ผมค้นพบแล้ว! วิชชาพลังจักรวาลขั้นสูงสุดที่พระพุทธเจ้าแอบซ่อนไว้

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย physigmund_foid, 29 สิงหาคม 2007.

  1. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    บทความ ที่เขียนมาดีนะครับ แต่หากว่า ไม่มีข้อพิสูจน์ จะเรียกว่าค้นพบได้อย่างไร
    การค้นพบต้องเห็นจริง พิสูจน์ได้ แต่หากว่าคิดขึ้นมาโยงเรื่องเอง เขาเรียกว่า ปรุงแต่ง
    แต่ก็ขอชมในปัญญา ที่คิดไกล แต่พระพุทธองค์ท่านไม่ได้ตรัสรู้ปฏิรูปธรรมหรอก แต่ตรัสรู้สัจจธรรมซึ่งใช้ในการอธิบายสภาวะธรรมทั้งปวง เพราะฉะนั้นสิ่งที่น้องพูดมาก็เป็นส่วนหนึ่งของธรรมซึ่งอยู่ภายใต้กฎที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ ไม่ว่าศาสตร์ใดๆ ในโลกนี้ก็ล้วนแล้วแต่อยู่ภายใต้ กฎไตรลักษณ์
     
  2. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    ก็ ไม่ได้ตำหนินะ แต่แลกเปลี่ยนความเห็น ถึงน้องหล่อก็ต้องรับฟัง เมื่อเสนอก็ต้องยอมรับคนเถียง
     
  3. บุญยง โคกกระทา

    บุญยง โคกกระทา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    2,709
    ค่าพลัง:
    +3,235
    ลัทธิบุญยง คือการนับถือนายบุญยง อย่างไม่มีสาเหตุ
    เป็นความโง่อย่างสุดขีด เป็นการงมงายอย่างถึงที่สุด

    คำสอนเป็นแปรเปลี่ยนตามความพอใจของนายบุญยง...ว้าวววว

    สุดยอดดดด...
    ใครมันจะมานับถือลัทธินี่หว่า...555

    ต้องไปรับสมัครเป็นการลับ...เป็นฟามลับของจักรยาน
     
  4. มพดา

    มพดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +547
    พระพุทธองค์ไม่ได้ทรงแอบซ่อนอะไรไว้เลย พระพุทธองค์ไม่เคยปกปิดธรรมคำสอนที่นำไปสู่ความพ้นทุกข์เลย และที่เขียนมาทั้งหมดก็มีอยู่ใน มงคลสูตร
    <O:p></O:p>
    อย่าไปแปรเปลี่ยนพระธรรมคำสอนท่านเป็นอย่างอื่นเลย มันเป็นบาป เปล่าๆ และยังกล่าวตู่พระพุทธองค์อีก <O:p></O:p>
     
  5. ชาไม่รู้

    ชาไม่รู้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    485
    ค่าพลัง:
    +878


    [​IMG]

    ค. คน ระคนศาสตร์<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    บางคน มาอนุโมทนา กลับบ้าน ได้บุญไป<O:p</O:p
    บางคน มาระบาย กลับบ้าน ได้ระบายไป<O:p</O:p
    บางคน มาเถียง ไม่ฟัง กลับบ้าน ได้เสนอไป<O:p</O:p
    บางคน มาถก รับฟัง กลับบ้าน ได้ความรู้ไป
    บางคน มาเพ่งโทษ กลับบ้าน ได้โทษที่เพ่งไป<O:p</O:p
    บางคน มาอ่าน กลับบ้าน ได้ความรู้ไป<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    บางคน อ่านธรรมะเดิมๆ รู้แล้ว กระจอก ไม่ปฏิบัติ<O:p</O:p
    บางคน อ่านธรรมะยากๆ ยากไป ไม่รู้ ไม่ปฏิบัติ<O:p</O:p
    บางคน อ่านธรรมะเดิมๆ แต่แสวงหาความล้ำลึก จึงปฏิบัติ<O:p</O:p
    บางคน อ่านธรรมะยากๆ ท้าทาย ไม่รู้ แต่ปฏิบัติ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    บางคน พูดๆๆๆ แต่ไม่ปฏิบัติ<O:p</O:p
    บางคน ปฏิบัติ แต่ไม่ใช่ตามทางพระพุทธองค์<O:p</O:p
    บางคน ไหว้คนมีฤทธิ์แต่สอนไม่ตรงทาง<O:p</O:p
    บางคน ไปดูถูกคน ที่พยายามทำพระธรรมเก่าให้ดูใหม่<O:p</O:p
    บางคน คิดว่าพระธรรมดีอยู่แล้ว แต่ไฉน ผู้คนเมินเฉย<O:p</O:p
    บางคน คิดแตกต่าง สร้างสิ่งใหม่เป็นเปลือก แก่นคงเดิม<O:p</O:p
    หวังเพียงเพื่อฟื้นฟูศาสนาพุทธให้ขจรกระจายทั่วโลก<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    คุณละ เป็นคนประเภทไหน?</O:p
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 สิงหาคม 2007
  6. ชาไม่รู้

    ชาไม่รู้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    485
    ค่าพลัง:
    +878
    <TABLE class=tborder id=post678503 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid"><!-- status icon and date -->[​IMG] วันนี้, 06:36 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #43 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>หนุมาน ผู้นำสาร<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_678503", true); </SCRIPT>
    สมาชิก
    สมาชิกยอดฮิต

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 07:04 PM
    วันที่สมัคร: Jul 2006
    ข้อความ: 2,362 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 777 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 12,341 ครั้ง ใน 2,115 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 1478 [​IMG][​IMG]
    [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_678503 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->คนมีปัญญา แต่ไม่ดัง...พูดแล้ว พูดอีก....คนเชื่อนิดเดียว
    คนมีปัญญา แต่หวังผล....มักลงทุน เพื่อหวังผลกำไร....แต่ใช้ได้ดี คนมักเชื่อง่ายเชื่อกันมาก ในยุคนี้

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    <!-- / message --></TD></TR><TR><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] [​IMG]<SCRIPT type=text/javascript> vbrep_register("678503")</SCRIPT> [​IMG] </TD><TD class=alt1 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right><!-- controls --><TABLE id=table1 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=left><!-- Start Post Groan Hack -->[​IMG] <!-- End Post Groan Hack --></TD><TD><!-- Start Post Thank You Hack -->[​IMG] <!-- End Post Thank You Hack -->[​IMG] [​IMG] [​IMG] <!-- / controls --></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. ดาราจักร

    ดาราจักร ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    1,707
    ค่าพลัง:
    +10,094
    อนุโมทนาครับ ถ้าไม่คิดอะไรมากนะ เป็นสิ่งที่ดี เพราะมงคล 38 ประการ

    พวกเราก็ได้เรียนรู้มาตั้งแต่เด็กๆแล้ว ก็ดีครับ

    แต่ที่บอกว่า ค้นพบนี้ กับ ฟิสิกส์ นะครับ

    ฟิสิกส์ยุคเก่า จะอ้างอิง ว่า โลกหยุดนิ่ง ไม่แปรเปลี่ยน

    ฟิสิกส์ยุคใหม่ จะหาจุดอ้างอิง ในจักรวาล มาสัมพัทธ์

    แม้ไอสไตน์เอง ก็ หาสิ่งที่หยุดนิ่งในจักรวาล เพื่อมาอ้างอิง ไม่มี ในช่วงแรก

    จึงทิ้งทริษฎี Relativity Theory มาหา Absolute normal ruling

    แต่ช่วงสุดท้ายของชีวิต เขาก็พอเข้าใจ เรื่อง จุดที่หยุดนิ่งไม่แปรเปลี่ยน

    จากพุทธศาสนา

    สำหรับ จิตใจ เอง ก็ไม่เคยหยุดนิ่ง ถ้าจะใช้จิตใจตัวเอง เป็นจุดอ้างอิง

    เพื่อมองไปรอบๆตัว ก็ควรให้มันหยุดนิ่งก่อน คือ การทำสมาธินะครับ

    แต่ก็เป็นการทำให้หยุด ชั่วคราวเท่านั้น

    แต่สำหรับ ความหยุดนิ่งที่ไม่แปรเปลี่ยน นั้น คือการทำให้จิตใจ หยุดนิ่ง

    อย่างถาวร อันนี้ต้องลองปฏิบัติดู แล้วจะเห็น ว่าเป็นยังไงครับ

    วิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน ไม่ค่อยมีอะไรครับ ไมสามารถก้าวข้ามในสิ่งที่เรา

    เห็นธรรมดาได้ จนกว่า .......... ครับ จึงจะทำให้สิ่งไม่ธรรมดา เป็นธรรมดา

    จริงๆ ถ้าคิดมากๆ ก็ระวังอย่าให้ความมุ่งหมายของพระพุทธองค์ท่านผิดเพี้ยน

    นะครับ เพราะถ้าคน ที่ไม่ค่อยเข้าใจฟิสิกส์มาอ่าน แล้วเกิดอัตตาในธรรมแล้ว

    เป็นมิจฉาทิฐิ จะเป็นโทษโดยที่ไม่มีใครจะไปรับผิดชอบได้นะครับ

    ขอบคุณมากครับ
     
  8. physigmund_foid

    physigmund_foid เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    372
    ค่าพลัง:
    +1,421
    พุทธประวัติบันทึกไว้มีหลักฐานชัดเจนครับ
    ว่าพระพุทธเจ้าทรงบวชในสำนักโยคีทิคัมพร
    ซึ่งต้องนุ่งลมห่มฟ้า ยืนขาเดียวรับพลังจักรวาล
    จากดวงตะวัน จากนั้น ก็ทรงสำเร็จวิชชาสุดยอด
    ของทุกสำนักที่ทรงเข้าไปเรียนครับ


    ส่วน "มงคล" นั้น เป็นสิ่งที่เราอาจมองเห็นหรือไม่เห็น
    สอดคล้องกับหลักพลังจักรวาลที่มีอยู่ทั่วไปตลอดเวลาครับ
    ดังนั้น ผู้ใดปฏิบัติตาม "มงคลชีวิต ๓๘ ประการ" จะได้รับ
    พลังจักรวาลที่บริสุทธิ์ เป็น "มงคล" แน่นอนครับ


    ขอยืนยันว่าพระพุทธเจ้าสำเร็จวิชชาพลังจักรวาลขั้นสูงสุดจริงๆ
    และขอยืนยันว่า "มงคลชีวิต ๓๘ ประการนี้" ฝึกแล้วได้ปราณจักรวาลที่ดีจริงๆ


    ฟันธงครับ

    (ปล. หากงง หรืออ่านแล้วไม่เข้าใจ ขอให้ไปอ่านตั้งแต่แรกทีละอันครับ)
     
  9. โบ๊ต

    โบ๊ต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    387
    ค่าพลัง:
    +847
    ค้นคว้าคนเดียว เขียนคนเดียว ใช้ความคิดเข้าข้างตัวเอง
    ไม่น่าจะไปฟันธงอะไรเลยนะ มันไม่สามารถหนะ
    การวิจัยค้นคว้า มันต้องได้การยอมรับจากสังคม
    ไม่ใช่เออ ออคนเดียว
     
  10. ขันธ์

    ขันธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    7,917
    ค่าพลัง:
    +9,181
    เขียนมานั่นแหละดีแล้ว ให้คนอ่านเขาได้มีความรู้หลากหลายยิ่งๆขึ้นไป ไม่ผิดอะไร แต่เมื่อเขียนแล้วต้องยอมรับฟังคำวิจารณ์ ว่ามันผิดพลาดตรงนี้ ตรงนั้น แล้วก็เมื่อมีคำวิจารณ์ก็ไม่ต้องเสียกำลังใจ เพราะให้ถือว่า เป็นโลกธรรม คนชมคนสรรเสริญก็ไม่ต้องไปสนใจ
    ทีนี้ หากเขียนวิจารณ์ไป ก็อย่าเหมารวมว่าไปเพ่งโทษกันเสียหมด แต่คนเพ่งโทษอาจจะมี ก็ไม่ต้องสนใจ
    แต่คนวิจารณ์ตามเนื้อผ้าก็มี
    ก็สรุปว่า ธรรม ที่พระพุทธองค์ตรัสรู้นั้น ไม่ควรเอามาเชื่อมโยงกับ ฟิสิกส์ เพราะฟิสิกส์เป็นรูป แต่ พระพุทธองค์ตรัสรู้ทั้งปรากฎการณ์ ทั้งรูปทั้งนาม และส่วนพลังจักรวาล ก็เป็นรูป และถามว่า พลังจักรวาลนี้จริงเท็จแค่ไหน ก็ไม่มีใครบอกได้ เพียงแต่รู้ว่ามันมีพลังอะไรบางอย่าง คนเขาเรียกว่า พลังจักรวาลก็พลังจักรวาลตามกันไป แท้จริงแล้ว มันก็คือ จิตของเรานี้เอง แต่เราไม่เข้าใจสภาวะที่แท้จริงของมัน เราก็เหมาไปว่ามันเป็นนั้นมันเป็นนี้
    พลังจักรวาลนี้มันเป็นเรื่องของคนทำการค้า เอาวิชาเอาอะไรมาสอนเพื่อทำการค้า เอาอานปานสตินี้แหละดีที่สุดนะ เมื่อทำมากๆ บ่อยๆ ทวารลมเปิดก็หายใจเข้าออก รับลมละเอียดทางรูขุมขนด้วย ก็เหมาไปว่าเป็นพลังจักรวาล แต่แท้จริงแล้วคือ ลมละเอียด ลมตัวนี้มีมากเกินไปก็ไม่ดี น้อยเกินไปก็ไม่ดี ต้องกลางๆ คือทางสายกลาง เพราะว่า พลังงานเมื่ออัดกันอยู่มากๆ มันก็ระเบิด ก็อธิบายให้ฟังเท่านี้
     
  11. หยุดในหยุด

    หยุดในหยุด สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กันยายน 2006
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +22
    เอาล่ะ ตามที่ได้แจ้งเอาไว้ว่า

    "ผมจึงต้องขออธิบายวิธีการค้นคว้าและทฤษฎีทางวิทยาศาสตร์และฟิสิกส์
    ที่ผมมักใช้เสมอๆ มาอ้างอิงก่อนเป็นเบื้องต้นครับ"
    นั้น

    1.ที่ว่า
    "เมื่อพระพุทธเจ้าเรียนวิชชาโยคะ ในลัทธิชีเปลือย (ทิคัมพร) ท่านก็ทรงสำเร็จ
    ทุกวิชชาของลัทธินี้ รวมถึงทั้งการเปิดจักระทั้งเจ็ดด้วย แต่ทรงไม่ได้มุ่งเน้นให้
    สาวกเริ่มทำอย่างตน ด้วยเพราะเห็นว่าเป็น "ทุกขกริยา" ไม่ได้ใช้ปัญญา และ
    ทรงเห็นว่าใช้ "สติปัญญา" ก็สามารถบรรลุธรรมได้ง่ายกว่า"
    นั้น
    มีหลักฐานอ้างอิงทางประวัติศาสตร์ที่ไหน อย่างไร และเมื่อไร
    ว่าในสมัยนั้น มีการเรียน การสอน การเปิดจักระทั้งเจ็ด ด้วย
    หากมี จงนำมาแสดง
    หากหามาแสดงไม่ได้ ก็แปลว่า นึก คิด คาดเดาเอาเอง ว่าจะต้องมีการสอนการเปิดจักระทั้งเจ็ดในการสอนของเหล่าลัทธิชีเปลือย (ทิคัมพร) เหล่านั้น
    หากเป็นการกล่าวอ้างเอาเอง นึกคิดคาดเดาเอาเอง นี่ ไม่ใช่การนำเสนอที่เป็นวิทยาศาสตร์ตามทีอ้าง

    2.ที่ว่า
    ".....แต่ทรงไม่ได้มุ่งเน้นให้สาวกเริ่มทำอย่างตน ด้วยเพราะเห็นว่าเป็น "ทุกขกริยา"ทรงเห็นว่าใช้ "สติปัญญา" ก็สามารถบรรลุธรรมได้ง่ายกว่า...."
    นั้น
    ตามที่เขียนมานั้น หมายความว่า การใช้สติปัญญา ทำให้บรรลุธรรมได้ง่ายกว่า
    ตามที่เขียนมานั้น หมายความว่า ทุกขกริยา ยากกว่า
    แต่ไม่ได้กล่าวว่า ทุกขกริยาไม่สามารถทำให้บรรลุธรรมได้
    แปลว่า ทุกขกริยาอาจจะทำให้บรรลุธรรมได้ ใช่หรือไม่
    คุณเขียนไม่ชัดเจนและคลุมเครือ
    ซึ่งอาจจะทำให้เข้าใจได้ว่า การบำเพ็ญทุกขกริยานั้น ก็อาจจะทำให้บรรลุธรรมได้ แต่ยาก
    เพียงเรื่องง่าย ๆ เท่านี้ ยังไม่สามารถอธิบายให้ชัดเจนได้
    แล้วเรื่องที่ยากขึ้น มองไม่เห็น สัมผัสได้ยาก อย่างเรื่องพลังจักรวาลนั้น
    จะสามารถอธิบายได้อย่างไร

    3. ที่ว่า
    "....ในหลักการของฌาน มีการแผ่ฌาน "ทุกรูขุมขน"....."
    นั้น
    เป็นหลักการทำฌานของศาสนาใด
    หากเป็นของศาสนาพุทธ จงนำหลักเหตุผล-หลักฐานมาแสดง
    หรือแสดงผลของการปฎิบัติของตัวของคุณเองให้ปรากฎ
    หากแสดงไม่ได้ หรือคลาดเคลื่อนไปจากหลักของพระศาสนา ก็เท่ากับเป็นการ "มั่ว"
    และถ้าเรื่องนี้ซึ่งเป็นเรื่องเบื้องต้นยัง "มั่ว" แล้ว
    เรื่องอื่น ๆ ที่จับมาอธิบายให้เป็นพลังจักรวาล จะ "มั่ว" เพียงไหน

    4.ที่ว่า
    "...ทำให้พระองค์ทรงเห็นว่า "ร่างกาย" นี้ ไม่ใช่ระบบ ปิด ไม่ใช่ที่จะยึดเป็นของเรา..."
    นั้น
    เป็นการกล่าวที่ดูเหมือนจะเข้าใจหลักของพระศาสนาที่ว่า ไม่ให้มีการยึดมั่นถือมั่น ในตัวตนเรา-เขา ฯลฯ
    แต่เมื่อพยายามนำมาอธิบายว่า ร่างกายนั้นไม่ใช่ "ระบบปิด" มันก็เลยกลายเป็นคนละเรื่องเดียวกัน
    การไม่ยึดมั่นถือมั่น กับการเป็น ระบบปิด-เปิด นั้น มันคนละเรื่องกันเลย
    หากจะกล่าวในทางวิทยาศาสตร์การแพทย์แล้ว ร่างกายถือเป็นระบบปิด
    เพราะกระแสเลือดของเรานั้น หากมีอากาศเล็ดลอดเข้าไปปะปนเมื่อไร แม้เพียงเล็กน้อย เมื่อนั้นก็จะเกิดความผิดปกติจนอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
    หากการอธิบายของคุณนี้ จะเป็นไปเพื่อการอธิบายอย่างวิทยาศาสตร์แล้ว ก็ย่อมต้องไม่ขัดกับหลักวิทยาศาสตร์ด้วยกัน
    คือ เมื่อคุณกล่าวว่าระบบร่างกายของเราไม่ใช่ระบบปิด
    ก็ย่อมจะต้องไม่ขัดแย้งกับหลักวิทยาศาสตร์ที่ว่าระบบร่างกายของเราเป็นระบบปิด
    มิใช่หรือ

    5.ที่ว่า
    "....ทรงเห็น "วิญญาณ" หรือปราณนั้น แผ่ออกได้ไร้ประมาณ ตามหลักการของวิชชาแผ่ฌานขั้นสูงโดยสมบูรณ์..."
    นั้น
    วิญญาน คืออะไร และอยู่ที่ไหน อย่างไร
    เป็นอย่างเดียวกับ ปราณ อย่างนั้นหรือไม่ อย่างไร
    จงยกหลักเหตุผล-หลักฐานทางวิทยาศาสตร์มาอธิบาย
    หรือหาหลักเหตุผล-หลักฐานทางพระศาสนามาอธิบาย ว่าเป็นอย่างเดียวกัน
    และที่ว่า วิญญาณหรือปราณนั้น แผ่ออกไปได้ไร้ประมาณ
    ไร้ประมาณ นั้นเป็นอย่างไร มีเหตุผล และอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ได้หรือไม่ อย่างไร
    หากอธิบายไม่ได้ แปลว่า คิดเอาเอง คาดเดาเอาเอง ใช่หรือไม่
    อย่างนี้ จะเป็นการอธิบายโดยยึดหลักวิทยาศาสตร์อย่างที่อ้างอิงแต่ต้นหรือไม่

    6. ที่ว่า
    "...ดังนี้ จึงทรงล่วงรู้ว่าการเปิดจักระทั้งเจ็ดนั้น ก็มิใช่ประตูเดียว แท้แล้วร่างกายมีประตูทุกรูขุมขน ออกได้หมด และรับพลังต่างๆ เข้ามาได้หมดเช่นกัน.."
    นั้น
    มีที่ใดในพระคัมภีร์ของพระศาสนา ที่ทรงสอนเกี่ยวกับเรื่องจักระทั้งเจ็ด
    มีที่ใดสอนว่า ร่างกายมีประตูอยู่ทุกรูขุมขน
    และรูขุมขนนั้น ทำหน้าที่อะไรเป็นพิเศษ จึงเกี่ยวข้องกับการบรรลุธรรมของพระองค์ นั้น
    จงหาหลักเหตุผล-หลักฐานในทางพระศาสนามาแสดง
    หรือยกผลของการปฎิบัติ จะเป็นของคุณเอง หรือเป็นของผู้ใดก็ได้ ที่สามารถอ้างอิงได้ มาให้ปรากฎอย่างเป็นเหตุเป็นผล
    และ การรับพลังต่าง ๆ เข้าไปทางรูขุมขนนั้น มีเหตุผลอย่างไร มีกลไกหรือกระบวนการทำงานอย่างไร
    พลังงานที่เข้าไปได้นั้น คือพลังงานอะไร
    เป็น พลังงานความร้อน พลังงานไฟฟ้า พลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า ฯลฯ หรืออะไร อธิบายได้หรือไม่
    หากทำไม่ได้ นำมาเหตุผลมาแสดงไม่ได้ ก็หมายความว่า นึกคิด คาดเดา เอาเอง ใช่หรือไม่
    แล้วอย่างนี้จะเป็นวิทยาศาสตร์ ได้อย่างไร

    7.ที่ว่า
    "...แล้วพระองค์ก็ได้ข้อสรุปว่า "ร่างกายมิใช่จะยึดได้ว่าเป็นของเรา"
    และ "ร่างกายมิใช่ระบบปิด แต่เปิดออกได้ทั่ว" ไม่อาจยึดอะไรเป็นของเราได้
    แล้วพระองค์ก็ทรงสำรวจสรรพสิ่งก็ค้นพบว่าอยู่บนหลักการเดียวกันนี้ทั้งสิ้น.."
    นั้น
    สรุปแล้ว เมื่อทรงค้นพบว่าร่างกายไม่ใช่ระบบปิดแล้ว ดังนั้นจึงไม่อาจยึดอะไรเป็นของเราได้
    นี่คือ ตรรกะของคุณอย่างนั้นหรือ
    ก่อนที่จะสรุปอย่างนี้ คุณมีการศึกษา หรือหาแหล่งอ้างอิงได้หรือไม่
    ว่ามีผู้สรุปไปในแนวทางเดียวกับคุณ
    หรือคุณคิดค้น ค้นพบเอาเอง อธิบายเอง
    และหากคุณจะสามารถจะสรุปเองได้แล้ว
    ดังนั้น การกล่าวที่ว่า "...ร่างกายมิใช่ระบบปิด แต่เปิดออกได้ทั่ว..." นั้น
    มีการกล่าวไว้ในที่ใดในหลักของพระศาสนา
    จงนำมาแสดง
    หากนำหลักการ ข้อมูล และเหตุผลมาแสดงไม่ได้
    ก็แปลว่า ไม่มีการกล่าวเช่นนี้ในพระศาสนา - ในหลักการทางวิทยาศาสตร์
    ก็แปลว่า นึกคิดเอาเอง สรุปเหมารวมเอาเอง
    แล้วอย่างนี้จะเป็นวิทยาศาสตร์ได้อย่างไร


    อธิบายเรื่องง่าย ๆ เหล่านี้ให้ได้ด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์เสียก่อน
    แล้วจึงจะไปสรุปให้ได้อย่างที่คุณต้องการ
    หากทำไม่ได้ ก็ยังไม่สามารถสรุปอย่างที่คุณว่าได้

    และการที่จะมาแสดงความเห็นในที่นี้นั้น
    หากจะมีทิฏฐินำว่า
    "ผมหล่อนะครับ เวลาเสนออะไรอย่ามาเถียง เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!" แล้ว
    ก็คงไม่แคล้วเป็นเด็กอมมือ
    ที่ไม่มีแม้แต่ความพยายาม หรือความอดทนที่จะรับฟังเหตุผลของอีกฝ่ายที่จะนำมาแสดง
    นี่ ยิ่งไม่เป็นวิทยาศาสตร์เข้าไปใหญ่

    เหตุเพราะวิทยาศาสตร์นั้น คือหลักการของเหตุและผล คือเมื่อมีผล ก็ย่อมต้องมาจากเหตุ
    หากไม่คุยกันด้วยเหตุผลแล้ว ไม่ยกเหตุผลมาแสดงแล้ว
    ก็เท่ากับว่า ความพยายามในการอธิบายของคุณนั้น เป็นความเชื่ออย่างขาดเหตุผลอันสมควร
    จัดเป็นความ "งมงาย" อย่างหนึ่ง นั่นเอง

    หากจะพยายามอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์แล้ว
    ก็จงศึกษาอย่างเพียงพอ และใช้เหตุผลให้มากพอ
    มิใช่สรุปเหมารวมเอาเอง อย่างขาดหลักฐาน หลักการและเหตุผล หรือ มั่ว อย่างที่เป็นอยู่นี้
    อันจะนำไปสู่การกล่าว "ตู่" พระศาสนา ซึ่งเป็นโทษอย่างไม่มีประมาณ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 30 สิงหาคม 2007
  12. โบ๊ต

    โบ๊ต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    387
    ค่าพลัง:
    +847
    รอคุณเจ้าของกระทู้มาตอบ คำถามข้างบนครับ
    อธิบายตามหลักวิยาศาตร์แต่ยกเค้าเอามามั่วๆซะงั้น

    "ผมหล่อนะครับ เวลาเสนออะไรอย่ามาเถียง เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!"
    นี่หนะหรอบุคลที่มีเหตุผล ใครก้ได้ตอบผมที

    เซ็งเลย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 สิงหาคม 2007
  13. "เหลียง ขงเบ้ง"

    "เหลียง ขงเบ้ง" เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2006
    โพสต์:
    55
    ค่าพลัง:
    +336
    <TABLE class=tborder id=post678553 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 0px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid">[​IMG] เมื่อวานนี้, 08:13 PM <!-- / status icon and date --></TD><TD class=thead style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 1px solid; FONT-WEIGHT: normal; BORDER-LEFT: #ffffff 0px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px solid" align=right> #67 </TD></TR><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>ชาไม่รู้<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_678553", true); </SCRIPT>
    สมาชิก

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: เมื่อวานนี้ 08:52 PM
    วันที่สมัคร: Aug 2007
    ข้อความ: 121 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 10 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 663 ครั้ง ใน 114 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 79 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_678553 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->

    [​IMG]

    ค. คน ระคนศาสตร์<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    บางคน มาอนุโมทนา กลับบ้าน ได้บุญไป<O:p</O:p
    บางคน มาระบาย กลับบ้าน ได้ระบายไป<O:p</O:p
    บางคน มาเถียง ไม่ฟัง กลับบ้าน ได้เสนอไป<O:p</O:p
    บางคน มาถก รับฟัง กลับบ้าน ได้ความรู้ไป
    บางคน มาเพ่งโทษ กลับบ้าน ได้โทษที่เพ่งไป<O:p</O:p
    บางคน มาอ่าน กลับบ้าน ได้ความรู้ไป<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    บางคน อ่านธรรมะเดิมๆ รู้แล้ว กระจอก ไม่ปฏิบัติ<O:p</O:p
    บางคน อ่านธรรมะยากๆ ยากไป ไม่รู้ ไม่ปฏิบัติ<O:p</O:p
    บางคน อ่านธรรมะเดิมๆ แต่แสวงหาความล้ำลึก จึงปฏิบัติ<O:p</O:p
    บางคน อ่านธรรมะยากๆ ท้าทาย ไม่รู้ แต่ปฏิบัติ<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    บางคน พูดๆๆๆ แต่ไม่ปฏิบัติ<O:p</O:p
    บางคน ปฏิบัติ แต่ไม่ใช่ตามทางพระพุทธองค์<O:p</O:p
    บางคน ไหว้คนมีฤทธิ์แต่สอนไม่ตรงทาง<O:p</O:p
    บางคน ไปดูถูกคน ที่พยายามทำพระธรรมเก่าให้ดูใหม่<O:p</O:p
    บางคน คิดว่าพระธรรมดีอยู่แล้ว แต่ไฉน ผู้คนเมินเฉย<O:p</O:p
    บางคน คิดแตกต่าง สร้างสิ่งใหม่เป็นเปลือก แก่นคงเดิม<O:p</O:p
    หวังเพียงเพื่อฟื้นฟูศาสนาพุทธให้ขจรกระจายทั่วโลก<O:p</O:p
    <O:p</O:p

    คุณละ เป็นคนประเภทไหน?</O:p

    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    </TD></TR></TBODY></TABLE>


    อ่านแล้วได้ข้อคิดดีจังคับ ของแบบนี้ดั่งคำสอนพระพุทธเจ้าท่านตรัสไว้ว่า คนขึ้นสวรรค์เหมือนเขาโค คนลงนรกเหมือนขนโค ดังัน้นจึงไม่แปลกที่เราจะเจอคนที่มีอนาคตจะไปตกนรก ในเวปแห่งนี้ และทุกๆที่อ่ะคับ อิอิ
     
  14. วิมลเกียรติ์

    วิมลเกียรติ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    588
    ค่าพลัง:
    +2,123
    วิญญาณออกจากร่าง ยมทูตพาทัวร์นรก (เทปย้อนหลังตีสิบ)
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=89210

    พระโมคคัลลานะทัวร์นรกสวรรค์ ถาม "ทำบุญ-กรรมอย่างไรจึงได้ผลอย่างนี้?"
    (ข้อมูลจากพระสุตตันตปิฎก)
    http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=89514


    รายการตีสิบ

    ทางรายการเห็นว่ามีผู้ชมสนใจมากและอยากดูอีกครั้ง ได้ตัดสินใจว่า
    จะเปิดโอกาสให้ผู้ชมทางบ้านผู้ใดที่มีประสบการณ์เรื่องนรก-สวรรค์
    เช่น เห็นเทวทูต, เห็นยมทูต (เห็นผีไม่เอา) ให้ส่งมาให้ทางรายการ
    เพื่อออกเทปรณรงค์ให้คนหันมาทำความดีละเว้นความชั่ว

    รายการตีสิบ

    02-2856099
    atten2020@yahoo.com
     
  15. Tony1414

    Tony1414 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +262
    อนุโมธนาบุญด้วย
     
  16. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,824
    ค่าพลัง:
    +5,398
    พระพุทธดำรัสที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสขัดแย้งกับสิ่งที่คุณนำเสนอ ทรงตรัสเองว่า "ทรงแสดงธรรมไม่มีภายใน ไม่มีภายนอก ไม่มีกำมือของอาจารย์ในธรรมทังหลาย" หมายถึงว่าทรงมิได้ปิดปังความรู้ใดๆ ไม่มีวิชาที่ซ่อนไว้ดังที่คุณกล่าวอ้าง สิ่งที่ควรสอนก็ทรงสอนแล้ว ซึ่งเพียงพอแล้วสำหรับทุกคนที่จะนำไปประพฤติปฏิบัติ
    โปรดระวังการอ้างพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแบบผิดๆ โทษหนักมาก
     
  17. CHAYA MARUTY

    CHAYA MARUTY เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2007
    โพสต์:
    1,005
    ค่าพลัง:
    +10,787
    เนื้อหาก็น่าอ่านน่ะครับ แต่ขอให้เปลี่ยนชื่อกระทู้ซักหน่อยดีไหมครับ ดูจะเป็นการไม่เหมาะไปนิดครับ ถ้ายังไม่เปลี่ยนผมว่ากระทู้อาจโดนลบได้น่ะครับ คำว่า ที่พระพุทธเจ้าแอบซ่อนไว้ น่ะครับ
     
  18. triangle-w

    triangle-w เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    3,417
    ค่าพลัง:
    +21,412
    สิ่งที่เกิดมาแล้วตั้งแต่สมัยก่อนพุทธกาล มีผู้ใดสามารถรู้ได้อย่างแท้จริงครับ ว่าเป็นเช่นไร
    (555) (555) (555)
     
  19. มพดา

    มพดา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2006
    โพสต์:
    122
    ค่าพลัง:
    +547
    ศึกษาพุทธประวัติให้ดีๆ และศึกษาพระไตรปิฏกและพระธรรมคำสอนพระพุทธองค์ให้ดีๆ
    ธรรมะและวิทยาศาสตร์ต่างกันมากมาย ห่างกันมากมาย เอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้ วิทยาศาสตร์ค้นคว้าและวิจัยเพียงแค่ประสาททางตา หู จมูก ลิ้น และกาย ไม่ถึงใจ ไม่นำพาซึ่งความหลุดพ้นจากทุกข์ มีแต่เพิ่มกิเลส ความสงสัย <O:p></O:p>
    ส่วนธรรมะของพระพุทธองค์ แสดงถึงความรู้แจ้งเห็นจริงในสรรพสิ่งตามเป็นจริง ทำถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้ เป็นไปเพื่อความรู้พร้อม เป็นเพื่อความรู้ยิ่ง เป็นไปเพื่อสิ้นอาสวะ เป็นไปเพื่อไม่เป็นทาสแห่งตัณหา ธรรมะอันลึกซึ้งจะรับรู้ได้ฉพาะผู้ที่ฝึกจิตดีแล้วเท่านั้น อบรมด้วยดีเพราะศีล สมาธิ ปัญญา ญาณทัสสนะ เหนือโลกพ้นโลก<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    กฏแห่งกรรม จะอธิบายด้วยวิทยาศาตร์ไม่ได้ เพราะเกี่ยวเนื่องด้วยการกระทำ ที่ประกอบด้วยเจตนา อันเกิดในจิต แล้วกาย วาจาซึ่งเป็นทาสของจิตก็แสดง ออกตามที่จิตปรุงแต่ง วิบากแห่งกรรมที่นำสัตว์ไปเวียนว่ายตายเกิดในภพภูมิต่างๆ ก็ไม่สามารถอธิได้ด้วยกฏของวิทยาศาสตร์ กรรมเป็นเรื่องละอียดอ่อน ต้องเข้าใจปฏิจจสมุปปบาทธรรมอย่างลึกซึ้งถึงจิต จึงจะเข้าใจได้ดี เฉพาะพระพุทธองค์เท่านั้นที่เข้าใจเรื่องกรรมได้ดีที่สุด ไม่มีใครทำได้นอกจากพระพุทธองค์ ผู้ที่สั่งสมบารมีนานหลายแสนโกฏิอสงไขย<O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    การเกิดรังสี แสงต่างๆ ไม่ได้มีเฉพาะในมนุษย์ สัตว์ เทวดา เท่านั้น แม้แต่แร่ธาตุ หินไม้ ดิน กรวดทราย ก็มีรังสีความร้อนแผ่ออกมาเหมือนกัน ถ้าแร่ธาตุที่แผ่รังสีออกมาเป็นแสงสีทอง ก็เป็นพระอรหันต์ไปด้วยซิ <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>
    ศึกษาธรรมะให้ดี ศึกษาวิทยาศาสตร์ให้ดี อย่านำมาปนเปกัน จะพาตนเองไปสู่ความหลงผิด หลงโลก หลงทาง <O:p></O:p>
     
  20. หมูอวตาร

    หมูอวตาร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +65
    การเกิดขึ้นของมงคล

    ในที่ชมพูทวีป มีที่แห่งหนึ่งชาวบ้านชาวเมืองมาชุมนุมสนทนากัน
    ด้วยเรื่องร้อยแปดพันเก้า ในวันหนึ่งมีคนถามขึ้นมาในที่ประชุมนั้นว่า
    อะไรคือมงคล มีคนตอบมา 3 คน แต่ละคนก็มีคนถือหางจึงแบ่งเป็น 3 พวก

    จากจุดกำเนิดมงคลจะเห็นได้ว่า เกิดจาก ชาวบ้านว่างงานขี้โม้ คุยกันเท่านั้น
    ไม่เกี่ยวกับ พระพุทธเจ้า และ ไม่เกี่ยวกับ พลังจักรวาล อะไรเลย

    ครั้งนั้น พวกมนุษย์ในชมพูทวีปทั้งสิ้น พวกเทวดาและพรหมในหมื่นจักรวาล
    แบ่งเป็นพวก ๆ พากันคิดมงคล ว่า "อะไรหนอ ? เป็นมงคล" เป็นเวลา 12 ปี

    ไม่ได้คิดกันว่า อะไรหนอเป็นพลังจักรวาลขั้นสูงสุด

    และในที่สุดพระอินทร์นำเทพยดามาเฝ้าทูลถามพระพุทธเจ้า พระองค์จึงตรัสบอก

    เทวดาถามเพื่อจะนำไปฝึกพลังจักรวาลหรือไร
    เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสบอก ทรงแอบซ่อนอะไร แอบซ่อนใคร หรือ

    แน่นอนเหลือเกินธรรมะแต่ละข้อไม่ใช่แต่มงคลอย่างเดียว
    ย่อมทำให้ผู้ปฏิบัติมีจิตใจที่ดีขึ้น ก็ย่อมจะมีผลต่อพลังจักรวาลด้วย

    คุณเพิ่งค้นพบแต่คุณย่าเยาวเรศ บุนนาคปรมาจารย์พลังจักรวาลคนหนึ่ง
    (สายท่านเรียกว่าพลังกายทิพย์) อาจจะพบมานานแล้วก็ได้
    เพราะในหนังสือคู่มือพลังกายทิพย์ระดับพัฒนาจักระท่านก็ให้
    ปฏิบัติมงคล 38 ด้วย
    แต่มิได้อธิบายอย่างคุณว่า พระพุทธเจ้าแอบซ่อนไว้
    (ผมได้รับเมื่อปี 2543 ไม่ทราบว่าปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่)
    และในเวบ ของท่านก็มีเรื่องมงคล

    สารจากย่า ประจำเดือน กุมภาพันธ์ 2550

    มงคลชีวิต 38 ประการ

    ท่านจะหาความสุขความสวัสดีให้แก่ตัวเองได้อย่างไร เมื่อ

    ท่านทั้งหลายยังไม่ประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของสมเด็จ

    พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยพระเมตตาของพระองค์ท่านได้

    ทรงสั่งสอนมนุษย์ที่ต้องการความสุขความเจริญ แก่ตนนั้น

    ควรจะพยายามปฏิบัติตามคำสอนในมงคล 38 ประการ

    มงคล 38 ของพระพุทธองค์ที่ทรงสั่งสอน
    มีคุณประโยชน์แก่ผู้ปฏิบัติตามอย่างยิ่ง เพราะมงคล 38 นี้
    จะรักษาผู้ปฏิบัติมิให้ตกลงอยู่ในความชั่ว จะไม่กล้าทำความชั่วร้าย
    ทั้งยังสามารถนำตนและครอบครัวไปสู่ความสุข ความสงบ ความเยือกเย็นใจ
    ทั้งในภพนี้และภพหน้า และถึงที่สุดแห่งทุกข์ได้
    สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบรรลุรู้แจ้งในธรรมชาติ
    พระองค์ท่านทรงสั่งสอนให้ระงับต้นเหตุทั้งปวงแห่งธรรมชาติ (ธรรมะ)
    ที่ก่อให้เกิดทุกข์ สิ่งใดที่มีความเกิดขึ้นเป็นธรรมดาอันเป็นต้นเหตุ
    เหตุดับแล้วผลก็จะเกิดขึ้นมาได้ ไม่ใช่เป็นไปด้วยอำนาจการดลบันดาลของใคร
    และจะสงบระงับเหตุได้ก็ต้องอาศัยปัญญารู้ถึงความจริงนั้นๆ
    พระพุทธองค์ทรงสอนให้สงบระงับ ดับเหตุ
    เพราะดับเหตุได้ก่อนผลก็จะเกิดขึ้นตามต้องการ ดังนั้นมงคล 38 นี้
    ที่ท่านทรงสอนให้ปฏิบัตินั้น ผู้ปฏิบัติตามย่อมมีมงคลสูงสุด
    พยายามประพฤติปฏิบัติได้สำเร็จทีละข้อชีวิตท่านจะไม่มีวันตกต่ำ
    จะมีแต่ความสุขความเจริญยิ่งๆ ขึ้นไปทั้งในชาตินี้และชาติหน้า

    คำว่ามงคล ก็คือ "ทางก้าวหน้า" นั่นเอง พระพุทธองค์ทรงแสดงมงคล 38 ข้อ
    ได้เรียงลำดับในทางปฏิบัติไว้อย่างเหมาะเจาะ มนุษย์เราสามารถจะ
    ก้าวหน้าในชีวิตต้องปฏิบัติตามให้ได้ทีละข้อ ทีละขั้น สูงขึ้นสูงขึ้น
    จนบรรลุถึงความก้าวหน้าในชีวิตที่สุขสงบได้


    มงคลข้อที่ 1 ไม่คบคนพาล ฯลฯ
    http://www.khunya.in.th/forum/forum_posts.asp?TID=651&KW=%C1%A7%A4%C5

    ขอยอมรับนับถือในสติปัญญาของท่านในการอธิบายเชื่อมโยงมงคล
    กับพลังจักรวาล

    แต่เรื่องที่ว่า พระพุทธเจ้าแอบซ่อนไว้นี่ คิดว่า โอเว่อร์์ ไปจริงๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...