นิทาน เรื่อง "พญานาค"

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 31 ธันวาคม 2011.

  1. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    แล้วต่อจากนั้นล่ะคะ จันทร์เทวีคงมีความสุขดีใช่มั้ยคะ?
     
  2. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,431
    เล่าเรื่องสัมผัสพิเศษให้ฟังแล้วกันครับ

    การใช้จิตสัมผัสโลกทิพย์นั้น ไม่ยากแต่ก็ไม่ง่ายครับ ขึ้นอยู่กับปัจจัยสองสิ่งคือ

    1.ความตั้งใจ หรือความมุ่งมั่นในตนเอง(วิริยะบารมี)

    2.การเรียกใช้ภวังค์ของตนเอง(อภิญญา)

    ก่อนอื่นถ้าเป็นคุรุวาโร ก็จะใช้วิธีการคือต้องเตรียมพร้อมให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ถือคติว่า เตรียมพร้อมที่ดี มีชัยไปกว่าครึ่งครับ
     
  3. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,431
    การเตรียมพร้อมก็คือ การศรัทธาในจุดมุ่งหมายของตนเองครับ เช่น อยากมีตาทิพย์ เราก็ต้องตอบคำถามของตนเองได้ว่า มีไปทำไมตาทิพย์

    ถ้าตอบได้ก็แสดงว่า มีความมั่นใจในตนเองครับ แต่ถ้าตอบไม่ได้ก็แสดงว่าขาดการเตรียมพร้อม

    เมื่อมีความมั่นใจ นั้นคือ บันได สู่ความสำเร็จครับ เมื่อมีบันได ก็เหลือแค่การเดินขึ้นบันไดครับ
     
  4. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ถ้าจะกรุณา ช่วยเล่าการเตรียมการที่ดีของคุณคุรุวาโร
    ให้อ่านหน่อยได้มั้ยคะ เผื่อว่าสมาชิกท่านอื่นๆ จะสนใจ
    นำไปใช้บ้าง เป็นความลับมั้ยคะ?

    สำหรับตัวเองคงไม่หรอกค่ะ ไม่อยากสัมผัสกับอะไรมากมาย
    และอีกอย่างคือ ขาดคุณสมบัติ ทั้งข้อ 1. และข้อ 2. ค่ะ
     
  5. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,431
    การมีสัมผัสพิเศษนั้น คือการเรียกใช้ภวังค์เดิมของเรานั้นออกมาครับ

    เท่าที่ทราบ วิธีง่ายที่สุดคือ การใช้ความสามารถของกายทิพย์เรา เช่น เรามาจากพญานาค เราก็ใช้ความมั่นใจอันนี้แหละเป็นบันไดสู่ความสำเร็จ

    การใช้พระคาถาช่วย หรือใช้คำภาวนาที่ศักดิ์สิทธิ์นั้น ก็จะช่วยได้แต่ไม่มากนัก

    เราจะแสดงความสามารถออกมาได้ก็ต่อเมื่อ เราสามารถรวมจิตให้เป็นหนึ่งเดียวนั้นได้ ส่วนใหญ่คือการภาวนาและต้องบวกกับความตั้งใจมั่นในเรื่องนั้นด้วย

    การภาวนาอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าเมื่อจิตรวมแล้วเราจะทำอะไร หรือตามดูจิต แต่เราต้องเปลี่ยนเป็นบังคับจิตหรือภวังค์นั้นให้อยู่ในอำนาจของเราครับ

    นิยมเรียกกันว่าฌานชั้นต่างๆ แท้จริงก็คือภาวะจิตรวมนั้นเองครับ

    คืนนี้ลองภาวนาอะไรก็ได้แล้ว ต้องหยุดภาวนาเมื่อภาวนาไปสักพัก ให้อธิษฐาน การอธิษฐานคือการบอกภวังค์เดิมของเราให้แสดงความสามารถออกมาครับ

    บอกเขาบ่อยๆ รับรองไม่เกินเจ็ดวันเห็นผลแน่นอนครับ สัมผัสที่ได้ครั้งแรกนั้นจะรุนแรงมากให้ระมัดระวังด้วยครับ

    บางคนก็สูญเสียภาวะ สติ ไป หรือเรียกว่า คนบ้า ครับ

    งั้นอย่ากลัวถ้าจะเดินบนสายนี้ ครับ นิมิตในภาวะภวังค์ จริงบ้างเท็จบ้าง

    โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับอนาคตนั้น และเกี่ยวข้องกับผู้คนจำนวนมาก แต่ถ้าเป็นอดีตนั้นจะจริงซะส่วนมากครับ

    ลองดูนะครับ ไม่มีใครทำไม่ได้ คนที่ทำไม่ได้คือคนที่ไม่ได้ทำ ครับ
     
  6. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    บางคนก็สูญเสียภาวะ สติ ไป หรือเรียกว่า คนบ้า ครับ

    งั้นอย่ากลัวถ้าจะเดินบนสายนี้ ครับ นิมิตในภาวะภวังค์ จริงบ้างเท็จบ้าง

    ทุกวันนี้ยังไม่เคยได้สัมผัสพิเศษ และใช้สัมผัสพิเศษเลย ยังบ้าแล้วนิ
    ขอบคุณนะคะ...ที่ชี้แนะ
     
  7. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,431
    การหยุดอธิษฐานนั้น ย่อมไม่มีนิมิตเกิดขึ้นจากขันธ์ หรือ อุปทาน เพราะการหยุดอธิษฐานนั้น

    ภวังค์ก็จะหยุดไปด้วยตามใจของเรา แต่บางคนที่ฝึกมาแบบนิมิตนั้น ก็คงจะยากครับ เพราะเวลาจิตรวมเขาจะบังคับสถานการณ์นั้นไม่ได้

    นิมิตนั้นก็จะพาไปเรื่อยเปื่อย จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง แต่ถ้าเขาหยุดอธิษฐานก่อนเห็นนิมิตบ่อยๆ นิมิตก็จะหายไปเอง

    แต่ถ้านิมิตเป็นเรื่องที่เขาอธิษฐานแสดงว่า เรื่องนั้นจะเป็นเรื่องจริงซะส่วนใหญ่ครับ
     
  8. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,431
    วรางคนาง น่าจะเป็นผู้ที่ไปได้ไกลสุด ถ้าตั้งใจเท่ากันครับ(alline)

    เพราะมาจากที่สูงเหลือเกิน ส่วนสมุนาเทวีนั้น จิต สับสนวุ่นวาย ก็ต้องไปเข้าเพียรเท่านั้นแหละครับ

    ส่วนใหญ่สัมผัส สัมภเวสีได้ ก็จะดีใจ แต่เทวดานั้นยากที่จะสัมผัสได้ ผู้ที่สัมผัสได้นั้น ต้องมีบุญเก่า คือคนพิเศษเท่านั้นครับ

    เพราะเทวดานั้น วิมานของท่านจะป้องกันการสัมผัสได้ กายทิพย์นั้นก็ป้องกันการสัมผัสนั้นได้ครับ

    จะเห็นได้ว่า ผู้ที่สัมผัสวิญญานได้ ใช้ข้อนี้ ดู ...แล้วหาผลประโยชน์ใส่ตนมีออกมากมายในสมัยนี้ครับ
     
  9. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    แล้วอธิษฐานยังไง ถึงจะใช้ความสามารถพิเศษได้เลย
    โดยไม่ต้องทำบ่อยๆ มีวิธีลัดมั้ยคะ
    ไม่ต้องใช้ขันติวิริยะมากมาย พอจะมีมั้ย????

    คงจะจริงอย่างที่คุณคุรุวาโรกล่าว
    เพราะตัวเองไม่ค่อยชอบอยากรู้อะไร
    ชอบอยู่นิ่งๆ ว่างๆ นิมิตก็ไม่มี รู้ก็สักแต่ว่ารู้
    แต่ไม่เก็บไว้ ฝัน...พอตื่นมาก็ลืม
    รู้แค่ว่าอะไรเป็นอะไร แค่นั้นเอง
     
  10. คุรุวาโร

    คุรุวาโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    3,465
    ค่าพลัง:
    +13,431
    มีครับ โดยยึดตามโพชฌงค์ทั้งเจ็ด

    สมุนาเทวีก็เปลี่ยนมานอนทำสมาธิ ภาวนา อธิษฐานบารมีแทนการนั่ง

    โดยการนอนหงาย แล้วเอามือประสานไว้ที่หน้าอกของตน ห้ามขยับร่างกายเป็นอันขาด

    เวลาใกล้จะหลับก็รีบอธิษฐานเรื่องที่อยากจะรู้เสีย ถ้าทำได้จะเจอภาวะครึ่งหลับครึ่งตื่น ภาษาธรรมคือตกภวังค์แต่มีสติครับ

    คราวนี้ จิต จะอยู่ในอำนาจของเรา เราใช้ทำอะไรเขาก็จะทำตาม ปัญหาคืออย่าขยับกายเด็ดขาดครับ เดี๋ยวไม่ครบองค์ทั้งเจ้ดนั้น
     
  11. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เมื่อก่อนเคยทำได้ค่ะ
    แต่เดี๋ยวนี้ นอนสมาธิแล้วตัดหลับอย่างเดียวค่ะ
    มันก็เลยชินไปแ้ล้ว พอนอนสมาธิทีไร
    รู้อีกที ก็หลับซะแล้ว ฝันไปเรื่อยเปื่อย
    ตอนที่อยู่ในฝันจำได้ พอรู้สึกตัวตื่นก็ลืมค่ะ
     
  12. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    คุณคุรุวาโร ยังไม่ได้เฉลยคำถามเลยนะคะ
    ที่ถามๆ กันไว้ จนลืมไปแล้ว...มีเรื่องอะไรบ้างนะ
     
  13. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    เอาถ้ำสวยๆ มาฝากแล้วกันนะ

    "ถ้ำผามอญ" ถ้ำสวยแห่งปางมะผ้า
    "จังหวัดแม่ฮ่องสอน" หรือที่รู้จักกันในนาม "เมืองสามหมอก" อีกหนึ่งจังหวัดในเขตภาคเหนือที่มีชื่อเสียงทางด้านการท่องเที่ยวมากแห่งหนึ่งของประเทศ โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวพื้นที่ส่วนใหญ่ของจังหวัดจะมีหมอกปกคลุมและน้ำค้างที่แสนงดงาม พร้อมทั้งคราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเป็นจำนวนมาก...

    "ถ้ำผามอญ" คืออีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่เริ่มเป็นที่รู้จักบ้างแล้วในหมู่นักท่องเที่ยว โดยถ้ำนั้นตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของตำบลถ้ำลอด อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน ปัจจุบันเป็นหนึ่งในถ้ำที่มีความสวยงามมาก ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่งดงาม

    การเดินทาง ถ้ำผามอญ ตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของ หมู่ 3 บ้านวนาหลวง ตำบลถ้ำลอด และอยู่ห่างจากตัวอำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นระยะทางประมาณ 4-5 กิโลเมตร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  14. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440

    เพราะต้องแสร้งเอาอกเอาใจนี่เอง... มาวันนี้ ถึงเป็นคนที่ไม่ชอบเอาอกเอาใจใครเลย และยังชอบให้คนตามอกตามใจอีก มันคงติดมาด้วย

    ******************************************

    เรื่องความฝันนั้น จริงๆ ฝัน 2 ช่วง 2 เรื่อง แต่คิดว่า ไอ้เรื่องที่ 2 มันพิลึกชอบกล คงเพราะกินมาก คิดมากตามเคยค่ะ ขอเล่าเรื่องแรกเรื่องเดียวดีกว่า

    นั่งสมาธิจนนิ่งดี แทบจะไม่โงกเลย แต่เพื่อนทำเสียงดัง คล้ายของหล่น เราสะดุ้งสุดตัวเลย จนลืมตา ออกจากสมาธิ (ในใจเคืองๆนิดหน่อย ประมาณว่า แหม เรานั่งสมาธิอยู่ ยังทำเสียงโครามคราม 555) เลยนั่งต่อจนหายตกใจ แล้วก็ถอนออก มานอนภาวนา จนหลับไป ฝันว่า

    เดินไปในที่ที่หนึ่ง เป็นดินเลน มองเห็นฝูงเป็ดสีขาว เป็นร้อย เป็นพันตัว มีลุงคนหนึ่งเป็นคนดูแล ในใจเราคิดว่า เขาต้องเอามันไปฆ่าแน่ๆ ต้องช่วยมันให้ได้ เหมือนที่เขาว่าให้ปล่อยปลาดุกจากตลาดสดที่เขากำลังจะฆ่า เลยไปคุยกับลุง แต่จำไม่ได้ว่าคุยว่าอะไร สรุปคือ ช่วยมาได้ 1 ตัว ...

    ลุงบอกเราว่า รอก่อนนะ เดี๋ยวไปตาม .... มาหา (จำไม่ได้ว่าไปตามใคร) แต่เราตกใจและตื่นจากฝันก็ไอ้ตอนที่ลุงว่าจะไปตามคนนี้มานั่นแหละ

    พอตื่นแล้วพยายามจะหลับต่อ ก็หลับไม่ได้ ในใจมันว้าวุ่นแปลก ต้องภาวนาพุท โธ พลิกซ้าย พลิกขวาอยู่หลายรอบ กว่าจะได้หลับต่อ

    ความฝันที่จำได้ มีเท่านี้ค่ะ :cool:
     
  15. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    นำเที่ยวจังหวัดแพร่

    “แพร่” แม้จะเป็นเมือง ผ่านที่ใครผ่านแล้วผ่านเลย

    แต่ถ้าใครมีโอกาสไปสัมผัสกับความน่าสนใจของเมืองหม้อห้อม ไม้สัก ถิ่นรักพระลอแบบให้เวลาสักหน่อย ก็จะพบว่าในความเรียบง่ายของแพร่มีแง่งามแฝงเร้นอยู่ไม่น้อย ทั้งธรรมชาติ ศิลปวัฒนธรรม วัดวาอาราม อาหารการกิน วิถีชีวิต และสาวๆเมืองแพร่ที่น่ารักเปี่ยมไมตรี

    แท่งเสาหินเรียงเป็นคูหาห้องที่ม่อนเสาหินพิศวง

    นานมาแล้วที่ความมหัศจรรย์เล็กๆของธรรมชาติ อย่างกลุ่มเสาดิน“แพะเมืองผี” เป็นหนึ่งในเสน่ห์ดึงดูดให้คนมาเที่ยวเมืองแพร่ มาวันนี้แพร่ได้เผยโฉมความมหัศจรรย์เล็กๆของธรรมชาติขึ้นอีกแห่งหนึ่ง นั่นก็คือ “ม่อนเสาหินพิศวง” ที่ตั้งอยู่ที่บ้านนาพูน พัฒนา ต.นาพูน อ.วังชิ้น ซึ่งจะน่าพิศวงแค่ไหนคงต้องตามไปดูกัน

    ม่อน เสาหินพิศวง เดิมเรียกว่า “ม่อนหินกอง” มีอยู่ในพื้นที่มา ตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ ชาวบ้านแถบนี้เชื่อว่าม่อนหินกองเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ หลายคนได้ยินเสียงก้องกังวานในวันพระ บางคนเคยเห็นลูกแก้วลอยขึ้นมา บางคนเชื่อว่าเคยเป็นปราสาทโบราณศักดิ์สิทธิ์ก่อนพังทลายลง หรือไม่ก็เชื่อว่าน่าจะเป็นเมืองโบราณเจริญรุ่งเรืองแล้วล่มสลายในภายหลัง ส่วนที่ชาวบ้านส่วนใหญ่มีความเชื่อตรงกันก็คือ ใครที่นำสิ่งก้อนหินออกไปจากม่อนจะประสบสิ่งไม่ดีหรือมีอันเป็นไป

    "เคยมีคนเอาก้อนหินออกไปจากม่อน พอไปถึงที่บ้านก้อนหินกลายเป็นงูไปได้ยังไงไม่รู้ ส่วนบางคนเอาไปฝันร้าย อยู่ไม่เป็นสุข ต้องนำหินมาคืน”

    เสาหินต้นสั้นๆกองเต็มพื้นที่ด้านหนึ่งของม่อนเสาหิน

    และ ด้วยความเชื่อของชาวบ้านทำให้ม่อนหินกองถูกทิ้งรกร้าง มีเพียงบางคนที่ขึ้นมาขอพร บนบานศาลกล่าว จนกระทั่งนายสมชัย หทยะตันติ ผู้ว่าราชการจังหวัดแพร่คนปัจจุบันมาค้นพบ จึงร่วมมือกับนายอนุวัธ วงวรรณ นายกองค์การบริการส่วนจังหวัดแพร่ พัฒนาพื้นที่ม่อนเสาหินให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวใหม่ของจังหวัดแพร่ พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น “ม่อนเสาหินพิศวง”

    “เรามองการเกิดม่อนหินเหล่านี้เป็น วิทยาศาสตร์แต่ก็ไม่ไปทำลายความเชื่อของชาวบ้าน ชื่อจุดต่างๆของม่อนเสาหินเราจึงตั้งชื่อตามความเชื่อของชาวบ้าน”

    “ม่อนเจ้าอาจญา” ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติแก่“เจ้าอาจญา” ผีที่ใหญ่ที่สุดในบรรดาผีที่ชาวบ้านนับถือ มีลักษณะเป็นกลุ่มแท่งเสาหินสูงประมาณครึ่งช่วงตัวตั้งเรียงรายทำมุมประมาณ 45 องศากับพื้นที่

    “ม่อนเจ้าคำคือ” เป็นเสาหินก้อนหินจำนวนมาก มีทั้งตั้งตรง ล้มเอียง ตั้งเป็นกลุ่มกระจุก และกระจัดกระจายอยู่ทั่วบริเวณ สำหรับชื่อม่อนตั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าคำคือ ผีอีกตนหนึ่งที่ชาวบ้านนั้บถือ

    “ม่อนสะเดาะเคราะห์” เป็นก้อนหินเรียงตัวเป็นทางเดิน และมีแอ่งคล้ายบ่อน้ำ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นบ่อเงินบ่อทอง ในบ่อมีบาตรวางอยู่ให้ผู้สนใจโยนเหรียญลงในบาตรเพื่อสะเดาะเคราะห์

    และ“ม่อนเสา หินพิศวง” ม่อนไฮไลท์ ที่เป็นแท่งหินสูงประมาณ 3 เมตร เรียงตัวติดกันเป็นคูหาห้อง ชาวบ้านที่นี่เชื่อว่านี่คือพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์จึงมีคนมาบนบานศาลกล่าวและ นำธูปเทียนมาเคารพสักการะที่ม่อนแห่งนี้

    ถ้ำผานางคอย

    ถ้ำผานางคอยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่คู่เมืองแพร่มาช้านานแล้ว เพียงแต่ว่าของเก่านั้นเป็นการปล่อยไปตามอัตภาพ จนเมื่อทางจังหวัดกับอบจ.เข้ามาปรับปรุงพัฒนาพื้นที่ จึงเกิดเป็นถ้ำผานางคอยในมิติใหม่ขึ้น

    “งามพิศอนงค์สนาน”
    เป็น ธารน้ำซึมจากเบื้องบน เชื่อว่าเป็นที่สรงน้ำของเจ้าหญิงอรัญญณี

    “เนรมิตม่านแก้ว”
    เกิด จากหินงอกหินย้อยบรรจบกันเป็นรูปทรงคล้ายผ้าม่านอ่อนช้อยสวยงามขนาดใหญ่

    “ธาร เทพอธิษฐาน”
    ธารน้ำใน ถ้ำที่มีหินย้อยทรงยานอวกาศลอยเด่นอยู่ด้านบน

    และ ”อลังการแห่งรักอรัญญณี”
    เป็นหินรูปร่างประหลาด ที่ชาวบ้านเชื่อว่าเจ้าหญิงอรัญญณีอุ้มลูกคอยคนรักจนกลายเป็นหินที่นี่ จึงเรียกว่า“หินนางคอย” ซึ่งหากมองถูกจุดถูกมุมแล้วจินตนการตามจะดูคล้ายผู้หญิงกำลังอุ้มลูกผินหน้า ไปทางหนึ่ง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  16. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    มาต่อยอดจากของ พี่นุ๊กให้ค่ะ เรื่องราวของเจ้าหญิงอรัญญาณี

    ตำนานที่ ๑
    ณ ถ้ำแห่งนี้เองที่มีตำนานความรักระหว่างทหารต่ำศักดิ์กับเจ้าหญิง(เจ้า นาง)สูงศักดิ์คู่หนึ่ง เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อ พ.ศ.1700 อาณาจักรแสนหวีมีความเจริญรุ่งเรืองมาก(สันนิษฐานว่าแสนหวีในที่นี้คือแสน หวีที่สิบสองปันนาหรือที่เชียงรุ่ง ไม่ใช่แสนหวีหลวงเมืองเงี้ยว) กษัตริย์ปกครองอย่างสงบสุข พระองค์ทรงมีราชธิดาองค์หนึ่งมีสิริโฉมงดงามมาก มีน้ำพระทัยดี มีพระนามว่า เจ้าหญิงอรัญญานี ครั้งหนึ่ง เจ้าหญิงได้เสด็จโดยชลมารคแล้วเรือล่ม หัวหน้าฝีพายได้ช่วยเหลือเจ้าหญิงไว้ได้ ทั้งสองจึงเกิดรักกัน จนเจ้าหญิงทรงครรภ์ พระราชบิดาทราบเรื่องก็ทรงพิโรธ จึงได้ขังเจ้าหญิงไว้ แต่ฝ่ายชายก็หาโอกาสช่วยพาหนีลงมาทางใต้ โดยมีกองทหารไล่ตามอย่างกระชั้นชิด เมื่อมาทันที่หุบเขาแห่งหนึ่ง เจ้าหญิงถูกยิงด้วยธนู ฝ่ายชายจึงพาไปหลบซ่อนในถ้ำเพื่อรักษาพยาบาล เจ้าหญิงเห็นว่าทหารกำลังตามมา จึงให้ฝ่ายชายหนีไปก่อน และบอกว่าจะคอยฝ่ายชายอยู่ในถ้ำนี้ตลอดไป ถ้ำนี้จึงได้ชื่อว่า ถ้ำผานางคอย หรือถ้ำนางคอย

    ตำนานที่ ๒
    อีกตำนานบอกว่า หัวหน้าฝีพายพานางหนีไปอยู่ในถ้ำ และออกไปหาอาหาร เคราะห์ร้ายทหารตามมาพบและจัดการสังหารเขาเสีย องค์หญิงรู้ว่า สามีคงเสียชีวิตแล้ว จึงตั้งอธิษฐานว่า จะรอคอยให้สามีกลับมาตลอดไป ด้วยอานุภาพสัจจะ นางจึงกลายเป็นหิน เงยหน้ามองปากถ้ำ รอคอยการกลับมาของชายคนรักจนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้.

    ตำนานที่ ๓
    อีกตำนานบอกว่า เมื่อเจ้าครองนครทรงทราบก็สั่งให้ทหารออกติดตามคนทั้งสอง ทหารขี่ม้าทันทั้งสองคนที่ซอกเขาแห่งหนึ่ง และยิงธนูไปหมายจะเอาชีวิตชายหนุ่ม แต่ธนูพลาดไปถูกนางอรัญญนีได้รับบาดเจ็บสาหัส สามีของนางจึงพานางเข้าไปหลบซ่อนอยู่ในถ้ำ นางอรัญญนีรู้ตัวว่า คงไม่รอดชีวิต จึงขอร้องให้สามีหนีเอาตัวรอดโดยให้สัญญาว่าจะรออยู่ที่ถ้ำแห่งนี้ตลอดไป ชาย หนุ่มจึงจำใจต้องจากไปตามคำขอร้องของนาง ส่วนนางอรัญญนีก็นั่งมองดูสามีควบม้าหนีห่างไปจนลับตา และสิ้นใจตายอยู่ในถ้ำแห่งนั้นลานที่นางนั่งดูสามีควบม้าจากไปนั้น ต่อมาเรียกว่า ลาน นางคอย ส่วนถ้ำแห่งนั้นก็ได้ชื่อว่า ถ้ำผานาง

    อรัญญานี..จะคอยพี่…อยู่ที่นี่
    แม้ร้อยปี….นานเท่านาน….ยังคงหวัง
    ขอเฝ้าคอย…แม้จะสิ้น….ลมพลัง
    ชาติหน้ายัง…คงคอยพี่…อยู่ที่เดิม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 07.jpg
      07.jpg
      ขนาดไฟล์:
      63.5 KB
      เปิดดู:
      53
    • 08.jpg
      08.jpg
      ขนาดไฟล์:
      62.1 KB
      เปิดดู:
      81
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มิถุนายน 2012
  17. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ตำนานรักเศร้าอีกแล้ว
    เรื่องของคนในอดีต ทำไมมีแต่เรื่องเศร้านะ
    ความรักเนี่ย ไ่ม่ดีเลยนะ รักแล้วทุกข์จริงๆ
     
  18. fahmui

    fahmui เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    1,933
    ค่าพลัง:
    +5,440
    มันถึงได้เป็นตำนานไงล่ะคะ .... :cool:
     
  19. nouk

    nouk เพราะยึดจึงทุกข์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    11,401
    ค่าพลัง:
    +23,708
    ตำนาน ถ้าแยกออกมาก็จะได้คำ่ว่า "ตำ"+"นาน"
    "ตำ" เป็นคำกิริยา มีความหมายว่า การทิ่มลงไปแรงๆ เรื่อยๆ
    "นาน" เป็นคำนาม มีความหมายที่เกี่ยวกับ ระยะเวลา
    เมื่อนำคำสองคำมารวมกัน จะไ้ด้คำว่า "ตำนาน" หมายถึง การตอกย้ำนานๆ หรือพูดถึงนานๆ (ความเห็นส่วนตัว)

    ตำนานนั้นๆ อาจหมายถึง นิยายหรือเรื่องเล่าที่เล่าสืบทอดกันมาเป็นเวลานาน จนหาต้นตอไม่ได้ และมีเนื้อหาเพื่ออธิบายที่มาของสิ่งต่าง ๆ หรือสถานที่ต่าง ๆ ที่คนในสมัยก่อนยังไม่สามารถเข้าใจได้
     
  20. alline

    alline เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    209
    ค่าพลัง:
    +1,324
    ขอบคุณนะคะ ที่ช่วยย้อนอดีตให้ ทุกวันนี้ก็พยายามทำทุกอย่างให้ดีที่สุดค่ะ และพอจะได้ฝึกนั่งสมาธิอยู่บ้างค่ะ บางครั้งที่จิตรวมตัวก็ไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกันค่ะ ก็อาศัยตามดูจิตอย่างเดียว ไม่ค่อยได้อธิษฐานอะไรเลย จะลองทำตามที่ท่านประธานแนะนำดูค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...