ผวา! ปลอดประสพ เล็งปล่อยน้ำเข้ากรุง ทดลองระบบป้องกัน

ผวา! ปลอดประสพ เล็งปล่อยน้ำเข้ากรุง ทดลองระบบป้องกัน

​

สรุปประเด็นข่าวโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบจาก foto76 / Shutterstock.com

ปลอดประสพ เตรียมปล่อยน้ำเข้ากรุงเทพฯ 5, 7 กันยายนนี้ ยันจำเป็นทดสอบการระบายของคูคลองและเครื่องสูบน้ำ ระบุจะสั่งหยุดทันทีหากสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย บอกประชาชนไม่ต้องตื่นตระหนก พร้อมสวน รองผู้ว่าฯ ธีระชน ออกมาท้วง เพราะอยากเพิ่มบทบาทเพื่อลงสมัคร ผู้ว่าฯ กทม.

หลังจากคณะกรรมการการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) มีแผนซ้อมระบายน้ำในกรุงเทพมหานคร (กทม.) ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก ด้วยการปล่อยน้ำเข้ากทม. ในวันที่ 5 และ 7 กันยายน เพื่อเตรียมรับมือกับน้ำเหนือที่จะลงมาถึงประมาณต้นเดือนตุลาคมนี้ และ นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ได้ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวทางดังกล่าวนั้น

นายปลอดประสพ สุรัสวดี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในฐานะประธานคณะกรรมการการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ได้ออกมาโต้กลับกรณีนี้ว่า นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ และ นายปราโมทย์ ไม้กลัด อดีตอธิบดีกรมชลประทาน ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยนั้น เป็นการแสดงความเห็นที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง และยืนยันว่าจะเป็นการทดสอบระบายน้ำ 30% ของศักยภาพการรองรับปริมาณน้ำ ซึ่งมีปริมาณไม่เกิน 10-20 ลูกบาศก์เมตร ต่อวินาที เท่านั้น

นายปลอดประสพ กล่าวต่อว่า นายธีระชน ต้องการลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร จึงได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเพื่อเพิ่มบทบาทของตนเองเท่านั้น

ทั้งนี้ คณะกรรมการการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ 9 หน่วยงานในการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศด้านนาโนเทคโนโลยี เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่ผ่านมา โดย กบอ. จะดำเนินการซ้อมการระบายน้ำในกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออกและตะวันตก ระหว่างวันที่ 5 และ 7 กันยายน เพื่อเตรียมรับมือกับน้ำเหนือที่จะลงมาถึงกรุงเทพฯ ประมาณต้นเดือนตุลาคมนี้

"ถือเป็นครั้งแรกที่มีการทดลองใช้โมเดลระบายน้ำ ในรูปแบบต่าง ๆ ในการทดสอบพื้นที่จริง ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกรุงเทพมหานคร หลังจากที่มีการขุดลอกคูคลองรอบกรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว ทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตก รวมถึงได้ติดตั้งระบบการเตือนภัย ดังนั้นขออย่าให้ประชาชนตกใจ เพราะน้ำที่ระบายผ่านคูคลองรอบกรุงเทพฯ มีปริมาณไม่มาก เป็นการทดลองระบบและความพร้อมเพื่อดูจุดติดขัดต่าง ๆ และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในกรุงเทพฯ ว่าปีนี้น้ำจะไม่ท่วมแน่นอน" นายปลอดประสพ กล่าว

นายปลอดประสพ กล่าวต่อว่า การระบายน้ำครั้งนี้เป็นการใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ทั้งการใช้เซ็นเซอร์ติดตามการไหลของน้ำ การควบคุมการเปิด-ปิดประตูระบายน้ำอัตโนมัติ เปรียบเหมือนกับนักกีฬา จะเล่นกีฬาอะไรก็ต้องซ้อมก่อน โดยเฉพาะในกรณีนี้ถือได้ว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ ก็ยิ่งมีความจำเป็นที่จะต้องซ้อม เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ไม่ใช่เอาความรู้จากตำราเก่า ๆ มาด่าตน ซึ่งในคณะกรรมการ กบอ. มีคนที่มีความรู้จำนวนมาก ไม่ใช่คน 2 คนที่จะมาบอกว่าไม่มีความรู้ ตนไม่อยากทะเลาะด้วยแล้ว

ประธาน กบอ. กล่าวอีกว่า จะมีการทดสอบ 2 วัน คือวันที่ 5 กันยายน จะทดสอบการระบายน้ำในฝั่งตะวันตกของกรุงเทพมหานคร บริเวณคลองทวีวัฒนาและคลองอื่น ๆ ที่เชื่อมต่อกันในกรุงเทพฯ โดยคลองทวีวัฒนาสามารถรองรับการไหลผ่านของน้ำได้สูงสุด 60 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และวันที่ 7 กันยายน จะทดสอบการระบายน้ำด้านฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ บริเวณคลองระพีพัฒน์และคลองลาดพร้าว โดยคลองระพีพัฒน์สามารถรองรับการไหลผ่านของน้ำได้สูงสุดกว่า 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ส่วนคลองลาดพร้าวสามารถรองรับการไหลผ่านของน้ำได้สูงสุด 30 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

เขายืนยันว่า การทดสอบครั้งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ และสามารถหาจุดทรุดตัวของคูคลองบริเวณใต้สะพาน เพื่อให้แก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที ที่สำคัญไม่ส่งผลกระทบต่อน้ำที่ใช้ในการเกษตร เนื่องจากกรมชลประทานได้จัดสรรน้ำไว้แล้ว ขอให้ประชาชนอย่าวิตกกังวล สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ ขอยืนยันว่าไม่มีอะไรเสี่ยงจะทำให้เกิดน้ำท่วมกรุงเทพฯ แน่นอน เพราะการปล่อยน้ำครั้งนี้จะจำกัดการปล่อยน้ำให้อยู่ในระดับเพียง 1 ใน 3 ของความสามารถที่คลองแต่ละแห่งจะรับได้

"ผมมั่นใจว่า กบอ. จะควบคุมการทดสอบในครั้งนี้ได้ เพราะมีเจ้าหน้าที่ติดตามและควบคุมการระบายน้ำ หากเกิดเหตุสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยจะหยุดการทดสอบการระบายน้ำทันที รวมทั้งจะประกาศรายละเอียดให้ประชาชนรับทราบต่อไปด้วย และขอยืนยันจะไม่เกิดน้ำท่วมระหว่างการทดสอบระบบ แต่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษบริเวณคลองลาดพร้าวอย่างใกล้ชิด เพราะสามารถรองรับการไหลผ่านของน้ำได้สูงสุด 30 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งอาจมีปริมาณน้ำที่สูงขึ้นเกือบถึงตลิ่งได้ แต่หากเกิดความเสียหายตนพร้อมที่จะรับผิดชอบ" นายปลอดประสพ กล่าว

ขณะที่ นายธีระชน มโนมัยพิบูลย์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า เรื่องนี้ทาง กทม. ทราบเรื่องแล้ว แต่ตนจะขอพูดในฐานะวิศวกรและคณะทำงานบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ที่เกิดสาธารณภัยร้ายแรงของ ศปภ. ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นคนแต่งตั้งเมื่อช่วงปลายปี 2554 และสามารถทำให้ กทม. รอดพ้นจากการถูกน้ำท่วมมาได้กว่า 20 เขต

"ผมคิดว่าในการที่จะทดลองระบบระบายน้ำในช่วงฤดูฝน เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง เพราะคณะทำงานบริหารจัดการน้ำชุดที่แล้วได้สั่งให้รื้อให้ระบบป้องกันน้ำฝนของ กทม. เพื่อให้น้ำเหนือไหลออกปากอ่าวเมื่อปลายปี 2554 ออกไปแล้ว ฉะนั้นระหว่างการทดลองระบบ เกิดมีฝนตกขึ้นมาผู้ที่ตัดสินใจดำเนินการเรื่องนี้จะต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น กทม. และผมทราบมาว่าในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำอุทกภัย (กบอ.) วิศวกรชั้นผู้ใหญ่หลายคนไม่เห็นด้วย" นายธีระชนกล่าว

นายธีระชัย กล่าวต่อว่า หากอยากจะทดลองทำจริง ๆ ผู้ที่ดำเนินการเรื่องนี้จะต้องไปทำสิ่งเหล่านี้คือ

1. จะต้องไปดูพื้นที่ต้นน้ำว่าเขื่อนมีสภาพเป็นอย่างไร การปล่อยน้ำมาจากเขื่อนในปริมาณมากจะทำให้เกิดสภาวะน้ำแล้งหรือไม่

2. จะต้องไปดูคลองระพีพัฒน์ที่เมื่อช่วงน้ำท่วมปลายปี 54 ได้มีการไปขวางคลองเอาไว้ ได้มีการแก้ไขปัญหาหรือยัง ประตูระบายน้ำจำนวน 14 บาน และเขื่อนอีก 20 กว่าจุด สถานีสูบน้ำ 3 แห่งที่คลองหกวาสายล่าง มีการซ่อมแซมหมดแล้วหรือยัง ชายทะเลที่น้ำไปไม่ถึงมีการได้ขุดลอกคูคลองให้น้ำไปถึงแล้วหรือยัง คลองหนอกจอกและคลองประเวศน์ ซึ่งปีที่แล้วไม่ยอมเปิดให้น้ำไหลผ่านได้ดูแลระบบและเปิดแล้วหรือยัง รวมไปถึงพื้นที่แก้มลิงฝั่งตะวันออกและตะวันตกที่เตรียมจะรับน้ำได้มีการเตรียมการครบถ้วนแล้วหรือยัง

"ถ้าสิ่งเหล่านี้ครบถ้วนแล้วก็ขอให้ทดสอบเลย แต่ถ้าน้ำฝนมาจะต้องรับผิดชอบ เพราะได้มีการรื้อระบบป้องกันน้ำฝนของกรุงเทพมหานครไปแล้ว ซึ่งการกระทำการใด ๆ ขอให้นึกถึงประชาชน และขอให้คนที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพทางด้านวิศวกรรมทางน้ำ ได้โปรดรับฟังความคิดเห็นของวิศวกรผู้ใหญ่ที่มีใบประกอบวิชาชีพและมีความรู้ด้านนี้โดยตรงที่อยู่ร่วมในที่ประชุม กบอ.บ้าง" นายธีระชน กล่าว

ขณะที่ นายสัญญา ชีนิมิตร ผอ.สำนักการระบายน้ำ กทม. กล่าวว่า ได้ส่งตัวแทนไปร่วมหารือกับรัฐบาลเกี่ยวกับแผนงานดังกล่าว ซึ่งได้รับทราบว่าในวันที่ 5 กันยายน จะมีการทดลองปล่อยน้ำมาฝั่งตะวันตก เข้าสู่คลองมหาสวัสดิ์ คลองบางกอกน้อย แม่น้ำเจ้าพระยา และไหลออกแม่น้ำนครชัยศรี และในวันที่ 7 กันยายน จะปล่อยน้ำมาฝั่งตะวันออกไปยังพื้นที่คันกั้นน้ำ (ฟลัดเวย์) และอาจเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน บริเวณคลองลาดพร้าวและคลองสองด้วย

"ผมได้รายงานให้ผู้ว่าฯ กทม. และคณะผู้บริหารรับทราบแล้ว ซึ่งก็มีความกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อประชาชนหรือไม่ และได้สั่งการให้สำนักฯ ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากพบว่าทำให้ประชาชนเดือดร้อน กทม. จะประสานขอให้รัฐบาลหยุดดำเนินการทดลองแผนดังกล่าวทันที" นายสัญญา กล่าว



อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

 

ไม่มีปัญหา เราเอาอยู่ค่ะ คำพูดคุ้นๆไหมคะ
ก็แค่ทดสอบระบบ
แรงดันน้ำ มวลน้ำไม่ได้มหาศาล ดินไม่อิ่มน้ำ ไม่มีน้ำมาหนุนจากใต้ดิน
เหมือนคราวน้ำท่วม
ทดสอบระบบ
ครั้งนี้คงผ่านไปได้ด้วยดี
ถ้าเรื่องจริงล่ะ คงต้องรอเดือนสิบ
............
อย่าท่วมเลย
ขอภาวนา ให้ปีนี้ และ ปีต่อๆไป อย่าท่วมเลย

 

ก็คงเป็นอย่างที่เขาว่าละครับ ปีนี้โอกาสที่น้ำจะท่วมกรุงเทพฯน้อยมาก เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว พอดีได้ดูเจาะข่าวเด่นกล่าวถึงเรื่องนี้ครับ
ดูข่าวเจาะข่าวเด่นย้อนหลัง ดูรายการเจาะข่าวเด่นย้อนหลัง ดูเจาะข่าวเด่นย้อนหลัง ดูข่าวย้อนหลัง ดูรายการข่าวย้อนหลัง ดูทีวีย้อนหลัง : ครอบครัวข่าว 3

 

ลองดูพื้นที่ ที่ง่ายในการท่วม จุดไหนฝนตกปกติแล้วระบายไม่ดีจุดนั้นเขตนั้นต้องทราบ
ส่วนรอบนี้คงไม่ท่วมมากแล้วโดยทุกกลุ่มพยากรณ์ทางวิทย์แล้ว
แต่ที่ทำคันกั้นกันหมด สุดท้ายอนาคตถ้าน้ำมาก จะตรงเข้าด้านใต้คือกทม ท่วมหนักสุดเพราะคงจะระบายไม่ทัน ระบายไปไหน แม้จะอ้างว่า่ระบบระบายน้ำดี แต่มันเกินขนาด
ก็ต้องเตรียมเพราะงบวิจัยน้ำวิจัยฝนก็ตั้งแล้ว คนเก่งด้านน้ำก็มี คนเก่งด้า้นคมนาคมก็มี

 

ตอนสหรัฐน้ำท่วมครั้งใหญ่ที่ผ่านไหลบ่าท่วมหลายเมือง คณะกรรมการป้องกันน้ำท่วมของเขา จำลองสถานการณ์วางโมเดลกันด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ประมวลทั้งความเร็วและปริมาณกระแสน้ำได้อย่างแม่นยำ แม้กระทั่งการระเบิดเขื่อนขนาดเล็กแห่งหนึ่ง เพื่อให้น้ำจากเขื่อนนั้นไปผลักดันน้ำที่ไหลบ่าท่วมเปลี่ยนทิศทางไหลลงทะเลไป เขาทำกันในวอร์รูมโดยไม่ทดลองในพื้นที่จริง แต่ทำสำเร็จตามที่คำนวนไว้อย่างแม่นยำ บ้านผมอยู่บางบัวทอง นนทบุรี คงต้องเตรียมเก็บสิ่งของขึ้นชั้นบน เตรียมการรองรับสภาวะฉุกเฉินขั้นที่หนึ่งครับ แพ็คของลงกล่องพลาสติก ย้ายอุปกรณ์ไฟฟ้าขึ้นชั้นบน ตอนนี้อะไรก็ไม่แน่นอน เกิดเหตุพลิกผันได้ตลอดเวลา มิน่าเมื่อวันพุธ เห็นคนเขาซื้อเรือยางน่าจะขนาด 6-8 คนเพราะเห็นใบพาย 6-8 อันใส่ท้ายรถเข้าไปทางเดียวกับหมู่บ้านที่ผมอยู่ ตอนนี้เห็นเค้าร่าง ภาคแรกแล้ว จะน้อยกว่าปีที่แล้ว แต่ภาค 2จะหนักว่า

 

ผมก็ยังไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลอันควรที่จะต้องมาลองปล่อยน้ำ นอกไปจากต้องการโชว์ว่ามีผลงาน
แม้ปริมาณน้ำฝนไม่ได้มากอย่างปีก่อนแต่ก็ไม่ควรประมาทโดยการเพิ่มปริมาณน้ำเองแบบนี้ เกิดน้ำฝนมามากกว่าที่คิดจะเป็นยังไง พายุมันเอาแน่เอานอนได้ที่ไหน

ถ้าจะปล่อยนิดหน่อยไม่ท่วมแน่ๆ ก็ไม่รู้จะทำไปทำไม ไม่ได้ช่วยให้มั่นใจว่าน้ำมามากจะไม่ท่วม

(สาเหตุหนึ่งที่บ้านเราน้ำท่วมก็เพราะมีผู้นำแบบปลอดประสพ น่าจะแก้จุดนี้ด้วย)

 

.
ต่อไป ประเทศเราคงไม่มีเพียง ภัยธรรมชาติเท่านั้น!!

ภัยใหม่ที่เริ่มก่อตัวขึ้น ก็ ภัยจากผู้นำนี่แหละ!!

ลักษณะเช่นนี้ ทำให้ประเทศไทย ประสบภัย น้อย ใหญ่ ทั่วทุกภาค
ต่อไปไม่รู้ว่าจะก่อตัวใหญ่ขึ้น แรงขึ้น จนเป็น.......................
หรือสลายตัวเป็นดี........................



ว่าไปนั่น...... เหมือนรายงานข่าวพายุเลยนิ!!

 

น่าจะทดลองจ่ายเงินสำหรับกลุ่มที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงกับน้ำท่วมบ้างนะค่ะ
คุณปอด.....

 

งานนี้ผมเห็นด้วย จากไม่เคยศรัทธาคุณ ปลอด เลย เราจำต้องทดสอบระบบ ถึงแม้จะไม่เต็ม 100 ก็ตาม การทดสอบก็เพื่อจะดูจุดบกพร่อง ถึง ระบบการระบายน้ำ จุดไหนเมื่อเดินระบบไปแล้วเป็นเวลา หลายชั่วโมงแล้วอุปกรณ์ชำรุด จะได้รีบซ่อม ถ้าปริมาณน้ำ หน้าเขื่อนเยอะจะได้รีบดูด และระบายให้ทัน เป็นห้องๆกันไป แล้วรีบใช้เวลาเดินทางของน้ำจากต้นทางถึงปลายทาง ให้ใช้เวลาให้น้อยที่สุด เท่านี้ กรุงเทพ ก็จะลดความเสี่ยงของน้ำท่วมได้ แต่อย่าไปกั้กให้น้ำมันเอ่นขึ้นสูง ถ้าทำแบบนั้น ความดันของน้ำ ก็จะพังกระสอบทรายได้ และน้ำก็จะท่วมอย่างรวดเร็ว มันต้องรีบระบายน้ำเสียตั้งแต่ เนิ่นๆไม่ใช้ ปิดแบบปีที่แล้ว แบบนั้น ตายแน่ๆ และทางเดินของน้ำก็ต้องลอกให้ น้ำมันเดินได้สะดวกด้วย

 

เพื่อให้ทราบถึงปัญหาก่อน ทดสอบก่อน ดีแล้ว สมควรแล้ว อนุโมทนา ต่อความตี้งใจของผู้กระทำ ส่วนใครจะเอาหน้า รีบออกตัวก้อรับกรรมไป สาธุ

 

เขาคงไม่ปล่อยเข้าไปท่วมมั่ง คงทดลองปล่อยเพื่อหาปัญหาและวิธีการแก้ไข และการดันน้ำไว้เหนือ กทม.แบบปีที่แล้ว มีแต่พังกะพัง(รอบๆ กทม.พัง)

 

ทำไมผู้บริหารชอบคิดอะไรห่ามๆ อยู่บ่อยๆ ไม่มีใครค้านหรือห้ามกันบ้าง..
จะไปเสี่ยงทำไม ผลกระทบที่เกิดขึ้น หากควบคุมไม่ได้หรือมีปัจจัยแปรเปลี่ยน
ผลเสียหายจะมากมายยิ่งนัก ใครจะรับผิดชอบใหว...
ผู้ที่รับผลกระทบก็หนีไม่พ้นพี่น้องประชาชนตาดำๆ จะต้องเดือดร้อน

ทบทวนให้รอบคอบนะครับ..ได้ไม่คุ้มเสียเลย

 

ส่วนตัวเป็นวิศวกร....เห็นด้วยกับการปล่อยน้ำเพื่อทดสอบระบบ...ครับ

เมื่อทดสอบ...ระบบย่อยๆในแต่ละคูคลองแล้ว...จึงทดสอบระบบรวมทั้งหมด

เพื่อดูว่า...Software....Sensor....Controller...ต่างๆทำงานได้ไหม

30%Load .... 50% load .... Full Load

แต่...

ผมทราบว่า....การขุดลอกคูคลองต่างๆ...ยังไม่แล้วเสร็จ...และบางแห่งยังไม่ได้ทำ

เรียกว่า...ความพร้อมยังไม่มี...แล้วจะทำไปเพื่ออะไร ?


.

 

ข้อที่ควรพิจารณาในทางวิชาการคือ การทดลองต่างๆ เขาทำกันในระบบเล็กๆ
ซึ่งสามารถควบคุมตัวแปรได้ทั้งหมด และนำผลการทดลองนั้นมาเป็นข้อมูล
เขาจะไม่ทำกันในระบบใหญ่ ที่ควบคุมอะไรได้ยาก และกระทบต่อผู้คนส่วนใหญ่
นักวิชาการที่ดีเขาจะไม่เสี่ยง...เพราะการทดลอง ก็เหมือนสมมุติฐานที่วางไว้
ว่าจะต้องไปตามทฤษฏีที่คาดไว้หรือที่่คิดไว้..ซึ่งก็มีทั้งได้ผลและไม่ได้ผล
หากไม่ได้ผล และเกิดความเสียหายละ...คนในกทม และปริมณฑล จะได้รับผลอย่างไร
อย่าเอาประชาชนในกทม.และปริมณฑลเป็นหนูทดลองยาเลย

ภัยธรรมชาติหากเกิดมาและได้รับความเสียหาย ก็ยังพอทำใจยอมรับกันได้
แต่หากอยู่ดีๆ ร้อนวิชาขึ้นมา ...ปล่อยน้ำเข้ากทม. เกิดความเสียหายขึ้นมา มันทำใจรับได้ยาก ..
เหมือนกับว่าอยู่ดีไม่ว่าดีหาเรื่องใส่ตัวประมาณนั้น น่าจะมีวิธีอื่นที่ทดสอบระบบได้ ...
ต้องคิดกันให้รอบคอบ และคำนึงด้วยว่าระบบต่างๆรองรับไว้ดีแล้วหรือไม่
ปัจจัยต่างๆควบคุมได้หมดแล้วหรือไม่ การทำงานสอดคล้องประสานกันดีแล้วหรือ
ผลงานปีที่แล้วยังหลอกหลอนประชาชนอยู่...ผมเป็นหนึ่งเสียงที่ไม่เห็นด้วย

 

ขอสนับสนุนการซ้อมทดสอบระบบระบายน้ำใน กทม. ครับ เหตุผล
1.การทดสอบครั้งนี้เพียง1/3 ของความจุในการระบายน้ำ จะไม่มีผลต่อการจะทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วม
2.เพื่อหาจุดอ่อนต่างๆที่เป็นอุปสรรคในการใหลของน้ำในระบบระบายน้ำ
3.ทดสอบประสิทธิภาพของประตูระบายน้ำ ระบบท่อและคลองระบายน้ำ และเครื่องสูบน้ำ
4.ตรวจสอบว่าหน่วยงานต่างๆที่ได้รับงบประมาณแล้วดำเนินงานตามงบและแผนการดำเนินงานที่ได้รับแล้วหรือไม่ อย่างไร
5.เพื่อให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ได้มีการทดสอบการประสานงาน และสร้างความรู้ความชำนาญในการระบายน้ำอย่างเป็นระบบ
6.เพื่อใช้ผลการทดสอบในการปรับแก้โมเดลทางคณิตศาสตร์ของระบบทำนายการใหลของระบบระบายน้ำ
7.เพื่อให้คณกรรมการน้ำฯได้แสดงผลงานสร้างความมั่นใจให้ ปชช.ใน กทม.
ข้อดี ข้อเสียอื่นๆ ขอให้ท่านช่วยแสดงความคิดเห็นครับ http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=YTInvAgihOk#!

 

งานนี้ถ้าทดสอบแบบจริงจัง ผลไม่หมกเม็ด แบบไม่หลอกตัวเอง ประชาชน
ก็จะได้รู้ถึงการทำงานว่าคืบหน้าไปถึงไหนกับงบประมาณที่ขอไปนั้น ถ้าดีก็ดีไป
ถ้าผลออกมาไม่ดี ก็เป็นการประจารณ์การทำงานของผู้รับผิดชอบ ส่งผลดีให้มีการกระตุ้นการทำงานซ่อมแซม แต่ผลเสีย หากมีความเสียหายประชาชนก็เดือนร้อนกันไป

แต่เหตุที่หลายคนไม่เห็นด้วย เพราะในพื้นที่หน้างานจริงนั้น ประตูระบายน้ำบางที่ยังซ่อมไม่เสร็จ บางที่ก็ถูกมือดีขโมยน็อต แก้ไขกันหรือยัง คลองลาดพร้าว กับคลองบางซื่อ ยังไม่มีการลอกคลอง ประกอบกับช่วงนี้ฝนตกบ่อย ขนาดไม่ปล่อยน้ำ บางพื้นที่น้ำท่วมแล้ว รถติดกันบาน

ดูการทำงานแบบชุ่ย ๆ ส่ง ๆ ขอไปที ของบางหน่วยงานซิ โผล่ออกมาประจารณ์

ของเดิมยังไม่ได้ซ่อม ไม่ทำ ซ้อมไป แล้วจะซ่อมจะทำมัย ไม่ใช่สักแต่ว่าดำเนินการตามลมปากให้ดูดีแค่นั้นนะค่ะ

ม็อบคลอง 2 ฮือปิดถนนจี้ทางหลวง เร่งแก้ทำถนนอุดทางน้ำไหล


หน้าหลัก » ข่าวทั่วไทย » ภาคกลาง

ชาวบ้าน 3 ชุมชนย่านคลองสอง อ.ธัญบุรี ปทุมธานี กว่า 100 คนเดือดร้อนหนักจากน้ำท่วมขังทางเข้าออกหมู่บ้านหลังฝนตกลงมาต่อเนื่อง รวมตัวปิดถนนประท้วงกรมทางหลวงสร้างถนนสายรังสิต-นครนายก จนปิดทางน้ำไหล เรียกร้องให้แก้ไขโดยด่วน ...

เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีกลุ่มชาวบ้านชุมชนช้างทองที่พักอาศัยอยู่ในซอยรังสิต-นครนายก 37 พร้อมด้วยชาวบ้านชุมชนเกลียวทอง ซอยรังสิต-นครนายก 39 และชาวบ้านชุมชนรณชัย ซอยรังสิต-นครนายก 41 ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี จำนวนกว่า 100 คน รวมตัวกันประท้วงกรมทางหลวง ที่ดำเนินการก่อสร้างปรับปรุงถนนสายรังสิต-นครนายก ทำให้ปิดทางน้ำไหลช่วงฝนตกหนักในระยะนี้ จนเกิดน้ำท่วมสูงบริเวณทางเข้าหมู่บ้าน ชาวบ้านกว่า 1,000 ครอบครัวได้รับผลกระทบ โดยทั้งหมดได้รวมตัวบริเวณปากซอยรังสิต-นครนายก 37 ช่วงคลองสอง และมีการปิดถนน 1 ช่องทาง จากทั้งหมด 4 ช่องทาง ทำให้การจราจรบนถนนรังสิต-นครนายก ขาออกมุ่งหน้า อ.องครักษ์ จ.นครนายก ติดขัดเป็นอย่างมาก


ด้านนายณัฐพล บัวคำ อายุ 55 ปี ประธานชุมชมเกลียวทอง กล่าวว่า ที่ผ่านมาชุมชนต่างๆ ริมถนนรังสิต-นครนายก ไม่เคยประสบปัญหาน้ำท่วมขังมาก่อน ซึ่งตามปกติเมื่อมีฝนตกลงมาและมีน้ำท่วมขังแต่เมื่อฝนหยุดตก น้ำจะไหลไปตามท่อระบายน้ำลงคลองรังสิตประยูรศักดิ์ในเวลาอันรวดเร็ว แต่ภายหลังกรมทางหลวงมาดำเนินการซ่อมแซมปรับปรุงถนนโดยขยายถนนจาก 3 เลน เป็น 4 เลน และได้มีการถมทางระบายน้ำเดิม ทำให้น้ำที่ท่วมขังจากฝนตกหนักไม่มีทางไหลลงสู่คลอง สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านหลายร้อยครอบครัวใน 3 ชุมชน ซึ่งเมื่อคืนที่ผ่านมาฝนตกหนัก น้ำไม่มีทางระบายทำให้น้ำท่วมเข้าบ้านเรือนชาวบ้านจนข้าวของเสียหายกันเป็นจำนวนมาก จึงมีการรวมตัวเพื่อเรียกร้องขอพบกับผู้ที่รับผิดชอบให้มีการเร่งแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน

ในเวลาต่อมานายบัญญัติ บำรุงตน ผู้อำนวยการแขวงการทางจังหวัดปทุมธานี พร้อมด้วยนายสุรพันธ์ มาตรนอก หัวหน้าหมวดการทางธัญบุรี 1 ได้เดินทางมาพบกลุ่มผู้ชุมนุม โดยรับปากจะแก้ปัญหาให้กับชาวบ้าน ในเบื้องต้นจะนำเครื่องสูบน้ำมาสูบน้ำที่ท่วมขังออกไปโดยเร็ว และจะหาทางแก้ไขเร่งเชื่อมต่อท่อระบายน้ำจากในชุมชนให้ไหลจากถนนไปสู่คลองรังสิตประยูรศักดิ์

จากนั้นทางเทศบาลนครรังสิต ได้นำเครื่องสูบน้ำมาระบายน้ำที่ท่วมขังออกจากภายในหมู่บ้าน พร้อมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ได้มาอำนวยความสะดวกและขอร้องให้ชาวบ้านเปิดเส้นทางจราจร ซึ่งภายหลังมีการระบายน้ำได้ทำให้ชาวบ้านต่างพอใจและสลายการชุมนุมยอมเปิดการจราจรตามปกติ



โดย: ทีมข่าวภูมิภาค
29 สิงหาคม 2555, 16:06 น.

 

ก็ต้องการหาเหตุเผาผี..หวังเล่นงานโยนความผิด ตามเช็คบิล
ให้คู่แข่งทางการเมือง ตามประสาคนพาลการเมืองไทยไงล่ะท่าน

ที่น้ำมันเน่า ก็เพราะนักการเมืองที่เอาบ้านเมือง มาเป็นของเล่นนี่แหละ

เลยนิยมเรียกกันว่า เล่นการเมือง

 

จมแล้ว! ชาวนาบางปะอินลอยคอเกี่ยวข้าวหนีน้ำท่วมกว่าพันไร่ หลัง "คลองระพีพัฒน์" เร่งผันน้ำเข้ากรุงเทพฯ




..ผู้สื่อข่าว รายงานเมื่อวันที่ 5 กันยายน ว่า แปลงนาข้าวปรังของชาวนาที่อยู่ในพื้นที่ลุ่ม ของตำบลบ้านสร้าง และตำบลสามเรือน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากน้ำในคลองชลประทานระพีพัฒน์ ที่รับน้ำมาจากเขื่อนพระราม 6 และเป็นคลองชลประทานฝั่งตะวันออกที่ใช้เป็นเส้นทางปล่อยน้ำเข้าไปทดลองระบบป้องกันน้ำท่วมของกรุงเทพมหานคร ซึ่งขณะนี้มีการเพิ่มระดับการปล่อยน้ำผ่านคลองระพีพัฒน์
ล่าสุด พบว่าได้สร้างความเดือดร้อนแก่ชาวนาทั้ง 2 ตำบลเป็นอย่างมากในขณะนี้ น้ำประมาณมากจากคลองระพีพัฒน์ไหลเข้าคลองโพธิ์และไหลต่อมายังทุ่งในในสอง ตำบล บวกกับช่วงนี้มีฝนตกหนัก ติดต่อกันหลายวัน อีกทั้งมีการปิดประตูน้ำปากคลองโพธิ์ที่ตำบลบ้านหว้า อำเภอบางปะอิน เพราะระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยามีระดับสูงเช่นกัน ทำให้น้ำในทุ่งบางปะอินไม่มีทางไหลออก ส่งผลให้ระดับน้ำในทุ่งบางปะอิน มีระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ข้าวนาปรังที่ปลูกอยู่ในพื้นที่ลุ่มในเบื้องต้นกว่า 1,000 ไร่ ที่ กำลังออกรวงแก่ใกล้จะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว ต้องมาถูกน้ำท่วมรวงจมน้ำ ชาวนาต้องช่วยกันใช้เคียวมาเก็บเกี่ยวรวงข้าวที่จมน้ำ ใส่เรือบรรทุกขึ้นฝั่งก่อนลำเรียงขึ้นรถนำไปตากให้แห้งด้วยความเสียดาย

นางมณี รื่นบุตร อายุ 60 ปี ทำนาปรังกว่า 30 ไร่ กล่าวว่าน้ำทุ่งขึ้นเร็วมาก และท่วมข้านาปรังเสียหายโดยแปลงนาข้าวของเพื่อนบ้านอีกหลายรายก็มีสภาพไม่ ต่างไปจากของตน ต้องช่วยกันนำเรือลอยคอเกี่ยวข้าวหนีน้ำกันตลอดทั้งวัน ในขณะนี้ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ให้การช่วยเหลือชดเชยเงินเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน เนื่องจากน้ำที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วส่วนหนึ่งเกิดจากภาครัฐที่ปล่อยน้ำลง คลองระพีพัฒน์มากเกินไป จนล้นทะลักมาท่วมแปลงนาข้าว

ด้านนายศุภฤกษ์ กลั่นกล้า นายก อบต. สามเรือน กล่าวว่า กำลังเร่งสำรวจความเสียหายเสนอไปยังอำเภอและจังหวัดเพื่อขอรับการช่วยเหลือ เพราะน้ำท่วมสร้างความเสียหาย และจะต้องเร่งประชุมร่วมระหว่างองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่อยู่สองฝั่งคลอง โพธิ์ที่ได้รับผลกระทบและหน่วยงานกรมชลประทานในการหาทางแก้ไขน้ำที่ไหลเข้ามามากและไม่มีทางออก ซึ่งล่าสุดชาวนาเสนอให้เปิดประตูระบายน้ำบ้านหว้าเพื่อดันน้ำลงเจ้าพระยาได้ เพราะว่าระดับน้ำในคลองโพธิ์สูงกว่าระดับน้ำเจ้าพระยาถึง 1 เมตรเช่นกัน..

ชาวนาบางปะอินลอยคอเกี่ยวข้าวหนีน้ำท่วมกว่าพันไร่ หลังฝนกระหน่ำ-เจ้าพระยาหนุนสูง : มติชนออนไลน์
..............................................................................................................................


ความทุกข์ยากเดือดร้อนของชาวบ้าน..ใครรับผิดชอบ ???..

 

ประเทศเราทุกวันนี้ ถ้าฝนตกหนักเมื่อไร น้ำท่วมทันที
ไม่เห็นด้วยกับการทดสอบระบบในช่วงนี้ค่ะ
ท่านปลอดประสพ น่าจะรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นบ้างนะคะ

 

ผู้บริหารไม่ได้พิจารณาดูว่าช่วงนี้เป็นฤดูฝน ฝนฟ้าตามฤดูกาลก็มากพอควรแล้ว
การปล่อยน้ำมาสมทบเพื่อทดสอบระบบอะไรของท่าน แม้น้ำที่ปล่อยจะไม่มาก
ในสายตาท่าน แต่ก็ทำความทุกข์ยากให้พี่น้องประชาชนและชาวนาที่ทำมาหากิน
.. ปีที่แล้วก็ทุกข์ยากสาหัสหนักหนาแล้ว ปีนี้มาโดนซ้ำเข้าอีก...


หยุดทดลองเดินระบบระบายน้ำ แล้วหันมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจะดีกว่า....