ยิ่งกว่าจิตปภัสร มีหรือไม่

ผมไปได้ยินคำว่า
สังเขตุธรรมและอสังเขตุธรรม
จิตปภัสร เป็นสังเขตุธรรมหรือไม่ขอรับ

กลัวว่าจะผิดพลาดแนวทางเอาเท่านี้ก่อนไหมครับ

ขอทุกท่านเจรืญในธรรมยิ่งแล้ว

 

ปูเสื่อรอติดตามครับ...catt15

 

สังขตธรรม หมายถึง ธรรมที่ถูกปัจจัยปรุงแต่งขึ้น ตรงกับสังขารในคำว่า สังขารทั้งปวงไม่เที่ยง ดังนี้เป็นต้น; ตรงข้ามกับ อสังขตธรรม (จากพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับพระธรรมปิฎกฯ)

อสังขตธรรม หมายถึง คือ ธรรมที่ปัจจัยไม่ปรุงแต่ง ได้แก่ นิพพาน
(จากพจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับพระธรรมปิฎกฯ)

จิตประภัสสร หมายถึง ความบริสุทธิ์ทางใจและสมอง หรือ ความผ่องใสทางใจและสมอง

ยิ่งกว่า จิตประภัสสร ก็คือ นิพพาน กระมัง เพราะผู้บรรลุนิพพาน ไม่ได้มีแค่ จิตที่บริสุทธิ์ และผ่องใสเพียงอย่างเดียว ยังมีธรรมอื่นๆ ประกอบอยู่ด้วยมากมาย ฉะนี้

 

จิตประภัสสร ผ่องใส แต่ยังไม่บริสุทธิ์ (ฟังมาจากเทศน์ครูบาอาจายร์น่ะครับ)

 

หนับหนุน

 

ยิ่งกว่า จิตประภัสสร ก็คือ นิพพาน กระมัง เพราะผู้บรรลุนิพพาน ไม่ได้มีแค่ จิตที่บริสุทธิ์ และผ่องใสเพียงอย่างเดียว ยังมีธรรมอื่นๆ ประกอบอยู่ด้วยมากมาย ฉะนี้
ข้อความของคุณเทวดา ผมเห็นด้วยครับ ขออนุโมทนา สาธุครับ

 

ลองอ่านดูนะ หลวงปู่พุธ ฐานิโย ให้คำแนะนำ
************************************

การที่กล่าวว่า จิตหรือ วิญญาณเดิมนั้นเป็น ปภัสสร
ซึ่งหมายความว่า จิตวิญญาณก่อนที่จะเข้าปฏิสนธิจนเมื่อตายแล้ว
วิญญาณหรือจิต จะออกจากร่างไปพร้อมกับนำกรรมชั่วหรือกรรมดีไปปฏิสนธิในร่างใหม่
แสดงให้เห็นว่าจิตหรือวิญญาณดวงนี้ไม่ปภัสสร
เพราะมีกิเลส​

​

อ่า จิตปภัสสรได้ ในภาษิตที่ว่า
" ปภัสรมิตัง ภิขเว จิตตัง "
จิตเป็นธรรมชาติประภัสสร​

​

อันนี้หมายถึง จิตดั้งเดิม​

​

คำว่าประภัสสรของจิตในขั้นนี้เปรียบเหมือนผ้าที่ขาวสะอาด
ผ้าที่ขาวสะอาดพร้อมที่จะดูด สิ่งสกปรกคือ สีย้อมได้
จิตปภัสสรหมายถึง จิตที่ไปนิ่งอยู่เฉยๆโดยที่ยังไม่มีอายตนะมาเป็นส่วนประกอบ
เช่น
จิตของคนเราเมื่อออกจากร่างไปมีแต่จิตดวงเดียวยังไม่ถือปฏิสนธิ
ก็มีแต่จิตล้วนๆจิตล้วนๆที่ไม่มีอวัยวะประกอบคือยังไม่มีร่างกาย
มันทำอะไรไม่สำเร็จมีแต่ล่องลอยอยู่เสมอ อ่าอยู่เฉยๆ <O</O
<O</O​

​

ทีนี้ เมื่อกรรมที่เราได้ทำไว้ ในภพนี้ชาตินี้
ไปหนุนส่งให้จิตดวงที่ไม่มีตัวนั้น
ไปเกาะกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นมา
แล้วมันจึงจะไปมีความรู้สึกนึกคิดไปตามประสาทของร่างกายที่มันก่อภพก่อชาติขึ้น​

​

ในเมื่อมันยังไม่มีตัว มันก็มี มันก็เป็น จิตปภัสสร แต่ไม่ใช่จิต บริสุทธิ์สะอาดเหมือนจิต สำเร็จพระนิพพาน​

​

ฟังเสียงที่นี่
http://palungjit.org/threads/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9B%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%98-%E0%B8%90%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A2-%E0%B8%AD%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2-%E0%B8%88%E0%B8%B4%E0%B8%95-%E0%B8%9B%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%AA%E0%B8%A3.232957/

 

คือผมตามเพื่อนอยู่นะครับ
ท่านกล่าวว่าจิตตาย
ผมก็อยากรู้ตรงนี้อยู่เหมือนกัน
ใจเย็นๆตามด้วยกันนะขอรับ

 

แสดงว่าไม่สุกไม่ทุกข์หรือไม่ขอรับ
หากเป็นความหมายนี้คือหยินหยางที่หยุดหมุนหรือยังหมุนอยู่
แบบสมดุลย์
หรือไม่อย่างไรครับ...........เพราะเขารู้เหมือนไม่รู้ว่ามีอยู่
เพราะมันไม่มีอาการเหวี่ยงสั่นสัญญานเวลาหมุน

หรืออีกประการความหมายที่ท่านสื่อคือเป็นสุขทางเดียวหรือไม่อย่างไรครับ
ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้ว

 

แล้วสิ่งที่ท่านว่าทุกสิ่งทุกอย่างว่างไปหมดนี้เราจะเข้าใจว่า

ว่างเพราะเขาเต็มไปแล้ว

หรือว่างเพราะยังไม่มีอะไรอยู่
อย่างนี้ได้ไหมขอรับ

และหากว่าว่างโดยไม่เต็มและไม่ว่างนี้คือว่างอย่างไร

และว่างโดยที่ไม่เหลืออะไรอยู่เลย
หากกล่าวในภาษาทางธรรมคือวิหาระนี้ว่างไปหมดแล้ว
จะเข้าใจอย่างไรครับ

ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้วครับ

 

แล้วเราจะรู้สมมุติอย่างไรขอรับ

 

คือกระผมหมายความว่าธรรมมะสมมุตินี้
เราจะสื่อกับเพื่อนสมาชิกได้อย่างไรว่าอิติปิโสไปเอาตรงไหนมาขอรับ
แล้วต่อด้วยเมตัมพุเสกวิทินาตรงนี้เลยได้ไหมครับ
แล้วสมมุติที่พระพุทธองค์ท่านสมมุติไว้นี้คึออะไรขอรับ

ท่านกล่าวเรื่องกายถูกต้องแล้วขอรับแต่ยังไม่หมด
มีเวทนา
มีจิต
และมีธรรม
ที่เป็นองค์ธรรมสติปัฏฐานสี่ขอรับ

 

ปาก พูดไป เพราะ สมองสั่ง...สมอง มันไม่ใช่ใจ แต่มันเป็น เจตสิกที่ เกิด จากิเลส ปรุงใจให้สั่งสมอง...รู้ สมมติ...รู้ด้วยสมอง น่ะสิ...ใจ มันจะรู้ที่ไหน..

หาก ไม่ขัดเกลา ไม่ฝึกใจ...ใจก็ โง่ให้ เจตสิก ลากไ-ป ทุกทีๆๆ...
แล้วมา บอกว่า อยู่กับสมมติ ไ-ม่จำเป็นต้องไปรู้ สมมติ หาก ไม่ฝึกให้ใจ
รู้ ว่าสรรพสิ่งเป็น สมมติ...ก้ ไม่มีทาง ที่จิตจะ รู้ ปรมัตถ์

ปล. ผม มาแสดงความเห็นเฉยๆ..ไม่อยาก ต่อปากต่อคำกับใครนะครับ...

 

รู้ไม่หมดหรือไม่อย่างไรขอรับ
มอเตอร์โรงงานหยุดปั้มน้ำ
คนงานห้าร้อยหยุด
วิศวะอยู่ช่างไม่อยู่
วิศวะบอกไม่ใช่หน้าที่
ตกลงงานวันนี้โรงงานหยุด
พรุ่งนี้จ้างวิศวะคนใหม่หรือครับ

 

ถามแบบนี้ สิน่าคุยด้วย......
การรู้สมมติ...หาก เล่าเรียนในห้องเรียน..มีการนำเสนอ มีการยกตัวอย่้าง
ผมคิดว่า ตราบใดที่ สมองเรายัง ปกติ และ ร่างกายแข็งแรง..เรารู้ได้แน่ๆว่า
ร่างกาย เรา ญาติเรา ตึกรามบ้านช่อง โลก ทั้งปวง...ล้วนเป็นสมมติ....

มันเกิดจาก การ คิดๆ ที่เรียกว่า จินตามยปัญญา อันเกิดจาก การเรียนรู้ ที่เรียกว่าสุตตมยปัญญา...แต่ หาก จะให้รู้ แบบ ล้าง อาสวะในใจ..ต้อง ภาวนามยปัญญา...จึงจะรู้ได้...และ เป็น การ ฝึกให้ จิต รู้ ไม่ใช่สมองรู้ จดจำได้..

การจะ ฝึกให้รู้ สมมติ ได้่นั้น...ว่า มัน ไม่จริง และให้ใจ ยอมรับได้
หนทาง มีทางเดียว.....คือ การเจริญสติ...เท่านั้น

เจริญสติ เพื่อ รู้ รูป รู้นาม แยก ขันธ์ 5 ออก..จากกัน..แยก รูป แยก นาม..รู้ ให้ ทันยสภาวะที่เกิด..ว่า รูป ทำอะไร นาม((เวทนา สัญญา และ สังขาร)) ทำอะไร หาก แยก รูป แยกนาม ได้..แล้ว...จิต จะเห็นเองว่า ที่แท้ แต่ละสิ่งละอัน มันสมมติ ทั้งนั้น....

จิต จะเห็น แค่ รูป เจตสิก ..จิต..และ สุดท้าย จิต จะเห็น....นิพพาน

 

นมัสการพระคุณเจ้า

ขอรูปแทนตัวไปใช้ต่อขอรับ กำลังอยากได้พอดีเลย

 

โอท่านมาอย่างไรครับ

สมองสั่งไม่ใช่ใจแต่มีปัจัยที่ประกอบเป็นจัยอยู่ในใจนี้

สิกขา หากไม่ศึกษาก็ถูกเจตนานำไป

เจตสิกขา

พระลอมาตามไก่ไก่ล่อไปเห็นนมงูเหมือนกันไหมขอรับหากไม่พิจารณาสิกขา
ขอท่านเจริญในธรรมยิ่งแล้ว

 

ท่าทางจะโกรธ จัด ถามหาความรับผิดชอบจากผม...
แถม ด่าว่าผมเป็น จระเข้ ด้วย...

หุหุห..ต่ำ ซะ เหลือ เกิน..นะ

 

เรานะหยุดแล้วแต่ยังไม่จอด
เพราะหลังจากวิศวะแก้โรงงานไม่ได้เจ้าของโรงงานเขาพาไปเลี้ยงฉลอง
และยกเจ้าเงาะให้เป็นภริยา
อ้าวผมมั่วไปเปล่าครับ

 

ตามสบาย เลย..ผม ก็ ไป ก็อป คนอื่นมา อีกที....
หลงมา..โดนน เลย

คนรักเท่าผืนหนัง คนชังเท่าผืนเสื่อ....
เกิดเป็นคน มี คนเกลียด มีคนรัก ..หากจะแบ่ง คงพอๆกัน เนอะว่ามั้ย...