ใครอยากขึ้นสวรรค์มาทางนี้ (ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน)

คัดลอกมาจากเวป อ.อุบล บ้านสวนพีระมิด นะครับ

http://www.baansuanpyramid.com/inde...gory=baansuanpyramidcom&thispage=8&No=1301564


อ.อุบลแจ้งข่าวดี “ส่งวิญญาณคนตายขึ้นสวรรค์ได้”

อ.อุบลได้อนุญาตให้ผมโพสต์ลงในเว็บไซต์ โดยให้แจ้งว่า

ท่านใดมีความประสงค์จะส่งดวงวิญญาณคนที่ท่านรักขึ้นสวรรค์
ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ พี่น้อง ญาติสนิทมิตรสหาย หรือคนอื่นๆ

ขอให้ท่านถ่ายสำเนาบัตรประชาชนของท่าน
เขียนชื่อคนตายที่ท่านต้องการส่งขึ้นสวรรค์
ลงในบัตรประชาชนส่งให้ อ.อุบล พร้อมเข้าบำบัดทุกข์
ตามขั้นตอนและระเบียบของบ้านสวนพีระมิด

ขอยินดีในกุศลจิตของทุกท่าน








ปล. ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

ผมรู้สึกว่าคุณ Archeopteric นอกจากจะไม่ศึกษาสิ่งที่เขาเขียนแล้วยังคอยก๊อปข้อความที่คอยยุแหย่ให้คนเกิดความเข้าใจผิด หรือเรียกง่ายๆว่า ไม่เห็นด้วยกับเขาแต่ก็อยากทำลายเขาหรือไง เห็นคุณคอยไปโพสว่าเขาในห้องอื่นๆ ทั้งๆที่คุณไม่รู้ว่าเขาสอนอะไร และพยายามก๊อปแต่ข้อความที่สร้างให้คนอื่นเข้าใจผิด ก็ไม่รู้ว่าคุณหวังอะไรตรงนี้ หากคุณไม่ศรัทธาเขาก็ควรปล่อยวาง อย่าปล่อยใจตนเองให้เศร้าหมองและคอยจับผิดจริยาคนอื่นให้ตนเองเป็นบาปเลยนะ ผมเลยลองนำข้อความเต็มๆที่เขาเขียนอธิบายไว้มาให้อ่านดู

ขอให้ทุกคนที่ต้องการส่งวิญญาณบุคคลอันเป็นที่รัก
ซึ่งไม่ว่าจะเป็นใคร พ่อ แม่ พี่ น้อง ลูก ญ่าติ เพื่อน หรือคนรู้จัก
ซึ่งได้เสียชีวิตไปแล้ว และไม่ทราบว่า เขาไปสวรรค์ หรือ นรก หรือ นิพพาน
บ้านสวนพีระมิด ได้รับพระเมตตาจาก พระพุทธองค์ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ และ
ท่านท้าวเวสสุวรรณ ให้ใช้กำลังบุญพระกรรมฐาน(เท่านั้น) ส่งวิญญาณทรมาน ที่ไม่สามารถโมทนาบุญได้ ขึ้นสู่สรวงสวรรค์ได้ บุญอื่น...ไม่มีกำลังพอที่จะส่งได้ ไม่ว่าจะทำบุญอะไร ใหญ่ขนาดไหน ก็ไม่มีกำลังบุญพอที่ท่านท้าวเวสสุวรรณจะ
อนุญาต ดังนั้น ท่านที่ต้องการส่งวิญญาณ ให้ปฎิบัติดังนี้
1.ปฏิบัติพระกรรมฐาน(สูงสุด) แล้วขอบารมีพระพุทธเจ้า ท่านท้าวเวสสุวรรณ
ขอเบิกบุญ ศีล ทาน ภาวนา บุญพระกรรมฐานที่ทำมาทุกชาติจนถึงชาตินี้ อุทิศให้.....ระบุชื่อผู้ตาย ....... กรณีทำเอง ..........ไม่ต้องไปบ้านสวนพีระมิด
2.ถ้าไม่ได้ปฏิบัติพระกรรมฐานมา ให้ปฏิบัติดังนี้
1.ไปร่วมเข้าค่าย รุ่น 7 โดย ถ่ายบัตรประชาชนของตัวท่านเอง หน้า-หลัง (ผู้ต้องการส่งวิญญาณ)พร้อมเขียนชื่อ-สกุล ผู้ตาย ลงไปในกระดาษสำเนาบัตรประชาชน ได้ทั้งด้านหน้า+หลัง กี่คนก็ได้ ถ่ายไป 2 ชุด นำไปให้ อ.อุบล 1 ชุด ท่านเก็บไว้ร่วมพิธี 1 ชุด
2.ต้องมีกำลังบุญ ที่บริสุทธิ์ของผู้ส่ง (ของตัวท่าน) ไว้ร่วม เมื่อบุญรวมตัวได้ บุญของท่าน เขาจะรับได้ทันที วิธีก็คือ
-เมื่อไปถึงบ้านสวนพีระมิด ให้รีบทำบุญใหญ่ให้ครบ 3 ส่วน เต็มกำลัง (ตามอัตภาพ) ทั้งทาน ศีล สมาธิ

 

ผมเห็นว่าเป็นบทความที่ดีมีประโยชน์และตรงกับสิ่งที่เขาต้องการจะบอกจะสื่อ ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าของกระทู้กำลังทำอยู่เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด ลองอ่านดูนะครับ

หลวงพ่อฤาษี ช่วยตากิ่มไม่ให้ตกนรก ด้วยบุญกรรมฐาน

Posted by ศูนย์พุทธศรัทธา on April 4th, 2010


<CENTER>หลวงพ่อฤาษี ช่วยตากิ่มไม่ให้ตกนรก ด้วยบุญกรรมฐาน</CENTER>
ตากิ่ม เป็นคนต้นคดปลายตรง คืออดีตทำความไม่ดีมามาก พอมาพบหลวงพ่อ ก็ศรัทธาคอยอุปฐากเวลาหลวงพ่อไปชัยนาท เวลาตาย จิตเศร้าหมองถูกนำตัวไปนรก หลวงพ่อไปเป็นประธานงานศพ ขอตัวมาจากนรก หลวงพ่อช่วยให้เป็นเทวดา ด้วยบุญกรรมฐาน

​

เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๔ อาตมาไปเทศน์ที่วัดศีรษะเมือง หรือวัดมหาธาตุ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท วันนั้นเขาทำบุญงานศพ สำหรับงานศพรายนี้ ก็ปรากฏว่าลูกสาวเป็นคนจัด คือแม่ตายแล้ว จะทำศพพ่อ วันนั้นก็จะบวชน้องชายด้วย ตอนเช้าบวชน้อง ตอนบ่ายยกศพพ่อขึ้นมา จัดการศพ มีเทศน์ เขาก็อาราธนาอาตมาเป็นประธาน
ก็บอกเจ้าภาพว่า
“อีหนูเอ็งให้หลวงน้าเป็นประธานนี่เป็นได้ แต่ว่าให้พระเป็นประธานนี่ งานทั้งหมดจะให้เป็นบาปไม่ได้สักนิดหนึ่ง”
เธอก็ถามว่า “มันเป็นอย่างไร”
ก็บอกว่า
“คือว่า สิ่งใดก็ตาม แม้แต่ไข่ลูกหนึ่งก็ห้ามทุบ จะมาบอกว่าไข่ไม่มีตัวก็ไม่ได้ ใจมันไม่สบาย”
เธอก็รับคำ ก็แนะนำเธออีกว่า
“เมื่อเวลาจัดงานศพ เมื่อเวลาพระให้ศีล แขกจะมาจากไหนก็ช่าง ต้องรับศีลให้จบเสียก่อน และตั้งใจรับศีล ด้วยความเคารพ เวลาพระสวด แขกจะมา อย่าเพิ่งลุกไปรับแขก ตั้งใจฟังพระสวดด้วยความเคารพ เวลาถวายทานก็เหมือนกัน ให้ถวายทานด้วยความเคารพ เวลาพระเทศน์ ตั้งใจฟังพระเทศน์ด้วยความเคารพ อย่าให้มีสุรายาเมาเข้ามาเจือปน”
เธอก็รับคำ แล้วก็มีผู้หญิงท่านผู้เฒ่าคนหนึ่งชื่อแฟ้ม ก็บอกว่า “โยมต้องเป็นพี่เลี้ยงนะ” ก็ปรากฏว่าท่านรับคำ
เมื่อถึงวันงานจริงๆ วันนั้นไปเทศน์กับท่านเจ้าคุณภาวนาภิรามเถระ อาจารย์วิปัสนาญาณองค์หนึ่ง ตอนต้นอาตมาก็บอกอานิสงส์ไปสัก ๑๕ นาที เป็นการเทศน์คู่ ที่นี้ต่อมา เจ้าคุณภาวนาท่านเป็นคนถาม องค์นี้ชอบร่ายยาว ว่าอารัมภบทอย่างน้อยที่สุดก็ ๓๐ นาที
เมื่อแกเริ่มตั้งนะโม อาตมาก็เริ่มจับจิตเข้าสู่ความสงบ คือ ตามแบบฉบับที่หลวงพ่อปานท่านเคยสอน ว่าก่อนจะเทศน์ให้ทำจิตเข้าสู่พระกรรมฐานสูงสุดเท่าที่เรามีอยู่
เพราะฉะนั้นแกว่าแกร่ายยาวนี้อาตมาก็ได้กำไร ได้กำไรตอนไหน ตอนที่มีจิตวางอารมณ์ได้สบาย พอวางอารมณ์ได้สัก ๕ นาที ก็มานั่งนึกถึงคนตายว่า เออ..ตากิ่มนี่แกไปอยู่ที่ไหน ดูไปดูมาบริเวณที่เขาทำบุญ เห็นแต่ผีคนอื่นยืนเต็มไปหมด แต่ผีตากิ่มปรากฏว่าไม่ได้อยู่ที่นั่น
จึงได้นึกในใจว่า เอ.. ตากิ่มนี่น่ากลัวจะมีอันตราย นั่นก็หมายความว่า แกอาจจะต้องถูกลงโทษ อาจจะกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง จึงได้กำหนดจิตถามว่า
“เวลานี้นายกิ่มอยู่ที่ไหน ใครควบคุมอยู่ ขอได้โปรดนำมาก่อนด้วย ขอโอกาสนิดหนึ่ง”
ภาพก็ปรากฏเห็นแกเดินมา แกเศร้าสร้อยเหลือเกิน มีโซ่ล่ามคอมา ๒ เส้น คนจูงหางโซ่มาข้างละคน มาถึงก็มานั่งก้มหน้าแสดงความทุกข์ ถามแกก็ไม่พูด
จึงถามคนคุมมา บอกว่า
“วันนี้ลูกสาวเขาบวชลูกชายแก และทำบุญถวายสังฆทาน มีพระมากนี่และก็มีพระเทศน์ บุญนี้เป็นมหากุศล ทำไมบุญขนาดนี้ นายกิ่มจะไม่มีโอกาสได้บ้างเชียวหรือ”
เขาก็ตอบว่า ไม่มีโอกาส เขาก็เลยเล่าประวัติของนายกิ่มที่ทำความไม่ดีมามาก แต่ตอนที่ตากิ่มแกพบอาตมานี่แกทำดี เมื่อตอนนั้นยังอยู่กรุงเทพฯ ขึ้นมาชัยนาททีไรพัก ๕ วัน ๗ วัน ตากิ่มมานอนอยู่ทุกวันไม่ยอมกลับ ตอนเช้าไปเอาข้าวต้มมาจากบ้าน ตอนกลางวันเอาข้าวสวยมา ตอนเย็นตอนบ่ายก็เอาเภสัชมาถวาย ทำดีทุกอย่าง แต่อดีตของแกไม่ดี เขาเรียกว่า ต้นคดปลายตรง ตอนปลายนี่ดีมาก
เมื่อเขาเล่าประวัติจบก็เลยถามว่า
“ความดีเขามีอยู่ แต่เวลาตายจิตมัวหมอง อันนี้ทำอย่างไร จึงจะให้เขามีโอกาสโมทนาบุญได้”
คนที่คุมมาเขาก็เลยบอกว่า
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน บุญที่ลูกทำให้ก็ดี หรือที่นายกิ่มทำมาแล้วก็ดี เวลานี้กำลังไม่พอ”
จึงได้ถามว่า “กำลังบุญอะไรมันถึงจะพอ”
แกก็บอกว่า “กำลังของบุญกรรมฐาน”
บุญกรรมฐานมีกำลังใหญ่มาก สามารถจะแหวกวงล้อมเข้าไปได้ ถ้าไม่หนักจนเกินไป คือยังไม่ลงนรกละก็ช่วยได้ ก็เลยบอกว่า
“ถ้าอย่างนั้น ฉันจะอุทิศส่วนกุศลให้ตากิ่มจะได้ไหม เพราะแกมีบุญคุณกับฉันมาก”
คนคุมเขาก็บอกว่า “ก็ดีเลย บุญของท่านมีกำลังเยอะ”
ก็บอกว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว ฉันจะให้นายกิ่ม”
ก็เลยตั้งใจอธิษฐานว่า
“ด้วยอำนาจบุญกุศลบุญบารมีที่บำเพ็ญมา ตั้งแต่ต้นจนกระทั่งถึงบัดนี้ จะพึงมีประโยชน์และความสุขแก่ข้าพเจ้าเพียงใด ขอให้นายกิ่มจงโมทนาผลบุญนี้ และมีประโยชน์และความสุขเช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ”
เพียงเท่านี้ละ บรรดาท่านพุทธบริษัท ปรากฏว่า โซ่ล่ามรัดคอมาทั้ง ๒ เส้น มันหลุดลงไปทันที แล้วนายกิ่มก็ก้มลงกราบครั้งที่ ๑ ครั้งที่ ๒ ยังมีสภาพเดิม พอครั้งที่ ๓ แหม สวยอร่ามเป็นเทวดา มีความสวยผิดปกติ
จึงได้ถามคนคุมว่า ทำไมเขาถึงสวยมาก เขาบอกว่า
“ด้วยอำนาจบุญกรรมฐานที่ท่านให้ สามารถจะปลดเปลี้องเขาออกจากความทุกข์ เมื่อบุญส่วนใดส่วนหนึ่งเข้าถึงใจแล้ว บุญทั้งหมดที่นายกิ่มทำก็ดี ที่ลูกสาวทำให้วันนี้ก็ดี มันก็รวมตัวกันหมด จึงเป็นเทวดาที่มีความสวยงามมาก”
​

 

พระกรรมฐาน เป็นอย่างไร
ช่วยปลดเปลื้องความทุกข์ได้อย่างไร​

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)
ท่านส่งวิญญาณตากิ่มไปสวรรค์ได้อย่างไร​

เชิญรับฟังรับชมได้จากรายการคุยไปแจกไป ตาม Link นี้ ​

อนุโมทนาบุญครับ​

รายการคุยไปแจกไป วันที่ 14 กันยายน 2551​

ตอน สวยด้วยกรรมฐาน
(ความยาว: 60 นาที)​

​

www.baansuanpyramid.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=539164782&Ntype=2​

 

ถ้าคุณ Archeopteric หวังดีจริงๆ
ควรจะแจ้งทุกอย่างให้ละเอียดนะคะ
ไม่ควรจะมาเขียนป่าวประกาศลอยๆให้ผู้อื่นพาลเข้าใจผิด
และที่สำคัญ ลิ้งค์ที่คุณบอกดิฉันเข้าไปดูมา
มันก็ 2 ปีมาแล้ว มันผ่านมานานแล้วอะค่ะ
อยากให้เช็คให้ดีๆด้วยค่ะ

 

ข้อความที่คุณ Archeopteric ก็อปมา
เป็นบางส่วนนั้น มันทำให้คนอ่าน
เข้าใจผิดประเด็นไปอย่างแรงเลยค่ะ

เพราะถ้าอ่านดีๆให้ครบถ้วนทุกข้อความ
ที่ท่านอ.อุบลได้เขียนไว้ ตามที่คุณ ขวานฟ้า
ก็อปมาให้อ่านเพิ่มเติม
และพิจารณาตามอย่างถ้วนถี่แล้ว

ก็ไม่น่าจะเป็นประเด็น
ให้น่าสงสัยเลยนะคะ
เพราะ ปกติเวลาเราทำบุญ
ไม่ว่าจะระดับทาน ศีล หรือ สมาธิ

ตัวเราเอง ก็สามารถอุทิศบุญ
ให้เทวดาประจำัตัว ญาติที่ล่วงลับ
หรือ จิตวิญญาณที่ติดตามเราอยู่
ให้ไปสู่ภพภูมิที่สูงยิ่งๆขึ้นไปได้
ตามกำลังบุญและกำลังใจของผู้อุทิศได้อยู่แล้ว

ฉะนั้น ถ้าผู้ไปร่วมงานตามประกาศนี้
มีความตั้งใจที่จะไปสร้างบุญ
อย่างเต็มที่ทุกระดับชั้น

อานิสงค์แห่งบุญนั้น
ก็เกื้อหนุนให้จิตวิญญาณ
ที่เราต้องการอุทิศ ไปสู่สวรรค์ได้

และที่สำคัญรายละเอียดก็บอกชัดๆแล้วว่า
ถ้าผู้ใดไม่สามารถไปร่วมงานนั้นได้

ก็สามารถทำกรรมฐานอยู่ที่บ้าน
และอุทิศบุญได้ ด้วยตัวท่านเอง

ก็ชัดๆ ตรงๆ ดีนะคะ




​

​

 

ขอแนะนำท่านที่ไม่รู้จักบ้านสวนพีระมิด แล้วได้อ่านบทความที่เจ้าของกระทู้ได้นำมาลงไว้แบบตัดต่อตามที่เค้าต้องการแล้ว ให้เข้าไปศึกษาจากเวปบ้านสวนพีระมิดโดยตรงเลยค่ะแล้วกรุณาดูให้จบทุกคลิปตั้งแต่คลิปแรกจนถึงคลิปสุดท้ายโดยใช้ใจเป็นกลางพิจารณา แล้วลองสังเกตุตัวเองดูนะคะว่ามีอะไรเปลี่นแปลงบ้าง ดีขึ้นหรือแย่ลง ร้อยทั้งร้อยนะถ้าคุณไม่คิดชั่ว คุณจะพบแต่สิ่งดีๆ

 

คุณ Archeopteric คราวหน้าคราวหลัง จะคัดลอกข้อความจากที่อื่นมาช่วยคัดลอกให้ได้ใจความด้วยนะค่ะไม่ใช้คัดลอกบางส่วนทำให้เกิดการบิดเบือนเข้าใจผิดขึ้น แล้วก็ไม่เห็นจะต้องใช้วิจารณญาณอะไรมากมาย คุณก็น่าจะลองใช้หลักของพระพุทธเจ้่ามาคิดนะค่ะว่า ในทางศาสนาพุทธเราก็มีการเบิกบุญ การอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลไปให้ผู้ที่ล่วงลับไปแล้ว ใช้มั้ยค่ะ หรือว่าคุณไม่รู้จริงๆว่าเค้าทำกับแบบนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็น่าสงสารญาติพี่น้องของคุณนะค่ะ ถ้าคุณเป็นคนที่ทำบุญแต่คุณไม่เคยอุทิศให้คนตายเลย เค้าก็คงต้องทรมารต่อไปเพราะไม่มีใครทำบุญส่งไปให้ ถ้าคุณไม่มีเจตนาร้ายก็ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ แต่อยากให้คุณศึกษาเรื่องเหล่านี้ก่อน ก่อนจะตัดสินใจโพสน์อะไรลงไปนะค่ะ ขอบคุณค่ะ..

 

แล้วถ้าคุณ Archeopteric ต้องการไปสวรรค์ คุณปฏิบัติอย่างไร

เพราะใคร ๆ ก็อยากไปสวรรค์ ขอให้คุณ Archeopteric นำประสบการณ์

การปฏิบัติ มาแชร์กันบ้าง เพื่อจะได้ช่วยคนอื่น ๆ ให้เห็นแนวทาง ในการปฏิบัติ

มีหลาย ๆ แนวทาง จะได้มีตัวเลือกให้เหมาะกับตัวเอง

ขอขอบคุณล่วงหน้า หวังว่าคงได้รับความกรุณาจากคุณ Archeopteric

 

แหมดิฉันขอโมทนากับคำตอบที่ครบถ้วนถูกต้อง และแสดงเจตจำนงที่ดี ของทุกท่านข้างต้นเป็นอย่างสูงนะคะ ที่สำคัญ คุณจขกท คงได้รับคำตอบและเข้าใจดีแล้วนะคะ อย่าเพียงตัดตอน มาโพสต์ในสิ่งที่อาจสร้างความเข้าใจผิดให้กับผู้อ่านเถิดนะคะ