เวลาที่โดนกรรมมากระทบคุณมีวิธีรับมือและแก้ไขอย่างไรกันบ้าง???

อยากทราบว่า เวลาที่เพื่อนๆโดนกรรมมากระทบ (กรรมส่งผล)ทำให้เกิด

ความขัดข้อง ปัญหา ความทุกข์ ความสุข เพื่อนๆรู้สึกกันอย่างไร และ

เพื่อนๆมีวิธีรับมือกับกรรมที่มากระทบอย่างไร อยากให้เพื่อนๆอธิบาย

อย่างน้อยเพื่อเป็นวิทยาทานให้กับผู้ที่กำลังมีปัญหา เผื่อจะเจอวิธีที่ดีๆ

 

เมื่อมีอารมณ์มากระทบก็ย่อมทุกข์
เราก็เลยเข้าสู่โหมดพระกรรมฐานที่ยอกย้อนอารมณ์กระทบนั้นๆ
โดยมากเมื่อดึงจิตให้สงบได้แล้วก็จะเข้าบท สังเวคปริกิจปาฐะ ต่อ

 

สำหรับผม ถ้าเจอเหตุการที่ต้องทำให้อึดอัดขัดเคืองใจบ่อยๆ ระยะหลังนี้จะเริ่มคิดพิจารณากับเรื่องในอดีตที่เคยกระทำบ่อยๆ แล้วใช้สมการของกฏแห่งกรรมเข้าแก้ อาทิ สมัยเด็กๆผมชอบจับไก่หรือสุนัขมาแล้วเอาดินทรายละเอียดๆกรอกตามันด้วยความสนุกสนาน ที่เห็นมันสะบัดหัวเพื่อพยายามเอาทรายออก แต่เหตุปัจจุบันคือผมขับรถมอเตอร์ไซด์มักเจอพวกแมลงเล็กๆเม็ดกรวดทรายที่เวลารถใหญ่ๆขับผ่าน กระเด็นเข้าตาทุกครั้งไป แมลงเคยเจอตัวเกือบเท่ามดปลิวเข้าตา น้ำตาไหลพรากๆ นานหลายวันกว่าจะเอาซากมันออกมาได้ ถึงแม้ปัจจุบันผมจะไม่ได้ลำบากยากจน แต่ก็ต้องขับมอเตอร์ไซด์ไปทำงานตราบจนวันนี้ และจะพบกับเหตุการดังกล่าวบ่อยๆ จนตาขาวมีรอยช้ำแดง โดนลมจะแสบมากน้ำตาไหล ผมเลยมาคิดว่า อ้อ นี่มันคือ อิทัปปัจจยตาหรือความเป็นเหตุและผลกันแน่แล้ว ผมยิ่งเชื่อในกฏแห่งกรรมมากขึ้นไปอีก

ปัจจุบันก็ทำใจยอมรับกับมัน พยายามสั่งสมบุญ ลดละการกระทำที่ไม่ดี หวังให้บุญชำระล้างบาปเก่าๆ เรื่องก็มีประมานนี้แหละครับ

 

เราจะคิดว่า "เออ...เราชดใช้กรรมอีกครั้งละ เดียวกรรมมันจะค่อยๆหมดไป เดี๋ยวมันก็หมด" ตอนนี้ชินละคะ

 

เอาแบบง่ายๆนะครับถือศีล 5 ให้ได้จริงๆ ก่อนครับเสร็จแล้วนำธรรมมะของครูบาอาจารย์ต่างๆ ที่เราเคารพจริงๆ นำมาเป็นแบบในการดำเนินชีวิตก็คือศรัทธาจริงๆไม่ใช่ฟังแค่รู้แต่ต้องปฎิบัติด้วยครับ ยกตัวอย่างเช่นธรรมมะของเจ้าคุณนร คนเราเมื่อมีลาภก็มีเสื่อมลาภ เมื่อมียศก็มีเสื่อมยศ เมื่อมีสุขก็มีทุกข์ เมื่อมีสรรเสริญก็มีนินทา เป็นของคู่กันมาเช่นนี้ จะไปถืออะไรกับปากมนุษย์ ถึงจะดีแสนดีมันก็ติ ถึงจะชั่วแสนชั่วมันก็ชม นับประสาอะไร พระพุทธเจ้าผู้ประเสริฐเลิศยิ่งกว่ามนุษย์และเทวดายังมีมารผจญ ยังมีคนนินทาติเตียน ปุถุชนอย่างเราจะรอดพ้นจากโลกธรรมดังกล่าวแล้วไม่ได้ ต้องคิดเสียว่าเขาจะติก็ช่าง ชมก็ช่าง เราไม่ได้ทำอะไรให้เขาเดือดเนื้อร้อนใจ ก่อนที่เราจะทำอะไรเราคิดแล้วว่า ไม่เดือดร้อนแก่ตัวเราและคนอื่นเราจึงทำ เขาจะนินทาว่าใส่ร้ายอย่างไร ก็ช่างเขา บุญเราทำ กรรมเราไม่สร้าง พยายามสงบกาย สงบวาจา สงบใจ จะต้องไปกังวน กลัวใครติเตียนทำไม ไม่เห็นมีประโยชน์ เปลืองความคิดเปล่า ๆ แค่นี้ครับ อะไรมากระทบทวารทั้ง 6 ถ้าเราปฎิบัติธรรมจริงๆ ยังไงก็ไม่หวั่นไหวกับสิ่งที่มากระทบเราอยู่แล้ว ยิ่งถ้าเราศึกษาธรรมมะเพื่อดับทุกข์จริงๆ ไม่ใช่เพียงแค่ศึกษาแต่ไม่ปฎิบัติยังไงเสียความทุกข์หรือความสุขเข้ามาคุณก็หลงไปตามโลก
ก็เท่านั้นครับบอกว่ายากจะพ้นทุกข์ คุณก็เป็นเหมือนคนทั่วไปในโลกนี้แล้วดูเวปนี้แล้วปลงอสุภะ เกสา โลมา นขา ทันตา ตโจ แล้วคุณจะเข้าใจชีวิตจริงๆขอให้คุณดูให้จบครับ นี่ละครับวิธีคิดของผมทุกวัน แล้วคนเรามีอะไรให้ยึดเมื่อไม่มีอะไรยึดคุณก็ไม่รุ้สึกว่าอะไรมากระทบคุณ ไม่ว่าสุข หรือทุกข์ หรือเรื่องอะไรต่างๆเป็นเพียงสิ่งสมมตเท่านั้นhttp://www.ranthong.com/smf/index.php?topic=28895.0

 

ชนมันไปตรงเลยครับ อย่าหลบเลี่ยง ยิ่งหลบยิ่งตาม ยิ่งแรง แต่เราต้องชนแบบมีสตินะ ไม่ใช่ขาดสติ มีหลักการด้วย ทุกอย่างมีเหตุ เมื่อมีเหตุก็ต้องมีผลตามมา อยากได้ผลเช่นไรก็ทำเหตุอย่างนั้นให้มาก ๆ สวัสดี

 

ผมกลับมาดูใจครับ

ดูว่า โดนกระทบ แล้ว จิตมันวิ่งไปไหน ใจมันเกิดอารมณ์อะไรขึ้นมาบ้าง
ดูให้เห็นว่า ใจนี่มันแปรปรวนยิ่งกว่าอะไรดี วินาทีนึง เสียใจ อีกวินาทีนึงดีใจ แล้วอีกวินาทีนึงก็กลับมาเสียใจ

 

หมั่นทำความดีและยอมรับกับผลกรรมที่เกิดขึ้น ทำบุญอุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรที่เราทำเอาไว้ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ แผ่ส่วนกุศลจากการสวดมนต์และนั่งสมาธิให้เจ้ากรรมนายเวรทุกวัน ทุกเวลาที่นึกได้ อย่างน้อยก็จะทำให้เราสบายใจขึ้นและกรรมก็พอจะเจือจางลงได้บ้าง เวลาจิตมีอะไรมากระทบมาก ๆ ก็ย่อมทำใจยากเป็นธรรมดา ก็ได้แต่ พยายามดูจิตตัวเองให้มากที่สุด ถึงแม้ว่าบางครั้งก็แทบตามจิตตัวเองไม่ทันแต่ก็ต้องพยายามหาอะไรทำให้จิตไม่ว่างมากที่สุดไม่อย่างนั้นก็จะฟุ้งซ่านแทบตายเหมือนกัน

 

หนูจะใช้ตัวรู้คือรู้ว่าเวลาโกรธ เราโกรธอยู่นะ เวลาเสียใจ ก็ชั้นเสียใจ แต่บางครั้งก็ปื้ดแตก ต้องเลี่ยงออกไปและนึกว่าเราโกรธอยู่ คิดว่ามันไม่ดีๆๆอย่าทำๆจนกว่าจะใจเย็น ถ้าเวลาเศร้ามากมีปัญหาเยอะเวลาร้องไห้ก็จะปล่อยให้ร้องออกมาคุยกับระบายกับรูปครูบาอาจารย์และขอทางแก้ไข ขอสติ ซึ่งก็ได้ผลทุกครั้ง ใจจะเย็นขึ้นและจะค่อยๆคิดแก้ไขได้ (คงเป็นเพราะเรามีสติขึ้นหลังจากระบายความอัดอั้นและยึดครูบาอาจารย์เป็นกำลังใจ มองรูปท่านแล้วรู้สึกอุ่นใจและปลงกับปัญหาได้ไวขึ้น) นี่อาจจะไม่ใช่ทางที่ถูกแต่สำหรับตนเองแล้ว ใช้ตลอดค่ะ

 

เรื่องเนี๊ยะมันกำลังเข้ามาอยู่ในจิตใจหัวสมองเราเลย เคยป่ะเวลาแบบว่าเราโดน

กรรมหนักๆมากระแทกจนคิดว่าหนักจริงๆอ่ะ แล้ว จนบางทีคิดว่าโอยไม่อยาก

ทำบาปอีกแล้วอ่ะกลัว เวลารับผลนี่ทรมาน(ชิบ)หาย(ขอโทษที่หยาบแต่คิดยังงี้จริงๆ)

มันน่ากลัวกว่าผีอีก ช่วงแรกๆเราก็กลัวนะเข็ดนะ แต่บางเวลามันก็มีเผลอไปทำอีก

ประมาณ(แหมยังไม่เข็ดจริง) แล้วหลังๆมีโดนกรรมกระแทกอีกทีนี้เริ่มคิดใหม่ อย่าง

ที่หลายท่านว่าล่ะว่า เออ ชดใช้ไปนะ แล้วเราต้องอุดรูรั่ว(ศีล)ให้ดีนะ ทำผิดข้อไหน

ก็พยายามทำให้กระจ่าง ตอนนี้ก็อยู่ในขั้นพยายามทำศีลให้ดีก่อน ถ้ารักษาไม่ดีมันก็พาเราไปทุกข์อีก

เมื่อวานนี้ เรานึกนะว่า ชีวิตเราเนี่ยเหมือนเดินบนถนนไปเหมือนเป็น ๓ เลนส์ เราเดิน

ไปตรงกลาง ทางเลนส์ขวาสีดำ(กรรมชั่ว) เลนส์ซ้ายสีขาว (กรรมดี) เราชอบแวะไป

หลงกับกรรมชั่วเรื่อยเลย มันเลยทำให้เราคิดว่า เออถ้าเราจะไม่ทำกรรมให้ตัวเดือด

ร้อนอีกเราต้องประคับประคองตัวเองนะ


ก็เลยต้อง เหมือนประคับประคอง สติ ไม่อยากจะไปหลงกับอะไรๆมาก โดยเฉพาะช่วง

ตอนช่วงที่ว่างๆเวลาปกติที่ปัญหาหรือความมัวเมายังไม่มานี่หล่ะ เราว่าช่วงนี้ก็

สำคัญทีเดียว บางทีกรรมไม่ดี มันก็เริ่มก่อตัวและสะสมไปจากช่วงเวลาว่างๆและไม่มี

สติไม่สนใจพิจารณาไปอย่างช้าๆนี่ล่ะ พอถึงจุดปุ๊บมันจะพาเราทำชั่วทันที ออและก็พยายาม

ทำกรรมดีด้วยจะได้ช่วยกันดึงๆอีกที


สรุปช่วงนี้ก็ระวังแจเลย๕๕๕๕ เอายังงี้ไปก่อน
ใครมีเทคนิคอะไรก็มาเล่ามาแชร์กันอีกได้เน้อ สนุกๆดี

 

อืม

ถ้าเจอเรื่องขัดใจ จะหงุดหงิด มาวิบหนึ่ง แล้วจะหาสาเหตุ เพื่อแก้ใข ต่อไป

แต่ถ้าเจอวิกฤต หรือรู้ว่าภัย อันตราย มาถึงตัว จะวางอารมณ์ต่างๆนาๆ ชั่วคราว แล้วท่องพุทโธๆๆๆ เรียกสติ จากนั้น
ก็ยิ้มเล็กน้อย(เพื่อปลอบใจตนเองก็เรามันยิ้มหวาน)
ก็รวบรวมสรรพวิชา สติปัญญาความสารพิษ เอ้ยความสามารถ เพื่อแก้ใขสถานการณ์ เบื้องหน้าให้พ้นภัยไปก่อน

พอพ้นเรื่องซวย เรื่อง ๑ ไปแล้ว
ข้าพเจ้าจะวิ่งแจ้น ไปทำสังฆทาน ทั้งปล่อยปลาด้วยเอิกเริก
แล้วทำใจให้เย็น แจ่มใสให้มากที่สุด เพื่อเตรียมรับมือกับ เคราะห์กรรมลำดับต่อไป

ไม่ใช่อะไร
จากประสบการณ์พบว่า
ลองเราได้ดวงตกนะ เรื่องซวยหรือเรื่องเดือดร้อนจะมารุมสุม พร้อมกันเป็นมหกรรม
หรือ
ที่โบราณว่าผีซ้ำด้ำพลอย นั่นเอง

หากตั้งสติไม่ดี ประเดี๊ยวไม่มีแรง กำลัง ไปรับมืออุปสรรค ลำดับต่อไปนะ


ปล.การรักษาศีลให้เป็นปกติ บวกความกตัญญูรู้คุณ นั้น สามารถคุ้มครองให้พ้นภัยได้อย่างอัศจรรย์

 

สาธุ เยี่ยมเลยๆ

เมื่อกี้ไปอ่านเจอ กระทู้นี้มา

http://palungjit.org/threads/ภัยใหญ่ของมนุษย์.362840/

พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้อย่างดีมากว่า

อืมนี่แหละที่พวกเราทั้งหมดต้องมานั่งทุกข์ เพราะนี่แหล่ะ ต้องหาทางตัดตัวนี้ บังเอิญเราไปเจอวีดีโอของหมอเขียว วีดีโอหนึ่งเราดูแล้วรู้สึกว่า ดีมากเลยอ่ะ ท่านแนะวิธีตัดกาม อ่ะแบบไม่ยากเท่าไร ถ้ามีบางคนนำไปทำเราว่าอาจจะทำได้ และหมอเขียวบอกว่า พอตัดไปได้เรื่องนึงก็จะตัดในกามเรื่องอื่นๆได้ง่ายขึ้น ลองๆดูกันนะ ดีจริงๆ

พวกเรามัวแต่สงสัยผลกันอยู่นานแล้ว ลองมาหาเหตุมาตัดเหตุกันบ้างเน๊อะๆ

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=7v6gH01M9_E]120811_2ทุกข์อื่นยิ่งกว่ากามไม่มี - YouTube[/ame]
​

 

ผมเป็นแค่ผู้ด้อยปัญญา แค่มาอนุโมทนากับทุกๆท่านครับ......ขอให้ทุกๆท่านเจริญในธรรมครับ.......

 

สู่กรรมค่ะ สู่แล้วก็ตัด อิอิ