ภัทรกัปที่แยกชนชั้นนักบวช และภัทรกัปที่ไม่แยกชนชั้นนักบวช (ไม่มีนักบวช)

สวัสดีครับ วันนี้เรามาศึกษาเรื่องยุคสมัย
กันต่อเลยก็แล้วกัน หลังจากที่ผมได้เล่า
ถึง "ภัทรกัปนี้" และ "ภัทรกัปหน้า" ไว้
บ้างแล้ว สิ่งที่คุณควรเข้าใจอีกอย่าง คือ
โลกไม่จำเป็นต้องมีชนชั้นเสมอไปในทุก
ยุค บางยุคอาจมี แต่บางยุคอาจไม่มี นั่น
หมายความว่า "นักบวช" อาจจะมีในยุค
บางยุคหรือไม่ก็ได้ เช่น ภัทรกัปหน้า จะ
ไม่มีชนชั้นแยกจากกัน ดังนั้น แม้แต่พระ
พุทธเจ้าก็ไม่ต้องเป็นนักบวช ไม่มีแยกกัน
ระหว่างฆราวาสและพระ สิ่งที่คุณเห็นว่า
มีการแยกชนชั้นระหว่างฆราวาสและพระ
นั้นเป็นผลมาจาก "ภัทรกัปนี้" เขาสร้าง
บารมีร่วมกันมาอย่างนี้ ในโลกธาตุอื่น ใน
ดาวดวงอื่น ผู้สำเร็จธรรม ไม่ได้ถูกแยกเป็น
พระ ออกจากคนอื่นๆ ซึ่งเป็นฆราวาสอะไร
เลย ทั้งหมดก็เป็นเหมือนนักบวชในตัวอยู่
แล้ว เขาไม่แยกระหว่างพระและฆราวาส
มีเฉพาะ "โลกของคุณในภัทรกัปนี้" แหละ
ที่มีอย่างนี้ ซึ่งนับเป็น "ความเสื่อมของยุค"
อย่างหนึ่ง นั่นหมายความว่า ถ้าคุณทำให้
โลกเจริญขึ้นได้จริง ชนชั้นนักบวช ก็ไม่มี
แต่คนทั่วไปก็เหมือนเป็นนักบวชในตัวแล้ว


เอาละ เรามาทำความเข้าใจกันใหม่ นะครับ

 

"นักบวช" คือ พลังผสมของดาวพฤหัส ดาวแห่งการสร้างชนชั้นวรรณะ


เอาละ ท่านทั้งหลายที่ยังคงคิดว่า "พระ" คือ จิตหนึ่งเดียว เราขอกล่าว
แก่ท่านว่า "ไม่จริงเลย" จิตหนึ่งเดียวนั้น บริสุทธิ์ประภัสสร ไม่มีแม้แต่จะ
เป็นพระหรือฆราวาส ไม่มีแยกชนชั้นวรรณะ ไม่มีแยกระหว่างฆราวาสหรือ
พระอะไรเลย ทันใดที่ฆราวาสบรรลุอรหันตผล เขากลับไม่มีความรู้สึกว่า
อยากจะเป็นพระหรือไม่เลย จนเมื่อ "พลังดาวพฤหัส" (ดาวฤษี) เข้ามา
ประสานร่วมแล้ว เขาจึงเกิดความคิดปรุงแต่งขึ้นว่า "ฉันควรอยู่อย่างนัก
บวช" แท้แล้วจิตหนึ่งเดียว คือ จิตประภัสสรนั้น ไม่มีแม้แต่ความคิดเป็น
"นักบวชหรือพระ" ด้วยซ้ำไป นั่นแหละ ท่านทั้งหลายที่ "หลงคิด" ไป
ว่า "ตนมีจิตดวงเดียว" นั้นล้วน "ถูกพลังฤษี" ครอบงำเข้าแล้วทั้งสิ้น !
แต่ก็ไม่ได้ผิดแปลกอะไร เพราะนี่คือ "ปกติของโลกนี้ในยุคภัทรกัปนี้" ก็
แค่นั้น ทว่า ในดาวดวงอื่น, โลกธาตุอื่น เราไม่มีการแยกระหว่างผู้มีธรรม
ในแบบฆราวาสหรือพระหรือนักบวชอะไรเลย การแบ่งแยกนี้มาจากพลัง
แห่งดาวพฤหัส (ดาวฤษี-นักบวช) ที่ห่อหุ้มท่านอยู่ "โดยที่ท่านไม่รู้เท่า
ทัน" แล้วคิดไปว่าตนมีจิตเดียว ก็เท่านั้นเอง แท้แล้วไม่ใช่เลย จิตที่คิดว่า
ตนควรเป็นพระ, อยู่อย่างพระ, ต่างจากฆราวาส นั่นแหละ คือ "จิตดวงที่
สอง" ที่เข้ามาประสานในร่างของท่านแล้ว ขอให้ท่าน "ตื่นแล้วรู้ไว้ด้วย"

 

โลกของท่านในภัทรกัปนี้ มี "นักบวช" แต่โลกอื่น, ยุคอื่น อาจไม่ใช่?


ท่านเอ๋ย? "อย่ายึดมั่นถือมั่นอะไรมากไปในสิ่งที่ท่านลืมตาขึ้นมาเห็นได้
ในโลกใบนี้" เพราะถ้าท่านเชื่ออย่างนั้นมากไป ท่านก็จะถูก "โลกนี้หลอก
เอา" เอาละ ถ้าท่านเห็น "ทุกๆ โลก ในจักรวาล-ในทุกๆ ยุคพร้อมกันได้"
ท่านก็ "แปลกใจมาก" เพราะมันไม่เหมือนกับโลกที่ท่านเห็นในยุคนี้เลย
โลกของท่านในยุคภัทรกัปนี้ "มีลักษณะเฉพาะของตัวเอง" อันเป็นผลมา
จาก "บุญกรรมหรือพลังงานเก่า" ของท่านทั้งหลายเคยร่วมสร้างทำกัน
ไว้ ทำให้มันถูกปรุงประกอบให้มี "รูปแบบ" อย่างหนึ่ง (อย่างที่เป็นอยู่นี้)
ทว่า "ท่านจะไปยึดสิ่งที่ท่านเห็นในโลกนี้ ณ ปัจจุบันนี้" ว่าถูกต้องแล้วใน
ระดับ "สากล" ไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่ระดับสากล มันเป็นเพียงระดับโลกใน
ยุคนี้ของท่านเท่านั้น อนึ่ง การมี "นักบวชหรือพระ" ในโลกนี้ ยุคนี้นั้น ไม่
ใช่ความถูก-ผิด อะไร แต่อย่างใด ทว่า มันคือ "ผลจากพลังงานเก่า" แต่
ก่อน ขับดันปรุงแต่งสร้างมันให้เป็นเช่นนี้ก็เท่านั้น "ผู้บรรลุธรรม" ในโลก
, ดาวดวง, โลกธาตุอื่น ฯลฯ นี้ไม่จำเป็นต้องอยู่ในระบบ "ชนชั้นวรรณะ"
อะไรเลย ถ้าท่านสามารถเห็นทุกดวงดาวในจักรวาลนี้ได้ หรือเห็นโลกใบ
นี้ของท่านเองแบบ "เหนือกาลเวลา" ได้นะ ทว่า มันไม่ผิดหรอกที่โลกนี้
จะมี "นักบวชหรือพระ" เพราะมันก็คือ "ผลจากพลังงานเก่า" ก็เท่านั้น
แต่อย่าไปยึดมั่นถือมั่นมันมาก และท่านควรทราบด้วยว่า "โลกของท่าน
ถูกสร้างให้เป็นโลกแห่งพลังงานเชิงซ้อน" อย่าคิดว่าท่านมีจิตดวงเดียว
เพราะ "ท่านกำลังขาดสติ หลงตัวเอง" จิตดวงเดียวที่บริสุทธิ์ประภัสสร
นั้น ไม่มีแม้แต่ "ตัวตนแห่งความเป็นพระหรือนักบวช" เขาอาจมีสภาพ
เหมือน "คนบ้าในป่าลึก" ที่แต่งตัวอะไรก็ได้ (ขอให้ดูประวัติหลวงปู่คำ
คะนิงซึ่งหลังบรรลุธรรมไม่ได้บวชอยู่ในป่าแล้วพบกับหลวงพ่อฤษีลิงดำ
-แนะนำโดย สังขารของผู้สื่อสารฯ) ดังนั้น "ตัวตนแห่งนักบวชหรือความ
เป็นพระ" นั้นมาจากไหน? นั่นแหละ เราจึงกล่าวว่าเป็นพลังงานเชิงซ้อน
เราจึงกล่าวว่าท่านไม่ได้มีจิตดวงเดียวจริงๆ (แต่ก็ไม่ใช่ความผิดอะไรนะ)

 

มูลเหตุที่ "นักบวช" ในโลกของท่านยุคนี้ ถูกสร้างขึ้นมาเพราะอะไร?


ในโลกธาตุอื่นๆ ไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นวรรณะ และไม่มีนักบวชหรือ
พระอะไร ทุกคนคือ "พระ" อยู่แล้วในตัวทั้งสิ้น ไม่ต่างกันเลย นั่นคือ
"โลกหรือดาวที่เจริญแล้ว" อย่างแท้จริง จึงไม่มีการแบ่งแยกชนชั้น
ทว่า "โลกของท่านในยุคภัทรกัปนี้" ไม่ได้เจริญถึงขั้นนั้น และยังคง
ต้องมี "ชนชั้นวรรณะนักบวช-พระ" อยู่ ในช่วงของการเตรียมสร้าง
โลกใบนี้ ในยุคภัทรกัปนี้ ให้แก่พวกท่านนั้น เราได้รับความร่วมมือมา
จาก "หลายท่านมากมายในจักรวาลนี้" และหนึ่งในนั้นคือ "ชาวดาว
พฤหัส" ผู้สร้างระบบนชั้นวรรณะให้แก่โลกนี้ และเป็นที่มาของการมี
นักบวช, พระ ขึ้นบนโลกนี้ มันคือ "วิทยาการของชาวดาวพฤหัสโดย
ตรง" ไม่ใช่ของท่านผู้อื่น และไม่ใช่ของโลกนี้แต่เดิมมาก่อนเลย เหตุ
สำคัญที่เราต้องให้มีสิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะสาเหตุง่ายๆ สามประการ ดังนี้


1. ความต่างระดับของพลังงานภายใน "รูปธรรมชีวิต" ของโลกนี้ ต่าง
กันมาก ทำให้ไม่อาจอยู่กันอย่างเหมือนกัน เท่าเทียมกันได้อย่างแท้จริง

2. ผู้บรรลุธรรมแล้ว จำต้องอยู่อย่างไม่กระทำอะไรมาก เพราะจะส่งผล
กระทบต่อโลกอันบอบบางใบนี้ได้ โลกนี้ยากจะรองรับพลังของพวกเขา

3. ผู้ไม่บรรลุธรรม จำต้องพัฒนาพลังงานภายในของตน ยกระดับตนให้
สูงขึ้น ให้เทียบเท่ากัน ดังนั้น จำต้องอยู่อย่างฆราวาส มีงานทำมากมาย


เอาละ หวังว่าท่านคงเข้าใจ "มูลเหตุที่โลกนี้ต้องมีชนชั้นวรรณะ" โดย
เฉพาะการมีนักบวชหรือพระแล้วนะ และหวังว่าท่านคงเข้าใจเสียที ว่า
ท่านไม่ได้อยู่แบบ "พลังงานเชิงเดี่ยว" หรือ "จิตเดียว" อย่างที่หลงไป
คิดเช่นนั้น ท่านถูกห่อหุ้ม และประสานด้วยระบบ "พลังงานเชิงซ้อน" ที่
ท่านจะหลุดพ้นจากมันได้ เมื่อ "ท่านจะละสังขารจากโลกนี้ไป" แล้ว ก็
เท่านั้น ก่อนเวลานั้นท่านจะต้องได้รับการ "ห่อหุ้มด้วยพลังงานเชิงซ้อน"
เสียก่อน เพราะนี่คือ "วิธีที่ทำให้เกิดการกลมกลืนกันของสิ่งที่ต่างกันได้"

 

ใน "ภัทรกัปหน้า" ท่านสามารถสร้างยุคสมัยให้ไร้ซึ่งชนชั้นวรรณะได้


ในภัทรกัปนี้ ย่อมต้องเป็นเช่นนี้ไปก่อน ก่อนที่ "พลังงานเก่าที่ขับดันทั้ง
ภัทรกัปนี้" จะได้รับการชำระล้างจนหมด ซึ่งก็พอดีกับเวลาหมดสิ้นของ
ภัทรกัปนี้ นั่นเอง ดังนั้น ในช่วงภัทรกัปนี้ ท่านจำต้องยอมรับสิ่งที่เป็นอยู่
ในยุคสมัยแห่ง "ภัทรกัปนี้" ต่อไปก่อน แล้วท่านค่อยไปสร้าง "ภัทรกัป"
หน้า ที่เป็นไปดังใจท่านต้องการได้ เช่น การที่ชาย-หญิง เท่าเทียมกัน,
การอยู่อย่างไม่มีชนชั้นวรรณะ ไร้นักบวช ไร้พระ ฯลฯ ทุกคนเท่ากัน คือ
เป็นพระเหมือนกันได้ทั้งหมด ฯลฯ เอาละ นั่นคือ "พลังงานใหม่" ที่ท่าน
จะสามารถ "สร้างขึ้นร่วมกันเพื่อสร้างโลกในอนาคต" ของท่าน ในยุคที่
เรียกว่า "ภัทรกัปหน้าของท่าน" ได้ ท่านสามารถกำหนด, สร้าง, เลือก
ได้ดังใจ "อย่าได้ยึดติดสิ่งที่ท่านเห็นในโลกใบนี้ ในยุคภัทรกัปนี้" ว่ามัน
จะต้องถูกต้องเสมอไป บางอย่าง ท่านสามารถทำให้มันดีกว่านี้, พัฒนา
ก้าวหน้าไปมากกว่านี้ ก็ได้ อย่าได้หลงกลกาลเวลา, อย่าได้ติดกับดักใน
ห้วงเวลาปัจจุบัน หรือสิ่งใดๆ ท่านจงปลดปล่อยตัวเองให้พ้นไปจากบ่วง
พันธนาการทั้งหลาย สู่อิสระภาพโดยแท้ แล้วสร้างมันขึ้นมาใหม่ ด้วยใจ
ด้วยมือของพวกท่านเอง ให้ดีที่สุด เท่าที่ท่านจะสามารถร่วมพลังกันได้

 

โลกนี้เป็นโลกแห่งการผสมผสาน แต่ท่านควรเคารพกฏของยุคสมัยด้วย


โลกใบที่ท่านยืนอยู่นี้ คือ "โลกแห่งการผสมผสาน" มันผสมผสานทั้งส่วน
ที่มาจาก "โลกอนาคตของมันเอง" และ "โลกอดีตของมันเอง" อีกด้วย !
ทว่า ท่านควรเคารพ "กฏของยุคสมัย" ด้วยเพราะถ้าท่านสร้างสิ่งที่ผิดไป
จากยุคสมัยที่ควรจะเป็น มากเกินไป ผลที่เกิดขึ้น จะสะท้อนย้อนกลับมาสู่
ท่านทุกคน ทั้งหมด ทั้งมวล ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะท่านไม่ยอมเคารพ
"กฏของยุคสมัย" นั่นเอง มันไม่ผิดอะไร? ถ้าท่านอยากสร้างโลกนี้ให้เป็น
ไปดังใจท่านต้องการ คือ "โลกในอนาคตที่ท่านต้องการ" ทว่า นี่คือ การ
เปิดโอกาสให้ท่านทดลอง "ชั่วคราว" เท่านั้นเอง เมื่อท่านทำการทดลอง
เสร็จสิ้นแล้ว ควรแก่เวลาแล้ว "เราจำเป็นต้องขอให้ท่านเก็บกลับคืน" ไป
ด้วย เพราะมันไม่ใช่ของ ที่เหมาะสม หรือควรจะเป็น ต่อโลกใบนี้ ณ เวลา
ปัจจุบัน มันดีเกินไป มันล้ำหน้าเกินไป มันมากเกินไปที่รูปธรรมชีวิตในโลก
ใบนี้จะรองรับมันได้ ดังนั้น แม้โลกแห่งการผสมผสานใบนี้ มันจะพร้อมเปิด
ให้ท่าน "ทดลอง" ได้มากมาย ทว่า ท่านก็ต้องมี "ความรับผิดชอบ" หลัง
จากท่านได้ทดลองแล้วคือ "เก็บกลับคืนสิ่งที่ท่านทำเอาไว้" ด้วย อย่าลืม!

 

สุดท้ายนี้ หวังว่าท่านคงเข้าใจคำว่า "ยุคสมัย" มากขึ้น ในขณะเดียวกัน
ท่านต้องเข้าใจถึง "วาระของการชำระล้างพลังงานเก่า" แต่ละชนิดด้วย
ว่ามีวาระในการชำระล้างไม่พร้อมกัน เช่น พลังงานเก่าบางชนิด อาจได้
รับการชำระล้างไปก่อน ในช่วงนี้ แต่บางชนิด จะได้รับการชำระล้างในอีก
2,500 ปีข้างหน้า และพลังงานเก่าบางชนิด จะได้รับการชำระล้างในอีก
เมื่อถึงยุค "สิ้นภัทรกัป" นี้ ดังนั้น พลังงานเก่าบางอย่าง ที่ท่านมองว่ามัน
ล้าหลัง ไม่ทันสมัย อย่างไรเสีย มันก็ยังต้องอยู่ ท่านจะไม่อาจชำระล้างมัน
ได้ เพราะ "ยังไม่ถึงเวลาของมัน" นั่นเอง เช่น พลังงานเก่าที่ทำให้เกิดมี
"ชนชั้น-วรรณะ" มีพระ, มีนักบวช ก็ยังต้องมีต่อไป, พลังงานเก่าที่ทำให้
มีเพศชายเป็นผู้นำเพศหญิงเป็นผู้ตาม ก็ยังคงต้องมีอยู่ต่อไป สิ่งต่างๆ ทั้ง
หลายเหล่านี้ เป็นเหมือน "ความคลาสสิคของยุคสมัย" มันไม่ใช่ ของซึ่ง
ล้าหลัง แต่มันยังได้รับความนิยมและเชื่อถือยาวนาน ถ้าท่านไม่เชื่อ ก็ลอง
ดูต่อไป ว่าท่านจะต้านทานพลังงานเก่าเหล่านี้ได้หรือไม่? ท่านจะเอาชนะ
มันได้ตลอดไปจริงหรือ? เอาละ ถ้าท่านทดลองสร้างโลกอย่างที่ท่านต้อง
การแล้ว ถึงวาระที่ควรจะจบ มันก็ต้องจบ แล้วกลับเข้าสู่สิ่งที่มันควรจะเป็น
ต่อไป ตามยุคสมัยของ "ภัทรกัปนี้" ไม่ใช่ตามความคิด ความรู้สึกของใคร


ขอให้พลังแห่งการมองโลกที่กว้างขวางและยาวไกล จงอยู่กับท่าน สวัสดี

 

23 มิ.ย. 2555


"เสียงจากสภาฯ"
รับสื่อสารโดย


瑠璃王

 

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=DUB7vfWUtvM&feature=related"]The Greatest Classical Music Pieces Ever Composed [HD] - YouTube[/ame][ame="http://www.youtube.com/watch?v=kyFyAqLtHq8"][/ame]


Classic แบบนี้ ชอบมั้ย?

 

หมดเวลาแล้ว
บะบายละครับ


:z8

 

งั้นเกย์ก็คงจะไม่เด่นไม่ดังแล้วน่ะสิ

 

การชำระล้างที่เบากว่า "สงคราม" ไม่มีเหรอ

 

บางอย่างที่พูดมา รับสารมาจากพระเจ้า บางอย่าง ก็เกิดจากปัญญาญาณของเขาเอง "เขารู้ได้ด้วยตนเอง" เขาคือองค์ปิดกัลป์นี้

 

เค้าเบื่อ และำรำคาญน่ะ !!!

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=K1uNjmxJQUo&feature=relmfu]The Pussycat Dolls - Stickwitu ft. Avant - YouTube[/ame]

 

เกิด ใหม่ หรือ มิ นา ก่ะ

 

เมื่อ ไหร่ หยุด ก่ เปลี่ยน มิติ หรือ หลุด จาก มิติ

 

ไม่หรอก คนนี้เค้าเด็ดขาด เค้าบอกว่าไปแล้ว "เค้าก็ไปเลย" คนที่อยู่และ "ดู" น่ะ มันอีกคนนึง

เพราะเค้าเด็ดขาด เค้าถึงได้เป็นองค์ปิดกัลป์นี้ "ปิดบัญชี" ไง

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=iWyvMerss4w]The Pussycat Dolls - Wait A Minute ft. Timbaland - YouTube[/ame]

 

โลก นี้ เป็น ฮาโลแกรม อยู่

มาร คง นึก ว่า ยิ่ง ใหญ่ แล้ว

จะ ก่ ให้ เกิด สงคราม .... ฝัน ไป แล้ว

เมื่อ ทุก อย่าง จะ วก กลับ หรือ ถึง จุด สิ้น สุด

งาน แสดง ต่าง ๆ ก่ จบ แค่ นี้

นิมิต สงคราม ก่ คือ พวก พลังงานเก่า มาร ครอบ งำ