ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    !!! เขาปกปิดกันอยู่ เรารู้กันแค่วงใน(วงแคบ) วงนอกแค่คิดว่าเป็นเพียงข่าวโคมลอย !!!
    รอดูสภาวะเศษฐกิจอเมริกาและยุโรป ดูว่ารัฐบาลเขาจะลงมือเปลี่ยนแปลงอะไรกับมันบ้าง
    น่าจะเห็นผลได้ก่อน 25 ธ.ค. นี้ ผมเชื่อว่าช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปีคงมีอะไรให้ได้ดูกัน
    ไม่มีช้างก็ย่อมไม่มูลช้าง หากเราพบมูลช้าง ก็จงอย่าได้รอรี รีบเตรียมการณ์กันแต่เนิ่นๆ
     
  2. โชตนา

    โชตนา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    259
    ค่าพลัง:
    +773
    ธรรมะของพระพุทธเจ้า พิสูจน์ได้จริง และเป็นปัจจตัง ผู้ที่ปฏิบัติเห็นจริงได้
    เพียงรู้ทุกข์ ทุกข์ คือกายและใจนี้ให้เป็นปัจจุบันขณะ มี ศีล เกิดสมาธิ และปัญญา ตามลำดับ แล้วจะเชื่อมั่นในพระรัตนตรัยว่าพ้นทุกข์ได้จริง
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    "มนุษย์ต่างดาว" ยืนยันว่า "พุทธทำนาย" ในศิลาจารึกเป็นเรื่องจริง !!!

    การถ่ายทอดข้อความจาก....ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต จากเทปบันทึกเสียงการสนทนา วันที่ 5 กันยายน 2541 เวลาประมาณ 17.00 นาฬิกา หัวหน้ากลุ่มอภิจิต 2000 คุณภัทรพล เจษฏาอภิบาล (ซึ่งในช่วงหลังจากนั้น ท่านได้เห็นจานบินไปลอยอยู่ที่บ้านท่าน แถวบางนา-ตราด อยู่เสมอ)

    ( คุณภัทรพล) ฟังจากทางกลุ่มเขากะลา บอกว่าให้มนุษย์เข้าทางคุณธรรม คือทางปฏิบัติธรรม แล้วพวกท่านจากต่างดาวจะมาช่วยมนุษย์ให้รอดพ้นจากภัย อย่างนี้ผมเข้าใจถูกต้องไหมครับ คือไม่ต้องแก้ทางโลก คือให้หมั่นฝึกทางด้านปฏิบัติธรรม เดี๋ยวท่านก็จะมีโอกาสช่วยตามบารมีของบุคคลท่านนั้น

    (คลื่นจากผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต) ข้าพเจ้าจะขอบอกถึงภารกิจของข้าพเจ้า ในการที่จะช่วยเหลือภพมนุษย์ของเจ้า ให้รอดพ้นจากภัยพิบัติตามส่วนของผู้ที่มีบารมีเท่านั้น สิ่งที่เจ้าได้พูดมาข้าพเจ้าจะขออธิบายเพิ่มเติมว่า ภัยพิบัติที่ใหญ่หลวงยิ่งที่จะเกิดกับโลกของเจ้าทั้งโลกนั้น ถ้าไม่มีเทพที่จะลงมาช่วยเหลือภพมนุษย์ มันก็แทบจะไม่มีเหลือ

    ทั้งผู้ที่ไม่มีบารมี และผู้ที่มีบารมีเก่า ก็จะตายกันมากกว่านี้ จะไม่มีการเตรียมการ จะไม่มีการรวมคนที่มีบารมี และที่จะเหลืออยู่ก็แทบจะเป็นบ้าเป็นบอกันไปหมด และผู้ที่มีบารมีเมื่อสิ้นชีวิตก็ขึ้นสวรรค์ไป แต่ผู้ที่จะดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้ดำรงต่อไปนั้นก็แทบจะไม่มีคุณภาพ ภพมนุษย์ก็แทบจะสูญสิ้นกันไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

    เพราะฉะนั้น จึงเป็นกฏของธรรมชาติ เป็นกฎของจักรวาล ซึ่งยิ่งใหญ่เหนือกว่าสิ่งใด ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่เจ้าเคยรับรู้ ได้เห็น ได้สัมผัส เพราะนั่นอยู่เหนือวิสัยของมนุษย์ที่จะคิดได้ กฎของจักรวาลนั้น เป็นสิ่งที่ทวยเทพ และต่างจักรวาลทั้งหลายต้องลงมาช่วยกันเพื่อให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ที่มีคุณภาพ ให้มีการเตรียมพร้อมทั้งร่างกายและจิตใจ รวมทั้งมีการสืบทอดพระธรรมคำสั่งสอน จะหล่อเลี้ยงจิตใจพวกเขาให้อยู่ต่อไป

    ดังนั้นในประเทศนี้ ซึ่งเป็นประเทศที่มีพระธรรมคำสั่งสอนของพุทธศาสนา เป็นประเทศที่มีบารมีคุ้มครอง ทวยเทพทั้งหลายได้ให้ความร่วมมือ รวมทั้งต่างจักรวาล รวมทั้งข้าพเจ้า และต่างดาวที่มาจากจักรวาลอื่น ได้ประชุมรวมกัน เห็นพ้องต้องกันก่อนที่พวกเจ้าจะลงมาเกิดนี้ ข้าพเจ้าก็ได้เล็งพระญาณเลือกสถานที่ที่เจ้านั่งกันอยู่นี้ เป็นสถานที่ที่เหมาะสมในการที่เทพทั้งหลายจะอธิษฐานจิตกันลงมา อุบัติลงมาจากเทวโลก

    พวกเจ้าคิดรึ ถ้าพวกเขาๆไม่อุบัติลงมาจากเทวโลก ภพมนุษย์ก่อนเก่านี่จะสามารถรักษาธรรมะอันทรงคุณค่าที่พระพุทธองค์ทรงสั่งสอนไว้ให้อยู่เหลือรอดต่อไปได้ มันไม่ได้หรอกนะ มันต้องได้รับการรักษาจากผู้ที่มีบุญบารมีจากเทวโลกที่อธิฐานจิต อุทิศตนลงเพื่อช่วยเหลือมนุษย์ ให้ดำรงเผ่าพันธุ์มนุษย์ให้อยู่ต่อไป นั่นคือผู้ที่เสียสละ ให้ภพมนุษย์ได้ยืนหยัดอยู่ต่อไป

    ถ้าภพมนุษย์ไม่ยืนหยัดอยู่ต่อไป ก็ไม่มีโอกาสที่เทวโลกพรหมโลก จะลงมาสร้างบารมี มันต้องมีการช่วยเหลือกันทั้ง 3 ภพนั้น มันเกี่ยวข้องกันอย่างแยกกันไม่ออก ฉะนั้นพวกเจ้าที่ได้มานั่งกันอยู่ที่นี้ รวมทั้ง100 ครอบครัว ที่ได้เคยบอกไปแล้วนั้นก็คือครอบครัวจากเทวโลกทั้งสิ้น ครอบครัวที่มีการอธิฐานจิต มีการอาสา มีการรับรู้ในโครงการที่จะมาช่วยเหลือในภพมนุษย์ ฉะนั้นผู้ที่มีจิตใจสูงเท่านั้นจึงจะสามารถมาพบในสถานที่นี้ได้ เข้าถึงพระธรรมและดำรงรักษาพระธรรมในสถานที่ที่พวกเขาได้พบกันอยู่นี้ มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันเป็นการกำหนดจากเทวโลก เป็นการเตรียมการ เป็นการสมัครใจของพวกเขาและพวกเจ้าที่นั่งกันอยู่ที่นี้

    แต่ปัญญาในภพมนุษย์มันมีขีดจำกัดในการรับรู้ เจ้าไม่สามารถรำลึกไปถึงอดีต ไม่สามารถมองถึงอนาคต เพราะฉะนั้นสิ่งที่พวกเจ้าทำด้วยความศรัทธานี้ มันไม่ใช่ความศรัทธาที่ไม่มีเหตุ มันมีเหตุเก่ากันมา จึงมาเป็นพวกเจ้ามาที่ ณ ปัจจุบันนี้ เจ้าไม่ต้องแปลกใจ ต่อไปในอนาคตอันใกล้นี้ พวกเจ้าก็จะได้พบสิ่งปาฏิหารย์ที่ข้าพเจ้า และดวงดาราอื่น ๆ จะมาร่วมกัน เพื่อที่จะทำให้ภพมนุษย์ของเจ้าได้ดำรงอยู่ต่อไป

    สิ่งที่ทวยเทพทั้งหลายที่ได้ลงมานั้น เป็นความอนุเคราะห์ ความกรุณาความเมตตาของท่าน ได้ลงมาเตือนสติพวกเจ้า แต่จะลงมาอย่างไรเล่า จะลงมาเป็นมนุษย์อย่างเจ้าท่านก็สามารถทำได้ แต่เจ้าจะเชื่อไหมล่ะ ทั้งที่ผู้ที่เจ้านับถือจะเป็นรูปของบรรพชิตก็ตาม คนส่วนใหญ่แม้จะรู้ว่าท่านดี แต่ก็ไม่สามารถจะปฏิบัติตามคำที่ท่านสั่งสอนได้ ไม่สามารถที่จะรับฟังธรรมของท่านได้

    เพราะฉะนั้น ในการไตร่ตรองของเทวโลก วิธีการที่จะมาผ่านร่างของมนุษย์ และมาทำปาฏิหารย์ต่าง ๆ เป็นวิธีการที่เทวโลกเขาไตร่ตรองลงมาแล้ว เป็นวิธีการที่ดี และสามารถกระทำการหลาย ๆ อย่างได้ โดยไม่ต้องมีขอบเขตของกฎของนักบวช ที่พระพุทธองค์ท่านได้ทรงบัญญัติไว้ เพราะฉะนั้น สิ่งที่พวกเจ้าพูดกันมา ขีดจำกัดของมนุษย์รับได้เพียงบางอย่าง เชื่อได้เพียงบางอย่าง สิ่งที่เหลือที่เขารับไม่ได้ แต่ไม่รู้เท่าทันหรอกว่าอวิชชามันบังเอาไว้ ให้รับได้เท่านี้ ให้รับได้เท่านั้น จำกัดอย่างนั้น จำกัดอย่างนี้ อวิชชามันบังพวกเขาเอาไว้

    สิ่งทั้งหลายทั้งปวง ที่พระพุทธองค์ได้ตรัสรู้และตรัสสั่งสอน ที่พวกเจ้าอาจจะเคยได้ยินว่า ใบไม้ทั้งป่าพระพุทธองค์นำมาตรัสสอนพวกเจ้าแค่กำมือเดียว แต่กำมือเดียวนี้พวกเจ้าก็ยังกีดกั้นกันเอง ยังมีปัญญาไม่สามารถรับรู้ได้ในทั้งหมดที่พระพุทธองค์ท่านตรัสสอน แล้วพวกเจ้าคิดรึว่า ใบไม้ทั้งป่า ที่ท่านไม่ได้ตรัสสอนนั้น มันจะมีอะไรอีกบ้าง มันเหลือวิสัยที่พวกเจ้าจะคิดคำนึง เหลือวิสัยที่พวกเจ้าจะไตร่ตรอง เพราะฉะนั้นธรรมของพระพุทธองค์ ไม่ได้เป็นไปด้วยตรรกะ

    ตรรกะคืออะไร? ตรรกะ คือการคิดคำนวณตามเหตุตามปัจจัย หรือตามวิทยาศาสตร์ของเจ้านั้น มาใช้กับวิธีของท่านนั้นมันยังไม่ถึง เพราะฉะนั้น สิ่งเหลือวิสัยของวิทยาศาสตร์ สิ่งเหลือวิสัยของญาณของมนุษย์ทั้งหลายที่จะพึงรู้ยังมีอีกมาก ทั้งในเรื่องที่พวกเจ้าจะเชื่อได้ หรือจะเชื่อไม่ได้นั้น แต่สิ่งนั้นมีอยู่แล้ว มีอยู่มาก่อน และจะมีอยู่ในอนาคตข้างหน้า พวกเจ้าก็จะได้รับการถ่ายทอดตามแต่สติปัญญาของพวกเจ้าที่จะรับรู้ได้

    ข้าพเจ้าได้เคยกล่าวไว้ในกาลก่อนนั้นว่า ข้าพเจ้าจะนำเทคโนโลยีมาเปิดเผย มาสั่งสอน มาบอกกับพวกเจ้าตามแต่บารมีของเจ้าที่จะรับได้ ไม่ใช่ว่าเอามาสั่งสอน เอามาเปิดเผยทั้งหมด มันเป็นไปไม่ได้ เหมือนเด็กเล็ก ๆจะให้มารู้วิชาของปริญญาเอกนั้น สอนให้ตายมันก็ไม่รู้ เพราะฉะนั้น สอนได้ ก ไก่ ข ไข่ ก็สอนกันไป ในส่วนที่พวกเจ้าได้รับรู้นี้ ในวาระจิตของบางคนก็สามารถเรียนได้ป.1 ป.2 บางคนก็สามารถเรียน ป.3 ป.4 เราก็ต้องสอนไปตามแต่บารมี

    ดังนั้น จึงต้องมีการคัดแยกให้ผู้ที่มีบารมีเข้าถึงแก่นของธรรม ก็แยกกันไปส่วนหนึ่ง ผู้ที่มาใหม่ยังอยู่ในเปลือกนอกของยานต่างดาว ก็แยกกันไปอีกพวกหนึ่ง เพื่อที่เขาจะได้สมความปราถนาของเขา ไม่มีการสับสนปะปนกัน เพราะฉะนั้น สิ่งที่เจ้าคิดถึงเรื่องของภัยพิบัตินั้น ซึ่งเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เกิดขึ้นมากกว่าที่พวกเจ้าคิดคำนึงถึงเสียอีก

    แต่ถึงเวลานั้นแล้วพวกเจ้าจะรับรู้ได้เฉพาะสิ่งที่เจ้าอยู่ ส่วนอีก 70 – 80 % ของโลกของเจ้าเกิดภัยพิบัติขึ้นนั้น พวกเขาก็รับกันไป โดยที่การสื่อสารของพวกเจ้าจะไม่ได้สื่อสารกันได้อีกนั้น ความน่าอเน็จอนาถ ความน่าสลด น่าสังเวช พวกเจ้าก็จะได้เห็นได้รับรู้เฉพาะหน้าของพวกเจ้าเท่านั้น ส่วนที่เหลือพวกเจ้าก็จะไม่มีโอกาสได้รับรู้ พวกเขาก็ต้องได้รับกรรมของพวกเขาไป

    ข้าพเจ้าคิดว่าเจ้าก็คงจะเข้าใจในสิ่งที่ข้าพเจ้าได้บอกกับเจ้า จุดสำคัญของที่นี่ เน้นในด้านธรรมะ เพราะธรรมะก็คือตัวแก้ ที่จะจากหนักเป็นเบา วิทยาศาสตร์เป็นตัวตามรู้ เขาไปถึง 1,000 เมตร ตามรู้ได้ 10 กว่าเมตร ก็คิดว่าตนเองรู้มาก วิทยาศาสตร์ของพวกเจ้านั้นมันล้าหลัง มันเทียบไม่ได้กับญาณหยั่งรู้ของเทพทั้งหลาย มนุษย์คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ คิดว่าตัวเองรู้มาก

    แม้กระทั่งต่างชาติที่เจริญสูงสุดในโลกมนุษย์ของเจ้า พวกนั้นมันก็ยังล้าหลังอยู่มาก พวกเจ้าเทคโนโลยีน้อยกว่าพวกเขา พวกเขาก็คิดว่าตัวเองเป็นใหญ่ พวกเจ้าไม่รู้หรอกในใจของพวกเขานั้นคิดจะอยู่เหนือโลกทั้งโลก พวกเจ้าเข้าใจไหม ผู้ที่สูงสุดทางเทคโนโลยีในโลกของเจ้า เขาคิดจะอยู่เหนือโลกของเจ้า

    เพราะฉะนั้น ความคิดนี้มันเป็นอันตราย มันเป็นจุดก่อกำเนิดให้ถึงความวิปริตถึงสูงสุด ทำให้ต้องมีการรบราฆ่าฟันกันเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ของพวกเจ้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะไม่มีใครยอมหรอก เพราะว่าผู้ยิ่งใหญ่เพียงไหน ก็ต้องมีผู้ยิ่งใหญ่อย่างอื่น ต้องต่อสู้กันไปเหมือนในพุทธทำนาย ยักษ์นอกศาสนาต่อสู้กันไป ตายไปอย่างละครึ่ง มันเป็นอย่างนั้นจริง ๆ.”
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2012
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    การเดินทางมายังเขากะลา .....ของมนุษย์ต่างดาว ข้อความส่วนหนึ่งของผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต ถ่ายทอดข้อความเป็นคลื่นเสียงไว้ ณ เขากะลา วันที่ 10 ตุลาคม 2541

    (คุณภัทรพล) ท่านพาราซิสทัลนั้นบอกว่า ร่างกายของเขามีทั้งรูปขันธ์และกายทิพย์ เขาสามารถถอดจิตเป็นว่าเล่น ท่านหมายถึงอย่างนี้ใช่ไหมครับ? ที่ท่านถอดจิตกันมา

    (ผู้สูงสุดฯ) มนุษย์ต่างดาว ก็เป็นมนุษย์ที่มีกายเนื้อเหมือนอย่างพวกเจ้านี่แหละ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ต่างดาวจากดาวอังคาร หรือจากดาวโลกุกะตาปากะดิกอง หรือว่าข้าพเจ้า แต่ว่ากายเนื้อนั้นมันไม่ใช่ธาตุทั้ง 4 ซึ่งเป็นธาตุหยาบ หรือว่าจะเป็นเหมือนเจ้าแบบนี้ มันอธิบายไม่ถูกหรอกนะ เพราะธาตุของแต่ละมนุษย์ต่างดาวนั้นจะมีกายเนื้อ เจ้าเข้าใจไหม มีกายเนื้อนะ แต่กายเนื้อนั้น มันจะไม่มี ดิน น้ำ ลม ไฟ ผสมกันเป็นธาตุเหมือนกับพวกเจ้า มันจะเป็นกายเนื้ออีกแบบหนึ่ง แต่ละแบบกันไป มันจะมีรายละเอียดมากกว่านี้ พวกเจ้านี้เรียกกันว่าหยาบสุดละนะ ก็กายหยาบของเจ้าน่ะแหละ

    เพราะฉะนั้นในกายของมนุษย์ต่างดาว ไม่ว่าจะเป็นดาวอังคาร เขาก็จะมีกายเนื้อของเขา และมีการที่จะถอดในกายละเอียดออกไปได้อีกส่วนหนึ่ง สำหรับข้าพเจ้าก็จะมีกายเนื้อ และจะมีกายละเอียดอีกส่วนหนึ่ง แต่การที่มานี้ มีทั้งกายเนื้อ แต่ไม่สามารถที่พวกเจ้าทุกคนจะเห็นกันได้นั้น เพราะในกายเนื้อนั้นก็สามารถที่จะเข้าไปในมิติ หรือพวกเจ้าจะเรียกกันว่า มิติที่ 4 ก็ได้ ทำให้พวกเจ้าซึ่งเมื่อเขาบังมิติแล้วก็ไม่สามารถเห็นพวกเขาเหล่านั้นได้ .... เจ้าจะเข้าใจไหมล่ะ?

    (คุณภัทรพล) แล้วทำไมในรายงานบอกว่า มนุษย์ต่างดาวผ่านทะลุกำแพงได้

    (ผู้สูงสุดฯ) เดินทะลุกำแพงนั้น เป็นสิ่งที่เขาทำกายละเอียดทะลุกำแพง แต่ในกายละเอียดของเขานั้น ทำให้พวกเจ้าเห็น เจ้าเข้าใจไหม กายละเอียดของเขานะ สมมุติว่า.... สิ่งที่พวกเจ้าเรียกว่าวิญญาณของพวกเจ้าน่ะแหละ เขาทำให้พวกเจ้าเห็นเป็นตัวก็ได้ถ้าเขามีฤทธิ์

    เพราะฉะนั้น มนุษย์ต่างดาว เขาก็เป็นมนุษย์มีหลายประเภทด้วยกัน แต่สำหรับที่มาสื่อสาร และมาช่วยเหลือภัยพิบัติในครั้งนี้ อย่างเช่นข้าพเจ้านี้ ก็จะมีทั้งกายละเอียด และกายหยาบ แต่ในกายละเอียดนั้น สามารถทำให้เจ้าเห็นได้ หรือทำให้เจ้าไม่เห็นก็ได้และในกายหยาบนั้น สามารถที่จะบังมิติ ให้เจ้าเห็นก็ได้ ไม่เห็นก็ได้ เพราะฉะนั้น การที่มนุษย์ต่างดาวเดินทะลุกำแพง มันมีได้ 2 ลักษณะ คือ เอากายหยาบทะลุลงไป โดยการที่เรียกว่า “สลายมวลสาร” หรือว่า เอากายละเอียดของเขาทำให้เจ้าเห็น และก็เดินทะลุผ่านไป มันอยู่ที่ว่าสถานการณ์ไหน จะใช้สิ่งใดเหมาะสมที่สุด

    (คุณวิโรจน์) ท่านผู้สูงสุดครับ ผมเพิ่งมาเป็นครั้งที่สอง ผมอยากถามท่านผู้สูงสุดว่า ท่านหยั่งรู้ด้วยญาณว่าจะเกิดภัยพิบัติ ว่าจะต้องมาช่วยแก้ไข ท่านมาด้วยยานฯ ที่เป็นวัตถุจากดาวพลูโต มาถึงโลกต้องใช้เวลานานเท่าใดครับ.. จะอยู่ช่วยนานเท่าใด... จึงจะแก้ไขให้ผ่านพ้นไป และก็เมื่อไรจะสำเร็จ จะได้ให้ชาวโลกสบายใจตั้งตัวใหม่ได้

    (ผู้สูงสุดฯ) เข้าใจถามนะ ข้าพเจ้ามาจากดาวพลูโตน่ะ ในแผนที่จักรวาลก็มีนะ อยู่ในจักรวาลเดียวกัน มีดวงอาทิตย์ดวงเดียวกัน มีดวงดาราซึ่งเป็นสาขา และมีการใช้วงโคจรในแรงดึงดูดของสนามแม่เหล็กในแนวเดียวกันนะ การเดินทางมาใช้เวลาไม่นาน เพราะอะไร? เพราะมีวิธีลัดน่ะ... วิธีลัดคือผ่านมิติมา อันนี้เป็นความรู้ชั้นสูง อธิบายก็คงไม่เข้าใจ เรียกว่า... วิธีผ่านมิติก็แล้วกันนะ

    เพราะฉะนั้น ถึงแม้ระยะเวลา ระยะทางไกลขนาดไหน ไม่ใช่สำคัญ เหมือนดวงจิตของพวกเจ้านะ นึกถึงอเมริกา กับนึกถึงบ้านของเจ้า เพราะฉะนั้น การนึกถึงก็เท่ากัน ไม่เกี่ยวกับระยะเวลา ไม่ใช่นึกถึงประเทศสหรัฐอเมริกา ใช้ระยะเวลานานกว่าจะนึกถึงได้ คงไม่ใช่อย่างนั้นละนะ

    เพราะฉะนั้น วิธีลัดของข้าพเจ้า หรือพระญาณของข้าพเจ้า หรือเทคโนโลยีราชองครักษ์ที่ข้าพเจ้าได้นำมาด้วยนั้น ก็จะใช้วิธีที่เรียกว่า “ผ่านมิติ” เข้ามา ใช้เวลาไม่นาน แต่สิ่งที่ข้าพเจ้าจะอยู่ช่วยเหลือพวกเจ้านั้น ได้เคยกล่าวไว้แล้วในกาลก่อน มีในบันทึกนะ ก็จะบอกอีกสักครั้งหนึ่งว่า ข้าพเจ้าจะมาช่วยทั้งเทคโนโลยี ซึ่งเป็นวัตถุที่เจ้าเห็นกัน และมาทั้งพระญาณ ซึ่งผ่านร่างที่เป็นมนุษย์เพื่อสื่อสาร

    การอยู่ช่วยเหลือของข้าพเจ้า ก็จะช่วยเหลือตั้งแต่ก่อนเกิดภัยพิบัติ อย่างเช่นในขณะนี้ มาให้พวกเจ้าเห็น มาให้พวกเจ้าเชื่อตามแต่บารมี ท่านที่มีบารมีตามแต่วาระจิต ก็จะได้เห็นข้าพเจ้าในความชัดเจน เจ้าคนที่ถามครั้งก่อนนี้ ก็ไปถามเขาดู เขาได้เห็นความชัดเจนมาก และสำหรับการที่จะอยู่ช่วยเหลืออันดับแรกนอกจากในขั้นต้นนี่นะ.... มาให้พวกเจ้าเห็นกันนะ

    สงครามโลกของพวกเจ้าก็ต้องได้รับความช่วยเหลือ จากเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาว ไม่อย่างนั้นแล้ว โลกมนุษย์ของเจ้ามันคงพังพินาศกันไปมากกว่านี้ ถ้าไม่ได้รับการสกัดกั้นด้วยเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาว จากจักรวาลโลกุกะตาปากะดิกอง และจักรวาล และจากพระญาณ และยานอวกาศของข้าพเจ้า

    ส่วนที่ 3 ก็คือ ช่วงในการเกิดภัยพิบัติ จะมีความโกลาหลวุ่นวายมากมายกันเหลือเกินในโลกมนุษย์ของพวกเจ้า ตอนนี้ก็ถือดีกันอยู่ แต่พอตอนนั้นจะเหมือนลูกหมาตกน้ำ... หมดแล้ว...ลาภยศ...ไอ้ที่มันลดยาก มันจะลดลงไป หลุดลงไปเลย มันไม่มีแล้ว เหลือแต่ตัว ตัวเองก็แทบจะมากันไม่ถึง เพราะฉะนั้น ผู้ที่ไม่ได้เตรียมตัวมาก็จะกระเซอะกระเซิง เป็นที่น่าเวทนา

    เพราะว่าพวกข้าพเจ้า เมื่อหลังเกิดภัยพิบัติ และจะอยู่ช่วยเหลือพวกเจ้าจนสามารถตั้งตัวกันได้ แล้วก็จะต้องถอนทัพกลับไป เพราะไม่สามารถจะอยู่ได้เลยตามกฎธรรมชาติ เพราะฉะนั้น การมาช่วยเหลือนั้น ตั้งแต่ก่อนเกิด จนเกิดภัยพิบัติ จะอยู่กับเจ้านี่แหละ.....และหลังจากเกิดภัยพิบัติ ก็จะอดอยาก ยากแค้น แร้นแค้นกันแล้ว เทคโนโลยีของข้าพเจ้า ก็จะนำมาให้พวกเจ้าในการดำรงชีวิตอยู่ในปัจจัย 4
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2012
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ข้อความส่วนหนึ่งของผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต ถ่ายทอดข้อความเป็นคลื่นเสียงไว้ ณ เขากะลา วันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2542

    (คุณพิสมัย) อยากเรียนถามอีกอันหนึ่งค่ะ.... ถามว่า ที่ยานอวกาศของท่าน ที่ท่านอยู่มีกลางวันกลางคืนหรือเปล่าคะ ?

    (ผู้สูงสุดฯ) ในโลกข้าพเจ้ารึ ? กลางวัน กลางคืนน่ะ แสงสว่างก็มีนะ แต่มันไม่เหมือนโลกมนุษย์ของเจ้า เพราะว่าถ้าตามระบบที่เจ้าเห็นกันอย่างง่าย ๆ ดวงอาทิตย์ส่องแสงไปถึงข้าพเจ้านะ มันไกลมาก เพราะฉะนั้น โลกของข้าพเจ้าก็มีแสงสว่าง มีความมืด มีความสว่างเหมือนกัน แต่ในอากาศมันจะหนาวเย็นกว่าถ้าเทียบกับอากาศของพวกเจ้าที่วัดกันนะ มันลบไม่รู้จะกี่ร้อยองศาของเจ้านะ พวกเจ้าไปอยู่กันไม่ได้หรอก แข็งตาย ... แข็งตาย วันเวลาก็ไม่เท่ากันนะ อายุของข้าพเจ้าก็ยืนยาวกว่าพวกเจ้ามากมายนัก

    (คุณสำราญ) ท่านอายุเท่าไรแล้วคะ ?

    (ผู้สูงสุดฯ) เออ.....เป็นหมื่นปีนะ

    (คุณสำราญ) งั้นก็แก่กว่าองค์อินทร์ซิคะ

    (ผู้สูงสุดฯ) ความแก่ความอ่อนนั้น มันนับกันไม่ได้หรอก เพราะอะไร? เพราะพวกเจ้าเวียนว่ายตายเกิดกันมากี่แสนปีแสนชาติมาแล้ว เจ้าไม่ใช่อายุแค่ 60 – 70 ปีนะ ถ้าจะนับอายุแล้ว เป็นแสน ๆ ปี ล้าน ๆ ปี ใครจะแก่กว่าใครล่ะ มันแก่ที่ภูมิธรรม ภูมิปัญญา เพราะฉะนั้น การที่บุคคลอายุน้อย แต่สามารถให้ธรรมกับเจ้าได้ คือเขามีภูมิธรรมที่มากกว่าเจ้า นั่นเป็นบุคคลที่ควรเคารพ เพราะฉะนั้น พระภิกษุสงฆ์ที่เป็นสาวกของพระพุทธองค์สัมมาสัมพุทธเจ้า บางท่านบวชตั้งแต่อายุยังน้อย บางท่านบวชตั้งแต่เป็นสามเณร แต่ภูมิจิตภูมิปัญญาของท่านมาก เพราะฉะนั้น เจ้าก็ควรเคารพสักการะด้วยจิตใจ นั่นเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะฉะนั้น เขานับที่อายุธรรมะกันนะ ไม่ได้นับที่อายุแก่ แก่กะโหลก กะลา มันก็ไม่ได้เรื่องอะไร

    (คุณวิโรจน์) ท่านครับ มนุษย์ในโลกนี้ ที่แก่เพราะเกิดมานานกว่า ผมแก่นี่แสดงว่าผมเกิดมาก่อน

    (ผู้สูงสุดฯ) แก่เพราะเกิดมานาน เป็นสมมุติของอายุมนุษย์ในโลกนี้ตามธรรมเนียมธรรมดา เอาไว้นับว่าใครแก่กว่าใครเท่านั้น แต่ถ้าแก่กันจริง ๆ แล้ว นับตามการเคารพ ต้องนับในคุณธรรมของเขา เพราะฉะนั้น ข้าไม่อยากจะว่านะ พวกนักการเมือง นักบริหารประเทศของพวกเจ้าน่ะ แก่ ๆ ก็มี 70, 80 ที่เล่นการเมือง จนตายคาการเมืองไปก็มี แต่มันน่านับถือไหม ? ถ้าวาระจิตของเขาไม่ดี เพราะฉะนั้น ถึงเขามีบารมีทางโลก เขามีอายุมากทางโลก แต่ในวาระจิตในภูมิธรรมของเขาแล้ว มีความโลภโมโทสัน ก็ไม่น่าเชื่อถือละนะ ไม่น่าที่จะไปกราบไหว้

    เพราะฉะนั้น บุคคลที่มีอายุไม่มากไม่น้อย หรือว่าอายุน้อยกว่าพวกเจ้า แต่เขาสามารถให้ธรรมที่เขาปฏิบัติดี ประพฤติดี ประพฤติชอบ นั่นแหละ เป็นสิ่งที่พวกเจ้าสมควรนับถือ เคารพในภูมิปัญญาของเขา ในสิ่งที่เขาจะให้ปัญญากับพวกเจ้า นั่นแหละเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า... การที่จะสั่งนำยานอวกาศมาอนุโมทนานั้น มาจากวาระจิตของพวกเจ้านั่นแหละ ไม่ได้สั่งจากไหนเลย ไม่ได้สั่งจากวาระจิตของข้าพเจ้า สั่งจากวาระจิตของพวกเจ้า จะเล็งในวาระจิตของพวกเจ้านั่นเอง เพราะฉะนั้น ถ้าดวงจิตของพวกเจ้ามีความประภัสสร มีจิตเบิกบาน มีความสงบ มีความสำรวม มีความละมานะทิฐิของตัวเอง มีจิตจำนงมุ่งตรงสู่พระนิพพาน ซึ่งเป็นผู้ฉลาดในวาระจิตของตัวเอง ข้าพเจ้าก็จะสั่งมาตามวาระจิตในส่วนรวม

    เพราะฉะนั้น เจ้าเป็นผู้กำหนด กำหนดว่ายานอวกาศมาใกล้มาไกล เพราะฉะนั้นจะไปโทษใครไม่ได้ ตอนนี้นะโทษผู้อื่น .... ทำไมไม่มานะ..ใช่ไหม? แหม ... ท่านใจร้ายจังเลย ทำไมไม่มาใกล้ ทำไมมาไกล มิใช่ข้าพเจ้า ขอกล่าวนี้เป็นสัจจะวาจา เพราะฉะนั้น ทุกอย่างอยู่ในความสามัคคีของพวกเจ้าในวาระจิตของพวกเจ้าที่มีความสามัคคี รวมพลังเป็นหนึ่งเดียว เพราะการที่จะเป็นผู้นำ เป็นทหารในกองทัพของข้าพเจ้า จะต้องมีความสามารถ รวมทั้งเป็นหนึ่งเดียวกัน จะเป็นพลังซึ่งส่งมา และข้าพเจ้าจะประเมินเอง เพราะฉะนั้น ตรงนี้ให้รับทราบโดยทั่วกันว่า ทุกอย่างขึ้นอยู่กับพวกเจ้า ขึ้นอยู่กับวาระจิตของพวกเจ้า

    จากการที่มีเทพต่าง ๆ หรือผู้ที่มีความเจริญจากต่างจักรวาลมาคอยดูแลพวกเจ้านั้น ก็มาตามบารมีของพวกเจ้านั่นเอง เจ้าเป็นผู้ที่มีบารมี จึงต้องมีผู้ที่มาประคับประคองให้เจ้ามาสร้างบารมีกันต่อไป เป็นการเกื้อหนุนของกันและกันของธรรมชาติ มันมิใช่เป็นการบังเอิญ หรือเป็นความฟลุ๊ค หรืออะไรต่าง ๆ ที่นอกเหนือจากกฎธรรมชาติ ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามีเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย อันนี้พูดถึงเรื่องระบบร่างกายของเจ้า ก็จะมี...เออ..นี่มันลึกไป แต่มันคงไม่ลึกไปเท่าไรหรอกนะ เซลล์มันจะขาว ๆ ในการที่จะปกป้องหรือมากำจัดเชื้อโรค อันนี้ก็คือเป็นสิ่งที่อัตโนมัติ ในกฎของธรรมชาติ

    เพราะฉะนั้น ร่างกายของเจ้าเอง มันทำงานยังไง มันมีระบบการบังคับบัญชาอย่างไร .... พวกเจ้าก็ไม่สามารถไปสั่งได้ ... เอ้า..กล้ามเนื้อหัวใจเต้นช้าลงหน่อยซิ ตอนนี้ใจมันสั่น .. มีแต่มันยิ่งสั่นยิ่ง ๆ ขึ้นไป เพราะฉะนั้น ตรงนี้ ถ้าคิดว่าร่างของเจ้า เป็นของเจ้า มันไม่ใช่ มันเป็นของธรรมชาติทั้งหมด สิ่งนี้ พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ ไม่มีสิ่งใดผิดเพี้ยนนะ ขันธ์ห้า รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ซึ่งรวมกันแล้วก็คือตัวเจ้า ความรู้สึก ความนึกคิดทั้งหลายทั้งมวล ซึ่งอยู่ในร่างของเจ้า ซึ่งจริง ๆ แล้ว มันก็ไม่ใช่ตัวเจ้าเลย.

    (ข้อความส่วนหนึ่ง ในการให้โอวาท เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2542)

    สุดใจเขากะลา ฝ่ายประสานงานเพื่อการเตือนภัย ระบบสมบูรณ์

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2012
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    มารู้จักมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลากันเถอะ....

    - ในห้วงจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล มีดวงดาวนับล้านๆดวง จะมีเพียงดาวดวงนี้เท่านั้นหรือที่มีมนุษย์อาศัยอยู่ ยิ่งวิทยาศาสตร์มีความเจริญมากขึ้นเท่าใด ความพยายามที่จะค้นหา ในสิ่งที่กำลังสงสัยก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น

    - แต่สิ่งหนึ่งที่สวนทางกันกับความเจริญทางโลก ก็คือความเจริญทางจิตวิญญาณการเรียนรู้เพื่อให้เข้าถึงกฎของธรรมชาติ การเป็นผู้ให้ความเอื้ออาทรต่อเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก ซึ่งเริ่มลดน้อยถอยลงแต่อำนาจความโลภ ความโกรธความหลง ความมัวเมาในวัตถุ ความแก่งแย่งชิงดีที่ดูเหมือนจะเจริญงอกงามมากขึ้นทุกวันเป็นเงาตามตัว

    - ถ้ามองจากด้านนอกเราจะเห็นโลกแคบ แต่ถ้ามองจากด้านในเราจะเห็นโลกกว้าง คำๆนี้มีนัยสำคัญสำหรับผู้ปฏิบัติอย่างยิ่ง เมื่อเราหมกมุ่นอยู่กับวัตถุสิ่งของภายนอก ความเจริญในด้านเทคโนโลยี่ต่างๆ ต่อให้พัฒนาไปสักแค่ไหนจะไม่มีคำว่าพอ จะต้องเสาะหาต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด เพราะความทะยานอยากเป็นตัวผลักดันนั่นเอง

    - แต่เมื่อเรามองจากข้างในตัวเอง มองเห็นความเกิดขึ้นของอารมณ์ ความคิด ความรู้สึก ความสุข ความทุกข์ เรียนรู้ขันธ์ห้าให้เป็นไปในแนวทางเดียวกับกฎของธรรมชาติ แล้วเราจะเห็นโลกกว้างไกล เห็นทั่วทั้งอนันตจักรวาล เพราะทุกอย่างมีเพียงหนึ่งเดียวคือธรรมชาติ และทุกสรรพสิ่งก็ดำเนินไปตามกฎของธรรมชาติเท่านั้น

    - กฎของธรรมชาติ หรือกฎแห่งกรรมเป็นกฎอันเดียวกัน เพราะพระพุทธเจ้าท่านตรัสรู้ในกฎของธรรมชาติ ดังนั้นกฎของธรรมชาตินี้จึงมีอยู่ทั่วไปในสากลจักรวาล แล้วโลกที่มีความเจริญทางจิตใจและทางวัตถุ ควบคู่กันไปเขาอยู่กันอย่างไร?

    มารู้จักมนุษย์ต่างดาวที่เขากะลากันเถอะ.....

    -มนุษย์ต่างดาวที่กลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)ติดต่อสื่อสารด้วยนั้นมี 2 ดวงดาว เป็นหลัก คือดาวโลกุกะตะปากะดิกอง และดาวพลูโต

    -ดาวโลกุกะตาปากะดิกอง เป็นดาวดวงหนึ่งที่อยู่คนละจักรวาลกับเรา มีความเจริญทางจิตและวิทยาศาสตร์ควบคู่กันไป มีเทคโนโลยี่ที่ก้าวหน้าล้ำยุค เป็นมนุษย์ที่อยู่อีกจักรวาลหนึ่ง เป็นโลกที่มีขนาดใหญ่เกือบ 3 เท่าของโลกเรา โลกของเขาหมุนรอบตัวเองวันหนึ่ง 60 ชั่วโมง

    - ภูมิประเทศ เป็นดาวที่อยู่ห่างไกลจากดวงอาทิตย์ อากาศหนาวเย็น มนุษย์จากดาวโลกุกะตาฯ จึงต้องสวมใส่ชุดรัดรูปที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ อุณหภูมิภายในชุดที่สวมใส่จะปรับเองตามความสูงขึ้น หรือลดลงของอุณหภูมิภายนอกเพื่อคงสภาพอุณหภูมิภายในร่างกายให้คงที่

    - บนดาวของเขา ก็มีภูมิประเทศคล้ายโลกเรามีภูเขา มีแม่น้ำ มีทะเลแต่เขา ไม่มีเรือ(ยานอวกาศของเขาแล่นบนน้ำได้) ไม่มีรถยนต์ ไม่มีรถไฟ ดังนั้นโลกของเขาจึงไม่มีมลพิษ ไม่ต้องมีถนนตัดผ่านให้วุ่นวาย แต่มีจุดจอดยานเป็นแห่งๆ สำหรับขนส่งสิ่งของ

    - ไม่มีทางเดินที่เป็นถนนสร้างยาวอย่างโลกของเรา แต่เขามีทางกระโดดซึ่งอยู่ห่างเป็นจุดๆ เพราะโลกของเขามีแรงดึงดูดน้อย จะเดินไม่ได้เพราะตัวเบา จึงต้องกระโดด เขากระโดดได้ไกลประมาณ 5 – 6 เมตร จึงสร้างจุดรองรับเป็นช่วงๆ ระยะห่างประมาณ 5 เมตร

    - ในโลกของเขา ก็มีการเกิดภัยพิบัติเหมือนกันในช่วงของการเกิดมรสุม มีการเกิดพายุอย่างหนัก แต่จะไม่เกิดความเสียหายกับทรัพย์สิน และชีวิตเพราะเขาอยู่ในยานฯเมื่อเกิดพายุเขาก็จะนำยานฯไปลอยอยู่ข้างบนก่อน เมื่อสงบจึงกลับลงมายังส่วนที่พักที่อยู่บนพื้นโลกของเขา

    ซึ่งจะสร้างเป็นเพียงฐานสี่เหลี่ยมเตี้ยๆโผล่ไว้เหนือพื้นดิน จึงไม่เกิดความเสียหาย และเป็นที่สำหรับนำยานฯ ลงจอดจะมีทางลงไปใต้ดินด้านล่าง ซึ่งเป็นที่สำหรับพักอาศัยภายในครอบครัว ซึ่งแต่ละครอบครัวจะมีสมาชิกไม่เกิน 4 คน คือ พ่อ แม่ และมีลูกได้ไม่เกิน 2 คน ถ้ามีเกินกว่านั้นก็จะผิดกฏต้องโดนไล่ออกจากจักรวาลนั้น

    - มนุษย์ต่างดาวโลกุกะตาฯ มีความเจริญทางจิตสูงมาก รักษาศีลกันเป็นปกติ (เป็นแนวทางดำรงชีวิตประจำวัน)แต่ศีลของเขาจะไม่เหมือนกับของเรา เพราะความแตกต่างในเรื่องความเข้าถึงกฏธรรมชาติไม่เหมือนกัน เช่น

    ศีลข้อ 1 การฆ่าสัตว์ เขาไม่มีเนื่องจากเขากินอาหารที่เป็นแคปซูล ทำจากต้นเคริปซึ่งเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งเป็นหลักวันละ 1 เม็ด เขาไม่มีระบบขับถ่ายเพราะจะย่อยสลายไปเอง เขาจึงไม่มีการเบียดเบียนกัน แต่สัตว์บนโลกเขาก็มี เขาบอกว่าปลาในน้ำก็มี สัตว์อื่นก็มีแต่ไม่มากมายเหมือนโลกเรา และสัตว์ต่างๆก็อยู่ไปตามธรรมชาติ จนหมดอายุไปเอง

    ศีลข้อ 2 การลักทรัพย์ ศีลข้อนี้ก็ไม่มีเพราะทุกอย่างที่มีเหมือนกันหมด และเป็นของรัฐบาลทั้งหมด ไม่มีการใช้เงินตรา ไม่มีการทำธุรกิจเพื่อแก่งแย่งกัน เพราะรัฐบาลจัดทำเอง จัดหาให้เองทั้งหมด ทุกคนจึงไปทำงานตามหน้าที่ของตนเท่านั้น ดังนั้นความโลภในทรัพย์สินจึงไม่มี และไม่ต้องลักขโมยกัน

    ศีลข้อมุสา ไม่ต้องมี เพราะเขาคุยกันทางจิต คิดสิ่งใดออกมาก็รู้กันหมด ซี่งมนุษย์ต่างดาวที่มาสื่อสารตอนแรก ๆ ยังเคยกล่าวว่ามนุษย์โลกนี้ทำไมคิดอย่างหนึ่ง แล้วบอกอีกอย่างหนึ่ง ทำไมไม่บอกอย่างที่กำลังคิด (ตอนนั้นมนุษย์ต่างดาวคงยังไม่รู้ ถึงความซับซ้อนในการกล่าวคำเท็จของมนุษย์โลก) มนุษย์ต่างดาวบอกว่า ทำไมเขาจึงรู้ว่ามนุษย์คนนั้นกำลังคิดอะไร เพราะสิ่งที่มนุษย์คิดออกมานั้น มันเป็นระบบคลื่นที่ส่งออกมาจากสมอง เมื่อมีเครื่องมือแปลสัญญาณคลื่นนั้น ก็มองเห็นว่ากำลังคิดอะไร

    ซึ่งเขาก็ประดิษฐ์เครื่องแปลสัญญาณนั้นมาใช้บนโลก เขาบอกไม่ใช่เรื่องแปลกมันเป็นเทคโนโลยี เหมือนเรามีเครื่องรับแฟกซ์ ตอนเขาส่งมาจากต่างประเทศก็มาเป็นสัญญาณคลื่น เมื่อเรามีเครื่องรับแฟกซ์ก็สามารถรับสัญญาณคลื่น มาแปลเป็นข้อความหรือภาพ ลงในแผ่นกระดาษได้และสามารถรับรู้ข้อความ หรือภาพต่าง ๆ ได้เหมือนกับที่เขาส่งมาเช่นกัน เพียงแต่ตอนนี้มนุษย์ยังไม่สามารถสร้างเครื่องแปลคลื่นความคิดให้ออกมาเป็นข้อความได้ เราจึงคิดว่ามันเป็นเรื่องลึกลับว่าเขารู้ได้ยังไงว่าเราคิดอะไรอยู่?

    -เป็นตัวอย่างบางข้อ ที่เขาเคยกล่าวไว้ซึ่งกฎศีลธรรมบนโลกเขา ก็เป็นอีกรูปแบบหนึ่ง โลกของเขาจึงไม่มีการปกครองด้วยกฏหมาย แต่มีกฎศีลธรรม หรือกฎของธรรมชาติ เป็นตัวกำกับหากผู้ใดละเมิดกฎศีลธรรม ก็ต้องถูกลงโทษเช่นกัน

    - เรื่องราวยังมีอีกมากมาย และทั้งหมดนี้เป็นเพียงบางส่วนที่นำมาเล่าให้ฟังและเป็นข้อความที่พี่สุดใจเก็บรวบรวมไว้ ทุกครั้งที่มีการสื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวและเมื่อมีข้อมูลผ่านมา จ.ส.อ.เชิด จะเป็นผู้แปลข้อมูลต่างๆ และพี่จะเป็นคนบันทึกไว้แล้วจะมาเล่าให้ฟังอีกในโอกาสต่อไปนะคะ

    ภารกิจของดาวพลูโต คืออะไร?

    “ดาวพลูโต” เป็นดาวที่อยู่ในระบบสุริยะจักรวาลของเรา เป็นดาวที่อยู่ห่างไกลมากและมีอากาศที่หนาวเย็นติดลบหลายร้อยองศา

    -มนุษย์ที่อยู่ดาวพลูโต มีอายุยืนหลายหมื่นปี มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของสมาธิมาก ซึ่งเขากล่าวว่า เพราะอายุยืนมากและอยู่กับสมาธิตลอดเวลา ก็ย่อมต้องเชี่ยวชาญเป็นธรรมดา ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

    - มนุษย์ที่อยู่บนดาวพลูโตนั้น จะอยู่ในกันรูปแบบของพลังงานเป็นส่วนใหญ่ และทำสมาธิเป็นหลัก จึงไม่ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิที่หนาวเย็น กายหยาบก็มี เป็นร่างสังเคราะห์เทียมสำหรับใช้ในการปฏิบัติภารกิจในแต่ละคราว เช่นเมื่อมาปฏิบัติภารกิจในโลกมนุษย์ เพื่อช่วยเหลือเรื่องของภัยพิบัติ ก็จะใช้ร่างสังเคราะห์เทียมนี้มาร่วมปฏิบัติงาน

    - “ ผู้สูงสุดแห่งดาวพลูโต” เป็นผู้นำในการฝึกฯมุ่งเน้นเกี่ยวกับการยกระดับจิตใจของมนุษย์เป็นหลัก ทำการฝึกฯกลุ่มประสานงานเพื่อการเตือนภัย(เขากะลา)ให้รู้ระบบการทำงานกับมนุษย์ต่างดาว ให้เรียนรู้เรื่องเครื่องมือของมนุษย์ต่างดาว อุปกรณ์ที่จะนำมาช่วยเหลือมนุษย์ และมนุษย์จากดาวพลูโตเชี่ยวชาญในเรื่องของมิติมาก จะมีการเข้าออกมิติ เปิดปิดมิติให้เห็นเป็นตัวอย่างอยู่เสมอและยังนำมนุษย์เข้าออกมิติ โดยเราไม่รู้ตัวเลยมาแล้วหลายครั้ง (จะนำมาเล่าให้ฟังในโอกาสต่อไป)

    -มีการนำตัวอย่างเครื่องมือของมนุษย์ต่างดาว และอุปกรณ์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยี มาให้เรียนรู้ แต่จุดมุ่งหมายหลัก มุ่งเน้นการฝึกจิตเป็นสำคัญ ฝึกการปล่อยวางขันธ์ห้าเพื่อเข้าถึงกฏของธรรมชาติ สอนเรื่องทุกข์ การดับทุกข์ซึ่งเป็นการสอนในกฏของธรรมชาติ เช่นเดียวกับที่พระพุทธองค์ทรงตรัสสอน แต่มีการนำอุปกรณ์ซึ่งเป็นเทคโนโลยีมาประกอบการสอน จึงเป็นการสอนการปล่อยวางที่เข้าใจง่าย และเบื่อหน่ายขันธ์ห้าได้จริง กลุ่มผู้ฝึกฯได้มีโอกาสเรียนรู้ พบเห็นเทคโนโลยีของเขามามากมาย จนแน่ใจว่าเรื่องของภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต จะต้องได้รับการช่วยเหลือด้วยเทคโนโลยีจากเขาแน่นอน

    การเดินทางจากดาวพลูโตมายังโลก จึงมาได้ 2 ช่องทาง

    - เดินทางด้วยยานอวกาศ โดยผ่านมิติมา และนำร่างสังเคราะห์เทียม มาปฏิบัติภารกิจร่วมกับดวงดาวอื่นๆ บนโลกมนุษย์สามารถมองเห็นร่างสังเคราะห์เทียมได้ด้วยตาเปล่า

    - เดินทางมาในรูปแบบพลังงาน เป็นกลุ่มแสงขนาดใหญ่เกิดขึ้นก่อน แล้วจึงเป็นพลังงานลงมา มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า มาปฏิบัติภารกิจที่ไม่ต้องอาศัยร่างสังเคราะห์เทียม ดังนั้นแม้จะอยู่สถานที่เดียวกันก็มองไม่เห็นเขา

    ที่มา http://www.thailandoffroad.com/terrano/terranoboard/question.asp?page=5&ID=10839
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2012
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    หลวงปู่ดู่สอนศิษย์เรื่อง"การเพ่งโทษผู้อื่น"

    [​IMG]
    หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ

    "อุปสรรคขวางความดีที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ นิสัยชอบจับผิดผู้อื่น ภาษาพระเรียกว่า การเพ่งโทษผู้อื่น

    ครูบาอาจารย์มักเตือนเสมอว่า ถ้ารักดี ควรหลีกเลี่ยงไม่ไปเพ่งโทษผู้อื่น แล้วหันมาเพ่งโทษตัวเองให้มาก เตือนตัวเองให้มาก บางคนมีความตั้งใจดีในการปฏิบัติ หรือมีความเคร่งครัดในการปฏิบัติ กิเลสก็มักจะมาหลอกเจ้าของ (ตัวเรา) ว่าไม่มีใครใคร่เคร่งเท่าฉัน ไม่มีใครตั้งใจปฏิบัติเท่าฉัน ไม่มีใครมีปัญญาเท่าฉัน ฯลฯ แล้วสอดส่ายสายตามองภายนอก คนนั้นก็ทำไม่ถูก คนนี้ก็ทำไม่ถูก มุ่งแต่จะไปแก้ไขคนอื่นยิ่งกว่าแก้ไขตนเอง

    สุดท้ายใจเจ้าของนั้นเองแหละที่เศร้าหมอง ไม่แจ่มใสเบิกบาน ดังนั้น ความตั้งใจปฏิบัติในตอนต้นซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่เป็นกุศล ก็เลยแปรเปลี่ยนเป็นอกุศล ขวางทางสร้างความดีไม่ให้ก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไป"

    ดังที่หลวงปู่กล่าวว่า:-

    'มุ่งแก้ไขคนอื่นเขาเป็นเรื่องโลก แต่มุ่งแก้ไขที่ตัวเราเป็นเรื่องธรรม'

    (แต่ส่วนใหญ่แม้ปัจจุบันคนก็ยังมักชอบจับผิดคนอื่นอยู่ดีใช่ไหมครับ พวกเรามาทำความดีโดยแก้นิสัยข้อนี้ถวายหลวงปู่กันเถอะครับ)

    ข้อมูลบางส่วนจากอดีตเว็บพุทธพรหมปัญโญ

    ที่มา http://www.prommapanyo.com/smf/index.php?topic=916.0
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2012
  8. มุ่งเต็มใจ

    มุ่งเต็มใจ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2006
    โพสต์:
    7,755
    ค่าพลัง:
    +23,467
    [​IMG]

    [​IMG]

    ผีชีวะ 5 สงครามไวรัสล้างนรก
    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
    ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก ทางการภาพยนตร์ Resident Evil Retribution, residentevilonly.com

    กำหนดฉาย : 13 กันยายน 2555
    แนว : Action/Horror
    นำแสดง : Milla Jovovich, Michelle Rodriguez, Sienna Guillory, Kevin Durand, Shawn Roberts
    กำกับ : Paul W.S. Anderson
    เว็บไซต์ทางการภาพยนตร์ Resident Evil Retribution

    กลับมาตามคำเรียกร้องอีกครั้งกับหนังแฟรนไชส์ยอดนิยม Resident Evil Retribution ซึ่งนับเป็นภาคที่ 5 แล้วของหนังผีชีวะเรื่องนี้ ซึ่งคราวนี้มาพร้อมกับฉากอันตระการตาสุดยิ่งใหญ่ และตัวละครหน้าใหม่ทั้ง Ada Wong และ Leon Kennedy ที่คอเกมต่างคุ้นเคยเป็นอย่างดี รวมทั้ง Rain ตัวละครที่ตายไปตั้งแต่ภาคแรก ยังกลับมาร่วมสร้างความมันให้กับหนังภาคนี้ด้วย

    เรื่องย่อ Resident Evil Retribution

    เมื่อเชื้อไวรัสมรณะอย่าง ที ไวรัส (T - Virus) ของบริษัทอัมเบรลลา คอร์ปอเรชั่น ยังคงแพร่กระจายทำลายล้างโลก ซึ่งเปลี่ยนมนุษย์ธรรมดาให้กลายเป็นกองทัพซอมบี้กินเนื้อคน Alice (รับบทโดย Milla Jovovich) ผู้เป็นความหวังเดียวและความหวังสุดท้ายของมนุษยชาติ ได้ตื่นขึ้นมา ณ ใจกลางอาคารปฏิบัติการที่เป็นความลับที่สุดของอัมเบรลลา และได้รับรู้เกี่ยวกับอดีตอันลึกลับของเธอมากขึ้นเมื่อเธอล้วงลึกเข้าไปในตึกแห่งนั้น

    เมื่อไม่มีที่ปลอดภัยแล้ว Alice ตามล่าผู้ที่รับผิดชอบต่อการระเบิดของไวรัส เป็นการไล่ล่าที่พาเธอเดินทางจากโตเกียวสู่นิวยอร์ก, วอชิงตัน ดีซี และมอสโก จนนำไปสู่การไขความลับอันน่าตื่นตะลึงที่ทำให้เธอต้องคิดใหม่อีกครั้งเกี่ยวกับทุกอย่างที่เธอเคยคิดว่าเป็นจริง โดยในระหว่างนั้นเธอก็ได้รับการช่วยเหลือจากพันธมิตรใหม่และเพื่อนเก่าที่คุ้นเคย Alice ต้องต่อสู้เพื่อให้อยู่รอดนานพอที่จะหนีออกจากโลกอันอันตรายที่จวนเจียนจะถูกลืม การนับถอยหลังเริ่มต้นขึ้นแล้ว...

    สำหรับในภาคนี้หนังยังได้ผู้กำกับคนเดิมเจ้าเก่า Paul W.S. Anderson มารับหน้าที่กำกับการแสดงและเขียนบทให้เหมือนเดิม นำแสดงโดย Milla Jovovich, Sienna Guillory, Oded Fehr, Bingbing Li, Bingbing Li, Johann Urb, Boris Kodjoe และ Michelle Rodriguez

    โดย Resident Evil Retribution เตรียมออกฉายให้คอเกมและแฟนหนังได้ชมกัน ในวันที่ 13 กันยายน 2555 ทั้งในระบบดิจิตอลและรูปแบบ 3D


    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <CENTER>ข้อความจากต่างมิติ ความช่วยเหลือจากนอกโลก !!!

    </CENTER>

    Chayutt แปลและเรียบเรียง

    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจาก Matthew Ward เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2011 ผู้รับการสื่อสาร นาง Suzzane Ward

    สวัสดี นี่คือแมทธิว ขอเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณทุกๆดวงที่อยู่ในสถานีนี้ ส่งคำทักทายพวกคุณทุกคนมาด้วยความรัก เราจะเริ่มต้นด้วยการขอให้เพื่อนและผู้ร่วมงานของเรา คือท่านฮาตั้น (Hatonn) ให้มาช่วยอธิบายถึงประเด็นที่กำลังเป็นที่หนักอกหนักใจของพวกคุณหลายๆคน ที่ว่า“ปัญหาเรื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ประเทศญี่ปุ่น จะได้รับการแก้ไขให้ปลอดภัยได้ไหม?, และมันจะส่งผลกระทบในระยะยาวต่อสิ่งแวดล้อมไหม? อันตรายของกัมมันตภาพรังสีที่มีต่อสิ่งมีชีวิตอยู่ในระดับไหน?”

    Hatonn: ผมคือฮาตั้น อยู่นี่แล้ว เพื่อมาบอกให้พวกคุณสบายใจว่า ผมขอรับรองกับพวกคุณว่า ปัญหานี้สามารถ และจะถูกแก้ไขให้ปลอดภัยได้อย่างแน่นอน และมันก็จะไม่ส่งผลกระทบในแง่ร้ายไปในระยะยาวอีกด้วย!

    แต่ว่าในช่วงนี้ มันก็จะต้องมีการกำจัดขอบเขตของปัญหาเอาไว้ซะก่อน ซึ่งเหล่านักวิทยาศาสตร์ของพวกเราก็กำลังพากัน “แทรกซึม” ข้อมูลเข้าไปใส่ในจิตของผู้ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่ทั้งในและนอกจุดนั้นอยู่ ว่าจะต้องทำอย่างไร เพื่อป้องกันไม่ให้เตาปฏิกรณ์ที่ได้รับความเสียหายหลอมละลาย ซึ่งพวกเขาอาจจะเข้าใจว่าข้อมูลที่ได้มาจากกระบวนการ “แทรกซึมจิต” นี้เป็น “ความคิด” หรือ “แรงบันดาลใจ” ของพวกเขาเองก็ได้

    ลูกเรือในยานอวกาศขนาดเล็กของพวกเรา ที่อยู่ใกล้ๆจุดที่เกิดเหตุนั้น ก็กำลังร่วมมือกับลูกเรือในยานอวกาศที่อยู่นอกโลก ปฏิบัติภารกิจเพื่อช่วยลดระดับกัมมันตภาพรังสี ให้เหลือน้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้อยู่ และเทคโนโลยีที่พวกเขามีอยู่ในยานอวกาศเหล่านั้น ก็กำลังช่วยลดกิจกรรมของเตาปฏิกรณ์เหล่านั้น ให้เหลือน้อยที่สุดอยู่ด้วยเช่นกัน

    แต่ว่ามันก็ยังมีความไม่รู้อื่นๆ เกี่ยวกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้ แพร่หลายอยู่ทั่วไปอยู่ บรรดานักวิทยาศาสตร์ของพวกคุณไม่รู้เลยว่า ตอนนี้ดาวเคราะห์โลกกำลังโคจรอยู่ในย่านความถี่ใหม่ ที่มีผลทำให้การแผ่รังสีแตกร้าวได้อยู่ และมีอานุภาพน้อยกว่าที่เครื่องมือของพวกเขาวัดได้จริงอยู่ มันเป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าเครื่องมือเหล่านั้น ไม่ได้ถูกสอบเทียบ(Calibrate) โดยใช้ปัจจัยอื่นๆที่พวกเขาไม่รู้จักมาร่วมด้วย

    ยิ่งไปกว่านั้น ความแม่นยำในการวัดของพวกมันก็ยังเป็นปัญหาอยู่ จนทำให้อ่านค่าออกมาได้ไม่เท่ากัน จนทำให้เกิดความสับสนขึ้นว่าแท้ที่จริงแล้ว ระดับของการแผ่รังสีเป็นเท่าไหร่กันแน่ ค่าที่อ่านได้ต่ำที่สุด คือค่าที่เชื่อถือได้มากที่สุดสำหรับเครื่องมือของพวกเรา เพราะว่าพวกเราได้นำปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับการแตกหักของการแผ่รังสีที่เราได้พูดถึงไปแล้วมาคิดด้วยแล้ว รวมถึง ชาวโลกส่วนใหญ่ที่รู้ว่ามีพวกเราอยู่รอบๆบริเวณนั้น

    เพราะว่าพวกเขาเห็นยานขนาดเล็กของพวกเราอยู่แถวนั้นบ่อยๆ ก็ยังไม่รู้ว่า เมื่อใดก็ตามที่อุปกรณ์ไฮเทคของพวกเราถูกนำลงไปใช้บนโลกแล้ว พวกเราสามารถสลายเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ และขยะนิวเคลียร์ได้ รวมถึงสามารถทำให้มลภาวะในอากาศ ในดิน และในน้ำสลายไปได้ด้วย ตัวดาวเคราะห์โลกเองก็เช่นกัน ที่มีความสามารถเยียวยาตัวมันเองได้อยู่แล้ว อย่างที่พวกคุณนึกไม่ถึงเลยทีเดียว ดังนั้น สิ่งเหล่านี้แหละ คือสิ่งที่อยู่นอกเหนือขอบเขตความเป็นไปได้ ตามมุมมองของวิทยาศาสตร์ของพวกคุณที่มีต่อเรื่องนี้

    ความไม่รู้ของพวกคุณทั้งโลกนี้แหละ ที่ก่อให้เกิดความกลัวขึ้นอย่างแพร่หลาย และก็เจ้าความกลัวนี้แหละที่พวกเราเป็นห่วงนักห่วงหนาหละ เพราะว่ามันจะไปส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเหตุการณ์ทั้งหมดได้ เพราะว่า “สิ่งที่เหมือนกัน มันจะไปดึงดูดซึ่งกันและกันมา” (Like attract like)

    ดังนั้น พลังงานด้านลบของกลุ่มคนฝ่ายมืด ก็เลยกำลังดึงดูดเอาพลังงานด้านลบ ที่เกิดจากความกลัวของพวกคุณไปอยู่ พวกเขากำลังใช้มันเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งและความมุ่งมั่นยิ่งขึ้นให้กับตัวเองอยู่ เพื่อเอาไว้สู้กับฝ่ายแสงสว่างต่อไป ซึ่งฝ่ายแสงสว่างที่ว่านี้ก็รวมถึงบรรดา “นักรบแห่งแสงสว่าง” (Light worker) อย่างพวกคุณนี้ด้วย ดังนั้น จงอย่าไปตกหลุมพรางแห่งความกลัวพวกนี้เข้า และเมื่อใดที่พวกคุณทำได้ จงช่วยขจัดความกลัวให้กับคนอื่นๆด้วย

    พวกคุณบางคนก็กำลังตกอยู่ในสภาพหมดกำลังใจ หรือ ไม่พอใจที่ยังไม่เห็นพวกเรานำยานลงมาจอด และช่วยกำจัดปัญหาที่เกิดจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ระเบิดนี้ให้หมดไปซะที จริงอยู่ ที่พวกเราสามารถทำเช่นนั้นได้จริงๆ ถ้าพวกเราอยู่บนพื้นโลก และกลุ่มคนฝ่ายมืดที่อยู่บนโลกของพวกคุณก็รู้เรื่องนี้ด้วย แต่พวกเขายังรู้อีกว่า เมื่อใดก็ตามที่พวกเรานำยานลงมาจอดให้เห็นจำนวนมากๆจริงๆแล้ว กิจกรรมด้านมืดใดๆของพวกเขาทั้งหมด จะต้องถึงกาลอวสานอย่างรวดเร็วแน่ๆ

    เพราะฉะนั้น นี่คือเหตุผลว่าทำไม บรรดาลูกจ้างและนายทหาร ที่อยู่ใต้อานัตของพวกเขาทั่วโลก จึงเตรียมพร้อม เพื่อรับมือกับสถานการณ์ “มนุษย์ต่างดาวบุก” อย่างเต็มที่ และก็พร้อมที่จะใช้วิธีการรุนแรงทางทหารอย่างเต็มที่อีกด้วย ดังนั้น ตราบใดที่ความเสี่ยงนี้ยังไม่หมดไป พวกเราจึงไม่อาจจะเสี่ยงนำยานลงมาจอดอย่างเปิดเผยได้ เพื่อความปลอดภัยของพวกคุณ และของลูกเรือของพวกเราเองด้วย แต่พวกเราก็ยังไม่รู้อีกว่า เมื่อไหร่ความเสี่ยงนี้มันถึงจะหมดไปซะที และมันก็จะวกกลับมาที่ปัญหาความกลัวของพวกคุณอีกนั่นแหละ เพราะว่าตราบใดที่พลังงานจากความกลัวนี้ ยังคงเป็นเชื้อเพลิงเติมเข้าไปให้พวกเขาอยู่เรื่อยๆ ความเสี่ยงนี้ก็จะยังคงอยู่ต่อไป

    ความต้องการของพวกคุณ ที่จะมีแหล่งพลังงานที่ปลอดภัยกว่านี้ จะนำมาซึ่งจุดจบของยุคพลังงานนิวเคลียร์ เพราะว่าพลังงานนิวเคลียร์ที่ว่านี้ มันเป็นอันตรายเสมอ และก็เป็นอันตรายมาตลอด สำหรับโลกที่อยู่ในมิติต่ำๆทั้งหลาย ส่วนในโลกที่อยู่ในมิติที่สูงๆแล้ว พวกเขาก็ไม่ต้องการพลังงานชนิดนี้เลย

    เทคโนโลยีด้านพลังงานที่มีความปลอดภัย สะอาด และถาวร (ที่นักวิทยาศาสตร์ของโลกบางคนได้ทำการศึกษาและวิจัย จนประสบความสำเร็จแล้ว ตั้งแต่เมื่อประมาณ 20 กว่าปีก่อน – ผู้แปล) ได้ถูกสกัดกั้นเอาไว้ โดยกลุ่มนายทุนที่ได้ประโยชน์จากพลังงานนิวเคลียร์ และพลังงานจากฟอสซิลทั้งหลายมาโดยตลอด จงเรียกร้องหาแหล่งพลังงานใหม่เหล่านั้น เพื่อให้พวกมันถูกนำเอาออกมาใช้

    การผนึกกำลังกัน ระหว่างความต้องการแหล่งพลังงานใหม่ของพวกคุณกับเทคโนโลยีของพวกเรา และความสามารถของดาวเคราะห์โลกเอง จะนำมาซึ่งสุขภาวะที่ดีดังเดิมของดาวเคราะห์โลก ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน ไม่ใช่จะต้องใช้เวลานานเป็นหลายๆสิบปีอย่างที่พวกคุณคำนวณได้กัน จากค่าครึ่งชีวิต (half life) ของธาตุกัมมันตรังสี และจงอย่าได้ประเมิณค่าพลังอำนาจแห่งกระแสความคิด (หรือกระแสจิต – ผู้แปล) หรือที่เรียกว่าคำอธิษฐานของพวกคุณเองต่ำจนเกินไป

    จงอธิษฐานขอให้โลกของพวกคุณเองสว่างไสว ปราศจากความมืดมิดทั้งหลายเถิด ซึ่งมันจะต้องมีความสำเร็จไปไม่น้อยก่อนสิ้นปีหน้านี้ และกระบวนการนี้ มันจะง่ายขึ้น และน่าพึงพอใจกว่านี้มาก ถ้าพลังงานแห่งแสงสว่างเข้าไปแทนที่พลังงานแห่งความกลัวให้หมดซะ

    แมทธิว ผมอยากจะขอใช้โอกาสนี้ พูดถึงเรื่องอื่นอีกเรื่องหนึ่งที่กำลังมีคนสงสัยอยู่ในตอนนี้สักหน่อย ที่ว่า “ทำไมพวกเราถึงไม่ยับยั้งการเกิดแผ่นดินไหวที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ โดยใช้ HAARP หละ?”

    แม้ว่า HAARP จะสามารถทำให้เกิดแผ่นดินไหวได้ แต่ก็อย่าเข้าใจผิดไปว่า HAARP มีไว้เพื่อทำให้เกิดแผ่นดินไหวเพียงอย่างเดียวนะ เพราะว่ามันยังมี HAARP เครื่องอื่นๆ อยู่อีกหลายเครื่องทั่วโลก ที่ทำหน้าที่ต่างๆกัน ซึ่งหนึ่งในหน้าที่ที่ว่านั้นก็คือ การพ่วงการทำงานของส่วนที่ทำให้เกิดแผ่นดินไหว, ภูเขาไฟระเบิด, พายุ และ อุทกภัย ไว้กับเทคโนโลยีอื่นๆ

    ซึ่งเทคโนโลยีอื่นๆที่ว่านั้นก็พัฒนามาจากสิ่งประดิษฐ์ และ ผลงานการค้นพบของนิโคลัส เทสล่า (Nikolas Tesla) นั่นเอง ประกอบกับ ยังได้รับความช่วยเหลือด้านข้อมูลจากมนุษย์ต่างดาวเผ่าพันธุ์เกรย์เล็ก (Little Grey) อีกด้วย เทคโนโลยีทั้งหมดที่ว่านี้ ตอนนี้ตกอยู่ภายใต้การครอบครองของกลุ่มอิลลูมินาติอยู่ เพื่อเอามาใช้เป็นเครื่องมือก่อกรรมทำเข็ญของพวกเขา ซึ่งเรื่องนี้มันเริ่มต้นมาตั้งแต่เมื่อ 70 กว่าปีที่แล้วโน่นแล้ว

    เพราะพวกเขาคิดว่า พวกเราได้เข้ามาขัดขวางการปฏิบัติการของพวกเขา ในการทำให้เกิดหายนะ และการตายครั้งใหญ่ขึ้น แม้ว่าก่อนหน้านั้น พวกเราจะไม่ได้ทำเช่นนั้นก็ตาม จนกระทั่งเมื่อไม่กี่เดือนมานี้เอง พวกเราถึงเริ่มขัดขวางพวกเขา โดยการทำให้พายุเฮอริเคนอ่อนกำลังลง และเปลี่ยนทิศทางมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือ เลียบชายฝั่งทางทิศตะวันออกของสหรัฐอเมริกา(ไปในที่ๆไม่มีคนอยู่เยอะ – ผู้แปล)

    ซึ่งหลังจากนั้นเป็นต้นมา นักวิทยาศาสตร์และวิศวกรของพวกเขา ก็ได้พ่วงระบบต่างๆเข้าด้วยกันมากมาย เพื่อที่ว่า หากพวกเราพยายามขัดขวางพวกเขาอีก โดยใช้วิธีการส่งสัญญาณมาจากบนยานอวกาศ เพื่อทำให้อุปกรณ์ของพวกเขาใช้การไม่ได้แล้วหละก็ ระบบพลังงาน และระบบการสื่อสารของพวกคุณ ก็จะถูกขัดขวาง และรบกวนไปด้วยทั่วโลก

    ดังนั้น การที่จะขัดขวางพวกเขาได้ มันจึงเป็นกระบวนการที่ซับซ้อน และต้องทำบนภาคพื้นดิน ณ.ตำแหน่งที่เครื่องอยู่เท่านั้น เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้น แต่ทันทีที่กลุ่มอิลลูมินาติถูกสลายไปได้แล้ว HAARP และเทคโนโลยีต่างๆของเทสล่า ก็จะถูกนำมาใช้ในทางที่เป็นประโยชน์ แทนที่จะนำมาใช้เพื่อทำให้เกิดหายนะแบบนี้ ขอบคุณมากครับ ท่านแมทธิว ที่เปิดโอกาสให้ผมได้ชี้แจงเรื่องนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2012
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    Matthew: ของคุณมากครับท่านฮาตั้น ที่ได้ช่วยพวกเราอธิบายเรื่องนี้ ตอนนี้ ก็อย่างที่ท่านฮาตั้นเพิ่งพูดไปแล้ว และอย่างที่พวกเราได้บอกพวกคุณมาโดยตลอดว่า ความกลัวมันมีพลังอำนาจมาก และตอนนี้โลกของพวกคุณก็กำลังเต็มไปด้วยความกลัวอยู่ด้วย แต่มันก็สมเหตุสมผลอยู่ ที่ชาวญี่ปุ่นจะกลัว เพราะว่ามีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องที่นั่น และพวกเขาก็อยู่ใกล้กับรังสีนิวเคลียร์จากเตาปฏิกรณ์มากที่สุดด้วย

    ส่วนชาวโลกอีกหลายคน ก็กำลังอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีแนวโน้มเกิดแผ่นดินไหวก็กำลังเต็มไปด้วยความกลัวอยู่เช่นเดียวกัน และเช่นเดียวกับชาวโลก ที่อาศัยอยู่ในประเทศที่กำลังเกิดศึกสงคราม, ชาวโลกที่กำลังยากจนข้นแค้น และชาวโลกที่ต้องพลัดถิ่นด้วย ชาวโลกบางคนก็กลัวภาวะโลกร้อน กลัวสภาวะความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ หรือการพังทลายของระบบเศรษฐกิจของประเทศตัวเอง บางคนก็กลัวตกงาน กลัวราคาน้ำมันขึ้น กลัวการเสื่อมโทรมของระบบสาธารณูปโภคพื้นฐาน หรือแม้แต่กลัวการเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3

    ความกลัวมวลรวมของคนทั้งโลก กำลังกลายเป็นแรงพลังให้กับความมืด แต่บั่นทอนกำลังของแสงสว่างลงอยู่ แม้ว่าแสงสว่างจะกำลังเพิ่มความเข้มข้นขึ้นอยู่ทุกขณะ ตลอดเส้นทางแห่งการเลื่อนระดับขึ้น (Ascension) ของดาวเคราะห์โลกอยู่นี้ก็ตาม และแม้ว่าความกลัว จะไม่สามารถทำให้ก้าวย่างไปสู่การเลื่อนระดับขึ้นของดาวเคราะห์โลกช้าลงไปได้ก็ตาม แต่มันก็กำลังทำให้ฝ่ายมืดสามารถเข้ามาขัดขวางงานของมนุษย์โลกบางคนได้ เช่น นักต่อสู้เพื่อสันติภาพทั้งหลายที่มีอยู่ในหลายๆประเทศ, นักเคลื่อนไหวเพื่อปฏิรูปการเมืองและเศรษฐกิจทั้งหลาย, และผู้ที่ “จวนจะมองเห็นแสงสว่างแล้ว” ทั้งหลาย เป็นต้น

    คือมันจะทำให้พวกเขาหยุดชะงัก ไม่สามารถเดินหน้าไปสู่ยุคทองของดาวเคราะห์โลกได้ต่อไปอีก แต่พวกเราก็อยากจะรีบบอกว่า ปัญหาเหล่านี้มันก็จะอยู่ได้อีกไม่นานนักหรอก!เพราะว่าตอนนี้ดาวเคราะห์โลก กำลังใกล้จะไปถึงระดับความสั่นสะเทือนที่ แสงสว่างมีความเข้มข้นมากขึ้น จนถึงระดับที่ใครก็ตามที่ปฏิเสธแสงสว่าง ที่พวกเราเรียกว่า "ฝ่ายมืด" ซึ่งหมายถึงผู้ที่ขาดแคลนแสงสว่างนั้นจะตายทั้งหมด

    มันอาจจะฟังดูโหดร้ายเกินไปอยู่สักหน่อย แต่นี่ไม่ใช่การลงโทษ หรือการพิพากษาจากเบื้องบนแต่อย่างใด แต่ที่มันจะเป็นเช่นนี้ก็เพราะว่า มันเป็นธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตที่มีกายหยาบทั่วทั้งจักรวาลนี้ ที่ถ้าหากร่างกายขาดแสงสว่างแล้ว จะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ในระดับความสั่นสะเทือนที่สูงขึ้นดังกล่าวนั้น พูดสั้นๆก็คือ ผู้ที่ก่อให้เกิดสภาวะแห่งความกลัวขึ้นทั้งหลาย จะสาบสูญไปทั้งหมด และอย่าลืมสิ่งที่พวกเราเคยกล่าวไว้ในข้อความครั้งก่อนๆด้วยว่า

    จะมีชาวโลกมากมาย ที่จะต้องตายไปในครั้งนี้ เพราะว่ามันเป็นพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณของพวกเขา และพวกคุณก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่า แต่ละคนที่จะตายไปนั้น นั่นเป็นเพราะว่าคนๆนั้น ได้เลือกทางเลือกนี้เอาไว้แล้ว หรือว่าเป็นเพราะว่าคนๆนั้นปฏิเสธแสงสว่างกันแน่ และอีกครั้งหนึ่ง ที่พวกเราอยากจะเตือนพวกคุณว่า อย่าเที่ยวไปตัดสินชี้ถูกผิดให้ใครต่อใครเขา แต่จงส่งแสงสว่างออกไปให้กับทุกๆคนที่อยู่ในโลกของพวกคุณ เพราะว่าการทำเช่นนั้น จะทำให้แสงสว่างภายในตัวของพวกคุณเพิ่มขึ้น และส่วนที่แผ่ขยายออกมา ยังจะไปช่วยยกระดับคนอื่นๆให้สูงขึ้นตามไปด้วย

    ดาวเคราะห์โลกรู้ดีว่าตรงจุดไหนของโลก ที่ต้องการแสงสว่างมากที่สุด ดังนั้น เมื่อโลกได้รับแสงสว่างจากพวกคุณไปแล้ว โลกก็จะส่งมันออกไปยังจุดนั้นๆ ผ่านทางกระบวนการปรับระดับของจักรวาล และเพราะว่าพลังงานแห่งความรักที่ไปพร้อมกับแสงสว่าง (light-love energy) คือพลังงานที่มีพลังอำนาจมากที่สุดในเอกภพ ดังนั้น ทุกๆครั้งที่มันถูกรับเอาไป ผลกระทบของมันจึงน่าอัศจรรย์เสมอ แต่ว่ามันก็ยังมีต้นตอแห่งความกลัวอยู่อีกอันหนึ่ง แม้ว่ามันจะไม่ทำให้ก้าวย่างสู่การเลื่อนระดับขึ้นของดาวเคราะห์โลก ถึงกับถูกขัดขวางก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม มันก็สามารถส่งผลเสียหายร้ายแรง ต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบจากมันได้เหมือนกัน ซึ่งต้นตอแห่งความกลัวที่กำลังจะกล่าวถึงนี้

    มันแตกต่างจากต้นตออื่นๆที่ได้กล่าวถึงไปแล้ว ที่มาจากสถานการณ์ความเป็นไปในปัจจุบัน เพราะว่าต้นตอแห่งความกลัวนี้ มันซ่อนเร้น และฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของผู้ที่เชื่อตามสื่อบันเทิงต่างๆ ที่นำเสนอภาพลักษณ์ของรูปธรรมชีวิตจากนอกโลกว่า จะมาเพื่อยึดครองโลก และยังฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของผู้ที่เชื่อตามรายงานข่าวที่ว่า รูปธรรมชีวิตจากนอกโลกที่อ้างว่ามาดีนั้น แท้ที่จริงแล้วจะมาเพื่อจับมนุษย์ไปเป็นทาสด้วย ดังนั้นชาวโลกเหล่านั้น ก็จะมองพวกเราที่จะนำยานลงมาจอดบนพื้นโลกว่า เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างหน้าตาประหลาด และไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นได้จริงๆด้วย

    เพราะว่าพวกเรามีความปราถนาอย่างมาก ที่จะให้ข้อมูลข่าวสารของพวกเรา ไปถึงชาวโลกทุกคนที่มีความเชื่อแบบนั้นอยู่ พวกเราจึงจำเป็นต้องนำยานอวกาศของพวกเรา ไปโผล่ให้ผู้คนเหล่านั้นได้เห็น เพื่อที่จะทำให้พวกเขาหูตาสว่างขึ้นมาบ้าง แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้เลยก็ตาม ว่าผู้ที่อยู่ในยานเหล่านั้นมีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร รวมถึงไม่เคยรู้เลยว่า โลกเคยได้รับความช่วยเหลือจากผู้ที่อยู่ในยานอวกาศเหล่านั้นมานานแค่ไหนแล้วก็ตาม และพวกเราก็ยังหวังอีกว่า ข้อมูลข่าวสารของพวกเรานี้ จะไปถึงผู้ที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรมาก่อนเลย อย่างที่ท่านฮาตั้นได้กล่าวถึงไปแล้วด้วย และรวมถึงเข้าถึงชาวโลกที่รู้สึกว่า “พวกเราไม่ต้องการความช่วยเหลือใดๆทั้งสิ้น เพราะว่าพวกเราสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างด้วยตัวเราเองได้” ด้วย

    ความช่วยเหลือที่พวกเรากำลังมอบให้พวกคุณอยู่นี้ ไม่เพียงแต่จะไปทำให้สันติภาพเกิดขึ้นได้ชัดเจนขึ้นบนโลกของพวกคุณเท่านั้น และไม่เพียงแต่จะไปช่วยส่งเสริมความช่วยเหลืออื่นๆ จากอารยธรรมอื่นๆที่ได้ทำไปแล้ว และกำลังทำอยู่นี้เท่านั้นนะ แต่มันยังจะช่วยให้พวกคุณเกิดความคุ้นเคยกับผู้แทน ที่ไปสร้างความสนใจให้กับพวกคุณนั้นด้วย

    เมื่อเร็วๆนี้คุณแม่ของผม ได้ถูกขอให้แก้ไขบางส่วนในหนังสือหลายเล่ม และเพื่อการณ์นี้ คุณแม่ผมจึงได้ร่วมงานกับรูปธรรมชีวิตหลายรูปธรรม ที่มาช่วยอัพเดทข้อมูลให้กับข้อมูลดั้งเดิมของพวกเขาเอง คุณแม่ครับ ช่วยกรุณานำส่วนที่พวกเรากำลังกล่าวถึงอยู่นี้มาลงไว้หน่อย และได้โปรดเอาส่วนของผมที่ได้กล่าวแนะนำท่าน ลาซารัส (Lazarus) ไว้มาลงด้วยนะครับ
     
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    Matthew: คุณแม่ครับ ผู้ที่จะมารายต่อไปคือรูปธรรมชีวิตที่เป็นตัวแทนของพลังงานของท่านลาซารัส (Lazarus) ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการเคารพนับถือกันโดยทั่วไปทั่วทั้งจักรวาลนี้ พลังงานกลุ่มนี้ ได้ถูกมอบหมายโดยพระเจ้า ให้มาทำหน้าที่ลดความเสียหาย อันเกิดจากพลังงานด้านลบ ที่ได้ก่อพิษภัยให้กับดาวเคราะห์โลกใบนี้มานานเหลือเกินแล้ว จนร่างกายที่เป็นดาวเคราะห์โลกของเธอนี้เกือบจะตายไปจริงๆแล้ว บัดนี้ท่านลาซารัสพร้อมแล้ว

    Lazarus: สวัสดีตอนเช้าคุณนายซูซี่ พวกเราคือกลุ่มของจิตวิญญาณที่มีพลังอำนาจมากกว่าจิตวิญญาณ ที่มีวิวัฒนาการจากประสบการณ์แห่งการเวียนว่ายตายเกิดมาน้อยกว่าพวกเราเรามีความยินดีที่ได้มาพูดคุยกับคุณอีกครั้ง ซูซี่ ก็อย่างที่แมทธิวพูดไปแล้วนั่นแหละ แม้ว่าจะไม่ได้ตรงเป๊ะอย่างที่เราพูดนี้ก็ตาม เพราะว่าเขาพูดละเอียดกว่าเรา ว่านักวิทยาศาสตร์ไข่เน่าของพวกคุณได้รับเทคโนโลยีของ “พวกเขา” อีกครั้งแล้ว

    ที่เราส่งภาพของคำว่า “พวกเขา” ที่อยู่ในเครื่องหมายคำพูดแบบนี้มาให้เห็น ก็เพราะว่า นักวิทยาศาสตร์ของพวกคุณไม่ได้สร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเองหรอกแต่เป็นพวก Little Grey ต่างหากหละ ที่สร้างให้พวกเขา โดยแสร้งว่าเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกันระหว่างโลกกับพวกเขา แต่ก็อย่างที่คุณรู้จากแมทธิวแล้วนั่นแหละว่า พวกเกรย์เองก็มีแผนการชั่วร้ายแอบแฝงอยู่เช่นเดียวกับพวกคุณ เพราะว่ากลุ่มอิลลูมินาติ ได้นำเทคโนโลยีนั้น มาใช้เพื่อประทุษร้ายพวกคุณเท่านั้น

    พวกเราไม่สามารถขัดขวางพวกเขาได้ทั้งหมด ตราบเท่าที่การใช้งานนั้นเป็นแค่การควบคุมสภาวะภูมิอากาศ และทำให้แผ่นดินไหว และ/หรือ ทำให้ภูเขาไฟระเบิดเท่านั้น เพราะคุณก็รู้ “กฎแห่งทางเลือกอิสระ” (Law of Free Will) ดี แต่พวกเราก็สามารถลดผลกระทบของมันลงได้ ไม่ให้รุนแรง และแผ่วงกว้าง หรือมีจำนวนผู้เสียชีวิตมากอย่างที่พวกเขาคาดหวังได้ พวกเราได้วางระบบโครงข่ายแม่เหล็กโลกเอาไว้แล้ว เพื่อช่วยดูดซับพลังงานจลน์ (kinetic energy) ไว้ แล้วเปลี่ยนมันให้ไปเป็นอีเทอร์ (ether)

    ผลกระทบของมันก็จะคล้ายๆกับระลอกคลื่นในสระน้ำ ตอนที่คุณโยนหินก้อนเล็กๆลงไปตรงกลางสระนั่นแหละ แน่นอนว่าพวกเราไม่ได้กำลังรับมืออยู่กับน้ำที่อยู่นิ่งๆขนาดนั้น แต่พวกเรากำลังรับมืออยู่กับ การลดผลกระทบของสระน้ำเมื่อถูกโยนหินก้อนโตๆลงไปต่างหาก และแม้ว่าพวกเราจะช่วยบรรเทาผลกระทบของมันลงได้บ้างแล้วก็ตาม แต่ดาวเคราะห์โลก ก็ยังจำเป็นจะต้องปลดปล่อยพลังงานด้านลบออกมาในปริมาณที่เท่าๆกันนั้นอยู่ดี

    Suzy: ท่านลาซารัส เพราะได้ท่านคอยช่วยเหลือมาหลายปี ดิฉันจึงมีที่พึ่งพิง และเป็นเรื่องที่ดีมาก ที่ได้รู้ว่าท่านยังอยู่ข้างบนนั่น และคอยช่วยเหลือพวกเราอยู่ ภารกิจนี้มันเป็นเป็นการร่วมมือกันระหว่างหน่วยงานอื่นๆด้วยหรือเปล่า หรือว่ามีเฉพาะทีมของท่านเพียงทีมเดียวคะ?

    Lazarus: มันเป็นภารกิจที่มีการร่วมมือกัน และหมุนเวียนสับเปลี่ยนกันไป ซึ่งแต่ละหน่วยก็จะได้รับมอบหมายให้คอยสอดส่องดูแลดาวเคราะห์โลก ตามเขตพื้นที่ของใครของมัน และจะสามารถใส่เพิ่มพลังงานเข้ามา หรือกำจัดพลังงานออกไป ในเขตพื้นที่ที่ตัวเองรับผิดชอบอยู่ได้ ตามความจำเป็น เช่น หากเกิดเหตุการณ์แค่ภูเขาไฟคำราม หรือ แค่แผ่นดินไหวใต้น้ำเล็กๆเท่านั้น พวกเขาก็จะไม่ทำอะไร แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรที่ใหญ่กว่านั้น พวกเขาก็จะทำทุกวิถีทางที่จะช่วยได้ ตามความจำเป็น

    มันไม่ใช่แค่กรณีของเหตุการณ์ทางธรณีวิทยาเท่านั้นหรอกนะ ที่พวกเรามีส่วนช่วยเหลืออยู่ แต่พวกเรายังมีส่วนช่วยเหลือในกรณีของการเกิดพายุด้วย เช่น ช่วยลดกำลังของพายุเฮอริเคน หรือ พายุใต้ฝุ่นลงเป็นต้น พวกเราจะช่วยลดผลกระทบของมันลงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่เมื่อใดก็ตามที่พลังมหาศาลเหล่านี้ได้ก่อตัวขึ้นทั้งใต้พื้นดินและเหนือพื้นดินแล้ว แม้แต่เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดของพวกเราก็ไม่อาจป้องกันไม่ให้เกิดภัยพิบัติ และการสูญเสียชีวิตได้ทั้ง 100%

    ถ้าพระแม่ธรรมชาติ ถูกปล่อยให้ทำการปลดปล่อยพลังงานด้านลบ ออกมาด้วยตัวเธอเองแล้วหละก็ เธอก็จะไปปล่อยในพื้นที่ที่จะก่อให้เกิดความเสียหายน้อยที่สุดอยู่แล้ว ดังนั้น เธอจึงไม่จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากพวกเราแต่อย่างใดเลย แต่เพราะว่ามันมีความพยายามของมนุษย์บางคน ที่บ้าคลั่ง และตั้งใจจะให้เกิดภัยพิบัติในพื้นที่ๆมีประชากรอยู่หนาแน่นนี่สิ พวกเราจึงจำเป็นต้องยื่นมือเข้ามาให้ความช่วยเหลือ

    เราจะยกตัวอย่างให้คุณฟังสักกรณีหนึ่ง ก็คือกรณีของพายุเฮอริเคนที่ชื่อเอิร์ล (Earl) เริ่มแรก ดาวเคราะห์แม่ดวงนี้ ก่อตัวมันขึ้นมาเพื่อปลดปล่อยพลังงานด้านลบออกไป โดยก่อตัวมันขึ้นในทะเล ที่ๆจะไม่ก่อให้เกิดความเสียหายใดๆขึ้น แต่เหล่านักวิทศาสตร์บ้าคลั่งของพวกคุณบางคน ก็ทำให้มันมีกำลังเพิ่มขึ้น จากพายุธรรมดาจนกลายเป็นพายุเฮอริเคน และยังทำให้มันมุ่งหน้ามายังแผ่นดินใหญ่อีกด้วย

    ดังนั้นพวกเราจึงต้องเข้าไปให้ความช่วยเหลือ โดยการทำให้มันอ่อนกำลังลง และทำให้มันมุ่งหน้าขึ้นไปทางเหนือแทน แทนที่จะมุ่งหน้าเข้าไปในแผ่นดินใหญ่ นี่คือตัวอย่างหนึ่งของการแทรกแซงของพวกเรา ซึ่งมันก็ได้ทำให้กลุ่มคนเหล่านั้นโกรธแค้นมาก เพราะว่าพวกเขาหวังว่ามันจะต้องสามารถทำให้เกิดภัยพิบัติครั้งใหญ่ขึ้นได้แน่ๆ

    Suzy: ท่านลาซารัสคะ ดิฉันเชื่อมั่นว่ารูปธรรมชีวิตจากนอกโลกได้ช่วยเราไว้ในเหตุการณ์ครั้งนั้นจริงๆ และแมทธิวก็ได้ยืนยันกับดิฉันแล้วเช่นกัน ดิฉันอยากจะขอขอบคุณท่านและทุกๆชีวิตที่ได้ช่วยพวกเราไว้นะคะ แล้วก็ ขอขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกท่านได้ทำเพื่อพวกเรามาโดยตลอด แล้วยังมีเรื่องอะไรอีกไหมคะ ที่พวกท่านได้ช่วยพวกเราเอาไว้?

    Lazarus: มีสิ เช่น พวกเรากำลังช่วยพวกคุณจับตาดูเหล่าอันธพาลบนโลกอยู่ที่จ้องแต่จะส่งหัวรบนิวเคลียร์ของตัวเอง ไปถล่มตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้าง ซึ่งพวกเราก็ได้ช่วยทำให้หัวรบนิวเคลียร์เหล่านั้น สูญสลายไปในอากาศเป็นโหลแล้วด้วย พวกเรายังคอยช่วยลดระดับ หรือ ช่วยหยุดยั้งผลกระทบร้ายแรง ที่ภารกิจมืดของพวกเขาตั้งใจให้เกิดขึ้นด้วย พวกเราบางส่วน ก็ได้ช่วยทำลายความเป็นพิษของไวรัสหลายๆชนิด ที่ถูกสร้างขึ้นในห้องปฏิบัติการลง ดังนั้น โรคระบาดร้ายแรงหลายๆชนิดจึงไม่เกิดขึ้น

    และที่ทำควบคู่กันมาตลอดก็คือ พวกเราได้ช่วยลดความเป็นพิษของ Chemtrail (การโปรยสารเคมีลงในชั้นบรรยากาศ เพื่อจุดประสงค์มืดบางอย่าง ซึ่งไม่เป็นที่แน่ชัด เช่น อาจจะเพื่อลดจำนวนประชากร หรือเพื่อทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง หรืออื่นๆ เกิดขึ้นที่ USA, Canada และทวีปอเมริกาใต้บางประเทศ – ผู้แปล) และของสารกัมตภาพรังสี ที่ปนเปื้อนมาจากการใช้อาวุธนิวเคลียร์ และจากมลภาวะอื่นๆ ลงให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้แล้วด้วย

    โอ..ใช่แล้ว พวกเรายังได้ช่วยเหลืออ่าวเม็กซิโกเอาไว้ไม่ให้ตาย จากเหตุการณ์แท่นขุดเจาะน้ำมันระเบิดคราวนั้นอีกด้วยนะ และพวกเราก็ยังคอยสอดส่องดูแลไม่ให้อุกาบาต, เทหะวัตถุขนาดเล็ก และเศษซากขยะอวกาศทั้งหลาย พุ่งเข้าชนโลกของพวกคุณด้วยนะ เราคิดว่าคุณจะต้องแปลกใจแน่ๆ ถ้ารู้ว่ามีพวกมันจำนวนมากเท่าไหร่แล้ว ที่พวกเราได้เปลี่ยนทิศทางของพวกมัน ให้เบี่ยงเบนออกไปจากดาวเคราะห์โลกของพวกคุณ

    แต่งานนี้พวกเราก็ไม่ได้ทำโดยลำพังหรอกนะ เพราะว่าพวกเราเกือบทั้งหมด ใครก็ตามที่อยู่ใกล้ๆดาวเคราะห์โลกในช่วงนั้นๆ ก็จะคอยช่วยกันปกป้องโลกอยู่เสมอๆ และก็ทำแบบนี้มานานแสนนานมาแล้วด้วยหละ ตั้งแต่สมัยที่ดาวเคราะห์โลกเริ่มลดระดับลงมาอยู่ในเขตอันตรายของมิติที่ 3 โน่นเลยหละ เราจะบอกความจริงที่เกิดขึ้นแล้วให้คุณฟังเรื่องหนึ่งว่า เมื่อราวๆ 1 ปีก่อนที่จะเปลี่ยนทศวรรษใหม่มาสู่ทศวรรษนี้ (ประมาณปี ค.ศ. 1999 – ผู้แปล) ตามกาลเวลาของพวกคุณ ทีมของเราไม่ได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์ช่วยเหลือโลกคราวนั้นด้วย มีแต่อารยธรรมของพวกคุณเอง ที่ได้อยู่ร่วมในเหตุการณ์นั้นด้วย

    ซึ่งเรื่องนี้รู้กันไปทั่วทั้งจักรวาล ว่ามันเคยมีอุกาบาตขนาดใหญ่พิเศษลูกหนึ่ง ที่ถูกทำให้พุ่งเข้ามาหาโลกของพวกคุณด้วยความเร็วสูง โดยหัวหน้ากลุ่มของกองกำลังฝ่ายมืด เพราะว่าตอนนั้น พวกเขาหมดความอดทนกับความล่าช้า ของแผนการยึดครองโลกของพวกเขาแล้ว จึงตัดสินใจว่าจะทำลายมันทิ้งเสีย แต่เมื่อพี่น้องชาวจักรวาลของพวกคุณ สังเกตเห็นว่าอุกาบาตลูกนี้ มันถูกทำให้เปลี่ยนทิศทางไปจากทิศทางปกติของมัน แล้วมุ่งหน้ามายังโลกแทนแล้ว พวกเขาจึงติดต่อไปยังกองกำลัง Menta อย่างเร่งด่วน แล้วกองกำลัง Menta ก็ได้ช่วยบดขยี้อุกาบาตลูกนั้นให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนที่มันจะเข้ามาสู่ชั้นบรรยากาศของพวกคุณ

    uzy: พวกเราไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้เลย แต่มันดีมากๆเลยค่ะ บางทีอาจมีแค่นักดาราศาสตร์บางคนเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้น พวกเขาคงจะแปลกใจไม่น้อยเลยว่า ทำไมอุกาบาตถึงหายสาบสูญไปเฉยๆได้

    Lazarus: ถ้าคุณสามารถตรวจสอบกับผู้ที่เคยเห็นมันได้ คุณก็จะรู้ว่าพวกเขาตรวจพบมัน เมื่อก่อนที่มันจะสลายไปไม่นานเอง พวกเขาจึงสรุปไปว่ามันเป็นเรื่องแปลกประหลาด คุณก็รู้ว่ามีนักวิทยาศาสตร์ของพวกคุณน้อยมาก ที่เชื่อเรื่องการมีตัวตนอยู่จริงของรูปธรรมชีวิตทรงภูมิปัญญาชั้นสูงนอกโลก

    Suzy: นั่นยังไม่เปลี่ยนอีกหรือคะ?

    Lazarus: มันไม่สำคัญหรอก แต่เราสามารถรับประกันกับคุณได้เลยว่า มันจะต้องเปลี่ยนไปอย่างแน่นอนและรวดเร็วซะด้วย เมื่อถึงเวลาที่ปลอดภัยเพียงพอ ที่พวกเราจะนำยานอวกาศลงมาจอดบนพื้นโลกได้แล้ว

    Suzy: แล้วเรื่องนี้ มันมีแผนการวางเอาไว้หรือเปล่าคะ และเมื่อไหร่คะ?

    Lazarus: แน่นอนสิ แต่ต้องรอให้ถึงเวลาที่มีความปลอดภัยมากพอสำหรับพวกคุณ และสำหรับลูกเรือของเรา ที่จะนำยานลงมาจอดแล้วซะก่อนโน่นแหละ เพราะว่าคณะกรรมการของสมาพันธ์ระหว่างแกแล็กซี่ (The Intergalactic Federation Council) ได้ประสานงานเรื่องนี้กับพวกเราทุกรูปธรรม อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ซึ่งพวกเราก็กำลังร่อนยานไปมาอยู่บนน่านฟ้าของพวกคุณอยู่ และทำมาไม่น้อยกว่า 60 ปีแล้ว ด้วยแต่บางกลุ่ม ก็อยู่มานานกว่านั้นอีกนะ และบางกรณี ก็ยิ่งนานกว่านั้นไปอีกโขเลย ซึ่งบางส่วนของความผิดพลาดของพวกเขา (ที่เผลอทำให้ชาวโลกมองเห็นได้ – ผู้แปล) ก็ถูกบันทึกเอาไว้ในคัมภีร์ไบเบิลของพวกคุณแล้วก็มี

    คุณก็รู้จักฮาตั้นดีนี่ นั่นแหละ ชาวกลุ่มดาวลูกไก่ของเขา ก็มีฐานปฏิบัติการอยู่บนยานอวกาศ ที่ลอยอยู่รอบๆโลกของพวกคุณมานานกว่าใครเพื่อนเลยหละ โดยเฉพาะพวกที่อยู่ลึกๆในอวกาศ ก็ได้พากันส่งแสงสว่างอันทรงพลังอำนาจของพวกเขามาช่วยโลก ตามคำร้องขอของเธอ เมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมา และพวกเราทุกรูปธรรม ที่อยู่ใกล้โลก อันนี้พูดแบบเปรียบเทียบนะ (เพราะว่าในมิติที่สูงๆกว่าช่องว่างและกาลเวลาแบบที่เป็นเส้นตรง มันไม่มีอยู่จริง – ผู้แปล) ก็ได้เข้ามาช่วยเหลือด้วยวิธีการดังกล่าวนั้นด้วย พร้อมทั้งได้ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยด้วยอีกทาง

    ภารกิจหนึ่งที่ทำมานานหลายร้อยปีแล้ว ของยานอวกาศในทีมของท่านฮาตั้น ที่เราลืมบอกไปก็คือ การดูแลรักษาสนามพลังที่ปกป้องแดนนิพพานเอาไว้ ที่ยืดขยายขอบเขตจนมาถึงโลก ในช่วงที่มีการไปมาหาสู่กันระหว่างมนุษย์โลกกับแดนนิพพาน จนทำให้เกือบจะไม่มีใครเลย ที่รู้ว่ามันมีการไปมาหาสู่กันที่ว่านั้นอยู่

    Suzy: ดิฉันทราบเรื่องนี้จากแมทธิวแล้วค่ะ แล้วรูปธรรมชีวิตจากนอกโลกที่จะลงมาจอดบนพื้นโลกเป็นใครบ้างหละค่ะ?

    Lazarus: นอกจากบรรดาตัวแทนของชาวกลุ่มดาวลูกไก่แล้ว ก็จะมีตัวแทนจากดาว Lyra, Arcturus, Sirius และ Vega อีก บางทีกลุ่มนี้อาจจะเป็นกลุ่มแรก เพราะว่ายานอวกาศของพวกเขากำลังอยู่ใกล้ๆนี่เอง และพวกเขาก็เป็นบรรพบุรุษของพวกคุณด้วย เรารู้ว่า Horiss กล่าวไว้ว่าอย่างไรบ้าง ดังนั้น คุณก็คงรู้แล้วว่า พวกคุณบางคน ก็มีเชื้อสายมาจากเผ่าพันธุ์เลื้อยคลาน(Reptilian) ซึ่งพวกเขาส่วนที่เป็นฝ่ายแสงสว่างบางรูปธรรม ก็กำลังจะมาเยี่ยมพวกคุณด้วย

    เราใช้คำว่า “กำลังจะมา” แต่คุณต้องรู้เองนะว่า มีพวกเราจำนวนมากแล้ว ที่มาอยู่ที่นี่แล้ว พวกเขาจะปิติยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่อีกไม่นานนี้ จะได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาซะที และบางส่วนของพวกเขา อาจจะทำให้คุณถึงกับช็อกก็ได้ (ที่ได้รู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว พวกเขาคือรูปธรรมชีวิตที่มาจากนอกโลก – ผู้แปล)

    Suzy: ท่านหมายความว่า เพราะว่า พวกเรารู้จักพวกเขาดี ในบทบาทหน้าที่ที่พวกเขากำลังทำอยู่ในตอนนี้ใช่ไหมค่ะ?

    Lazarus: ใช่เลยหละ

    Suzy: ดิฉัน ไม่กล้าหวังหรอกค่ะว่าท่านจะบอกดิฉัน ว่าพวกเขามีใครบ้าง หรือว่าท่านจะบอกค่ะ?

    Lazarus: ไม่หรอก เราจะไม่บอก เพราะว่ามันเป็นสิทธิ์ของพวกเขาเอง ที่จะทำเช่นนั้นเมื่อถึงเวลานั้น ไม่ใช่สิทธิ์ที่เราจะทำได้ในตอนนี้ จริงๆแล้วคุณอาจจะไม่ถึงขนาดช็อกมากกับพวกเขาบางคนก็ได้นะ ดังนั้น พวกเราก็ปล่อยให้มันเป็นไปเองตามวิถีของมันเถอะนะซูซี่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2012
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    Suzy: โอเคค่ะท่านลาซารัส แต่ดิฉันก็อยากจะให้ถึงเวลานั้นเร็วๆเหลือเกิน! แล้วตอนนี้ดาวเคราะห์โลกสามารถโคจรไปเองได้อย่างมั่นคงหรือยังค่ะ หรือว่าเธอยังจำเป็นต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากท่านอยู่?

    Lazarus: “ไกอา” ผู้อันเป็นที่รักของพวกเรา เราอยากจะขอพูดแทรกเอาไว้ตรงนี้หน่อยว่า “ไกอา” (Gaia) เป็นชื่อของ “จิตวิญญาณ” ของดาวเคราะห์โลกของพวกคุณ และชื่อดั้งเดิมแต่บรรพกาลของ “ร่างกาย” ที่อยู่ในรูปแบบของ “ดาวเคราะห์โลก” ของเธอก็คือ“เทอร่า” (Terra) และ “ฌาณ” (Shan) แต่พวกเราก็เรียกเธอว่า “ดาวเคราะห์โลก” (Earth) ตามพวกคุณหนะแหละ แม้ว่าคำๆนี้มันจะมาจากคำว่า “ดิน” (earth) ที่พวกคุณเดินอยู่ เพียงแต่เปลี่ยนพยัญชนะต้น คือ ตัว e เล็ก มาเป็นตัว E ใหญ่เท่านั้นเอง ตามอย่างที่อารยธรรมดึกดำบรรพ์บางอารยธรรมชอบทำกัน เช่นเดียวกับคำว่า “พระเจ้า” (God) อีกเหมือนกัน ก็มาจากคำว่า “เทวดา” (god) ที่พวกคุณเข้าใจว่าท่านเป็นเทวดาเพศชาย (god) ไม่ใช่เทวดาเพศหญิง (goddess)

    เอาหละนะซูซี่ ใช่แล้ว ตอนนี้ดาวเคราะห์โลกกลับคืนมาแข็งแรงได้เหมือนเดิมแล้ว เพราะว่าแสงสว่างที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆนั่นเอง แต่ว่าพวกเราก็ยังต้องคอยช่วยเหลือ ด้วยเทคโนโลยีของพวกเราอยู่ เพื่อให้มั่นใจว่าเธอจะมั่นคงได้จริงๆ และเพราะว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงทั้งหลาย เพื่อปลดปล่อยพลังงานด้านลบของเธอออกไป ก็ยังคงจะเกิดขึ้นต่อไปอยู่ ซึ่งคุณเองก็รู้ เพราะฉะนั้น ตราบใดที่เธอยังไปไม่ถึงระดับความสั่นสะเทือนของมิติที่ 4 ได้หละก็ พวกเราจึงยังไม่มีกำหนดว่า เมื่อไหร่ถึงจะลดการให้ความช่วยเหลือเธอลงมาได้ และเมื่อถึงเวลานั้นแล้ว พวกเราทั้งหมดก็จะได้โห่ร้อง “ฮาเลลูยา” กันซะทีหละ เพราะนั่นหมายความว่างานของพวกเราที่นี่เสร็จสิ้นลงแล้ว และเมื่อถึงเวลานั้น พวกคุณทุกคนก็จะได้รู้จักพี่ๆน้องๆชาวจักรวาลของพวกคุณกันหละ

    Matthew: ขอบคุณมากครับคุณแม่ แต่ผมอยากจะขอเพิ่มเติม สิ่งที่ท่านลาซารัสได้พูดไปแล้วอีกสักหน่อยว่า ตอนนี้มีแสงสว่างปริมาณมหาศาลกำลังถูกส่งมาถึงพวกคุณอยู่ จากจิตวิญญาณทั้งหลายที่อยู่ในแดนนิพพาน และจากจิตวิญญาณอีกนับไม่ถ้วนที่อยู่ในโลกแห่งจิตวิญญาณอื่นๆ แล้วก็ คุณแม่ครับ ผมอยากจะขอคุณแม่อีกเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือ เพราะว่าท่านลาซารัสได้พูดถึงกองทัพแห่งเมนต้า (Menta) ดังนั้นผมจึงอยากจะให้ผู้อ่านได้รู้จักอารยธรรมนี้ และให้รู้ว่าพวกเขาได้ทำอะไรเพื่อช่วยเหลือพวกคุณบ้าง ดังนั้น ช่วยเลือกเอาข้อความที่เหมาะสม ที่เธอได้เคยสื่อสารมาแล้ว เกี่ยวกับเรื่องนี้ มาลงให้หน่อยได้ไหมครับ

    Menta: พวกเราคือสนามพลังงานที่กว้างใหญ่ไพศาล และทรงพลังอำนาจอันหนึ่ง ที่ประกอบไปด้วยจิตวิญญาณนับพันล้านดวง สมัยที่พวกเราลงมาเกิด พวกเราอาศัยอยู่บนดาวดวงหนึ่งที่ชื่อ Retorno ในกาแล็กซี่ที่อยู่ไกลโพ้นกาแล็กซี่หนึ่ง ในกระจุกกาแล็กซี่ที่ชื่อ Lyra ดาวบ้านเกิดของพวกเรา ก็เป็นดาวเคราะห์อีกดวงหนึ่งที่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ ที่พวกคุณไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยกล้องโทรทัศน์ของพวกคุณ

    เราอยากจะอธิบายว่า ทำไมเวลาเราพูด เราถึงใช้สรรพนามแทนตัวเองว่า “เรา” และ “พวกเรา” สลับกันไปมาแบบนี้ นั่นก็เพราะว่า “เรา” พูดคุยกับคุณในฐานะจิตวิญญาณของตัวเราเอง แต่ว่าจิตใจของเราไม่เคยเลยที่จะแบ่งแยกออกมาจาก “จิตใจร่วม” ของ “พวกเรา” ทั้งกลุ่ม เพราะว่าไม่มีจิตวิญญาณดวงไหนเลย ที่ถูกมองว่าดีกว่าดวงอื่นๆ เพราะว่าทุกๆคุณสมบัติ ทุกๆแง่ ทุกๆมุมของจิตใจของพวกเรา ล้วนเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับความมั่นคงของโลกของพวกเราทั้งสิ้น และมีความจำเป็นต่อความตระหนักรู้ ที่พัฒนาขึ้นเรื่อยๆของพวกเราทั้งสิ้น...

    ในฐานะของ “ความเป็นตัวตนร่วมกัน” ของพวกเรา พวกเราจะเหมือนกับเป็นต้นไม้ต้นหนึ่ง มากกว่าที่จะเหมือนกับมนุษย์โลก เพราะว่าส่วนหัวของพวกเรา จะเป็นส่วนที่เต็มไปด้วยเซ็นเซอร์ (sensor) มากมายจนดูเหมือนกับช่อดอกไม้ที่ถูกมัดรวมกันไว้แน่นๆ นั่นแหละคือ “หน่วยอยู่อาศัย” (housing unit) ของจิตใจของพวกเราทั้งกลุ่มหละ สีขาวคือสีหลักของส่วนหัวนี้ แต่สีอื่นๆก็มีด้วยนะ เพราะว่าส่วนอื่นๆก็จะมีสีเฉพาะตัวของมันเอง เช่น ส่วนที่เป็นศิลปะ, เทคโนโลยี, วิศวกรรม, การเลี้ยงดูเด็ก และอื่นๆ

    พวกเราเป็นชุดของสีชุดหนึ่ง ที่ถ้าจะให้อธิบายให้ใกล้เคียงที่สุดก็น่าจะเหมือนกับ ความสามารถพิเศษทั้งหลาย ที่มีมาแต่กำเนิด และความสามารถ และความสนใจอื่นๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละช่วงเวลา ดังนั้น สีจึงเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆตามระดับความสั่นสะเทือน ที่พวกเรากำลังเป็นอยู่ในขณะนั้นๆ นั่นคือ มันเป็นเหลี่ยมมุมของปริซึ่มที่ถูกหักเหไปเป็นสีนั้นๆ ที่ถูกกำหนดด้วยระดับความถี่ของมัน ส่วนที่เชื่อมโยงอยู่กับ “หน่วยอยู่อาศัย” ที่ว่านี้ก็คือ “สายใย” (tread) นับพันล้านสาย หรือมากกว่านั้น ที่อยู่รวมกันเป็นกระจุกๆ และ ที่กระจายอยู่ทั่วทั้งกาแล็กซี่นี้ และกาแล็กซี่อื่นๆ

    ซึ่งสายใยที่ว่านี้ก้คือจิตวิญญาณของพวกเราแต่ละดวงนั่นเอง ที่กำลังล่องลอยอยู่ในสรวงสวรรค์ชั้นต่างๆอยู่ เพื่อค้นหาความรู้ใหม่ๆ หรือถ้าจะพูดให้ถูกต้องกว่านั้นอีกก็คือ เพื่อ “จดจำให้ได้” (remembering) มากกว่า เพราะว่าในระดับของความตระหนักรู้ขั้นสูงสุดของจิตวิญญาณแล้ว จิตวิญญาณรู้ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้วนั่นเอง การค้นพบใดๆ ของจิตวิญญาณดวงใดดวงหนึ่งก็ตาม ในกลุ่มของพวกเรา การค้นพบนั้น ก็จะถูกถ่ายทอดต่อไปยังจิตใจร่วมของจิตวิญญาณทั้งกลุ่มทันที โดยอัตโนมัติ...

    พวกเรามีพลังอำนาจมากกว่ากลุ่มอื่นๆ ที่กำลังให้ความช่วยเหลือพวกคุณ อย่างสุดความสามารถอยู่ในขณะนี้ เพราะว่าความยาวคลื่นของพวกเขาต่ำกว่าพวกเรา จึงทำให้พวกเราต้องอาสาทำงานเพิ่มขึ้นเป็นสองภารกิจ ซึ่งได้แก่ ภารกิจแห่งการสาดส่องแสงสว่างจากพลังงานของพวกเราเองมาให้โลก และภารกิจแห่งการช่วยรักษาแสงสว่างจากแหล่งพลังงานอื่นๆ ที่ส่งมาให้แก่โลกด้วยเช่นกัน เอาไว้ เมื่อมันมาถึงชั้นบรรยากาศของโลกแล้ว

    นี่เป็นเรื่องที่จำเป็นมาก เพื่อให้ร่างกายของพวกคุณสามารถดูดซับแสงสว่างเหล่านั้นเอาไว้ได้ในระดับเซล จนสามารถปรับตัวให้เข้ากับระดับความถี่ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ที่โลกกำลังเคลื่อนเข้าไปอยู่ในขณะนี้ได้ และสิ่งนี้เอง ที่ทำให้พวกคุณมีโอกาสรอดชีวิตอยู่ต่อไปได้ ในระหว่างกระบวนการเลื่อนระดับขึ้น(Ascension) ของโลกใบนี้ ที่บางคนเรียกกระบวนการนี้ว่า “การยกระดับขึ้น” (the shift) หรือบางคนอาจจะเรียกว่า “กระบวนการชำระล้าง” (the cleansing process) ก็แล้วแต่

    Matthew: ขอบคุณมากครับคุณแม่ ผมขออธิบายเพิ่มเติมอีกครั้งหนึ่งหน่อยนะครับ ว่าสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งยวดที่สุดก็คือการอยู่โดยปราศจาก “ความกลัว” และนั่นแหลคือเหตุผลหลักอีกอย่างหนึ่ง ที่พวกเราจะต้องพูดถึงความช่วยเหลือจากนอกโลก ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และในอนาคต เพราะว่าดาวเคราะห์โลกกำลังเคลื่อนที่เข้าไปสู่ขั้นตอนสุดท้าย ของการหลุดออกไปจากมิติที่ 3 อยู่ ดังนั้น เวลานี้ มันจึงเป็นเวลาที่พวกคุณควรจะหยุดคิดถึงตัวเอง ว่าเป็นตัวตนเดี่ยวๆซะที ว่าตัวเองมีบุคลิกลักษณะ, คุณสมบัติ, ความสามารถพิเศษ, ความหวัง, ความฝัน และความสำเร็จ เฉพาะตัวเป็นของตัวเองเพียงลำพังซะที

    เพราะว่า นั่นก็ใช่ แต่พวกคุณยังเป็นอะไรที่มากกว่านั้นอีกเยอะ ดังนั้น พวกคุณควรจะเริ่มหันกลับมาคิดถึงตัวเอง ในฐานะที่เป็น “สิ่งมีชีวิตหลากมิติที่ทรงพลังอำนาจ” ได้แล้ว เพราะว่าพวกคุณคือสมาชิกของครอบครัวชาวจักรวาล! และจิตวิญญาณของพวกคุณก็มีความเชื่อมโยงอยู่กับ และเป็นส่วนหนึ่งของพระเจ้า อย่างที่มิอาจจะแยกขาดจากไปได้ ชั่วนิจนิรันดร์ และพี่ๆน้องๆในครอบครัวชาวจักรวาลของพวกคุณ ก็ปราถนาให้พวกคุณรู้สึกว่า พวกคุณเป็นเครือญาติของพวกเขาด้วย เพื่อให้การพบปะกันที่กำลังจะเกิดขึ้นเร็วๆนี้ เต็มไปด้วยความสุข ที่สมาชิกในครอบครัวได้กลับมาอยู่ร่วมกันอีกครั้งหนึ่ง!

    ความรักของพวกเรา จะอยู่กับพวกคุณเสมอ ทุกช่วงเวลานาที ตลอดเส้นทางช่วงสุดท้าย ที่กำลังมุ่งหน้าไปสู่ “ยุคทองของโลก” นี้ (The Golden Age)

    LOVE and PEACE
    Suzanne Ward
    Website: The Matthew Books

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ลียร์รั่วในญี่ปุ่น-อุกาบาตชนโลก.289377/page-2
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2012
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ข้อความจากต่างมิติ - รูปร่างหน้าตาของมนุษย์ต่างดาว และยานอวกาศของพวกเขา

    Chayutt แปลและเรียบเรียง

    ข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากสหพันธ์กาแล็กซี่บนยาน Alpha เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2011ผู้รับสาส์น: นาย Kris Won ,ประเทศสเปน

    ขอกล่าวสวัสดีมาจากยาน Alpha มีพวกคุณหลายคนกำลังสงสัยว่ารูปร่างหน้าตาของพวกเราเป็นอย่างไร และอยากรู้ว่ายานอวกาศของพวกเราสร้างมาจากวัสดุอะไร (ซึ่งพวกเราก็รู้ถึงความสงสัยนี้ดี) และพวกเราก็พร้อมเสมอที่จะตอบทุกๆคำถามของพวกคุณ เพราะว่ามันเป็นความต้องการอย่างหนึ่งของพวกเราอยู่แล้ว ที่จะคอยบอกถึงความเคลื่อนไหวของพวกเราให้พวกคุณได้ทราบอยู่เสมอ และเพื่อตอบคำถามทุกๆคำถามของพวกคุณที่พวกคุณมีอยู่นั้น

    กระแสความคิดเหล่านี้ มันจะไหลไปอย่างราบรื่นและแผ่วเบา จากจิตของฉันไปสู่จิตของผู้รับสาส์นของฉัน และนี่แหละคือสิ่งที่มันควรจะเป็น และในเร็วๆนี้ พวกคุณทุกๆคนก็จะรู้ว่า จะสามารถรับข้อความสื่อสารทางโทรจิตจากพวกเราได้อย่างไรด้วย โดยที่พวกเราไม่จำเป็นต้องเสียแรงเดินทางข้ามห้วงอวกาศไปหากันแต่อย่างใดเลย

    ด้วยวิธีนี้ สมาชิกทุกๆคนของสหพันธ์กาแล็กซี่จึงสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ตลอด ทำให้พวกเราไม่จำเป็นต้องพะวงถึงปัญหาเรื่องระยะทางระหว่างพวกเราแต่อย่างใดเลย และเมื่อใดที่พวกคุณกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธ์กาแล็กซี่แล้ว เมื่อใดที่พวกคุณพร้อมแล้วที่จะมาเป็นส่วนหนึ่งของมัน พวกเราก็จะใช้วิธีการติดต่อสื่อสารแบบนี้กับพวกคุณด้วยเหมือนกัน

    เอาหละ เรามาเริ่มตอบคำถามของพวกคุณกันดีกว่า เรื่องรูปร่างหน้าตาของพวกเรา อันดับแรกฉันต้องขออธิบายก่อนว่า พวกเรา (สมาชิกของสหพันธ์กาแล็กซี่ – ผู้แปล) มาจากส่วนต่างๆของกาแล็กซี่นี้ และกาแล็กซี่อื่นๆอันไกลโพ้นด้วย ดังนั้น พวกเราจึงมีรูปร่างหน้าตาไม่เหมือนกัน และแตกต่างกันอย่างมากด้วย พวกเราบางรูปธรรม ก็มีรูปร่างหน้าตาคล้ายกับพวกคุณนี่แหละ ซึ่งก็ได้แก่พวกเราที่อยู่ในยาน Alpha Spaceship และยานอื่นๆบางลำ

    ส่วนพี่น้องบางรูปธรรมของพวกเราก็มีร่างกายที่ยืดหยุ่นได้ ขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีวิวัฒนาการมาแบบไหน เพื่อให้เข้ากันได้กับสภาวะภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมของพวกเขาเอง ดังนั้นร่างกายของพวกเขาจึงมีลักษณะยืดหยุ่นได้เหมือนเจลาติน และสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างได้ บางพวกที่สามารถอาศัยอยู่ในสภาวะบรรยากาศที่เป็นพิษ ที่มีส่วนผสมของแกสต่างๆและแกสไฮโดรเจนและออกซิเจน ในสัดส่วนหนึ่งๆได้ ผิวหนังของพวกเขา ก็จะมีเกล็ดเพื่อปกป้องตัวพวกเขาเอง

    บางพวกที่โลกที่พวกเขาอาศัยอยู่โดยธรรมชาติ เป็นน้ำหรือของเหลวบางชนิดที่คล้ายๆกับน้ำ พวกเขาก็จะมีอวัยวะที่คล้ายๆกับเหงือกปลาของพวกคุณ เพื่อเอาไว้หายใจใต้น้ำและมือและเท้าของพวกเขาก็จะเป็นเหมือนเท้ากบ คือมีพังผืดเชื่อมต่อระหว่างนิ้วของพวกเขา เพื่อที่พวกเขาจะได้สามารถเคลื่อนที่ใต้น้ำได้อย่างรวดเร็ว และเพื่อที่จะไม่ทำให้ข้อความนี้ของฉันยืดยาวจนเกินไป ฉันก็จะบอกว่า ยังมีพี่น้องบางกลุ่มของพวกเรา ที่มีร่างกายที่มีลักษณะเป็นแก๊ส

    พวกเราสามารถพูดได้ว่า พวกเขาเป็นพวกที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง พวกที่มีร่างกายเนื้อกับพวกที่ไม่มีร่างกายเนื้อแล้ว พวกเขาเป็นอะไรที่เหมือนกับเป็นกึ่งมนุษย์กึ่งวิญญาณอย่างนั้นแหละ พวกคุณเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม? ธรรมชาติของพวกเขาแตกต่างจากพวกเรามาก มันเป็นเรื่องที่จำเป็นและหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่พวกคุณจะต้องเริ่มทำความคุ้นเคยกับเรื่องพวกนี้ เพราะว่าเมื่อถึงเวลาที่พวกเราทำการติดต่อกับพวกคุณ อย่างเป็นทางการครั้งแรกแล้ว

    พวกคุณจะได้ไม่รู้สึกรังเกียจ หรือตกใจกลัวมากจนเกินไป เมื่อได้เห็นพี่น้องของพวกเราบางรูปธรรม มีรูปร่างหน้าตาแตกต่างไปจากเผ่าพันธุ์ของพวกคุณเล็กน้อย ในข้อความชุดก่อนๆพวกเราได้เคยอธิบายไปแล้วว่า ผู้สร้างภาพยนตร์ของพวกคุณ ได้สร้างภาพพจน์ ให้พวกคุณมีความคิดและความเชื่อว่า พวกเรามาที่นี่ไม่ได้มาเพื่อให้ความช่วยเหลือพวกคุณ แต่จะมาเพื่อยึดครองโลกของพวกคุณ แต่อย่างไรก็ตาม ในกรณีนี้ อันที่จริงแล้ว ภาพยนตร์บางเรื่องของพวกคุณ ก็ได้ช่วยเตรียมความพร้อมให้กับพวกคุณเอาไว้แล้ว โดยการทำให้พวกคุณเปิดใจยอมรับถึงความหลากหลายของเผ่าพันธุ์ เปิดใจยอมรับความแตกต่างของเผ่าพันธุ์ต่างๆที่จะมาเยี่ยมพวกคุณ

    ฉันกำลังพูดถึงภาพยนตร์ที่เป็นเรื่องราวของการท่องอวกาศ ของมนุษย์โลก บนยานอวกาศนานาโลก ที่ไปติดต่อกับอารยธรรมต่างดาวต่างๆมากมาย ที่อยู่ในส่วนอื่นๆของจักรวาลนี้ แต่ว่าพี่น้องชาวโลกที่รักทั้งหลาย นั่นหนะไม่ใช่แค่นวนิยายวิทยาศาสตร์หรอกนะ เพราะว่าในไม่ช้านี้ มันจะเป็นแบบนั้นจริงๆ และไม่ใช่ว่าพวกคุณเพิ่งกำลังจะถูกเยี่ยมหรอกนะ เพราะว่าพวกคุณถูกเยี่ยมมาตั้งนานแล้ว และก็ถูกเยี่ยมมาโดยตลอดด้วย เพราะว่าพวกคุณต้องพึ่งพาความช่วยเหลือ จากอารยธรรมนอกโลกที่มาเยี่ยมพวกคุณอยู่ตลอดเวลา

    แต่ว่ายังไม่เคยมีครั้งไหนเลย ที่จะมีรูปธรรมชีวิตจากนอกโลก หลั่งไหลกันมาเยี่ยมพวกคุณจำนวนมากมายมหาศาลเหมือนในครั้งนี้ เพราะว่าในช่วงเวลานี้ พวกคุณจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือ จากพวกเรามากกว่าครั้งไหนๆ ไม่ว่าจะเป็นความช่วยเหลือด้านการปกป้องพวกคุณ ความช่วยเหลือด้านการทำความสะอาดสิ่งแวดล้อมในโลกของพวกคุณ และความช่วยเหลือด้านการให้คำแนะนำแก่พวกคุณ ตลอดกระบวนการแห่งการเลื่อนระดับขึ้น (Ascension) ของพวกคุณในครั้งนี้

    ส่วนเรื่องรูปร่างหน้าตาของพวกเรา ที่อยู่บนยานอัลฟ่าลำนี้ พวกเราก็มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกันกับมนุษย์ที่อยู่บนดาวเคราะห์ดวงอื่นๆนั่นแหละ เพราะว่าพวกเราก็มาจากดาวเคราะห์ที่มีสภาพภูมิอากาศคล้ายๆกับโลกของพวกคุณเหมือนกัน และประเด็นสุดท้าย เกี่ยวกับโครงสร้างทางกายภาพของยานอวกาศของพวกเรา มันมีความแตกต่างจากยานบินของพวกคุณเป็นอย่างมาก เพราะว่าเมื่อนักบินของพวกคุณเริ่มนำยานบินขึ้นใหม่ๆ พวกเขาจะต้องคอยจับตาดูแผงควบคุมอยู่ตลอดเวลา แทบจะละสายตาไปไม่ได้เลย

    หลังจากนั้น นักบินของพวกคุณถึงจะเริ่มใช้โหมดควบคุมการบินอัตโนมัติได้ แล้วเครื่องบินถึงจะสามารถบินไปตามเส้นทางของมันได้เอง และนักบินถึงจะมีเวลาพักบ้าง โดยไม่ต้องคอยใส่ใจอยู่กับสภาวะของการบินอยู่ตลอดเวลา แต่ยานอวกาศของพวกเรา พวกมันจะสามารถทำงานได้เองมากกว่านี้มาก สิ่งเดียวที่จำเป็นจะต้องทำก็คือ แค่ต้องตั้งกำหนดการเดินทางให้กับมัน ในช่วงที่จะเริ่มออกเดินทางเท่านั้นเอง และเพราะว่ายานอวกาศของพวกเราถูกออกแบบมา ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามากๆ

    พวกมันจึงสามารถดูแลตัวมันเองได้ตลอดการเดินทาง พวกมันมีความฉลาดรอบรู้มากๆ จนพวกเราสามารถพูดได้ว่า พวกมันถูกสร้างขึ้นมาจากสสารที่สามารถ “คิดเองได้” พวกมันสามารถแก้ปัญหาข้อขัดข้องต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางได้ด้วยตัวของพวกมันเอง พี่น้องชาวโลกที่รักทั้งหลาย พวกมันเป็น “Artificial Intelligence” อย่างหนึ่ง ที่พวกคุณยังไม่เคยรู้จัก และพวกคุณมิอาจเข้าใจได้ และมันเป็นซะยิ่งกว่าจินตนาการในนวนิยายวิทยาศาสตร์ของพวกคุณด้วยซ้ำไป

    แต่ว่าโครงสร้างของมัน การทำงานของมัน และวิธีการบำรุงรักษามัน จะถูกท่ายทอดให้กับพวกคุณโดยวิศวกรของพวกเราเมื่อได้มีการติดต่ออย่างเป็นทางการครั้งแรก (First Contact) เกิดขึ้นแล้ว ขอสวัสดีด้วยความอบอุ่นจากยานอัลฟ่า

    ด้วยรักและสันติ

    ผู้บัญชาการ Sohin

    ที่มา http://palungjit.org/threads/%E0%B8%82%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%A9%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%A7-%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A7%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2.312592/
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2012
  14. วิญญ์ ชวาทิต

    วิญญ์ ชวาทิต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    105
    ค่าพลัง:
    +490
    สุขแท้ด้วยปัญญา+สาเหตุแห่งภัยพิบัติ (พระครูเกษมธรรมทัต)

    นาทีที่ 14:00 - 18:48

    <iframe src="http://www.youtube.com/embed/frL7qjFncL4" allowfullscreen="" frameborder="0" height="360" width="640"></iframe>


    "..ชีวิตเราไม่แน่นอน ภัยมีอยู่รอบตัว เราจึงไม่ควรประมาท
    คนที่อยู่ในศีลในธรรมก็จะรอดปลอดภัย
    เพราะว่าภัยพิบัติเหล่านี้มันเกิดจากการผิดศีลในอดีต
    หรือว่าเรามีกรรม มีกรรมเป็นของของตน
    เป็นผู้ที่จะต้องเป็นทายาทรับผลแห่งกรรมที่ตนเองทำไว้
    ทำไว้อย่างไรก็จะต้องเป็นเจ้าของ
    เพราะฉะนั้นสิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นนี้มันเกิดจากกรรม ..

    ทีนี้ภัยต่างๆ ที่กำลังเผชิญกันอยู่นี้
    ที่จริงมันก็จะว่าไปแล้วมันเป็นภัยส่วนย่อย ในภัยใหญ่
    ถ้าเราสามารถแก้ภัยใหญ่ได้ ภัยส่วนย่อยเหล่านี้จะหมดไป
    แต่ถ้าเรายังแก้ภัยใหญ่ไม่ได้ เรามาแก้ภัยส่วนย่อยมันก็ย่อมเจออยู่วันยังค่ำ
    หลบภัยนี้ได้ก็เจอภัยอย่างนั้น หลบจากภัยนี้เจอภัยโน้น
    ภัยเศรษฐกิจ ภัยการเมือง ภัยสังคม ภัยธรรมชาติ อะไรต่างๆ มันเจอจนได้
    โดยเฉพาะภัยจากความแก่ ความเจ็บ ความตาย ความพลัดพรากต่างๆ

    แต่ถ้าเราแก้ปัญหาใหญ่ได้ ภัยทั้งหมดนี้จะจบสิ้น
    เราจะหมดทุกข์ เราจะเข้าถึงบรมสุขได้
    โยมว่าภัยใหญ่ของชีวิตคืออะไร ?
    ถ้าแก้ตรงนี้ได้ละก็ทุกอย่างก็จบหมด ..

    ภัยจากการเวียนว่ายตายเกิด สังสารวัฎ ..

    ถ้าเรายังเกิดอยู่เราก็ยังต้องเจอแบบญี่ปุ่นนี้ คือเราทำกรรมไว้ต่างๆ
    บางทีก็ตายเพราะไฟ บางทีก็ตายเพราะลม บางทีก็ตายเพราะอาวุธ
    บางทีก็ตายเพราะป่วยตาย แต่ที่แน่ๆ ก็คือต้องตาย
    เกิดทุกครั้งก็ต้องตายทุกครั้ง
    ทีนี้ถ้าจะถามว่าคนตายกับคนเกิดอันไหนมากกว่ากัน ? ..

    เท่ากัน นะ เกิดเท่าไร ก็ตายเท่านั้น เกิดมาทุกครั้งตายทุกครั้ง
    เพราะฉะนั้นปัญหาใหญ่เรา ถ้าจะแก้ได้ก็ต้องพ้นจากสังสารวัฎ
    พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
    แล้วเราจะพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดได้อย่างไร เราก็ต้องไปแก้ที่เหตุ..ฯ"


    พระครูเกษมธรรมทัต
    ((หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรํสี วัดมเหยงคณ์ พระนครศรีอยุธยา)
    "สุขแท้ด้วยปัญญา"
    จัดโดยคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
    ณ หอธรรมทัศน์ ตึกสงฆ์ ชั้น 5 โรงพยาบาล มหาราชนครเชียงใหม่
    วันพฤหัสที่ 17 มีนาคม 2554 เวลา 13.00น.-16.00น.
    โพสท์ใน Youtube โดยคุณ saratamlanna
     
  15. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    เชิญรับชมรายการถ่ายทอดสด
    จิตจักรวาลสัญจร ในโครงการ “ รักเพื่อรัก ” ครั้งที่ 9
    ณ ห้างสรรพสินค้าซิตี้มอลล์ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี
    ระหว่างวันที่ 21 - 23 กันยายน 2555

    วันนี้ประมาณหนึ่งทุ่ม อจ.จะนำภาพที่ถ่ายพระอาทิตย์ทรงกลดที่อุบลฯ
    และติดยานของรูปธรรมชั้นสูง ถ่ายโดยผู้ไปร่วมงาน รักเพื่อรัก :cool:
    หลายกล้องเลย
    ล่ะ เพื่อยืนยันภาระกิจฟ้าโดยแท้ ด้วยจิตสำนึกรักพี่ๆน้องๆ

    TV Online การสื่อพระโอวาทจากองค์จิตจักรวาล
     
  16. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ขายสมบัติ ช่วยเหลือคนจรจัดในจีนนานกว่า 7 ปี </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=middle></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    เศรษฐีอังกฤษใจพระ ขายสมบัติทุกอย่าง เข้าช่วยเหลือคนจรจัดในจีนนานกว่า 7 ปี

    โทนี่ หนุ่มใหญ่ชาวอังกฤษวัย 46 ปี ขายสมบัติทุกอย่างที่เขาครอบครองเพื่อช่วยเหลือคนจรจัดในประเทศจีนนานกว่า 7 ปี


    โทนีอดีตเป็นวิศวกรอิเล็กทรอนิคส์ของกองทัพเรือในสหราชอาณาจักร หลังจากที่เขาลาออกจาทหารเขาเปิดบริษัท 3 แห่ง เป็นเจ้าของคฤหาสน์หรู รถสปอร์ต 2 คัน เมื่อปี 2002 จู่ๆ โทนี่พูดขึ้นว่าเขาเบื่อหน่ายชีวิตที่วุ่นวาย จึงตัดสินใจขายสมบัติทั้งหมด ไม่ว่าบ้าน รถ แม้แต่บริษัททั้ง 3 แห่ง และออกจากอังกฤษเพื่อออกท่องเที่ยวรอบโลก

    ปี 2005 โทนี่ตั้ง "ครัวน้ำซุปสีเหลือง" ขึ้นในซีอาน "ครัวน้ำซุปสีเหลือง" มีสองจุดประสงค์ คือ ต้องการช่วยเหลือผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือ และ เป็นสื่อกลางสำหรับผู้ต้องการจะช่วยเหลือคนด้อยโอกาส จากเริ่มต้นขนมปังยัดไส้สัปดาห์ละครั้ง และเริ่มมากขึ้นเป็น 3 ครั้งต่อสัปดาห์ บางคนบอกกับเขาว่า "คุณไม่ควรช่วยเหลือคนพวกนี้ (คนจรจัด) เพราะพวกนี้มีบ้านและรถในบ้านเกิด" และโทนีก็ตอบกลับให้แก่คนเหล่านั้นว่า "เราไม่สามารถตัดสินได้ว่าคนจรจัดเหล่านั้นเขาจะเป็นคนจรจัดจริงหรือไม่ แต่เชื่อว่าส่วนใหญ่เป็นคนจรจัดจริง และการที่เราช่วยเหลือเขาทำให้เรารู้สึกว่าชีวิตเรามีคุณค่า" โทนีใช้สำนวนจีนในความหมายว่า "จงอย่ามองโลกในแง่ลบ"


    บางคนบอกว่าทำไมไม่ส่งเสริมคนจรจัดให้ทำงาน โทนี่ไม่เห็นด้วย และแย้งต่อว่า "ความสามารถ และสมถภาพของแต่ละคนไม่เหมือนกัน คนแก่ คนพิการ คนมีปัญหาทางจิต พวกเขาไม่มีทางเลือก หน้าที่เราคือให้บริการแก่พวกเขา"



    คนจรจัดเขาจะมีความรู้สึกว่าเขาไม่ได้รับความปลอดภัยอยู่แล้ว เมื่ออาสาสมัครเข้าใกล้ครั้งแรก จะไม่ซักไซ้ป้อนคำถามแก่พวกเขา เช่น ทำไมต้องไปขอทาน ทำไมไม่ทำงาน เพราะเราต้องเคารพสิทธิส่วนบุคคล เขามีสิทธิืตัดสินความเป็นอยู่ของตัวเอง ปัจจุบันบริการของโทนีขยายไปถึง บริการตัดผม อาบน้ำ ให้เสื้อผ้า ผ้าห่ม

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 336px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: inline-table; HEIGHT: 280px; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px"><INS style="BORDER-BOTTOM: medium none; POSITION: relative; BORDER-LEFT: medium none; PADDING-BOTTOM: 0px; MARGIN: 0px; PADDING-LEFT: 0px; WIDTH: 336px; PADDING-RIGHT: 0px; DISPLAY: block; HEIGHT: 280px; VISIBILITY: visible; BORDER-TOP: medium none; BORDER-RIGHT: medium none; PADDING-TOP: 0px" id=aswift_1_anchor><IFRAME style="POSITION: absolute; TOP: 0px; LEFT: 0px" id=aswift_1 height=280 marginHeight=0 frameBorder=0 width=336 allowTransparency name=aswift_1 marginWidth=0 scrolling=no></IFRAME></INS></INS></CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  17. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD>จีนประกาศจะไม่ยอมให้ญี่ปุ่นรังแกแบบอดีต </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน แสดงจุดยืนปัญหาหมู่เกาะพิพาทกับญี่ปุ่น โดยประกาศจะไม่ยอมให้ญี่ปุ่น รังแกแบบในอดีต

    นายหง เล่ย โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ออกมาแสดงจุดยืนเกี่ยวกับเกาะเตียวหยู อีกครั้งในวันนี้ โดยยืนยันว่า เกาะเป็นของจีนมาแต่โบราณ และบอกว่า จีน ไม่ใช่ประเทศที่จะสามารถรังแกได้เหมือนแต่ก่อนอีกต่อไป
    ด้าน พล.อ.เหลียง กวง หลี่ รัฐมนตรีกลาโหมจีน กล่าวระหว่างแถลงข่าวหลังการหารือกับ ลีออน พาเน็ตต้า รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ว่า จีนจะจับตาสถานการณ์เกี่ยวกับข้อพิพาท รวมทั้งสงวนสิทธิ์ในมาตรการขั้นต่อไป แต่หวังจะแก้ไขข้อพิพาทได้โดยสันติ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=0 width=670 bgColor=#ffffff><TBODY><TR bgColor=#ffcae3><TD> ประท้วงเผาธงชาติสหรัฐหน้าสถานทูต </TD></TR><TR><TD></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=center><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width=668><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=center></TD></TR></TBODY></TABLE>ชาวมุสลิมจากทั่วประเทศประท้วงหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกา เผาธงชาติประท้วงหนังดัง

    เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้( 18 ก.ย.) กลุ่มผู้ชุมนุมชาวมุสลิมกว่า 500 คน เดินทางมาชุมนุมบริเวณหน้าสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย เพื่อประท้วง หลังเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ถึงภาพยนตร์เรื่อง “Innocence of Muslims” ไปทั่วโลก ซึ่งสาระสำคัญของการชุมนุมครั้งนี้อยู่ที่การเรียกร้องให้ประเทศสหรัฐอเมริกาที่ผู้ชุมนุมอ้างว่าเป็นผู้ให้การสนับสนุนในการสร้างหนังออกมารับผิดชอบ โดยนำตัว นายแซม บาร์ไซล์ ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวออกมาขอโทษชาวมุสลิมและดำเนินการยับยั้งการทำหนังในลักษณะนี้ไม่ให้มีออกมาสู่สาธารณะอีก ทั้งนี้กลุ่มผู้ชุมนุมได้เผาธงชาติสหรัฐอเมริกา และธงชาติอิสราเอล ก่อนจะเดินทางกลับ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  18. bluejet

    bluejet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +2,181
  19. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,860
    ไม่ต้องห่วงหรอก ครับ

    เดี๋ยวที่ว่าละลายหายไปนั้น ก็มาตกแถวบ้านเรานี่แหละ
    ไม่งั้นก็เฉลี่ยกันไป ท่วมทั่วถึง

    สังเกตให้ดีปีนี้ฝนมาแปลกกว่าเคย
    ตกเป็นหย่อมๆ ที่ที่ แต่ตกแล้วท่วมเลย
    อย่างเช่นที่ ปราจีนบุรีและสระแก้ว พื้นที่แบบนั้นไม่น่าจะท่วมได้ก็ท่วม ครับ

    ปีนี้น้ำเหนือไม่ค่อยน่ากลัว แต่น้ำที่มาจากทิศใต้แบบไม่บอกกล่าว นี่สิ
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เงินจะไร้ค่าและทองคำจะแพงถึงบาทละห้าหมื่นจริงหรือ?

    [​IMG]


    kesinee

    จากข่าวทางทีวี แว่วว่าทองคำอาจขึ้นไปถึง บาทละห้าหมื่น คุณว่าจะเป็นไปได้ไหม แล้วถ้าเป็นไปได้ คิดว่าใช้เวลากี่ปี?

    Big B

    จริง ครับ เพราะ ค่าของทองเพิ่มขึ้น แต่ค่าเงินเล็กลงทุกวัน นอกจากจะมีวิกฤติพิเศษ ที่ทำให้ประเทศไทย กลายเป็นมหาอำนาจทางการเงิน แล้วเงินบาทมีค่ามากกว่าปัจจุบัน (ทองคำซื้อขาย กันเป็น USD) หรือมีค่ามากกว่า USD ทองคำก็จะราคาไม่แพงแน่นอน

    ถามว่าเมื่อไรจะแพงถึง 50,000 อันนี้มันมีปัจจัยเยอะมาก ทั้ง ค่าความนิยม /ค่าเงิน / สินค้าทดแทน/ แต่ถ้าทุกอย่างไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือดำเนินไปตามโมเมนตั้ม ของโลกตอนนี้ ทองคำอาจถึง 30,000 และทะลุไป 40,000 ได้ไม่ยาก เพราะ ตอนนี้กองทุนการเงินขนาดยักษ์ของฝรั่ง กำลังงุ่นง่าน จากการที่ไม่ทีสินค้าสำหรับเก็งกำไร ก็โดดมาเล่นทองเอาจนตลาดทองป่วนไป พาคนเล่นโกล์ดฟิวเจอร์ ขาดทุนไปตามๆกัน (ทุบตลาดกันรายสัปดาห์)
    **สรุปว่า **จริง และอีกไม่นานครับ

    ชายชาติ

    จริงครับ จะช้าหรือเ็ร็ว คงขึ้นอยู่กับอัตราการพิมพ์ธนบัตรของแต่ละประเทศโดยเฉพาะสหรัฐ ว่าจะพิมพ์กันอย่างไม่อั้นรวดเร็วแค่ไหนเท่านั้น

    ตามปกติในเวลาที่รัฐบาลใดมีรายได้น้อยกว่ารายจ่าย ก็แก้ด้วยวิธีพิมพ์แบ๊งค์ออกมาใช้เพิ่มได้ (ซึ่งเป็นเศษกระดาษชิ้นหนึ่งที่รัฐบาลรับรองว่าจะใช้หนี้คืนให้เท่านั้น) ถ้าพิมพ์ขึ้นมาอย่างอุดตลุดเหมือนเงินกีบในประเทศลาวเดียวนี้ หรือเงินมาร์คของเยอรมัน หรือเิงินเยนของญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่สองใหม่ๆ (ที่พิมพ์ขึ้นมาเพื่อใช้หนี้สงครามกัน) จะไปแลกเงินกับประเทศอื่นๆ เขาก็ไม่ต้องการธนบัตร (กระดาษสััญญาที่จะใช้หนี้) ของประเทศเหล่านั้น เขาต้องการเงิน ดอลล่าร์ของสหรัฐ เพราะเป็นเงินที่แพร่หลาย เป็นเงินตราหลักของการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศอยู่ทั่วโลก

    แต่เงินตราสหรัฐก็เป็นเพียงกระดาษชิ้นหนึ่งเช่นเดียวกัน ถ้าสหรัฐพิมพ์ธนบัตรขึ้นมาใช้มากกว่าที่เคยทำอยู่เมื่อก่อน เพราะมีรายจ่ายสูงกว่ารายรับอย่างต่อเนื่องมาหลายสิบปีุ เิงินตราก็มีค่าน้อยลง จะซื้อทองได้น้อยลง คือต้องซื้อทองด้วยจำนวนดอลล่าร์มากขึ้น

    ราคาทองจะสูงขึ้นไปเท่าไหร่ และเร็วมากน้อยเท่าใหร่ ก็ขึ้นอยู่กับรายรับรายจ่ายของสหรัฐว่า มีหนี้สินเพิ่มขึ้นมากน้อยเท่าใด ซึ่งถ้ารัฐสภาไม่ออกกฏหมายกำหนดเพดานหนี้สินของประเทศ ก็จะมีแนวโน้มที่จะต้องพิมพ์แบ๊งค์มากขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้ค่าเงินเล็กลง ทำให้ราคาทองสูงขึ้น ทุกๆประเทศที่ต้องการขายสินค้าขาออกระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น ก็อยากให้ค่าเงินของตนเล็กลง เพื่อทำให้สินค้าของเขาขาออกถูกลง แต่ราคาสินค้าขาเข้าแพงขึ้นไปในขณะเดียวกัน เป็นการแก้ไขปัญหาการค้าที่ไม่สมดุลระหว่างประเทศให้สมดุลมากขึ้น โดยไม่ต้องเจรจากันให้เสียน้ำลาย เพราะฉะนั้น ราคาทองจะขึ้นสักเท่าไรก็ช่างมัน ประเทศเราอยู่รอด เศรษฐกิจดีก็แล้วกัน ครับผม

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กันยายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...