คุณกำลังกอ๊ปปี๊กรรมเหมือนการถ่ายเอกสารแทนที่กรรมจะบันเทาเบาบางกลับคิดซ้าไปมา พระพุทธเจ้าท่านสอนทำจิตให้ขาวรอบ คนไม่เคยทำผิดไม่มีในโลก ทำใจสบายๆ และด้วยเหตุที่คุณ๕รักษาศีล 5ไม่บริสุทธิ์จิตจึงเหนี่ยวนำให้นึกถึงสิ่งที่ชั่วที่บาปตลอด ถ้าศีลดีจะไม่นึกถึงสิ่งเหล่านี้เลย ตอนนี้เลยขาดทุน ระวังชาตหน้าเหลือไม่เท่าเก่า
    3.บวชได้ 100 เปอร์เซ็น คุณไม่ได้ปาราชิก
    4.พากันเข้าใจเสียใหม่ ดูก่อนภิกษุ ทั้งหลายแม้รักาศีลบริสุทธิ์อยู่ 100ปี เราก็ไม่สรรเสริญแต่หากแผ่เมตตาเพียงลัดนิ้วมือชื่อว่าทำตามคำสอนประเสริฐกว่าศีลบริสุทฺ 100ปี
    เจริญพร
    พระที่12
     
  5. พระป่าสุพรรณ

    พระป่าสุพรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +13,135
    แล้วกรณีของผมจะแก้ยังไงครับหลวงพี่ ปล่อยเลยตามเลย หรือว่ามีวิธีไหนที่จะบรรเทากรรมได้บ้างครับ
     
  6. Nar

    Nar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,154
    ค่าพลัง:
    +37,385
    กราบเรียนพระที่ 12 ตามข้อที่ 4 ผมอ่านแล้วก็พอเข้าใจบ้าง แต่อยากให้ขยาย รายระเอียดเพิ่มหรือยกที่มาของข้อความนี้ให้มีความกระจ่างกว่านี้ เพื่อให้ตัวผมและท่านอื่นๆได้เกิดปัญญาสว่างกว่านี้ ขออาราธนาพระคุณเจ้าได้สงเคารห์ด้วยเถิดครับ
     
  7. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,513
    ค่าพลัง:
    +27,181
    ตอนที่หลับ ถ้าฝันไม่อาบัติ
    ถ้ารู้ตัวอยู่แล้วเอามือไปช้วย ต้องสังฆาทิเสส
    ต้องกลับไปบวชแล้วเข้าปริวาสกรรมเท่านั้น
    ไม่มีทางอื่นแก้หลุด
    อาบัติทุกชนิดติดตัวไปทั้งนั้น
    เว้นแต่ปาราชิกที่ไม่ต้องแก้
    ต้องปลงอาบัติก่อนสึกด้วย
     
  8. VickiesII

    VickiesII เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    51
    ค่าพลัง:
    +491

    การฝันไม่เป้นอาบัติสังฆาทิเสสครับ เพราะเป็นข้อยกเว้น

    การจะเป้นสังฆาทิเสสข้อนี้คือ น้ำอสุจิเคลื่อนออกจากฐาน สุกกะ คือ น้ำที่มีตัว พูดง่ายๆ นับจากอาการเกร็งกระตุก แล้วอสุจิเคลื่อน

    แต่ผมคุยกับพระหลายๆท่านและอ.สอนชีวะวิทยา เวลาเรามีอารมทางเพศจะมีซีรั่มขับออกมาก่อน ตัวนั้นไม่ใช่อสุจิ พระหลายๆรูปก็ คิดว่าตัวเองเป็นสังฆาทิเสส เพราะซีรั่ม นี่เยอะครับ


    ***** ที่นี้ช่วยตีอาบัติปาราชิก 5 มาสกเท่ากับกี่บาทในปัจจุบัน ใครพอจะตีความออกมั่งไหมครับ
     
  9. ชุติกานต์

    ชุติกานต์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    32
    ค่าพลัง:
    +95
    ขอบคุณทุกท่านมากครับ มีกำลังใจดีขึ้นครับ
     
  10. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,513
    ค่าพลัง:
    +27,181
    5 มาสก ประมาณ ร้อย - สองร้อยบาท
    ตอนนี้อาจจะสามร้อยแล้ว
     
  11. พระป่าสุพรรณ

    พระป่าสุพรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +13,135
    แล้วผมต้องทำไงครับเนี่ย....กลับไปบวชอีกครั้งแล้วอยู่กรรม ทางเดียวเลยครับ
     
  12. พระป่าสุพรรณ

    พระป่าสุพรรณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,129
    ค่าพลัง:
    +13,135
    แล้วผมต้องทำไงครับเนี่ย....กลับไปบวชอีกครั้งแล้วอยู่กรรม ทางเดียวเลยเหรอครับ
     
  13. mail2wissnu

    mail2wissnu เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,179
    ค่าพลัง:
    +7,865
    ถ้ามันเคลื่อน เอามาส่องกล้องจุลทรรศน์ จะเจอแล้วครับ ถึงแม้มันยังไม่เคลื่อน ถ้ามีน้ำกามที่ออกมา เอาไปส่องกล้องจุลทรรศน์ ก็จะเจอเจ้าตัวสุกกะแล้วครับ

    5 มาสก เคยอ่านหนังสือของหลวงพ่อ ฤาษีลิงดำ ถ้าจำไม่ผิด เท่ากับ 1 บาทครับ
    1 บาทเท่านั้นเอง
     
  14. huangnang

    huangnang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    93
    ค่าพลัง:
    +122
    อดีตผ่านไปแล้ว แก้ไม่ได้ ไม่ต้องสนใจให้กลุ้มไปเปล่าๆ ทำปัจจุบันถือศีล 5 หรือ 8 ให้บริสุทธิ์ที่สุดเท่าที่จะทำได้ พร้อมทำความดี ทำทานประกอบ และสุดท้ายทำจิตให้ผ่องใสด้วยเป็นวิธีที่ดีที่สุดตามหลักศาสนาครับ
    อีกอย่าง สังฆาทิเสสข้อนี้น่าจะเป็นกรรมที่ขัดขวางให้เจริญในทาง สมาธิและปัญญา ได้ยากหรือไม่ได้เลยมากกว่า และอาจทำให้ผิดศีลข้ออื่นๆที่หนักกว่านี้ได้ง่ายขึ้น(สำหรับพระ)
    การกลับไปบวชเพื่อแก้กรรม โดยการเข้าอยู่กรรม ไม่น่าจะทำให้กรรมนั้นหมดไปได้ เพราะการปลงอาบัติรวมถึงการอยู่กรรมด้วยน่าจะเป็นการประกาศขอแก้ตัวเพื่อการกลับมาเป็นบริสุทธิสงฆ์ อันจะดำรงตนให้ศีลบริสุทธิเพื่อเป็น ฐานของสมาธิและปัญญามากกว่า แต่กรรมอันเกิดจากอาบัติที่ได้กระทำไป ได้สำเร็จไปแล้วจึงไม่น่าจะหมดไป แต่กรรมอันนี้อาจจะตามสนองไม่ได้ในอนาคตถ้าเราประกอบกรรมดีในปัจจุบันไปเรื่อยๆ จนมันตามไม่ทันและสุดท้ายก็จะกลายเป็นอโหสิกรรมไปในที่สุด
     
  15. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,513
    ค่าพลัง:
    +27,181
    ตอนที่หลวงพ่อพูดนั่นก๋วยเตี๋ยวชามละหลึงเดียวคับเพ่คับ
     
  16. อักขรสัญจร

    อักขรสัญจร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    4,513
    ค่าพลัง:
    +27,181
    อาบัติต้องกลับไปแก้นะคับ
    ของชาติที่แล้วยังต้องไปตามแก้เลยคับ
    อย่าว่าแต่ชาตินี้เลย
     
  17. หมูอวตาร

    หมูอวตาร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +65
    ต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วไม่อยู่กรรมเพื่อออกจากอาบัติ
    สึกไปแล้ว คนโบราณ ว่า ทำมาหากินไม่ขึ้น ทำนาข้าวก็เฉาแห้ง
    ถ้าต้องการออกจากอาบัติิสังฆาทิเสส
    กลับไปบวชอีกครั้งแล้วอยู่กรรม ทางเดียวครับ
     
  18. ThugLife

    ThugLife Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +39
    การหลั่งของน้ำสุกกะ(แปลว่าน้ำขาว)
    ถ้าเกิดขึ้นในขณะนอนหลับฝันแล้ว "ตามพระวินัย" ไม่ต้องอาบัติครับ
    แม้การฝันนั้นมีเจตนาประกอบด้วยก็ตาม
    แต่ในทางพระธรรมวินัยแล้วไม่ถือว่าต้องอาบัติ
    เรียกว่าเป็น อัพโพหาริก คือ ไม่ควรอ้างเป็นกฎเกณฑ์ หมายถึง ไม่ควรนับว่าผิดหรือถูกครับ

    แม้ในพุทธบัญญัติยังชี้แจงบอกไว้แล้วด้วยว่า "เว้นไว้แต่ฝัน"

    แต่สิ่งที่ติดอยู่ตอนนี้ คือความรู้สึกผิดที่ติดอยู่ในใจของท่านนั่นเองครับ
    การกลับไปย้ำคิด ย้ำทำเรื่องเดิมๆ
    สิ่งแรกที่ส่งผลร้ายทันทีโดยไม่ต้องรอระยะยาวเลยคือ
    จิตใจที่สงสัย และพะว้าพะวงในความรู้สึกผิด
    ยิ่งวิตกไปจิตก็จะหม่นหมอง และขุ่นมัวมากขึ้นๆ

    สิ่งที่อยากแนะนำลองให้มองตามความเป็นจริงคือ
    ๑.เรื่องภายนอก ทำความเข้าใจเสียใหม่ก่อนว่า
    หลังสงฆ์สวดออกอัพภาณจากการประพฤติปริวาสกรรมแล้ว
    ท่านก็เป็นพระที่บริสุทธิ์จาก ครุและลหุกาบัติ คือ
    หลุดทั้งอาบัติใหญ่คือสังฆาทิเสส และอาบัติข้อย่อยทั้งหมด
    ซึ่งหมายถึงอาบัติที่ต่ำกว่าสังฆาทิเสสลงไปด้วย
    (เว้นไว้แต่หากมีการต้องอาบัติซ้ำซ้อนในระหว่างเข้าปริวาสกรรม ต้องเข้าแบบปฏิกัสสนาปริวาสกรรมใหม่)

    เพราะฉะนั้นขอให้เข้าใจว่าท่านบริสุทธิ์ในทางธรรมวินัยแล้ว
    และหมู่สงฆ์ก็ได้สาธุการพร้อมกันเพื่อรับเข้าหมู่แล้ว
    นั้นหมายถึง สมบูรณ์ถูกต้องตามพุทธบัญญัติครับ
    สรุปความตามกล่าวมาว่า ท่านได้ล้างมลทิน เป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์แล้วตั้งแต่บัดนั้น

    ๒.เรื่องภายใน เมื่อเข้าใจถูกต้องตามความเป็นจริงแล้ว
    ท่านก็พึงตัดความลังเลสงสัยที่เกิดขึ้นในใจไปเถิดครับ
    ความลังเลสงสัยว่า เราไม่บริสุทธิ์หรือเปล่า นั้น
    รังแต่จะทำให้จิตใจฟุ้งซ่าน ขาดสติครับ
    เปรียบเป็นเพียงแค่ฝุ่นละอองของความคิดที่เกิดขึ้นในชั่วขณะและจางไป เท่านั้นเองครับ
    ทำความเข้าใจในพระวินัยตามความเป็นจริง
    (การที่ทำความเข้าใจอย่างถูกต้องจะสามารถตัดความลังเลสงสัยไปได้
    เมื่อเราได้ศึกษาข้อมูลและมีความรู้ในเรื่องนั้นๆอย่างแจ่มชัด
    เมื่อนั้นความลังเลสงสัยจะอันตรธานหายไปเองโดยไม่ต้องไล่มันเลยครับ)
    และปล่อยวางไปเลยครับ เหมือนเพียงฝันผ่านไป

    มีสติและทำหน้าที่ในปัจจุบันให้ดีที่สุดครับ
    รักษาศีล ๕ หรือ ศีล ๘ ให้บริสุทธิ์

    ขอฝากไว้อย่างนะครับว่า
    พึงสมาทานศีล (ตั้งใจในการงดเว้น) -----> จิตปลอดโปร่ง โล่ง นุ่มนวล
    อย่าอุปาทานศีล(ยึดมั่น) ----> ทุกข์ ขุ่นมัว เศร้าหมอง

    ~ ขอความเจริญยิ่งในวิมุตติธรรมของพระบรมศาสดา จงบังเกิดมีแด่ทุกท่าน ตราบจนถึงที่สุดแห่งธรรมครับ ~


    ------------------------------------------------------------------------------------------
    ข้อมูลเพิ่มเติมครับ
    (ขอบคุณ คุณฐานาฐานะมาล่วงหน้าครับ)


    1. พระอนุบัญญัติ เรื่องภิกษุหลายรูป ใน พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๑ มหาวิภังค์ ภาค ๑ สังฆาทิเสส สิกขาบทที่ ๑
    2. อนาปัตติวาร
    3. วินีตวัตถุ เรื่องฝัน

    เรื่องภิกษุหลายรูป

    [๓๐๒] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษุทั้งหลายฉันโภชนะอันประณีตแล้ว จำวัดปล่อยสติไม่มี
    สัมปชัญญะ เมื่อเธอจำวัดปล่อยสติไม่มีสัมปชัญญะ อสุจิเคลื่อนโดยฝัน เธอมีความรังเกียจว่า
    พระผู้มีพระภาคทรงบัญญัติสิกขาบทไว้ว่า ปล่อยสุกกะเป็นไปด้วยความจงใจ เป็นสังฆาทิเสส
    แต่อสุจิของพวกเราเคลื่อนโดยฝัน ทั้งเจตนาในความฝันนี้จะว่ามีก็ได้ ชรอยพวกเรา ต้องอาบัติ
    สังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค ตรัสว่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เจตนานี้มีอยู่ แต่นั่นเป็นอัพโพหาริก.
    ทรงบัญญัติพระอนุบัญญัติ
    ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคทรงกระทำธรรมีกถา ในเพราะเหตุเป็นเค้ามูลนั้น ในเพราะ
    เหตุแรกเกิดนั้น แล้วรับสั่งกะภิกษุทั้งหลายว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุนั้นแล เราจักบัญญัติ
    สิกขาบทแก่ภิกษุทั้งหลาย อาศัยอำนาจประโยชน์ ๑๐ ประการ ...
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-
    พระอนุบัญญัติ
    ๕. ๑. ก. ปล่อยสุกกะเป็นไปด้วยความจงใจ เว้นไว้แต่ฝันเป็นสังฆาทิเสส.
    เรื่องภิกษุหลายรูป จบ.


    อนาปัตติวาร
    [๓๔๒] ภิกษุมีอสุจิเคลื่อนเพราะฝัน ๑ ภิกษุไม่ประสงค์จะให้อสุจิเคลื่อน ๑ ภิกษุวิกลจริต ๑
    ภิกษุมีจิตฟุ้งซ่าน ๑ ภิกษุผู้กระสับกระส่ายเพราะเวทนา ๑ ภิกษุอาทิกัมมิกะ ๑ ไม่ต้องอาบัติ.


    เรื่องฝัน
    [๓๔๔] ก็โดยสมัยนั้นแล อสุจิของภิกษุรูปหนึ่งเคลื่อนเพราะฝัน เธอได้มีความรังเกียจว่า
    เราต้องอาบัติสังฆาทิเสสแล้วกระมังหนอ จึงกราบทูลเรื่องนั้นแด่พระผู้มีพระภาค พระผู้มีพระภาค
    ตรัสว่า ดูกรภิกษุ ภิกษุมีอสุจิเคลื่อนเพราะฝัน ไม่ต้องอาบัติ.

    http://84000.org/tipitaka/pitaka1/vinai01.html
     
  19. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    อนุโทนา สาธุ ทุก ๆท่านที่เข้ามาอ่านและให้ความกระจ่าง
     
  20. พระศุภกิจ ปภัสสโร

    พระศุภกิจ ปภัสสโร เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    2,015
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +11,166
    เพิ่มเติม

    ขอโทษบังเอิญไม่ได้เข้ามาดูกระทู้เลยไม่ได้ตอบท่าน
    เรื่องของศีลที่อ้างจากกระทู้มีใจความว่า ครั้งพระพุทธเจ้าเทสนาเรื่องอัคคิ เรื่องที่ภิกาหากไม่พิจารณาปัจจัย 4 ก่อนใช้สอยและบริโภค เช่นกินพัตตาหารมัวเมาในรสชาติหากใช้ก้อนไฟแดง ๆกรอกปากให้ใหม้จนทะลุก้น หรือนอนนาบไปบนแผ่นเหล็กเผาไฟจนแดง ยังดีกว่าให้ไปกรรมในนรกมากนักเมือทรงแสดงะรรมจบภิกา150รูปที่ได้ฟังกระอักเลือดตาย50 บันลุอรหันต์50 สึกไป50 เรื่อง
    ไม่จบเทวดาพากันเอาเรื่องที่พระพุทธเจ้าเทศนามาป่าวประกาสที่เชตวันว่าพระพุทะเจ้าเทศนาเรื่องที่พระไม่แยบคายใช้สอยเป็นโทษมาก พระที่เชตวันพากันสึกไปมาก เมื่อออกพรรษาองค์สมเด็จพระประทีปแก้วเสด็จจากจำพรรษาในป่ากลับเชตวันวิหาร เห็นพระเหลือน้อยจึงไต่ถามพระพุทธอานนท์เมื่อพระอานนท์ทูลเรื่องดังได้เล่าให้ทรงทราบ ก็ทรงตรัสให้พระอานนไปเตรียมเสนาสนะและเราตถาคตจะเทศนาใหม่ ก็ได้ทรงเทศนาเรื่องการแผ่เมตตานี้สามารถทรงญาณและไม่ถือว่ากินข้าวชาวบ้านโดยเปล่าประโยชน์ บันลุอนาคามีเป็นอย่างน้อยดูในอานิสงค์การแผ่เมตตา 11ประการก็ได้ หรือตามไปอ่านพระไตรปิฎก เล่ม22ของมหาจุฬาฯฉบับแปลไทยได้ ในกรรมฐาน 40 มีเรื่องเมตตานี้แลที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์ไว้ดดยพิศดาร รองจากอานาปานะสติที่มีเฉาะในพระพุทธศาสนาศาสนาอื่นไม่มีว่าประเสริฐควรปฏิบัติ
    เรื่อง 1 มาสก
    ให้พิจารณาให้ดีๆความรุนแรงของอาบัติแต่ละข้อ ฆ่าคนอย่างนี้ เสพเมถุนอย่างนี้ สังฆเพสอย่างนี้หนักๆและใช้ความพยายามมาก แล้วเรื่องลักของแค่ 1บาทจะขาดจากพระ ดูสมเหตุแก่โทษหรือโหดเกินไปหรือเปล่า ศีลเป็นเครื่องป้องกันไม่ใช่กฎกำจัดพุทธบุตร 1 มาสกน่าจะหมายถึง 20เมล็ดข้าวเปลือกทองคำ(ทอง1บาท เท่ากับบาทละหมื่นกว่าแล้ว)ในหนังสือนักธรรมบ้างก็ตีความอย่างอาตมาว่า ไม่แย้ง ไม่เถียง คิดเห็นส่วนตัวเฉยๆ ขออภัยไม่ขอตรวจทานคำสะกดเนื่องจากต้องไปกระทู้อื่นๆ

    เจริญพร
    พระ12
     

แชร์หน้านี้

Loading...