ขอแชร์ความคิดเห็นและอุบายแก้ไข เมื่อจิตมารกระตุ้นให้สนองต่อกิเลส

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย รัตนหงษ์, 25 สิงหาคม 2012.

  1. รัตนหงษ์

    รัตนหงษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +48
    มองจิตตนเอง แล้วบางครั้งทราบว่า จิตมารกระตุ้นให้สนองต่อกิเลส ยั่วยุ บ้างก็ได้ยินเสียงชัดมาก อยากให้ทุกท่านช่วยแชร์ความคิดเห็นและอุบายแก้ไขกันค่ะ เราควรพิจารณายังไงดี......ขอบพระคุณมากค่ะ
     
  2. vichayut

    vichayut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    168
    ค่าพลัง:
    +661
    มารทั้งหลายตัวเราเองเอามันเข้ามา หลายๆทาง มันมีอยู่จริงเป็นเรื่องธรรมดา
    แต่ไม่ใช่ของจริงเพราะเกิดจากความปรุงแต่งในใจเราทั้งสิ้น เมื่อเห็นมารเกิดขึ้น
    แล้ว บ้างก็ต้องอาศัยกำลังของศีล บ้างก็ต้องอาศัยกำลังสติ บ้างต้องอาศัย
    กำลังของปัญญา บททดสอบของมารก็เหมือนเราได้พัฒนากำลังของเรา จน
    กำลังเรามีมากพอ จะรู้เท่าทันมาร รู้ว่ามารคือเราเองปรุงแต่งขึ้นมาจากความ
    ประมาทของเราเอง สาธุครับ
     
  3. Lind

    Lind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +339
    พอเรารู้ว่าตอนนี้กิเลสกำลังเล่นงานเราอยู่ เราก็อย่าตามใจมันค่ะ
    เช่น รู้ว่าตอนนี้อยากดูหนังมาก แต่ก็หักดิบไม่ดู พิจารณาว่า ร่างกายเป็นของไม่เที่ยง ของเราหรือของนักแสดง ต้องพังลงซักวัน สิ่งที่เที่ยงคือจิต แล้วเราจะมานั่งดูร่างกาย กิริยาการกระทำไปทำไม หนังก็มีวันจบ ถึงดูจบเรื่องหนึ่งก็ไปต่ออีกเรื่องหนึ่ง
    สู้เอาเวลามาทำความดี ทำบุญเป็นเสบียงเพื่อความหลุดพ้นดีกว่า
    เช่น วิปัสสนากรรมฐานตามจริตของเรา
    ทำสมาธิรู้ลมหายใจเข้าออก ตั้งใจว่าจะทำให้ได้ในทุกอิริยาบถ
    พระพุทธเจ้าบอกว่า เมื่อใดที่เรารู้ลมหายใจเข้าออก เมื่อนั้นกิเลสแทรกไม่ได้ค่ะ สาธุ
     
  4. Lind

    Lind เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +339
    เราเป็นคนที่ชอบดูหนังมาก อันนี้ยังเลิกไม่ได้ แพ้มารสุดๆ
    แต่เวลาดู เราก็จะพิจารณาการกระทำของนักแสดงว่าผิดศีลข้อไหนมั่ง เช่น
    ตบ ตี ฆ่า เบียดเบียนทำร้าย ร่างกาย/จิตใจ คนอื่นหรือตัวเอง อีกทั้งเล่นคุณไสย ไสยศาสตร์ ผิดศีลข้อ 1
    ขโมย เอาของๆคนอื่นไปไม่ได้รับอนุญาต อู้งาน เบิกเงินเต็มอัตราแต่ใช้ไม่ถึง เอาของที่ทำงานกลับบ้าน เอาของวัดกลับบ้าน ไม่เสียภาษีหรือไม่เสียไม่ครบ ติดหนี้แผ่นดิน ผิดศีลข้อ 2
    หมกมุ่นในกาม ชิงสุกก่อนห่าม นอกใจแฟน ผิดศีลข้อ 3
    โกหก นินทา พูดคำหยาบ ไร้สาระ เพ้อเจ้อ ผิดศีลข้อ 4
    กินเหล้าเมายา สูบบุหรี่ ผิดศีลข้อ 5
    อีกทั้งอบายมุข การคบคนชั่วเป็นมิตร เที่ยวกลางคืน ดูหนัง ฟังเพลง เล่นหุ้น หวย พนัน ไพ่ ซึ่งเป็นสิ่งที่พระพุทธเจ้าบอกว่า เป็นหนทางสู่ความเสื่อม สามารถทำให้ผิดศีล ศีลซึ่งเป็นรากฐานของสมาธิและปัญญา

    แต่ส่วนใหญ่ ก็จะชอบอินไปกับหนัง เลยทำให้อารมณ์ฟุ้งซ่าน ทำสมาธิไม่ค่อยได้ดี ไม่ค่อยได้ทำสมาธิเลย ทำให้ไม่ก้าวหน้าในทางธรรมจริงๆ
     
  5. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    วิธีที่ดีที่สุดเลยคือ เจอแล้ววางทันที
    จะมีอะไรเข้ามา รู้แล้ววางทันที ไม่คิดตาม ไม่ตำหนิตัวเอง ไม่คิดอะไรต่อ
     
  6. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,499
    มารไม่มี บารมีไม่เกิด

    มารยิ่งมี บารมียิ่งแก่กล้า

    แม้แต่ สุขหยาบ ๆ ก็คือมารดี ๆ นี่เอง
     
  7. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ......................สติสัมปชัญญะ สำคัญที่สุด เมื่อตั้งใจเข้าสู่การภาวนา...ไม่ว่า จะเป็น ทาน ศิล ภาวนา หรือ ศิล สมาธิ ปัญญา...สติ(การระลึกรู้)สัมปชัญญะ(รู้ตัวทั่วพร้อม)จะเป็นเครื่องมือที่ดีที่สุด......การที่จขกท ได้ยินจิตมาร(อย่างที่ท่านว่า จะเรียกอะไรก็ได้ ฟุ้งซ่าน หรือ กิเลสในใจ) ก็ถือว่า มีสติ ถึงได้รู้ว่า มีสิ่งที่แยกกันเป็นส่วนส่วน....ทีนี้รู้แล้ว จะกระทำด้วย กาย วาจา ใจ ตามสิ่งยั่งยุนั้น ก็ต้องมีสติระลึกรู้อยู่ตลอด.............จะระลึกรู้แม้กระทั่ง เวทนา ที่เกิด หรือ โทสะที่เกิดถ้าไม่ได้กระทำ(หรือพ่ายแพ้กระทำตามกิเลส ก็รู้ ) หรือ มันอาจจะกลายเป็นอุเบกขา ในที่สุด....ยังไงก็ตามแต่ สิ่งเหล่านี้ย่อมเกิดดับ ตามสภาวะของเหตุปัจจัย..........พอ มีสติสัมปชัญญะ บ่อย บ่อย เนืองเนื่อง ก็จะเข้าใจ เรื่อง คุณ(รสอร่อย อัสสาทะ) และ โทษ(อาทีนพ ความไม่เที่ยงความน่าเบื่อหน่าย) และ อุบายนำออก(นิสรณะ ความพ้นไปเสีย)ในครั้งต่อต่อไป ถ้าเรายังไม่หลงลืมการภาวนา.....สิ่งเหล่านี้ จะนำไปสู่การภาวนาที่ละเอียดยิ่งยิ่งขึ้นไป......จนกระทั่ง เกิด อุเบกขา หรือ ปัสสัทธิ(กายไม่โยกโคลงใจไม่โยกโคลง)โดยธรรมชาติบริบูรณ์....มีสติจึงสำคัญตลอด....จนกว่าจะมี สัมมาทิฎฐิบริบูรณ์ มีสัมมัปธานสี่บริบูรณ์ เข้าสู่ อินทรีย์สังวรณ์โดยธรรมชาติ(มีศิล อยู่ที่ใจ):cool:
     
  8. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ศึกษาการระงับนิวรณ์๕ และกรรมฐาน๔๐ ครับ
     
  9. อิ๋วจ้า

    อิ๋วจ้า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +215
    เห็นแต่ไม่ตามเดี๋ยวมันก็ดับเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...