เรื่องการฝึกกสิณ (มือใหม่)

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Wimuti, 14 กันยายน 2012.

  1. แสนสวาท

    แสนสวาท ชมรมสุวรรณภูมิธรรม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,399
    ค่าพลัง:
    +2,488
    ตรงไหนบ้าง ที่ไม่ใช่คะ กรุณาชี้แนะ
     
  2. teerasak9e

    teerasak9e เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +187
    ตอนนี้ผมก็เรียนการฝึกกสิณอยู่ครับ ที่แนะนำวัดยานนาวา ก็เพราะเห็นว่ามีเพื่อนเยอะดีน่ะครับ แต่ผมไม่ไ้ด้เรียนที่วัดยานนาวา นะครับ ผมเรียนกับพระภิกษุเลย ท่านสอนกสิณ แต่เป็นคนละแบบกับที่วัดยานนาวานะครับ แต่ก็ได้ผลดีพอควร
    ส่วนใหญ่ท่านจะเน้นให้เป็นกสิณสีเขียวน่ะครับ เพราะสามารถนำไปใช้งานได้ง่าย คุณเองก็ลองหัดดูน่ะครับ(แต่ควรจะมีผู้สอนครับ เพราะจะได้ไม่หลงผิดไปได้น่ะครับ)

    ส่วนเรื่องจริตในการฝึกอะไรนั้นน่ะ ผมคิดว่า กสิณเป็นวัตถุจูงจิตครับ ให้ระลึกถึง
    ดวงกสิณนิมิตร เนืองๆครับ เช่นว่า นึกถึงกสิณ(สีอะไรก็ได้) ทุกๆ ชั่วโมง จิตก็จะเริ่มเป็นสมาธิเองครับ เมื่อมีสมาธิ และ ไม่ใส่ใจในอารมณ์ต่างๆที่จรเข้ามา ในขณะที่เรากำลังระลึกถึงดวงกสิณนิมิตร โทสะ ก็หายไปครับ ดังคำที่ว่า "โทสะนั้นมีอยู่ แต่เราไม่เอาและปล่อยทิ้งไป" แค่นี้ก็ระงับอารมณ์โทสะได้ครับ

    จึงต้องเข้าใจครับ ว่า กิเลสนั้นมีอยู่ แต่เราไม่ขุ่นใจในกิเลสและตัณหาที่เราต้องการครับ (หมายถึงว่า การฝึกกสิณหรือกรรมฐานวิธีอื่น ไม่ได้ทำให้กิเลสโทสะเราหายไปนะครับ แต่ทำให้เรารู้ทัน กิเลสโทสะ ของเราต่างหากครับ)

    ซึ่งหากให้หาสาเหตุที่แท้จริงของ โทสะ ของคุณแล้ว คุณต้องถามตัวเองดูครับว่า อะไรคือสาเหตุที่แท้จริง(ในความคิดของผม ก็คือ ตัณหา ครับ) ครั้นจะไปโทษ สิ่งที่เป็นทางโลกๆ ก็ต้องดูดีดีนะครับ เดี๋ยวจะกลายไปเป็นบาป เปล่าๆนะครับ


    ปล. ใจเย็นครับ แผ่เมตตา-อโหสิกรรม เยอะๆ แล้ว ใจคุณจะเป็นสุขเองครับ
     
  3. แสนสวาท

    แสนสวาท ชมรมสุวรรณภูมิธรรม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,399
    ค่าพลัง:
    +2,488
    ก่อนหน้านี้ ดิฉันก็คิดว่า จริตไม่สำคัญ เหมือนหลาย ๆ ท่านเหมือนกัน
    แต่้มื่อได้รับข้อมูล ลองหาอ่านดูนะคะ

    ตอนที่พระสารีบุตร สอนกรรมฐานลูกชายนายช่างทอง
    ท่านได้ให้อสุภะกรรมฐาน เพราะคิดว่าเขาเป็นคนช่างสำอางค์ และชอบของหรู
    น่าจะเป็นคนที่มีราคะจริต เลยให้กรรมฐานคือ อสุภะกรรมฐาน และกายคตานุสสติกรรมฐาน
    ผ่านไปหนึ่งพรรษา กรรมฐานไม่เป็นผลเลย ต้องนำไปให้ พระพุทธเจ้าสอน เพราะคิดว่า
    คงไม่ใช่วิสัยตน คนนี้คงต้องเป็นพระพุทธเจ้าสอนเท่านนั้น

    เรื่องนี้ บอกว่า จริตเป็นเหตุเป็นผลกับกรรมฐานแน่นอน

    ท่านที่ผ่านมา หากไม่ได้เป็นอย่างที่ดิฉันพูดแล้ว
    อยากให้ท่านลองฝึกอสภะกรรมฐานกันให้ทุกคน นะคะ
    ลองดูว่า จะทำได้หรือไม่

    ดิฉันไม่ได้บอกให้เชื่อที่ดิฉันพูด แต่อยากให้พิสูจน์
    ว่าตำราไหนบ้างที่บอกจริตของมนุษย์ได้
    นั่นแหละของจริง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 กันยายน 2012
  4. teerasak9e

    teerasak9e เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    40
    ค่าพลัง:
    +187

    อืม ผมไม่ได้มีเจตนาในการโต้แย้งนะครับ
    จริตคนเรานั้นต่างกัน แต่สิ่งที่ผมบอกว่า กสิณ เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเรียนได้ครับ(วัตถุที่จะจูงให้จิตนั้นมีสมาธิ) และผมเข้าใจว่า บางคน ชอบที่จะบริกรรมภาวนา คำใดใด เช่น บางคนก็"พุทโธ" บางคน ก็ "บทสวดมนต์บางบท" หรือจะเป็นแนวดูจิต หรือจะเป็น กลุ่มที่เป็น "หนอ" ซึ่งการกระทำใดใด ที่เป็นการบริกรรมภาวนา ก็เพื่อให้จิตนั้นมีกำลัง ให้มีสมาธิ จดจ่ออยู่ในอารมณ์ใดอารมณ์หนึ่ง (อุเบกขา) ซึ่งตอนแรกก็เป็นอย่างนี้ไปก่อน และเมื่อเป็นสมาธิแล้ว (บางคนก็ว่าถึงอัปปนาสมาธิ หรือ ปฐมฌาณ) ก็ถอยจิตออกมาพิจารณากายหยาบๆ บ้าง หรือจะพิจารณาอารมณ์ที่เกิดขึ้นบ้าง โดยรวมก็อยู่ที่ ขันธุ์ ๕ นี้เองน่ะครับ

    ส่วนผมก็ทำอยู่เพียงแค่นี้ครับ เพราะ ไม่ค่อยก้าวหน้าเท่าไหร่เลย
    อนึ่งในเรื่องโทสะนั้น ก็อย่างที่บอกครับผมเคยเป็น และก็หาทางแก้อยู่นานพอควรครับ จนมีคนทัก ผมจึงคิดว่า เวลาเรานั่งสมาธิเสร็จเรียบร้อย ก็แผ่เมตตาบ้าง แต่หากมีโทสะเกิดขึ้น ไม่ว่าเวลาใดก็ตาม ต้องพยายามนึก และ ทำใจให้สงบ และ บอกตนเองว่า "อโหสิ" ครับ ความโกรธ หรือ โทสะ ก็เบาลงได้ครับ

    อ้อ กสิณที่ผมได้เรียนกับพระภิกษุนั้น ท่านก็สอนให้เป็นวัตถุจูงจิตครับ และเมื่อชำนาญ ก็ให้นำมาพิจารณากายธาตุนี้ครับ แต่ก็อย่างที่ผมบอกแหล่ะ ผมเป็นศิษย์ที่ไม่ค่อยเอาถ่านเท่าไหร่นักครับ

    และที่เขียนมา ก็ชี้แจงแนวทางที่เคยทำและกำลังทำอยู่ครับ และท้ายที่สุด
    ผมก็ขอ "อโหสิ ในกรรม และ วิบาก" ด้วยครับ ที่ในการสนทนาอาจจะมี
    อารมณ์ปฏิฆะ ให้ได้ขุ่นเคืองกันได้ ทั้งนี้ก็เพื่อประโยชน์สำหรับผู้มาใหม่น่ะครับ
    เจริญในธรรม ครับ
     
  5. แสนสวาท

    แสนสวาท ชมรมสุวรรณภูมิธรรม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,399
    ค่าพลัง:
    +2,488
    จริตตนเป็นเช่นไร บอกอะไรบ้างในตน

    ดิฉันไม่ได้โกรธเคืองท่านหรือใคร ๆ ที่ไม่เห็นด้วยกับดิฉัน
    ความที่เป็นคนพูดจาไม่ค่อยไพเราะของดิฉันเอง ที่ดูเหมือนโกรธ เช่นนั้น
    แท้ที่จริงมีใจที่คิดจะให้ ให้หลายท่านที่พอจะศรัทธาว่า
    สิ่งที่ดิฉันพูดมีโอกาสเป็นความจริง ด้วยเพราะเหตุอะไรจะทำให้กรรมฐานก้าวหน้า
    เพราะความก้าวหน้าของกรรมฐาน คือพลังของจิตที่จะประหารกิเลสต่อไป

    หากไม่สามารถทำให้จิตเข็มแข็งได้ ก็ยากที่จะตัดกิเลสอันสั่งสมอนุสัยมานานได้ยากยิ่ง
    ความเข็มแข็งของจิต คือสมถะ การจะทรงสมาธิได้ ต้องเป็นกรรมฐานที่ตนถนัด
    ไม่เสมอไปที่ทุกกองกสิณจะฝึกได้ทุกท่าน บางท่านต้องมีองค์เพิ่ม เพื่อความสำเร็จ
    ไม่ได้คาดคิดว่าจะทำได้กับทุกท่านค่ะ เพราะจริตของคนไม่เหมือนกัน
    ความเชื่อศรัทธาก็มีไม่ได้เหมือนกัน ปัญญาก็ไม่เหมือนกัน

    หากทำได้สักคนในความพยายามร้อยครั้ง ดิฉันว่าก็คุ้มที่จะทำ
    เพราะหนึ่งคน คือพลังที่จะบอกต่อไปว่า จริตของมนุษย์สำคัญ เพื่อการเจริญพระกรรมฐาน
    จึงอยากให้ท่านพิสูจน์เป็นวิทยาศาสตร์ว่า กรรมฐานที่ฝึกกับผลการคำนวณเหมือนกัน
    หรือในทางมุมกลับ การคำนวณบอกได้ถึงจริตและกรรมฐาน
    อย่างใดก็ดี หากท่านไม่ลำบากที่จะบริจาคสัก ๑๕ บาท ท่านก็สามารถรู้จริตและกรรมฐานของตน

    ดิฉันมีหน้าทีบอก ความสำเร็จท่านต้องทำเอง
    ลองเขาไปที่กระทู้นี้ ท่านจะได้ทราบว่า กติกาดูจริตคืออย่างไร
    และทำตามกติกาแล้วจะรู้จริตและกรรมฐาน แถมรู้สัปปายะของตน
    ทีนี้ ก็ทดลองว่าจริงหรือไม่
    http://palungjit.org/threads/จริต-๖-เพื่อฝึกกรรมฐานที่เหมาะสม.310598/
     
  6. แสนสวาท

    แสนสวาท ชมรมสุวรรณภูมิธรรม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,399
    ค่าพลัง:
    +2,488
    โทสะมาเมื่อไร
    รู้ตัวไหม หากรู้ตัวก็จะไหวทัน ไม่ไหลตามอำนาจของโทสะ

    เหยียบมันไว้ก่อนด้วยสมถะ
    เหยียบด้วยสมถะกรรมฐาน ไม่ให้โทสะมันลุกขึ้นมา
    กดมันไว้ เพราะหาก โทสะเบิกบาน วิบากกรรมนั้นหนักหนา

    การเจริญพรหมวิหารสี่ ไว้ เพื่อระงับโทสะ
    เป็นองค์หนึ่งของกรรมฐานที่จะระงับโทสะค่ะ

    ขอให้ท่านเจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป
    สาธุการ

    แสนสวาท
     
  7. แสนสวาท

    แสนสวาท ชมรมสุวรรณภูมิธรรม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,399
    ค่าพลัง:
    +2,488
    อานุภาพของกสิณ​

    หากยังไม่ได้ฝึกกสิณกองไหนเลย อย่าได้รู้อานุภาพของกสิณก่อน
    หรือมุมกลับ อย่าได้เรียนรู้เรื่องกสิณเพราะต้องการอานุภาพของกสิณ

    อานุภาพของกสิณเกิดขึ้นตั้งแต่ยังไม่ได้เห็นดวงกสิณชัดเจนเท่าไรเลย
    หากได้รู้ว่า กรรมฐานกองไหนเหมาะกับตน
    ก็รู้ทางเดินของตน

    กสิณเป็นของง่าย เมื่อเจริญกสิณกรรมฐาน ทางของท่านก็ชัดเจน
    ดับโทสะตัวร้ายในอารมณ์ได้ก่อน
    รู้ว่า โทสะมีปัญหาขนาดไหน รู้ว่ามันทำลายล้างขนาดไหน
    รู้ว่าโทสะมันทำให้เราน่าเกลียดขนาดไหน
    จะรู้ได้อย่างไร เมื่อจิตไม่นิ่ง เหมือนน้ำขุ่นฉะนั้น

    จะเริ่มเจริญกรรมฐานต้องรู้ว่าทำไป
    ทุกอย่างมีเหตุ มีผล

    เมื่อรู้แล้วว่าจะต้องเจริญกรรมฐาน
    ถามต่อว่า กองไหนล่ะ
    ไม่ใช่กองไหนก็ได้
    หากเพราะกองไหนก็ได้ อาจไม่ก้าวหน้า
    อาจเสียเวลาหลายปี ไม่ได้อะไร จิตไม่ได้สงบ พิจารณาข้อธรรมไม่ได้

    ก็ต้องกลับมาเจริญสมถะกรรมฐานใหม่
    เรียกว่านับหนึ่งใหม่
    นับหนึ่งตรงไหน
    ตรงปฐวีกสิณกรรมฐานหรือเปล่า ตรึกดูหน่อย
     
  8. แสนสวาท

    แสนสวาท ชมรมสุวรรณภูมิธรรม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,399
    ค่าพลัง:
    +2,488
    กรรมฐานกองไหน เป็นของตน
    กรรมฐานกองไหน เคยฝึกมา
    กรรมฐานกองไหน ง่ายสำหรับตน
     
  9. แสนสวาท

    แสนสวาท ชมรมสุวรรณภูมิธรรม

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 เมษายน 2007
    โพสต์:
    2,399
    ค่าพลัง:
    +2,488
  10. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ^
    เพิ่มเติม ควรเรียนรู้ เรื่อง จริตใหญ่ทั้งสองด้วย

    ว่าด้วย

    ตัณหาจริต และ ทิฏฐิจริต
     
  11. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,509
    ค่าพลัง:
    +1,817
    เจ้า ลูกแหง่...ขออภัยนะขอรับ อย่าว่าข้าพเจ้ากล่าวส่อเสียด หรือก่อกวนอารมณ์ของ เจ้าเลยนะ ถ้าข้าพเจ้าจะกล่าวว่า สมองสติปัญญา ความคิด ของเจ้านั้น เหมือนกับเด็กระดับชั้นอนุบาลเท่านั้น เจ้าไม่ได้รุ้เรื่อง ฌาน อย่างถ่องแท้ เรื่องของ ฌาน ข้าพเจ้าก็อธิบายไปหลายครั้งแล้ว(แม้จะมีรายละเอียดอีกมากมายหลายอย่าง) ดังนั้นจึงทำให้เวลาเจ้าอ่านหลักธรรมคำสอนใดใดซึ่งมันเกินกว่าระดับสมองสติปัญญาของเจ้า เจ้าก็เลยออกอาการ เพ้อเจ้อ มั่วไม่รุ้เรื่อง แถไปได้ก็แถไปเรื่อย
    ข้าพเจ้าจะสอนเจ้าเอาไว้ว่า


    แม้บุคคลจะฝึกสมาธิ ปฏิบัติสมาธิได้อย่างดียิ่ง สามารถควบคุมควบคิดตัวเอง ควบคุมจิตใจตัวเองได้ แต่ถ้าหาก บุคคลนั้น ยังคงปฏิบัติสัมพันธ์ หรือเกี่ยวข้อง กับสังคมสิ่งแวดล้อมอยู่ ย่อมเกิดกิเลส ตัณหาได้อีก เพราะ การปฏิบัติสมาธิ ไม่ว่าที่พวกเจ้าจะเรียกว่า อะไรก็ตามแต่ เป็นเพียงการรู้จักควบคุมตัวเองในระดับหนึ่งเท่านั้น มิใช่เป็นการ ขจัดอาสวะให้สิ้น คือ ไม่สามารถขจัดคลื่นแห่ง กิเลส ตัณหาให้ออกจากจิตใจ สมอง และร่างกายได้ ดังนั้น กิเลส ตัณหา จึงยังคงมีอยู่ในจิตใจ สมอง และ ร่างกายของบุคคลผู้นั้น


    ผู้มีกิเลส ตัณหา มิใช่เป็นผู้ที่ต้อง ฉิบหายจากความดี เพราะ กิเลส มิใช่สิ่งที่ไม่ดี หรือมิใช่สิ่งดี หรือ มิใช่สิ่งที่ดีก็ได้ ใช่สิ่งที่ดีก็ได้ เพียงแต่กิเลส ตัณหา เป็นเครื่อง หรือเป็นปัจจัย แห่ง ทุกข์ เป็นปัจจัยที่จะทำให้บุคคลเวียนว่ายตายเกิด ไม่สามารถบรรลุธรรมอันสูงสุดได้ ดังนั้น ผู้มีกิเลส จึงต้องเป็นผู้ที่ต้องแสวงหา ต่อไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 17 กันยายน 2012
  12. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ผมไม่ได้พูดนี่ครับ ว่าอาฬารดาบส และ อุทกดาบส ฉิบหายจากความดี ประโยคนี้พระพุทธเจ้าท่านพูดไว้ต่างหาก
    telwada จะแย้งพระพุทธเจ้า ก็เชิญตามสบายครับ ผมไม่เกี่ยวด้วยนะ
     
  13. komcomethai

    komcomethai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 เมษายน 2008
    โพสต์:
    53
    ค่าพลัง:
    +79
    พรุ่งนี้วันครู (20 ก.ย.) ไหว้ครูขึ้นกรรมฐานกสิณ หรือเรียนวิชชาอานุภาพกสิณ 10 หรือเพื่อความเป็นสิริมงคล
    พร้อมรับพระกสิณดินพุทธภูมิ เนื้อดินเผา สีอรุณ ฟรี! เป็นที่ระลึก
    ณ มูลนิธิสุวรรณโคมคำ ตรงข้ามวัดใหม่พิเรนทร์ โพธิ์สามต้นฝั่งธน
    รอบแรก เวลา 18.00 น และ
    รองสอง เวลา 20.00 น.
    www.komcome.com
     

แชร์หน้านี้

Loading...