ร่วมสร้างห้องสมุดธรรมะ ณ. หอพระมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต

ในห้อง 'ธรรมทาน - วิทยาทาน' ตั้งกระทู้โดย kong_sorakrit, 28 มกราคม 2007.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    ยังเปิดรับบริจาคอยู่ครับ
    โครงการยังดำเนินต่อไป
    ผมจะพยายามรวบรวมสื่อธรรมะ
    ทุกประเภท-ทุกสาย-ทุกชนิด
    เพื่อที่ว่าจะเปิดโอกาสให้นักศึกษาหรือผู้ที่ยังต้องศึกษา
    เค้ากล่าวไม่ได้ว่า
    ไม่มีธรรมะที่ถูกจริตกับเรา
    สื่อธรรมะไม่ใช่แบบที่จริตเราต้องการศึกษา

    ผมรวบรวมมาทุกประเภทจากสายธารศรัทธาและเมตตาของกัลยาณมิตร
    ญาติธรรมทั้งหลายเอาชนิดที่ว่าสร้างโอกาส
    บรรลุธรรมได้อย่างเต็มที่ครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. queenie

    queenie เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    257
    ค่าพลัง:
    +4,427
    ขออนุโมทนากับทุกท่านที่ได้ร่วมโครงการนี้นะคะ ขอความเจริญในธรรมจงมีแด่ทุกท่านค่ะ เข้ามาดูแล้วก็รู้สึกปิติยินดีกับท่านผู้เจริญทุกท่านจริงๆ ถ้ามีโอกาส ดิฉันจะจัดทำ copy ต่างๆ ที่ดิฉันได้มาจากเว็บไซต์ต่างไปมอบให้นะคะ เพราะส่วนใหญ่ดิฉันมักจะให้พระตามวัดต่างๆ ไว้หมด เพื่อให้ญาติโยมที่มาปฏิบัติได้อ่านกัน ก็เลยไม่ค่อยจะมีเหลือ ต้องรอ copy ใหม่ค่ะ
     
  3. onlyone

    onlyone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +4,569
    ถ้ายังรับอยู่เด๋วจะส่งของพระอาจารย์ท่านอื่นไปอีกค่ะ ช่วงนี้ตุนไว้เยอะ (จะได้ไร้ท์แจก) อิอิ
     
  4. onlyone

    onlyone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +4,569
    ร่วมสร้างห้องสมุดธรรมะ ณ หอพระมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต

    รวบรวมซีดีให้ 5 แผ่นดังนี้
    1.พระอานนท์
    2.กามนิต-วาสิฏฐี
    3.ความรัก-ความร้าย, ไฟไหนเล่าร้อนเท่าไฟนรก
    4.ทศชาติชาดก
    5.พระในบ้าน โดย หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ

    จะดำเนินการส่งให้ค่ะ

    (bb-flower เจริญในธรรมค่ะ
     
  5. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    ขออนุโมทนาสาธุในบุญกุศลของทุกท่านด้วยนะครับ

    ผมได้รับสื่อธรรมะจาก

    คุณปิยมงคล โชติกเสถียร เป็น
    1.CD ธรรมะ 2 แผ่น คือ
    -หลวงพ่อชาบรรยายธรรมและตอบปัญหาแก่คณะศาสตราจารย์สัญญา ธรรมศักดิ์
    - พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช เรื่อง การปฏิบัติ
    2.หนังสือธรรมะ 2 เล่ม
    - แค่ดูก็รู้แจ้ง ผู้แต่ง สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา
    -เหมือนกับใจคล้ายกับจิต โดย หลวงปู่ชา สุภทฺโท

    [​IMG]

    คุณอมรรัตน์ กอกุลจันทร์
    หนังสือธรรมะ 1 เล่ม
    - เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ โดย สมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)


    [​IMG]

    คุณจิรวุฒิ หงสกุล
    หนังสือธรรมะ 1 เล่ม
    - วิมุตติมรรค โดย พระอาจารย์ปราโมทย์ ปาโมชฺโช

    [​IMG]

    คุณอนิรุทธ์ เยาวสุด
    หนังสือธรรมะ 1 เล่ม
    - ก้าวไปในบุญ โดย พระพรหมคุรากรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต)

    [​IMG]

    พล.ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์ มูลนิธิพระดาษส
    1.หนังสือธรรมะ 1 เล่ม
    - มงคล 38 ประการ ผู้เรียบเรียง จารุณี ไชยชาญ
    2.CD ธรรมะ 3 แผ่น เรื่อง มงคล 38 ประการ บรรยายโดย พระมหาสมปอง มุทิโต

    [​IMG]

    คุณชยานนท์ เสริฐธิกุล
    หนังสือสวดมนต์ ยอดพระกัณฑ์ไตรปิฏก พระคาถาชินบัญชร พระคาถาอาการะวัตตาสูตร จำนวน 1 เล่ม

    [​IMG]

    ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม
    หนังสือธรรมะ 1 เล่ม
    - ชีวิตนี้น้อยนัก โดย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด้จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก

    [​IMG]

    สาธุ สาธุ สาธุ
    ขออนุโมทนาสาธุในบุญกุศลธรรมทานในครั้งนี้กับทุกท่านด้วยนะครับ
    ขึ้นชื่อว่าให้ธรรมทานเป็นการให้อมตะธรรม คือ
    ให้ข้าวให้น้ำที่อยู่อาศัยปัจจัยเงินทอง ก็ช่วยเขาไปได้ในอัตภาพหนึ่งชาติหนึ่งเท่านั้น
    แต่การให้ธรรมเป็นการให้ทางพ้นทุกข์ให้นิพพานแก่เขา ธรรมนี้ล่ะที่จะคอยช่วยเกื้อกูลเขาไปทุกภพทุกชาติให้ประสพกับ ความดี ความไม่ลำบาก ความสุข สติ สมาธิ ปัญญา และสุดท้ายเขาก็จะได้มรรค ผล และนิพพานก็ด้วยธรรมนี้ล่ะ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0229-1.jpg
      IMG_0229-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      34.2 KB
      เปิดดู:
      885
    • IMG_0224-1.jpg
      IMG_0224-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      28.9 KB
      เปิดดู:
      596
    • IMG_0230-1.jpg
      IMG_0230-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      30 KB
      เปิดดู:
      627
    • IMG_0228-1.jpg
      IMG_0228-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.7 KB
      เปิดดู:
      576
    • IMG_0226-1.jpg
      IMG_0226-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      23.8 KB
      เปิดดู:
      716
    • IMG_0233-1.jpg
      IMG_0233-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      61.1 KB
      เปิดดู:
      571
    • IMG_0225-1.jpg
      IMG_0225-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.6 KB
      เปิดดู:
      508
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2007
  6. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    ขออนุโมทนาสาธุครับ

    ได้รับ CD ธรรมะของคุณพี่ วราภรณ์แล้วนะครับ

    ขออนุโมทนาสาธุครับ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0223-1.jpg
      IMG_0223-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35.1 KB
      เปิดดู:
      473
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2007
  7. lotte

    lotte เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    725
    ค่าพลัง:
    +4,545
    ขอเรียนเรื่องกระดาษหน้าเดียวใช้แล้วมีเป็นพันล้านแผ่นครับแต่ต้องเอารถมาบรรทุกเองขอฟรีที่โรงพิมพ์เลี่ยงเชียงโทร 028729898หรือจ้างเลี่ยงเชียงทำหนังสือก็ได้เพราะสเปคราคากระดาษถูกสุดในโลกเพราะเขาแจกหนังสือธรรมะฟรี99ล้านเล่มฟรี หรือโทรที่บริษัทโลกทิพย์อาจารย์คะนองมีกระดาษหน้าเดียวเพียบโทร 0818997535 เพียบครับถ้าง่ายๆติดต่อให้เขาพิมพ์หนังสือธรรมที่ต้องการได้ที่กระทรวงศึกษาธิการดีกว่าครับได้มาเป็น ล้านเล่มครับที่โรงพิมพ์คุรุสภาสอบถามหมายเลขจาก 1133หรือติดต่อผ่าน1111กด2 ทำหนังสือราชการไปที่ทำเนียบรัฐบาล เขตดุสิต กทม เพราะ1111สังกัดอยู่ทำเนียบรัฐบาลครับ

    ขอเรียนเรื่องวิธีหาเงินเข้าบริษัท ของท่านสามารถทำนสพ สรุปข่าวเหตุบ้านการเมืองประจำเดือนมีภาพนูนต่ำองค์จตุคามหมื่นภาพให้ตัดในหน้าแรกนสพ ได้ อาจขายฉบับละ99บาทหรือแจกองค์จตุคามเมื่อสมัครสมาชิกรายปีนสพของท่าน
    ให้วัดท่านร่วมมือกับวัดต่างๆของบจากกรมการศาสนาหรือสำนักพุทธ หรือกองสลากได้ครับหรือของบจากกระทรวงศึกษาก็ได้ครับ หรือทางวัดสร้างองค์จตุคามพระผงสัก9ล้านองค์ละ900บาทรุ่นอมตะรวยทุกชาติ ผสมพระบรมสารีิริกธาตุ พุทธคุณ108จบสวด9999ชั่วโมงพระสวดสัก999รูปรุ่นสุดยอดอมตะมหาโครตเศรษฐีทุกชาติ แจกซองตามบริษัททุก เขตกทม โดยเอาสมุดโทรศัพท์หน้าเหลืองของจังหวัดท่านก็ได้ครับ รับรองได้พันล้านครับ
    ขออนุญาติเรียนให้ท่านพิจารณา มีบริษัทแจกปูนสีเหล็กฟรีแก่วัดที่มีสิ่งก่อสร้างต่างๆไม่ว่าจะโบสถ์ พระประธานเจดีย์ฯลฯแจกหนังสือธรรมะฟรี104ล้านเล่ม

    มีบริษัทที่รวยอันดับสองของไทยรวย8แสนล้านผลิตเหล็ก ชือบริษัทสหวิริยา สตีล อินดัสตรีอยู่กทม ครับแจกเหล็ก หรือขายเหล็กถูกสุดในโลก ถ้าขอท่านต้องแนบแบบแปลนเจดีย์ และระบุเอาเหล็กเบอรไหนกี่เส้น โทร 022383063-64
    บริษัททีพีไอ แจกปูนครับอยู่เขตสาธร ถนนจันตัดใหม่ กทม จ่าหน้าถึงคุณศิลปิน บูรณะศิลปิน โทร 022131039 ครับให้วัดทำเรื่องแนบแบบแปลนของบที่สำนักพุทธหรือกรมการศาสนาหรือกองสลากได้กระทรวงวัฒนธรรม
    ส่วนแจกสีฟรีโดยบริษัททีโอเอ ถนนบางนาตราดกม 23 อำเภอ บางเสาธง สมุทรปราการ แจกสีฟรีทั่ววัดทั่วไทย แนบแปลนสิ่งก่อสร้างระบุเอาสีไร กี่ป๋อง โทรถึงคุณนพพร จันฉิม 0867567863 ครับ
    หรือทางวัดนำสมุดหน้าเหลืองจังหวัดของท่านเพื่อนำเอาที่อยู่บริษัทในอำเภอเมืองจังหวัดท่านมาสัก10000 ที่ซองให้พระผงองค์จตุข้างหลังเป็นองค์ปฐมต้น เอาซองบุญบอกเขาที่ละ100 ซองก็ได้เป็นหลายร้อยล้านครับ สาธุ
    โรงพิมพ์เลี่ยงเชียง แจกหนังสือธรรมะฟรี 99 ล้านเล่ม 028729898
    บริษัทเวิล คลาสไลฟ แจกหนังสือธรรมะฟรี 5 ล้านเล่ม ซอยโชติวัฒน์69 ถนนประชาชื่น แขวงเขตประชาชื่น 029132888-887-886
    บริษัทฟิสิก ซัพพลายแจกพระประธานฟรีไม่อั้นโทร 022544454 ขอสายหมอประกิตเผ่า ประกิตพันธ์ ทมทิตชงค์ หรือของบสร้างสิ่งต่างๆในวัดสร้างโรงพยาบาลฯลฯได้ที่ โทรสายด่วนทำเนียบรัฐบาล 1111 แล้วกด 2 แจ้งความประสงค์ทำหนังสือราชการไป หรือเข้าไปที่www.parliament.go.th www.thaigov.go.th www.1111.go.th
    สาธุครับสามารส่งเมล์ครั้งละ15ล้านเมล์ได้ส่งแฟกซ์ปริ๊นงานได้ถ่ายเอกสารในเครื่องโทรศัพทบ้าน ซึ่งต้องโหลดโปรแกรมส่งเมลครั้งละ15ล้านเมลเสียแผ่น399บาทครับ หรือโทรทั่วโลกทุกนาทีละ3บาททั่วโลกถูกสุดในโลกโดยรัฐบาลชั่วโมงเนตเหมาจ่ายต่อเครื่องทั่วโลกเดือนละ800บาท ฟรีสามารถส่งเมล15ล้านเมลได้ หรือทางหน่วยงานของรัฐน่าจะซื้อไม้จากลาวมาทำกระดาษจะได้กำไรมหาศาลเพราะไม้จากลาวลงทุนหนึ่งต้น200บาทสามารถทำกระดาษได้5หมื่นแผ่นกระดาษหยาบเหมือนหนังสือพิมพ์ซึ่งติดต่อที่สถานฑูตลาวได้โดยทำนสพ ข่าวเหตุบ้านการเมืองทั่วโลกบันเทิงทั่วโลกและรุ่นพระ1000คอลเลคชั่นขององค์จตุคามแบบนูนต่ำทำด้วยทองหลายพันคอลเลคชั่นไว้บนหน้าแรกของนสพ ให้คนตัดเอาได้อาจทำขายนสพ ฉบับละ 50 บาททุกวันก็มีคนซื้อหรือเอาพระทุกรุ่นขององค์จตุมาไว้ที่นสพทุกวันเพียงแค่นี้ก็มีคนซื้อมหาศาลอาจรับดูดวงฟรีผ่านนสพ โดยอาจารย์เดชพูลศักดิ์ เจ้าของเวบไซด์www.konmeungbua.com ดูดวงฟรี ที่ปรึกษาธรรมะสอนคนหลายล้านคนในบริษัทในมาเลเซียและซีพี ซึ่งสามารถถอดจิตได้ ได้อภิญญาแม่นที่สุดในไทย เบอร์0840590180 ชื่ออาจารย์เดชพูลศักดิ์หรืออาจารย์ไก่ หรืออาจารย์หมอหยอง ได้แต่ท่านหมอหยองคิดเงินซึ่งสามารถให้ไทยดังด้านการเรื่องดูดวงได้

    รายชื่ออีเมล์10 ล้านอีเมลล์เรียงอักษรใหม่ล่าสุดแถมโปรแกรมส่งโปรแกรมดูดคัดจัดเรียง การตลาดเพียง
    รายชื่ออีเมล์ 10 ล้านอีเมลล์ เรียงอักษรใหม่ล่าสุด แถม8โปรแกรมส่ง8โปรแกรมดูดคัดจัดเรียง การตลาดเพียบ เพียง399
    081-5673347
    natthawuut@yahoo.com ท่านสามารถบอกบุญให้คนอ่านได้สิบล้านคนแบบสบายครับ
     
  8. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    จิตวิญญาณธรรมศาสตร์

    ด้วยเหตุว่าที่ผมสนับสนุนการสร้างหอสมุดธรรมะให้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
    โดยส่วนตัวผมก็มีความเห็นหนึ่งแต่เรามามองควาเห็นของท่านอื่นดูบ้างนะครับ
    ว่าทำไมเราจึงควรสนับสนุนในเรื่องนี้

    "..เวลานี้สิ่งที่น่ากลัวมากๆ ไม่ใช่อำนาจรัฐ แต่เป็นอำนาจทุนและธุรกิจที่มันครอบงำเราหมด เราขยับไม่ได้ และถ้าธรรมศาสตร์ที่เคยเป็นหัวหอกของการต่อสู้อำนาจเผด็จการทหาร มาวันนี้ธรรมศาสตร์ต้องต่อสู้กับเผด็จการทุนและธุรกิจ เพราะจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์คือการต่อสู้กับเผด็จการ"

    ผมขอเสริมว่าธรรมศาสตร์-สังคม-นักศึกษา-เยาวชน-มนุษย์ทุกคน
    ต้องต่อสู้กับกระแสกิเลสที่
    แทรกซึมหลอกลวงผสม ปลอมแปลงมากับสิ่งที่เรียกว่า
    การพัฒนาและโลกาภิวัฒ
    ทำให้สังคมเราทุกวันนี้ร้อนเป็นไฟ
    ทางแก้ไขก็คือ

    การนำศีลธรรมกลับมาให้ประเทศไทยกลับมาเป็น

    แผ่นดินธรรม แผ่นดินทอง

    เฉกเช่นครั้งอดีต
    ผมว่าสังคมเมื่อก่อนน่าชื่นชมนะครับ
    สังคมเมื่อก่อนมี
    -การลงแขกเกี่ยวข้าว
    -ตั้งน้ำไว้นหน้าบ้านให้คนเดินทาง

    แต่สมัยนี้
    -เกี่ยวข้าว ค่าแรงวันละ 200 บาท
    -น้ำขวดละ 5 บาท หากมีน้ำแข็งก็เพิ่มอีกบาท

    โถอนิจา นี้หรือที่เราเรียกว่าการพัฒนา

    กระทู้ที่เกี่ยวข้อง
    นี้หรือที่เขาเรียกว่า"พัฒนาและทันสมัย
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=91290
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2007
  9. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    มาต่อกับความเห็นของท่านอื่นที่เขามองมาในสังคมนี้นะครับ

    เนื้อเรื่อง
    ระยะเวลาประมาณสิบปีที่ผ่านมา มีการขยายตัวทางการศึกษาอย่างรวดเร็วมาก มีการเปิดสาขาวิชาในสถาบันราชภัฏถึงระดับปริญญาตรีและกำลังขยายไปสู่ปริญญาโท ยังมีเรื่องการผลักดันมหาวิทยาลัยออกนอกระบบ มีเรื่องของความเห็นพ้องต้องกันหรือจะเรียกว่าฉันทามติของสังคมไทยซึ่งอาจจะเป็นครั้งแรกก็ว่าได้ ที่เห็นความสำคัญของการศึกษาด้วยการเรียกร้องและผลักดันให้มีการปฏิรูปการศึกษาและอย่างอื่นอีกมากมาย

    จะเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจหรือเพื่อแก้อะไรก็ตามแต่ ฉะนั้นผมเห็นว่า เรื่องของธรรมศาสตร์นั้น เราไม่ควรจะติดอยู่เพียงเรื่องของจิตวัญญาณที่ศักดิ์สิทธิ์เพียงอย่างเดียว ผมคิดว่าเป็นช่วงที่เหมาะที่พวกเราทุกคนจะหันกลับมาทบทวนในด้านอุดมการณ์ของการอุดมศึกษาให้ดีๆ และในอุดมการณ์การศึกษาที่เราจะต้องทบทวนอย่างมากนั้น ผมคิดว่าตัวหลักการสำคัญมันอยู่ในสิ่งที่ผมอยากจะเรียกว่า "จิตวิญญาณของธรรมศาสตร์" ถึงแม้จะชื่อว่าธรรมศาสตร์ก็ตามแต่ แต่คิดว่ามันน่าจะใช้กับอุดมศึกษาของประเทศเราทั้งหมดได้

    มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นมหาวิทยาลัยเดียวในประเทศไทยที่ไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อผลิตคนไปป้อนระบบราชการหรือป้อนบริษัทธุรกิจเอกชน กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือว่า มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นมหาวิทยาลัยเดียวในประเทศไทยที่ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อตอบสนองต่อตลาดงานจ้าง คือคิดถึงสิ่งอื่น ไม่ได้คิดถึงตลาดเป็นหลัก
    ในเรื่องนี้ ฯพณฯ รัฐบุรุษอาวุโส พูดชัดเจนไว้ในการก่อตั้งมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง ท่านบอกว่า มหาวิทยาลัยย่อมอุปมาประดุจบ่อน้ำ บำบัดความกระหายของราษฎร
    ผู้สมัครแสวงหาความรู้อันเป็นสิทธิและโอกาสที่เขาควรมีควรได้ตามหลักแห่งเสรีภาพในการศึกษา
    ผมอยากจะย้ำว่า ท่านพูดถึงการแสวงหาความรู้ว่ามันเป็นสิทธิและโอกาสที่ควรมีควรได้ และเราลองย้อนนึกกลับไปที่การตั้งมหาวิทยาลัยอื่นๆ ทั้งหมดในประเทศไทย มีใครพูดถึงสิทธิ พูดถึงการแสวงหาความรู้ว่าเป็นสิทธิอันควรมีควรได้บ้าง แต่หลายมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำไปในคำปรารภในการเปิดมหาวิทยาลัย พูดถึงการศึกษาตามอัตภาพ คือหมายความว่า อัตภาพของคุณควรมีการศึกษาเท่าไรก็เท่านั้น แต่ที่นี่เป็นมหาวิทยาลัยแห่งเดียวในประเทศไทยที่พูดถึงการศึกษา พูดถึงการแสวงหาความรู้ว่า เป็นสิทธิอันควรมีควรได้ พูดถึงเรื่องของการศึกษาว่ามีหลักการของเสรีภาพทางการศึกษา
    ผมคิดว่าเราไม่พบอุดมคติแบบนี้ในจุดมุ่งหมายการก่อตั้งมหาวิทยาลัยของไทยที่ใดเลย ถามว่าหลักการอันนี้ยังใช้ได้อยู่หรือไม่ สำหรับผมเอง ผมคิดว่า ยังใช้ได้ และควรจะต้องใช้อย่างยิ่ง มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะประเทศไทยเดินเข้ามาอยู่ในทาง 2 แพร่งที่สำคัญ ถ้าคุณไม่ใช้สิ่งที่ผมเรียกว่าจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ มองการแสวงหาความรู้ว่าเป็นสิทธิ เป็นเสรีภาพที่ทุกคนควรมี แต่คิดว่าการศึกษาเป็นแต่เพียงการสร้างคนสร้างความรู้ไปตอบสนองธุรกิจและรัฐแต่เพียงอย่างเดียวแล้ว ผมคิดว่าอนาคตประเทศไทยจะเดินไปอีกทาง
    การเอาการศึกษาไปเชื่อมต่อกับตลาดนั้นผมว่ามันมีอันตราย เพราะการจัดการศึกษาโดยการเอาตลาดเป็นตัวนำ ถ้าตลาดมันไม่พัฒนา เช่น อุตสาหกรรมไทยเป็นอุตสาหกรรมสำหรับที่จะซื้อเทคโนโลยี ซื้อแม้กระทั่งวัตถุดิบ แล้วเอาแรงงานราคาถูกยัดลงไปในเครื่องจักรเพื่อผลิตออกไปขายถูกๆ ในตลาดอเมริกาหรือตลาดอะไรก็ตามแต่ ถ้าสภาพของตลาดมันเป็นอย่างนี้ ถามว่าเราต้องการมหาวิทยาลัยที่มีคุณภาพไปทำไม ไม่จำเป็นเลย
     
  10. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    เราผลิตวิศวกรเพื่อสามารถไปอ่านคู่มือของเครื่องจักร รู้ว่าจะกดปุ่มตรงไหนได้ก็พอแล้วใช่ไหม เพราะตลาดงานจ้างไม่ต้องการความรู้ของวิศวกรมากไปกว่านี้ เหตุดังนั้นตลอดเวลาที่ผ่านมา เราจึงมีวิศวกรแคทตาล็อก มีสถาปนิกก๊อปปี้ แม้แต่จิตรกรก็วาดก๊อกปี้เหมือนกัน คือไม่ต้องคิดไม่ต้องทำอะไร เพราะตัวตลาดจ้างงานมันไม่ต้องการความรู้มากไปกว่าแคตตาล็อคและก๊อปปี้
    เพราะฉะนั้นการเอาการศึกษาไปผูกไว้กับตลาดการจ้างงานมันจึงอันตรายจริงๆ ไม่เท่านั้น ตัวตลาดงานก็ไม่มีโอกาสจะพัฒนาขึ้น จะมีแต่อาเสี่ยซื้อเครื่องจักรมาปั๊มของไปขายในราคาถูกๆเท่านั้นเอง ความสามารถที่จะพัฒนาตัวตลาดก็ไม่มี เพราะบัณฑิตที่ผลิตออกไปนั้น ผลิตเพียงเพื่อจะไปกดปุ่มเครื่องจักรที่เราเอามาจากเมืองนอก ฉะนั้น ตัวการศึกษาก็ตกต่ำลง ตัวงานในตลาดก็ไม่มีทางที่จะพัฒนาขึ้นได้
    และบัดนี้ความสามารถในการแข่งขันอย่างที่ว่ามันหมดไปแล้ว ถึงได้เริ่มหันกลับมาบอกว่า เราไม่ต้องการวิศวกรแบบนี้ เราไม่ต้องการสถาปนิกแบบนี้ เราต้องการคนที่คิดเป็น เราต้องการอย่างนั้นอย่างนี้ขึ้นมา เพราะรู้อยู่ว่า ตลาดงานจ้างที่มีคุณภาพต่ำแบบนี้ ไม่สามารถไปแข่งขันกับใครในตลาดโลกได้แล้ว เพราะประเทศที่เขาสามารถมีแรงงานต่ำกว่าเรานั้นมีเยอะแยะไปในเอเชีย
    แต่หลักการของธรรมศาสตร์นั้นตรงกันข้าม หลักการของจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ไม่ได้เอางานจ้างเป็นตัวตั้ง แต่เอาความกระหายใคร่รู้ของประชาชนเป็นตัวตั้ง เอาความกระหายใคร่รู้มาถือว่าเป็นสิทธิและเสรีภาพของคนที่สังคมที่เจริญแล้วต้องเคารพ มันจึงเป็นคนละเรื่องกันเลย มันจะมีความแตกต่างทางด้านการศึกษาอีกมาก ระหว่างมหาวิทยาลัยหรือการจัดการอุดมศึกษาที่เอาความกระหายใคร่รู้เป็นตัวตั้งแทนที่จะเอาตลาดงานเป็นตัวตั้ง เพราะในที่สุด ถ้าเปรียบกับประเทศอื่นๆในโลกนี้ที่พัฒนาทางด้านอุดมศึกษามาไกลกว่าเราก็จะพบว่า เขาไม่ได้ให้งานเป็นผู้สร้างบัณฑิต แต่เขาให้บัณฑิตเป็นผู้สร้างงาน
    ผมอยากจะพูดด้วยว่า ตลอดเวลาหลายสิบปีหรืออาจจะเป็นศตวรรษแล้วก็ว่าได้ ชนชั้นนำไทยโดยส่วนใหญ่ ค่อนข้างกลัวคนมีความรู้มากๆ เพราะถ้าคนมีความรู้มากๆ อาจทำให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวายในทางสังคมการเมืองขึ้นได้ ชนชั้นนำไทยจึงพยายามอย่างยิ่งที่จะทำให้คนที่มีการศึกษามีพอๆ กับความสามารถจ้างงาน กลัวมากที่จะทำให้คนมีการศึกษามากกว่าตำแหน่งงาน แต่ความกลัวเหล่านี้ก็ไม่สามารถขจัดความปั่นป่วนวุ่นวายได้ ในขณะเดียวกัน ก็ก่อให้เกิดปัญหาการไม่พัฒนาในทุกๆด้านของประเทศสืบต่อมา
    ถ้าเรายึดในจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์อย่างที่ท่านผู้ประศาสน์การได้แถลงเอาไว้ คือยึดในหลักสิทธิและเสรีภาพทางการศึกษาแล้ว การที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในเวลาต่อมากลายเป็นมหาวิทยาลัยที่ถูกเรียกโดยทั่วๆไปว่า มหาวิทยาลัย "ปิด" จะมีปัญหามาก เพราะเท่ากับปฏิเสธตัวจิตวิญญาณตั้งแต่ต้นเลย เพราะคุณปิดเมื่อไร ก็แสดงว่าคุณไม่รับคนอื่นๆ อีกจำนวนมากที่เขาอยากจะเรียนในมหาวิทยาลัย เขากระหายใคร่รู้ เป็นสิทธิอันควรมีควรได้ของเขาแต่เผอิญเขาสอบเข้าไม่ได้ หรืออะไรก็แล้วแต่ เขาก็หมดสิทธิเสรีภาพอันนั้นไป ถูกลิดรอนสิทธิเสรีภาพอันนั้นไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2007
  11. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    อย่างไรก็ตามแต่ ผมไม่ได้บอกว่าธรรมศาสตร์ต้องกลับไปเป็นตลาดวิชา ผมคิดไม่ทัน และไม่ทราบเหมือนกันว่า ควรจะกลับหรือไม่ควรกลับ แต่ผมอยากจะอธิบายตรงนี้ว่า คำว่ามหาวิทยาลัย "ปิดรับนักศึกษา" ซึ่งเป็นภาษาทางการ ไม่ได้แปลว่า ปิดประตูมหาวิทยาลัยให้คนส่วนน้อยในสังคมเท่านั้นที่มีโอกาสเรียนมหาวิทยาลัย เพราะเราสามารถจำกัดจำนวนนักศึกษาโดยการเปิดประตูมหาวิทยาลัยให้กว้างกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ อย่างน้อยที่สุดเราสามารถเปิดประตูมหาวิทยาลัยได้ 2 ด้านด้วยกัน
    ด้านที่หนึ่ง คือการรับนักศึกษาจำนวนที่จำกัดไว้ หรืออาจจะรับเท่าเดิม แบ่งประเภทของนักศึกษาให้สามารถรับนักศึกษาได้กว้างกว่าที่เป็นอยู่
    อย่างที่สอง เราอาจจะเปิดประตูมหาวิทยาลัยสำหรับการสร้างกำลังความรู้และกำลังคนแก่ประชาชนก็ได้ และขอให้เรามาดูว่ามหาวิทยาลัย "ปิดรับ" ต่างๆ รวมทั้งธรรมศาสตร์ในระยะหลังด้วยนี้ เปิดประตู 2 ด้านนี้ให้กับสังคมไทยหรือไม่ ผมขอพูดถึงด้านแรกก่อน
    ขอให้ย้อนกลับไปคิดเมื่อมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองเปิดขึ้นในตอนแรกนั้น นอกจากตัวมหาวิทยาลัยแห่งนี้เป็นลักษณะที่เรียกว่าตลาดวิชาแล้ว ขอให้สังเกตว่า คุณสมบัติของผู้มีสิทธิในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแห่งนี้ ประกอบด้วยคนหลายประเภทมาก คือไม่ใช่เฉพาะที่จบ ม.8 หรือมัธยมปลายตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการอย่างเดียว ยังเปิดให้กับข้าราชการทั้งหมด ตั้งแต่ชั้นเสมียน ซึ่งช่วงที่เปิดมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ขอให้เข้าใจก่อนว่า มีข้าราชการที่ไม่จบปริญญาตรี ผมเข้าใจว่าประมาณ 80-90% มากมายมหาศาลเลย คนทั้งหมดเหล่านี้ไม่จบแม้แต่ ม.8 ก็เยอะมาก คนพวกนี้มีสิทธิในการเข้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์หมด ถ้าผู้บังคับบัญชายอม
    นอกจากนั้นแล้ว ยังเปิดโอกาสให้ ส.ส.เข้าเรียน ยังเปิดให้ผู้ที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นผู้แทนตำบล ซึ่งในช่วงหลัง 2475 จะเป็นผู้ไปเลือก ส.ส.อีกที ก็มีสิทธิที่จะเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมืองเหมือนกัน
    ทีนี้ถ้าเราจับหลักของสิทธิเสรีภาพทางการศึกษาได้ เราก็จะพบได้ว่า การประเมินว่าใครควรเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย เขาไม่ได้ปล่อยให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้กำหนดแต่เพียงผู้เดียว ยิ่งคิดถึงว่าการกระจายการศึกษาของไทยมีจำกัดแค่ไหน มหาวิทยาลัยยิ่งปฏิเสธไม่ได้ใหญ่ว่า ตัวเองต้องมีหน้าที่ในการประเมินคนอื่นๆ ที่ไม่ได้จบมัธยมปลายตามหลักสูตรกระทรวงศึกษาธิการเข้าเรียนด้วย เปิดโอกาสให้ความรู้และประสบการณ์ที่เกิดในวิถีชีวิตจริงของคนเข้ามาอยู่ในมาตรฐานด้วย และนี่เป็นเรื่องสำคัญมาก
    ลองคิดถึงผู้นำชาวบ้านที่สามารถสร้างกลุ่มสัจจะออมทรัพย์ เก็บเงินได้เป็นร้อยล้านบาท ดำเนินกิจการบริการประชาชนดีกว่าที่รัฐบาลใดก็แล้วแต่สามารถให้บริการในด้านสาธารณสุข แม้แต่ 30 บาทรักษาทุกโรค เพราะแม้แต่การเยี่ยมไข้ เขายังจ่ายเงินค่าเยี่ยมไข้ แต่เผอิญว่าผู้นำจบแค่ ม.3 จึงไม่มีสิทธิเข้าเรียนมหาวิทยาลัย นี่มันอะไรกันครับ ทำไมคนที่ทำสิ่งเหล่านั้นได้ไม่สามารถต่อยอดประสบการณ์และความรู้ของเขาไปให้ไกลมากขึ้นกว่าเดิม
    เพราะอย่างนั้นผมอยากจะพูดว่า สิ่งที่เป็นจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ มันหายไปหมดในระบบอุดมศึกษาของเรา เพราะเรามองมันแคบมากว่า จะต้องเอาคนจบ ม.ปลาย มาฝึกอะไรบางอย่างเพื่อไปกดปุ่มในโรงงานเป็น ถ้าคิดแค่นี้เราจะมองไม่เห็นคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยเลย ตรงข้ามกับจิตวิญาณธรรมศาสตร์ที่มองเห็นคนส่วนใหญ่เป็นหลักก่อน เพราะฉะนั้น มหาวิทยาลัยปิดจึงหมายถึงมาตรฐานที่แคบลงเมื่อเปรียบเทียบกับมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง โดยเลือกเฉพาะคนที่สามารถทำข้อสอบสอบเข้ามหาวิทยาลัย คนที่จบมัธยมปลายแล้วเอาคนที่เก่งที่สุดเข้ามา
    ถามว่าคนที่เก่งที่สุดคือคนที่มีโอกาสในชีวิตดีที่สุดใช่ไหม อาจจะไม่ใช่ทุกคน แต่ส่วนใหญ่แล้วใช่ นี่คือความไม่เป็นธรรม และมหาวิทยาลัยก็รู้อยู่เต็มอกว่านี่คือความไม่เป็นธรรม แต่เราก็ทำสืบเนื่องตลอดมา คำถามว่าจิตวิญญาณธรรมศาสตร์อยู่ที่ไหน ? ผมจึงไม่ได้หมายถึงเฉพาะที่นี่ แต่ทั้งประเทศไทย จิตวิญญาณอันนั้นหายไปไหน ในแง่นี้ จิตวิญญาณธรรมศาสตร์ คือการที่มหาวิทยาลัยเอื้อมมือออกไปสุดแขนเพื่อสัมผัสประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่ใช่หดมือเข้ามาแล้วให้ประชาชนเอื้อมสุดแขนเพื่อสัมผัสกับมหาวิทยาลัย ซึ่งมันตรงกันข้ามกับที่เรารู้จักทุกมหาวิทยาลัยในทุกวันนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2007
  12. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    ในอีกด้านหนึ่งที่ผมคิดว่ามหาวิทยาลัยสามารถเปิดประตูได้ คือการสร้างพลังความรู้ให้กับสังคม ผมอยากจะพูดสั้นๆ แต่เพียงว่า ถ้าเราเอาตลาดงานเป็นตัวกำหนดทิศทางการพัฒนาของอุดมศึกษาของเรา คำถามก็คือว่า คนที่ไม่มีเงินจะจ้าง สถาบันที่ไม่มีอะไรจะจ้าง จะมีใครผลิตความรู้และผลิตบัณฑิตไปป้อนมัน และสถาบันที่ว่านั้นเยอะมาก เช่น ประเทศชาติเป็นต้น
    ประเทศชาตินั้นไม่เคยจ้างใครเลย ถามว่ามหาวิทยาลัยไหนในโลกนี้จะผลิตคนและความรู้ไปรับใช้ประเทศชาติ แต่แน่นอนบริษัทซีพีมีเงินจ้าง คุณก็ผลิตคนและความรู้ไปป้อนบริษัทซีพี แต่ประเทศชาติไม่มีเงินจ้าง มีสิ่งที่ไม่มีเงินจ้างอีกมากครับ ระบอบประชาธิปไตยก็ไม่มีเงินจ้างใคร ใครจะผลิตคนไปป้อนประชาธิปไตย ไปรับใช้ระบอบประชาธิปไตย สัจจะออมทรัพย์อีกมากมายที่ไม่เงินจ้าง หมู่บ้านก็ไม่มีเงินจ้าง สหภาพแรงงานเวลานี้ยังไม่มีเงินจ้าง ธนาคารข้าวไม่มีเงินจ้าง ถ้าคิดถึงการไม่มีเงินจ้างนั้นมีมากมาย ซึ่งผมคิดว่ามีถึง 80% ของสังคมไทยที่ไม่มีเงินจ้าง และไม่มีเงินซื้อความรู้ของมหาวิทยาลัย
    มหาวิทยาลัยของเราทั้งหมดจะไม่ต้องตอบสนองสถาบันและกลุ่มคนเหล่านี้เลยหรือกระไร? ถ้าหากเราคิดจะเอาตลาดเป็นตัวตั้งอย่างเดียว เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่รู้จะมีมหาวิทยาลัยไปทำไม เพราะไม่สามารถไปตอบสนองใครได้เลย คำว่าตอบสนองในที่นี้ ผมอยากจะให้เราย้อนกลับไปดูหลักสูตรของธรรมศาสตร์ หลักสูตรของธรรมศาสตร์นั้นผมคิดว่าเป็นหลักสูตรที่ประหลาดมาก คือเริ่มต้นจากคำถามที่มาจากสังคมไทยเอง
    ธรรมศาสตร์ในระยะแรกสุดเมื่อเป็นมหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง หรือ มธก. ถามว่า อะไรที่สังคมไทยขาด สังคมไทยขาดพลเมืองที่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในระบอบประชาธิปไตยอย่างมีประสิทธิภาพ เขาจึงสร้างหลักสูตรธรรมศาสตร์บัณฑิต (มธบ.) ขึ้นมา ซึ่งในทัศนะของผม ถ้าดูหลักสูตรธรรมศาสตร์บัณฑิตแล้ว ไม่ใช่หลักสูตรที่ผลิตเฉพาะทนายความ อาจจะเป็นทนายความก็ได้ เป็นครูก็ได้ แต่เขาเรียนหลายอย่างมาก เรียนเศรษฐศาสตร์ เรียนอย่างอื่น ยิ่งถ้าเราดูหลักสูตร ตมธก. (เตรียม มธก.) เข้ามาผนวกกับตัวหลักสูตร มธบ. ยิ่งจะพบว่า เขาเรียนกว้างมาก เรียนวรรณคดี เรียนอะไรต่ออะไรร้อยแปด เพื่อผลิตพลเมืองที่มีประสิทธิภาพในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งไม่มีใครจ้าง แต่เป็นสิ่งที่ต้องผลิต
    โดยเริ่มต้นจากการตั้งคำถามจากสังคมไทยทั้งหมด แล้วพยายามสร้างความรู้และคนไปป้อน ไม่ใช่ไปถามว่าซีพีขาดอะไร บริษัทเชลล์ขาดอะไร แล้วก็ผลิตคนไปป้อนบริษัทเหล่านี้อย่างที่มหาวิทยาลัยทำหลังปี 2490 เป็นต้นมาจนถึงทุกวันนี้ นี่คือจิตวิญญาณธรรมศาสตร์ จิตวิญญาณของความพยายามจะสร้างความรู้เพื่อเพิ่มพลังเพิ่มกำลังความรู้ให้กับประชาชน ซึ่งผมคิดว่าแทบจะไม่มีมหาวิทยาลัยแห่งใดเทียบได้เลย
    เกือบทุกมหาวิทยาลัยมีเรื่องของการจัดการทรัพยากร จะเป็นมหาวิทยาลัยใดๆ ก็แล้วแต่ แต่ไม่มีมหาวิทยาลัยแห่งใดเลยที่ศึกษาเรื่องการจัดการทรัพยากรชาวบ้าน ฉะนั้นทุกครั้งที่รัฐคิดถึงเรื่องการจัดการทรัพยากร จะคิดอะไรที่ชาวบ้านทำไม่ได้เสมอ ความรู้ที่มหาวิทยาลัยจึงเป็นความรู้ที่จะผลักประชาชนออกไปจากการมีอำนาจโดยไม่ได้ตั้งใจนั่นเอง ซึ่งอย่างที่ผมพูดถึงหลักสูตร มธบ.นั้น กลับตรงกันข้าม เพราะผลิตความรู้ขึ้นมาเพื่อดึงประชาชนให้เข้ามามีอำนาจ นี่คือจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์
    และถ้าธรรมศาสตร์จะย้ายไปอยู่รังสิต ผมคิดว่าความพร้อมหรือไม่พร้อมไม่ได้อยู่ที่ตัวตึก เพราะหลายที่ของมหาวิทยาลัย มุงหลังคาจากก็สอนได้ แต่ผมคิดว่า รังสิตนั้นเป็นดงของแรงงานไร้ฝีมือ ธรรมศาสตร์จะไปอยู่ที่รังสิต ความพร้อมไม่พร้อมพิสูจน์กันด้วย ธรรมศาสตร์พร้อมที่จะเป็นผู้นำในการสร้างความรู้สำหรับคนหรือแรงงานไร้ฝีมือเหล่านั้นหรือไม่ ? ความพร้อมของธรรมศาสตร์นั้นอยู่ตรงที่ว่า คุณกลับไปหาจิตวิญญาณอันเก่าได้ไหม กลับไปสร้างกำลังให้แก่ภาคประชาชนได้ไหม ?ผมคิดว่าตรงนี้อาจจะเป็นหัวใจสำคัญที่สุด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2007
  13. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    ผมไม่อยากเห็นธรรมศาสตร์ถูกจำกัดอยู่ที่ท่าพระจันทร์ และไม่ใช่เพียงแต่ว่า จิตวิญญาณธรรมศาสตร์ควรจะขยายไปที่รังสิตเท่านั้น แต่ผมเสนอว่า มันควรขยายไปสามย่าน ควรขยายไปเชียงใหม่ ควรขยายไปวังท่าพระ ควรขยายไปทั่วประเทศไทย แม้แต่นครนายก สมุทรปราการ เพราะทุกสถาบันหลักล้วนแต่เป็นของประชาชนทั้งนั้น
    ประเด็นสุดท้ายที่ผมอยากจะพูดก็คือ ท่าพระจันทร์ ถามว่าจะใช้ท่าพระจันทร์ทำอะไรได้บ้าง ควรมีปริญญาตรีหรือไม่ มีอะไรหรือไม่ ผมไม่ทราบทั้งสิ้น แต่ที่แน่นอน ไม่มีมหาวิทยาลัยไหนในประเทศไทยที่เหมือนกับธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์
    กล่าวคือมันอยู่กลางชุมชน กลางชุมชนที่ไปมาสะดวกด้วย มาทางไหนก็ได้หมด คนทุกชั้นวรรณะมาธรรมศาสตร์ได้หมด นอกจากนั้นแล้วตรงนี้มันมีประวัติศาสตร์การต่อสู้ของประชาชนอยู่เต็มไปหมด นับตั้งแต่สมัยเสรีไทย มันมีเรื่องราวการต่อสู้เพื่อชาติบ้าง เพื่อประชาธิปไตยบ้าง เพื่อประชาชนบ้าง อยู่ตรงนี้แทบจะทุกหย่อมหญ้าของธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
    ฉะนั้นผมคิดว่า ไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามแต่ ธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์ต้องเป็นศูนย์กลางความเคลื่อนไหวภาคประชาชนตลอดไป จริงๆแล้วผมอยากเห็นมหาวิทยาลัยแห่งนี้ตั้งงบประมาณสำหรับให้ประชาชนเคลื่อนไหวด้วยซ้ำไป เพราะการเคลื่อนไหวเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ และมหาวิทยาลัยเป็นส่วนหนึ่งสถาบันของการเรียนรู้
    ผมอยากจะเห็นธรรมศาสตร์เป็นศูนย์กลางการเคลื่อนไหวของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการเมือง ศิลปวัฒนธรรม หรือเศรษฐกิจก็ตามแต่ ทำได้ไหมที่จะตั้งคล้ายๆ กับสังคีตศาลาสมัยก่อน แล้วมีงาน 104 ครั้ง ต่อปี ทุกเสาร์-อาทิตย์ ยกตัวอย่างง่ายๆ เวลานี้คนที่อยากเล่นเพลงสติงที่ไม่เล่นตามแนวของแกรมมี่และอาร์เอส ถามว่าจะเล่นให้ใครฟังได้บ้าง ไม่มี เพราะไม่มีที่ให้เขาเล่น จะต้องคิดให้ได้ว่าธรรมศาสตร์ เปิด ใครอยากจะเล่นอะไรที่ไม่เหมือนกับตลาดเขา เล่นเลย ไม่เก็บเงิน และยังอาจจะให้เงินช่วยอีกด้วย เพราะมีงบประมาณแล้ว เราช่วยได้
    เพราะเวลานี้สิ่งที่น่ากลัวมากๆ ไม่ใช่อำนาจรัฐ >แต่เป็นอำนาจทุนและธุรกิจที่มันครอบงำเราหมด เราขยับไม่ได้ และถ้าธรรมศาสตร์ที่เคยเป็นหัวหอกของการต่อสู้อำนาจเผด็จการทหาร มาวันนี้ธรรมศาสตร์ต้องต่อสู้กับเผด็จการทุนและธุรกิจ เพราะจิตวิญญาณของธรรมศาสตร์คือการต่อสู้กับเผด็จการ

    ที่มา http://www.midnightuniv.org/datamid2001/newpage13.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 31 สิงหาคม 2007
  14. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    นักวิชาการเค้ากล่าวเสียจนยืดยาว
    ผมขอสรุปให้อีกครั้งจาก
    คำสอนท่านพุทธธาตุที่ว่า
    ศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ
    หากจะให้เกิดความสันติส่วนตัวและ
    สันติภาพกับส่วนรวม
    ต้องทำให้ศีลธรรมกลับคืนมา

    สิ่งที่ผมทำไม่ใช้เฉพาะที่ธรรมศาสตร์
    แต่ผมทำกับทุกที่เพราะ
    ผมเห็นว่า
    คนดีหนึ่งคนมีค่ามากมายมหาศาล
    ยกตัวอย่างพ่อหลวงของเราท่านเป็นคนดี คนประเสริฐ สร้างประโยชน์แก่ประเทศชาติมากมาย
    ดังนั้นหากเราสร้างคนให้ได้ตามรอยเท้าท่าน

    ประเทศเราย่อมเจริญโลกเราย่อมน่าอยู่ขึ้นอีกมากครับ

    นักศึกษาจากที่นี่มาจากทุกที่ ร้อยพ่อพันแม่
    เราหวังว่า
    หอสมุดธรรมะที่เราสร้างก็จะทำให้
    เค้าได้รู้ว่าการเป็นประชาชนที่ดี
    และเป็นลูกที่ประเสริฐนั้นทำอย่างไรและเขาเหล่านี้ก็จะกระจายไปตามที่ต่างๆครับ

    ผมขออนุโมทนาสาธุในบุญกุศลของทุกท่านที่ร่วมโครงการนี้นะครับ สาธุครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กันยายน 2007
  15. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    ขออนุโมทนาสาธุในบุญกุศลธรรมทานของท่านด้วย


    ขออนุโมทนาสาธุในบุญกุศลธรรมทานของ
    คุณพี่ วราภรณ์ ด้วยนะครับ
    ผมได้รับสื่อธรรมะแล้วครับ

    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0219-1.jpg
      IMG_0219-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.2 KB
      เปิดดู:
      474
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2007
  16. onlyone

    onlyone เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2007
    โพสต์:
    564
    ค่าพลัง:
    +4,569
    จริงๆแล้ว ต้องขอขอบคุณน้องสรกฤช รวมถึง น้องๆมธ. ทุกท่านและคณาจารย์ ที่มีจิตใจอันเป็นกุศล จัดสร้างหอสมุดธรรมะขึ้นมา และเปิดโอกาสให้พี่ได้ทำธรรมทานในครั้งนี้ค่ะ
     
  17. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ

    วันนี้ผมได้รับสื่อธรรมะจากคุณ Gift เชียงใหม่ เป็น

    1.หนังสือธรรมะ 2 เล่ม
    -ความจริงเกี่ยวกับความรักความโกรธและความเมตตา เล่ม 2 โดยรวบรวมคำสอนของครูบาอาจารย์
    -คนแบกโลก โดย หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

    2.CD ธรรมะ 1 แผ่น
    - สงบ สมถะ-วิปัสสนา โดย หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ

    [​IMG]

    ขออนุโมทนาสาธุการในกุศลผลบุญ
    แห่งธรรมทานของท่านในครั้งนี้ด้วยเทอญ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • IMG_0237-1.jpg
      IMG_0237-1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      33.9 KB
      เปิดดู:
      873
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กันยายน 2007
  18. อาวุโสพรรคมาร

    อาวุโสพรรคมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    318
    ค่าพลัง:
    +1,419
    วันนี้ ผมได้ส่งหนังสือ
    ประวัติหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
     
  19. อาวุโสพรรคมาร

    อาวุโสพรรคมาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    318
    ค่าพลัง:
    +1,419
    วันนี้ ผมได้ส่งหนังสือ
    ประวัติหลวงปู่ชอบ ฐานสโม
    มงคลชีวิต สามสิบแปดประการ
    นิทานเซน
    นรก เปรต
    และอื่นๆ ให้ตามที่อยู่ที่โพสไว้แล้วนะครับ ได้รับแล้วแจ้งให้ทราบด้วย
     
  20. kong_sorakrit

    kong_sorakrit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,771
    ค่าพลัง:
    +3,426
    ได้รับหนังสือแล้วจะมาแจ้งนะครับ

    ขออนุโมทนาสาธุในบุญกุศลของธรรมทาน
    ของท่านในครั้งนี้ด้วยนะครับ

    สาธุ สาธุ สาธุ
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...