ในหลวง เสด็จ จ.พระนครีอยุธยา

ภายหลังที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ กำหนดจะเสด็จพระราชดำเนินจากที่ประทับโรงพยาบาลศิริราชไปทรงงานที่ทุ่งมะขามหย่อง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นครั้งแรก ซึ่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้เร่งจัดเตรียมสถานที่รับเสด็จพระราชดำเนิน พร้อมจัดการแสดง ทุ่งมะขามหย่อง ผืนแผ่นดินแห่งพระมหากรุณาธิคุณ ถวายทอดพระเนตร ยังความปลาบปลื้มสู่พสกนิกร และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่จะได้เฝ้ารับเสด็จฯ หลายคนบอกว่าถือเป็นวาสนาของชาวจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งคาดว่าจะมีพสกนิกรชาวไทย ไปร่วมรับเสด็จ และชื่นชมพระบารมีของทั้ง 2 องค์ท่าน เป็นจำนวนมาก

นายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า ทางจังหวัดได้จัดเตรียมสถานที่ โดยดำเนินการจัดสร้างทางลาดพระบาท ตลอดเส้นทางจากพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ไปยังพลับพลาที่ประทับกลางน้ำเพื่อทอดพระเนตรการแสดงแสง สี เสียง รูปแบบ วีดีทัศน์ เรื่อง ทุ่งมะขามหย่อง ผืนแผ่นดิน แห่งพระมหากรุณาธิคุณ ซึ่งมีเกาะกลางน้ำเป็นฉากหลัง การแสดงรำถวายบนผิวน้ำ และการแสดงร้องเพลงเรือ เพลงเกี่ยวข้าว พร้อมจัดเตรียมเรือพื้นบ้านโบราณ กว่า 30 ลำ ร่วมแสดงให้ทั้ง 2 พระองค์ ได้ทอดพระเนตร ด้วย


นี่เป็นสัญญาณเตือนอะไรหรือไม่ครับ

 

ไม่ทราบค่ะ.. แต่เราก็ควรปลาบปลื้มดีใจไม่ใช่หรือคะ
ที่พระองค์ท่านมีพระพลานามัยแข็งแรงขึ้น

ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน

 

ปลาบปลื้มเป็นที่สุด บุญมีคงได้ไปเฝ้าเสด็จ

 

ขอเป็นข้ารองพระบาทตลอดไป

 

ซื้อน้ำดื่มเพิ่ม ซื้อน้ำมันไว้หนึ่งแกลลอน ไม่ประมาทจร้า อะไรมาทางทะเลโกยเลยมีน้ำมันแย้วว

 

ทรงพระเจริญ

เป็นเรื่องน่ายินดีที่พระองค์ท่านมีพระพลานามัยที่สมบูรณ์ขึ้น แต่ก็เป็นเรื่องน่าคิด เหมือนว่าพระองค์ต้องการส่งสัญญาอะไรบางอย่างไปให้ทุกท่านได้รู้ กลุ่มหนึ่งที่ควรรู้ก็น่าจะเป็นบรรดาข้าราชการที่รับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องการบริหารจัดการน้ำ ส่วนอีกเรื่องก็อาจเกี่ยวกับสถานการณ์ภัยในวันข้างหนึ่ง อย่างที่พวกเราทราบดีอยู่แล้วว่า พระองค์ท่านเป็นนักปฏิบัติธรรมตัวยงค์ หลายสิ่งที่พวกเราไม่รู้ แต่พระองค์ท่านทรงทราบ เพียงแต่ไม่พูด และมีผู้รู้หลายท่านเคยกล่าวว่า พระองค์ท่านคือพระ เพียงแต่ไม่ได้ใส่ผ้าเหลืองเท่านั้นเอง ท่านทรงถือศีล 8 ทุกวัน ยกเว้นอยู่สองวัน คือ วันที่ไปเสวยพระกระยาหารค่ำกับสมเด็จย่า และวันที่ทรงเสวยกับพระราชวงศ์

พวกเราควรฉุกคิด เพราะนี้เป็นการเสด็จครั้งแรกของพระองค์ที่จะทรงเกี่ยวข้าวด้วย เหมือนพระองค์ท่านต้องการส่งสัญญาณ...

 

ขอพระองค์ทรงพระเจริญ





...รักที่สุดคือในหลวง หวงที่สุดคือแผ่นดิน...

 

คำตอบ :

พระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

…. ทุกคนจึงต้อง เตรียมกาย เตรียมใจ และ เตรียมการ ไว้ให้พร้อมเสมอ เพื่อเผชิญและป้องกันแก้ไขความไม่ปรกติเดือดร้อนต่างๆ ด้วยความไม่ประมาท
ด้วยเหตุผล ด้วยหลักวิชา และ ด้วยสามัคคีธรรม

… ในปีใหม่นี้จึงขอให้ประชาชนชาวไทยได้ ตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาทโดย มีสติรู้ตัว และ ปัญญารู้คิดกำกับอยู่ตลอดเวลา
ผู้ใดมี ภาระหน้าที่อันใด ก็เร่งกระทำกระทำให้สำเร็จลุล่วงไปให้ทันการณ์ทันเวลา
ผลงาน ทั้งนั้นจะได้ส่งเสริมให้แต่ละคนประสบแต่ความสุขความเจริญ
และทำให้ชาติบ้านเมืองดำรงมั่นคงและก้าวหน้าต่อไปด้วยความผาสุกสวัสดี.​

คัดมาจาก คุณบุญญสิกขา​

 

น่าคิดค่ะ เพราะพระองค์ท่านจะทรงให้ปริศนาธรรมมาโดยตลอด แล้วแต่ว่าท่านใดจะใช้ปัญญาเห็นได้แค่ไหน
อันเราปัญญาน้อยก็คอยดูชาวบ้านเขาวิเคราะห์ไป ไม่ผิดแต่ประการใดjaah

 

จากความเชื่อของผม ผมเชื่อมั่นว่า ในหลวงท่านทรงส่งสัญญาณเป็นปริศนาธรรมให้ประชาชนชาวไทยได้ทราบมาโดยตลอดอยู่แล้ว แต่ชาวไทยเกือบทั้งหมดก็ไม่ทราบถึงปริศนาธรรมนี้ ขณะที่ผมกำลังเขียนข้อความ ทำให้ผมนึกถึงบทความหนึ่งที่เคยอ่านมา ใจความสรุปได้ดังนี้

กาลครั้งหนึ่ง มีเทวดาองค์หนึ่งท่านอยากจะโปรดบุคคลผู้หนึ่งในโลกมนุษย์ ซึ่งบุคคลนี้เคยเป็นญาติสนิทในอดีตชาติของท่าน และมนุษย์ผู้นี้จะสิ้นอายุขัยในบ่ายวันรุ่งขึ้น แต่มีเทวดาองค์อื่นคัดค้านว่าไม่ให้ช่วยเหลือ เพราะนี้เป็นกรรมของเขาเอง แต่เทวดาท่านนั้นก็ใช้ปัญญาญาณพิจารณา แล้วก็ใช้กุศโลบาย คือ ดลใจให้พระอริยะสงฆ์(พระอรหันต์)ธุดงค์ผ่านหน้าบ้านมนุษย์ผู้นี้ในตอนเช้า และด้วยบุญกุศลที่มนุษย์ผู้นี้ยังพอมีเหลืออยู่นั้น ในเช้าวันนั้นเขาก็เกิดอยากจะตักบาตรขึ้นมา หลังจากตักบาตรแล้วเขาก็กรวดน้ำให้กับเจ้ากรรมนายเวร ด้วยอานิสงค์จากการทำทานกับพระอริยะสงฆ์(พระอรหันต์)ท่านนี้ส่งผลทำให้เขาไม่เสียชีวิตในบ่ายวันนั้น และยังมีชีวิตอยู่เพื่อทำบุญกุศลไปอีก 10 ปีจึงจะตายไปเกิดเป็นเทวดาในสวรรค์ชั้นที่ 2 จากเดิมถ้าเขาไม่ทำทานในวันนั้น เขาจะต้องตายตกนรกอย่างแน่นอน กุศโลบายของเทวดาท่านนี้ถือว่าเป็นการสงเคราะห์มนุษย์ผู้นี้ทางอ้อม จะรอดไม่รอดก็ขึ้นอยู่กับบุญวาสนาที่ยังคงเหลืออยู่ของเขาเอง จะถือว่าเป็นการฝืนกฎแห่งกรรมหรือไม่นั้น ก็แล้วแต่ผู้อ่านจะใช้ปัญญาพิจารณาเอาเอง

จากเรื่องราวข้างต้น ผมจะชี้ให้เห็นว่า ในหลวงท่านทรงใช้กุศโลบายในลักษณะเดียวกัน หมายถึง พระองค์จะทรงใช้วิธีโปรดมนุษย์ที่ฝืนกฎแห่งกรรมน้อยที่สุดตามปัญญาญาณที่พึ่งมีของพระมหาโพธิสัตว์

 

ถ้าให้เดา พระองค์ท่านคงอยากจะให้ประชาชนทั่วไปที่ลืมนึกถึงสถาบันพระมหากษัตริย์อันมีพระคุณต่อประเทศชาติอย่างที่สุดมิได้ ให้กลับมาฉุกคิดและระลึกจนได้แสดงออกมาเป็นการกราบสักการะบูชาอยู่ในขณะนี้ซึ่งที่เห็นได้ชัด ประชาชนที่มีความนอบน้อมต่อผู้มีพระคุณ ก็จะได้บุญนี้ติดตัวไปด้วย

 

ผมก็ขอเดาบ้างว่า ที่ในหลวงท่านเสด็จไปพื้นที่แห่งนั้น ผมว่าน่าจะเกี่ยวกับเรื่องภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นกับพื้นที่แห่งนั้นและบริเวณใกล้เคียงโดยตรง เมื่อในหลวงท่านเสด็จไปพื้นที่นั้น ท่านรู้ว่าจะต้องมีผู้มาเฝ้าเสด็จแน่นอน และผู้ที่มาเฝ้าเสด็จในหลวงทุกคนที่มีจิตกุศลและจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ก็จะได้รับบุญกุศลแห่งความจงรักภักดีและความกตัญญูนี้ และบารมีของพระองค์จะแผ่คุ้มครองผู้จงรักภักดีเหล่านั้น ซึ่งผู้ที่มีกรรมหนักก็เบาลงหรืออาจจะช่วยไม่ได้เลยต้องปล่อยให้เป็นไปตามวาระกรรมของเขา ซึ่งบารมีของในหลวงท่านจะคุ้มครองผ่านเหล่าเทพเทวดาหรือพระสยามเทวาธิราช...

การเสด็จของในหลวงท่านเกี่ยวโยงกับคำทำนายของหมอดู ET ที่เคยกล่าวประมาณว่า...ตอนเหนือของแม่น้ำเจ้าพระยามีปัญหา... (ซึ่งผมขอเดาว่า หมอดูคนนี้อดีตชาติเป็นคนไทย แต่ถูกส่งให้ไปเกิดเป็นคนพม่าเพื่อสร้างคุณแก่ประเทศพม่า และยังเป็นการบรรเทากรรมที่ชาวไทยได้เคยกระทำกรรมกับชาวพม่าไว้ในอดีต(ฆ่่าทหารพม่ามากมาย) โดยส่งผลกรรมส่วนหนึ่งเป็นภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกับประเทศไทย ซึ่งที่ผ่านมาหมอดูได้สร้างวัดมากมาย รวมถึงโรงพยาบาลรักษาผู้ป่วยชาวพม่าที่ยากไร้ ฉะนั้น หนึ่งญาณบารมีจากญาณบารมีทั้งหมดของหมอดู ET จึงเป็นญาณบารมีของรัชกาลที่ 5

โปรดใช้วิจารณญาณ...

 

ทุกครั้งที่ดูทีวีอยู่แล้วมีข่าวหรือเป็นภาพของในหลวง
เราจะพนมมือและพูดต่อหน้าทีวีว่าทรงพระเจริญทุกครั้งไป
แม้ไม่ได้มีโอกาสเห็นองค์จริง
แค่เห็นองค์ท่านในทีวีก็ดีใจที่ได้ยกมือไหว้ท่านแล้ว

 

ในหลวงเสด็จอยุธยา วันที่ 25 นี้......ท่านจะส่งสัญญานเตือนอะไรหรือเปล่า.....

 

มีคนคิดจะเอาที่ๆปลูกข้าวเลี้ยงคนไทยไปทำที่เก็บน้ำ....กันน้ำท่วม........พระองค์ท่านถึงต้องเสด็จไปแสดงให้เห็นว่า......ที่ของบรรพบุรุษใช้ทำนามาช้านาน.....ถ้าคนพวกนั้นคิดได้ก็คงดี

 

ผมอยากไปรับเสด็จพระองค์ท่านครับ เข้าใจว่า ผู้คนรับเสด็จคงมีจำนวนมากพอสมควรเห็นจากรายงานข่าวความเตรียมพร้อมในงานทางทีวี นานมาแล้วที่ไม่ได้เห็นพระองค์ท่านเสด็จนอกเขตกรุงเทพมหานคร ...

 

พรุ่งนี้จะไปรับเสด็จค่ะ ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ไ่ม่ทราบว่าเรานำกล้องถ่ายรูปหรือกล้อง VDO ไปฉายพระรูปพระองค์ทานได้หรือไม่ค่ะ รบกวนผู้รู้ตอบที่ค่ะ

 

หมายกำหนดการเสด็จพระราชดำเนิน ณ ทุ่งมะขามหย่อง ในวันที่ 25 พฤษภาคม เวลา 16.30 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะเสด็จออกจากโรงพยาบาลศิริราช และในเวลา 17.30 น.
จะเสด็จถึงพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระสุริโยทัย เจ้าพนักงานราชพิธีอัญเชิญพวงมาลัยเข้าถวายแล้วพระราชทานไปถวายสักการะ ที่โต๊ะหมู่หน้าพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย เสร็จแล้วประทับรถยนต์พระที่นั่ง ทอดพระเนตรบริเวณโดยรอบพระราชานุสาวรีย์
จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะเสด็จไปยังศาลากลางน้ำทอดพระเนตรการแสดงสื่อผสม "ทุ่งมะขามหย่อง พื้นแผ่นดินแห่งพระมหากรุณาธิคุณ" โดยใช้เวลาประมาณ 45 นาที แล้วจึงเสด็จต่อไปยังพระตำหนักสิริยาลัย พักผ่อนพระอิริยาบถ
และเสวยพระกระยาหารค่ำ ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยามอบหมายให้มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา จัดทำกระทงสายจำนวน 2,500 กระทงลอยตามแม่น้ำเจ้าพระยา จะไหลผ่านหน้าพระตำหนักสิริยาลัย ตรงข้ามกับวัดไชยวัฒนาราม
ขณะนี้มีความพร้อมทางด้านการแสดงพื้นที่บริเวณพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ประชาชนที่เดินทางมาเฝ้ารับเสด็จฯขอให้ไปรวมตัวกันที่ทุ่งภูเขาทอง ก่อนเที่ยงวันที่ 25 พฤษภาคม จะมีอาหารและเครื่องดื่มไว้บริการ
จากนั้นจะมีรถรับผู้ที่เข้าเฝ้า ทางจังหวัดได้เตรียมสูจิบัตรไว้แจก ภายในสูจิบัตรจะมีพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเปิดประตูระบายน้ำผันน้ำจากทุ่งมะขามหย่องเข้าแปลงนา เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2539 พระบรมฉายาลักษณ์ทรงเกี่ยวข้าวและทอดพระเนตรกิจการต่อเนื่องในโครงการผลการทำนา เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2539 และยังมีพระบรมฉายาลักษณ์อื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง จะเป็นสูจิบัตรที่ทรงคุณค่าประชาชนเก็บไว้เป็นที่ระลึก
ตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเตรียมกำลังไว้พร้อมโดยใช้กำลังตำรวจจากปทุมธานี พระนครศรีอยุธยา สระบุรี อ่างทอง สิงห์บุรี ตำรวจน้ำ ตำรวจสรรพาวุธ ตำรวจนครบาล ตำรวจ 191 และตำรวจสันติบาล รวม 2,000 นาย กระจายกำลังตั้งแต่ถนนเขตติดต่อจาก จ.ปทุมธานี จนถึงพระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระสุริโยทัย บนถนนสาย 347
ข้อมูลโดย : www.talkystory.com/

 

'ทุ่งมะขามหย่อง'โครงการพระราชดำริ ช่วยภัยแล้ง-น้ำท่วม

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

เลขาฯกกต.ย้อนอดีตสมัยอยู่มท. เคยร่วมก่อสร้างอนุสาวรีย์พระสุริโยทัยทุ่งมะขามหย่อง เผยเป็นโครงการพระราชดำริช่วยภัยแล้ง-น้ำท่วม<O></O>

นายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงกรณีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เตรียมเสด็จลงพื้นที่ที่ทุ่งมะขามหย่อง จ.พระนครศรีอยุธยา ในวันที่ 25 พ.ค.ว่า ตลอดระยะเวลา 9 ปีที่ตนได้ปฏิบัติงานเป็นหัวหน้าฝ่ายประสานราชการ กองกลาง กระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายเป็นผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการออกแบบและก่อสร้างพระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย ในพื้นที่ทุ่งมะขามหย่อง ซึ่งถือเป็นโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ที่ทำขึ้นตั้งแต่ปี 2531 และแล้วเสร็จเมื่อปี 2538 ซึ่งอยู่ในโครงการพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ที่พระองค์ท่านต้องการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระสุริโยทัย
ในพื้นที่ทุ่งมะขามหย่องนี้เป็นลักษณะทุ่งนาที่มีต้นมะขามต้นเตี้ยๆ ซึ่งบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของกองทัพไทยตั้งแต่สมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์ ออกมารับทัพข้าศึกของพม่าไม่ให้เข้ามาในเขตของตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่ ทรงมีพระราชดำริให้ทำเป็นโครงการแหล่งน้ำ เนื่องจาก จ.พระนครศรีอยุธยา น้ำท่วมบ่อย จึงให้ขุดดินตรงทุ่งมะขามหย่องเป็นสระน้ำขนาดใหญ่ เอาดินนั้นมาเป็นคันและเกาะ และได้มีการสร้างราชานุสาวรีย์สมเด็จพระสุริโยทัย เพื่อให้คนรุ่นหลังทราบถึงวีรกรรมของท่านที่สามารถช่วยเหลือบ้านเมืองไว้

นอกจากนี้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงตรัสว่า สระน้ำดังกล่าวหากฤดูแล้ง ให้เก็บกักน้ำไว้สำหรับประชาชนพระนครศรีอยุธยา ส่วนฤดูฝนให้เก็บกักน้ำไว้ป้องกันน้ำท่วม ซึ่งแสดงให้เห็นว่าพระองค์ท่านทรงห่วงใยประชาชนคนไทยเป็นอย่างมาก<O</O

 

น่าอิจฉาจริงๆเลยนะครับ แต่คงต้องจับจองกันแต่เช้า ข่าวบอกว่าชาวบ้านอยุธยาที่เตรียมรับเสด็จจะเดินทางกันไปตั้งแต่เช้ากันเลยทีเดียว ไหนจะหน่วยงานราชการ สถานศึกษา อีก... เรื่องฉายพระรูปนั้นเข้าใจว่าได้เฉพาะบางจุด แล้วแต่สำนักพระราชวังกำหนดว่าจุดไหน คิดว่าสอบถามเจ้าหน้าที่ในสถานที่โดยตรงดีกว่า