คลิป "สนามพลังงานในมนุษย์ vs รัศมีในพระพุทธศาสนา" งานวิจัยล่าสุด

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย topsivachan, 12 สิงหาคม 2012.

  1. topsivachan

    topsivachan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2006
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +133
    <iframe width="420" height="315" src="http://www.youtube.com/embed/rsRHzlezvG0" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    human energy field in buddhism - YouTube

    สนามพลังงานในมนุษย์ คือ อะไร ?:cool:
    สนามพลังงานในมนุษย์ มีผลอย่างไรต่อคุณ ?
    สนามพลังงานในมนุษย์ มีผลต่อสนามพลังงานโลก หรือไม่ ?
    max planck พูดถึงเรื่องสนามพลังงานมนุษย์ไว้ว่าอย่างไร ?
    สนามพลังงานในมนุษย์ และ รัศมีในพระพุทธศาสนา คือเรื่องเดียวกันหรือไม่ ?
    ในเมื่อ 99.99% ของอะตอมคือ space -
    so มนุษย์ ก็คือ vibration หรือ พลังงาน?
    แล้วเราจะพัฒนาสนามพลังงานในตัวของเราได้หรือไม่
    ค้นหาคำตอบ เรื่องนี้และอีกหลากหลายเรื่องราวที่น่าสนใจ ?

    ร่วมพูดคุยและตอบคำถามเรื่องนี้ ๒๖ มีนาคม ๒๕๕๕

    บัณฑิตวิทยาลัย และ สถาบันวิจัยพุทธศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ขอเชิญบุคคลทั่วไปที่สนใจ บัณฑิต มหาบัณฑิต ดุษฎีบัณฑิต ศิษย์เก่า ศิษย์ปัจจุบัน ไปร่วมงานสัมมนาวิชาการผลงานวิจัยและวิทยานิพนธ์ดีเด่น ประจำปีการศึกษา ๒๕๕๔ วันอาทิตย์ที่ ๒๖ สิงหาคม ๒๕๕๕ ผู้สนใจเข้าร่วม สอบถามรายละเอียดและขอหนังสือตอบรับได้ที่ คุณอรศิริ คำวันสา ting-nong-noy@hotmail.com และ
    คุณสุรีย์พร แซ่เอี๊ยบ sureephon550@gmail.com
    By: บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 สิงหาคม 2012
  2. topsivachan

    topsivachan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2006
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +133
    สนามพลังงานในมนุษย์ คือ vibration

    vibration เกิดจาก string ส่วนประกอบที่เล็กที่สุดของอะตอม
    สสารทุกอย่างในโลกและจักรวาล ประกอบขึ้นจาก vibration นี้

    as above as below

    Human energy filed คือ DNA ทางพลังงานของแต่ละคน

    ดูเพิ่มเติมเรื่อง vibration ได้ที่
    Sacred Geometry DNA changes 2012 Mollecular Atom Consciousness.mp4 - YouTube
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    สมาธิ กับ วิทยาศาสตร์ และเทคโน จักรวาล
    ความหมายนี้ และหัวข้อนี้ คงไม่ไกลเกินไปสำหรับที่จะ เริ่มต้นการเรียนรู้ ในแบบฉบับสมบรณ์

    การค้นพบและการถูกค้นพบ ย่อมมี มิติสัมพันธ์ ที่เกิดขึ้นกับบุคคล ที่ผ่าน เหตุการณ์มา และสามารถเชื่อมโยง ให้เกิดความสมบูรณ์ขึ้นได้ ในข้อพิจารณา บนพื้นฐาน ที่เชื่อมโยงกัน และในบางเรื่องที่บางท่านยังเข้าไม่ถึง ก็ไม่ได้หมายความว่า ท่านจะไม่เข้าถึง แต่เมื่อโอกาสและเวลามาถึง
    ท่านก็จะเข้าใจ
     
  4. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    จากหัวข้อ สนามพลังงานในมนุษย์ VS รัศมีพระพุทธศาสนา

    จะนำเอา ประสบการณ์ การเรียนรู้ ฝึกฝน ในด้าน สมาธิ และ จักระ รวมทั้งประสบการณ์ในเชิงจิตวิญญาณ และ เลยไปรวมถึง ประสบการณ์จาการรักษาและบำบัดด้วยสมาธิ

    ในองค์ความรู้ ที่เกิดจากการปฎิบัติ เป็นส่วนใหญ่ และ การช่วยเหลือบุคคลต่างๆๆ นั้น เป็นไปตามขั้นตอน ที่เกิดมาจากการฝึกจิต และหยุดความคิด

    และการเรียนรู้จากประสบการณ์ จากผู้เข้ารับการช่วยเหลือ ที่มี สภาวะหลากหลาย ทางจิตวิญญาณ ที่หา คำตอบและความหมายชัดเจนในบุคคล เพื่อการเข้าใจ ในแต่ระดับนั้น จึงเป็นเรื่องยาก อย่างยิ่ง ที่จะนำ ระดับการเข้าถึง ในการฝึกจิต ทั้งหมดมาบอกเล่า เพราะ มีโทษเสียมากกว่าประโยชน์ เนื่องจาก ความอยาก ของมนุษย์ นั่นเอง

    แต่สิ่งที่จะนำมาบอกเล่า จะเป็น พื้นฐานที่ ง่าย ๆๆ เพื่อการเรียนรู้ ไปในที่ละระดับ และมี ข้อมูลยกตัวอย่างให้เห็น ประกอบ ว่า ในทางสมาธิและทางวิทยาศาสตร์ นั้น เป็นองค์รวมที่เกี่ยวข้องกัน ในแต่ละระดับอย่างไร และรวมไปถึง สิ่งที่ไม่สามารถมองด้วยตาเปล่าได้ และทั้งหมดล้วนมีอยู่ ในจักรวาล
     
  5. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    จากประสบการณ์ และการเรียนรู้ ในอดีต มีสิ่งที่สำคัญสำหรับการฝึกฝน และ ง่ายๆๆ ที่สุด ที่เป็นเครื่องมือ ที่ทุกคนมี นั่นคือ ลมหายใจและสติ และการเรียนรู้ เข้าถึงคุณภาพของลมหายใจ และสติ ทั้งในเวลาฝึกจิต ฝึกสมาธิ และในการนำมาใช้ในชีวิตประจำวัน ในการครองสติ และ การเฝ้าดู สภาวะของจิต จึงเป็นเรื่องสำคัญยิ่ง ในการมีผลกระทบต่อสนามพลังงานของตนเองและของโลก โดนที่เราไม่ได้เห็น ถึงการเปลี่ยนแปลงและผลดีหรือผลเสีย กับการเปลี่ยนแปลง ที่มี มิติสัมพันธ์ กันเลย
    หนทางการเข้าถึง สนามพลังงาน ด้วยจิต เราจะไม่พูดถึงว่าท่านมีอะไร เป็นอะไร เก่งแค่ไหน และมีคุณสมบัติอะไร แต่เราจะพูดถึง ทำอย่างไร เพื่อให้ พลังงาน สนามพลังงาน ได้ใสสะอาด ที่เกิดจากการฝึกสมาธิ ฝึกจิต
     
  6. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    การเชื่อมโยง ของสนามพลังงาน ในกายมนุษย์ กับการเชื่อมโยงสนามพลังานของโลก และ การถ่วงดุลของสนามพลังงานจากจักรวาล และมันเกี่ยวข้องอย่างไรกับการฝึกจิต และการล้างทิ้งของสภาวะธรรมทั้งหลาย ที่มนุษย์ควรปลดปล่อย
    การเชื่อโยงแม่ธาตุต่างๆๆ แห่งการเกิด ขึ้น และการเข้าถึงต้นธาตุ ทั้งที่มีอยู่ในพื้นดิน พื้นน้ำ อากาศ และจากทุกๆๆที่ ล้วนเป็นสภาวะองค์รวมของการเกิดขึ้น กับเหตุปัจจัยต่างๆๆของมนุษย์และการเปลี่ยนแปลง และเมื่อเราเข้าใจในเหตุและผล ของการเคลื่อน และเปลี่ยนแปลง และสามารถ ฝึก เพื่อการเข้าถึงได้อย่างสมบูรณ์และเป็นหนึ่งเดียวกัน นั้น มีประโยชน์เพียงสิ่งเดียวคือ การทำให้ มวลรวม ของ สนามพลังงาน สะอาดนั่นเอง
     
  7. topsivachan

    topsivachan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2006
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +133
    สุดยอดความรู้จริงๆครับพี่หลิน
    สงสัยว่าสนามพลังงานในมนุษย์สามารถพัฒนา
    ผ่านการรับพลังงานจากผู้ที่มีพลังงานสูงกว่าได้หรือไม่
    หรือว่าเราต้องทำด้วยตัวเองเท่านั้น แบบแนวคิดเถรวาท
    รบกวนผู้รู้ช่วยตอบหน่อยนะครับ
     
  8. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    ในความเข้าใจ
    ผู้มีสูงกว่าสามารถเปิดช่องทางให้และชี้แนะในการใช้ช่องทาง แต่การที่จะทำให้ช่องทาง เปิดโล่งและสว่างไสว ต้องทำด้วยตนเองค่ะ
    สาเหตุมาจาก การเป็นมนุษย์ที่ผ่านการเกิดมานับครั้งไม่ถ้วน มีอะไรอีกมากที่มีซ่อนอยู่ในจิตใต้สำนึก จิต ซึ่งสิ่งนี้จะผุดขึ้นมาครั้งแล้วครั้งเล่า จากการเดินทางในทุกสายสำหรับการฝึกฝน
    และ มีสิ่งที่หลอกล่อ หลอกล่วง ชักจูง ให้ออกไปนอกแนวทาง ของการทำให้เส้นแกนของพลังงาน ไม่ใสสะอาดพอ พลังงานจึงมีคุณภาพที่ไม่ดี
    และแม้แต่ร่างกายมนุษย์เอง ที่ยังคงมีกิเลสอยู่ ก็จะหลงไปในช่องทางต่างๆๆ และคิดว่านั่นคือหนทาง ของการพัฒนา เพราะเรายังไม่มีอะไรมาบอกว่า นี่ดีที่สุด ผู้สอนท่านไหนดีที่สุดเก่งที่สุด เพราะทั้งหมดล้วนอยู่ในเส้นทาง ที่พิสูจน์ ทั้งสิ้น ถึงการก้าวผ่าน

    และมีเหตุผลเดียว คือ การละทิ้งซึ่งความอยากทั้งปวง
     
  9. topsivachan

    topsivachan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2006
    โพสต์:
    35
    ค่าพลัง:
    +133
    ขอบคุณที่เข้ามาร่วมถ่ายทอดความรู้นะครับ
    แต่การรับพลังงานนี่ เป็นการยากมากที่จะทราบว่าพลังงานที่เข้ามา
    มาจากแหล่งไหน และใครเป็นผู้ส่งมา เป็นสัญญาณจริงหรือสัญญาณหลอก
     
  10. COME&Z

    COME&Z เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    1,144
    ค่าพลัง:
    +234
    อัตตาหิอัตโนนาโถ ตนแลเป็นที่พึ่งเเห่งตน

    ใครชอบทางลัดก็ต้องระวัง เพราะไม่รู้ว่าแน่นอนรึเปล่า

    แต่ทางตรงนั้นมีพระพุทธองค์ชี้ให้แล้ว ผู้ทำได้จริงมีมาแล้ว พระอรหันต์และพระธาตุทั้งหลายเป็นประจักษ์พยาน
    พลังงานมหาศาลธาตุบริสุทธิ์ :cool:
     
  11. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    จัดหนังสือ เจอข้อความดี ดี จากคุรุ ที่ให้ไว้นานแล้ว

    จงตื่นขึ้น เพื่อปลดปล่อยจิต วิญญาณ ให้เป็นอิสระ ตามสภาวะที่ จิตเป็น ให้เคลื่อนไหว
    ไม่ยึด เหนี่ยว เกี่ยวข้อง กับ สภาวะใด สภาวะหนึ่ง ปล่อยให้จิต หลุดจากสภาวะ กายสังขาร
    เพื่อปลดปล่อย อนุสัยกิเลส และ ขันทสันดาน ที่ยึด เหนี่ยว มาตลอด และ โรคภัยไข้เจ็บ
     
  12. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    การค้นหา

    ถ้าหากเราไม่มีความอยาก เราแค่ดูจิตเรา จนกระจ่างชัด ว่า จิตเราที่มีสติเป็นอย่างไร เรียนรู้จนเข้าใจในวิถีจิตของตนเอง ก็ย่อมแยกได้ถึงคลื่นสัญญาณแปลกปลอม ที่มีมาทั้งลบและบวก
    โดยไม่หลงเข้าไปยึดว่าเป็นของ ดี ของวิเศษ ที่มาถึง มีมาให้ เราก็แค่ดูว่า มันคืออะไรแล้วก็ทิ้งไป
    การดูจิตภายในของตนเองจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่ ต้องมี สติ มหาสติ เป็น เครื่องมือ ในการรู้สึกเนื้อรู้สึกตัวตลอดเวลา ว่าไม่ได้หลงไปกับสิ่งที่มา

    และถามว่ามีไหม พลังงานที่ลบและบวก ตอบว่ามีค่ะ และเล่นกันรุนแรงมากมาย จนต้องใช้ ความอดทนและความเพียร ในการดูและละทิ้ง ค่ะ
     
  13. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    สัญญาณจริง สัญญาณหลอก
    จากประสบการณ์ สัญญาณจริงจะเกิดขึ้นจากภายใน จากฐานจิต จากจิตใต้สำนึก ในขณะที่มีสติ เพราะมาในขณะที่เรารู้สึก และรับรู้ได้ โดยแบ่งออกเป็นหลายแบบ คือ จากคุรุเบื้องบน ,จากครูบาอาจารย์ ทั้งที่อยู่ในปัจจุบัน และอดีต ซึ่งเป็นลักษณะ เป็นการมาสอน มาช่วย ในโอกาสต่างๆๆกัน และมีมากมาย ตามเวลาและระดับชั้นของจิต
    อีกลักษณะหนึ่งก็มาจาก เบื้องบนที่เข้ามาโดยตรง โดยผ่านทางจักระที่7 ที่พอเราสามารถแยกได้ว่า จริงหรือหลอก เพราะการซึมซับของคลื่นพลังงานจะแตกต่างกันมากมาย ในกรณ๊ที่ผู้นั้นได้ฝึกฝนและสังเกต แยกแยะได้แล้วนั่นเอง

    ส่วนกรณีหลอก จะมาในรูปการทำให้รู้สึกและเห็นจากภายนอก ที่เรามีความเชื่อเป็นพื้นฐาน ก่อน และเปิดรับเข้ามา พลังงานจะมีความหนัก กดทับ หนาแน่น ไม่เบาสบาย และหวังยึดครอง ควบคุม จิต จิตสำนึก เพื่อประโยชน์บางประการที่เราไม่รู้เท่าทัน แต่ทั้งหมดนั้น ต้องบอกว่า เพราะความไม่รู้และมีความอยากนั่นเอง และเหตุนี้ จะพบบ่อยมากๆๆ
     
  14. John Lee

    John Lee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +424
    แนวโน้มของการยอมรับความสอดคล้องของวิทยาศาตร์และพุทธศาสตร์ พยายาม tune-up เข้าใกล้กันมากขึ้น สาธุ
     
  15. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    บทที่ 1 สนามพลังงานในมนุษย์ VS รัศมีพระพุทธศาสนา

    วิธีฝึกเริ่มต้น
    1.หยุดเคลื่อนไหวร่างกาย จะใช้ท่านั่น ท่านอน ท่ายืน ก็สุดแล้วแต่ เน้นที่ความสบายๆๆ ผ่อนคลาย เมื่อหยุดเคลื่อนไหวแล้วก็ลองดูว่า ส่วนไหนของร่างกายมัน หอบ กระตุก หรือเต้นไม่ค่อยเป็นจังหวะ เราก็ค่อยๆๆ ปล่อยให้มันสงบลง ไม่ฝืนไม่ต้าน ถ้ามันยังเกร็ง ยังตึงอยู่ ก็จัดท่าให้มันสบายๆๆขึ้น ขยับไปมาให้เจอจังหวะที่ สบายๆๆ
    2.เมื่อเราปล่อยให้ร่างกาย สงบนิ่งแล้ว ก็ หยุดคิด ทำให้สมองว่าง ไม่มีข้อมูลใด ๆๆ ที่จะ คิด หรือ เริ่มคิด หรือ ค้นหา มองดูเข้าไปที่ หัวสมองของเรา แล้ว ก็บอก ว่า หยุด หยุดคิด จนมันไม่ คิด หรืออะไรทั้งสิ้น
    3.เมื่อ หยุดได้แล้ว คราวนี้ก็มารู้สึกตามลมหายใจ เข้าและออก
    ดูลมหายใจ ไปเรื่อยๆๆ แบบสบายๆๆ ผ่อนคลาย

    และในขณะที่ทำ แต่ละส่วนได้แล้ว ก็แค่มองดู ตรวจ ดู ว่า ทำได้จริงหรือไม่ ร่างกายตึงไหม เกร็งไหม ถ้าเป็นก็ผ่อนคลายไป คิดอีก ก็หยุดคิด ดูลมหายใจ ดูยังไม่ทันก็ดูไป แค่นั้นเอง

    ทั้งหมดนี้ สิ่งสำคัญที่สุด คือ คุณให้เวลา กับมันหรือยัง ในการเริ่มต้น เพียงแค่นี้ ถ้าใช่ ก็ขอบอกว่า หนทางการฝึก ไม่ได้ยากอะไรเลย ทำแค่นี้ สำหรับเริ่มต้นให้ได้ทุกวัน อย่างน้อยวันละ 30นาที หรือ สบายๆๆหลังอาหาร แค่นี่แหละ ความสุขก็อยู่ไม่ไกล...
     
  16. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    บทที่ 2 สนามพลังงานในมนุษย์ VS รัศมีพระพุทธศาสนา

    วิธีเข้าถึง สมาธิ ในระดับพื้นฐาน
    แบ่งออกเป็น การทำสมาธิแบบมีคำภาวนา เช่น พุทโธ ยุบหนอ พองหนอ หรือ การทำโยคะ หรือการร่ายรำมวย และอีกหลายๆๆศาสตร์ ก็ล้วนเป็น การฝึกสมาธิ ทั้งสิ้น
    องค์ประกอบของการทำสมาธิ คือ การเรียนรู้ กาย ใจ และรู้จัก ลมหายใจ และ จิต
    โดยการ กิจกรรมต่างๆๆตามจริต แต่ที่จะขอพูดถึงในที่นี้คือ การฝึก พื้นฐานแบบ รวม หลังจากที่ฝึกมาทุกแบบแล้วนั่นเอง แต่ที่ชอบฝึกมากที่สุดคือ การดูลมหายใจ ดูทันบ้างไม่ทันบ้าง ก็แค่ดูไป
    เมื่อเรา ฝึกเรื่มต้นแล้ว จนคุ้นเคย คราวนี้ก็จัดท่าทาง ร่างกายให้พร้อมสำหรับทำสมาธิ โดยท่าอะไรก็ได้ ที่สบายๆๆ และเริ่มจาก
    1. หายใจไล่ลมเข้าและออก แรงๆๆ ยาวๆๆ 3 ครั้ง และลองสังเกตดูว่า เราหายใจยาวแค่ไหน ดีที่สุด คือ หายใจให้ถึงก้นกบ ดีมากที่สุดคือฝ่าเท้า ระยะความยาว ที่เข้าและออก สม่ำเสมอ คือ สิ่งที่บอกว่าคุณภาพ ของการฝึกนั้นได้รับการพัฒนา
    สังเกตจาก ความสม่ำเสมอ ของลมหายใจ ไม่สั้นไม่ยาว ไม่ติดขัด ไปเรื่อยๆๆ ไม่รีบไม่เร่ง ต่อเนื่อง จนตลอดทั้งขาเข้าและขาออก

    สำหรับคนที่เพิ่งเริ่ม หรือยังทำไม่ได้ ควรฝึกการหายใจเป็นสำคัญ
    และเรียนรู้การหายใจให้ยาวขึ้น สม่ำเสมอขึ้น ให้ระยะเวลาของการหายใจเข้าและหายใจออก มีเท่าๆๆกัน และมีกำลัง ของการขยายปอด ให้เต็มที่ และทดลองกั้นดูบ้าง เมื่อเราพอไหว คือเก็บลมไว้ระยะเวลาสั้นๆๆแล้วค่อยปล่อยออกไป

    ฝึกหายใจอย่างเดียวนี่แหละ จนกว่าจะได้ แบบ สบายๆๆ โล่งจมูก ไม่ติดๆๆขัดๆๆ เข้าแบบต่อเนื่องจนสุดปลายทางและปล่อยออกต่อเนื่องจนสุดปลายทาง ช้าๆๆแบบเบาสบายๆๆ ไม่เร่งไม่รีบ และตามดูเฉยๆๆ ไม่คิดอะไรแค่ดูลมหายใจ..
     
  17. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    บทที่ 3 สนามพลังงานในมนุษย์ VS รัศมีพระพุทธศาสนา

    การเริ่มต้น เข้าสู่ รัศมีพระพุทธศาสนา
    จากพระธรรมคำสั่งสอนขององค์พระสัมมาสัมพระพุทธเจ้า และวิธีปฎิบัติ ใน สายสมถะและสติปัฎฐาน4 (ที่พูดถึงเพราะฝึกแบบนี้มา)
    สิ่งที่เราน้อมนำมาเพียงแค่บทเดียว คือ วางทุกข์
    ในความหมายมากมายที่ค้นหาในอดีต และการอ้างอิงทั้งหลาย เพื่อแยกให้เห็นจริงๆๆว่า อะไรที่เรียกว่าทุกข์ และทุกข์ที่คนอื่นบอกว่ามี สำหรับเรา ทุกข์ของเราคืออะไร เมื่อพิจารณาดู จึงรู้ว่า ทุกข์ของบุคคล ไม่อาจเหมือนกันได้เลย เนื่องจากปัจจัยภายนอกแทบทั้งสิ้น สภาพแวดล้อม ความเป็นอยู่ และ จริตในการเสพและการเลือกเสพ ของสังคม และการเลี้ยงดู อบรมสั่งสอน ทั้งหมดล้วนเป็นเหตุแห่งทุกข์ทั้ง
    และเรารู้ได้อย่างไร ว่านี่คือทุกข์ และทำไม มันถึงเรียกว่าทุกข์
    เนื่องเพราะ เป็นเรื่องที่ทำให้ ไม่สบายกาย ไม่สบายใจ ขัดใจ ไม่สมหวัง และอื่นๆๆอีกมาก และทั้งหมด มาจาก การที่เราเอาความรู้สึกและความคิด ไปยึดเกาะมันไว้ แค่นั้นเอง
    แต่กว่าจะรู้ตัว และวางได้ อย่างสนิทใจ และยอมวางแบบไม่มีเงื่อนไข ในความทุกข์ นั้นได้ ต้องถามว่า แน่ใจหรือ ว่า วางมันได้จริงๆๆ.............
    " การที่เราเอาความรู้สึกและความคิด ไปยึดเกาะมันไว้ แค่นั้นเอง"
    และจาก ข้อความนี้ จึงเกิดการปฎิบัติ ที่เกิดขึ้นในขณะเวลาทำสมาธิ ที่รวมกันระหว่าสมถะและสติปัฎฐาน4 นั่นเอง

    วิธีทำ ก็ไม่ได้ต่างอะไรจาก 2 หัวข้อแรก แต่การพิจารณา และวางความรู้สึก และความคิด และการเฝ้าสังเกต กับสิ่งที่เกิดขึ้น ในขณะทำสมาธิ นั้น มีความสำคัญอย่างมากคือ
    1.มีสติ ห้ามหลับ การประคองสติไปในทุกๆๆจังหวะการหายใจเข้าออกแบบรู้สึกตัวตลอดเวลา ว่า เราหายใจ สติที่เฝ้าดูลมหายใจตั้งแต่เริ่มเข้าจนกระทั่งออก พ้นรูจมูกและถึงก้นกบ ในตลอดสายของการหายใจ ได้เกิดอะไรขึ้นบ้าง กับ ร่างกาย และอวัยวะ ของเรา ที่เอาลมเข้าไป การเฝ้าดูและพิจารณาเข้าไปให้ละเอียดนั้นจึงเป็นเรื่องที่ ท่านต้องหยุดคิด หยุดปรุงแต่ง จากภายนอก ไห้ได้เสียก่อน และเมื่อเฝ้าดู การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับกายภายในและอาการต่างๆๆของกาย เราจะนั่งทนอยู่หรือ ก็ไม่ใช่อีก
    2.เมื่อเกิดอาการ เวทนาต่างๆๆขึ้น เช่น คัน เหน็บชา เมื่อย เราก็เพียงยกความรู้สึกออกมาจากสิ่งที่กำลังเป็น ถอนความรู้สึกกลับมาที่ฐานของจิต และไม่สนใจกับอาการของกาย ปล่อยไว้เป็นดังนั้นจนถึงที่สุดของการอดทน ก็แค่ดูว่า จิตตัวเฝ้าดูจะอดทนได้มากกว่าจิตที่รู้สึก เมื่อความเข้มแข็งของจิตที่เฝ้าดูเป็นผู้มีสติมากที่สุดที่จะถอดทอนอาการแยกออกระหว่างกายกับจิตได้ ความว่องไวในการแยกและละเอียดในการจับอาการก็จะมีมากขึ้นเป็นลำดับ
     
  18. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    บทที่ 3 สนามพลังงานในมนุษย์ VS รัศมีพระพุทธศาสนา

    การเริ่มต้น เข้าสู่ รัศมีพระพุทธศาสนา (ต่อ2)
    3.เมื่อเราเฝ้าดูอาการของกาย และจิต จนเห็นชัดเจนได้ว่า นี่คือกาย อะไรที่เกิดขึ้นกับกายเป็นแบบนี้ และนี่คือ จิต จิตที่มีหลายดวง ที่ว่องไวในความรู้สึกต่างๆๆนานา เกิดดับเกิดดับ ยังไม่ทันดับก็เกิด หมุนเปลี่ยนไปเรื่อยๆๆ วิธีดูว่า ที่เรียกว่า จิตเกิดดับคืออะไร ขออธิบายจากประสบการณ์ว่า เช่น เราคันที่น่อง ผิวหนังเรารู้สึกจี๊ดๆๆคันๆๆเมื่อเราเอาความรู้สึกออกจากอาการคันตรงน่อง ยังไม่ทันจะยกออกเลย เกิดไปคันที่แขนเสียแล้ว พอจะยกออกอีก ไปคันที่หลังซะแล้วซิ การเกิดขึ้นที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละจุดนั่นเรียกว่า เกิดและกำลังดับ เพราะเราไม่ได้เฝ้าดูมันจนดับไปต่อหน้าต่อตา เพราะจุดอื่นๆๆมันก็เกิดขึ้นมาอีก และโดยพฤติกรรมของตัวรู้คือจิตมันไวมากที่จะรับเอาความรู้สึกนี้มาทันทีที่เกิดขึ้นที่ผิวหนังของกาย ดังนั้น ประโยชน์ของการเฝ้าดูคือ อย่าหลับ มีสติ และ ดูให้เห็นชัดๆๆว่ามันเกิดขึ้น ให้เท่าทันว่ามันได้เกิดขึ้น คือ เหมื่อนแข่งกัน จน จิตตัวที่เฝ้าดู ได้มีประสบการณ์ว่องไวมากขึ้น
    4.เมื่อความว่องไวมีมาขึ้นและกำลังจิต เรียนรู้การยกความรู้สึกออกจากกายแล้ว และวางอารมณ์การเข้าไปจับเกาะของสิ่งที่เกิดกับกาย เพราะเราแค่ดู ว่ามันเกิดขึ้น เราก็จะเริ่มเห็นมากขึ้นถึงต้นต่อแห่งการเกิดว่า จริงๆๆแล้วการเกิดขึ้นนั้นและดับนั้น มันก็เริ่มต้นที่ใจ และก็สิ้นสุดที่ใจนั่นเอง
    5.เมื่อการเรียรู้การแยก กายแยกจิต เป็น และว่องไวพอจนร่างกายไม่เหลือสภาวะการเกิดอะไรต่อมิอะไรให้ รำคาญ ไม่เป็นอันทำสมาธิ หรืออื่นๆๆ กายและจิตก็จะสงบลง เบาสบาย นิ่งๆๆเฉยๆๆ เพราะในขณะที่เราไปไล่ดูอาการของกายกับจิตเหมือนเล่นไล่จับ เราก็ไม่ได้เฝ้าดูมหายใจ เพราะมันก็หายใจตามธรรมชาตินั่นเอง เมื่อมันสบายๆๆแล้วเราก็กลับมาดูลมหายใจต่อไป และสติก้ควบคุมดูแลต่อไป
    แต่ในขณะนี้ ส่วนใหญ่ก็เปลี่ยนท่านั่น นวด หรือไม่ก็ลับไปเรียบร้อยแล้ว เพราะสติ มันหายไปนานแล้วนั่นเอง ตื่นมาอีกทีก็บอกว่า เห็นนั่นเห็นนี่ เพราะมันฝันไปไหนก็ไม่รู้ เพราะถ้าเราเห็นจริง เราจะเห็นทั้งๆๆที่มีสตินี่แหละ เห็นมันผ่านหนังตาเลย เห็นในภาพจิตเลย แต่ห้ามปรุงว่าอยากเห็นอะไร เพราะแค่การไปรับฟังมาว่าคนอื่นเห็น มันก็มาปรุงไว้ในจิตเรียนร้อยแล้ว จึงเห็นตามๆๆกันมานั่นเอง
     
  19. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    บทที่ 4. สนามพลังงานในมนุษย์ VS รัศมีพระพุทธศาสนา

    สภาวะ ที่เข้าสู่ รัศมีพระพุทธศาสนา ตอนที่1
    เมื่อเราเรียนรู้ และ แยกได้ว่า กายคืออะไร จิตคืออะไร และการดูเป็นอย่างไร แต่ทั้งหมดต้องหยุดคิด และหยุดปรุง ให้มีสติระลึกสึกตัวทั่วพร้อม ว่า จิต ที่เป็นเฝ้าดู ยังอยู่ตลอดทั้งเส้นทาง และเมื่อผ่านเวลาของการละทิ้งของคราบเกาะ เกร็งต่างๆๆมาได้ จนจิตเบาสบาย สภาวะของจิต ก็เรียกได้ว่ามีสมาธิ
    คราวนี้เราก็มาวางจิต วางความรู้สึกไว้ที่ฐานของจิต ในตำแหน่งกลางตัวสูงกว่า สะดือสัก 2 นิ้ว แต่ถามว่า เห็นดวงจิตหรือ ยังค่ะ เราต้องดูลมหายใจไปเรื่อยๆๆ สลับกับการยกความรู้สึกออกไปเรื่อยๆๆ แต่สติและจิต ยังคงอยู่ที่ตรงนั้น เมื่อการตกตระกอนของสมาธิ เข้าถึง ภานใน สมาธิที่ลึก และบริสุทธิ์ เพียงพอ เมื่อนั้น เราจะสามารถสัมผัสได้ถึง ดวงแก้ว ใส สว่างบริสุทธิ์ ที่ผุดขึ้นมาเหนือน้ำ ลอยขึ้นมาให้เราเห็นในจิตของเรา ดวงแก้วก็จะมีกำลังสว่างขึ้น และในช่วงเวลานี้ สิ่งที่มีอยู่ที่เก็บสะสมในดวงจิตก็จะเผยออกมาทั้งเรื่องต่างๆๆ ชาติภพ การกระทำ เจ้ากรรมนายเวร อาการต่างๆๆ และหากเราไม่สามารถมีสติควบคุม เราก็จะเกิดอาการทั้งสองทางคือ หลง งมงายว่าเรามี เราเคยเป็น เราสามารถ และเกิดอาการยึดสิ่งที่เห็น มาอุปโหลกว่า อดีตฉันสามารถ
    และในหนทางนี้ จะบอกเองว่า ท่านมีอะไรในการเรียนรู้เพื่อปลดปล่อยอดีตหรืออนาคตที่ยังมาไม่ถึง
    ถ้าถามเรา ทิ้งให้หมด ที่เห็นที่มี และอยู่กับสติให้ได้ มันจะสวยหรูดูมีค่าราคาเท่าใด มันก็คือภาพในจิต แค่นั้นเอง ความสนุกสนานเวลาทำสมาธิ ก็จะเกิดขึ้นทำให้ท่านหลงเพลิดเพลินไปอีก
    เมื่อท่านได้ละทิ้งสิ่งที่เห็นทั้งหมด บทเรียนแห่งกาลเวลาของจริงๆๆในระดับต้นๆๆถึงจะเริ่มเกิดขึ้นเท่านั้น
    และส่วนใหญ่ ก็ติดอยู่ที่ตรงนี้เสียแล้วนั่นเอง เพราะเมื่อวาระจิตมาถึงตรงนี้เมื่อใด การเสพ ความเพลินเพลินก็ทำให้ลืมที่จะเฝ้าดูแค่ เฉยๆๆ และดูลมหายใจต่อไป เพราะทั้งหมดเปลี่ยนแปลง ภาพจิตไปทุกวัน
    ดังนั้น การเข้าออกของสภาวะนี้เมื่อเกิดขึ้นก็ไม่ได้ยากอะไรสำหรับจะเข้าจะออก แต่สิ่งที่ยากอย่างยิ่งคือ อดีตกรรม อาการต่างๆๆที่สะสมมาจากอดีต ก็จะมีผลแสดงออกมาทั้งทางจิต ร่างกาย และสภาวะที่หลุดออกมาจาก การทำสมาธิแล้วนั่นเอง
     
  20. เดมีดี

    เดมีดี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +1,271
    บทที่ 4. สนามพลังงานในมนุษย์ VS รัศมีพระพุทธศาสนา

    สภาวะ ที่เข้าสู่ รัศมีพระพุทธศาสนา ตอนที่2
    จากประสบการณ์ ในสิ่งที่เห็น เราเห็นไปถึงการเกิดขึ้นของพลังงาน ผี และ สภาวะของการเกิดในอนาคต แต่ทั้งหมดต้องละทิ้งไป แต่ในเวลานั้น เราเพียงจดจำสภาวะที่เกิดก่อนและหลังของการทำสมาธิ เพื่อมาเปรียบเทียบ ภายหลังถึงรู้ว่า การเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้ทุกเวลา และสามารถเปลี่ยนไปอย่างไรก็ได้ ซึ่งมีผลมาจาก อดีต ปัจจุบัน อนาคต และสามารถเชื่อมโยงต่อกันได้ในเวลาทำสมาธิ
    ดังนั้นผู้เข้าถึงในสภาวะนี้ ทางพุทธศาสนา เปรียบได้ว่า มีกำลังสมาธิในระดับลึก ซึ่งเราไม่สามารถรู้ได้ว่าอยู่ในระดับใด
    แต่ทั้งหมด ก็แค่ละทิ้ง แค่นั้นเอง

    เมื่อการเข้าถึงสภาวะสมาธิในระดับที่ลึกนี้แล้ว ร่างกายจะมีการพัฒนา จิต ไปในทางที่เชื่อมโยงกับสนามพลังงาน เมื่อเราเริ่มเข้าๆออกๆๆกับสภาวะธรรมแบบนี้ จนเรียกว่า ฝึกจนเป็นปกติวิสัยแล้วนั่นเอง

    สำหรับผู้ที่ยังฝึกไม่ถึง เราขอให้ท่านได้ให้ความสำคัญกับการล้างทิ้งของสภาวะธรรมทั้งหลายที่มีที่เป็นที่เกิดขึ้น ไม่ว่ามันจะดีงานประเสริฐ สักปานใด เพราะสิ่งที่อยู่หลังจากนี้ คือการเดินทางที่บริสุทธิ์ นั่นเอง

    จบในภาคเบื้องต้นของการทำสมาธิ (ไม่อธิบายเข้าไปลึก มาก เพราะเป็นเรื่องเหนือจินตนาการที่เกิดขึ้นเฉพาะตน ไม่มีอะไรมาพิสูจน์ได้ ยกเว้นตนเองเท่านั้นที่ เชื่อและศรัทธา และเดินทางมาตามแนวทางธรรมของพระพุทธเจ้านั่นเอง)
     

แชร์หน้านี้

Loading...