พระเครื่องในคอผู้เฒ่าประจำบ้าน.. น.๔๘๙ สุดยอดแห่งแดนใต้..

ไม่ว่าหรอกครับ

ผมคงไม่ว่าอะไรหรอกครับพี่อัค ขอบคุณมากๆครับ

 

ฝากไว้องค์นึงครับ พระประจำคอผู้เฒ่าทางชัยนาทครับ
<a href="http://img217.imageshack.us/i/test111600v.jpg/" target="_blank"><img src="http://img217.imageshack.us/img217/5503/test111600v.jpg" alt="Free Image Hosting at www.ImageShack.us" border="0"/></a>

 

เนื้อหาเข้มขลังมากครับพี่โอ๋ ขอบคุณที่นำมาให้ชมครับ

 

อ่านดูแล้วแปลกๆครับพี่ตี๋ เหมือนงอนกันนิดหน่อย 555+

 

หลวงปู่ทวด สำนักสงฆ์ต้นเลียบ (ที่ฝั่งรกหลวงปู่ทวด) จ.สงขลา รุ่นสัมฤทธิ์ผล

 

ขอบคุณครับสำหรับคำแนะนำติชมเช่นเคยครับ

 

มีแบบน่ารักๆมาให้ดูกันแก้เครียดครับ

 

กราบหลวงพ่อทวดครับ

 

เยี่ยมเลยครับ ขอประวัติด้วยครับคุณ magun

 

สวยมากครับคุณ ae noi

 

สวัสดีครับพี่บุพนิมิตและทุกท่านครับ

ครับขอบคุณครับคุณอัค ได้ที่อยู่คุณ DEK WATPA แล้วครับ เดี๋ยวเที่ยงวันพรุ่งนี้ส่งพระให้ด่วนเลยครับ

 

มารายงานตัวครับ วันนี้ปัญหามากมายเหลือเกิน สู้ๆนะครับทุกคน สวัสดีครับ

 

ขอบคุณครับ คุณพี่ทิพย์มงคล
องค์หลวงปู่ทวด ของสำนักสงฆ์ต้นเลียบนั้น น้องที่ทำงานกลับบ้านและนำมาให้ 2 องค์ครับ

ประวัติสำนักสงฆ์ต้นเลียบ
บ้านเกิดและสถานที่ฝังรก
หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
หมู่ 1 ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา
ประวัติสำนักสงฆ์ต้นเลียบ (ปูชนียสถาน ที่ฝังรกหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด)
“สำนักสงฆ์ต้นเลียบ” (บ้านเกิดและสถานที่ฝังรกหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด) ตำนานที่มีหลักฐานปรากฏอยู่จริงบนคาบสมุทรสทิงพระ
“ต้น เลียบ” เป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ อยู่ในตระกูลเดียวกับต้นโพธิ์ วัดโดยรอบแล้วมีลำต้นประมาณ 21 เมตร เป็นต้นไม้ที่อายุยืนยาวมานานแต่อดีตกาลนับได้ 400 กว่าปี ปัจจุบันนี้ยืนเด่นตระหง่าน แผ่กิ่งก้านสาขา ให้ร่มเงา และความร่มรื่นอยู่ภายในสำนักสงฆ์ต้นเลียบ ควบคู่ไปกับเจดีย์ที่ฝังรกของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งถือกันว่าเป็นต้นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ในแถบภูมิภาคนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าจะลบหลู่ เป็นต้นไม้ที่สำคัญในตำนานเกี่ยวกับหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
ตามประวัติเล่ากันว่า เมื่อนายหู และนางจันทร์ ได้ให้กำเนิดลูกชาย (หลวงปู่ทวด) นายหู ก็ได้นำ “รก” มาฝังไว้ที่โคนต้นเลียบด้านทิศเหนือ ปัจจุบันนี้ก็คือ สำนักสงฆ์ต้นเลียบ ตั้งอยู่หมู่ที่ 1 ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา อยู่ห่างจากวัดพะโคะเพียงแค่ 2 กิโลเมตร
กาลก่อนบริเวณต้นเลียบแห่งนี้ ได้กลายสภาพเป็นที่รกร้าง เนื่องจากขาดผู้ดูแล มีบรรดาสรรพสัตว์น้อยใหญ่มาอาศัยเป็นที่หวาดกลัว จนบรรดาชาวบ้านไม่กล้าเข้ามาในบริเวณนี้
จวบจนท่าน อาจารย์แก้ว พุทธมุนี เจ้าอาวาสวัดดีหลวงสมัยนั้น ได้รวบรวมพระเณร และชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง เข้ามาพัฒนาต้นเลียบ จนดูสะอาดร่มรื่น ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระภิกษุ-สามเณร จนกระทั่งท่านมรณภาพ
เมื่อ ปี พ.ศ.2497 ได้มีสัปปุรุษ 2 ท่าน เดินทางมาจากถ้ำน้ำร้อน อำเภอเขาชัยสน จังหวัดพัทลุง คือ สัปปุรุษช่วง กับสัปปุรุษเนื่อง มาทำธุระที่วัดดีหลวง หลังเสร็จธุระแล้วทั้งสองก็เตรียมตัวกลับถ้ำน้ำร้อน แต่กลับไม่ได้เนื่องจากในขณะนั้นท้องทะเลบังเกิดคลื่นลมแรง ไม่มีเรือลำใดกล้าจะไปส่งแม่หลง และบิดาก็ได้นิมนต์ให้สัปปุรุษทั้งสองคน มาอยู่ประจำที่ต้นเลียบ เพราะเห็นว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่สมควรจะปล่อยไว้ให้เป็นที่รกร้างเหมือนอย่างที่เป็นอยู่ สัปปุรุษทั้งสองจึงรับปากและจำพรรษาอยู่ที่ใต้ต้นเลียบ เป็นที่ยินดีของบรรดาชาวบ้านยิ่งนัก สัปปุรุษทั้งสอง ได้ช่วยกันร่วมแรงร่วมใจกับชาวบ้านก่อสร้างศาสนวัตถุ ขุดบ่อน้ำก่อด้วยอิฐดินเผาโค้ง สร้างพระประจำวัน นำมาประดิษฐานไว้รอบโคนต้นเลียบ ที่ฝังรกของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด (ผู้ที่สร้างพระประจำวันสมัยนั้นเท่าที่สืบรู้ ก็คือ ตาขำ ศิริพร, ตาช่วงแก้ว, ลุงเคว็จ นัคราบัณฑิต, ตาพลับ พรหมอ่อน)
ภายหลังสัปปุรุษเนื่องได้ขอตัวกลับไปอยู่ที่ถ้ำน้ำร้อน อำเภอเขาชัยสน ยังคงแต่สัปปุรุษช่วง ได้นำชาวบ้านสร้างเจดีย์ทรงลังกาองค์เล็ก นำมาประดิษฐานอยู่เหนือที่ฝังรกของหลวงปู่ทวด และยังได้สร้างรูปเหมือนหลวงปู่ทวด (ด้วยปูนซีเมนต์) อีก 1 องค์ ปัจจุบันประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวงปู่ทวดใต้ต้นเลียบ
ก่อนวันฉลองหลวงปู่ทวด เพียง 3 วัน สัปปุรุษช่วง ได้ขออุปสมบทที่ วัดดีหลวง โดยมีพระอธิการลั่น กาญจโณ เป็นพระอุปัชฌาย์
ครั้งถึงเดือนยี่ ได้มีการฉลองศาลา เบิกเนตรพระประจำวัน ทำพิธีพุทธาภิเษก นำวัตถุมงคลหลวงปู่ทวดเข้ากรุ
จนล่วงมาถึงปี พ.ศ.2500 หลวงปู่จำเนียร โชติธัมโม ระหว่างที่ท่านจำพรรษาอยู่ที่วัดพะโคะ ขณะนั่งเจริญสมาธิภาวนา ปรากฏดวงวิญญาณขององค์หลวงปู่ทวด มาปรากฏต่อหน้าท่านและได้ชี้มาที่ตัวท่านบอกให้ไปช่วยดูแลต้นเลียบ อันเป็นสถานที่ฝังรกขององค์หลวงปู่ทวด ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีผู้ใดดูแล มีสภาพที่รกร้าง
เมื่อหลวงปู่จำเนียร โชติธัมโม มาจำพรรษาที่ต้นเลียบแห่งนี้แล้ว ก็ได้รวบรวมชาวบ้านในละแวกใกล้เคียง ทั้งบ้านวัดเล็ก บ้านเลียบ มาช่วยกันพัฒนาเพื่อให้เหมาะเป็นสถานที่เจริญธรรม วิปัสสนากรรมฐาน
หลวงปู่จำเนียร โชติธัมโม ชาวบ้านเชื่อกันว่าท่านเป็นผู้ที่เมตตามหานิยม มีวาจาสิทธิ์ โดยท่านได้ศึกษาศาสตร์วิชาอาคมมาหลายแขนงจากสำนักเขาอ้อ จังหวัดพัทลุง สามารถนำมาช่วยเหลือรักษาผู้ที่ถูกคุณไสยได้
ท่านสามารถหยั่งรู้ด้วยญาณวิเศษถึงวันมรณภาพของตัวเอง โดยบอกกล่าวกับลูกศิษย์ใกล้ชิดว่า ก่อนวันเข้าพรรษา 7 วันท่านจะละสังขารแล้ว และเมื่อถึงวันอาทิตย์ที่ 21 กรกฎาคม 2539 เวลา 21.20 นาฬิกา ท่านก็ได้จากไปอย่างสงบ แต่ยังคงทิ้งร่องรอยการปฏิบัติและคุณงามความดีไว้ให้คนรุ่นหลังได้เจริญรอย ตามและยึดเป็นเยียงอย่างรวมอายุท่านได้ 99 ปี 40 พรรษา
ปัจจุบันนี้สรีระสังขาร ของหลวงปู่จำเนียร โชติธัมโมกลายสภาพเป็นหิน บรรดาลูกศิษย์ และคณะกรรมการได้เก็บไว้ในโลงแก้ว ที่สำนักสงฆ์ต้นเลียบ หมู่ที่ 1 ตำบลดีหลวง อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา มีลูกศิษย์ลูกหาที่ศรัทธาเคารพนับถือและผู้ที่ท่านเคยช่วยเหลือต่างแวะเวียน เข้ามากราบไหว้สรีระของท่านอย่างต่อเนื่อง
ที่มา :ประวัติสำนักสงฆ์ต้นเลียบ

ภาพถ่ายลวงปู่จำเนียร โชติธัมโม เจ้าสำนักสงฆ์ ผู้ที่มีร่างกายเป็นหิน

สำนักสงฆ์ต้นเลียบสถานที่ฝังรกหลวงปู่ทวด





บริเวณโคนต้นเลียบในปัจจุบัน

สมเด็จหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด เป็นพระภิกษุสงฆ์ที่เลิศทั้งทางธรรมและอภินิหาร
ต้นเลียบสถานที่ฝังรกของท่าน จึงมีผู้เคารพ ศรัทธา บูชา อาราธนาขอบารมีท่านช่วยเหลือยามเดือดร้อนตลอดมา
จึงถูกรักษาไว้คล้ายตัวแทนของหลวงปู่ทวดมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน


ศาลาตาหุน - ยายจันทร์ โยมบิดา - มารดาหลวงปู่ทวด บริเวณสำนักสงฆ์ต้นเลียบ


สถูปเจดีย์โบราณบริเวณโคนต้นเลียบ


สถูปสมภารจวง อาจารย์องค์แรกของหลวงปู่ทวดวัดดีหลวง สถานที่เริ่มศึกษาและบวชสามเณร

ไม่รู้ว่าใช้ประวัติที่คุณพี่ทิพย์ขอหรือเปล่านะครับ​

 

คันเก่าถึงซ่อมดียังงัยก็รถเสียศูนย์แล้วครับขับไปก็เสียความรู้สึกครับผม

 

องค์นี้เห็นแล้วเนื้อจัดจริงๆครับผม

 

วัดที่เขาชัยสนพัทลุงน่าไปมากครับมีบ่อน้ำร้อนอาบแล้วชื่นใจ เขาเล่ากันว่ามียักษ์ตนหนึ่งคอยดูแลอยู่ด้วยครับผม

 

ประวัติชัดเจน...สุดยอดครับท่านmagun

 

เยี่ยมมากๆครับ ขอบคุณมากครับพี่รักษ์สยาม

 

ขอบคุณมากครับ คุณmagun สุดยอดด

 

เหรียญพ่อท่านวัน มะนะโส รุ่น3 สร้างปี03 (พระราชทานเพลิงศพ)
รุ่นนี้มีสองเนื้อ คือ ทองแดง กับ อัลปาก้า เนื้อทองแดงสร้าง2000 เหรียญ เนื้ออัลปากาสร้าง3000เหรียญ และยังมีบล๊อค นิยม ล กระดกครับ และ ล ธรรมดาครับ รุ่นหนึ่ง รุ่นสองหายากที่สำคัญแพง เลยหารุ่น3ใว้ใช้แทนครับ...ประสบการไม่แพ้กันครับ...
ประวัติ
พระบริสุทธิ์ศีลาจาร (วัน มะนะโส) เกิดเมื่อวันอังคาร เดือน 5 ปีขาล พ.ศ. 2420 ที่บ้านควนขัน อำเภอเมือง จังหวัดตรัง เป็นบุตรคนโตในจำนวน 4 คน ของ นายจอก และนางคล้อย เมื่ออายุได้ 13 ปี ได้ไปศึกษาวิชาร่ำเรียนอักขระสมัยกับพระอธิการเรือง วัดป่าพยอม จนเมื่ออายุ 17 ปี จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดป่าพยอม เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรม ต่อมาเมื่ออายุได้ 20 ปี ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดป่าพยอม โดยมีพระอธิการคง วัดบ้านตูล อำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อปล้อง วัดบ้านตูล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการเกิด วัดป่าพยอม เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ระหว่างอยู่ศึกษาวิชากับพระอุปัชฌาย์ นอกจากการศึกษาพระธรรมคัมภีร์แล้ว ยังได้ศึกษาด้านพุทธาคมจากหลวงพ่อปล้อง พระกรรมวาจาจารย์ และพระอธิการเกิด พระอนุสาวนาจารย์ ซึ่งทั้งสองเป็นศิษย์สายสำนักเขาอ้อด้วย ในพรรษาที่ 4 ได้ไปศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐานกับพระครูกาชาด ต่อมาได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยียนญาติโยมที่ภูมิลำเนาเดิม และได้จำพรรษาอยู่ที่วัดปอร์ (ชาวบ้านเรียกกันว่า วัดปอน) ได้ 1 พรรษา จึงย้ายไปจำพรรษากับพระเจียง ซึ่งเป็นน้องชายที่วัดประสิทธิชัย อำเภอเมือง จังหวัดตรัง ประจวบกับเจ้าอาวาสกำลังอาพาธ และได้มรณภาพลงในเวลาต่อมาประกอบกับพระเจียงได้ลาสิกขา หลวงพ่อวัน มะนะโส จึงได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดสืบต่อ เมื่อปี พ.ศ. 2445 และได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองเจ้าคณะแขวงอำเภอห้วยยอด ปี พ.ศ. 2459 ได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าคณะแขวงที่พระครูศรัทธาชน ปี พ.ศ. 2469 ได้รับตราตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์ ปี พ.ศ. 2479 ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ พระครูมันตภานี เจ้าคณะจังหวัดตรัง ปี พ.ศ. 2490 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นที่ พระครูบริสุทธิ์ศีลาจาร ปี พ.ศ. 2493 ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะฉายา พระบริสุทธิ์ศีลาจาร สังฆปาโมกข์ พระบริสุทธิ์ศีลาจาร (วัน มนะโส) ได้ป่วยเป็นอัมพาต
และมรณภาพลงในปีพ.ศ.2503 สิริอายุได้ 83 ปี พรรษาที่ 63
เรื่องราวเล่าขานถึง "ปาฏิหาริย์" ของหลวงพ่อวันว่า เมื่อหลวงพ่อวันได้มาจำพรรษาที่วัดประสิทธิชัย พระเจียง น้องชายของหลวงพ่อวันได้ทิ้งของมีค่าไว้ในกุฏิของท่านมาก ความนี้ทราบถึงคนร้าย ต่อมาคนร้ายได้เข้ามาปล้นหลวงพ่อวัน หากแต่หลวงพ่อวันทราบล่วงหน้าจึงได้สั่งพระภิกษุ สามเณร และเด็กวัด ให้เก็บมีดพร้า และของมีคมต่างๆ ซ่อนไว้ให้มิดชิด แล้วหลวงพ่อวันก็เข้าจำวัด
ครั้นเวลาประมาณ 04.00 น. คนร้ายได้ขึ้นปล้น บังคับขู่พระภิกษุ สามเณร ส่วนหลวงพ่อวันได้นั่งอยู่ข้างประตู เมื่อคนร้ายเห็นหลวงพ่อวันก็ได้ฟันด้วยดาบจากบ่าลงไปถึงเอว แต่ไม่เข้า เมื่อโจรเห็นว่าฟัน ลพ.วันไม่เข้าแล้ว จึงหยุดชะงัก ลพ.วันจึงเอ่ยว่าจะฟันทำไมพ่อโจรจะเอาอะไรก็เอาไป คนร้ายจึงได้ขนของไป รุ่งเช้าชาวบ้านทราบข่าวจึงมุ่งหน้าไปยังวัดแต่กลับถกถูกขวากหนามที่คนร้ายนำมาดักไว้จนได้รับบาดแผลกันไปหลายคน เมื่อเจ้าหน้าที่มาที่เกิดเหตุสอบถามหลวงพ่อวัน ท่านก็บอกว่าไม่รู้จักคนร้าย ไม่เคยเห็นหน้าตามาก่อน ทั้งที่โดยความจริงแล้วท่านรู้แต่ไม่บอก ด้วยไม่อยากจองเวรจองกรรม ทว่าต่อมาเจ้าหน้าที่ก็จับคนร้ายได้ ส่วนที่เหลือรอดไปนั้นล้วนต่างมี
ชีวิตอยู่อย่างอนาถาตามผลกรรมที่ก่อไว้อย่างไรก็ตาม เมื่อชาวบ้านได้ทราบว่าหลวงพ่อวันถูกคนร้ายฟันด้วยดาบหลายครั้ง แต่หาระคายผิวไม่ ต่างก็พากันมาฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อวัน เพื่อศึกษาวิชากันอย่างมากมาย
หลวงพ่อวัน นะมะโส วัดประสิทธิชัย อ.เมือง จ.ตรัง ท่านมีสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะเป็น "พระบริสุทธิ์ศีลาจารย์" และได้รับตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดตรัง
ส่วนวัตถุมงคลของหลวงพ่อวัน มีเหรียญปั๊มรูปเหมือน 3 รุ่น ด้วยกัน เหรียญรุ่นแรก สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2487 เหรียญรุ่นสอง สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2498 เหรียญรุ่นสาม สร้างเมื่อ พ.ศ. 2503 ซึ่งเหรียญทุกรุ่นต่างล้วนปรากฏพุทธคุณในด้านอยู่ยงคงกระพัน และมีผู้พบประสบการณ์วยตนเองอย่างน้อยมี 2 ราย โดยรอดตายมาได้อย่างปาฏิหาริย์ รายแรกคือนายปิ่น ชุ่มสั้น อาชีพขับรถแท็กซี่วิ่งรับผู้โดยสารจากจังหวัดตรังไปอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช ถูกคู่อริลอบยิงด้วยปืนลูกซองสั้นที่เหนือทรวงอกด้านซ้าย กระสุนปืนลูกซองที่พุ่งเข้าร่างนายปิ่นจับเกาะเป็นกลุ่มใหญ่แต่หาได้ระคายผิวหนังแม้แต่น้อยไม่ สอบถามได้ความว่าที่คอนายปิ่น คล้องเหรียญปั๊มรูปเหมือนหลวงพ่อวัน ส่วนรายที่สองคือนายไพโรจน์ วงศ์เทพบุตร เป็นอีกผู้หนึ่งที่พบพาน "อัศจรรย์แห่งชีวิต" เมื่อร้านค้าของเขาที่ตั้งอยู่ใกล้วัดประสิทธิ์ชัย มีชาย 3 คนเข้ามาซื้อเหล้ากินตั้งแต่บ่าย 3 โมง จนกระทั่งพลบค่ำแล้วก็ยังไม่เลิกลา อีกทั้งสังเกตเห็นว่าชายทั้ง 3 ล้วนมีปืนพกเหน็บไว้ที่เอวทั้งนั้นทั้งมีทีท่าที่เปลี่ยนไปจากตอนแรก เมื่อเห็นเช่นนั้นนายไพโรจน์จึงรีบหลบนเข้าไปหลังร้านเพื่อหมายจะหยิบปืนมาไว้ป้องกันตัวแต่ทว่าไม่ทันเมื่อชายทั้ง 3 ได้จู่โจมเข้าจับนายไพโรจน์มัดไว้ แล้วพากันไปรื้อทรัพย์สิน สักครู่นายไพโรจน์ก็ดิ้นหลุดจากเชือกที่มัดก่อนหยิบปืนขึ้นยิงใส่คนร้าย เมื่อเสียงปืนสิ้นสุดลงโจรทั้ง 3 ได้เสียชีวิต ส่วนนายไพโรจน์ปลอดภัยไม่ได้รับบาดเจ็บหรือถูกกระสุนจากโจรไปที่ยิงสวนกลับมา สอบถามได้ความว่าที่คอนายไพโรจน์ คล้องเหรียญปั๊มรูปเหมือนหลวงพ่อวันรุ่นแรก เป็นเหรียญปั๊มรูปเหมือน สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสอายุครบ 68 ปี เมื่อ พ.ศ. 2487 ครั้งยังมีสมณศักดิ์ที่ "พระครูมันตภานีสังคการ" เป็นเหรียญปั๊มรูปไข่ แบบมีหูในตัว เนื้ออัลปาก้า จำนวนสร้างเพียง 1,000 เหรียญอย่างไรก็ตาม เมื่อเหรียญปั๊มเนื้ออัลปาก้าได้ทำการแจกจ่ายไปจนหมดสิ้น ในปีเดียวกันนั้นก็ได้สร้างเสริมขึ้นมาอีกจำนวนหนึ่ง โดยเป็นเหรียญเนื้อตะกั่ว ประมาณ 3,000 เหรียญ หากเส้นสายของพิมพ์ทรงไม่คมชัดบ้างว่าเหรียญเนื้อตะกั่วที่สร้าง เป็นเหรียญสำหรับแจกผู้หญิงโดยเฉพาะ
ต่อมาในปี พ.ศ.2498 มีงานทำบุญอายุครบ 77 ปี ได้มีการสร้างเหรียญปั๊มรูปเหมือนเป็นที่ระลึกขึ้น อันเป็น "เหรียญพระเครื่อง" รุ่น 2 ของท่าน ซึ่งขณะนั้นมีสมณศักดิ์เป็น "พระครูบริสุทธิ์ศีลาจารย์"และเมื่อมรณภาพลงแล้ว ได้มีการสร้างเหรียญปั๊มรูปเหมือนที่ระลึกในงานฌาปนกิจศพ ในวงการสะสมเหรียญพระเครื่อง ยึดถือเป็น "เหรียญตาย" เนื่องเพราะเป็นเหรียญที่ไม่ทันพระครูบริสุทธิ์ ศีลาจารย์ (วัน มะนะโส) ปลุกเสก
นอกจากนั้นยังมีการสร้างรูปเหมือนลอยองค์พระครูบริสุทธิ์ศีลาจารย์ (วัน มะนะโส) ขึ้นมาด้วย เป็นรูปเหมือนเนื้อทองเหลือง เจาะก้นบรรจุอัฐิของพระครูบริสุทธิ์ศีลาจารย์ (วัน มะนะโส) ไว้ด้วย เมื่อปี พ.ศ. 2503
<a href="http://image.ohozaa.com/view2/whr8SPgUszNLSqkv" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/5fa/WUTJpl.JPG" /></a>
<a href="http://image.ohozaa.com/view2/whr8TTcXjkZqCJWi" target="_blank"><img border="0" src="http://image.ohozaa.com/i/706/EasX2f.JPG" /></a>