WarRoom - อาสาสมัครเตรียมการเฝ้าระวังประสานงานเตรียมพร้อมเพื่อรองรับสถานการณ์ปี 2013

งั๊นอยู่ช่วยกันอัพข่าวปายก่อน...ฮ่าฮ่า (||)(||)

ฝนซาแล้วค่อยกลับ...ขับรถจะได้ปลอดภัยจ้า อิอิ


B5 - War Room Falkman

 

<TABLE class=tbis border=0 cellSpacing=0 cellPadding=5 width=840 align=center><TBODY><TR class=tbis1 bgColor=#336699><TD width=130 noWrap>วัน-เวลา *ประเทศไทย</TD><TD width=40 noWrap align=middle>ขนาด</TD><TD width=50 noWrap align=middle>Latitude</TD><TD width=50 noWrap align=middle>Longitude</TD><TD width=40 noWrap align=middle>ลึก(km.)</TD><TD width=50 noWrap align=middle>Phase</TD><TD noWrap>บริเวณที่เกิด</TD><TD width=20></TD><!-- <td nowrap="nowrap">ข้อมูลอื่นๆ</td> --></TR><TR class=tbis3><TD vAlign=top align=middle>2012-08-14 18:22:19
2012-08-14 11:22:19 UTC
</TD><TD vAlign=top align=middle>3.8</TD><TD vAlign=top align=middle>20.54</TD><TD vAlign=top align=middle>98.91</TD><TD vAlign=top align=middle>-</TD><TD vAlign=top align=middle>9</TD><TD vAlign=top>ประเทศพม่า*</TD><TD></TD><!-- <td valign="top"> - ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ประมาณ 68 กม.</td> --></TR><TR class=tbis2><TD vAlign=top align=middle>2012-08-14 08:23:33
2012-08-14 01:23:33 UTC
</TD><TD vAlign=top align=middle>2.7</TD><TD vAlign=top align=middle>19.09</TD><TD vAlign=top align=middle>97.76</TD><TD vAlign=top align=middle>-</TD><TD vAlign=top align=middle>10</TD><TD vAlign=top>ประเทศพม่า</TD><TD></TD><!-- <td valign="top"> - ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณ 33 กม.</td> --></TR><TR class=tbis3><TD vAlign=top align=middle>2012-08-13 08:38:07
2012-08-13 01:38:07 UTC
</TD><TD vAlign=top align=middle>3.7</TD><TD vAlign=top align=middle>16.97</TD><TD vAlign=top align=middle>94.77</TD><TD vAlign=top align=middle>-</TD><TD vAlign=top align=middle>8</TD><TD vAlign=top>ประเทศพม่า</TD></TR></TBODY></TABLE>

*ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.แม่อาย จ.เชียงใหม่ ประมาณ 68 กม.


B5 - War Room Falkman

 

ดินไหว 3.8 ริกเตอร์ ในพม่า - ไม่กระทบไทย

วันอังคารที่ 14 สิงหาคม พ.ศ.2555 19:53น.



แผ่นดินไหว 3.8 ริกเตอร์ ในประเทศพม่า ใกล้กับภาคเหนือในประเทศไทย แต่ยังไม่มีรายงานผลกระทบ

สำนักเฝ้าระวังแผ่นดินไหว กรมอุตุนิยมวิทยา แจ้งว่า วันนี้ (14 ส.ค.) เมื่อเวลา 18.22 น. เกิดเหตุแผ่นดินไหว วัดแรงสั่นสะเทือนได้ขนาด 3.8 ริกเตอร์ ในประเทศพม่า ใกล้กับ จ.เชียงราย และ จ.แม่ฮ่องสอน แต่ยังไม่มีรายงานผลกระทบ หรือความเสียหายต่อประเทศไทย

B5 - War Room Falkman

 

สีและครีบเหมือนปลาชะโด ที่โตเต็มที่แล้วเรียกว่าแมงภู่

 

ธรรมชาติกำลังบอกอะไรพวกเราอยู่

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ไทยตอนบนยังคงมีฝนกระจายและมีฝนตกหนักบางแห่ง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>15 สิงหาคม 2555 06:06 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศประจำวันพุธที่ 15 สิงหาคม 2555 ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณอ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ทำให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนกระจายและมีฝนตกหนักบางแห่งโดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคกลาง

อนึ่ง พายุโซนร้อน “ไคตั้ก” ทางตะวันออกของเกาะลูซอน ประเทศฟิลิปปินส์ มีทิศทางการเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกอย่างช้า ๆ คาดว่าจะเคลื่อนตัวลงทะเลจีนใต้ในวันนี้(15 ส.ค. 2555) สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ ควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางในระยะ 1-2 วันนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงราย พะเยา และตาก อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดหนองคาย บึงกาฬ อุดรธานี สกลนคร และนครพนม อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง บริเวณจังหวัดสุพรรณบุรี ราชบุรี และพระนครศรีอยุธยา อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี สระแก้ว ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดระนอง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 25-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

เมื่อปีที่แล้ว 2555 พอถึงวันเข้าพรรษาฝนก็ตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย จะหยุดพักก็เป็นบางวัน และมันก็ตกทั่วฟ้า จนน้ำเพิ่มปริมาณขึ้นทุกภาค จนที่สุดก็มารวมกันที่กรุงเทพ ฯ และปริมณฑล จนท่วมอย่างทั่วถึง แต่ปีนี้ฝนค่อนข้างขาดฟ้า มันตกจนน้ำท่วมก็จริง แต่เป็นบางแห่ง แต่ส่วนมากมันไม่ตก ที่ปากช่อง บางครั้งมืดติดต่อกันหลาย ๆ วัน และตกเป็นฝอยเหมือนสายหมอกฤดูหนาว แล้วความมืดก็หายไป แสงแดดแจดจ้าก็กลับมาเยือน พื้นดินก็แห้งงวดเข้าเรื่อย ๆ น้ำในบ่อหรือสระก็ค่อย ๆ แห้งหายกลายเป็นไอน้ำ ลอยหายไปอย่างไม่ใยดี เดือดร้อนชาวไร่ชาวสวนที่ต้องใช้น้ำรดต้นไม้ทุกวัน ต้องขุดหรอกลอกคู คลอง บ่อ สระน้ำ ให้ลึกกว่าเดิม เผื่อเวลาฝนตกจะได้เก็บน้ำไว้ใช้มากกว่าเดิม แต่ปีนี้อย่าถามว่าน้ำท่วมหรือไม่ แล้งแน่นอน ท่านท้าวจิตราพยายมราชได้บอกไว้แต่ต้นปีแล้วว่าปีนี้ไม่ต้องกลัวน้ำท่วม ให้กลัวแล้ง ดูเอาเถอะครับ

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>โซนร้อน “ไคตั๊ก” ถล่มฟิลิปปินส์ ทำดินถล่ม-น้ำท่วมซ้ำอีกระลอก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>15 สิงหาคม 2555 09:10 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=420><TBODY><TR><TD vAlign=top width=420 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ภาพถ่ายดาวเทียมของพายุโซนร้อนไคตั๊ก ซึ่งเริ่มเคลื่อนเข้าสู่หมู่เกาะฟิลิปปปินส์ เช้าวันนี้(15)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - พายุโซนร้อนไคตั๊ก (Kai-tak) ซึ่งพัดเข้าถล่มหมู่เกาะฟิลิปปินส์ในวันนี้ (15) ทำให้มีฝนตกหนักจนเกิดน้ำท่วมและดินถล่มอีกระลอก หลังชาวเมืองตากาล็อกต้องเผชิญฤดูมรสุมอันเลวร้ายมานานหลายสัปดาห์

อิทธิพลของไคตั๊กทำให้มีฝนตกหนักทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะลูซอนตั้งแต่เช้ามืดที่ผ่านมา ปริมาณฝนที่มาพร้อมกระแสลมแรงมากถึง 35 มิลลิเมตรภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง สำนักงานอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์รายงาน

แม้กรุงมะนิลาและพื้นที่โดยรอบจะไม่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากพายุลูกนี้ แต่ก็มีฝนตกเป็นพักๆ จนน้ำท่วมเจิงนอง ทั้งที่สัปดาห์ที่แล้วก็เพิ่งเกิดอุทกภัยทั่วทั้งเมืองหลวงจนมีผู้เสียชีวิตไป 95 ราย

เมลคิโต คาสโตร หัวหน้าหน่วยป้องกันพลเรือนประจำเขตอีโลกอส เปิดเผยว่า “มีฝนตกหนักตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา หน่วยกู้ภัยของเราก็ได้อพยพพลเมืองบางส่วนออกไปสู่ที่ปลอดภัย หลังมีรายงานว่า พื้นที่บางจุดน้ำท่วมถึงคอ”

พายุฝนก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันใน 4 เมือง แต่ยังไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต นอกจากนี้ถนนหลักสายหนึ่งยังถูกดินถล่มกีดขวางเส้นทาง จนต้องปิดการจราจรชั่วคราว คาสโตรเผย

นอร์มา ตาโลซิก หน่วยป้องกันพลเรือนซึ่งรับผิดชอบภาคตะวันออกของเกาะลูซอน เปิดเผยว่า ทางการกำลังจับตาระดับน้ำในแม่น้ำคากายันซึ่งเกรงว่าจะเอ่อล้นตลิ่งในไม่ช้า

คากายันเป็นแม่น้ำสายยาวที่สุดในฟิลิปปินส์ซึ่งไหลผ่านพื้นที่เกษตรกรรมทางตอนเหนือของประเทศเป็นระยะทางยาวกว่า 500 กิโลเมตร หากแม่น้ำสายนี้เอ่อล้นตลิ่ง ย่อมทำให้ผลผลิตทางการเกษตรและชุมชนเสียหายเป็นพื้นที่นับพันเฮกตาร์

ทั้งนี้ คาดว่าพายุไคตั๊กจะยิ่งซ้ำเติมความทุกข์ระทมของผู้ประสบภัยฟิลิปปินส์จำนวนกว่าครึ่งล้าน ที่ยังต้องอาศัยอยู่ตามศูนย์พักพิงชานกรุงมะนิลา เนื่องจากน้ำที่ท่วมขังตั้งแต่สัปดาห์ก่อนยังไม่ลดระดับลงเต็มที่

สำนักงานป้องกันความเสี่ยงและจัดการพิบัติแห่งชาติ แถลงว่า พื้นที่การเกษตรในเขตลุ่มต่ำยังคงจมอยู่ใต้กระแสน้ำ และด้วยปริมาณฝนที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้คาดว่าน้ำจะยังท่วมขังต่อไปอีกหลายวัน ขณะที่ เบนิโต รามอส หัวหน้าสำนักงานป้องกันความเสี่ยงฯ เตือนให้ประชาชนในกรุงมะนิลาและพื้นที่ใกล้เคียงซึ่งน้ำเริ่มลดระดับลงแล้ว เตรียมรับอิทธิพลของพายุไคตั๊ก และพร้อมอพยพได้ตลอดเวลา

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=596><TBODY><TR><TD vAlign=top width=596 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=638><TBODY><TR><TD vAlign=top width=638 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ภาพเศร้า! พยายามช่วยชีวิตวาฬยักษ์เกยตื้นแต่ไร้ผล</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>15 สิงหาคม 2555 05:00 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550><TBODY><TR><TD vAlign=top width=550 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> อินดิเพนเดนต์/เดลิเมล์ - พบวาฬครีบตัวยักษ์ยาวเกือบ 20 เมตรเกยตื้นชายฝั่งอังกฤษในสภาพที่ได้รับบาดเจ็บ และต่อมามันก็จบชีวิตลง หลังความพยายามช่วยเหลือล้มเหลว

เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยรุดไปยังอ่าวคาร์ลยอน ใกล้เซนต์ ออสเตลล์ ในมณฑลคอร์วอลล์ เวลาประมาณ 17.00 น.ของวันจันทร์ (13) ตามเวลาท้องถิ่น (ตรงกับเมืองไทย 23.00 น.) หลังได้รับแจ้งจากนักท่องเที่ยวและชาวบ้านว่าพบเห็นวาฬครีบตัวเมียขนาดยาว 19.8 เมตรเกยตื้นอยู่บนชายหาดในสภาพที่มีรอยบาดแผลหลายจุดทั้งบริเวณศีรษะ ตามลำตัวและดวงตา

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550><TBODY><TR><TD vAlign=top width=550 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> เหล่าสัตวแพทย์จากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ทะเลของอังกฤษพยายามพาวาฬยักษ์ตัวนี้คืนสู่ทะเล แต่ยอมรับว่าแทบไม่มีหวังที่เนื่องจากมันได้รับบาดเจ็บสาหัสและด้วยเหตุผลทางมนุษยธรรมจึงเป็นเรื่องยากที่จะลงมือฆ่าเพื่อให้มันพ้นทุกข์ อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้วมันก็ตายด้วยสาเหตุทางธรรมชาติ

ฟาย อาร์เชลล์ จากศูนย์ช่วยเหลือสัตว์ทะเล กล่าวก่อนที่วาฬจะตายว่า “ไม่น่าเชื่อที่วาฬตัวนี้จะได้รับอาหารไม่เพียงพอและอัตราการหายใจของมันเร็วมากๆ บ่งชี้ว่ามันป่วยหนัก มันอาจจะผิดหากว่าเราจะนำวาฬที่กำลังป่วยตัวนี้กลับคืนสู่ทะเล เราผิดหวัง แต่ก็ไม่สามารถช่วยมันได้”

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550><TBODY><TR><TD vAlign=top width=550 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> รายงานข่าวระบุว่า มีประชาชนกว่า 300 คนมายืนมุงดูเหตุการณ์ขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามนำมันกลับคืนสู่ทะเล ส่วนยามชายฝั่งและตำรวจก็ช่วยปิดกั้นชายหาดเพื่อไม่ให้วาฬเกิดความตึงเครียดเพิ่มเติม

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550><TBODY><TR><TD vAlign=top width=550 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=550><TBODY><TR><TD vAlign=top width=550 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ไข้เลือดออกระบาดสารคามแล้วกว่า 300 ราย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>15 สิงหาคม 2555 11:31 น.</TD><TD vAlign=center align=left><SCRIPT type=text/javascript src="http://platform.twitter.com/widgets.js"></SCRIPT>

<SCRIPT type=text/javascript src="https://apis.google.com/js/plusone.js" gapi_processed="true"> {lang: 'th'}</SCRIPT><IFRAME style="POSITION: absolute; BORDER-BOTTOM-STYLE: none; BORDER-RIGHT-STYLE: none; MARGIN: 0px; WIDTH: 90px; BORDER-TOP-STYLE: none; BORDER-LEFT-STYLE: none; TOP: -10000px" id=I0_1345009783635 tabIndex=0 marginHeight=0 src="https://plusone.google.com/_/+1/fastbutton?bsv=pr&url=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th%2FLocal%2FViewNews.aspx%3FNewsID%3D9550000100224&size=medium&count=true&origin=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th&hl=th&ic=1&jsh=m%3B%2F_%2Fapps-static%2F_%2Fjs%2Fgapi%2F__features__%2Frt%3Dj%2Fver%3DYcy4IMkuL2I.th.%2Fsv%3D1%2Fam%3D!OgKRzknZ1ASAaEDr2w%2Fd%3D1%2Frs%3DAItRSTO2tieOVHcgLDIq4SqcWr_sd7CROg#_methods=onPlusOne%2C_ready%2C_close%2C_open%2C_resizeMe%2C_renderstart&id=I0_1345009783635&parent=http%3A%2F%2Fwww.manager.co.th" frameBorder=0 width="100%" allowTransparency name=I0_1345009783635 marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME>

</TD></TR></TBODY></TABLE>มหาสารคาม - สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคไข้เลือดออกระบาดรุนแรงในจังหวัดมหาสารคาม พบผู้ป่วยมียอดสะสม แล้วกว่า 300 ราย

นายแพทย์สุริยา รัตนปริญญา สาธารณสุขจังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ระยะนี้เข้าสู่ช่วงฤดูฝน และจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย ส่งผลให้ยุงลายอันเป็นพาหะเชื้อไข้เลือดออกเข้าสู่คน วางไข่และแพร่ขยายพันธุ์ได้อย่างรวดเร็ว โดยพบผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม-สิงหาคม 2555 แล้วจำนวน 366 ราย แต่ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ซึ่งยอดผู้ป่วยสูงกว่าเดือนที่ผ่านมาถึง 33 ราย

โดยมีรายงานผู้ป่วยในเดือนมกราคม 12 ราย กุมภาพันธ์ 13 ราย มีนาคม 14 ราย เมษายน 22 ราย เดือนพฤษภาคม 58 ราย มิถุนายน 113 ราย และกรกฎาคม 132 ราย กระจายในพื้นที่ 13 อำเภอทั้งจังหวัด อัตราป่วยสูงสุด 3 ลำดับแรกที่อำเภอกันทรวิชัย อำเภอเมืองมหาสารคาม และอำเภอพยัคฆภูมิพิสัย

โดยพบผู้ป่วยสูงสุดในกลุ่มอายุ 10-14 ปี รองลงมาคือกลุ่มอายุ 5-9 ขวบ และกลุ่มอายุ 15-24 ปี หากผู้ป่วยมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ซึม หน้าแดง ตัวแดง และปวดท้องรุนแรง ให้รีบนำบุตรหลานไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องต่อไป
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เอาใจช่วยหนูน้อย 4 ขวบ ต่อรุมต่อยกว่า 100 ตัวถึงโคม่า</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>15 สิงหาคม 2555 01:44 น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=599><TBODY><TR><TD vAlign=top width=599 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>
ตัวแค่นี้โดยเหล็กในเข้าไปถึง 100 ครั้งต้องถือว่าทนทายาดเอาการทีเดียว ชาวเน็ตนับพันๆ คนในเวียดนามพากันภาวนาเอาใจช่วย. -- ภาพ: Tuoi Tre Online. </B></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> .

ASTVผู้จัดการออนไลน์ - ชาวเน็ตในเวียดนาม พากันภาวนาเอาใจช่วยหนูน้อยชาว จ.โด่งนาย วัย 4 ขวบคนหนึ่ง ที่พลัดหลงเข้าไปใกล้รังต่อ และโดนต่อต่อยกว่า 110 ครั้ง อาการหนัก ก่อนผู้ปกครองจะไปพบ และนำส่งโรงพยาบาลจังหวัด ปัจจุบัน อยู่ในขั้นโคม่า

หนูน้อยเจืองเญิ๊ตคาง (Truong Nhat Khang) มีอาการหายใจติดขัดรุนแรง บวมทั่วทั้งตัว ตับ และหัวใจวาย ปัสสาวะมีโลหิตปนออกมา และมีอาการจิตหลอน หมอต้องดูแลอย่างใกล้ชิด หนูน้อยต้องใช้เครื่องช่วยหายใจตลอด 2 วันมานี้ ทั้งหมดเป็นอาการทั่วไปสำหรับคนไข้ที่ได้รับพิษเหล็กในของแมลง

แต่เจ้าหนูได้รับพิษมากกว่านั้น หมอบอกว่า โดยทั่วไปร่างกายของมนุษย์รับพิษจากเหล็กในแมลงพวกนี้ได้อย่างจำกัด คือ หากจำนวนครั้งที่ถูกต่อยคิดเป็น 1.5 เท่าของน้ำหนักก็ถือว่าสาหัสแล้ว แต่สำหรับหนูน้อยซึ่งหนัก 19 กก. จำนวนครั้งที่ถูกฝูงต่อรุมต่อยครั้งนี้ คิดเป็นสัดส่วนต่อน้ำหนักถึง 5.2 เท่า

ตอนที่ถูกฝูงต่อรุมต่อย หนูน้อยคางกำลังเล่นอยู่คนเดียวในสวนหลังบ้าน ในเมืองเบียนหว่า (Bien Hoa) เมืองเอกของจังหวัด ที่อยู่ทางทิศเหนือ ติดนครโฮจิมินห์ คณะแพทย์ได้ช่วยรักษาด้วยวิธีการฟอกเลือดที่เป็นพิษออก และให้ยารักษาตามอาการ หนังสือพิมพ์เตื่อยแจ๋ในนครโฮจิมินห์รายงาน

หนูน้อยยังอยู่ในโคม่า คณะแพทย์จะฟอกโลหิตให้อีกครั้งหนึ่ง หากอาการทรุดลง

เป็นครั้งแรกที่โรงพยาบาลแห่งนี้ รับผู้ป่วยกรณีถูกแมลงพวกผึ้งกัดต่อย และอาการสาหัสมาก ชาวเน็ตเวียดนามจำนวนมาก ได้อวยพรให้หนูน้อยคางต่อสู้กับอาการเจ็บป่วยได้สำเร็จ และหายวันหายคืน หนังสือพิมพ์ฉบับเดียวกันกล่าว.
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%"><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>โลกร้อนจัด ทำธารน้ำแข็งในหุบเขาเทียนซานละลาย !</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD height=40><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=4><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>15 สิงหาคม 2555 09:28 น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>ธารน้ำแข็งหมายเลข 1 บนยอดเขาเทียนซาน ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่อยู่ใกล้ชุมชนเมืองมากที่สุดในโลก กำลังหลอมละลาย (ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 7ส.ค.)</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> ซินหวา—ธารน้ำแข็งหมายเลข 1 บนยอดเขาตะวันออกของหุบเขาเทียนซาน ในเขตปกครองตนเองชนชาติอุยกู มณฑลซินเจียง ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งที่อยู่ใกล้ชุมชนเมืองมากที่สุดในโลก โดยตั้งอยู่ห่างจากทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองอูรูมู่ฉีราว 120 กิโลเมตรได้หลอมละลายในอัตราเร็วอย่างน่าวิตก

จากตัวเลขสถิติของสถาบันวิทยาศาสตร์จีน ชี้ให้เห็นว่า ธารน้ำแข็งหมายเลข 1 บนยอดเขาเทียนซานมีอัตราการละลายลงเรื่อยๆในทุกๆปี ขณะเดียวกับที่อุณภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้นตลอดเวลาจากสภาวะโลกร้อน โดยในช่วงสี่ทศวรรษที่ผ่านมา ระหว่างปี 1962 ถึงปี 2006 ธารน้ำแข็งมีพื้นผิวหน้าตัดลดลงลง 14 เปอร์เซ็นต์ หรือจาก 1.95ตารางกิโลเมตร เหลือเพียง 1.68 ตารางกิโลเมตร ขณะเดียวกันความหนาของธารน้ำแข็งก็ลดลงจากเดิม 15 เมตร

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

</TD></TR><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500><TBODY><TR><TD vAlign=top width=500 align=middle> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD height=5 vAlign=top align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

สภาพอากาศในสงขลาปลอดโปร่งปราศจากหมอกควัน


สภาพอากาศในเมืองสงขลาเข้าสู่สภาวะปรกติ อากาศโปร่งใสมีแสงแดดให้เห็น ปราศจากหมอกควันจากไฟไหม้ป่าบนเกาะสุมาตรา ประเทศอินโดนีเซีย ระลอกที่สี่รวมทั้งกลุ่มควันจากไฟไหม้ป่าพรุควนเคร็งในจ.นครศรีธรรมราช เนื่องจากที่ผ่านมาในจังหวัดสงขลาประสบกับปัญหาหมอกควันจากไฟป่าทั้งทางบกและทางทะเลเป็นเวลา 3 - 4 วัน โดยเฉพาะที่อำเภอหาดใหญ่วันที่12 ส.ค.ที่ผ่านมา มีค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 10 ไมครอนเฉลี่ย24 ชั่วโมง เกินค่ามาตรฐาน ซึ่งทางสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่16 สงขลา รายงานสถานการณ์หมอกควันในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ฉบับที่35 จากการตรวจวัดจากสถานีตรวจวัดอากาศอัตโนมัตเทศบาลนครหาดใหญ่ พบว่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กอยู่ที่135 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งอยู่ในระดับที่มีผลต่อสุขภาพ เนื่องจากค่ามาตรฐานต้องไม่เกิน120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

ขณะนี้คุณภาพอากาศโดยรวมของจ.สงขลา อยู่ในสภาวะปรกติ อย่างไรก็ตาม ทางศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออกก็ยังต้องเฝ้าระวังต่อไปอีก เนื่องจากเมื่อวานนี้HOTSPOT ในประเทศอินโดนีเซีย ยังอยู่ที่ 428 จุด

 

เขื่อนสิริกิติ์น้ำเพิ่มมากขึ้นหลังฝนตกชุกในจ.น่าน


ศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน เปิดเผยถึงสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา แนวโน้มสถานการณ์น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายังทรงตัวและอยู่ในเกณฑ์ปกติ เขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯ เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างฯมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีฝนตกในพื้นที่จังหวัดน่านค่อนข้างมาก ทำให้มีปริมาณน้ำจำนวนมากไหลลงสู่แม่น้ำน่านบริเวณจังหวัดน่านอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีน้ำไหลลงเขื่อนสิริกิติ์มากขึ้นตามไปด้วย

 

07:00 พายุโซนร้อนไคตั๊กมีความเร็วลมเกิน 100 กม/ชม แล้วในเวลานี้ ศูนย์กลางพายุยังอยู่ใกล้เกาะลูซอนของฟิลิปปินส์ (TSR)





@http://paipibat.com/