เกิดก่อนเกิด..พรแปดประการ...

"ติดกับดักความว่าง"



บุคคลไม่บรรลุถึงนิพพาน
เพราะบ้างติดกับดักสุญตา
แต่ไม่อาจเข้าถึงหัวใจสุญตา
ด้วยเหตุนี้ จึงมีภารกิจนั้นขึ้น

 

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=vWnCY4BBfBc&feature=player_detailpage]08 คิดฮอดสาวฟังลำ-ไหมไทย มนต์แคน.DAT - YouTube[/ame]
ฟังลำบ้างอารมจะได้ดี

 

หญิง มณี เราอยากฟังอันนี้ ผู้มีพลังลึกลับ คือ ท่านผู้นำแห่งมิติแห่งแสง หรือเปล่า

อยากฟัง นิทานเรื่องนี้ ครับ กรุณาสละเวลาเล่าหน่อยครับ

 

....(เป็นนิทาน และความเชื่อส่วนตัว โปรดพิจารณา)...


...สัจจะ อโหสิกรรม สติ สละ...

..."ตัวตนที่แท้จริงเป็นยิ่งกว่าสิ่งใด....


หน้าที่และสัจจะ....

...บรรจุพลังแห่งความศรัทธา ..ความอุดมสมบูรณ์...ความมั่นคง..ก่อเกิดสันติภาพ


(นี่คือสัจจะที่เราให้ไว้ ตั้งแต่ที่เราลงมาจูติยังโลกมนุษย์...ตัวตนเรานั้นจำได้เสมอ แต่ทุกอย่างนั้นมันมีมิติและเวลาเสมอ )


....

...และเราขอย้อนถามคุณ แมลงแต่งสี...ตัวตนคุณละ "จำสัจจะและหน้าที่ที่ให้ไว้ ก่อนลงมาจูติได้หรือไม่...และจำรหัส ดวงจิตตัวเองได้หรือไม่...???

....ถ้าคิดว่า ตัวเองนะ มีคุณธรรมและสัจจะที่แน่แน่ว และเป็นตัวตนที่แท้จริง ..ช่วยกล่าววาจาออกมา..ให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และมนุษย์ทุกผู้ทุกนามรับรู้หน่อยได้ไหมละ..


ปล. เราก็อยากจะรับรู้ ถึงสัจจะของคุณแมลงแต่งสี..ว่า จะ "จริงแท้แน่จริง" ..อย่างชื่อ "แมลงแต่งสี" หรือไม่...

 

เรียนคุณ "มณีฯ" พลังงานที่คุณได้รับ
มันจะมีหลายอย่างนะ ผสมๆ กัน ทำให้
ข้อมูลที่ถ่ายทอดผสมกันด้วย แต่ก็โอเค
มันเป็นแบบนี้แหละ ถ้าใช้ดวงแก้วมณีรับ
พลังงานจากที่ห่างไกล มันจะดีขึ้นได้และ
แยกสายพลังได้ชัดเจนขึ้น เมื่อใช้ "พีรามิด"
นะครับ มันเป็นของทิพย์ที่ใช้รับพลังจักรวาล
โดยเฉพาะเลย แต่เท่านี้ก็ใช้ได้ครับ ผู้ฟังก็ต้อง
มาแยกแยะข้อมูลที่ได้รับมา เอาเองแหละครับ


ปล. ต้องระวังพลังแทรกด้วย โดยเฉพาะสาย
พรหม ที่จะดักรอก่อนพลังจักรวาลจะถึงโลก





(อันนี้ วัตถุสร้างจำลองขึ้นมานะครับ มันไม่ใช่ของทิพย์ของจริง)

 

ความห่วงใยในผืนแผ่นดิน


มีผลให้พลังงานจากภาคพื้นดิน
พัวพันเรา และยึดโยงให้เราต้อง
อยู่กับพลังภาคพื้นดินด้วย ทำให้
การติดต่อสื่อสารกับ "จักรวาล"
ขัดข้องและไม่ใสจริง ได้นะครับ
จำเป็นครับที่เมื่อเราสื่อสารกับมิติ
ที่ห่างไกล ต้องคลายความห่วงใย
ในผืนแผ่นดิน หรือใดๆ ในโลกให้
ได้ก่อนนะครับ แล้วจะสื่อได้ใสครับ


ผมหมดเวลาแล้ว บะบายนะครับ

:z8

 

ขาว 30 %
ดำ 30 %
เทา 40 %
ดำไม่สามารถทำให้ขาวได้
แต่สำหรับ เทา นั้นมีสองทางให้เลือก จะเป็นขาว หรือดำ อยู่ที่ประสบการณ์และผู้นำพาไป
(โปรดพิจารณาถูกผิดขออภัยและขออโหสิกรรม)

 

เอาเป็นว่าพลังที่ติดต่อกับ หญิงมณี เป็นพลังจาก

มหามิตร ของ"ท่านผู้นำแห่งแสง" ก่แล้วกันที่ส่งมา

พรหมใดมาล่อพลังตัวนี้ ธาตุแตกไม่รู้เลยด้วย

เพราะความโลภ บังตา กรรมตามทันที

เพราะท่าน(มหามิตรของผู้นำแห่งแสง)

กำลังปฏิบัติภาระกิจอยู่

บอกแล้วว่าคนเขา(หญิงมณี) มีหน้าที่ อยู่

เทพ พรหม มาหา หญิงมณี ยังต้องอยู่ใต้เท้า อยู่ดี

เพราะพลังงานที่มาหา หญิงมณี เป็นรองเพียงผู้เดียว

คือ มหามิตรของท่าน (ผู้นำแห่งแสง) เท่านั้น

มนุษย์ทั้งหลายก็มาจาก มหามิตรของผู้นำแห่งแสง และ ผู้นำแห่งแสง

เป็นชั้นๆ ใครอยากลองดี ก่ลองได้ แต่เมื่อเปิดแล้ว ถูกตบลงนรก ไม่รู้เรื่องด้วยเด้อ

คน(กายหยาบตัวแทน)กำลังทำงานอยู่

หญิง มณี อาจมีอารมณ์ บ่ จอยบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา

เพราะการปรับสภาวะยังไม่สมบูรณ์ แต่ภายในที่มาพร้อมกับ

กายหยาบ หรือปกอยู่ อยากลองของก่เชิญ

แต่บอกก่อน สุดยอดมหาพรหม มากขวางทาง ก่ ต้องอยู่ภายใต้เท้าอยู่ดี

 

การถูกตบนรก มิได้หมายความว่า กายหยาบจะตกตายลงไปทันที
สิ่งที่ถูกตบลงนรกคือ ความดีที่สะสมมาจะหายวับไปกับตาเปรียบเสมือน
ถุงใส่ทองรั่วออกรู้เป้อเร่อ ของดีที่สะสมหล่นหายออกไปหมด

ของที่สะสมคือบารมีของตนหรือ มโนธาตุ ความดี ของตนหายไปหมด
จากกายทิพย์กลายเป็นวิญญาณในสภาพของสัตว์นรก ทันที

เมื่อกายแตก ธาตุแตก ดับแล้วคนเหล่านี้ที่ อหังการต่อสิ่งศักดิสิทธฺ์
เหล่านี้ลงนรกทันที

ปัจจุบันอาจจะไม่เห็นเป็นอะไร เพราะกายหยาบยังไม่ถึงเวลาตาย ธาตุยังไม่แตก
จึงไม่เป็นไร เหมือนกับว่า หญิงมณี กล่าวไม่ถูก กล่าวผิด ไม่แน่จริง

ชะเอ๋ย มองแต่กายภายนอก มีฌานเสียเปล่า มองไม่เห็นสภาวะตนเองแปรเป็นอะไรบ้าง
พูดแต่ธรรม อย่างนั่น อย่างนี้ มองใครต้องมาภายใน ไม่ใช่มองภายนอกแสดงอะไร
ไม่ถูกหูตน ไม่ถูกตา ไม่ถูกจริต ตน แล้วก่มากล่าวหาว่าผู้นั้นไม่ใช่ผู้เจริญ

มันก่ไม่ถูกสิครับ เรียกว่า เรียนแล้วยังไม่ได้ขึ้นระดับ มหาวิทยาลัยเลย
แบบนี้เรียกว่า อนุบาลตั้งไข่

 

.............

(เป็นนิทาน ความเชื่อส่วนบุคคล โปรดพิจารณา)

...สโลแกนของเรา..."ตัวตนที่แท้จริงเป็นยิ่งกว่าสิ่งใด"

...คำโฆณนา......... "เราก็เป็นแค่ผุ้หญิงธรรมดาคนหนึ่งและก็เป็นแค่ลูกสาวชาวนา มิได้เก่งหรือมีพลังจิตและมีอะไรที่วิเศษกว่าคนอื่น ..แต่สิ่งหนึ่งที่เรามีไม่แพ้มนุษย์ทั่วไปคือ..ความอดทน ความซื่อสัตย์ และรักในผืนแผ่นดินบ้านเกิดยิ่งชีวิต

..คำที่ก้องอยู่ในจิตตลอด..."แผ่นดินข้าใครห้ามแตะ"

..คติประจำใจ..."ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย"

..(เพชรที่ถูกซ่อนน้อยคนจะมองเห็น ใช้ "ใจ" มองถึงจะดูเป็น แสงร่มเย็นผ่องอำไพ)

 

ผมยังติดตามกระทู้และผู้ตอบกระทู้ของทุกท่านตั้งแต่ต้นจนบัดนี้ สิ่งใดดีมีประโยชน์แก่ผู้ที่ได้อ่านก็ขอโมทนา สิ่งใดอ่านแล้วไม่เกิดประโยชน์ต่อคนทั่วไปหรือผู้ที่ได้อ่านก็อ่านไปเฉย มีแบบอมยิ้มบ้าง

 

สภาวะของ ผู้นำแห่งแสง ยิ่งกว่า พุทธะ อีก ไม่รู้อะไรก่หุบปากไปก่ได้
มิตินิพพาน ท่านผู้นำแห่งแสง ก่เป็นผู้สร้างให้

++======++++++++++++++++++++++++

หญิงมณี เราแนะนำน่ะ ท่านไปคุยกับท่านวสุธรรม ดูสิ่งที่ท่านตาม
หา ท่านวสุธรรม น่าจะชี้ทางให้ท่านได้ ว่านแห อย่างนี้
ก่ไม่จบสักที ....แค่ กุ้งหอยปูปลา เอง

ท่านวสุธรรมเขา ใจดี มีเมตตา คุยแล้วสบายหู เจริญปัญญาดี
เพราะท่านจะเงียบ

 

นาคา และ ครุฑ

นาคาผู้เป็นใหญ่ภาคใต้พิภพ

ครุฑผู้เป้นใหญ่ภาคนภา

นี้คือสัญญลักษณ์ ของการเชื่อมสัมพันธ์ กันระหว่างดินกับฟ้า

ดิน คือ ผู้ดูแลรักษา

ฟ้า คือ ผู้ให้กำเนิด

เสด็จแม่ดิน คือ ผู้เป็นใหญ่สูงสุดภาคพื้นดิน / พระมารดาแห่งโลก

เสด็จพ่อฟ้า คือ ผู้เป็นใหญสูงสุดบนนภากาศ / พระบิดาแห่งโลก

พระมารดาแห่งโลก จะดูแลตั้งแต่ภาคพื้นดิน ดินแดนใต้พิภพ รวมถึงนรก

พระบิดาแห่งโลก จะดูแลส่วนบน ดินแดนสวรรค์ รวมถึง นิพพาน เหนือนิพพาน

พลังงานของพระมารดา คือ พลังงานจากมหามิตรของ ผู้นำแห่งแสง

พลังงานของพระบิดาแห่งโลก คือ พลังงานจาก ผู้นำแห่งแสง

มนุษย์โลกอยู่ตรงกลาง คือ บุตรของ ทั้งสอง

หญิงมณี คือ ผู้เชื่อมสัมพันธ์ระหว่าง สอง
แต่จะรับพลังงานจาก ผู้ดูแลทุกสิ่งหรือพระมารดา หรือ พระธรณี มามาก

เป็นผู้มีหน้าที่ ที่ธรรมดาแต่ก่ ไม่ธรรมดา

ความคิดปรากฏอาจจะหลากหลาย บ้างตามพลังงานที่ได้รับ
แต่ที่ชัดเจนคือ พลังงานจากมหามิตร ของผู้นำแห่งแสง
จะปรากฎได้ชัดกว่า ....

 

.............

...(เป็นนิทาน และความเชื่อส่วนบุุคคล โปรดพิจารณา)

..สัจจะ ของเราแปลว่า...ธรรมะ..(ผู้ใดมีสัจจะเท่ากับมีธรรมะอยู่ในจิตและในใจเสมอและตลอด)

..อโหสิกรรม...คือ ตัวทำให้มนุษย์ พ้นทุกข์

..สติ(หัวใจ) เป็น ตัวกำลังใจ..นำพาไปสู่...ตัว..

..สละ...คือ ตัวหลุดพ้น เข้าสู่ความว่าง


...นี้คือ หัวใจสุดยอดธรรมะที่สุด ของที่สุด แล้วที่เราระลึกเสมออยู่ในจิต และเคยรับรู้ ระบบทั้งหมดมาตลอด แต่เรานั้นยังคิดว่า โลกมนุษย์ก็ยังเป็นสิ่งที่เราต้องการที่จะอยู่ร่วมและยังไม่ยอมจากไปไหนนั้นเองหลายภพหลายชาติของเรา

...(นิทาน และความเชื่อส่วนตัวของเรา)....

...ความจริงแล้ว ทุกคนจะเอ่ยและนึกถึงแต่คำว่า "นิพพาน"...แต่จริงแล้ว มนุษย์รับรู้หรือไม่ ว่าจริงแล้วคำว่า "นิพพาน" นะ จริงแท้แล้วเป็นเช่นไร

...(ย้ำ มันคือ นิทาน และเรามิต้องการลบลุ่สิ่งใดๆในคำสอนพระพุทธศาสนาทุกยุคทุกสมัย)..เราทราบแต่ว่า ยุคหน้า นั้นคำสอนจะต้องเป็นคำสอนที่ ฟังและเข้าใจง่าย ทุกผู้ทุกนาม ทุกหมู่เหล่า...ไม่ว่า จะ เด็ก หนุ่มสาว คนแก่ พระ หรือ ทุกชนชั้น ก็สามารถเข้าและเข้าใจได้หมด

...และภาษาและคำสอนนั้น ก็มิต้องมากมาย เอาแค่ตัวที่เข้าใจง่ายๆและเห็น กับชีวิต "สัจธรรมของชีวิต" แน่นอนที่สุดแล้ว


...และตัวเราบอกได้เลย ว่า เรามิเคยมีความต้องการ "นิพพาน" และมีคำนี้อยู่ในจิตของเรา เรารับรู้แต่ว่า คำว่า "การหลุดพ้น เข้าสู่ความว่าง" เป็นสิ่งที่วิเศษที่สุดสำหรับเรา และอาจจะหลายๆหมู่เหล่าที่ต้องการ

...และเราก็รู้แต่ว่า (ย้ำ เป็นนิทานความเชื่อส่วนตัว)..คำว่านิพพาน..ที่เรารับรุ้มา ..เป็นลักษณะ ..แค่ห้องสี่เหลี่ยม..และในห้องนั้น ก็จะสามารถนั่งได้แค่.."คนเดียว" ก็คือ "(ผู้ที่บอกว่า ได้เข้าถึงนิพพานแล้วนั้นเอง)..และความลับที่เรารู้มาอีกอย่างก็คือ..รู้หรือไม่ ว่ามีมากหน้าหลายองค์ที่ ..แอบและขอปลดล๊อคตัวเอง ออกมาจากห้องนิพพาน (เพราะได้รับรู้แล้วว่า มันเป็นเช่นไร..เราจะบอกอาการให้ ฟัง รึ ..เดี่ยวก็จะว่า เราอีกว่า ..ทำไมถึงรู้ และเคยแล้วหรือ ..และเคยไปมาแล้วหรือ...???

(อันนี้ เราขอไม่ตอบก็แล้วกัน..แต่"ตัวตนที่แท้จริงเป็นยิ่งกว่าสิ่งใด")



...(เป็นนิทานและความเชื่อส่วนตัว โปรดพิจารณา)..รู้กันหรือไม่ว่า .."ผุ้ที่นิพพานนั้นก็ยังสามารถมีกรรมและกรรมอยู่ได้)...เรามิได้ พูดแบบลอยๆ แต่เรามีเหตุผลและข้อเท็จจริง(มีโอกาสจะเล่าให้ฟัง)..เพราะเราบอกแล้ว"ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย...จะกี่ภพกี่ชาติ ถ้าหากมันคือ ความจริง ..และยุคศิวิไลย์ คือ ยุคเปิดเผย..และก็ต้องเป็นความจริง ..มิมีโกหก ปิดบัง ..แต่หากสิ่งใดที่เคยพูดและสอนผิดๆ ก็ต้องเครียร์และแก้ไขทั้งหมด...หลังเปลี่ยนยุค ก็ื
คือ หลังสงครามนั้นเอง...



...ส่วนคำว่า "การหลุดพ้น เข้าสู่ความว่าง"....ที่เรารับรู้นั้น มันสุดยอด เป็นอะไรที่ เปรียบและหามิได้ ..ที่จุดนั้นที่เตรียมไว้ และรอคอย ..เป็นจุดที่มีแต่ความสุข เลิศ และมีแต่กลิ่นหอมของดอกบัวสวรรค์..และจิตที่(หัวใจ) ..ที่ว่างนะ มันสบายจริงๆนะ....และสถานที่แห่งนี้ ก็ยังมิมีใครได้ไปอยู่ และจุด นี้ก็ไม่เหงา และหว่าเหว่ เหมือนผู้ที่ ที่อยู่ ที่ห้อง"สี่เหลี่ยมนิพพาน" ด้วยนะ

...เพราะจุดที่เราเอ่ยถึงคือจุดที่.."การหลุดพ้น เข้าสู่ความว่าง"..เป็นจุด ที่จริงๆแล้วไม่ว่า จะเทพหรือมนุษย์ ต่างดาวก็อยากจะไปอยู่จุดนี้ แต่ แต่ เพื่อนๆ รุ้หรือไม่ ว่าสถานที่แห่งนี้ ยังมิ มิ ใครสามารถได้เข้าไปอยู่ได้เลย...เพราะสถานทีแห่งนี้ เป็นสถานที่ เก็บ "หัวใจ"...ของพระแม่ผุ้สร้างโลกนั้นเอง...

...แต่ ...ภพนี้ ..พระแม่ได้นำ "หัวใจ" ของท่านลงมาจาก จุดแห่งความว่าง"สูญญาตา"..และได้นำมาให้กับลูกๆ เพื่อจะให้ลูกๆ ได้มีสติ "ตื่นรู้" เพราะพระแม่หวังไว้ว่า ..จะเป็นผุ้ที่นำพาลูกๆ ได้กลับสุ่บ้านเกิด และพระแม่นั้นก็เป็นผุ้ที่มารับ ด้วยตัวเอง...(เพื่อนลองไปอ่านนิทานตอนที่พระแม่ขึ้นไปนำหัวใจลงมาแล้วจะเข้าใจคะ)

...จุดแห่งความว่างนี้..พระแม่นั้นได้เตรียมไว้ให้กับลูกๆ ของท่านโดยเฉพาะ เพราะจุดแห่งนี้อยู่สูงที่สุด และก็ที่สุด..(ถามว่ามนุษย์คนไหนเคยไปถึงไหม บอกเลยว่า ไม่..แต่มีแค่คนเดียวในโลกที่ได้ไปถึงและไปเห็น เพราะเขาคนนั้นต้องทำหน้าที่เป็นผุ้นำพา "พระแม่"ขึ้นไปนำหัวใจลงมาโดย"อดีตเขาก็คือ "ขัณฑกุมาน"

...นิทานเรื่องนี้ เราขอย้ำเพื่อนๆว่า เป็นนิทานที่อาจจะอิง ทุกภาคส่วนโปรดอภัย เพราะเรา นั้นพึ่งจะเคยหัดเขียนเป็นครั้งแรก แต่ก็อาจจะเป็นการเขียนนิทานครั้งสุดท้าย

ปล. "เหนือฟ้า ยังมี ..ความว่าง"...เป็นเรื่องจริงนะคะ เพื่อน ๆ ..ที่นั้นเป็นยิ่งกว่า วิมาน พวกเราจะร่องลอยไปเที่ยวไหนได้หมด จะไปดูวิมานของเทวดา หรือ สวรรค์ชั้นไหนก็ได้ ..เพราะ..ตัวตนแห่งนั้นมิมีแล้ว..เพราะผุ้ที่ผ่านไปจุดนั้นได้จริง.."ก็คงมีแต่ หัวใจ..แห่ง ความว่าง..นั้นเอง...และจริงแล้วเพืีอนๆจะต้องการอะไรอีกหรือ..."เพราะจุดสุดยอดที่สุด ของที่สุด..ก็คือ ...ความว่าง...สูญญาตา ดังอดีตที่เคยเป็นมายุคแรกของเอกภพนี้เอง"

...

 

(เป็นนิทาน..ความเชื่อส่วนตัว โปรดพิจารณา)

...ดินฝากถึงฟ้า...ดินมิเคยโอดครวญและร้องขอ....


....ตาใน ตานอก คุณจะมองหา มิเห็นหรอก แต่ถ้าหาก ใช้ "ใจสื่อใจ"..คุณพบแน่ แผ่นทองแท้ศิลาแลง....

 

จะต้องเลือกพลังงานอย่างใด อย่างหนึ่ง ที่่เป็นหลัก และ บริสุทธิ์

หากไม่เลือกก่จะแสดง หรือ เป็นอย่างนี้

การจะเลือกพลังใด ต้องสลัดพลังงานที่เกาะเกี่ยว

มาจากในอดีตให้หมด เอาเฉพาะพลังงานที่มีประโยชน์

ต่อมนุษยชาติ

เป็นพลังงานที่ค่อยดูแลจากอดีตชาติ

การสลัดพลังงานที่ด้อยกว่า ไม่ให้แสดงผล

คือ การสนับสนุนผู้ติดตามให้ไปในที่ ๆ เจริญกว่า

จึงจะเหมาะ พลังงานหลากหลายที่มา ก่ เป็นญาติ

ของตน ไม่มีปัญหาอะไร แต่หากจะทำงานใหญ่

ให้สำเร็จดี ต้องเลือก

 

สาเหตุที่ ปฏิบัติแล้วไม่ได้ผลเพราะ

มีพลังงานหลากหลายพลังงานมาเกาะเกี่ยว

หรือเรียกว่า มีญาติมาอุปถัมถ์มากไป

หรืออีกนัยคือ ต้องสนับสนุนญาติตนเองไปก่อน

พลังงานบริสุทธิ์ จริงแท้ของตนจึงจะช่วย

ให้หลุดพ้นได้ง่าย ๆ

ภาระกิจ ใหญ่ก่จะทำได้สะดวก ไม่เหนื่อย

 

ไม่มีสงครามอะไร จักเกิดขึ้นทั้งนั้น

การเปลี่ยนยุค คือการปรับสภาวะของโลก ปรับมิติของโลก

เพื่อให้เหล่า มิติที่สูงกว่าสามารถดำรงสภาวะปกติ หรืออีกนัย

หนึ่งเพื่อปรากฎตัวได้ปกติ มิติที่สูงกว่าที่ทุกคนได้มองเห็นกัน

ทั่วไปก่เรียกว่า มนตด เขาเหล่านั้นจักสามารถดำรงตนให้ปกติ

ในสภาวะโลกที่พัฒนาไป สนามแม่เหล็กโลกที่เปลี่ยนไปเพื่อเอื้อ

ต่อการดำรงของเขาด้วย

อีกเหตุผลหนึ่งคือ เพื่อมาช่วยยับยัง ผู้อหังการในโลกนี้ ที่จะมาครอง

โลกและเป็นต้นเหตุของสงคราม การดับความอหังการผู้สร้างตนยิ่ง

ใหญ่ในโลก ก่ต้องดับด้วย ผู้ยิ่งใหญ่กว่า มีเทคโนโลยีที่ควบคุมเหล่ายักษ์ได้

มิติโลกที่เปลี่ยน สนามแม่เหล็กโลกที่เปลี่ยน ยุคที่เปลี่ยน

ก่เพื่อความอยู่รอดของโลก อยู่รอดของมนุษยโลก

จากมหามิตรมนุษย์ต่างถิ่น จะมายับยังภัยพิบัติที่จะเกิดจาก

เจ้าอหังการของโลก ให้รู้ว่ายังมีผู้ที่เหนือกว่ามันหลายเท่า

จับตามองดูอยู่ และสามารถดับมันไปทันที

สรุป ไม่มีสงครามโลก หากยุคเปลี่ยน จริง

และ

ไม่มีใครเป็นฮีโร่ อะไรทั้งนั้น.... ทุกฝ่ายต้องประสานงานกัน

ไม่มีใครทำสิ่งใด ได้ด้วยตนเองเพียงผู้เดียว

....

 

""""""""""""""""

(เป็นนิทาน ความเชื่อ ส่วนตัว โปรดพิจารณา)

...เรายอมรับว่า เราเป็นอย่างนั้นจริง ..(ยึดติดเกาะ ติดเหนี่ยว ติดรั้ง "ติดบ่วง"


...แต่เราขอถามท่าน"แมลงแต่งสี"..หน่อยสิ ..ถ้าหาก ..ท่านมีลูก ..และท่านเป็นผุ้ที่สร้างบ้านให้ลูกคุณอยู่ ..แต่ในบ้าน นั้น มิมีใคร..(เพราะพ่อนั้นก็หนีไปสุขสบายหรือจะเรียกว่า ..ไปเริงร่าติดหญิงใหม่กระมั่ง..(แต่คนที่มีสภาวะเป็นแม่นะ ..จะทิ้งลูกไปได้เหรอ ..ถ้าหากลูกนั้นยังเล็ก และรอบบ้านลุกของเรานะมีแต่ภัยและอันตรายมากมายที่คอยล่อลวงตลอดเวลา...

..ตลอดเวลา ตามจริงแล้ว "ลุก" นั้นต้องการที่จะได้รับความอบอุ่นจาก"ทั้งพ่อและแม่มิใช่เหรอ"...แต่..ไม่ว่าหลายภพที่ผ่านมา..เรามิเคยเห็นและรับรู้ ถึงความรักและความห่วงใย ของคำว่า "พ่อหรือ สามี"เลย..

...จะมีบ้างไหมที่คิดจะมาช่วยหรือโอบอุ้ม เราถามหน่อย ความเป็นพ่อนะมีบ้างไหม..รึ..สิ่งเดียวที่ท่านต้องการก็คือ คำว่า "สามี" และ"พระพ่อผู้สร้างลูก..แต่ไม่ใช่โลก"..เพราะท่านนะเอาแต่มามีไข่ทิ้งไว้ และก็มิเคยดูดำดูดี..

...อย่ามาเรียกร้องอะไรจากเราเลยนะ.. "คำว่าแม่นะ"..."ลูกก็คือ ลูก มิอาจจะเปลี่ยนหรือกลายเป็นอย่างอื่นไม่ว่าจะกี่ภพกี่ชาติ เพราะมันคือ.."เลือดในอก"

..แต่คำว่า "สามี" บางที่ที่เรารับรุ้มา แค่ออกจากบ้าน..หรืออยู่ในบ้าน ก็อาจจะเป็นสามีคนอื่นไปเสียแล้ว...

..."และถ้าหากเราจะยัง ไม่ยอม.."สละ สละ สละ"...จนกว่าเราจะสามารถนำพาลูกๆของเราให้ไปอยู่กับเราที่จุดแห่งความ"ว่าง"..และมันจะผิดตรงไหน

..เรารู้ว่า สถานที่เราจากมาข้างบน ไม่ว่าจะเป็วิมาน หรือ สภาแกแล๊คซี่แอนโดรมีด้า..ทุกคนต่างรอคอยการกลับไปของเรา

...เราก็ขอเอ่ย..วาจาและร้องขอให้กับสิ่งศักดิ์สิทธิ์และมนุษย์ทุกผุ้ทุกนามได้รับทราบ...

..."ดินมิเคยโอดครวญ และร้องขอ".."ตาในตานอก คุณจะมองหามิเห็นหรอก แต่ถ้า "ใจสื่อใจ" คุณพบแน่แผ่นทองแท้ศิลาแลง

...เราอยากจะวิงวอนและร้องขอ ผุ้ทีมีจิตญาณแท้จริงของพระพ่อและผุ้มีหน้าที่ทั้งหลาย..ถ้าหากตัวญาณในตัวตนของพวกท่าน อยากจะให้เรา "กลับ" และ"ยอมที่จะเปิดจิตและตัวตนที่แท้จริง"..และพวกท่านมีอะไรที่การันตีกับเราได้ไหม ว่า พวกท่านนะพร้อมที่จะช่วยและอยู่เคียงข้างเรา..

...และมาร่วมกันสร้างโลกใบใหม่และพาลูกๆกลับบ้านเกิด ...เพราะหลายภพมา ..ตัวเรานั้น...ก็มิหัวใจ และชีวิต ที่เป็นมนุษย์มิต่างกันหรอกนะ..(เราขอสารภาพว่า เหนือยไหม ท้อ ไหม ..มีสิ ..แต่จะทำอย่างไรได้ ...เพราะในเมือ.."โลกนี้เราเป็นผู้สร้างและเราจะท้ิงไปได้เช่นไร และพวกลูกๆจะอยู่เช่นไร ถ้าหากขาดแม่ไปอีกคน"

..."มาสิ พระพ่อทั้งหลาย ..และเหล่าดวงจิตทุกผุ้ทุกนาม ทุกดวงดาว..ที่เรียกร้อง อยากให้..."พระแม่เปิดตัวตัน และกลับขึ้นสู่ข้างบนเสียที"

...มาช่วยและมาร่วมกันสร้างโลกใบใหม่กับเราได้ใหม่..โลกที่ลูกๆและทั่วทั้งจักรวารต้องการ(เพราะระบบถ้าหากจะให้สามภพสงบศึก ก็ต้องเริ่มที่ โลกมนุษย์ก่อน")

...เราพร้อมที่จะ"เปิดเผยตัวตน"...และ ยอมที่กลับไป ข้างบนกับพวกท่านทั้งหลาย...แต่ เราขอสัจจะและคำมั่นสัญญากับพวกท่านทั้งหลายได้ไหม

.."ว่ามาช่วยกันสร้างโลกใบใหม่ ใบนี้ให้ก่อเกิดความศิวิไลย์ และสันติภาพก่อน"..และเมื่อนั้น เรา สัญญาว่าเรา จะ ยอม "เปิดจิต และ ตัวตน..และกลับสู่จุดเดิมที่เราลงมาพร้อมกับพวกคุณ"

...๑๒ กับ ๑๘ พร้อม ๑๑ คือ ฐานปิริมิท ...คุณพร้อมเมือไรไปฐานทันที...

 

(เป็นนิทาน ความเชื่อส่วนตัว และโปรดพิจารณา)

...สุริยัน คือ ตัวคุณ จันทรา คือ ตัวฉัน

...สุริยัน และ จันทรา ประกบกัน จะหันโลกเป็นดวงใหม่...

...คุณไปตีความหมายเอาเอง...