ข้อความจากต่างมิติ-ก้าวกระโดดทางวิวัฒนาการครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ ไปสู่มิติที่ 5

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Chayutt, 30 มิถุนายน 2010.

  1. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    (ตอนเริ่มต้น ของ อาร์คทูเรี่ยน)

    The Arcturians Speak on the Structure and Function of Time – Part 1<O:p</O:p

    By Dr Suzan Caroll / Suzanne Lie – September 11, 2012
    <O:p</O:p
    Awakening with Suzanne Lie
    <O:p</O:p
    Part 1 – The Structure of Time<O:p</O:p

    Our Dear Ascending Ones,<O:p</O:p

    We the Arcturians, come to you in this NOW to inform you about the structure and function of time. As you are well aware, time is an illusion of the third and fourth dimension.

    พวกเราคือชาวอาร์คทูเรี่ยน, มาสู่คุณในขณะนี้เพื่อให้ความรู้แก่คุณเกี่ยวกับโครงสร้างและกระบวนการของเวลา. พวกคุณรู้ดีว่า เวลาคือภาพลวงตาของมิติที่ 3 และมิติที่ 4.
    <O:p</O:p
    The structure of time is that photons align with and travel along separate matrix lines of third or fourth dimensional worlds. These Matrix lines are straight and interact with other straight matrix lines at 90, 120 or 180-degree angles.
    <O:p</O:p
    โครงสร้างของเวลาก็คือโฟตอนที่สอดคล้องกันเดินทางไปตามเส้นเมตริกซ์แต่ละเส้นของโลกมิติที่ 3 และโลกมิติที่ 4. เส้นเมตริกซ์เหล่านี้เป็นเส้นตรงและมีปฏิกิริยากับเส้นเมตริกซ์อื่นในมุม 90, 120 หรือ 180 องศา.
    <O:p</O:p
    The separate matrix represents the form and structure upon which the formless photons can contribute the light of consciousness. (Photon – A quantum of electromagnetic radiation, regarded as a particle with zero rest mass and charge, unit spin, and energy equal to the product of the frequency of the radiation.)
    <O:p</O:p
    เมตริกซ์ที่แยกจากกันแสดงให้เห็นถึงรูปแบบและโครงสร้างของโฟตอนที่ไร้รูปแบบ ที่สามารถสนับสนุนแสงสว่างแห่งความตระหนักรู้.
    <O:p</O:p
    Hence, the matrix represents the form of a reality and the photons are the electromagnetic energy, life, that adheres to and travels along the matrix lines. Different frequencies of photons adhere to different forms of matrix. (Frequency – The number of complete cycles of a periodic process occurring per unit time.)
    <O:p</O:p
    ดังนั้น, เมตริกซ์จะแสดงให้เห็นรูปแบบของความจริงและ โฟตอนก็คือพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า, ชีวิต, ที่ยึดอยู่และเคลื่อนที่ไปตามสายเมตริกซ์. ความถี่ต่างๆกันของโฟตอนที่ยึดอยู่ในรูปแบบต่างๆของเมตริกซ์. <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 กันยายน 2012
  2. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    The combination of the form of the matrix and the frequency of the photons that adhere to that matrix, creates the resonance of that reality. For example, the 3D Matrix has many 90-degree intersections which are difficult to maneuver. This form attracts slower spinning photons that resonate to the frequency of the third dimension.
    <O:p</O:p
    การรวมกลุ่มกันของรูปแบบต่างๆกันของเมตริกซ์และความถี่ของโฟตอนที่ยึดติดอยู่ในเมตริกซ์, ได้สร้างภาพสะท้อนของความจริง. ตัวอย่างเช่น, เมตริกซ์ 3 มิติ มีการทำมุมกัน 90 องศา เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการยากที่จะหลบหลีก. รูปแบบนี้จะดึงดูดให้การหมุนของโฟตอนช้าลง ซึ่งนั่นสะท้อนให้เห็นถึงความถี่ของมิติที่ 3.
    <O:p</O:p
    On the other hand, a 4D Matrix has more 120-degree intersections, which create less resistance and attracts the faster spinning fourth dimensional photons.
    <O:p</O:p
    ในอีกด้านหนึ่ง, เมตริกซ์ของมิติที่ 4 มีการทำมุมกัน 120 องศามากกว่า, ซึ่งจะสร้างแรงต้านทานน้อยกว่า และดึงดูดการหมุนที่เร็วกว่าของโฟตอน 4 มิติ.
    <O:p</O:p
    The transitional Matrix between the fourth and fifth dimensions, often known as “The Great Void,” has many 180-degree intersections. When there is a colliding of photons coming from opposite directions, the resulting energy field can transmute the fourth dimensional photons into fifth dimensional photons by closing the polarity of “separation vs unity.”
    <O:p</O:p
    การเปลี่ยนผ่านเมตริกซ์ระหว่างมิติที่ 4 และมิติที่ 5, รู้จักกันในนามของ “ความว่างอันยิ่งใหญ่”, มีการทำมุมกัน 180 องศา เป็นจำนวนมาก. เมื่อมีการชนกันของโฟตอนที่มาจากทิศตรงกันข้าม, เป็นผลให้สนามพลังงานสามารถเปลี่ยนแปลงจากโฟตอน 4 มิติ ไปสู่โฟตอน 5 มิติ ด้วยการปิดขั้วทั้งสองของ “การแบ่งแยกและความเป็นหนึ่งเดียว”.
    <O:p</O:p
    The fifth dimension and beyond are not limited by time. Fifth dimensional reality is based on Unity with the NOW of the ONE. Hence, every person, place, situation and thing is perceived as an expression of your SELF. Therefore, all interactions are experienced directly at a 180-degree direction.
    <O:p</O:p
    มิติที่ 5 และสูงกว่านั้น จะไม่ถูกจำกัดด้วยเวลา. ความเป็นจริงของมิติที่ 5 มีพื้นฐานอยู่บนความเป็นหนึ่งเดียวกันพร้อมกับขณะนี้ของความเป็นหนึ่ง. ดังนั้น, ทุกๆคน, สถานที่, สถานนะและสรรพสิ่ง จะถูกรับรู้ในฐานะของการแสดงออกของตัวคุณเอง. ดังนั้น, ทุกๆปฏิสัมพันธ์จะเป็นประสบการณ์ตรงในทิศทาง 180 องศา.
    <O:p</O:p
    If you are resonating to a fifth dimensional reality, you know that YOU are the creator of your reality. Hence, whatever confronts you is YOUR creation. Furthermore, being a fifth dimensional expression of life, you consciously experience your reality 360-degrees around you. Therefore, you do not need to turn your head to see oncoming energy fields, as your omnidirectional Third Eye is opened.
    <O:p</O:p
    ถ้าหากคุณเข้ากันกับความเป็นจริงของมิติที่ 5, คุณจะรู้ว่า คุณคือผู้สร้างความเป็นจริงของตัวคุณเอง. ดังนั้น, สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคุณก็คือการสร้างสรรค์ของคุณ. ยิ่งกว่านั้น, ชีวิตในมิติที่ 5, การรับรู้ความเป็นจริงของคุณจะเป็น 360 องศา รอบตัวคุณ. ดังนั้น, คุณไม่จำเป็นต้องหันหน้าเพื่อมองสิ่งใดๆ, ซึ่งตาที่สาม ที่สามารถมองเห็นได้รอบทิศทางได้เปิดออก.<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2012
  3. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    Creation of Time
    <O:p</O:p
    Time is created by the separate, sequential lines meeting in angles. Because they are separate matrix lines, the photons are attuned to remain as separate as the energy lines on which they travel.
    <O:p</O:p
    เวลาถูกสร้างขึ้นโดยเส้นตรงต่างๆที่บรรจบกันเป็นมุม. เพราะว่าพวกมันคือเส้นเมตริกซ์ที่แตกต่างกัน, โฟตอนทั้งหลายจะปรับตัวเพื่อให้คงอยู่ในสายพลังงานของมันเมื่อพวกมันเคลื่อนที่.
    <O:p</O:p
    Separate lines encourage individuality and competition, as opposed to unity and co-operation of the higher worlds. Activity in this structure of reality is slowed down enough to create the countable “time” of the third/fourth dimensions. Furthermore, the juxtaposition of intersecting lines further slows the frequency rate of photons that travel these Matrixes.
    <O:p</O:p
    เส้นตรงแต่ละเส้นจะสนับสนุนความเป็นอัตตาและการแข่งขัน, ซึ่งตรงข้ามกับความเป็นหนึ่งเดียวกันและการร่วมมือกันของโลกที่สูงกว่า. การดำเนินการในโครงสร้างของความเป็นจริงนี้จะถูกทำให้ช้าลงเพียงพอที่จะสร้าง ”เวลา” ที่สามารถนับได้ของ 3 / 4 มิติ. ยิ่งไปกว่านั้น, การตัดกันของเส้นตรงเหล่านี้ทำให้ อัตราความถี่ของโฟตอนที่เดินทางในเมตริกซ์เหล่านี้ลดลง.
    <O:p</O:p
    Those who know Astrology are aware that the gradually intermingling 120-degree approach of intersection holds less delay than the 90-degree intersections. Due to the force of resistance, the 90-degree angle of connection is somewhat forceful because of the direct insertion of different flows of electro-magnetic energy fields.
    <O:p</O:p
    ผู้ที่รู้เรื่องโหราศาสตร์จะรู้ว่า การบรรจบกันด้วยมุม 120 องศา จะมีความหน่วงน้อยกว่าการบรรจบกันแบบ 90 องศา. เนื่องจากพลังของความต้านทาน, การบรรจบกันด้วยมุม 90 องศา เป็นสิ่งที่ทรงพลังเพราะว่าเป็นการตัดกันโดยตรงของการเดินทางของสนามพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า.
    <O:p</O:p
    120-Degree Intersection
    <O:p</O:p
    When the joining of matrix lines is gradual, such as with the 120-degree angle, the photons of energy can prepare for new incoming energy patterns, which create less of a sensation of time passing as there is less friction. All friction, such as stress, resistance and competition, creates a slowing of activity, much like brakes slow down a car.
    <O:p</O:p
    เมื่อการรวมกันของเส้นเมตริกซ์ต่างๆค่อยเป็นค่อยไป, เช่นด้วยมุม 120 องศา, โฟตอนของพลังงานสามารถเตรียมตัวสำหรับการมาถึงของรูปแบบพลังงานใหม่, ซึ่งจะสร้างความรู้สึกเกี่ยวกับเวลาน้อยลงเนื่องจากมีแรงเสียดทานน้อยกว่า. แรงเสียดทานทั้งหมด, เช่น ความเครียด, ความต้านทานและการแข่งขัน, ทำให้เกิดความเชื่องช้าของกิจกรรม, เหมือนเบรกที่ทำให้รถวิ่งช้าลง.
    <O:p</O:p
    We wish to communicate with you now in our imagistic language, as “one picture is worth a thousand words.” You are driving on the freeway, and there is a great deal of traffic. However, a sign with blinking lights says, “Lane closed, merge to your left.” You can gradually merge to your left and little “time” will be lost.
    <O:p</O:p
    พวกเราปรารถนาจะสื่อสารกับคุณในขณะนี้ด้วยภาษาภาพ, “ภาพ 1 ภาพ มีค่านับพันคำพูด”. คุณกำลังขับรถอยู่บนทางหลวง, และมีรถขับอยู่หนาแน่นมาก. แล้วก็มีสัญญาณไฟบอกว่า “ถนนปิด ให้ใช้ทางเบี่ยง”. คุณจะค่อยๆขับรวมกันเข้าไปในทางเบี่ยง และเสียเวลาไปเล็กน้อย.<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2012
  4. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    90-Degree Intersection
    <O:p</O:p
    When there is a 90-degree angle, the stream of the flow becomes temporarily confused. This is similar to interfering with ants’ long line of travel by moving a stick through their ranks. The ants become temporarily disoriented and move around in a random fashion. It then takes “time” for them to rejoin into a cohesive unit.
    <O:p</O:p
    เมื่อมีมุม 90 องศา, การไหลของกระแสจะสับสนชั่วคราว. สิ่งนี้คล้ายกับการรบกวนเส้นทางเดินของมดด้วยการเอาไม้ไปวางในทางของมัน. มดจะหลงทางชั่วคราวและเคลื่อนที่ไปรอบๆโดยไม่มีทิศทาง. พวกมันต้องใช้เวลา เพื่อจะกลับมาติดต่อกับฝูงของมัน.
    <O:p</O:p
    A sense of disorientation is common when an energy patterns enters your reality at a 90-degree direction, as many will feel “blind sighted.” Energy coming in at 90-degrees may be very close to you before your realize it is entering your flow. The perplexity that occurs causes a stoppage of forward movement.
    <O:p</O:p
    การรับรู้เกี่ยวกับการหลงทางเป็นเรื่องปกติเมื่อรูปแบบของพลังงานเข้าสู่ความเป็นจริงของคุณในมุม 90 องศา, หลายคนจะรู้สึก “ตาบอด”. พลังงานที่เข้ามา 90 องศาอาจจะเข้าใกล้คุณมากๆก่อนที่คุณจะรู้สึกว่ามันเข้ามาในกระแสของคุณแล้ว. ความฉงนที่เกิดขึ้นเป็นเหตุให้เกิดการหยุดชะงักของการเคลื่อนไหว.
    <O:p</O:p
    In this case, you are traveling along a road and, with NO warning at all, a car quickly approaches you at a 90-degree angle. You slam on your brakes to avoid a collision, or you may try to outrun it, which would create a rush of adrenalin into your body. In either case, your consciousness will drop into fight/flight mode of the lower third dimension.
    <O:p</O:p
    ในกรณีนี้, คุณขับรถไปบนถนน, โดยไม่มีป้ายเตือนใดๆอีกแล้ว, มีรถพุ่งเข้ามาหาคุณในมุม 90 องศา. คุณเหยียบเบรกเพื่อหลีกเลี่ยงการชน, หรือคุณอาจพยายามวิ่งให้เร็วกว่ามัน, ซึ่งมันก่อให้เกิดการหลั่งของอดรีนารีนไปทั่วร่างกายของคุณ. ในทุกกรณี, ความตระหนักรู้ของคุณจะตกลงไปสู่สถานะของการต่อสู้เพื่อเอาตัวรอดของมิติที่ 3.
    <O:p</O:p
    180-Degree Intersection
    <O:p</O:p
    The 180-degree intersection of energy fields constitutes two lines bombarding each other from opposite directions. This head-on interfacing of opposing energy patterns creates a force of transmutation from the third/fourth dimension and into the fifth. At first this interaction can be quite disastrous as both patterns of flow become greatly disturbed and sometimes destroyed.
    <O:p</O:p
    การตัดกัน 180 องศา ของสนามพลังงาน คือการที่แสงสองเส้นจากทิศทางที่ตรงกันข้ามกัน. เป็นการเชื่อมหัวของพลังงานที่อยู่ตรงข้ามกัน ได้สร้างพลังของการเปลี่ยนแปลงจาก มิติที่ 3 / 4 ไปสู่ มิติที่ 5. ในตอนแรกปฏิกิริยานี้ค่อนข้างน่ากลัว ซึ่งพลังงานทั้งสองที่ไหลมาจะรบกวนกันอย่างรุนแรงและบางครั้งก็ก่อให้เกิดความเสียหาย.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2012
  5. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    On the other hand, that which survives this interaction experiences the stoppage of time. It is the energy patterns traveling in two different directions and allowing the opposite directions of energy to intertwine that stops time. The Intertwining of forms represents co-operation and unity consciousness. Then the power of this co-operative effort boosts the frequency of movement of the electromagnetic energy fields into the fifth dimension of no-time.
    <O:p</O:p
    ในอีกด้านหนึ่ง, สิ่งที่อยู่รอดจากปฏิกิริยานี้จะมีประสบการณ์กับการหยุดของเวลา. มันเป็นพลังงานที่เดินทางในสองทิศทางต่างกันและตรงกันข้ามกันเพื่อสานเข้าด้วยกันทำให้เวลาหยุด. การสานกันของรูปแบบแสดงออกด้วยการร่วมมือกันและความตระหนักรู้ที่เป็นหนึ่งเดียว. จากนั้นพลังของความพยายามของการร่วมมือกันจะช่วยเพิ่มความถี่ของการเคลื่อนที่ของสนามพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าสู่มิติที่ 5 ของการไร้เวลา.
    <O:p</O:p
    An imagistic representation of this interaction is the co-operation that often occurs when there is a collision of many cars. Some people may get very wounded, but everyone that can gets out of their cars to assist those who need help. Some participants in this picture will learn to trust that others care for them, and those who are assisting are learning to interact with others in need, even if they do not know them.
    <O:p</O:p
    การอธิบายด้วยภาพของปฏิกิริยานี้ก็คือ การร่วมมือกันที่เกิดขึ้นบ่อยๆเวลาเกิดรถชนกันเป็นจำนวนมาก. บางคนได้รับบาดเจ็บสาหัส, แต่ทุกคนที่สามารถออกมาจากรถได้จะช่วยเหลือผู้อื่น. ผู้มีส่วนร่วมบางคนในเหตุการณ์นี้จะเรียนรู้ที่จะไว้ใจผู้อื่นที่เอาใจใส่พวกเขา, และผู้ที่ช่วยเหลือผู้อื่นก็เรียนรู้ปฏิบัติต่อผู้อื่นตามความจำเป็น, แม้ว่าพวกเขาจะไม่รู้จักกัน.
    <O:p</O:p
    Opposites and Polarities
    <O:p</O:p
    If opposites, such as sunrise and sunset, were somehow able to merge, how would you determine the time? Opposites, the edges of polarities, are vital to maintain the illusion of third dimensional time. The Sun, masculine concept, rules the daytime and the Moon, feminine concept, rules the night.
    <O:p</O:p
    ถ้าหากสิ่งที่ตรงข้ามกันเช่น พระอาทิตย์ขึ้นและพระอาทิตย์ตก สามารถรวมกันได้, คุณจะนับเวลายังไง? ขั้วตรงข้าม, ปลายสุดของความเป็นขั้ว, มีความสำคัญในการรักษาภาพลวงตาของเวลาของมิติที่ 3. พระอาทิตย์, เพศชาย, ปกครองกลางวันและ พระจันทร์, เพศหญิง, ปกครองกลางคืน.
    <O:p</O:p
    Even though the Moon can often been seen in the day, little notice is taken for a third dimensional reality is ruled by opposites. In some countries, even 3D time is based on opposites, as the same number system of 1 through 12 applies for both day and night, but the am and pm times are used for opposite endeavors.
    <O:p</O:p
    แม้ว่าบ่อยครั้งที่สามารถเห็นพระจันทร์ได้เวลากลางวัน, ข้อบ่งชี้เล็กๆน้อยๆสำหรับความเป็นจริงของมิติที่ 3 ที่อยู่ภายใต้กฎของความเป็นขั้วตรงข้าม. ในบางประเทศ, แม้แต่เวลาแบบ 3 มิติก็ยังมีพื้นฐานอยู่บนขั้วตรงข้าม, มีตัวเลขชุดเดียวกันคือ 1 – 12 สำหรับช่วงเวลากลางวันและกลางคืน, แต่ am และ pm ก็ถูกนำมาใช้เพื่อพยายามให้มันตรงข้ามกัน.
    <O:p</O:p
    The Moon once determined the movement of time. However, when Patriarchal Society took over, time has been counted by the movement of the Sun. Hence, the cycle of a day is measured from 12:00 am moving forward into the “future” of 12:00 pm.
    <O:p</O:p
    ครั้งหนึ่งพระจันทร์เคยถูกใช้เป็นตัวบ่งชี้การเคลื่อนที่ของเวลา. อย่างไรก็ตาม, เมื่อสังคมของผู้ชายเป็นใหญ่, เวลาถูกนับโดยใช้การเคลื่อนไหวของดวงอาทิตย์. ดังนั้น, วงรอบของแต่ละวันจะวัดจาก เที่ยงวันเดินทางไปในอนาคตสู่เที่ยงคืน.<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2012
  6. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    If time were to simultaneously move backward into the past, then 12:00 am and 12:00 pm would collide. What “time” would it be then? In this case, night and day would be the same time.
    <O:p</O:p
    ถ้าหากในขณะเดียวกันเวลาเดินทางถอยหลังกลับไปในอดีต, จากเที่ยงวันไปเที่ยงคืน มันก็จะชนกัน. แล้วสิ่งที่เรียกว่าเวลาจะเป็นอย่างไร? ในกรณีนี้, กลางคืนและกลางวันจะเป็นเวลาเดียวกัน.
    <O:p</O:p
    Your third dimensional thinking could not compute such a dilemma. Thus you would have to change your manner of thinking and of perceiving your reality. How can opposites meet? Time has worked so hard to keep them separate.
    <O:p</O:p
    ความคิดแบบ 3 มิติของคุณไม่สามารถคำนวณสิ่งนี้ได้. ดังนั้นคุณต้องเปลี่ยนพฤติกรรมความคิดและการเข้าใจความจริง. สิ่งที่อยู่ตรงกันข้ามกันจะบรรจบกันได้อย่างไร? เวลาทำงานหนักมากเพื่อรักษาการแบ่งแยกของพวกมัน.
    <O:p</O:p
    The only one way to release your life-long addiction to 3D separation, which creates 3D time, is to change your way of thinking. You have been trained through all your third/fourth dimensional realities to think in terms of opposite extremes with little attention paid to the in-between.
    <O:p</O:p
    มีเพียงหนทางเดียวที่จะปลดปล่อยคุณจากการเสพติดการแบ่งแยกอย่างยาวนานของ 3 มิติ, ที่สร้างเวลา 3 มิติ, ก็คือการเปลี่ยนแปลงวิธีการคิด. คุณถูกสอนมาในกรอบความจริงของ 3 / 4 มิติ เพื่อคิดในสิ่งที่ตรงข้ามกันอย่างสมบูรณ์ และให้ความเอาใจใส่น้อยมากในสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้น.
    <O:p</O:p
    However, what if the two extremes were to converge? What would happen with what was in-between the two extremes of a polarity? If there is no polarity, there is no 12am and 12pm, and the in-between of 2,3,4,5,6,7,8,9,10 and 11 would be condensed into the NOW.
    <O:p</O:p
    อย่างไรก็ตาม, ถ้าหากปลายสุดของทั้งสองขั้วมาบรรจบกัน? อะไรจะเกิดขึ้นในสิ่งที่อยู่ระหว่างปลายขั้วทั้งสอง? ถ้าหากไม่มีขั้ว, ก็จะไม่มี เที่ยงวันและเที่ยงคืน, และระหว่างนั้น 2,3,4,5,6,7,8,9,10 และ 11 จะถูกบีบอัดเข้าไปอยู่ใน ขณะนี้.
    <O:p</O:p
    At this point your third dimensional thinking, which is based on separate words lined up in separate lines of thought, would converge into each other as many thoughts interacting within the NOW. In other words, the time of the third and fourth dimension would be transmuted into the NOW of the fifth dimension.
    <O:p</O:p
    ณ จุดนี้ความคิดแบบ 3 มิติของคุณ, ที่มีพื้นฐานมาจากการแบ่งแยกคำที่เรียงแถวเข้ามาในการแบ่งแยกบรรทัดของความคิด, ก็จะบรรจบซึ่งกันและกัน ความคิดทั้งหลายจะมีปฏิสัมพันธ์ภายใน ขณะนี้. พูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า, เวลาเของมิติที่ 3 และ 4 จะถูกแปลงสภาพไปอยู่ใน ขณะนี้ ของมิติที่ 5.
    <O:p</O:p
    Do you see how the existence of time is vital to create a polarized reality? Hence, one of the main functions of time is to create the lower frequency resonance of the physical reality.
    <O:p</O:p
    คุณเห็นมั้ยว่าการมีอยู่ของเวลามีความสำคัญต่อการสร้างความจริงของความเป็นขั้วอย่างไร? ดังนั้น, วัตถุประสงค์หลักของเวลาก็คือการสร้างความถี่ระดับต่ำที่สะท้อนกับความเป็นจริงทางกายภาพ.
    <O:p</O:p
    Part 2 – The Function of Time will be posted tomorrow.<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2012
  7. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    The Arcturians Speak on the Structure and Function of Time – Part 2<O:p</O:p

    By Dr Suzan Caroll / Suzanne Lie – September 11, 2012
    <O:p</O:p
    http://suzanneliephd.blogspot.co.uk/<O:p</O:p

    Part 2 – The Function of Time
    <O:p</O:p
    Allow us to take you through the function of time on the third, fourth and fifth dimensions. First off, we remind you that the dimensions of one, two, three and four are within the paradigm of TIME and individual, separate consciousness in separate forms.
    <O:p</O:p
    ให้เราพาคุณผ่านกระบวนการของเวลาในมิติที่ 3, 4 และ 5. ประการแรก, เราขอเตือนคุณว่า มิติที่ 1, 2, 3 และ 4 จะอยู่ภายในกรอบของเวลาและความเป็นปัจเจก, มีความตระหนักรู้ที่แยกจากกันในรูปแบบที่แยกจากัน.
    <O:p</O:p
    On the other hand, the dimensions of five, six, and seven are within the paradigm of the NOW and Individuated, Unity Consciousness in mutable forms.
    <O:p</O:p
    ในอีกด้านหนึ่ง, มิติที่ 5, 6 และ 7 จะอยู่ภายในกรอบของขณะนี้และความเป็นปัจเจก, มีความตระหนักรู้เป็นหนึ่งเดียวในรูปแบบที่เปลี่ยนแปลงได้.
    <O:p</O:p
    On the dimensions beyond the seventh, all consciousness exists as ONE within the infinite NOW. No form is necessary and is only worn while traveling in the lower dimensional worlds.
    <O:p</O:p
    มิติที่สูงกว่ามิติที่ 7, ทุกๆความตระหนักรู้ดำรงอยู่เป็นหนึ่งเดียวภายในความไม่สิ้นสุดของขณะนี้. ไม่มีความจำเป็นต้องมีรูปแบบและจะใช้รูปแบบเมื่อเดินทางมายังโลกของมิติที่ต่ำกว่า.
    <O:p</O:p
    Third Dimensional Time
    <O:p</O:p
    The primary function of time in the third dimensions is to create the illusion of separation. If it takes a long time for you to travel to visit a person, then you are separate from that person. You know that you and that person are separate because something “else” that is not you is in between you and this other person.
    <O:p</O:p
    หน้าที่หลักของเวลาในมิติที่ 3 ก็คือการสร้างภาพมายาของความแบ่งแยก. ถ้าหากมันใช้เวลายาวนานสำหรับคุณที่จะเดินทางไปเยี่ยมใครคนหนึ่ง, นั่นคือคุณแยกจากคนๆนั้น. คุณรู้ว่าคุณและเขาคนนั้นแยกจากกันเพราะมีบางสิ่งที่ไม่ใช่คุณอยู่ระหว่างคุณและเขาคนนั้น.<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2012
  8. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    You walk, drive, ride a bike or take a bus to get to that other person. The more time it takes to get to that person, the further away they appear to be. For example, if it takes an hour on a plane to get to this person, they are not too far away, and you hold less different perceptions while you travel, such as the airport, the inside of the plane and the sky.
    <O:p</O:p
    คุณเดิน, ขับรถ, ขี่จักรยาน หรือขึ้นรถเมล์ เพื่อไปหาเขาคนนั้น. ยิ่งใช้เวลาในการเดินทางมากเท่าไร, ก็จะยิ่งเห็นว่ามันไกลมากเท่านั้น. เช่น ถ้าคุณใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงบนเครื่องบินไปหาเขา, มันดูเหมือนไม่ไกลเท่าไหร่,และคุณจะรับรู้ถึงความแตกต่างเล็กน้อยขณะเดินทาง, อย่างเช่นที่สนามบิน, ในเครื่องบินและท้องฟ้า.
    <O:p</O:p
    On the other hand, if you drive to that person, it may take 6 or 7 hours, and you will have many different perceptions on the way to meeting that person. Therefore, that person appears to be much farther away if you drive than if you fly. But they are both the same distance. The only difference is the time it takes to travel that distance.
    <O:p</O:p
    ในอีกด้านหนึ่ง, ถ้าหากคุณขับรถไปหาเขา, มันอาจใช้เวลา 6 - 7 ชั่วโมง,และคุณจะมีการรับรู้ที่แตกต่างมากมายระหว่างทางที่คุณเดินทางไปหาเขา. ดังนั้น, เขาคนนั้นดูเหมือนอยู่ไกลมากขึ้นถ้าหากคุณขับรถแทนที่จะบินไป. แต่ทั้งสองกรณีมีระยะห่างเท่ากัน. ความแตกต่างมีเพียงประการเดียวคือเวลาที่ใช้ในการเดินทาง.
    <O:p</O:p
    Another option is to phone this person or even see them on Skype. Then they are not far away at all. They are right there with you on your computer. This other person could be in another time zone or on the other side of the planet. Yet, you can experience an instant sense of unity with that person because it does not take “time” to travel across “space” to interact with each other.
    <O:p</O:p
    มีทางเลือกอื่นก็คือการโทรศัพท์คุยกับเขาหรือแม้แต่เห็นเขาใน Skype. ดังนั้นเขาอยู่ไม่ไกลอีกแล้ว. เขาอยู่ที่นั่นกับคุณในเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ. เขาอาจอยู่ในเขตเวลาอื่นหรืออีกด้านหนึ่งของโลก. คุณสามารถมีประสบการณ์ของความรู้สึกในทันทีของความเป็นหนึ่งเดียวกับเขาคนนั้น เพราะมันไม่ต้องใช้เวลาเพื่อเดินทางผ่านช่องว่างเพื่อมีปฏิสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน.
    <O:p</O:p
    Your Internet, which was designed by your Galactic Family, is primarily responsible for your increasing Unity Consciousness because you can experience unity without taking time to get together. Therefore, unity with all life is becoming more imaginable for your consciousness.
    <O:p</O:p
    อินเตอร์เนตของคุณ, ซึ่งออกแบบโดยครอบครัวแกแลกติกของคุณ, คือความรับผิดชอบหลักสำหรับเพิ่มความตระหนักรู้อันเป็นหนึ่งเดียวของคุณ เพราะว่าคุณสามารถมีประสบการณ์ของความเป็นหนึ่งเดียวโดยปราศจากการใช้เวลาเพื่ออยู่ร่วมกัน. ดังนั้น, ความเป็นหนึ่งเดียวของทุกชีวิตจะสามารถจินตนาการได้มากขึ้นโดยความตระหนักรู้ของคุณ.
    <O:p</O:p
    In fact, your Consciousness has expanded enough to embrace not just your Personal Consciousness, but your National Consciousness, your Planetary Consciousness and even your Galactic Consciousness. When your consciousness expands, time becomes less important in your life, as you are experiencing interactions with Beings outside of your 3D concept of time or space.
    <O:p</O:p
    ในความเป็นจริง, ความตระหนักรู้ของคุณได้ขยายออกเพียงพอที่จะโอบกอดไม่เพียงแค่ความตระหนักรู้ส่วนตัวของคุณ, แต่รวมถึงความตระหนักรู้ของประเทศคุณ. ความตระหนักรู้ของดาวของคุณ และแม้แต่ความตระหนักรู้ของแกแลกซี่ของคุณ. เมื่อความตระหนักรู้ของคุณขยายออก, เวลาจะมีความสำคัญน้อยลงในชีวิตของคุณ, ซึ่งคุณกำลังมีประสบการณ์สื่อสารกับรูปธรรมที่อยู่ภายนอกกรอบเวลา 3 มิติของคุณ.<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2012
  9. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    Fourth Dimensional Time
    <O:p</O:p
    Your most common means of experiencing the fourth dimension is through your dreams or meditations. As you are all aware, forth dimensional time is much different than third dimensional time. For example, you could have a long dream in which a certain song was playing on your 3D radio throughout the entire dream. Then, you wake up to find the song only half over. The song was only 3 minutes long, whereas your dream may have encompassed many years of experiences.
    <O:p</O:p
    หนทางที่ธรรมดาที่สุดที่คุณจะมีประสบการณ์ในมิติที่ 4 ก็โดยผ่านความฝันของคุณหรือการทำสมาธิ. ซึ่งพวกคุณทั้งหมดรู้ดี, เวลาของมิติที่ 4 มีความแตกต่างอย่างมากกับเวลาของมิติที่ 3. ตัวอย่างเช่น, คุณสามารถจะฝันได้ยาวนานในขณะที่เปิดวิทยุเล่นเพลงในเวลา 3 มิติตลอดทั้งความฝัน. จากนั้น, คุณตื่นขึ้นแล้วพบว่าเพลงเพิ่งร้องไปได้ครึ่งเดียว. เพลงมีความยาวแค่ 3 นาที, ในขณะที่ความฝันของคุณอาจจะครอบคลุมประสบการณ์หลายปี.
    <O:p</O:p
    Furthermore, in the fourth dimension it does not take “time” to travel from one place to another. You may find yourself in one place, than instantly switch to another place. Also, you can change your shape within a fourth dimensional dream or vision. You could be a person, then instantly shift into a wolf, then back into a human.
    <O:p</O:p
    ยิ่งไปกว่านั้น, ในมิติที่ 4 มันไม่จำเป็นต้องใช้เวลาในการเดินทางจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง. คุณอาจจะพบว่าตัวคุณอยู่ในที่หนึ่ง, แล้วสลับไปที่อื่นในทันที. เช่นกัน, คุณสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างภายในความฝันหรือนิมิต 4 มิติ. คุณสามารถเป็นคน, แล้วก็เปลี่ยนเป็นหมาป่าในทันที, แล้วก็กลับมาเป็นคนเหมือนเดิม.
    <O:p</O:p
    Therefore, the function of time in the fourth dimension is to confuse your third dimensional thinking enough for you to begin to release your attachment to time. Your dream and meditation life also allows you to release your attachment to your current third dimensional form. In your fourth dimensional realities you can change forms many times throughout one dream and/or meditation.
    <O:p</O:p
    ดังนั้น, กระบวนการของเวลาในมิติที่ 4 ทำให้คุณสับสนเกี่ยวกับความคิดในมิติที่ 3 ของคุณ มากพอที่จะทำให้คุณปล่อยวางการยึดติดเกี่ยวกับเวลา. ความฝันของคุณและการทำสมาธิจะเปิดทางให้คุณปล่อยวางความยึดมั่นถือมั่นในมิติที่ 3 ของคุณ. ในความเป็นจริงของมิติที่ 4 ของคุณ คุณสามารถเปลี่ยนรูปร่างได้หลายครั้งตลอดความฝันหรือการทำสมาธิหนึ่งครั้ง.
    <O:p</O:p
    Furthermore your consciousness is very different in the fourth dimension than it is in the third dimension. In the physical world your consciousness is something that keeps you awake to the physical world. Conversely, in your dreams and meditations your consciousness is the component of yourself that can travel free of all physical limitation.
    <O:p</O:p
    ยิ่งไปกว่านั้น ความตระหนักรู้ของคุณแตกต่างกันอย่างมากระหว่างมิติที่ 4 และมิติที่ 3. ในโลกทางกายภาพ ความตระหนักรู้ของคุณก็คือบางอย่างที่ทำให้คุณตื่นสู่โลกทางกายภาพ. ในทางกลับกัน, ในความฝันและการทำสมาธิ ความตระหนักรู้ของคุณคือองค์ประกอบของตัวคุณเอง ที่สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระจากข้อจำกัดทางกายภาพทั้งปวง.<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2012
  10. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    Also, your state of consciousness greatly influences how you perceive the passage of time. For example, when you are engaged in a creative venture and/or doing something that you love, there is little sense of the passage of time. What may seem like 15 minutes could be 2 hours when you look up at a clock.
    <O:p</O:p
    เช่นกัน, สถานะของความตระหนักรู้ของคุณจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อการรับรู้การใช้เวลา. เช่นเมื่อคุณมีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์หรือทำบางสิ่งที่คุณรัก, มันจะมีความรู้สึกน้อยมากเกี่ยวกับการใช้เวลา. มันดูเหมือนเพิ่งผ่านไปแค่ 15 นาที แต่พอเงยหน้าดูนาฬิกา โห!! 2 ชั่วโมงแล้วเหรอ!!
    <O:p</O:p
    On the other hand, you have all noticed how the clock ticks VERY slowly when you are doing something that you perceive as boring, difficult or “work”. On the other hand, someone who enjoys that activity may perceive the passage of time to be only minutes to your hours.
    <O:p</O:p
    ในอีกด้านหนึ่ง, คุณจะสังเกตได้ว่าเข็มวินาทีมันเคลื่อนที่ช้าเหลือเกิน เมื่อคุณทำบางสิ่งที่คุณรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ, ยาก หรือ ทำงาน. แล้วก็อีกนั่นแหละ, บางคนที่มีความสุขในการทำกิจกรรมนั้นอาจจะรับรู้การใช้เวลาเพียงแค่นาทีขณะที่คุณรู้สึกว่าหลายชั่วโมง.
    <O:p</O:p
    When you are engaged in an activity that you love or that is a creative expression of your true SELF, time seems to stop – that is until you see a clock. However, do you want to believe the physical counting machine or your SELF?
    <O:p</O:p
    เมื่อคุณมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่คุณรักหรือว่าแสดงออกถึงการสร้างสรรค์ของตัวตนที่แท้จริงของคุณ, เวลาดูเหมือนหยุดเดิน - จนกระทั่งคุณมองเห็นนาฬิกา. อย่างไรก็ตาม, คุณต้องการจะเชื่อเครื่องจักรในการนับหรือเชื่อตัวคุณเอง?
    <O:p</O:p
    Do you see how time is not real? Time is created to organize your thinking to match the matrix of third dimensional Earth. Once you shift your thinking into a fourth dimensional matrix, your sensation of time is greatly altered. Then, when you experience the fifth dimension you are able to move beyond time completely and experience the NOW.
    <O:p</O:p
    คุณเห็นมั้ยว่าเวลาเป็นสิ่งไม่จริง? เวลาถูกสร้างขึ้นเพื่อจัดโครงสร้างความคิดของคุณให้สอดคล้องกับเมตริกซ์ของโลก 3 มิติ. เมื่อคุณยกระดับความคิดเข้าสู่เมตริกซ์ 4 มิติ, ความรู้เกี่ยวกับเวลาของคุณจะเปลี่ยนไปอย่างมาก. จากนั้น, เมื่อคุณมีประสบการณ์ในมิติที่ 5 คุณจะสามารถก้าวข้ามเวลาได้อย่างสมบูรณ์และมีประสบการณ์ของขณะนี้.<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2012
  11. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    Fifth Dimensional Time
    <O:p</O:p
    The only time in the fifth dimension is the NOW. Time is NOT the NOW, as the NOW is NOT a frozen moment of time. The Now of the fifth dimension is that which creates time by reminding you that you can align your higher dimensional thought with a third or fourth dimensional matrix if you wish to experience time.
    <O:p</O:p
    เวลาเพียงอย่างเดียวของมิติที่ 5 ก็คือ ขณะนี้. เวลาไม่ใช่ขณะนี้, และขณะนี้ก็ไม่ใช่การแช่แข็งชั่วขณะของเวลา. ขณะนี้ของมิติที่ 5 ก็คือสิ่งที่สร้างเวลาด้วยการเตือนสติคุณให้รู้ว่า คุณสามารถคิดแบบ 5 มิติให้เข้ากับเมตริกซ์ 3 หรือ 4 มิติได้ ถ้าคุณปรารถนาจะมีประสบการณ์เกี่ยวกับเวลา.
    <O:p</O:p
    The NOW can, also, be used to align your consciousness with higher frequencies of reality by focusing your full intention and attention onto higher frequencies of reality. In other words, the NOW is the medium for your Energy Field (your thoughts, feelings, actions and behaviors) to choose ANY state of consciousness and ANY dimension you wish to experience.
    <O:p</O:p
    เช่นเดียวกัน ขณะนี้ สามารถใช้เพื่อจัดแนวความตระหนักรู้ของคุณกับความจริงของความถี่ที่สูงกว่า โดยใส่ใจในความมุ่งหมายและความสนใจของคุณไปที่ความเป็นจริงของมิติที่สูงกว่า. พูดอีกอย่างหนึ่งว่า, ขณะนี้ก็คือตรงกลางของสนามพลังงานของคุณ (ความคิด, ความรู้สึก, การกระทำ และพฤติกรรม) เพื่อเลือกสถานะใดๆของความตระหนักรู้และมิติใดๆที่คุณปรารถนาจะมีประสบการณ์.
    <O:p</O:p
    However, if you are involved in the fifth dimensional NOW, but your focus falls into time by thinking about something that you need to do tomorrow – or you forgot to do yesterday, your consciousness will fall out of the experience of NOW.
    <O:p</O:p
    อย่างไรก็ตาม, ถ้าหากคุณเข้าไปในขณะนี้ของมิติที่ 5 , แต่ความใส่ใจของคุณตกลงสู่เวลาโดยคิดถึงบางอย่างที่คุณจำเป็นต้องทำในวันพรุ่งนี้ - หรือลืมทำบางอย่างเมื่อวานนี้, ความตระหนักรู้ของคุณจะหลุดออกจากประสบการณ์ของ ขณะนี้.
    <O:p</O:p
    Once you fall out of the experience of NOW, your consciousness goes back into the time-bound realities of the lower worlds. Therefore, the final function of time is to remind yourself that you can transcend time by aligning your Energy Field with the NOW.
    <O:p</O:p
    เมื่อคุณหลุดจากประสบการณ์ของขณะนี้, ความตระหนักรู้ของคุณกลับเข้าไปสู่ความเป็นจริงของกรอบเวลาของโลกระดับต่ำ. ดังนั้น, หน้าที่สุดท้ายของเวลาก็คือเตือนคุณว่า คุณสามารถอยู่เหนือเวลาได้ด้วยการจัดแนวสนามพลังงานของคุณด้วย ขณะนี้.
    <O:p</O:p
    Aligning with the NOW
    <O:p</O:p
    If you can remember that time tells you that you are in the lower worlds, you can use the experience of counting time to determine your current state of consciousness. It may seem that defining your state of consciousness is an easy task. But what if you are trapped in a “boring” project that you “dislike,” but you NEED to do it in order to feed your family.
    <O:p</O:p
    ถ้าคุณจำได้ว่าเวลาบอกคุณว่าคุณอยู่ในโลกระดับต่ำ, คุณสามารถใช้ประสบการณ์ของการนับเวลาเพื่อตัดสินสถานะปัจจุบันของความตระหนักรู้ของคุณ. มันอาจจะเห็นได้ว่าการให้คำจำกัดความของสถานะของความตระหนักรู้ของคุณเป็นของง่ายๆ. แต่ถ้าหากคุณติดอยู่ในกับดักของงานที่น่าเบื่อที่คุณไม่ชอบ, แต่คุณมีความจำเป็นที่ต้องทำมันเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว.
    <O:p</O:p
    What will you do? You will put on the happy face and “act as if” it is enjoyable. However, if you take the “time” to check in with your SELF, you will NOT be able to lie to yourself any longer. That means you will have to change. And what will you change? You will change your mind!
    <O:p</O:p
    คุณจะทำยังไง? คุณจะแสร้งทำหน้ามีความสุขหรือทำราวกับว่ามันสนุก. อย่างไรก็ตาม, ถ้าคุณใช้เวลาเพื่อตรวจสอบด้วยตัวตนของคุณ, คุณจะไม่สามารถโกหกตัวเองได้อีกต่อไป. นั่นหมายความว่า คุณจำเป็นต้องเปลี่ยน. และคุณจะเปลี่ยนอะไร? เปลี่ยนความคิดของคุณ!<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2012
  12. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    You will determine NOT to lie to yourself any longer and note that if something takes a “really long time,” you probably do NOT like doing it. Once you realize your Truth, close your eyes and use your imaginative consciousness to take you on an inner journey into doing and being what you LOVE.
    <O:p</O:p
    คุณตัดสินใจว่าจะไม่โกหกตัวเองอีกต่อไปแล้วและย้ำเตือนว่า ถ้าหากมีบางอย่างใช้เวลายาวนาน, บางทีคุณอาจจะไม่ชอบทำมัน. เมื่อคุณรู้ความจริงของคุณ, ปิดตาและใช้ความตระหนักรู้ของคุณจินตนาการ นำคุณเดินทางเข้าสู่ภายใน เข้าไปทำและเป็นในสิ่งที่คุณรัก.
    <O:p</O:p
    Remember, when you are doing something you love, time ends. Therefore, you may only gaze off into space for a few minutes, but it can feel like a lifetime. In fact, it just may be an entire lifetime in a world beyond time. Before you leave this place, memory, vision, state of consciousness align your Energy Field with the NOW of that experience.
    <O:p</O:p
    จำไว้ว่า, เมื่อคุณทำในสิ่งที่คุณรัก, เวลาจะหยุด. ดังนั้น, คุณเพียงจ้องมองออกไปเพียงไม่กี่นาที, แต่มันรู้สึกเหมือนชั่วชีวิต. อันที่จริง, มันอาจจะชีวิตทั้งหมดในโลกเหนือกาลเวลา. ก่อนที่คุณจะจากที่นี้ไป, ความทรงจำ, จินตภาพ, สถานะของความตระหนักรู้ที่จัดแนวเข้ากับสนามพลังงานของประสบการณ์ ขณะนี้.
    <O:p</O:p
    Continue this exercise again and again. Once your Energy Field is permanently aligned with the NOW, you will have completed your cycle of incarnation into the lower worlds. Then you will live within your fifth dimensional time-less reality and only interface with the lower dimensions to help and heal members of those worlds.
    <O:p</O:p
    ทำแบบฝึกหัดนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก. เมื่อสนามพลังงานของคุณจัดแนวเข้ากับขณะนี้อย่างถาวร, คุณได้ทำสำเร็จแล้วซึ่งวงจรของการเกิดในโลกระดับต่ำ. จากนั้นคุณจะใช้ชีวิตภายในความเป็นจริงไร้กาลเวลาของมิติที่ 5 และติดต่อกับมิติที่ต่ำกว่าเพื่อช่วยและรักษาสมาชิกของโลกเหล่านั้นเท่านั้น.
    <O:p</O:p
    Breaking the Habit of Time
    <O:p</O:p
    We hear you asking how you can align your Energy Field with the ONE. Your Energy Field is created by the thoughts that you allow to rest in your mind and the emotions that fill your body. If your thoughts and emotions are bound by the duties, limitations and fatigue from the illusion of time, you will remain primarily aligned with the third and fourth dimensions.
    <O:p</O:p
    พวกเราได้ยินคุณถามว่า คุณจะจัดแนวสนามพลังงานของคุณเข้ากับความเป็นหนึ่งเดียวได้อย่างไร. สนามพลังงานของคุณถูกสร้างขึ้นโดยความคิดที่คุณอนุญาตให้อยู่ในใจของคุณ และอารมณ์ที่ใส่ในร่างกายของคุณ. ถ้าหากความคิดและอารมณ์ของคุณถูกล้อมกรอบโดยหน้าที่, ข้อจำกัด และ ความเหนื่อยล้าจากมายาการของเวลา, คุณจะยังคงสอดคล้องกับมิติที่ 3 และ 4 เป็นส่วนใหญ่.<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2012
  13. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    On the other hand, if you can use your thoughts to focus your attention on the NOW, and use your emotions to perceive your reality via imagistic, sensate pictures, you will gradually free your Energy Field from the limitations of time. Then, once you are free of time, you are in the NOW, and the NOW is in the ONE.
    <O:p</O:p
    อีกด้านหนึ่ง, ถ้าหากคุณสามารถใช้ความคิดของคุณ เพ่งความสนใจไปที่ ขณะนี้, และใช้อารมณ์ของคุณในการรับรู้ความเป็นจริงของคุณผ่านทางจินตภาพ, การดูรูปภาพ, คุณจะค่อยๆปลดปล่อยสนามพลังงานของคุณจากข้อจำกัดของเวลา. จากนั้น, เมื่อคุณเป็นอิสระจากเวลา, คุณก็อยู่ใน ขณะนี้, และขณะนี้ก็คือความเป็นหนึ่งเดียวกัน.
    <O:p</O:p
    By thinking and speaking via images, your consciousness can travel in circular patterns that weave in and out into interacting patterns. Hence, remember to loosen your mind from the strict habit of sequential thought and reactions to your outside world. In fact, view reality not from your body, but from within your Core. Your Core is at ONE with Gaia’s Core and serves as your personal portal into the fifth dimension and beyond.
    <O:p</O:p
    ด้วยการคิดและพูดผ่านจินตภาพ, ความตระหนักรู้ของคุณสามารถเดินทางในแบบวงกลมที่ถักทอเข้าออกในรูปของปฏิสัมพันธ์. ดังนั้น, จำวิธีการปลดปล่อยใจของคุณจากนิสัยการคิดแบบตามลำดับอย่างเข้มงวดและการมีปฏิสัมพันธ์กับโลกภายนอกของคุณ. อันที่จริง, มุมมองความจริงไม่ได้มาจากร่างกายของคุณ, แต่มาจากภายในแก่นแท้ของคุณ. แก่นแท้ของคุณคือที่ๆเป็นหนึ่งเดียวกันกับแก่นแท้ของไกอา และรองรับในฐานะประตูส่วนตัวของคุณสู่มิติที่ 5 และสูงกว่า.
    <O:p</O:p
    When you view reality through your Core, you are free of external illusion as your primary perceptions will come via the emotions and interactive consciousness with your higher expressions of SELF. Your higher expressions of SELF are components of your Multidimensional SELF who has copied and pasted their/your Essence into your current earth vessel.
    <O:p</O:p
    เมื่อคุณมองความเป็นจริงของตัวเองผ่านแก่นแท้ของคุณ, คุณจะเป็นอิสระจากมายาการภายนอก ซึ่งการรับรู้ส่วนใหญ่ของคุณจะมาทางอารมณ์และการตระหนักรู้การมีปฏิสัมพันธ์กับตัวตนที่สูงกว่าของคุณ. ตัวตนที่สูงกว่าของคุณคือองค์ประกอบของตัวตนหลากมิติของคุณ ผู้ที่ได้คัดลอกและวางสาระสำคัญของพวกเขาลงในโลกของคุณในขณะนี้.
    <O:p</O:p
    Speaking and thinking in an imagistic manner that is free of time markers such as distance, limitations, separation, gender and polarities will greatly assist you to break the habit of time.
    <O:p</O:p
    การพูดและคิดในแบบจินตภาพจะปลดปล่อยตัวบ่งชี้เวลาเช่น ระยะห่าง, ข้อจำกัด, การแบ่งแยก, เพศ และความเป็นขั้ว ซึ่งจะช่วยคุณอย่างมากในการออกจากนิสัยของเวลา.
    <O:p</O:p
    Also, if you fully partake in every moment of your Present and release all thoughts of the illusions of the past and future, you will slowly calibrate your thought patterns to the fifth dimension.
    <O:p</O:p
    เช่นเดียวกัน, ถ้าหากคุณเข้าร่วมอย่างเต็มที่ในขณะปัจจุบันของคุณ และปลดปล่อยความคิดที่เป็นมายาของอดีตและอนาคตทั้งหมด, คุณจะตั้งค่ารูปแบบความคิดของคุณใหม่อย่างค่อยเป็นค่อยไปสู่มิติที่ 5.<O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2012
  14. Mr empty

    Mr empty เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    478
    ค่าพลัง:
    +3,374
    In the fifth dimension and beyond, patterns of thought and emotions travel in circles of multidimensional light and unconditional love. There are NO separate lines with myriad intersections. There are only flowing energy fields which travel in progressively creative fractal patterns.
    <O:p</O:p
    ในมิติที่ 5 และสูงกว่า, รูปแบบของความคิดและอารมณ์เดินทางในวงกลมของแสงสว่างหลากมิติและความรักที่ไม่มีเงื่อนไข. ไม่มีเส้นแบ่งด้วยทางแยกมากมาย. เป็นเพียงแค่สนามพลังงานที่ไหลไป ซึ่งเดินทางอย่างก้าวหน้าสร้างสรรค์รูปแบบแฟรคตอล.
    <O:p</O:p
    We await you within these patterns of the NOW,
    <O:p</O:p
    พวกเรารอคุณอยู่ภายในรูปแบบของ ขณะนี้,
    <O:p</O:p
    Your higher expression of SELF,
    <O:p</O:p
    ตัวตนที่สูงกว่าของคุณ,
    <O:p</O:p
    The Arcturians and our Galactic Friends


    (ตอนต่อไปข้อความที่ 6033 หน้าที่ 302)<O:p</O:p

    <O:p</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2012
  15. Senju

    Senju Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2010
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +94
    สวัสดีพ่อแม่พี่น้องเพื่อนๆที่เคารพ

    วันนี้ผมมีคลิปมานำเสนอครับ เป็นคลิปที่น่าสนใจมากเลยครับ


    ผมเลยอยากให้พี่ๆน้องๆเพื่อนๆถ้ามีเวลา ช่วยทำคลิปเป็นซับไทยหนะครับ

    ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าเป็นคลิปที่ดีและมีประโยชน์มากเลยครับ

    หากใครได้รับชมคงได้รับประโยชน์กันถ้วนหน้า

    ขอบคุณมากๆน่ะครับ ^^



    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=lEV5AFFcZ-s&feature=player_embedded](Official Movie) THRIVE: What On Earth Will It Take? - YouTube[/ame]
     
  16. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ดีเลยครับ ใครทำเป็น และสามารถทำได้
    ก็ช่วยทำหน่อยนะครับ ชาวโลกจะได้รู้ความจริง
    เกี่ยวกับอะไรบางอย่างเสียที

    Script ภาคภาษาอังกฤษของภาพยนต์ชุดนี้
    อยู่ในเอกสารแนบนี้นะครับ


    ........................................................
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  17. Chayutt

    Chayutt รูปเดิมไม่เคยเปลี่ยนเลยครับ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    6,408
    ค่าพลัง:
    +50,772
    ข้อความของชาว Arcturian ที่คุณ Mr empty โพสต์ไปนี่
    ผมไม่เข้าใจอยู่อย่างหนึ่งก็คือ การพูดและคิดแบบจินตภาพ
    หรือแบบ imagistic manner นี่มันเป็นยังไงหรือครับ
    ใครพอจะเข้าใจบ้าง ช่วยแชร์ไอเดียหน่อยนะครับ

    ส่วนอีกวิธีการหนึ่ง ที่จะทำให้ระดับความตระหนักรู้ไปอยู่ในมิติที่ 5
    และอยู่ใน the One ได้นั้น ก็คือ การจดจ่ออยู่แต่กับปัจจุบันขณะตลอดเวลา
    อันนี้เข้าใจครับ เพราะว่ามันคือหลักสติปัฏฐาน 4 ของทางพุทธเรานี่เอง


    ปล.

    Also, if you fully partake in every moment of your Present
    and release all thoughts of the illusions of the past and future,
    you will slowly calibrate your thought patterns to the fifth dimension.

    เช่นเดียวกัน, ถ้าหากคุณเข้าร่วมอย่างเต็มที่ในขณะปัจจุบันของคุณ
    และปลดปล่อยความคิดที่เป็นมายาของอดีตและอนาคตทั้งหมด,
    คุณจะตั้งค่ารูปแบบความคิดของคุณใหม่อย่างค่อยเป็นค่อยไปสู่มิติที่ 5.

    นี่ไงครับอีกวิธีการหนึ่งที่ผมพูดถึง แต่ว่า your Present นั้นไม่ใช่ปัจจุบันนะครับ
    เขาหมายถึง "ความเป็นตัวตนของเรา" ซึ่งก็ได้แก่ กาย เวทนา จิต และ ธรรม

    ส่วนเนื้อหาตอนที่บอกว่า "ให้มีสติจดจ่ออยู่กับปัจจุบันขณะของตัวเองตลอดเวลา" นั้น
    ก็คือ ท่อนที่ว่า fully partake in every moment ครับ และรวมถึงตอนนี้ด้วยครับ
    and release all thoughts of the illusions of the past and future



    ............................................................................
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 กันยายน 2012
  18. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ขอร่วมแบ่งปันไอเดียค่ะ

    การพูดหรือคิดแบบจินตภาพ ตามความเห็นส่วนต้ว เข้าใจว่า
    เป็นการมองภาพรวมทั้งหมดว่าทุกอย่างมีความเป็นไปได้หมด
    เพราะการพูดหรือคิดในมิติที่3 จะมีกรอบทางกายภาพที่อยู่ภายใต้สัมผัสทั้ง5
    อันประกอบด้วยกฎเกณฑ์ต่างๆ อะไรที่นอกเหนือจากนี้เราก็มักจะคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้
    และ มิติที่ 4 คือเวลา คือการเรียงลำดับ จากจุดนั้นไปจุดนี้ จากที่นี่ไปที่โน่น
    มีสองจุดเสมอในแต่ละครั้ง ทีละครั้ง มันจึงเกิดเป็นเส้นเวลาขึ้น

    การใช้จินภาพจึงเป็นการสื่อ ที่เมองห็นทุกอย่างเกิดขึ้นพร้อมกันได้หมดไม่ติดอยู่ภายใต้กรอบของเวลา
    เช่น ในบทความพูดเรื่องการทำมุม 90 มิติที่ 3 มีกว้างxยาวx ลึก
    เกิดเป็นกรอบของเมทริกซ์ขึ้น ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นพร้อมกันหมด
    แต่เรารับรู้ได้ทีละเรื่องเพราะถูกกำหนดจากการเรียงลำดับขั้นของมิติที่ 4

    การจินตภาพจึงเป็นการออกจากกรอบของทั้งมิติที่ 3 แลที่ 4

    เช่น ผู้ที่ทำงานด้านศิลปะ นักเขียน นักประดิษฐ์ ใช้การพูดและคิดผ่านจินภาพ
    นักศิลปะ พูดและคิดถ่ายทอดออกมาผ่านทางรูปภาพ
    นักเขียนพูดและคิดผ่านทางตัวอักษร
    นักประดิษฐพูดและคิดผ่านทางสิ่งประดิษฐ เป็นต้น

    ส่วนตัวทำงานแบบนี้ คิดงานเป็นภาพ สั่งงานเป็นภาพ
    เลยพออนุมานเอาว่าน่าจะเป็นแบบนี้

    การคิดและสื่อแบบจินตภาพคล้ายๆการใช้ mind mapping
    สร้างเรื่องราวด้วยสัญญลักษณ์จากจุดๆเดียวแล้วขยายออกไปมากมาย
    ทุกๆเรื่องเชื่อมโยงกันและกำเนิดมาจากแหล่งเดียวกัน
    ทุกๆอย่างสามารถเป็นไปได้หมด และเกิดขึ้นพร้อมกันหมด
    หลุดจากกรอบมิติที่ 3 หลุดจากการเรียงลำดับของเวลาของมิติที่ 4
    เพราะมันไม่ได้เรียงลำดับไปทีละเรื่อง มันเป็นแต่จุด จุด จุดของเวลา
    เพราะฉะนั้น มันเป็นเพียงจุด หากไม่ต่อเนื่องก็ไม่เป็นเส้น
    เขียนไปเขียนมาเริ่มงง...แหะ แหะ

    แต่จินภาพจะมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงได้ก็ต่อเมื่อมีการลงมือกระทำเท่านั้น
    และในจุดปัจจุบันขณะเท่านั้นเพราะมันเป็นจุดเดียวที่เราจะสามารถกระทำให้มันเป็นรูปร่างเป็นร่างขึ้นมาได้

    แล้วทำไม your Present จึงหมายถึงตัวตน
    เพราะมันเป็นการแสดงตน ณ ปัจจุบันขณะของเราเท่านั้น
    ซึ่งที่คุณชยุตเปรียบกับ สติปัฏฐาน 4 อันมี กาย เวทนา จิต และธรรม นั้น
    ก็คือการมีสติระลึกรู้ตัวอยู่เสมอ ณ ปัจจุบันขณะนั่นเอง

    มันคือจุดเดียวเท่านั้นที่จะสร้างสรรค์
    ให้สิ่งต่างๆเกิดเป็นจริงขึ้นมาได้
    ทั้งทุกข์และสุข
     
  19. kindred

    kindred เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +5,897
    ลืม...

    ขอบคุณ Mr Empty มากๆค่ะ
    บทความนี้ดีจัง ชอบมากค่ะ(smile)
     
  20. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ขอบคุณครับ ข้อความจาก Arcturian ชุดนี้น่าสนใจมากครับคุณ Empty
    ฟังดูซับซ้อนแต่ก็คล้ายๆจะเป็นคู่มือช่วยในการปรับตัวให้เข้ากับการสั่นสะเทือนสูงๆด้วยนะครับ

    ข้อความจากมิติสูงๆกว่านี่อ่านไปก็ทำให้ตาที่สามเปิดได้เลยนะครับเนี่ย
    หลายคนที่ติดตามอ่าน คงจะรู้สึกคล้ายๆนะครับ ว่าการรับรู้ของเรากำลังขยายตัวขึ้น
    แต่ก็เกินที่จะรับมาพร้อมกันทั้งหมดได้ในคราวเดียว เพราะเป็นอะไรไม่มีข้อจำกัดทางความจุเลย

    ใหม่ๆเราอาจคิดว่าข้อความเหล่านี้เป็นเพียงจินตนาการของใครคนใดคนหนึ่งที่จงใจทำขึ้น
    แต่หากลองศึกษาและเปิดใจดูล่ะก็ ต้องยอมรับว่าข้อความต่างมิตินี่เหล่าน่าทึ่งสุดๆครับ
    การถอดความจากแสงและเสียงให้ออกมาเป็นคำหรือเป็นภาษาพูดนี่ไม่ง่ายเลย ทั้งผู้แปลก็ด้วย
    ต้องใช้ความเอาใจใส่อย่างมาก กว่าจะเขียนกลับออกมาเพื่อสื่อสารและแสดงออกนะครับ

    แวะมาทักทายและให้กำลังใจเพื่อนๆหน่อย เพราะหายไปนานน่ะครับ
    อยากช่วยเซนจูทำ แต่ไม่มีว่างเลยครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...