ทำไมคนชอบโมโหมากกว่าปกติในวันพระ ทำไม...

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย rockgirl, 29 พฤศจิกายน 2012.

  1. rockgirl

    rockgirl สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    5
    ค่าพลัง:
    +8
    คือสงสัยมากค่ะกับเรื่องนี้ เพราะว่าตั้งแต่จำความได้ก็รู้ว่าตัวเองเป็นคนที่มีอะไรแปลกๆในวันพระมาตลอด ตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ ประมาณ 3-4 ขวบ จะชอบลุกขึ้นมาโวยวายร้องห่มร้องไห้ ในคืนวันพระ โดยเฉพาะในวันพระจันทร์เต็มดวงจะเป็นมากเป็นพิเศษ เวลาที่เกิดอาการเท่าที่จำได้ก็จะรู้สึกตัวตลอดเวลานะคะ แต่จะมีความรู้สึกว่าโกรธมาก หงุดหงิดไปหมด ต้องร้องไห้ โวยวาย จนพ่อแม่ญาติพี่น้องตื่นกลัวกัน แล้วตอนเด็กๆตอนที่ยังเป็นทารกอยู่แม่เล่าให้ฟังว่าเป็นคนที่ร้องไห้ทุกคืน ร้องทุกคืนจริงๆ พอฟ้าเริ่มมืดจะร้องไปจนเกือบตี 3 ตี 4 จนผู้เฒ่าผู้แก่แถวบ้านบอกว่าตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นเด็กร้องไห้เยอะเท่านี้มาก่อน พอโตมาประมาณ 5-6 ขวบอาการโวยวายในวันพระก็เริ่มเพลาๆลงแต่ยังมีมาเรื่อยๆแต่ไม่ค่อยเยอะเท่าตอนเด็กแล้ว แต่ช่วงนี้จะมีอาการแปลกๆค่ะ แม่เล่าให้ฟัง (อีก) ว่า บางทีเดินอยู่เฉยๆก็ล้มลงไปชัก หรือไม่ก็หมดแรงไปเฉยๆ พอแม่วิ่งเข้าไปอุ้มไปถามว่าเป็นอะไรก็จะบอกว่าหายใจไม่ออก แรกๆพ่อแม่พาไปหาหมอบ่อยมากค่ะ ก็หายแต่ไม่หายขาด จนมีครั้งหนึ่งที่เริ่มมีอาการอีกแล้วตอนนั้นพ่อออกไปทำงาน ไม่มีรถพาไปหาหมอ ระหว่างที่รอรถพาไปนั้น แม่ลองเรียกคนแก่ที่เคยบวชประมาณว่าเป็นคนมีวิชามาดูให้ ท่านลองเอาพระห้อยคอให้ ปรากฏว่าอาการชักหายทันที แม่บอกว่าตอนนั้นทุกคนงงมากเพราะอยู่ดีๆก็ลุกขึ้นมาแล้วมีอาการปกติเหมือนไม่เคยเป็นอะไรเลย แล้วบางทีเวลาที่เป็นไข้ขึ้นมาแล้วไข้ขึ้นจะไม่รู้สึกตัว พอหายไข้พี่สาวจะแอบมาเล่าให้ฟังว่า ตอนที่ไข้กำเริบแม่กำลังเช็ดตัวให้อยู่ อยู่ดีๆเราก็หันมาทำหน้าถมึงทึงใส่แม่แล้วพูดว่า "มึงอย่ามายุ่งกับกู" แต่แม่ไม่ยอมเล่าให้ฟัง จำได้ว่าช่วงเด็กๆพวกลูกพี่ลูกน้องจะกลัวเรามาก บอกว่าเป็นเด็กผี

    หลังๆมาแม่พาไปหาลุงคนที่เอาพระมาห้องคอ เขาก็ทำพิธีแบบคนอีสานทำ มีหมากพลูอะไรไม่รู้ อาการก็ดีขึ้นเรื่อยๆแต่ยังไม่หายขาด จนยายพาไปฝากเป็นลูกของพระวัดหนึ่ง นั่นแหละอาการชักต่างๆ ถึงหายไป เหลือแต่อาการโมโหแรงในวันพระที่ยังคงเป็นอยู่ถึงทุกวันนี้ เคยลองสังเกตุหลายทีแล้วว่า เราโมโหได้ทุกเรื่องจริงๆ บางเรื่องในวันธรรมดาเราทนได้ สบายๆด้วยซ้ำ แต่ในวันพระกลับรู้สึกร้อนรุ่ม อารมณ์เสีย หลังๆมาเราเริ่มเข้าหาธรรมมะมากขึ้น ถ้ารู้ว่าถึงวันพระเราจะมีสติให้มาก ซึ่งมันก็ช่วยได้เยอะแต่ก็ยังมีเล็ดลอดอยู่

    ก็เลยอยากถามท่านผู้รู้ว่าใครเคยเป็นหรือรู้เรื่องทำนองนี้บ้าง ได้โปรดชี้แนะด้วยนะคะ
     
  2. พูน

    พูน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ตุลาคม 2010
    โพสต์:
    595
    ค่าพลัง:
    +2,479
    ลองทำ อานาปานุสติฯ ในวันพระดูนะครับ แล้วดูว่าผลจะเป็นไง โชคดีครับ
     
  3. Thrinai

    Thrinai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +555
    ฝึกเจริญสติปัฏฐาน 4 โดย เน้นที่ การฝึก "การกําหนดรู้โทสะจิต"
    ให้ทำแบบนี้ทุกๆวันครับ

    นอกเรื่องการปฏิบัติ มีการวิจัยบางอย่างว่า ดวงจันทร์ เองไม่ได้มีอิทธิพลกับน้ำขึ้นน้ำลงเท่านั้น ยังเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นจิตใจและอารมณ์ของมนุษย์ด้วย และวันที่พระจันทร์เต็มดวง อัตราการเกิดอาชญากรรมจะสูงกว่าวันปกติด้วยครับ

    เนื่องจากศึกษาเรื่องจิตวิทยามาบ้าง ทำให้รู้ว่าผู้ที่ไม่มีสติ(บุคคลทั่วๆไปผู้ไม่ได้รับการฝึกสติ แบบพุทธ) จะถูกครอบงำด้วยอารมณ์ได้ง่ายๆ
    ดังนั้นถ้าคุณไม่อยากเป็นแบบนั้นให้หมั่นฝึกสติปัฏฐาน 4 เป็นนิจครับ เพราะถ้าคุณตามใจมัน มันก็จะมีแต่ขยายเพิ่ม มีกำลังเพิ่มจน โทสะครอบงำจิตใจได้โดยง่าย เมื่อสัญญามันทำงานจิตก็ขึ้นวิถีเพราะมันเป็นแบบนั้นจนชิน

    อาปานสติ เป็นกรรมฐานสำหรับโมหะจริต ซึ่งเป็น กรรมฐานกลาง เพราะใน โทสะ และ โลภะ จะมีโมหะเจืออยู่เสมอครับ เลือกให้เหมาะกับจริตของคุณนะครับ
     
  4. thammakarn

    thammakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2011
    โพสต์:
    98
    ค่าพลัง:
    +376
    ผมค่อนข้างแปลกใจกับคำตอบที่ทำให้ดูเหมือนว่า สติปัฏฐานสี่ และอานาปานสติ เป็นคนละเรื่องกัน กรรมฐานทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นอย่างใด จะรวมลงที่กายและจิต หรือรูปกับนามทั้งนั้น

    ขออนุญาตยกตัวอย่าง เมื่อผมเจริญกรรมฐานโดยวิธีอานาปานสติ เมื่อจิตสงบแล้วผมก็ถอยออกมา เริ่มพิจารณาร่างกายภายใน หรือพิจารณาอารมณ์ที่ปรากฏเฉพาะหน้า
    ในความเห็นของผม ก็นับว่าเป็นสติปัฏฐานได้เช่นกัน เพราะหากไม่มีสติแล้ว ก็คงไม่เรียกกันว่าอานาปานสติ ในอานาปานสติ ก็มีฐานกาย เวทนา จิต ธรรม ให้พิจารณา ในสติปัฏฐานก็ต้องอาศัยกำลังสมาธิเป็นกำลังพื้นฐาน ทั้งหมดนี้ไม่ควรแยกจากกันแต่อย่างใด

    สำหรับคุณเจ้าของกระทู้ ผมแนะนำให้ทำสมาธิภาวนา กำหนดลมหายใจที่เรียกว่าอานาปานสติ เมื่อจิตสงบแล้วจะมีกำลัง เมื่อจิตมีกำลังก็สามารถยับยั้งกดข่มโทสะได้ระดับหนึ่งอย่างแน่นอน การฝึกอานาปานสติ เป็นการฝึกสติที่กำกับด้วยการตามดูลมหายใจเข้าออกจนจิตใจมีความสงบ

    ที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่าสำคัญที่สุด เมื่อตัวเราเกิดโทสะขึ้นครั้งใด ก็ให้จดจำเก็บมาพิจารณา จะพิจารณาในสมาธิหรือภายนอกสมาธิก็ย่อมได้ ให้พิจารณาโทษของโทสะนั้นบ่อยๆ จิตจะค่อยๆเรียนรู้ถึงโทษทุกข์จากโทสะ ต่อไปโทสะจะค่อยๆเบาบางลง แม้จะใช้เวลานานก็ขอให้พยายามครับ
     
  5. นะโม12

    นะโม12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +245
    อ่านแล้วคันนิ้ว หุหุ


    สิ่งที่มากระแทก จิต จะทำให้ไหว

    พิมพ์เป็น วิชาการหน่อย

    ในวันพระ จะมีพลังงานที่มากกว่าปกติ

    พลังงานเหล่านั้น จะมากระแทกจิต ทำให้จิตมันไม่ตั่งมั่น
    ทีนี้ หากคนที่ไม่เคยรู้สึกตัวเอง หรือเรียกว่า จิตไม่มีกำลัง หรือเรียกว่า อินทรีอ่อน
    ก็จะไหลไปตามสิ่งกระแทกแบบเรียกว่า หลับทั้งกลางวันและกลางคืน นั่นคือจิตไม่เคยตื่น

    แต่หาก ผู้ที่ มีกำลังจิต หรือ เรียกว่า อินทรี
    อันประกอบด้วย สติ สมาธิ ปัญญา มันมีกำลังมากหน่อย หรือเรียกว่า มีกำลังกล้า

    มันจะรู้ สึกตัวเองได้มั่ง แม้จะน้อยนิด
    ทำไมตัวเองจึงโกรธง่าย หรือ กระวนกระวายอยู่ไม่ถูก

    พลังงานนั้นมี สองอย่าง ซึ่ง ออกจากภายนอกและภายใน จะเป็นปัจจัยส่งต่อ สลับกันไป

    ภายนอก ยกตัวอย่าง ชัดๆ ก็ จะเป็น คำสรรเสริญ นินทา ต่างๆที่พุ่งมาหาเรา
    จะพูดมากกว่านี้ก็มี พลังงานของ วิญญาณ ต่างๆอีก ซึ่ง นับไม่ถ้วน ทั้งในที่ไกลและที่ใกล้

    อันนี้ จะนอกเรื่องนิดนึง

    วันพระ เป็นวัน นรกเปิด
    ยมบาลจะนำวิญญาณ ขึ้นมารับส่วนบุญส่วนกุศล
    ที่ญาติของผู้ตายได้ทำบุญและอุทิศด้วยการกรวดน้ำ ฝากพระแม่ธรณีไว้

    พอ ท่านยม พาสัตว์นรกเหล่านั้นขึ้นมาก็จะมารับ อานิสงส์ ผลบุญ
    ที่ญาติตัวเองมีกรรมผูกพันธ์ได้ทำบุญและกรวดน้ำ ฝากพระแม่ธรณีไว้

    จารีตประเพณีโบราณ ท่านสอนมาดี วันพระ ให้เข้าวัดฟังธรรมรักษาศีล ปฏิบัติธรรม
    ก็จะเป็น อุบายในการมารู้ด้วยตนเองไปในตัว
     
  6. สี่จุด

    สี่จุด เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    705
    ค่าพลัง:
    +3,658
    เห็นจริงด้วยกับกระทู้นี้ เพราะเราเองก็เป็น สังเกตุมานานแล้ว
    เมื่อก่อนจะเป็นคนโมโหร้าย โกรธ แต่มีเหตุผล
    ระยะหลังนั่งสมาธิ สวดมนต์ ฟังเทศน์ ฟังธรรม
    ไม่ค่อยโกรธ ไม่โมโห ลด ละ เลิกได้ คุมจิตใจได้
    ถือศีล 5 สวดมนต์ทุกวัน แต่ถ้าเป็นวันพระ เหมือนงานเข้า
    จะไม่มีเวลาสวดมนต์ มีเรื่องเข้ามาก่อกวนอารมณ์ ขนาดเรานึก
    รู้เท่าทัน ก็เหนื่อยมากกับวันพระ นึกสงสัยอยู่ว่าทำไมต้องเป็นวันพระ
     
  7. Thrinai

    Thrinai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +555
    อานาปานสติ อยู่ใน สติปัฏฐาน 4 ครับ อยู่ในหมวดของ กายานุปัสสนา ครับ
    เนื้อความดังนี้
     
  8. Thrinai

    Thrinai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    200
    ค่าพลัง:
    +555
    เมื่อได้ อานาปานสติ แล้วก็ให้เคลื่อนเข้า จิตตานุปัสนา หรือถ้าต้อนโกรธก็ให้กำหนดรู้ ในส่วน จิตตานุปัสนา
    วิธีกำหนดรู้
    พระพุทธองค์ทรงให้แนววิธีรู้ไว้คือ
    การกำหนดรู้กาย การกำหนดรู้ใจ ใช้ในการปฏิบัติ ว่าอะไรชัด ถ้าโกรธก็ในกำหนดรู้ในโทสะ ถ้าใจมันเฉยๆ ก็ให้ไปกำหนดรู้กายแทน
    ปล.ขอให้ผู้สนใจลองไปศึกษาเพิ่มเติมเองนะครับ ผมรู้แค่เท่าที่ผมรู้เท่านั้น 555+
     
  9. นะโม12

    นะโม12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    29
    ค่าพลัง:
    +245

    อานาปานะสติ
    หากทำตาม วิธีของอานาปานะสติได้จริง
    มันจะเข้า สติปัฏฐาน หมด

    เวลามันคล่อง มันไม่เลือก ฐาน

    จะกล่าวว่า อานาปานะสติ ก็คือ สติปัฏฐาน 4 ก็ไม่ผิด

    เป็นยอดกรรมฐาน ที่ ฝึกได้
    ทำให้เข้าถึง ตั้งแต่ ฌาน 1 2 3 4 5 6 7 8 และสัญญาเวทยิตนิโรธ
    ตอนนี้ หลวงปู่พุธ ฐานิโย ให้คำแนะนำไว้ก็มีอยู่


    การกำหนดรู้กาย การกำหนดรู้ใจ
    ใช้ในการปฏิบัติ ว่าอะไรชัด ถ้าโกรธก็ในกำหนดรู้ในโทสะ
    ถ้าใจมันเฉยๆ ก็ให้ไปกำหนดรู้อารมณ์เฉย
    หรือเรียกภาษาง่ายๆ
    นิ่งกำหนดรู้ว่านิ่ง
    ว่างกำหนดรู้ว่าว่าง
    เฉยกำหนดรู้ว่าเฉย
     
  10. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814
    ทำไมคนชอบโมโหมากกว่าปกติในวันพระ ทำไม

    กรรมฐานมี ๔๐ กอง มหาสติปัฏฐาน ๔ อีกหนึ่งกอง ถ้า ใช้ใจจับอยู่ อยู่ที่ลมหายใจ เข้า ออก รู้ ออกเข้ารู้ อยู้ที่ ปลายจมูก เป็นกรรมฐาน มหาสติปัฏฐาน ๔ ถ้าใช้ใจจับอยู่ที่ ปลายจมูก ลมใหล มาหน้าอก และที่ เหนือสดือ นิดหน่อย และไหลออก จากสดือ หน้าอก มาปลายจมูก ทำอยู่อย่างนี้ เรียกว่า อานาปานุสติ กรรมฐาน ๔๐ ครับ และเราจะใช้กรรม ฐาน กองไหนอีก ตามใจของหรือจริต ของท่านนั้นๆครับ แต่ถ้าทำใจสงบแล้ว มาพิจรณา กาย หรือ นึกถึงความตาย ควบคู่กันไป มันก็เป็นกรรมฐานหลายกอง มารวมกัน หรือ ภาวนา พุทโธ หรือภาพพระพุทธเจ้า ก็ได้หมดและครับ อานาปา พุทธา กสิน ตามแต่ใคร จะใช้แบบไหน ถนัดแบบไหน ไม่ผิกหรอกครับ

    เจ้าของกระทู้ ก็ดีแล้ว ทำตามที่คุณว่ามา มันจะค่อยๆลดไปเอง และพิจรณาให้มาก พยายามรู้ทันมัน ถ้ามันนึกด่า หรือตำหนิ พ่อแม่ เราก้พิจรณา นึกถึงความดี ของพ่อแม่ ถ้าเราไม่พอใจ คนแลสัตว์ ใช้ พรหม วิหาร ๔ เข้ามาช่วย จะลดได้เยอะครับลองดู ผมเป็นเหมือนกัน จะทะเลาะกันรุนแรง ๆ กว่าปรกติ ถ้าแพ้มัน เราก็มาพิจรณา ว่า ต่อไปเราจะไม่คิดเช่นนี้อีก ทำอย่างนี้อีก เราไม่ชอบ คนอื่นก็ไม่ชอบเช่น กัน คนเราถ้าไม่มีของเก่า มันคิดไม่ได้หรอกครับ

    อันนี้ผมว่ามันเป็นกรรมอย่างหนึ่ง ผมเป็น แต่ไม่มากดังที่คุณว่ามา ลองใช้จิต ขอขมา ต่อพระรัตนตรัย พ่อแม่ ตั้งแต่ อดีด ถึงปัจจุบัน คนแลสัตว์ ทั่วทั้ง ๔ ทิศ ผมว่าช่วยได่เยอะนะลองดู ไม่เสียหายอะไรครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2012
  11. ล้อเล่น

    ล้อเล่น เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    4,924
    ค่าพลัง:
    +18,649
    เล่นก็เป็นค่ะ แต่ไม่มากเท่าไร ก็นึกเหมือนกันว่าเรามีกรรมอะไรหนอ แค่วันเดียวเท่านั้น เหตุการณ์เหมือนกันแต่โมโหต่างกัน อิอิ
     
  12. wild win

    wild win เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2011
    โพสต์:
    159
    ค่าพลัง:
    +436
    เรื่องวันพระไม่แน่ใจ แต่ที่รู้มาคือวันพระจันทร์เต็มดวง

    พระจันทร์เต็มดวงมีผลกับจิตใจมนุษย์ สังเกตได้ในโรงพยาบาล

    คีนไหนพระจันทร์เต็มดวง คนไข้จะกระสับกระส่าย วุ่นวาย เอะอะมากกว่าปกติ

    พยาบาลจะเหนื่อย อันนี้พยาบาลเขาเล่าให้ฟัง
     

แชร์หน้านี้

Loading...