10 เหตุผลดีๆ ที่จะไม่กินเนื้อสัตว์

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย ~:*พนมวัน*:~, 30 กรกฎาคม 2011.

  1. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    หลีกเลี่ยงได้น่าจะมีผลดีกว่ามากมาย ดังข้อความอ้างอิงข้างล่าง ลองพิจารณาดุ

    ******************************************

    นานาทัศนา ชาวพุทธควรบริโภคอาหารมังสะวิรัติ


    นานาทัศนา ชาวพุทธควรบริโภคอาหารมังสะวิรัติ
    เพราะผมกินไม่ลงน่ะสิครับ ซากศพที่เกิดจากการฆ่าอย่างทารุณ


    >พวกคุณเคยคิดบ้างไหมว่าสัตว์เหล่านั้นเจ็บปวดแค่ไหน

    >ถ้าจะให้ผมกินอาหารไปพร้อมกับเจริญอสุภกรรมฐานไป ก็คงจะอาเจียน

    >

    >สำนักพุทธศาสนาฝ่ายเถรวาทมักอ้างว่า

    >พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงห้ามนักบวชกินเนื้อสัตว์

    >เพราะชาวบ้านถวายอาหารอย่างไรก็ควรรับไว้ แต่

    >ในบริเวณประเทศอินเดียคนมักจะถวายอาหารแก่นักบวชและสมณะพราหมณ์ด้วยอาหารมังสวิรัติ

    >เพราะถือกันว่านักบวชเป็นผู้ปฏิบัติธรรม

    >ไม่ควรมีส่วนในบาปที่ทำลายเลือดเนื้อและชีวิตของสัตว์อื่น

    >

    >ผู้สืบเชื้อสายศากยวงศ์คือตระกูลเจ้าชายสิทธัตถะ โคตมะ ได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่า

    >ศากยวงศ์กินอาหารมังสวิรัติกันมาทั้งตระกูลสืบต่อกันมานานแสนนานแล้ว

    >

    >"อทินนาทานา เวระมณีสิกขาปะทังสะมาธิยามิ" ศีลข้อสองที่ชาวพุทธสมาทานกันว่า

    >ข้าพเจ้าจะไม่ลักขโมย คือไม่เอาของของผู้อื่นมาเป็นของตน

    >โดยมิได้รับอนุญาติจากเจ้าของเสียก่อน

    >คุณคิดว่าการเอาเลือดเนื้อของสัตว์เพื่อมาทำอาหารน่ะ

    >สัตว์เหล่านั้นอนุญาตแล้วหรือยัง ถ้ามันอนุญาตมันก็คงยอมให้ฆ่าแต่โดยดี

    >ไม่ต้องวิ่งหนี ไม่ต้องมีน้ำตาร้องขอชีวิต

    >เคยได้ยินไหมครับว่ามีวัวตัวหนึ่งที่กำลังจะถูกฆ่า

    >มันหนีออกมาได้มันก็วิ่งเข้าไปในรัฐสภา!


    ผู้บริโภคพืช สุขภาพดีกว่าผู้บริโภคเนื้อสัตว์





    การบริโภคเนื้อสัตว์ นำมาซึ่งความเสียหายและเภทภัยต่างๆสู่โลกใบนี้



    >1. การที่คนเราบริโภคเนื้อสัตว์กันอยู่


    >ทำให้เกิดอุตสาหกรรมเกี่ยวกับอาหารที่ทำจากสัตว์เกิดขึ้นมากมาย

    >ซึ่งโรงงานเหล่านี้จำเป็นต้องมีวัตถุดิบป้อนโรงงานตลอดเวลา นั่นก็คือ

    >เนื้อสัตว์ทั้งหลาย จึงเกิดการเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่

    >เป็นปศุสัตว์และฟาร์มสัตว์จำนวนมาก



    2. การทำฟาร์มสัตว์และปศุสัตว์ขนาดใหญ่และมากมายก่อให้เกิดการใช้แหล่งน้ำจืดและน้ำจืดจำนวนมหาศาล

    >ทำให้เกิดการขาดแคลนแหล่งน้ำจืด นำมาซึ่งความแห้งขอดของบ่อน้ำใต้ดิน

    >และเกิดความอดอยากตามมาในหลาย ๆ ประเทศที่กำลังประสบอยู่


    4. การใช้พื้นดินจำนวนมากนี้ ย่อมทำให้เกิดการบุกรุกทำลายป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์

    >เมื่อป่าไม้ถูกทำลายมากขึ้น

    >ย่อมส่งผลให้เกิดการทำลายความอุดมสมบูรณ์ของหน้าดินและความสมดุลย์ของระบบนิเวศน์

    >ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์สูญหาย ล้มตายไปเป็นจำนวนมาก

    >บางชนิดก็สูญพันธุ์ไปแล้ว พืชพรรณมากมายในป่า

    >ซึ่งใช้เป็นสมุนไพรรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ก็ลดน้อยลงหรือสูญพันธุ์ไปเลยก็มี


    > 5. เมื่อป่าไม้ถูกทำลายลงมากขึ้น ก็ทำให้สมดุลย์ของธรรมชาติเสียหาย

    >ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันหรือฝนแล้ง

    >ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตของคนเราในที่สุด



    > 6. นอกจากนี้การทำลายป่า ยังได้ทำลายสมดุลย์ของอากาศไปด้วย

    >เหตุเพราะตามปกติต้นไม้ใหญ่จะมีระบบรากซึ่งดูดซึมน้ำไว้ในดิน แล้วค่อย ๆ

    >คายน้ำออกมาในตอนกลางวัน (ต้นไม้ใหญ่แต่ละต้นคายน้ำออกมาถึงวันละ 40 แกลลอน)

    >ทำให้เกิดความชุ่มชื้นในอากาศและขบวนการสังเคราะห์แสงของต้นไม้ในตอนกลางวัน
    จะดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากบรรยากาศและคายก๊าซออกซิเจนออกสู่บรรยากาศ

    >เมื่อต้นไม้ใหญ่เหล่านี้ถูกทำลายไปก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในบรรยากาศจึงมากขึ้นในขณะที่ก๊าซออกซิเจนน้อยลง

    >ส่งผลให้เกิดภาวะเรือนกระจกซึ่งทำให้อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้น


    > 7. การที่คนเราบริโภคเนื้อสัตว์อย่างมากมาย

    >ส่งผลให้มีการใช้พลังงานและเชื้อเพลิงธรรมชาติ เช่น

    >น้ำมันและก๊าซธรรมชาติอย่างมากมาย ซึ่งการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงเหล่านี้

    >ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศของโลกจำนวนมาก รวมทั้งก๊าซอื่น ๆ

    >ส่งผลให้เกิดภาวะเรือนกระจก ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น


    > 8. การที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้น ย่อมก่อให้เกิดภัยธรรมชาติต่าง ๆ เช่น

    >พายุที่รุนแรง น้ำท่วม ฝนแล้ง และความอดอยากต่อประชากรของโลก


    > 9. นอกจากผลกระทบต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว

    >การเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหารของคนเรานั้น

    >ยังได้ก่อให้เกิดมลภาวะจากมูลสัตว์และซากสัตว์จำนวนมหาศาล

    >รวมทั้งมลภาวะจากสารเคมีและยาปฏิชีวนะที่ใช้ในการเลี้ยงสัตว์จำนวนมากเหล่านั้น

    >และมีโอกาสทำให้เชื้อโรคต่าง ๆเกิดการดื้อยาได้หรือมีการกลายพันธุ์

    >ทำให้เกิดโรคระบาด

    >ทั้งในหมู่สัตว์เลี้ยงเองหรือติดต่อมาถึงมนุษย์ได้ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลกระทบต่อมนุษยชาติทั้งสิ้น

    >

    >จากหัวข้อที่ได้ศึกษากันมาตั้งแต่ต้นพอจะเห็นได้ว่าการละเว้นจากการบริโภคเนื้อสัตว์และหันมากินพืชผัก

    >ผลไม้และธัญพืชให้ถูกวิธีย่อมมีผลดีต่อสุขภาพร่างกายอย่างแท้จริง

    >ทำให้ร่างกายแข็งแรงมีความทรหดมากขึ้น มีความว่องไวมากขึ้น นอกจากนั้นแล้ว

    >คนเรามิใช่เพียงแต่มีร่างกาย ซึ่งเป็นกายเนื้อเท่านั้น

    >แต่คนเรายังมีจิตวิญญาณซึ่งเป็นจิตเดิมแท้

    >ซึ่งเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสารแห่งการเกิด ตาย ในชาติกำเนิด 4 ภูมิวิถี 6

    >มาหลายหมื่นปีตามกฏแห่งกรรมคือ ตามผลที่ได้กระทำไว้ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ

    >

    >พระพุทธองค์ได้ตรัสถึงความยากลำบากในการเกิดกายเป็นคนว่าล้วนต้องบำเพ็ญธรรม
    ติดต่อกันมาหลายชาติกว่าจะได้กายเป็นคน

    >แต่คนทั้งหลายเมื่อได้เกิดมาแล้ว

    >กลับไม่พยายามถนอมรักษาร่างกายนี้ให้ดีคิดแต่อยากจะกินก็เอาปากไป

    >กินแล้วฆ่าสัตว์ตัดชีวิต สร้างกรรมกันไม่รู้จบ

    >คนกับสัตว์รูปร่างต่างกันแต่จิตวิญญาณนั้นเหมือนกัน ชาตินี้ฆ่าฟันทำลายผู้อื่น

    >ชาติหน้าต้องไปถูกเขาฆ่าตามกฏแห่งกรรม ชาตินี้กินเนื้อเขา

    >ชาติหน้าก็ต้องถูกเขากิน พระพุทธวจนะในมหายานสูตรกล่าวว่า

    >“บุคคลใดงดเว้นจากการกินเลือดกินเนื้อสัตว์ทั้งปวง

    >ย่อมกระทำมหาเมตตาบารมีให้เต็มบริบูรณ์

    >หากบุคคลใดยังหลงกลืนกินเนื้อสัตว์ทั้งหลายอยู่

    >เขาได้ชื่อว่าทำลายเมล็ดพันธุ์แห่งพุทธะที่มีอยู่ในตนย่อมต้องได้รับบาปอย่างมหันต์

    >ผู้ที่บำเพ็ญธรรมหากยังไม่หยุดกินเนื้อก็ไม่สามารถบำเพ็ญไปตลอดรอดฝั่ง”


    > การไม่บริโภคเนื้อสัตว์ ก็คือไม่เบียดเบียนผู้อื่นและไม่เบียดเบียนตัวเอง

    >การบำเพ็ญปฏิบัติธรรมนั้นคือ บำเพ็ญปฏิบัติตามรอยพระอริยเจ้า

    >สิ่งที่พระอริยะกระทำคือ ทั้งภายในและภายนอกประสานกลมกลืน ภายในเมตตา

    >ภายนอกก็เมตตา พระพุทธองค์กำหนดศีลข้อที่ 1 ห้ามฆ่าสัตว์ตัดชีวิต

    >มิใช่แต่ไม่ฆ่า แต่ต้องไม่ไปทำให้ผู้อื่นฆ่าด้วย การฆ่าสัตว์นั้น หมายถึง

    >ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทรางตรงคือฆ่าเอง ทางอ้อมคือเราต้องการกิน

    >แล้วคนอื่นฆ่ามาให้เรากิน หรือขายให้เรากิน หยุดกินคือหยุดการฆ่า

    >คนเรานั้นสามารถอยู่ได้โดยไม่ต้องเบียดเบียนผู้อื่น ไม่ต้องเอาน้ำตา

    >เอาชีวิตเอาจิตวิญญาณของผู้อื่นมาต่อชีวิตของเรา ไม่ต้องเอากองกระดูกผู้อื่นมา

    >เพื่อให้เราก้าวเข้าไปสู่ที่ต่างๆ


    >ตามปกตินิสัยของคนเราส่วนใหญ่มักจะกลัวสุสานป่าช้าที่ฝังร่างคนตาย

    >เมื่อเดินผ่านในยามวิกาล ก็จะรู้สึกขนลุกเรียกว่า กลัวสุสาน

    >แต่หารู้ไม่ว่าตัวเองซึ่งบริโภคเนื้อสัตว์นั้น

    >มีซากสัตว์ถูกฝังอยู่ในท้องตัวเองจำนวนมากมายเท่าไหร่

    >เป็นสุสานเคลื่อนที่ได้แต่กลับไม่กลัว


    >อันที่จริงมนุษย์เรานั้นมีปัญญาล้ำเลิศอยู่แล้ว

    >เพียงแต่ถูกกิเลสความอยากบดบังไว้เท่านั้น เพียงแต่ตัดความอยากกินออกไป

    >ปัญญาก็จะเกิดสามารถแยกแยะได้ว่า สมควรจะบริโภคเนื้อสัตว์อีกต่อไปหรือไม่

    มีบันทึกเกี่ยวกับอาหารมังสะวิรัติ เกี่ยวเนื่องจากนักบวชในพุทธศาสนาซึ่งได้มีการตีพิมพ์
    หลายครั้ง แต่ไม่ได้รับสนใจ และ โดนบิดเบือนข้ออ้าง ต่าง ๆ นานา มานาน โดยเฉพาะ
    สมัยท่านพุทธทาสภิกขุ ซึ่งได้ศึกษา พุทธวจนะ คำภีร์โบราณจารด้วยภาษาบาลี และถ่ายทอด
    ออกมาเป็นภาษาไทย ก็ได้รับการโจมตีอย่างรุนแรงเมือสมัย 50-60 ปีด้วยถ้อยคำสบถ
    กร้าวราวต่าง ๆ นานา แต่ความจริง ก็เป็นความจริง

    ยิ่งภาวะการเจ็บป่วยจากการบริโภคเนื้อสัตว์ มีมากขึ้น ด้วยโรคภัยร้ายแรงนานาชนิด
    ณ ปัจจุบัน หลักฐานทางการแพทย์ทั่วโลกได้ต่างยืนยัน ถึงภัยอันตรายนานาประการ
    จากเนื้อสัตว์ เพิ่ม ความเสี่ยงภัย ทั้งโดยตรง และ โดยอ้อม เช่น โรคมะเร็งนานาชนิด
    โรคหัวใจ โรคไขมันอุดตัน โรคเบาหวาน โรคโลหิตเป็นพิษ และ อีกสารพัด โรคร้าย

    ------------------------------------------------------------------------------------------------

    เรือ่งแผ่เมตตา

    อยากให้เพื่อน ได้เข้าดูเวป ที่แนบมา

    ชีวิตที่ร่ำไห้
    เจ้าของลิขสิทธิ์ ผู้ผลิต คือ สำนักพิมพ์ ส่งเสริมคุณภาพชีวิต
    เพื่อให้เราตระหนักถึงคำที่<WBR>พระพุทธตรัสว่า.. เมตตาธรรม ค้ำจุนโลก
    พาไปดูเบื้องหลังของชีวิตสัตว์<WBR>ที่เรา-ท่านทั้งหลายบริโภคกัน ตั้งแต่ถูกเลี้ยงมา กระทั่งถูกลำเลียงมา ฆ่า

    มองให้เห็นถึงใจเขาใจเรา โดยเอาใจเราไปใส่ใจเขา รับรู้และรู้สึกเหมือนเขา นำมาเปรียบกับเราอีกที

    เป็นความจริงว่า.. สัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเขา จะเราก็ย่อมรักตัว กลัวตายทั้งสิ้น

    ทุกเหล่าสรรพสัตว์มีวิญญาณ การรับรู้ เจ็บเป็น กลัวเป็น

    เราท่านซึ่งเป็นมนุษย์(แปลว่าผู<WBR>้ที่มีใจสูง)ที่ยังคงบริโภคสั<WBR>ตว์อื่นอยู่ด้วยความสะใจ จะสะท้อนคิดไหม ว่าหากเราโดนกระทำเช่นนั้นบ้าง หรืออาจจะกับพ่อแม่และคนที่<WBR>เรารัก เราจะรู้สึกอย่างไร

    กรรมใดใครก่อ คนนั้นก็ต้องรับกรรม

    กินตามใจปาก ตามความอยากจนเคยตัว โดยขาดปัญญา ไม่คำนึงถึงที่มา ว่าทุกชิ้น-เนื้อที่เข้าปาก มันคือชีวิตที่สูญเสียไป

    ว่ากันว่า "ป่าช้าที่ใหญที่สุดในโลกนี้ อยู่ที่ท้องคน" เป็นความจริง เพราะเติบโตมาจนบัดนี้จะมีใครสั<WBR>กกี่คนรู้ได้ว่า มีกี่ศพ กี่ชีวิตแล้ว ที่ต้องสังเวยให้แก่เรา นั้นเพราะว่ามันมากมายมหาศาล

    กระแสแห่งกรรมย่อมทำหน้าที่<WBR>ของมันโดยเที่ยงธรรม

    ก่อนจะสายเกินไป มากู้เมตตาธรรมที่มันแอบอยู่<WBR>ในหลืบใจเรากลับคืนมาซิครับ

    ใครที่ผ่านการเข้าค่ายคุ<WBR>ณธรรมมาบ้างแล้ว อาจจะได้ดูบ้างแล้ว ก็ถือว่าเป็นการมาย้ำสำนึก เพื่อนสมาชิกอื่น ๆ ยิ่งต้องดูครับ

    เวปลิงค์ ที่เข้าไปดูได้

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=RxTnxG4Hzmk"]www.youtube.com/watch?v=<WBR>RxTnxG4Hzmk[/ame]
    file:///D:/user/touu034272334




    --------------------------------------------------------------------------
    อันตรายอาหารเนื้อสัตว์ ก่อให้เกิดโรคมะเร็งร้ายหลาย ๆ ชนิด
    ----ยืนยันจากผู้เชี่ยวชาญ และ ทีมคณะแพทย์ชื่อดังระดับโลกที่<WBR>ทำการศึกษาวิจัยจาก
    ผู้ ป่วยกว่า 500000 คนท่วโลก ใช้เวลากว่า 7 ปี โดยทีมนักวิทยาศาสตร์ แพทย์ กว่า 12000 คน
    โดยการสนับสนุนสถาบันวิจัย โรคมะเร็ง แห่งสหรัฐ
    National Cancer Research Institue - USA
    สถาบันโรคมะเร็ง แห่ง WHO
    The World Cancer Research Fund ( WCRF )
    และวารสารสุขภาพชื่อดังระดั<WBR>บโลกกว่า 100 ฉบับรวมถึง
    เอกสารทางการแพทย์ จากมหาวิทยาลัยแพทย์ชื่อดังก้<WBR>องโลก

    <WBR>
    ข้อมูลที่น่าสนใจในเวปข้างล่าง

    http://www.watisan.com/<WBR>showdetail.asp?boardid=1080
    ******************************<WBR>****************

     
  2. DevaIsis

    DevaIsis เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    2,005
    ค่าพลัง:
    +4,600
    ลมปราณในร่างกาย เกิดจาก พลังชี่

    พลังชี่เข้มข้น เกิดจากการกินเนื้อสัตว์

    พระพุทธองค์ไม่ทรงบัญยัติห้าม หากแต่ทรงกล่าวว่า จงทานอาหารที่เหมาะแก่สภาพร่างกาย และส่งเสริมการปฏิบัติธรรม ของตนเอง

    จำไว้ !!!
     
  3. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    พระพุทธศาสนากับมังสวิรัติ : ประเด็นข้อเท็จจริง


    โดย พระศรีคัมภีรญาณ (สมจินต์ สมฺมาปญฺโญ ป.ธ.๙, Ph.D)



    สมัยหนึ่ง พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ พระเวฬุวันวิหาร กรุงราชคฤห์ ภิกษุณีอุบลวรรณาอยู่ในกรุงสาวัตถี เข้าไปบิณฑบาตในกรุงสาวัตถี กลับจากบิณฑบาตเข้าไปพักผ่อนในป่าอันธวัน ขณะนั้น พวกโจรลักโค ฆ่าชำแหละเอาเนื้อ ย่างสุกแล้วคัดเลือกเนื้อดีเอาใบไม้ห่อแขวนไว้ใกล้ภิกษุณีอุบลวรรณา โดยมีเจตนาจะถวายภิกษุณีอุบลวรรณารู้เจตนาจึงถือเอาเนื้อนั้นเหาะไปยังพระ เวฬุวันวิหารฝากเนื้อไว้กับพระอุทายี เพื่อน้อมนำไปถวายพระพุทธเจ้า

    กินเนื้อสัตว์ผิดศีลข้อปาณาติบาตหรือไม่ ?

    เกณฑ์ในการตัดสินว่ามีการล่วงละเมิดศีลข้อปาณาติบาต หรือไม่ มีอยู่ ๕ ประการ คือ

    ๑) สัตว์มีชีวิต

    ๒) รู้ว่าเป็นสัตว์มีชีวิต

    ๓) มีจิตคิดจะฆ่า

    ๔) มีความพยายาม

    ๕) สัตว์ตายด้วยความพยายามนั้น



    เมื่อ องค์ประกอบครบ ๕ อย่างนี้ ถือว่าผิดศีลหรือล่วงละเมิดศีลข้อนี้ ถ้าไม่ครบก็ถือว่ายังไม่ล่วงละเมิด แต่ชื่อว่าทำให้ศีลข้อนี้ทะลุ (ขาดตรงกลาง) ทำศีลข้อนี้ให้ด่าง ทำให้ศีลข้อนี้พร้อมเพราะฉะนั้น ต่อคำถามที่ว่า กินเนื้อสัตว์ผิดศีลข้อปาณาติบาตหรือไม่ ? จึงตอบได้เป็น ๒ ลักษณะ คือ (๑) ฆ่ากินเองผิดศีลข้อปาณาติบาต แต่จะเหมาะสมหรือไม่เป็นประเด็นที่จะอภิปรายต่อไป แต่ก่อนที่จะอภิปรายกฎหมายบ้านเมืองพูดถึงการสมรู้ร่วมคิดกันกระทำความผิด การมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดกินเนื้อสัตว์ที่คนอื่นฆ่า เช่นไปซื้อมาจากตลาด สั่งให้เขาจัดหาไว้ให้แล้วไปซื้อเอา หรือคนอื่นนำมาให้เพราะรู้จักกัน กินในลักษณะอย่างนี้ ธรรมเนียมพระสงฆ์ถือว่ามีความผิด



    กินเนื้อสัตว์เหมาะสมหรือไม่ ?

    ๑) ประเด็นทั่วไป

    คำว่า “ถูกต้อง” กับคำว่า “เหมาะสม” มีนัยต่างกัน “ถูกต้อง” หมายถึง
    ไม่ผิดบทบัญญัติด้านพระวินัยหือศีลธรรม ส่วนประเด็นเกี่ยวกับความเหมาะสมหรือ
    ไม่เหมาะสม ต้องอภิปรายคำว่า “สุจริต” กับคำว่า “ยุติธรรม” ก่อน ซึ่งทั้ง ๒ คำนี้มี
    นัยต่างกัน คำว่า “สุจริต”มีนัยบ่งถึงความถูกต้องเชิงศาสนา เช่น พระพุทธศาสนา
    แสดงกายสุจริต ๓ วจีสุจริต ๔ มโนสุจริต ๓ กล่าวเฉพาะกายสุจริต ๓ คือ

    ๑) เว้นจากการฆ่าสัตว์
    ๒) เว้นจากการลักฉ้อ
    ๓) เว้นจากการประพฤติผิดในกาม

    จะเห็นว่า กายสุจริตข้อหนึ่งคือเว้นจาการฆ่าสัตว์ คนที่มีกายสุจริตอย่างหนึ่งคือ
    เว้นจากการฆ่าสัตว์ รักษาศีล ข้อปาณาติบาตบริสุทธิ์บริบูรณ์

    ส่วน คำว่า “ยุติธรรม” มีนัยบ่งถึงความเหมาะสม ยอมรับ เช่น ในกระบวนการยุติธรรม
    ทางศาล การตัดสินคดีบางอย่างอาจถูกต้องตามกระบวนการยุติธรรม แต่ต้องยอมรับ
    ว่าในบางคดีอาจไม่ถูกต้องนัก คนที่ทำผิดมากอาจผิดน้อยขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานคน
    ที่ผิดน้อยอาจผิดจาก ถ้าหาเหตุผลมาแสดงความบริสุทธิ์ไม่ได้

    ๒) ประเด็นเฉพาะ

    ๒.๑ คฤหัสถ์กินเนื้อสัตว์ ถ้าไม่ได้ฆ่าเอง ย่อมไม่ผิดศีลทุกกรณี

    ๒.๒ พระภิกษุฉันเนื้อสัตว์ ถ้าเป็นเนื้อต้องห้าม ๑๐ อย่างผิดพระวินัย แม้จะเป็นเนื้อ
    ชนิดอื่นจากเนื้อต้องห้าม ถ้าไม่บริสุทธิ์ด้วยเงื่อนไข ๓ อย่างดังกล่าว
    ถือว่าผิดพระวินัยเช่นเดียวกัน

    มีคำอยู่ ๓ คำที่ต้องนำมาพิจารณาเพื่อตอบคำถามที่ว่ากินเนื้อสัตว์เหมาะสมหรือไม่
    คือ ๑) ศีลธรรม หรือวินัย หรือกฎหมาย ๒) สุจริต ๓) ยุติธรรม เรื่อง ของ
    ศีลธรรมหรือวินัย หรือกฎหมายเป็นเรื่องของหลักการ ผิดก็คือผิด มีบทกำหนด
    โทษชัดเจน ถ้าเป็นศีลธรรมหรือวินัยของพระภิกษุสามเณรก็เป็นทางใจ โทษทางสังคม
    ถ้าเป็นกฎหมายบ้านเมืองก็ทางแพ่งทางอาญาแล้วแต่กรณี เรื่องที่สุจริตหรือไม่สุจริต
    เป็นกฎเกณฑ์ความประพฤติที่ถูกต้องหรือไม่ถูกต้องตามหลักธรรมทางศาสนา
    ส่วนเรื่องยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรม แบ่งเป็น ๒ ส่วนคือ

    ส่วนที่ ๑ เป็นข้อเท็จจริง เช่น กรณีการอ้างสิทธิที่จะพึงมีพึง
    ได้เมื่อมีคนกลุ่มหนึ่งได้สิทธิ
    ย่อมมีคนอีกกลุ่มหนึ่งเสียสิทธิ การได้สิทธิถือเป็นความยุติธรรม
    สำหรับกลุ่มที่ได้สิทธิ
    แต่ถามว่า ยุติธรรมสำหรับกลุ่มที่เสียสิทธิหรือไม่ ?
    หรือกรีการกินเนื้อสัตว์ เมื่อมีการกินเนื้อสัตว์ ก็ย่อมมี
    การฆ่าสัตว์ ผู้ที่กินอาจคิดว่า สัตว์อื่นเกิดมาเป็นอาหารของเรา
    เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะกินอะไรก็ได้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย แต่ข้อเท็จจริงก็คือว่า


    ชีวิตของสัตว์จำนวนมากถูกทำลายไป นี่เป็นข้อเท็จจริง

    ส่วนที่ ๒ เป็นความรู้สึก เช่น กรณีการเลื่อนขั้นเงินเดือนของเจ้าหน้าที่
    ในหน่วยงานต่าง ๆ ที่มีตำแหน่งเท่ากัน ทำงานในกลุ่มเดียวกันแต่ได้
    รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนไม่เท่ากัน นาย ก. ทำงานดีเอาใจใส่ต่องาน
    มีประสิทธิภาพในการทำงาน ประสิทธิผลของงานดีกว่า จึงได้รับการ
    เลื่อนเงินเดือนมากกว่า นาย ก. รู้สึกมันยุติธรรมสำหรับตัวเองแล้วที่ได้
    ทุ่มเทมาตลอดทั้งปี นาย ข. ไม่เอาใจใส่ต่อการงาน ประสิทธิภาพใน
    การทำงานต่ำ ประสิทธิผลของงานก็ต่ำ จึงได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือน
    ต่ำกว่า แต่ นาย ข. รู้สึกว่าไม่ยุติธรรมสำหรับตัวเอง เพราะตัวเองมีตำแหน่ง
    เท่ากับนาย ก. และทำงานเดียวกันอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับนาย ก. นี่เป็นความรู้สึก

    สรุป ได้ว่า คฤหัสถ์กินเนื้อสัตว์ถ้าไม่ได้ฆ่าเอง ย่อมไม่ผิดศีลและเป็น
    พฤติกรรมสุจริต แต่ไม่ยุติธรรมแน่นอน พระภิกษุฉันเนื้อสัตว์ ถ้าไม่ผิดเงื่อน
    ไขดังกล่าวข้างต้น ย่อมไม่ผิดพระวินัย และเป็นพฤติกรรมสุจริต
    แต่ไม่ยุติธรรมเช่นเดียวกัน ถามว่า “เพราะเหตุไร ? จึงไม่ยุติธรรม”

    สามัญ สำนึกบอกให้ทราบว่า “สัตว์ทุกตัวตนรักสุข เกลียดทุกข์
    สัตว์ทุกชนิดรักชีวิต รักตัวกลัวตาย” การกินเนื้อสัตว์ทำให้เกิดการฆ่าสัตว์
    แม้ผู้กินจะไม่ได้ฆ่าเอง แต่การกินทำให้เกิดการฆ่าทังโดยตรงและโดยอ้อม
    อาจมีคำโต้แย้งว่า “ถึงเราไม่กิน คนอื่นก็กิน สัตว์ต่าง ๆ ก็กินกันและกัน
    เป็นอาหาร สัตว์ก็ต้องถูกฆ่าอยู่นั่นเอง” คำโต้แย้งนี้ไม่เป็นสากล
    เราน่าจะถามในประเด็นอื่น ๆ บ้าง เช่น

    ๑) มนุษย์กินอาหารประเภทอื่นที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์ สามารถมีชีวิตอยู่ได้หรือไม่ ?

    ๒) การ กินเนื้อสัตว์ถึงแม้จะไม่ได้ฆ่าเอง แต่ก็มีส่วนส่งเสริมให้เกิดการ
    ฆ่าสัตว์เหมือนกรณีรัฐบาลทุ่มงบประมาณซื้อมัน สำปะหลัง ถึงแม้รัฐบาล
    จะไม่ได้ปลูกเอง แต่ก็มีส่วนส่งเสริมให้มีการปลูกมันสำปะหลังมากขึ้น ใช่หรือไม่ ?

    ๓) ทุก คนรู้ว่าการดื่มกาแฟมีผลเสียต่อสุขภาพ ไม่อยากจะให้มีการผลิตกาแฟ
    แต่ทุกคนก็ยังดื่มกาแฟ การที่ทุกคนดื่มกาแฟมีผลทำให้ยังมีการผลิตกาแฟอยู่ใช่หรือไม่ ?



    ความสรุป

    : พระพุทธศาสนาสรุปอย่างไรเกี่ยวกับมังสวิรัติ



    พระ พุทธศาสนาให้ความสำคัญแก่ชีวิตมาก ไม่ว่าจะเป็นชีวิตของสัตว์ประเภท
    ไหนล้วนมีความสำคัญทั้งสิ้น ในขณะเดียวกันก็ยอมรับความจริง ๒ ระดับ คือ

    (๑) ระดับโลกิยะ
    (๒) ระดับโลกุตตระ

    ใน ระดับโลกิยะ พระพุทธศาสนาเห็นว่ามีความบกพร่องมากมีคำพูดอยู่
    ประโยคหนึ่งที่พระภิกษุ สามเณรในครั้งพุทธกาลพูดอยู่เสมอ เมื่อเกิดการณี
    ผิดพลาดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คือคำพูดที่ว่า “ไม่ใช่ความผิดของท่าน
    ไม่ใช่ความผิดของผม แต่เป็นความผิดของวัฎฎะ” คำว่า “วัฎฎะ”
    ก็คือสังสารวัฏ หรือการเวียนว่ายตายเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่านั่นเอง
    เมื่อคราวตรัสรู้ไม่น่าน พระพุทธเจ้าจึงตรัสว่า

    “เรา แสวงหานายช่างผู้ทำเรือน เมื่อไม่พบได้ท่องเที่ยวไปสู่สังสาระ
    มีความเกิดเป็นอเนก ความเกิดเป็นทุกข์ร่ำไป เราได้พบนายช่างผู้ทำ
    เรือนแล้วเจ้าจักทำเรือน (คืออัตภาพของเรา) ไม่ได้อีกต่อไปซี่โครง
    ทั้งหมดของเจ้า เราหักแล้ว ยอดเรือน (คืออวิชชา) เรารื้อแล้ว จิตของเรา
    ได้ถึงนิพพานมีสังขารไปปราศแล้ว เราได้บรรลุความสิ้นตัณหาแล้ว”

    พระ พุทธพจน์นี้ทำให้สรุปได้ว่า การเกิดมาในโลกในระดับโลกิยะ
    มีปัญหาติดตัวมากมาก สัตว์บางตนเกิดมาอยู่ในฐานะเป็นอาหารของสัตว์อื่น
    เช่น หมู่ ปลา ไก่ สัตว์ขางตนเกิดมาอยู่ในฐานะต้องกินสัตว์เป็นอาหารอย่างเดียว
    โดยที่ตัวเองมีเนื้อเป็นพิเศษสำหรับสัตว์อื่น แม้แต่มนุษย์ที่ขอบกินเนื้อสัตว์เป็นอาหาร
    เนื้อของมนุษย์เองก็เป็นอาหารของสัตว์อื่นบางจำพวก นี่คือสังสารวัฎ

    ชาว ประมงมีอาชีพหาปลาขาย ฆ่าปลาขาย ฆ่าปลาเป็นจำนวนมากในแต่ละวัน
    พวกเขาไม่ได้ทำผิดกฎหมาย แต่พวกเขาทำผิดหลักธรรมข้อสุจริต
    ล่วงละเมิดศีลข้อปาณาติบาต และวิถีชีวิตของพวกเขาไม่ยุติธรรมสำหรับปลา
    แม้กระนั้นขาวประมงก็ยังต้องดำรงชีพโดยการจับปลาขายต่อไป
    เกษตรกรเลี้ยงไก่ เลี้ยงปลาก็อยู่ในฐานะเดียวกัน คนที่มีอาชีพฆ่าหมู

    เพื่อชำแหละเนื้อออกขายในท้องตลาดก็อยู่ในฐานเดียวกัน นี่คือข้อจำกัดหรือโทษของสังสารวัฏ

    ใน ระดับโลกุตตระ วิถีชีวิตบริสุทธิ์จากข้อจำกัดเหล่านี้ สัมมาอาชีวะหรือสัมมาอาชีพซึ่งเป็นองค์หนึ่งในมรรคมีองค์ ๘ จึงหมายถึง การดำรงชีพที่ชอบเว้นจากอาชีพที่เป็นการเบียดเบียนชีวิต เช่น การค้าอาวุธแม้จะถูกต้องตามกฎหมาย การค้าแรงงานมนุษย์ การค้ายาพิษ การค้าน้ำเมา

    ประเด็น เกี่ยวกับมังสวิรัติก็เช่นเดียวกัน การกินหรือไม่กินเนื้อสัตว์เป็นเรื่อง
    ของแต่ละบุคคล ประเด็นสำคัญคืออย่าฆ่าสัตว์เมื่อพระเทวทัตต์เข้าไปเฝ้า
    กราบทูลขออนุญาต วัตถุ ๕ ประการ วัตถุข้ออื่น ๆ พระพุทธเจ้าตรัสกับ
    พระเทวทัตต์ “อย่าเลยเทวทัตต์ภิกษุใดปรารถนาก็จงทำไปเถิด เช่น
    ภิกษุใดปรารถนาก็จงอยู่ป่า” ส่วนข้อที่เกี่ยวกับการฉันปลาและเนื้อ
    พระพุทธเจ้าตรัสตอบพระเทวทัตต์ว่า “เราอนุญาตปละและเนื้อที่บริสุทธิ์
    ด้วยอาการ ๓ อย่าง คือ (๑) ไม่ได้เห็น (๒) ไม่ได้นึกสงสัย (๓) ไม่ได้นึกสงสัย”
    จะเห็นว่าพระพุทธเจ้าไม่ทรงใช้คำว่า “ผู้ใดปรารถนาจงฉันปลาและเนื้อ”
    พระพุทธเจ้าดำรัสนี้มีนัยสำคัญอย่างยิ่ง ถามว่า “

    อะไรคือนัยสำคัญแห่งพระพุทธดำรัสนี้ ?”

    พระพุทธดำรัสว่า “เราอนุญาตปลาและเนื้อที่บริสุทธิ์ด้วยอาการ ๓ อาการ ...”
    หมาย ถึง ไม่ได้ตั้งข้อกำหนดไว้ วางไว้เป็นกลาง ๆ ไม่ได้กำหนดแม้แต่จะบอกว่า “
    ผู้ใดปรารถนาก็จง ...” เพราะฉะนั้น เรื่องที่พระพุทธเจ้าทรงวางไว้เป็นกลาง ๆ
    อย่างนี้ ในทางปฏิบัติจะเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม จะถูกหรือผิด
    พระภิกษุต้องเทียบเคียงกับหลักที่เรียกว่า “มหาปเทศ” ๒ ข้อ คือ

    (๑) สิ่งใดที่ไม่ได้ห้ามไว้ว่า “สิ่งนี้ไม่ควร” ถ้ามีแนวโน้มหรือจัดอยู่ใน
    กลุ่มสิ่งที่ไม่ควร แย้งกับสิ่งที่ควร สิ่งนั้นไม่ควร

    (๒) สิ่งใดที่ไม่ได้ห้ามไว้ว่า “สิ่งที่ไม่ควร” ถ้ามีแนวโน้มหรือจัดอยู่ใน
    กลุ่มสิ่งที่ควร แย้งกับสิ่งที่ไม่ควร สิ่งนั้นควร

    เมื่อ พระภิกษุเทียบเคียงถือปฏิบัติอย่างนี้ย่อมไม่ผิดพระวินัยแต่อย่างที่กล่าวมา
    แล้วว่า วิถีชีวิตระดับโลกิยะ มีโทษมาก มีข้อบกพร่องมาก
    เช่นกรณีการกินเนื้อสัตว์ แม้จะเป็นเนื้อที่ไม่ต้องห้ามต้องพิจารณาก่อนฉัน
    ถ้าไม่พิจารณาย่อมผิดพระวินัย ซึ่งต้องการให้พระภิกษุหรือแม้แต่คน
    ที่ไม่ใช่พระภิกษุสำนึกอยู่เสมอว่า การกินเนื้อสัตว์แม้จะไม่ได้ฆ่าสัตว์
    ก็ถือว่ามีส่วนทำให้ชีวิตถูกทำลาย ถ้าไม่กินจะดีกว่าหรือไม่ ?
    ส่วนวิถีชีวิตระดับโลกุตระนั้น ย่อมบริสุทธิ์จากอกุศลเจตนาทุกประการ
    พระพุทธศาสนาสรุปชัดเจนในประเด็นว่า ฆ่าสัตว์ผิดศีลผิดวินัย
    บางกรณีผิดกฎหมายบ้านเมืองกินเนื้อสัตว์ ถ้าเป็นคฤหัสถ์ไม่ผิด
    ถ้าเป็นพระภิกษุฉันผิดเงื่อนไข ผิดพระวินัย ถ้าไม่ผิดเงื่อนไข
    ไม่ผิดพระวินัย นั่นเป็นเรื่องของศีลของคฤหัสถ์และพระวินัยของ
    พระภิกษุ แต่อย่าลืมว่า ฆ่าสัตว์กับกินเนื้อสัตว์เป็นคนละประเด็น
    กินเนื้อสัตว์ในกรณีที่แม้จะไม่ผิดศีลหรือพระวินัย แต่ส่งผลต่อคน/
    สัตว์รอบข้างและอุปนิสัยจิตใจของผู้กินแน่นอน ในลังกาวตารสูตร
    แสดงเหตุผลที่ไม่ควรกินเนื้อสัตว์สรุปได้ว่า “ในสังสารวัฏ
    คนที่ไม่เคยเป็นบิดามารดา ไม่เคยเป็นพี่น้องกัน ไม่มี สัตว์ทุกตัวตน
    มีความสัมพันธ์ทั้งสิ้นไม่ชาติใดก็ชาติหนึ่ง” เพราะฉะนั้น กินเนื้อสัตว์วันนี้
    เราอาจกำลังกินเนื้อของสัตว์ที่เคยเป็นบิดามารดาของเราในชิตที่แล้วมา

    หรือใน อีก ๕ ชาติข้างหน้าก็ได้ นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงผลเสียของการ
    กินเนื้อสัตว์ไว้ เช่น ทำให้เป็นที่หวาดกลัวของสัตว์ต่าง ๆ ทำให้กลิ่นตัวเหม็น
    ทำให้ชื่อเสียงไม่ดีกระจายไป


    ข้อมูลจากเวป

    วัดปากน้ำภาษีเจริญ

    <!-- m -->
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • life.jpg
      life.jpg
      ขนาดไฟล์:
      74.5 KB
      เปิดดู:
      54
  4. srisamai

    srisamai Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +61
    ขออนุโมทนากับคุณระกาจันทร์และคุณ Terryh ที่ได้นำกระทู้นี้มาลง เพราะเป็นประโยชน์กับส่วนรวมมากค่ะ เพราะคนหลาย ๆ คนจะได้เห็นและรู้ถึงโทษจากการทานเนื้อสัตว์ หันมาเห็นคุณค่าของการทานมังสวิรัติมากขึ้น เพราะอยากเห็นคนไทยและสมาชิกในเวปพลังจิตมีสุขภาพดีขึ้นทุก ๆ คนค่ะ ถ้ามีการบอกต่อกับคนในครอบครัวหรือเพื่อน ๆ ให้หันมาเห็นความสำคัญในเรื่องนี้คิดว่าคงจะเป็นประโยชน์ดีมากค่ะ เพราะเป็นอีกคนหนึ่งที่ทานมังสวิรัติมานานแล้วค่ะ แล้วก็ได้ผลดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพจิตจริง ๆ ค่ะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ตุลาคม 2012
  5. khunfongbeer

    khunfongbeer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    578
    ค่าพลัง:
    +668
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆค่ะ
     
  6. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    บริโภคเนื้อไก่ ต้องระวัง อาจป่วยเนื้องอก หรือ มะเร็ง

    ไม่ประหลาดใจ ทำไม ณ เวลานี้ ถึงมีผู้ป่วย โรคมะเร็ง โรคเนื้องอกพรุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว พบผู้ป่วยนับร้อย ๆ ล้าน ๆ คน ในหมู่ผ้ชื่นชอบริโภคเนื้อไก่



    Scientists have bred a controversial featherless chicken
    which they say is faster growing.

    Info: BBC NEWS | Science/Nature | Bald chicken 'needs no plucking'





    ณ เวลานี้ ไม่ว่า หมู วัว ไร้ขา ไร้หาง มีแต่หัว และ ลำตัว เพื่อการประหยัดค่าใช้จ่าย อาหาร เห็นแล้ว น่ากลัว สยดสยอง อนาถใจ คล้ายกับ พวก สัตว์ต่างด่าว พิการ ลำตัวขาวเกลี้ยง ไร้ขน ดูแล้ว เหมือนสัตว์ประหลาด แต่สยดสยอง กินประจำแล้ว น่าจะมีปัญหา ป่วย พิการ



    <LI id=.reactRoot[138].[1][3] class="UFIRow UFIAddComment" data-ft='{"tn":"["}'>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • cc.jpg
      cc.jpg
      ขนาดไฟล์:
      26.3 KB
      เปิดดู:
      46
  7. มอน

    มอน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +153
    เขาเกิดเป็นสัตว์ก็ใช้กรรมมากแล้วเพราะสัตว์ไม่มีโอกาสได้ทำบุญสร้างกุศลสะสมบารมี กระเพาะของมนุษย์คือป่าช้าที่ใหญ่ที่สุด กี่ชีวิตที่ผ่านเข้ามาเพื่อสร้างสุขให้มนุษย์ เลิกกินเท่ากับการตัดโซ่แห่งการเบียดเบียนได้
     
  8. marasri

    marasri เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    91
    ค่าพลัง:
    +293
    ส่วนตัวคิดว่าจะเป็นตัวอะไรก็ไม่น่าไปกินเขา
    ถ้ามื้อไหนเลือกได้ก็จะไม่กินเนื้อสัตว์ค่ะ
    ขออนุโมทนากับทุกคนที่พยายามลด ละ เลิก กินเนื้อสัตว์ค่ะ
     
  9. MonkeyAstro

    MonkeyAstro เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    225
    ค่าพลัง:
    +202
    เปลี่ยนไปกินผักกันบ้างครับ กินเท่าที่จำเป็น
     
  10. D_pat

    D_pat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2010
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +499
    อนุโมทนาคะ ขอบคุณสำหรับบทความดีๆๆมีความรู้เยอะเลยคะ
     
  11. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    สัจจธรรมสะท้อน สรรพสัตว์ไม่ว่าเล็ก หรือ ใหญ่ ที่ต่างหวงแหน รักชีวิต

    แต่มนุษย์ได้พรากพวกเขา เพื่อเป็นอาหารโอชะ ซึ่งได้ล่วงละเมิดถึงศีล

    ดูและพิจารณาจาก คลิปข้างล่าง

    cow scare to be slaughter from the below clip



    I am scared and don't want to die. - YouTube
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • pity cow.jpg
      pity cow.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.5 KB
      เปิดดู:
      43
  12. terryh

    terryh เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +1,280
    นี่เป็นเรื่องจริง สท้อนภาพเบื้องหน้า เบื้องหลัง ของ อุตสาหกรรมแปรรุปเนื้อสัตว์ บนความหฤโหด สลด หด หู่ ที่มนุษย์ได้กระทำต่อเหล่า สรรพสัตว์เพื่อน ร่วมโลก อย่างไร้เมตตาธรรม มีการกระทำทารุณกรรม อย่างโหดร้าย เพื่อหวังให้ เนื้อสัตว์หลังแปรรูปแล้วมีรสชาติ นุ่ม หวาน ชุ่มฉ่ำ ถูกปากผู้บริโภคได้ราคาดี เฉกเช่น ปลาสด ๆ จะมีรสชาติดีกว่าปลาแช่แข็งหรือปลาตาย เพราะ เลือดจะสูบทั่วทุกอณูร่างกายสัตว์ระหว่างการทารุณ อย่างเหี้ยมโหด ด้วยความตื่นตระหนก ทรมาร ก่อนการฆ่า
    มี การถ่ายทำด้วยกล้องคลิปวีดีโอแอบถ่ายจาก โรงฆ่าสัตว์ทันสมัยหลาย แห่ง ๆ แต่จะส่งผลสะท้อนให้ เนื้อสัตว์มีสารพิษปะปน ซึ่งจะสร้างปัญหาสุขภาพให้ผู้บริโภค ด้วยโรคภัยไข้เจ็บ นานาชนิด เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ เนื้อง
    อก เบาหวาน


    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...