ทำไมสิ่งที่ผมพบเจอในชีวิตมันถึงตรงข้ามกับกฏแห่งกรรมล่ะครับ

" ในชีวิตของมนุษย์เรามีบทเรียนอยู่สองบทเรียน หนึ่ง บทเรียนที่ยาก และสอง บทเรียนที่ง่าย บทเรียนที่ง่ายก็คือทำอะไรก็สมหวังไปเสียทุกอย่าง แต่พอสมหวังไปเสียทุกอย่าง มนุษย์มักจะหลงตัวเอง พอหลงตัวเอง นั่นคือ ต้นทางของความผิดพลาด "

บทเรียนที่ยากมักจะช่วยขัดเกลาฝึกปรือเราให้เข้มแข็ง เหมือนคนบางคนที่เกิดมายากจนจึงเรียนรู้ที่จะต่อสู้ และเมื่อพยายามต่อสู้ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จกลายเป็นคนมั่งคั่งพรั่งพร้อมได้ คนจำนวนมากที่สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาได้แล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ของโลกนั้นเพราะเขาไม่ปฎิเสธบทเรียนที่ยาก แต่กลับถือว่าเป็นบทเรียนที่เปรียบเสมือนหินลองทอง หรือเปรียบเสมือนหินลับมีด หรือบางทีเปรียบเสมือนกระดาษทรายที่ทำหน้าที่ขัดสีฉวีวรรณให้ชีวิตของเราผุดผ่องแวววาวทอประกายเจิดจรัสงดงามยิ่งขึ้น

ขอให้ถือว่าความล้มเหลวนั่นแหละคือบทเรียนแสนยากที่เป็นบันไดขั้นหนึ่งซึ่งเราต้องก้าวข้ามไป พอเราก้าวข้ามไปได้ ชีวิตของเราก็จะมีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ผู้รู้ท่านหนึ่งบอกว่าชีวิตที่ไม่ผ่านการต่อสู้เป็นชีวิตที่ไม่ควรค่าแก่การยกย่อง เห็นไหม เรามีหน้าที่สู้ชีวิต มีหน้าที่ก้าวข้ามความยากลำบาก ไม่ได้มีหน้าที่มาจมปลักอยู่กับความยากลำบากแล้วก็ทำร้ายทำลายตัวเอง ทุกครั้งที่เจอบทเรียนแสนยาก บอกตัวเองว่าต้องก้าวข้ามมันไป ไม่ใช่ฝังตัวเองอยู่กับบทเรียนแสนยาก บทเรียนยากๆ ทั้งหลายนั้นเปรียบเสมือนบันได ซึ่งเรามีหน้าที่ต้องก้าวผ่านบันไดเหล่านั้นไป ไม่ใช่ไปนั่งจุ้มปุ๊กอยู่ตรงบันไดแล้วบอกว่าพอแล้วสำหรับชีวิตฉัน<!-- google_ad_section_end --> ... สู้ๆๆนะคะ อย่าท้อถอยค่ะ

 

จิตมีวิวัฒนาการมากี่อสงขัย ไม่มีใครทราบ ตั้งแต่โลกเกิดแล้วดับ กาแลคซี่เกิดแล้วดับ บิกแบงแล้วแบงอีก ก่อนที่พระพุทธเจ้าเราตั้งจิตปรารถณาไว้ในใจ จนถึงการตั้งจิตปรารถณาเป็นพระพุทธเจ้า จิตนั้นอยู่มากี่อสงขัยไม่ทราบ จากการตั้งจิตปรารถนาจนถึงเปล่งวาจาอีกกี่อสงขัย จากการเปล่งวาจาจนถึงพุทธทำนาย อีกกี่อสงขัย หลังพุทธทำนายแล้ว บวกอีก 4 อสงขัยแสนมหากัป จึงลุล่วง

วิวัฒนาการของจิตแต่ละดวงเริ่มตั้งแต่จิตก่อกำเหนิดเข้าสู่วัฏฏะสังสาร ผ่านมานานเท่าใด กี่บิกแบงแล้ว ผ่านการทำ กรรมและบารมี มาเท่าไร และผ่านการรับกรรมและบารมีมาเท่าไร วงจรกรรมและบารมียาวเหยียดต่อเนื่องเพียงใด ตั้งแต่แรกเริ่มเข้าสู่วัฏฏะสังสารจนถึงปัจจุบันนี้

เรื่องทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว หากสามารถนับแบบปีมนุษย์แล้วเห็นได้ในวงจรชีวิตนี้ ถือว่าวงจรกรรมหดสั้นมากแล้ว ใกล้หมดเต็มที หากเร่งปฏิบัติเพื่อความหลุดพ้น ก็น่าจะทำได้รวดเร็วมาก หากไม่สามารถเห็นได้ในวงจรชีวิตมนุษย์ครั้งนี้ ก็คงยังพอเหลือกรรมและบารมีให้ใช้ได้อีกนานกว่าแน่นอน

เรื่อง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว ที่มันไม่เห็นเหมือนอย่างที่ว่า คงพอจะประเมินได้นะครับ

ลอง ๆ หาศึกษาเรื่องความยาวนานของจิตดู คงเป็นประโยชน์สำหรับคุณได้บ้าง ไม่มากก็น้อย นะครับ

 

ข้าเจอมามากกว่าเอ็งมากมายนัก 12 ปีผ่านไป ถึงเข้าใจ อะไรๆก็ไม่แน่นอน รวยแล้วมาจน จนแล้วกลับมามี ไอ้ที่ตายก็ตายไป ไอ้ที่เจ็บก็เจ็บไป ไอ้ที่หมอบอกจะตาย หายแข็งแรงดีชะงั้น ทนเอาหน่อย ถ้าไม่ถึงเวลาเจ้ากรรมนายเวรสงบศึก อย่าหวังว่าจะลืมตาอ้าปากได้ ลำบากเลือดตาแทบกระเด็น ทำได้ก็คือยึดมั่นพระธรรมคำสั่งสอนของสมเด็จพระพุทธเจ้าไว้เถิด แก้ได้ทุกอย่าง ข้าเอง 12 ปีเวียนมาเหตุการณ์คล้ายเมื่อก่อนเชียว แต่ตอนนี้สติมา ปัญญาเกิด ค่อยๆแก้ไขไปใช้เวรใช้กรรมให้เขาบ้าง คงทำเขามามากเหมือนกัน ถ้าเป็นเมื่อก่อนคงทุรนทุรายน่าดู

 

ไม่ต้องร้องไห้ กว่าเราเองจะเข้าใจอะไร ใช้เวลามาเกือบทั้งชีวิต
เมื่อก่อนเคยสบายมาก เรียนเก่ง ทำไร ก็สำเร็จ คนยอมรับไปหมด
มาวันนึง กรรมตาทัน ใช้กรรมอยู่ประมาณ 20 ปี ช่วงต้องบอกสุดๆ เห็นคนที่ทำชั่ีวได้ดีมีถมไป(ตอนนั้นแอนตี้คำว่า ทำดีได้ดีไปเลย แต่ก็ไม่เปลี่ยนศาสนา เพราะลึกๆ ยังเชื่ออยู่ และยังศรัทธาในพระพุทธเจ้าว่าท่านไม่โกหกหรอก)
คนรังแกเรามาก เราก็เห็นเขาได้ดี คนด่าว่า เรานั้นคงเลวมาก ชั่วมาก ถึงต้องป่วยหนักรับกรรมนาน ฯลฯ เราเองก็ไม่รู้ชาติก่อนๆโน้น ไปทำไรมา ระลึกชาติไม่ออกอะ เลยเถียงใครไม่ได้ ได้แต่ยอมรับคำคนอื่ืนนั้นว่า เราคงเลวมามากจริงๆ

มาวันนี้ เพิ่งเข้าใจสิ่งที่เพื่อนพูดมากว่า "ถ้าเราดีจริง แม้อยู่ในมุมมืดแค่ไหน ฟ้าก็มองเห็น"

ของอย่างนี้มันต้องเข้าใจด้วยตัวเอง เจอะตัวเอง

ถึงแม้ฟ้ามองเห็นเราแล้ว ก็อย่าประมาท ทำความดีต่อไป สิ่งที่ดีกลับมา ก็จะดีมากขึ้นไปอีก แต่ก็อย่าคิดว่า กรรมอื่นๆ อีกจะพ้น มันไปตามกฎแห่งกรรมน่ะ

 

คุณก็รู้ว่ามันเป็นอย่างไร อย่าได้ร้อนใจไปเลย มีความเพียร มีใจตั้งมั่น เมื่อเราตักน้ำใส่ตุ่มเราก็รู้ว่าในตุ่มมีน้ำแม้จะมองไม่เห็นเพราะยังไม่เต็ม เมื่อใดเต็มก็จะเห็นเต็มตา
สู้ๆต่อไปครับ เป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่ตั้งใจทำความดี ครับ สาธุ

 

ขอบคุณทุกท่านครับ
ที่นี่มีกำลังใจให้ผมมากมายเลยครับ

สงสัยฟ้าจะส่งเจ้าตัวนี้มาให้ครับ ผมรักหมามากคับ
เศร้าๆอยู่เปิดเจอตัวนี้หัวเราะทั้งน้ำตาเลยครับ

 

เเหม มีพระปิดทวารนี่ไม่ธรรมดานะครับลองปฏิบัติเเบบท่านบ้างสิครับ
ทุกข์หายปุ้บเลย

 

ขอขยายความหน่อยครับ
ปฏิบัติยังไงครับ
นี้พระปิดตาหลวงปู่โต๊ะวัดประดู่ฉิมพลีครับ

 

ฮั่นแน่ ... เข้ามาขอความรู้ด้วยคนค่ะ ไม่ธรรมดาตรงไหน ดิฉันมีพระปิดตาอยู่ด้วยเหมือนกัน แต่เป็น ปิดตาหาลาภ(เขาว่างั้น) เกี่ยวกันมั๊ยเนี่ย แต่อยากรู้ค่ะ

 

พระปิดทวาร พิจารณาดูแล้วเห็นว่า เป็นอุบายธรรมที่ดีมาก คือ ปิด หรือ กั้น หรือ สังวร ต่อ อายะตนะ ทั้งหมด ดังคำกล่าวของหลวงปู่ดุลย์ที่ว่า จิตส่งออกคือสมุทัย เมื่อใดที่จิตไม่ส่งออก หากเป็นทางสมถะก็ได้สมาธิ หากเป็นทางวิปัสสนาก็ได้สติ ขึ้นอยู่กับความเพียรในความตั้งมั่นของบุคคลนั้น ๆ หากทำได้ถูกทาง ความเป็นพระก็ย่อมปรากฏขึ้นได้ ซึ่งเป็นผลมาจากอุบายธรรมในการปิดทวารนั่นเอง

สุขิโตโหตุ

 

ผมเจอมามากกว่าคุณอีก ตอนนี้ก็เจอปัญหา ท้อนิดๆ แต่เพราะมีกำลังใจดี จากตัวเอง แต่คนรอบข้าง คอยเล่นงานอย่างเดียว อย่าไปสน

 

เคยเป็นเหมือนกัน ครั้งนั้นอิจฉา โกรธ ฯลฯ
ตอนหลังมาคิดได้ก็แค่สมบัติโลก มาๆไปๆ
ที่อยากได้ตอนนี้คือสมบัติทางธรรม ที่ไม่เสื่อม
ไม่เคลื่อนไปไหน...
มันก็เลยทำให้คิดได้ว่า คนชั่วพวกนั้นตอนนี้ที่ได้ดี
ก็แค่วาระมาส่งผล ก็เท่านั้นเอง..

 

คุณชอบสวดมนต์มั้ยคะ ที่ลองกับตัวเองแล้วได้ผลมากๆ
1. ธารณะปริตร (อาจารย์ที่เรานับถือบอกว่าบทนี้จะเปิดดวงได้ค่ะ
ใครที่โชคไม่ดีมาตลอด ควรสวด)
2. เมตตาใหญ่ (บทนี้กลับดวงได้นะคะ ใครที่อยู่ร้อนนอนทุกข์ สวดแล้วดีมากค่ะ)

โชคดี ขอให้ผ่านพ้นนะคะ..(รู้สึกดีนะ ทีแรกคิดว่าเราเป็นอยู่คนเดียว อิ อิ )

 

ต้องไปบวชอย่าวเดียวคะ เพราะความสุขตามพุทธศาสนาคือความสงบ ไม่ใช่เพราะเงินทอง ความรัก หรือ กิเลส

 

มันไม่มีหลอก เรื่อง อย่างว่าน่ะ

ทําอย่างไร มัน ก็ ได้อย่างนั้น

 

"ทำดีได้ดีมีที่ใหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป"

(พระอาจารย์มิตซูโอะ คเวสโก)

ถาม : มีหลายคนเชื่อคำพูดที่ว่า "ทำดีได้ดีมีที่ไหน ทำชั่วได้ดีมีถมไป" ควรทำอย่างไรให้เขาเข้าใจในสิ่ง<WBR>ที่ถูก

ตอบ : เรื่องนี้พูดอย่างเดียวอาจจะไม่<WBR>เข้าใจ ต้องเฝ้าดูความคิด การพูด การกระทำติดต่อกันไปเรื่อย ๆ และจะเห็นความจริงปรากฏ ว่าเมื่อเหตุดีผลก็ดี เหตุไม่ดีผลก็ไม่ดี ต้องหัดเจริญสติจึงจะเห็นความจร<WBR>ิงของกฎแห่งกรรมตามธรรมชาติ ผลของกรรมอาจเปรียบได้กับการปลู...
กต้นไม้ ต้นไม้บางชนิดออกผลเร็ว เช่น ต้นกล้วย แต่บางชนิดออกผลช้า เช่น มะม่วง ต้นตาล อย่างไรก็ตามสิ่งที่แน่นอนคือกา<WBR>รปลูกต้นไม้ชนิดใดย่อมได้ผลของต<WBR>้นไม้ชนิดนั้น กรรมดีและกรรมชั่วก็เหมือนกัน คือทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เป็นกฎธรรมชาติ

พระพุทธเจ้าได้เคยอธิบายว่า ความชั่วเมื่อยังไม่ออกผล ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข จะมีรสชาติหอมหวานเหมือนน้ำผึ้ง<WBR> ตัวอย่างเช่น คนที่เก่ง เฉลียวฉลาด มีความสามารถ หากคิดทำสิ่งดีก็ทำได้สำเร็จและ<WBR>เกิดประโยชน์ได้มากมาย แต่เมื่อเกิดกิเลสตัณหา คิดทุจริตทำผิดกฎหมายก็มักไม่มี<WBR>ใครจับได้ ในทางโลกจึงเหมือนประสบความสำเร<WBR>็จ ได้ลาภ ยศ สรรเสริญ อย่างเช่น โจรปล้นธนาคาร เมื่อตำรวจจับไม่ได้เขาก็มีเงิน<WBR>ทอง มีฐานะดี แต่จริง ๆ แล้วนั่นไม่ใช่ผลของการปล้นธนาค<WBR>าร แต่เป็นผลของความดีในอดีตซึ่งอา<WBR>จเป็นอดีตชาติ หรืออดีตในชาติปัจจุบันก็ได้

ส่วนผลของความชั่วที่เป็นรูปธรร<WBR>มคือ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ถูกนินทา แม้จะยังไม่เกิดขึ้นแต่ในแง่จิต<WBR>ใจแล้วเขาก็คงทุกข์ใจ หวาดระแวง เมื่อถึงเวลาที่ความชั่วออกผลจริ<WBR>ง ๆ แล้วชีวิตก็จะเสียหาย ต้องได้รับโทษ เสื่อมลาภ เสื่อมยศ นินทา ทุกข์ ไม่มีทางทำอะไรได้ เมื่อมองผิวเผินจึงคล้ายกับว่าทำ<WBR>ชั่วแต่ได้ดี ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่ แต่เป็นเพราะกรรมชั่วยังไม่ออกผ<WBR>ลนั่นเอง..