พระเครื่องปลุกเสกโดยคนเดียวกันก่อนบรรลุธรรมและหลังบรรลุธรรม แตกต่างกันไหม ?

...........เข้าไปอ่านแล้วครับ

 

เห้นด้วยอย่างยิ่งครับ ^_^

 

พอจะเข้าใจนะครับ........ท่านกล่าวมาอย่างไร ก็บอกต่อไปอย่างนั้นครับ

 

กระทู้นี้ แตกต่างอย่างสร้างสรรค์ครับ แม้จะเป็นเรื่องที่จะเข้าใจด้วยเหตุผลทางโลกได้ยากก็ตาม แต่ก็มีมุมมองที่หลากหลายดีครับ

จริงๆ แล้ว เราจะเอาอะไร มาวัดความขลังกัน กล้องถ่ายรูปแสงออร่า หรืออย่างไร ซึ่งส่วนตัวแล้ว ผมไม่เชื่อซักเท่าไหร่ เพราะความลี้ลับของจิต มีอะไรมากกว่านั้นเยอะ และผู้ที่เข้าใจคือผู้ที่ฝึกจิตถึงขั้น


ก็คงยกตัวอย่างตามที่ได้ยินพระท่านพูดมาบ้าง เล่าต่อมาบ้าง และยกเหตุผลที่คิดเองเออเองทางโลกมาแชร์กันครับ

 

ขอแชร์ตามที่ครูอาจารย์ สอนมานะครับ....
ตัวอย่างเช่น..เราได้ทำบุญกับพระปฏิบัตดีรูปหนึ่ง..โดยการใสบาตร.และต่อมาพระรูปนี้เกิดปฏิบัติหมดกิเลส...ได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์...บุญที่เคยใส่บาตรก่อนนั้น...ก็จะมีอานิสงค์เท่ากับเราใสบาตรพระอรหันต์ครับ
......พระเครืองรางที่ท่านเสกก็เหมือนกันครับ....แต่พระที่บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ท่านจะไม่ทำพระเครืองครับเพราะพระพุทธเจ้าท่านห้ามใว้.....พระอรหันต์ ศิลท่านบริสุทธิ์ครับ.......
........จากที่ท่านถามรับประกันได้ว่าิของที่เสก...นั้นจะอับเกรดอัตโนมัติครับ....ถูกตามที่เจ้าของกระทู้เข้าใจครับ

 

ครับผม ผมก็เล่าตามที่ได้ยินได้ฟังมา ความจริงผมก็ได้ยินได้ฟังครูบาอาจารย์เล่าเรื่องแฟนตาซีเยอะแยะไป กอปรกับเพื่อนซี้ที่ไม่โกหกกันเล่าถึงประสบการณ์ของเขาให้ฟัง (แน่ละผมแค่ฟังขี้ปากครูบาอาจารย์และเพื่อนมาโม้เท่านั้น)

อย่างเรื่องเพื่อนผมดูทีวีมีพิธีอะไรสักอย่างมีพระสงฆ์ดัง ๆ มาทำพิธี แต่เผอิญในทีวีเป็นเทปไม่ใช่ถ่ายทอดสด เพื่อนผมเห็นพระบางท่านมองผ่านหน้าจอมาทางเขาและสื่อสารกันด้วยความคิด (คือได้ยินเสียงความคิด) ด้วย ลำพังเรื่องได้ยินเสียงความคิดนั้นผมไม่แปลกใจอะไรสักนิด (แม้ผมจะทำไม่ได้แต่ผมใกล้ชิดกับคนที่ทำแบบนี้ได้บ่อย ๆ ผมเองยังทดลองด่ามันในใจ มันยังรู้ครับ ผมยังว่าเออดีคราวหน้าด่ามึงไม่ต้องเปลืองพลังงานดี 555)

แต่ที่แปลกลงไปก็คือส่งเสียงข้อความกันผ่านกาลเวลาหรือผ่านสื่อเทปโทรทัศน์ได้ด้วย (ไม่รู้เรียกอะไรดี)

เรื่องแปลก ๆ แบบนี้บางทีก็อยากจะมาสอบถามดูว่าคนอื่นคิดอย่างไรเช่นกัน

 

พระที่บรรลุธรรม(อรหันต์) ท่านไม่สร้างพระเครื่อง จริงหรอครับ ลองค้นดูนะครับ พระที่อัฐิกลายเป็นพระธาตุ หลายรูป ท่านก็สร้างพระเครื่อง เสกพระเครื่อง เยอะแยะเลยครับ เช่นหลวงพ่อยิด หลวงพ่อฤาษี และเคยคุยกับสายหลวงปู่มั่น ท่านก็บอกว่า หลวงปู่มั่นยังทำตะกรุดให้ลูกศิษย์เลย อันนี้ช่วยอธิบายหน่อยครับ

และการเสกพระ สร้างพระ จะทำให้ศีลข้อไหนไม่บริสุทธิ์

ขอความรู้หน่อยครับ

 

ผมอ่านเพลินทุกความเห็น มีมุมมองที่น่าสนใจครับ ขอแสดงบ้างน่ะครับ

พุทธแท้ๆ ไม่มีเครื่องรางของขลังครับ พระพุทธเจ้าไม่เคยสอน จนมีการบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก ทั้ง ๔๕ เล่ม การบรรลุธรรมตามหลักพุทธ ไม่มีการ ปลุกเสก เลข ยันต์ ธรรมมะ ไม่มีอะไรเกี่ยวกับอิทธิ ปาฏิหาริย์ การปลุกเสกเลขยันต์ ไม่ได้มีเปิดหลักสูตรสอนสิ่งเหล่านี้ แต่สอนให้เลิกซ่ะด้วย และไม่เกี่ยวอะไรกับ การบรรลุ ธรรม หรือ ด้านวิปัสสนา เลยครับ

แต่การมีฤทธิ์เป็น ฝ่ายที่ฝึก สมถะ มีได้ และ ศาสนาอื่นก็มีได้ครับ มีมาก่อนพุทธซ่ะอีก สมาธิแบบสมถะ ญาน กสิน โดยเฉพาะด้านพราหมณ์ พระครูฤาษี บรรพบุรุษเรารับศาสนาพราหมณ์มาก่อน ก่อนที่พุทธจะตามมา พวกเราเลยเป็นพุทธแบบพราหมณ์ เต็มๆครับ การตั้งชื่อ ตามหลักมหาทักษา การตั้งชื่อเมือง ชื่อเจ้า พระราชพิธี และพิธีต่างๆ เป็นของพราหมณ์ และ ศาสนาอื่นครับ

เราไปคิดเองว่า ผู้บรรลุธรรมจะต้องมีฤทธิ์ แต่จริงๆผู้ที่บรรลุธรรม คือ ผู้ที่ล่ะความมีตัวตน ล่ะกำจัดกิเลสของตัวเอง ฤทธิ์ก็เป็นกิเลสอย่างหนึ่งที่ต้องล่ะ ทิ้งไปให้หมด ไม่งั้นจะติดอยู่แบบนั้น ตามแบบศาสนาพราหมณ์ ที่เชื่อว่าผู้ที่ปฏิบัติชั้นสูง จะได้เป็นพรหม ผู้สร้างดลก เมื่อหมดบุญก็กลับมาเกิดอยู่ดี แต่อาจจะนานหน่อย

พอองค์พระศาสดามาสอน ท่านกลับสอนให้เลิกในฤทธิ์ ปลุกเสก เลขยันต์ พระเวท วิทยาคม การสวดมนต์บูชาเทพ แต่ให้มาดูที่จิตตัวเอง และ ล่ะสิ่งที่มาเกาะที่จิตให้หมดไป เน้นที่จิต ไม่ได้เน้นที่พิธี บทสวด และ มีฤทธิ์ให้ขลังกว่าคนอื่น

ผู้ที่บรรลุธรรม อาจจะมี ฤทธิ์ หรือ ไม่มีก็ได้ ถ้ามาแนวสุขวิปัสโก ไม่มีแน่นอน ไม่เหาะ ไม่เห็น ไม่ปลุกเสก เพราะทำไม่เป็นครับ เน้นแต่วิปัสสนา ไม่เน้น สมถะ ถ้ามาแนว เตวิชโช, ฉฬภิญโญ หรือ ปฏิสัมภิทัพปัตโต มีฤทธิ์ ครับ แต่พอสำเร็จ เป็นพระอริยบุุคล ถึงพระอรหันต์ ได้เลิก ล่ะ ได้เด็ดขาด ถึงข้ามฟากมาได้ครับ

แต่ถ้าจะเเสดงฤทธิ์อีกต้องมีเหตุครับ และ พระพุทธเจ้าห้ามครับ ตามพระวินัย ไปทำเล่นๆ เผลอๆ จะโดนข้อหาปาราชิกได้ในข้อที่สี่ คือ อวดอุตริ หรือ อย่างน้อยๆ อาจจะเป็นโลกวัชระ ที่ชาวบ้านติเตียนได้ครับ และพระอรหันต์ไม่มีเผลอครับ เพราะหมดเชื้อ

การที่จะมาทำเหมือนในอดีต พุทธกาล ที่มีพระอรหันต์เหาะโชว์เพราะชาวบ้านขอร้อง จนพระพุทธเจ้าทรงทราบ และทรงสั่งห้าม เมื่อมีพระภิกษุต้นบัญญัติ กระทำผิด ก็บัญญัติเป็นพระวินัยได้ครับ พระที่บรรลุไปแล้วจริงๆ ไม่มีใครทำผิดพระวินัยหรอกครับ ...ฟันธงครับ

ผมมีความเชื่อว่า ผู้บรรลุธรรมจริงๆมีน้อย เอาแค่พระโสดาบัน ก็ยากแล้วครับ ไม่ต้องว่าพระอรหันต์หรอกครับ เคยอ่านที่ท่านเจ้าคุรนรฯ เทศไว้ มีผู้บันทึก ถ้าจริง ในยุคนั้น ท่านบอกว่ามีผู้บรรลุธรรม มีทางเหนือ สององค์ และ ถ้าเจ้าคุณนรฯ พูดไว้แบบนั้นจริง ก็มีแค่นั้นครับ ซึ่งนับว่าเยอะแล้วครับ และบรรลุระดับไหน ไม่ทราบ เพราะถ้าจริง ต้องบรรลุ ขนาดท่านเจ้าคุณนรฯ ขึ้นไปครับ และการที่เรามาบอกว่าท่านเจ้าคุณนรฯ บรรลุอะไร เป็นการเดาทุกคนครับ เพราะมีผู้เดียวที่บอกได้ คือ องค์สมเด็จบรมครู ครับ

แต่ถ้าถามว่า มีพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ มีญาณ สมาบัติ เชื่อครับว่ามี และ เชื่อว่ามีเยอะด้วย ที่เรานับถือกัน ส่วนมากเป็นแบบนี้ครับ อย่าไปเอาเรื่องธรรมมาปนกับฤทธิ์ เพราะท่านจะถูกจิตท่านหลอกเอาได้อีกครั้ง เหมือนกับที่เคยโดนมาหลายครั้ง

และ การเอาพราหมณ์มาปนกับพุทธ เรื่องเครื่องราง ของขลัง ด้านพราหมณ์ และ เอามากำหนดมาตรฐาน เรื่องการบรรลุธรรม ด้านพุทธ มา กำหนดด้านฤทธิ์ ว่าขลัง หรือไม่ เป็นการเรียนคนล่ะปริญญา และเอามาตรฐานคนล่ะ ปริญญา มากำหนด เกรงว่าแม้จะฟังเป็นเรื่องเดียวกัน ถนนต้นสายเหมือนกัน แต่ถนนปลายสาย คนล่ะสายครับ เป็นการแยกเรียนต่างจากกัน โดยเด็ดขาด ไม่มีความเหมือนกันเลยครับ ต่างกัน ๑๐๘ องศา ตามประวิติที่ องค์เจ้าชายสิทธัตถะ ได้ออก แสวงหา โมกข์ธรรมด้วยตัวเอง หลังจากร่ำเรียน กสิน อาณาปนสติ ได้ ญาน ได้สมาบัติ มาจากพระฤาษีมาแล้วโดยเรียนจากเรียนมาจาก ท่านพระอาจารย์ฤาษี พระดาบส อาฬารดาบส และ อุทกดาบส ท่านเจ้าชายสิทธัตถะ ก็แยกไป แสวงหาธรรมที่ แตกต่างจากสิ่งที่เรียนจนชำนาญ ไม่มีใครมาสอนให้ได้

หลังจากบรรลุธรรมแล้ว ผู้ที่องค์พระศาสดานึกถึงท่านแรกๆ คือ ท่านอาฬารดาบส และ อุทกดาบส พระฤาษีนี่เอง ว่าจะไปโปรด โมกข์ธรรมให้บรรลุ แต่ท่าน ทั้งสอง สิ้นบุญไปซ่ะก่อน ไปเป็นพรหม ซึ่งตามไปสอนยาก องค์พระศาสดา เลยเปลี่ยนเข็มมาสอน ท่านปัญจวัคคีย์ ที่เข้ามาในข่ายพุทธญาณแทน

ทางพุทธ เป็นจิตล้วนๆ ไม่มี คาถา เลขยันต์ครับ เพราะล่ะไปแล้ว เลิกไปแล้ว ไปไกลกว่ามาก ตามข่ายญาณ แต่การอธิษฐานมีครับ และผู้ที่สำเร็จทางธรรมได้ ย่อมมีบารมี เป็นที่เคารพ เกรงใจต่อ ผีสาง เทพ เทวดา การที่อธิษฐาน เพราะโปรด ชาวบ้านครับ และ เป็นไปตามกฏแห่งกรรม อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แต่เป็นของดี ที่ผีสาง เทพ เทวดา ให้ความเคารพและช่วยเหลือ ผู้ได้ได้ครอบครองจัดว่ามีโชค แต่ไม่ใช่ไสยศาสตร์ เหนียว อุด คงกระพันแบบ ด้านพราหมณ์ แต่ถ้าเกิดได้ผล ก็ตามกรรมของท่านครับครูบาอาจารยืสายพราหมณ์ช่วยเหลือ แต่ของที่อธิษฐานโดยผู้บรรลุธรรม จะทำให้ชีวิตรุ่งเรือง ร่มเย็นเป็นสุข ตามบารมีของ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ซึ่งเหนือโลกครับ

แต่ถ้าจะบอกว่าพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง ตามหลักไสยศาสตร์ ตามหลักพราหมณ์ ตามหลัก ปลุกเสก ด้วย ญาณสมาบัติ เสกด้วยพลังจิต มีหรือไม่ ผมมีความเชื่อ ๑๐๐ % ว่ามีครับ มีบารมี แรงครู คอยอาลักษณ์ มี เทพ เทวดา อาลักษณ์ มีพลังของ สัจจะ ความดี ญาณสมาบัติช่วยหนุน สมัยโบราณ เขาก็ทำเครื่องรางของขลังแบบนี้แหละครับ ทำให้ ของขึ้น มีเหนียว มีคงกระพัน ทำให้ ไทย ยังเป็นไทยมาได้จนถึงบัดนี้ ไม่แพ้พม่า แพ้อังกฤษ แพ้ฝรั่งเศษ ( แม้จะเพลี่งพล้ำ ยอมๆ เขาบ้าง แต่ไม่ถึงกับเป็นเมืองขึ้นเขาครับ...แหะๆ ยกเว้นพม่า แต่แก้คืนได้ทุกที )

เราลืมรากเหง้าแบบ พุทธ ปน พราหมณ์ ของเราไม่ได้หรอกครับ คนไทยเป็นแบบนี้แหละครับ ไทยเเท้

 

ข้อที่พระุพุทธเจ้าห้ามพระสงฆ์ทำเครืองรางของขลังลองไปหาดูนะครับ.....ผมไม่ได้จำว่าอยู่ข้อไหนแต่มีแน่นอนครับ
1.จะขอแยกแยะให้ดู พระอริยะ มี 4 ประเภทนะครับ พระโสดา สักทาคามี อนาคามี พระอรหันต์ พระอริยเจ้าทั้ง 4 ประเภท นั้น ศิล ต้องต้องบริสุทธิ์ครับ ทุกอย่างเริมที่ศิล....เพราะพระพุทธเจ้าสอน ศิล สมาธิ ปัญญา...จนหมดจดจากกิเลศเครืองเสร้าหมอง....ครับ.....
2. พระหรือฆารวาสที่เสกเครืองรางของขลังนั้นต้องนั่งสมาธิ ต้องท่องบนตัวคาถา จิตจึงจะีฌาน เมือมีฌาน 2 ขึ้นไป ก็ขลังแล้วครับ ...ยิงไม่เข้าและฟันไม่เข้าล้วนเกิดจากจิตที่มีฌานทั้งสิ้นครับ...ใครอธิฐานที่ฌาน 4
ของนั้นอำนาจพลังก็มาก กว่าฌาน 2 ยิ่งได้สมาบัติ 8 อำนาจพลังก็มากกว่า อธิฐาน ที่ฌาน 4
3.การที่กระดูกกลายเป็นแก้วใสหรือแปรสภาพ...ครูอาจารย์ท่านสอนใว้
ว่าผู้ที่ทำฌาน4 ได้นั้น...กระดูกสามารถเป็นพระธาตุได้ครับ...ส่วนมากจะพบกับพระที่ปฏิบัติดี...เพราะท่านทำฌาน ทำสมาธิเสมอๆต่อเนื่องไม่ขาดสายครับครับ.....
4.แล้วที่ท่านถาม พระหลวงปู่มัน...ท่านทำตะกุด...อันนั้นผมไม่ทราบว่าท่านทำก่อนบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ไหม.....แต่หากบรรลุแล้วท่านคงไม่มานั่งเขียนเลขยันพันตะกุดแน่....เพราะผิดศิลี่พระพุทธเจ้าห้าม.....แต่หากมีลูกศิษย์ทำ..แล้วมาให้ท่านเมตตาอธิฐานให้..ท่านอาจอธิฐานให้....ได้เพราะอธิฐานไม่ผิดศิล...ทำให้ด้วยเมตตา...ครับ
มีต่อ....

 

5...อ้างอิงจากข้อ 2 มีพระปฏิบัติ.....เป็นเจ้าอาวาสวัดทางใต้..มีพี่เป็นกำนัน...พี่แกมีพระดี..เอ็ม16 ยังยิงไม่ออกเลย ไม่ยอดเข้าวัด...วันนั้นแกจะโปรดโยมพี่เลยให้เอาพระเครืองมาทั้งหมดที่ว่าแน่...ลองยิงกันจริงๆ พระโยมพี่ก็แน่ ปืนยิงไม่ออกครับ....แล้วท่านก็หยิบก้อนหินที่อยู่ด้านหน้า...มาอธิฐาน...แล้วให้โยมพี่ยิง...ปรากฎว่าปืนยิงไม่ออกครับ
..โยมพี่ ก้มกราบยอมท่าน แล้วท่านก็แสดงธรรมให้ฟัง....
นี่คือตัวอย่างของจิตที่ฝึกมาดี และรวมถึงศิลทีบริสุทธิ์ด้วยครับ

 

อ้างอิง...จากข้อ1..
ก่อนจะได้คุณธรรม นั้นต้องมีฌาณ 4 เมือมีฌาน จึงเกิดญาณ คือตัวรู้..ครับ.มีตัวรู้(คือปัญญา)จึงจะตัดกิเลศต่างๆได้ครับ.
....แต่พอปฏิบัติถึง อิทธิบาท 4 พละ 5 นี่หละครับ...พระท่านจะทำเครือรางของขลังเสกนั้นทำนี่...เพราะธรรม อิทธิบาท 4 พละ 5ทำให้มีฤทธิ์ มีกำลัง...ครับ..
ผมก็เล่าจากประสปการณ์ฟังธรรมจากพระปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบมาครับ..ท่านยอมตายดีกว่ายอมผิดศิล...ตลอดชีวิตท่านทำสมาธิตลอด...ท่านไม่เคยทำพระเครืองรางของขลัง..เพราะพระพุทธเจ้าห้ามใว้...ท่านมีเพียงรูปถ่ายกระดาษ ที่อธิฐานใว้ให้ลูกศิษย์ได้บูชาครับ...สาธุครับ

 

ขอบพระคุณมากๆครับ ได้รับความรู้ใหม่ๆ ว่า ผู้มีฌาน 4 กระดูกจะเป็นพระธาตุ

ซึ่งขัดแย้งกับคำสอนของสายหลวงปู่มั่น แปลกๆอยู่ครับ ยากแก่การเข้าใจจริงๆ

อย่างหลวงตามหาบัว ท่านก็บอกว่า อัฐิที่กลายเป็นพระธาตุ นั่นคือการยืนยันแล้ว ว่าเป็นพระอรหันต์

ขอบพระคุณพี่พี และก็พี่misu ที่ช่วยกันตอบครับ เป็นแง่คิดดีๆสำหรับปุถุชนจริงๆ

 

อืมมม งั้นตั้งแต่มีพระพุทธรูปครั้งแรก แบบทวารดี คงพันกว่าปีมั๊งจนถึงวินาทีนี้ไม่มีพระอรหันต์เหลือรอดเลย ลป.มั่น ลป.ฯลฯ จนถึงสมเด็จพระสังฆราชก็คงไม่ใช่พระแล้วล่ะครับ เพราะท่านก็สร้างพระกัน แม้ไม่สร้างโดยตรงแต่ก็ไม่ได้ห้ามลูกศิษย์เนอะ

 

สาธุครับจริงตามที่พี่เขียน...กระจ่างชัดเจนตามนั้นเลยครับ

 

ผมว่าเจ้าของกระทู้ต้องแยกแยะนะครับ...
ว่าพระสมมุติสงฆ์คืออะไร....
พระอริยะคือะไร...จะเป็นพระอริยะได้ต้อง....ผ่านธรรมขั้นใดบ้าง..
แล้วท่านจะไม่บอกวา....ลป.มั่น ลป.ฯลฯ จนถึงสมเด็จพระสังฆราชก็คงไม่ใช่พระแล้วล่ะครับ เพราะท่านก็สร้างพระกัน แม้ไม่สร้างโดยตรงแต่ก็ไม่ได้ห้ามลูกศิษย์เนอะ

 

ครับ ขออนุญาตครับ ที่บอกว่าผู้ที่ทำฌาน 4 กระดูกสามารถเป็นพระธาตุได้ นั้น ครูบาอาจารย์องค์ใดท่านสอนมาหรือครับ และที่พระไปไตรปิฎก มีบอกหรือไม่ ถ้ามีอยู่ที่เล่มไหน หน้าอะไรครับ แบบอยากรู้น่ะครับ ไม่ได้มากวนอะไร

อันนี้แล้วคุณสามารถแยกแยะได้หรือเปล่าครับ แล้วคุณรู้จริงหรืออ่านมาครับ ว่าจะเป็นพระอริยะได้ต้องผ่านธรรมขั้นใดบ้าง หรือว่าคุณรู้ ช่วยบอกด้วย

 

ไอ้เรื่องแยกแยะน่ะไม่ยากหรอกครับ คนต่างศาสนาอ่านหนังสือไทยออกมีขะหมองก็แยกแยะได้ครับ

แต่อย่าลืมว่าคุณหรือผมรู้หรือใครคืออรหันต์ แต่เราสังเกตเอาจากอะไรล่ะครับ

ถ้าเอาเกณฑ์ของคุณ พันกว่าปีที่ผ่านมาก็ไม่มีอรหันต์เหลือเท่าไหร่นัก

เอาแค่ในเมืองไทย พระที่สร้างพระ เช่น สมเด็จพระสังฆราชก็ไม่ใช่ พระสาย ลป.มั่นมากมาย เช่น ลป.ฝั้น ลป.หลุย ลป.ชอบ ฯลฯ ก็ทำพระ

ลป.โต๊ะ , ลป.เอี่ยม , สมเด็จโต , ลป.ศุข ทั้งหมดก็สร้างพระ คนเหล่านี้ก็ไม่เฉียดอรหันต์หรือเฉียดอริยะบุคคลหมดใช่ไหม ?

โปรดยืนยันด้วย

 

ด้วยความเคารพ

แหะๆๆๆ ขออนุญาตครับพี่ๆ ทุกคน ผมว่าบรรยากาศเริ่ม มาคุ แล้วครับ กลุ่นๆ ยังไงไม่รู้....... ขอบคุณพี่ๆ ที่ให้ความรู้ครับ บอกตรงๆ ผมไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรหรอกครับ..... สมองหนา ปัญญาทึบ แต่ก็พยายามเข้าถึงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ครับ ยังอยากอ่านข้อความที่มีประโยชน์ต่อไปเรื่อยๆครับ...... ขอบคุณครับ

 

น่าเห็นใจครับ เพราะอริยบุคคลลงมาท้วงทำให้บรรยากาศเริ่มมาคุซะแร้ว

 

จริงๆแล้วในหัข้อ ที่พี่เสวภาแสดงความคิดเห็นนั้นกระจ่างแจ้งแล้วนะครับ...เขาแยกใว้ชัดเจนนะครับ....อ่านเเล้วเข้าใจง่ายครับ...
การทีคุณจะจำแนกว่าพระท่านใดเป็นพระอรหันต์...นั้นไม่สามารถรู้ได้ด้วยวิสัยปุถุชนคนมีกิเลสหรอกครับ...หากแต่เราคือผ้ศึกษาพระธรรมวินัย ว่าพระพุทธเจ้าสอนว่าอะไร...เช่นการที่จะบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้นั้น..ต้องละสังโยชน์ 10 และเราเจอครูบาอาจารย์ เราก็ถามท่าน...
ว่า...สังโยชน์ 3 สังโยชน์ 5 สังโยชน์ 10 มีอะไรละยังงัย...และธรรมสัปยุติ รวมแบบไหน...ต้องเสวยวิมุติ ยังงัย ...กีวัน...
หากเรารู้ที่จะถาม....และพระท่านตอบคำถามเราจนสิ้นสงสัย...และสอนเราให้รู้ ให้ทำตามท่านได้....ท่านชี้ทางให้เราได้ แก้สงสัยที่เรามีใด้...
หากท่านหนึ่งท่านใดเจอ...คำว่า..อ๋อ..คือหมดสงสัยมันก็เกิดขึ้นกับผู้ที่พบเจอเองครับ....