จิตพร้อม? รับภัยพิบัติ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย ภูภู, 6 เมษายน 2012.

  1. A-colyte

    A-colyte เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +630
    ขอบคุณสำหรับ "น้ำ"ใจ เย็นๆ ครับ คุณภู คุณ Kim คุณ Wit และทุกท่านด้วยครับ แค่วันแรกๆ ที่ลองทำก็รู้สึก สงบ และ ได้ยินเสียงของจิต (ไม่รู้ใช้คำถูกไหม) ชัดกว่าแต่ก่อนมาก ตอนนี้ ภาพแรก ที่กำหนดไว้ เปลี่ยนไปเป็น ภาพใหม่ (พระโพธิสัตว์กวนอิม) เวลาจะดึงมาภาพเดิมก็ได้แต่เหมือนว่า จิตจะไปเกาะทางภาพใหม่มากกว่าครับ มีอนู่วันที่ทำงานไปด้วย จิตก็เกาะภาพใหม่ทั้งวันเลย สุดท้ายก็ปล่อย ไม่ฝืน บางที ก็สลับมาภาพเก่าบ้าง ตามที่หลายๆ ท่านแนะนำไว้ก่อนหน้านี้ในกระทู้ น่ะครับ
    บางทีเหนื่อยๆ กับสิ่งรอบข้าง ก็เอาจิตมาเกาะพระ แล้ว สุขใจดีครับ สุขที่เกิดจากตัวเราเองไม่ต้องอิง ด้วยคนอื่น ยิ่งเอาจิตไปเกาะ คนรอบๆ ตัว สิ่งรอบๆ ตัว ก็มีแต่ทุกข์ใจ รู้ว่าเหนื่อย ก็วางดีกว่า "ช่างมัน" ดีกว่า ชีวิตนี้ ทำบาปมาเยอะมากๆ ครับ ก็ต้องทำใจ :d
    จะคอยคิดตามผลงานจากทุกๆท่านเรื่อยๆนะครับ ขออนุโมทนาครับ
     
  2. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089

    ในครั้งสมัยพุทธกาล ​

    เมื่อครั้งพระสัมมาสัมพุทธเจ้ายังเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ พระองค์ได้ทรงออกผนวช เพื่อแสวงหาหนทางพ้นทุกข์ การแสวงหาหนทางพ้นทุกข์ของพระองค์ รวมระยะเวลาถึง 6 ปี แห่งการแสวงหาโมกขธรรม

    ในที่สุดพระองค์ก็ทรงค้นพบ วิธีการที่จะนำไปสู่การหลุดพ้นได้อย่างแท้จริงนั้น คือ การทำสมาธิ
    จนในที่สุดพระองค์ก็ทรงบรรลุเข้าสู่ภาวะสูงสุดของการพัฒนาจิตใจมนุษย์นั่นคือ การกำจัดอาสวะกิเลสให้หมดไปได้ และได้พบความสุขอันแท้จริง

    สมาธิทำให้จิตใจมนุษย์สามารถพัฒนาถึงขั้นสูงสุด ในการกำจัดความชั่วร้ายออกไปจากใจได้อย่างสิ้นเชิง
    และพบกับความสุขอันแท้จริงนั้นกันได้ ถ้าบุคคลนั้นต้องทำสมาธิ แต่ต้องทำจริงๆจังๆ

    เมื่อบุคคลได้ทำสมาธิก็จะมีดวงตาทางจิต เกิดความรู้ คู่กับแสงสว่าง
    คือทั้งเห็น ทั้งรู้ ทั้งสว่างควบคู่กันไป
    และกำจัดกิเลสให้หมดไปได้ในที่สุด

    สมาธินั้น จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน เหมือนกับอากาศที่เราขาดไม่ได้
    ถ้าหากเราขาดสมาธิเมื่อใด เมื่อนั้นเราจะขาดสุข
    เมื่อเราขาดสุข ชีวิตของเราก็จะอยู่ไม่ได้ เช่นกัน
     
  3. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    สาธุ....ค่ะพี่ภู เป็นเช่นนั้นจริงจริง
     
  4. แสงจันทร

    แสงจันทร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2012
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +2,618
    สวัสดีค่ะ พี่ภู ครูเพ็ญ คุณวิทย์ คุณดัช คุณหว้า และทุกท่าน
    มาส่งรายงานค่ะ ตอนนี้สุนัขที่เคยให้อาหาร ให้ที่พักพิงยามอากาศร้อน /ฝนตก ยามหนาวก็หาเสื้อให้ใส่ หายไป วันนี้วันที่4แล้ว แต่ไม่ใช่สุนัขของที่บ้านนะค่ะ เพราะเจอเค้าตอนย้ายบ้านมา สงสารเค้า ก็เลยให้เท่าที่ให้ได้ อารมณ์ที่เกิด ก็ห่วง เพราะแก่มากแล้ว แถมโดนรถชนบ่อยๆๆจนฟันหักแทบหมดปาก แต่ปลงได้เพราะทุกสิ่งเกิดมา ตั้งอยู่แล้วดับไป แอบเห็นเค้ามายิ้มให้ คิดว่าเค้าคงไปดีแล้วเพราะทุกวันจะโอนบุญส่งให้เทวดารักษาตัวเค้า
    เรื่องต่อมาวันนี้แฟนถอยรถแล้วไปโดนเสาทำให้หูช้างแตก รถคันนี้เป็นรถที่เราขับเอง แต่ตอนนี้ให้เค้าขับเพราะรถเค้าไปเข้าศูนย์ฯบริการ ขณะที่ชนเราเองก็ยืนอยู่ไม่ไกลนัก ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงจะโกรธและอารมณ์เสียมาก คงจะว่าเค้าแรงๆๆ แต่ตอนนี้ไม่แล้วค่ะ แค่ว่าทำไมไม่ระวังดูให้ดีนะ เท่านั้นเอง

    เรื่องการทำสมาธินั้นทำวันละ 2 ครั้ง คือสวดมนต์เสร็จก่อนนอน และหลังจากรู้สึกตัวตื่นก็จะทำสมาธิ(ซึ่งช่วงเช้านี้จะทำได้ดีกว่าเพราะไม่ง่วงแล้ว)
     
  5. รุ่งศรีทอง

    รุ่งศรีทอง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 เมษายน 2010
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +231
    เป็นสิ่งที่ดีที่จขกท.นำเรื่องการมีสติมีสมาธิมาลง เป็นเรื่องที่เราชาวพุทธส่วนมากเข้าใจกันดี และเรื่องนี้เกี่ยวเนื่องกับภัยพิบัติ ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสกับพระอานนท์ถึงความร้ายแรงของภัยพิบัติขนาดล้างโลกทีเดียวในปี 2556 และที่พระพุทธเจ้าตรัสเหตุการณ์ไว้ว่าจะเกิดขึ้นล่วงหน้าก็เกิดจริง ดูเรื่องราวของพลังจิตได้จากลิงค์ข้างล่างครับ
    <!--[if gte mso 9]><xml> <w:WordDocument> <w:View>Normal</w:View> <w:Zoom>0</w:Zoom> <w:punctuationKerning/> <w:ValidateAgainstSchemas/> <w:SaveIfXMLInvalid>false</w:SaveIfXMLInvalid> <w:IgnoreMixedContent>false</w:IgnoreMixedContent> <w:AlwaysShowPlaceholderText>false</w:AlwaysShowPlaceholderText> <w:Compatibility> <w:BreakWrappedTables/> <w:SnapToGridInCell/> <w:ApplyBreakingRules/> <w:WrapTextWithPunct/> <w:UseAsianBreakRules/> <w:DontGrowAutofit/> </w:Compatibility> <w:BrowserLevel>MicrosoftInternetExplorer4</w:BrowserLevel> </w:WordDocument> </xml><![endif][if gte mso 9]><xml> <w:LatentStyles DefLockedState="false" LatentStyleCount="156"> </w:LatentStyles> </xml><![endif][if gte mso 10]> <style> /* Style Definitions */ table.MsoNormalTable {mso-style-name:ตารางปกติ; mso-tstyle-rowband-size:0; mso-tstyle-colband-size:0; mso-style-noshow:yes; mso-style-parent:""; mso-padding-alt:0cm 5.4pt 0cm 5.4pt; mso-para-margin:0cm; mso-para-margin-bottom:.0001pt; mso-pagination:widow-orphan; font-size:10.0pt; font-family:"Times New Roman"; mso-ansi-language:#0400; mso-fareast-language:#0400; mso-bidi-language:#0400;} </style> <![endif]--> [FONT=&quot]ธรณีสูบยักษ์สูบ มหันตภัยล้างโลก[/FONT]–[FONT=&quot]พยากรณ์โลก-กับหลักฐานสำคัญ-พระจักรพรรดิ [/FONT]30 [FONT=&quot]กย [/FONT]53
     
  6. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089

    เมื่อชีวิตคนเรา เปรียบได้ดั่งน้ำ​


    คุณเคยเห็นปลาที่ว่ายอยู่ในน้ำครำที่เน่าเหม็นกันไหม๊
    แล้วเคยคิดสงสัยไหมว่า ปลามันอยู่ได้อย่างไร
    เพราะว่ามันเรียนรู้ มันรู้จักปรับตัวให้เข้ากับสิ่งรอบข้าง

    เราเองก็เช่นเดียวกัน เวลาเจอกับปัญหาชีวิต เราก็ต้องเรียนรู้ และปรับตัวให้ได้
    เวลาที่เราเจอกับปัญหาหลายอย่างมารุมเร้าชีวิต จนทำให้ชีวิตของเราขุ่นมั่ว

    เหมือนเราแกว่งน้ำตะกอน ยิ่งแกว่งแรงขึ้นตะกอนในน้ำก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
    ชีวิตคนเราก็เช่นกัน เวลาที่เจอกับปัญหาก็มักจะเกิดความสับสน ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
    ความสับสนนี้เอง ที่ทำให้คนเรามักขาดสติ ควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ได้
    ความว้าวุ่นเร่าร้อนของใจที่ทำให้รีบด่วนตัดสินใจ ทำให้แก้ปัญหาไม่ได้ และจะยิ่งแย่กว่าเดิม
    บางก็อาจทำให้ปัญหายิ่งทวีทับถมซับซ้อนขึ้นไปอีก
    เปรียบเหมือนกับตะกอนของน้ำที่เพิ่มขึ้น จนกลายเป็นน้ำครำที่เน่าเหม็นได้ แล้วเราจะทำอย่างไร
    เราต้องการน้ำใส รอให้น้ำหยุดหมุน ตะกอนหยุดแกว่ง ต้องทำให้ตะกอนนอนก้นเสียก่อน

    ชีวิตคนเราก็เช่นกัน หากต้องการให้ชีวิตของเรามีทุกข์น้อยลง เราต้องฝึกทำใจให้สงบนิ่ง คิดทบทวนตัวเองเสียใหม่
    เมื่อชีวิตเราเปรียบเหมือนน้ำ เราก็ลองมาทำใจให้นิ่งเหมือนน้ำ เย็นเหมือนน้ำ เพื่อให้ความวุ่นวายในแต่ละวันตกตะกอนเสียก่อน
    จากนั้นก็กลั่นกรองนำสิ่งที่เป็นตะกอน ที่ไม่ดีออกไป เอาสิ่งที่ทำให้ชีวิตขุ่นมัว ออกไปจากจิตใจ

    คนส่วนใหญ่มักเดินด้วยจิตใจที่เร่าร้อน ก็เปรียบเหมือนไฟที่จุดล้นก้นตัวเอง เผาตัวเอง
    ด้วยไฟร้อนแห่งอามรณ์ ปัญหาที่เกิดจึงลุกลามเหมือนไฟ ไฟที่มันติดก้นตัวเอง
    จะนั่งก็ไม่ได้ จะนอนก็ไม่ได้
    จนกลายเป็นไฟอารมณ์ในที่สุด และพร้อมจะเผาผลาญทุกสิ่ง ทุกอย่างมอดไหม้ลงในพริบตา
    แต่ให้เราเอาใจที่เป็นน้ำมาดับทุกข์ของเรา แก้ปัญหาชีวิตของเราด้วยใจที่นิ่งเหมือนน้ำ

    และถึงเวลาแล้ว ที่เราจะต้องเปลี่ยนตัวเองกันเสียใหม่
    ไม่มีใครจะมาเปลี่ยนแปลงเราได้ นอกจากใจของเราเอง

    จงเริ่มต้นด้วยการเปลี่ยนแปลงที่ตัวเรา
     
  7. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เรื่องเล่าคืนนี้​


    เมื่อจิต ดวงจิตปฎิเสธกายหยาบนี้เสียแล้ว

    เหมือนเราได้ตายไปจากโลกนี้ ภพนี้จริงๆ อย่างนั้นแหล่ะ!
    คือ...
    สติของตนเองมองเห็นกายละเอียด(อาทิสมานกาย กายทิพย์) ทั้งๆที่ยังลืมตาอยู่เลย
    เมื่อกายละเอียดไม่ยอมกลับเข้ามาสู่กายหยาบเหมือนดังเดิม
    แต่เราก็ยังมีสติดี กำลังใจดีเหมือนเดิม คือรู้สึกเฉยๆ
    และมีสติดู รู้กายละเอียดกันต่อไป
    เมื่อสติไปจับกายหยาบก็รู้ว่า นี่คือกายหยาบ และรู้ทุกอิริยาบถของกายหยาบที่กำลังดำเนินอยู่
    แต่พอสติไปจับกายละเอียดก็รู้ว่า นี่คือกายละเอียด และเห็นกายหยาบเดินอยู่ข้างล่าง(พื้นโลก)

    กายละเอียดก็รู้ขึ้นมาในทันทีว่า กายหยาบที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ทุกอิริยาบถ(ในโลก)นั้น
    ผมก็เลยนึกถึงธรรมะของหลวงพ่อฤาษีลิงดำว่า...
    เรา คือ จิต ที่สิงภายใน หรือที่เรียกว่า อทิสมานกาย
    เราจริงๆ คือ จิต ร่างกายเป็นแต่เพียงเรือนร่างที่อาศัยชั่วคราว

    " ความจริงร่างกายนี้ ไม่ใช่เรา มันไม่ใช่ของเรา เราไม่มีในร่างกาย ร่างกายไม่มีในเรา "

    ก็เห็นตามความเป็นจริงดังนั้น

    กายหลับ แต่จิตไม่หลับ
    แถมรู้หมด คล้ายๆฝัน แต่เด่นชัดกว่าความฝัน

    (จบ)

    ขอให้พวกเราขยันฝึกดูจิตกันเข้าไว้ให้มากๆ
    สำหรับผู้มาใหม่ ให้ฝึกทำจิตเกาะพระไปเรื่อยๆก่อน
    พอจิตเกาะพระได้แนบแน่น(จิตเกาะพระติดแล้ว) จิตจะเริ่มนิ่งมากขึ้น เพราะเรามีสติกันมากขึ้น
    เมื่อจิตเรานิ่งดีพอแล้ว จิตก็จะเกิดสมาธิ เกิดฌานกันง่าย
    และสติเรามีมากขึ้น ต่อไปเราก็จะเห็นจิต ดวงจิตของเราเริ่มชัดเจนขึ้น
    และขอให้มีสติกันมากยิ่งๆขึ้นไปอีก เพราะจิตที่นิ่งมากๆนั้น จะเริ่มมีพลัง
    หรือสติเริ่มมองเห็นอาทิสมานกายของตนเอง เริ่มออกนอกกายหยาบกันแล้ว
    มาถึงกันตรงนี้ สติกับจิตจะรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว
    เพราะต่อไปจิตก็ต้องอาศัยสตินี่แหล่ะ! คือเมื่อสติกับจิตรวมตัวกันเหมือนเป็นตัวเดียวกัน
    เพราะสติกับจิตมักจะไปไหน มาไหมด้วยกันเป็นประจำ

    และต่อไปนี้จิตจะเริ่มทรงฌานสูงขึ้นไปเรื่อยๆ
    ให้พวกเราสนใจเรื่องภายในมากกว่าภายนอกกัน คือเรื่องจิตของตน
    เพราะมันเป็นบุญ(ใหญ่)ทั้งนั้น เป็นสุขใจทั้งนั้น หรือสุขที่ใดเสมอเสมือนไม่มีอีกแล้ว คือสุขเกิดจากจิตเราเป็นสมาธิ เป็นฌาน(จิตพร้อมใช้งาน คือจิตพร้อมวิปัสสนา)
    ศีลไม่ต้องพูดถึง คือมีศีลครบอยู่แล้วในขณะจิตทรงฌาน

    และมาถึงกันตรงนี้ เราจะเริ่มไม่รู้สึกว่าเรามีความทุกข์กันแล้ว
    มีแต่สุข อิ่มเอิบใจมาก จนบางครั้งลืมไปเลยว่า ตนเองเคยมีความทุกข์อยู่
    บางทีเหมือนเราจะยิ้ม อมยิ้มอยู่คนเดียว
    (บางท่านถึงกับอุทานขึ้นมาในใจของตนว่า เราจะบ้าแล้วมั้ง)
    นั่นเขาเรียกกันว่า จิตยิ้ม(ความสุขเกิดขึ้นภายในจิต)

    นั่นก็เป็นเพราะว่า จิตทรงฌาน แต่เมื่อใด ถ้าฌานถอย หรือฌานเสื่อม เราก็จะกลับมารู้สึกเป็นทุกข์กันดังเดิม
     
  8. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    สงสัยไปสะกิดโดนต่อมเธอเข้าให้...
    รับทราบแล้วครับ ไงก็ขอเอากำลังใจช่วยในการปฎิบัติให้ได้ไวๆนะครับ
     
  9. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    อยากจะถามกันว่า...
    พวกเราปฎิบัติธรรม หรือทำจิตเกาะพระกันเพื่ออะไร?
    (ขอให้พวกท่านตอบตนเองให้ได้ ไม่ต้องไปตอบกับใครหรอก)

    ธรรมะนั้นมีหลายระดับ
    ศีลก็มีหลายระดับ
    และ จิตคนเราก็มีหลายระดับ

    ทั้งหมดนี้ก็จะขึ้นอยู่การปฎิบัติ โดยเฉพาะขึ้นอยู่กับจิตของผู้ปฎิบัติ เท่านั้น
    เพราะถ้าจิตยิ่งละเอียดมากเท่าใดแล้ว ศีลหรือธรรมก็จะยิ่งละเอียดตามไปด้วย
    ไม่ใช่ว่าจิตจะไปวิ่งตามความละเอียดของศีล ของธรรมกันนะ
    เพราะถึงศีล หรือธรรมจะละเอียดสักเพียงใด เราก็มิอาจเข้าใจ หรือปฎิบัติตามในศีล ในธรรมที่ละเอียดขึ้นไปกันได้
    แต่ถ้าจิตของเราไม่ละเอียดมากพอ แค่ศีลมีเพียงข้อเดียว เราก็มิอาจจะรักษากันได้
    หรือธรรมะขั้นสูง ธรรมะละเอียด เราก็มิอาจจะเข้าใจกันได้ นั่นเอง
     
  10. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    คนส่วนใหญ่มักจะพูดกันว่า...

    ฉันรู้แล้ว ฉันเข้าใจแล้ว กับธรรมะ โดยเฉพาะเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา
    และกับเรื่องละ ปล่อย วาง

    ถามว่า คำว่ารู้แล้ว เข้าใจแล้วกันหน่ะ มันรู้ มันเข้าใจกันจริงๆหรือ???
    บางท่านถือบวชกันมาก็นานหลายปีแล้ว ธรรมะรู้เรื่องหมด เข้าใจหมด แทบเรียกได้ว่าใครงัดตำราอะไรมาพูดก็เถียงเขาได้หมด หรือแทบจะท่องจำพระไตรปิฎกกันทั้งเล่ม
    อันนั้นแค่คุณผ่านภาคทฤษฎีกัน เท่านั้นเอง
    แต่ภาคปฎิบัติ จะมีสักกี่คนที่จะทำกันได้เหมือนดั่งที่รู้กัน เข้าใจกันไหม

    ขอยกตัวอย่าง...
    แค่พอมีอะไรมากระทบ กระทั่งกับทางจิตของตนเพียงนิดเดียว ก็เล่นเอานั่งไม่ค่อยจะติดกันแล้ว จะเป็น จะตายกันให้ได้เลย เพราะเรายังมีความโกรธ มีอัตตา มีมานะ หรือยังมีความหลงเหลืออยู่กับความยึดมั่น ถือมั่นอยู่ภายในจิตใจกันเล็กน้อย เท่านั้นเอง

    เพราะเขาวัดผลจากการปฎิบัติกันได้จริงๆ ก็คือ การละปล่อยวางจากสิ่งที่ทุกคนเรียกกันว่า สมมุติ กันได้จริงๆ จึงมิใช่เพียงแค่พูดกันเฉยๆ
    การละปล่อยวางกันนี้ จึงมิใช่ทำกันได้ง่ายๆ เหมือนแค่ปล่อยมือ
    แต่การละปล่อยวางกันนี้ เขาละปล่อยวางกันที่จิตใจของตนเอง เท่านั้น

    แต่สำหรับผู้ที่จะละ ปล่อย วางกันได้ทั้งหมดกันจริงๆนั้น ก็กระทำกันได้
    เพียงแต่เราจะต้องมีความขยัน หมั่นเพียรมาก และจะต้องปฎิบัติกันจริงจังกันด้วย
     
  11. Kim_UoonSo

    Kim_UoonSo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    518
    ค่าพลัง:
    +5,937
    มาทวงการบ้านแทนคุณครู เผื่อยังมีคนไม่ส่งการบ้าน

    ;hi2




    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2012
  12. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ขอบพระคุณมากๆนะครับ
    สำหรับผู้ให้กำลังใจผม
    ผมก็ขอให้กำลังนั้นกลับไปหาทุกๆท่าน เป็นร้อยเท่า พันเท่านะครับ

    ต่อไปนี้อย่าให้มีอะไร หรือว่ามีใครจะมาบงการชีวิต จิตใจของตนเองเลย
    เพราะตัวเราเท่านั้น ที่จะมีหน้าที่บงการชีวิต ลิขิตชีวิตตนเอง
    หรือกำหนดจิต ดวงจิตเลือกไปจุติตาม ณ.สถานที่ที่เราต้องการจะให้เป็นไป
    อันได้แก่ อบายภูมิ เทวโลก พรหมโลก หรือพระนิพพาน เป็นต้น

    อย่าลืมนะครับ
    เราเท่านั้นที่จะมีหน้าที่กำหนดชะตา ลิขิตชีวิตของตนเอง เท่านั้น
    ขอทุกท่านจงอย่าทำจิตของตนเองอ่อนแอ
    จงทำจิตให้เข้มแข็ง ยกจิตขึ้นที่สูงกันให้ไวที่สุด
    เราจึงจะรอดพ้นจากความทุกข์กาย ทุกข์ใจกันได้ นั้นเสีย

    ขอเป็นกำลังใจกันและกันตลอดไป
     
  13. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089

    กายไหวได้ แต่อย่าให้จิตไหวตาม

    ถ้าพวกเราหนีภัย ทุกภัยกันไม่ได้
    ถึงจะหนีไปที่ไหน แต่ก็หนีกันไม่รอด
    พวกเราอย่ามัวหรอกตนเองกันอยู่เลย
    เพราะ ความตายเป็นของเที่ยง
    เพราะร่างกายก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโลกเท่านั้นเอง

    ท่านลองถามตนเองดูกันบ้างสิว่า เราเกิดมามีอะไรติดตัวกันมาบ้าง
    ไม่ว่ารวย หรือจนก็เหมือนกันหมด
    แต่พอวันแห่งความตายใกล้มาถึงตัว จะเอานั่น จะเอานี่ หรือห่วงคนนั้น ห่วงคนนี้กันอยู่ทำไม?
    ทั้งเอา ทั้งห่วงกันอยู่เวลานี้
    ถามว่าท่านเอาอะไรกันไปได้บ้างไหม๊?

    น้ำจะท่วมก็ท่วมแค่กาย แผ่นดินจะไหวก็ไหวแค่กาย
    แต่อย่าให้น้ำไปท่วมจิตใจ อย่าให้จิตไหวไปตามแผ่นดิน
    แต่ถ้าจิตคนเรานิ่งเสียอย่างเดียว
    ทั้งดิน น้ำ ลม ไฟ ก็มิอาจทำร้ายจิตใจของผู้ฝึกจิตมาดี

    โปรดทำจิตใจกันให้สบาย วางใจให้เป็นกลาง
    มาเรียนรู้ความจริงถึงธรรมชาติกันให้ได้ เพราะถ้าจิตของเรารู้และเข้าใจแล้ว
    จิตจะเป็นผู้ทำหน้าที่ปล่อยวางเอง มิใช่เรา

    และต่อไปนี้เราจะไปกลัวอะไรกันอีก
    ถ้าจิตของเราเข้าไปรู้ความจริงถึงสรรพสิ่ง หรือธรรมชาติกันแล้ว

    ร่างกายหนีความตายกันไม่ได้ นี่คือความสัจจริง ทุกคนก็ทราบกันดีอยู่แล้ว
    แต่มีเพียงตัวเดียวเท่านั้น ที่พอจะยกให้สูง หรือหนีจากความตายไปได้
    นั่นก็คือ จิต ดวงจิตของตนเท่านั้น

    เพราะตายแต่กาย แต่จิตมิได้ตายตามไปด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 พฤษภาคม 2012
  14. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089

    จิตของท่านปรารถนาสิ่งใดกันเล่า???​


    แต่ถ้าผู้ใดอยากจะยกจิตให้สูงขึ้นไวๆ
    เราจำเป็นจะต้องนำจิตไปเกาะ นอกจากบุญกุศลกันแล้ว
    จิตของเราจะต้องเกาะพระรัตนตรัย โดยเฉพาะเกาะพระพุทธเจ้าเป็นหลักกันเข้าไว้ให้มากๆ
    เพราะตามลำพังจะอาศัยแค่กำลังใจของตนเองนั้น ยังไม่เพียงพอ

    เพราะฉะนั้น
    ไม่ว่าเราจะทำอะไร ขอให้จิตเราเกาะพระพุทธเจ้ากันไว้บ่อยๆ
    เดี๋ยวถ้าถึงเวลาจิตจะนิ่งสงบของเขาเอง
    จิตก็จะเข้าถึงพุทธานุสสติ ภายในจิตของตนเอง
    ผลที่ได้ก็คือ จิตเป็นสมาธิ จิตทรงฌาน
    และผลที่ได้ตามมาทีหลังสุดก็คือ ความสงบและความสุข
    และตรงนี้แหล่ะ! ที่เรา ที่จิตปรารถนากันทุกคน

    โชคดีครับ
     
  15. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    ธรรมะกับดอกไม้

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  16. thakornt

    thakornt Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2009
    โพสต์:
    31
    ค่าพลัง:
    +88
    ส่งการบ้านอันใหม่แล้วนะครับพี่เพ็ญ ทางเมล์ครับ ยังไงรบกวนตรวจการบ้านด้วยครับ :d

    ปล. ขอบคุณน้องหว้าที่คอยตามคุณครูให้นะครับ
    ตอนนี้รู้สึกที่บอร์ดจิตเกาะพระดูแปลกๆ อ่ะครับ กำลังปรับปรุงระบบอยู่เหรอครับ?
     
  17. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    เหตุเกิดเมื่อคืน ในเวปจิตเกาะพระ(ล่ม)


    ที่มนุษย์ประกอบไปด้วย 2 ส่วน คือ ร่างกายและจิตใจ
    หรือเรียกกันว่า ขันธ์5 ประกอบไปด้วย รูป1 นาม4

    รูป1 หมายถึง ร่างกายประกอบไปด้วยธาตุทั้ง4 ได้แก่ ดิน น้ำ ลม ไฟ หรือเนื้อ หนัง กรดูก โลหิต เป็นต้น
    นาม4 หมายถึง เวทนา(ความรู้สึก) สัญญา(ความจำ) สังขาร(ความคิด) วิญญาณ(คือจิต(ผู้รู้))

    ขันธ์5 ได้ชื่อว่าเป็น อุปาทานขันธ์ เพราะเป็นที่ตั้งแห่งการยึดถือ ยึดมั่น
    ผู้ที่ไม่ใช่พระอรหันต์(จิตอรหันต์) ยังยึดมั่นในขันธ์5 เรายึดถือว่าร่างกายเป็นตัวเป็นตน
    เพราะฉะนั้นเราจึงยึดมั่นในขันธ์5 เรายึดนามธรรม(ทั้ง4)เป็นตัวเป็นตน
    เมื่อเรายึดมั่นขันธ์5 และเราไม่รู้ขันธ์5 ตามความเป็นจริง ก็ย่อมเป็นทุกข์ เป็นธรรมดา
    ตราบใดที่เราไปยึดขันธ์5 กันอยู่อีก ก็เสมือนบุคคลที่ถูกเบียดเบียนด้วยโรคาพยาธิกันต่อไป
    หรือทำให้เกิดภพชาติกันต่อไป
    (แต่ถ้าใครอยากไปนิพพาน ต้องตัดขันธ์5 ในเบื้องต้น(คือตัวแม่)กันให้ได้เสียก่อน)

    ยึดมากทุกข์มาก ยึดน้อยทุกข์น้อย แต่ถ้าไม่ยึดเลย ก็ไม่มีทุกข์


    เข้าเรื่องแล้วนะ
    ที่ผมพยายามไล่เรียงตามลำดับตั้งแต่ต้น แต่ถ้าพูดตอนกลางเลยก็จะไม่รู้ที่มาที่ไปกันอีก
    (สำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ อันนี้ผมกำลังจะสื่อกับคนที่ยังไม่รู้ หรือรู้แล้ว แต่ยังไม่ชัดเจน กระจ่างแจ้งกัน)

    รู้ทั้งรู้กันหมดทุกคนแล้ว แต่ทำไมเรายังมีทุกข์กันอีก
    เช่น ทำไมยังวิ่งตามความโกรธของตนเองอยู่เลย(แถมบอกว่า ตามมาห่างๆ ตามมาติดๆ ตามมาหลายปีแล้ว ป่านนี้ก็ยังตามมันอยู่....555 ) คือ เรามักตกเป็นเหยื่ออยู่ร่ำไป(ว่างั้นเถอะ)
    ทั้งๆที่รู้อยู่แก่ใจดีว่า ความโกรธนั้น เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และก็ดับไป(มันก็ทำให้เราดูอยู่เหมือนเดิม มันให้เราดูหนังม้วนเดิม แต่ทำไม๊ เรายังเป็นเหยื่อมันตลอดเวลาเลย)
    (ไหนยกมือสูงๆ ให้ผมดูอีกทีสิ!)

    ทั้งๆที่เรา(ก็)พอจะมองเห็นกันอยู่ แต่ทำไม๊ เราถึงเป็นเหยื่อมันอีก หรือยังมีความโกรธอีก
    (ตอบ)
    ก็เพราะเรารู้ๆๆ กันนี่แหล่ะ! ก็เพราะว่าเรารู้ไง แต่ถามว่า จิตไปรู้กับเราไหม๊?
    ตอบตนเองกันไม่ได้ ใช่ไหม๊?
    น่าน ถึงจังหวัดน่านกันแล้ว(นั่นไงหล่ะ! จับตัวได้แล้ว)

    สรุปเลยดีกว่า
    ก็เพราะว่าพวกเรามีสติกันน้อย
    หรือสติตามดู ตามรู้จิตตนไม่ทัน จึงเท่ากับเราวิ่งกิเลสตนเองไม่ทันไปด้วย
    จิตก็เลยตกเป็นเหยื่อของกิเลสตามเคย

    นี่ไงหล่ะ! ที่ผมอุตส่าห์ให้พวกเรา ทำจิตเกาะพระกัน
    การทำจิตเกาะพระ นอกจากเป็นการสร้างบุญภายในกันแล้ว
    ทำไมถึงเป็นการสร้างบุญภายใน ก็เพราะว่าในขณะที่เราระลึกถึงพระกันอยู่นั้น
    ที่เรากำลังมีสติ(เกาะพระ) ก็เท่ากับเรา(จิต)อยู่ในศีล ในสมาิธิ(ฌาน) ในปัญญา
    หรือ ขณะมีอาการสำรวมทั้งกาย วาจา ใจ ซึ่งถือว่าเป็นฝ่ายดี เป็นฝ่ายบุญ กุศลกันอยู่แล้ว
    และจิตก็มิได้ส่งจิตออกนอกไปรับทุกข์ ไปอยู่กับกิเลสฝ่ายต่ำ ฝ่ายบาป หรืออกุศลจิต แต่อย่างใด

    เพราะฉะนั้นเราจงอย่าเข้าใจผิดกันว่า การละ ปล่อย วางนั้นมันง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปากกันนะ
    เพราะเรา(จิต)กับกิเลสนั้น จึงเสมือนเป็นเพื่อนเกลอ เพื่อนรกกันมานับชาติไม่ถ้วน
    จนจะเรียกได้ว่า จะเป็นตัวเดียวกันแล้ว คือแยกไม่ออกเลยว่า เราหรือกิเลส มันตัวไหนกันแน่
    แต่ก็ไม่ยากสำหรับผู้ปฎิบัติจริงๆจังๆ
    คือการฝึกดูจิต ก็เท่ากับฝึกสติ(สร้างสติ)ของตนอยู่บ่อยๆ นั่นเอง
    แต่ถ้าเรามีสติ(ความรู้สึกตัว)มากขึ้น จนกลายเป็น สติสัมปชัญญะ(ความรู้สึกตัวทั่วพร้อมกับทุกอิริยาบถ) คราวนี้เราก็พอจะมองเห็นจิต และกิเลสตนเองชัดขึ้นไปบ้างแล้ว

    (เอาแค่นี้ก่อน เพราะถ้าใครทำกันมาถึงขั้นนี้กันแล้ว เดี๋ยวก็ค่อยๆรู้กันไปเอง)

    ปล.ถ้าไม่อยากเป็นทุกข์กันให้รีบนำจิตของตน แยกออกจากกายหยาบเสียแต่เนิ่นๆ
    ตราบใดที่เรายังมีลมหายใจกันอยู่ แต้ถ้าไม่ทำอย่างนั้นกันแล้ว
    อีกไม่รู้กี่ภพ กี่ชาติที่เราจะต้องสลับชาติเกิดกันอยู่ใน 31 ภพภูมินี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 พฤษภาคม 2012
  18. เลขโนนสูง

    เลขโนนสูง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2010
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +825
    อ่านจนมาถึงหน้าล่าสุดจนได้เรา เอิ๊กๆๆ ^_^
     
  19. ภูภู

    ภูภู เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    3,042
    ค่าพลัง:
    +56,089
    [​IMG]

    ปัญญา เป็นแสงสว่างในโลก​


    เรามาฝึกใช้สติปัญญากันหน่อยไหม๊
    ขอถามว่า...ทำไม???

    (ความโกรธ)
    1. เราได้ยินเสียงคนด่า หรือนินทาคนอื่น ทำไม? เราไม่รู้สึกอะไร
    แต่ทำไม? พอได้ยินเสียงคนมาด่าเรา หรือนินทาเรา เรากลับไม่พอใจ หรือโกรธตอบ

    (ความทุกข์ใจ)
    2. เราเห็นคนอื่นตาย ที่มิใช่ญาติของเรา ทำไม? เราไม่รู้สึกอะไร
    แต่ทำไม? พอเห็นญาติของเราตาย เรากลับเสียอก เสียใจมาก

    (ความสุขใจ)
    3. เมื่อมีคนมาชมคนอื่น ที่มิใช่เรา ทำไม? เรากลับไม่รู้สึกอะไร
    แต่ทำไม? พอคนอื่นมาชมเรา เรากลับดีใจ มีความสุขใจ

    มาตอบแทนผมที
    คนที่ไม่รู้ ไม่แน่ใจ ไม่เป็นไร
    แต่ถ้าใครพอรู้ หรือว่า รู้แล้ว รู้ดีด้วย แต่ตนเองก็ยังทำใจไม่ได้เหมือนกัน ก็ตอบกันได้นะ ไม่ต้องอายกันหรอก
    เพราะเราไม่ได้เห็นหน้ากันสักหน่อย ต่างก็ใช้นามแฝงกันทั้งนั้น

    หรือถ้าได้ผู้มีสติปัญญาดี ผู้มีภูมิธรรมสูง ภูมิปัญญาสูง หรือผู้ปฎิบัติหลุดพ้น(ทำได้)
    มาช่วยตอบเพื่อเป็นธรรมาทานกันก็ยิ่งดีใหญ่

    อย่าลืมตอบแล้ว บอกวิธีแก้ไข หรือทำให้หลุดพ้นกันด้วยนะ

    ขอขอบพระคุณล่วงหน้าเป็นอย่างสูง
     
  20. ถิธานุ

    ถิธานุ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2011
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +219
    โมทนา สาธุ คับพี่เพ็ญ ขึ้นถึงนิพพานโดยเร็วพลันเทอญ สาธุๆๆ พี่คับสงสัยมีปลามากินเหยื่อเพิ่มแล้วคับในเว็บชุมชนจิตเกาะพระคับกำลังรอพี่จับขึ้นมาอยู่คับ อิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...