มีเสียงในหู เหมือนจั๊กจั่นร้อง

เมื่อคืนนั่งสมาธิแล้วมีอาการแบบมีเสียงเหมือนแหลม ยาวๆ ตอนนี้ก็ยังไม่หายครับ อยากสอบถามผู้รู้ว่ามันคืออะไร แล้วมันจะหายไปมั้ยครับ

 

ถ้าไม่หาย ลองไป โรงพยาบาล พบหมอดูครับ ตรวจดูครับ

 

ขี้หูอัด.....แคะบ้าง

 

มันเป็นเสียงคลื่นความถี่สูง ที่มีอยู่เอง เป็นอยู่เองตามธรรมชาติของมัน ประโยชน์ของมันคือสามารถใช้เป็นเครื่องมือวัด สติ ได้ ยามใดที่ยังรับเสียงนี้ได้อยู่ ก็ให้สังเกตุดูว่า ยังรู้ตัวดีอยู่เช่นกัน ใช่หรือไม่ แต่ยามใดที่ไม่ได้รับเสียงนี้ ให้สังเกตุดูว่า ในขณะนั้นเรากำลังหมกมุ่น หรือ จิตทำงานอย่างอื่นอยู่ (จิตยังไม่ว่าง) ใช่หรือไม่ ลอง ๆ สังเกตุดูนะครับ

 

นึกว่าผมจะเป็นคนเดียว ไปหาหมอปกติครับ

เกิดจากประสาทหูมันสามารถรับคลื่นเสียงที่ปกติเราจะไม่ค่อยได้ยินได้

เสียงมันจะเหมือนตอนที่เราอยู่ในที่เงียบมากๆ บางท่านเรียกว่าเสียงแห่งความเงียบ

ถ้าเราไม่สนใจก็จะหายไปเองครับ ถ้ายิ่งฟังจะยิ่งปวดหู

ล่าสุดนั่งสมาธิจนสามารถได้ยินเสียงมอเตอร์ของพัดลมครางได้

สามารถฟังเสียงลมที่ออกมาจากพัดลมจะมีเสียงคล้ายๆ

ลมผ่านกระบอก เท่านี้ครับที่ำได้ตอนนี้

 

บางคนบอกว่าเสียงนี้เป็นเสียงอีกมิติครับ

แต่ไม่แน่ชัดลงไปว่าคือเสียงอะไร

 

ผมก็เป็นครับ เคยไปตรวจหูก็ปกติดี แต่ก่อนไม่ได้ยินครับ เริ่้มมีอาการตั้งแต่หัดนั่งสมาธิครับ
บางทีเหมือนมีอาการหูดับจากซ้ายไปขวาด้วยความเร็ว แต่นานๆเป็นทีครับ แรกๆรำคาญมาก
แต่ตอนหลังทำใจได้แล้วครับ ร่างกายเราต้องเจ็บ ต้องเสื่อมไปเป็นธรรมดา

 

เขาเรียกว่า "ความดันในช่องหูผิดปกติ" หรือจะเรียกแบบทั่วๆไป ก็เรียกว่า "ลมออกหู"ขอรับ

 

เอามืออุดหู เอาน้ำหยอดหู ก็ยังได้ยินเลยครับเสียงนี้ไม่ได้ใช้หูเนื้อ(ear)ได้ยิน
ลองเปิดเพลงไป เอาสติจับเสียงนี้ไป ได้ยินคู่กันไป ถ้าเพลินไปกับเพลง ตัวรู้เคลื่อนก็ไม่ได้ยินเสียงนี้ละ เมื่อกลับมาสงบกลับมาได้ยิน

อาศัยเสียงนี้เป็นเครื่องระลึกความต่อเนื่องของสติครับ

 

ไม่หายไปไหนหรอกนะ

เสียงนั้นคืออะไร ในทางสรีระวิทยา มันคือ การพัดโบกของอวัยวะหู
ชั้นใน การโบกของมันจะเกิดขึ้นตลอดเวลา ไม่มีหยุด หยุดไม่ได้ มัน
ทำหน้าที่คล้ายๆ หัวใจ คือ หากไม่ตาย ก็ไม่หยุดโบก

หัวใจเนี่ยะ ผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อเส้นประสาท หูเขาก็มีขนชั้นในเนี่ยะ
พัดโบกเพื่อสร้างกระแสไฟฟ้าเหมือนกัน เป็นตัวส่งสัญญาณไปที่สมอง
โดยตรง

ดังนั้น

เรื่องปรกติเลยนะ ที่จะได้ยินเสียงแหลมๆ

ทีนี้

แล้วในเชิงธรรมะ คืออะไร

ก็หมาย สติอยู่ที่กายคตาสติ มันแนบเข้ามาที่กาย แล้วกายเนี่ยะมัน
มีหยาบกลางละเอียด ละเอียดเข้าไปมันก็ลึกซึ้งขึ้น เรียกว่า อาการ32
นั้น เราสามารถรู้ได้ถ้วนทั้งหมด โดยการพิจารณากาย กายคตาสติ

สังเกต เสียงที่อยู่ถัดออกไปจากเสียงวิ๊ดนี้จะไม่มีอิทธิพลต่อการสนใจ
ของจิต แต่ เสียงตัวนี้เราได้ยินเราไปเผลอสนใจ ยินดี ยินร้าย

และ มีหลายรายเลยนะ ไปฟังธรรมผิด เช่น หาว่าเราบ้า หาว่าเราต้อง
ไปตรวจ หาว่าเราได้ยินเสียงเปรต มีหูทิพย์ มีองค์ อันนี้ บ้าบอไปตาม
พวกที่ปฏิบัติไม่เป็น

ถ้าเราปฏิบัติเป็น เราก็เพิกยินดี ยินร้าย แล้วมันจะ ยินชัดเข้าไปอีก
ซึ่งจะชัดแค่ไหน ก็จัดว่าเป็นการไปรู้อาการ 32 เท่านั้น ไปรู้ความ
แปรปรวนของกาย ดุจหัวฝี ดุจหัวหนอง เป็น มูถ คูธ เน่า แล้ววันหนึ่ง
จะต้องเสื่อมสลายไปเพราะ หมดวาสนาในการได้รับอนิสงค์ที่เคยทำ
มา

ดังนั้น กายนี้ หากเอามาพิจารณาเป็น กายคตาสติ ก็จะเห็นว่ามีคุณค่ามาก

กายนี้ได้มา ตามวาสนา วาสนาที่สำคัญเลยคือ แม่และพ่อ ให้กายนี้มา
ทำให้เราสามารถเจริญ กายคตาสติ จนถึง อรหันต์ได้ หากไม่เลิกการ
หมั่นสดับ สดับธรรมะ นะ ซึ่งจะลึกซึ้งกว่าเสียงจั๊กจั่นร้อยเท่าพันทวี

เสียงแห่งชัยชนะของผู้สิ้นกิเลส อุปทาน

 

ขอบคุณมากนะครับที่ให้ความรู้

ผมจะไปศึกษา กายคตาสติ ตามที่คุณพญาตีนลายจุดแนะนำมานะครับ

ขอบคุณทุกท่านในที่นี้ที่เข้ามาตอบด้วยนะครับ สาธุ

 

จากกลไกดังกล่าวจะเห็นได้ว่าการทำงานของหูสามารถแบ่งได้เป็น 3 ตอนดังนี้

1.การได้ยินแบบการนำเสียง (conductive function) เป็นการทำงานของหูในช่วง
ต้นตั้งแต่ใบหูจนถึงหน้าต่างรูปไข่หรือที่ขายึดกระดูกโกลน ซึ่งเป็นการทำงานโดยการนำเสียง
ผ่านโมเลกุลอากาศ ผ่านแก้วหู แล้วนำเสียงผ่านกระดูกทั้ง 3 ชิ้นมาถึงหน้าต่างรูปไข่

2.การได้ยินแบบประสาทรับเสียง(sensorineural function) เป็นการทำงานของ
ส่วนที่อยู่หลังหน้าต่างรูปไข่ไปจนถึงเซลล์ประสาทรับเสียง

3.การแปลความหมายโดยสมอง(central function) เป็นการทำงานในส่วนของ
สมองใหญ่เพื่อแปลความหมายของเสียงที่ได้ยิน

จากเวบ Untitled Document

น่าจะถามคนหูหนวกที่พิการประสาทรับเสียงที่ฝึกสมาธิ
ว่าได้ยินเสียงวี๊ดนี้ไหมนะครับ น่าสนใจ รางวัลโนเบลเมตาฟิสิกส์ วิทยาศาสตร์พลังจิต
การทดลองของผมทำได้แค่กายภาพภายนอก

 

คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน ----> หน้า 13

ทิพยโสตญาณ
ญาณนี้เป็นญาณในอภิญญาหก เป็นญาณที่สองรองจากอิทธิฤทธิญาณทิพยโสตญาณนี้
เป็นญาณสร้างประสาทหูให้มีคุณสมบัติพิเศษกว่าประสาทหูธรรมดา สามารถฟังเสียงจากที่ไกล
เกินหูสามัญจะได้ยินได้ เสียงเบาเสียงละเอียด เช่น เสียงอมนุษย์ เสียงเปรต เสียงอสุรกายที่นิยม
เรียกกันว่าเสียงผี เสียงเทวดา เสียงพรหมและเสียงของท่านที่เข้าถึงจุดจบของพรหมจรรย์
ทิพยโสตญาณ ถ้าทำให้เกิดมีได้แล้ว จะฟังเสียงต่างๆ ตามที่กล่าวมาแล้วได้อย่างอัศจรรย์

เสียงหยาบละเอียดไม่เสมอกัน
เสียงต่างๆ ที่จะพึงฟังได้นั้น มีความหยาบละเอียดชัดเจนหนักเบาไม่เสมอกัน เสียง
มนุษย์และสัตว์ที่ปรากฏร่างที่เห็นชัดเจน ย่อมมีเสียงดังมาก ฟังชัดเจน พวกมด ปลวก เล็น ไร
ฟังเสียงเบามาก แต่ก็ยังเป็นเสียงหยาบ ฟังง่ายและสะดวกกว่าเสียงอมนุษย์ เสียงเปรต อสุรกาย
และพวกยักษ์ กุมภัณฑ์ คนธรรพ์ นาค มีเสียงเบากว่าเสียงมนุษย์ และสัตว์ที่สามารถเห็นได้ด้วย
ตา และเห็นได้ด้วยการใช้กล้องขยายส่องเห็น แต่ถ้าจะเปรียบกับพวกอทิสมานกายด้วยกันแล้ว
บรรดาเสียงเปรต อสุรกายยักษ์ กุมภัณฑ์ คนธรรพ์ นาค ก็จัดว่ามีเสียงหยาบมาก เสียงหนัก
ดังมาก ได้ยินง่ายและชัดเจน เสียงของเทวดาชั้นกามาวจร ที่เรียกว่าอากาศเทวดา ตั้งแต่ชั้น
จาตุมหาราช ชั้นดาวดึงส์ ชั้นยามา ชั้นดุสิต ชั้นนิมมานรดี ชั้นปรนิมมิตตวสวัสดี รวมหกชั้นนี้
เรียกว่าเทวดาชั้นกามาวจร เพราะยังมีอารมณ์ ท่องเที่ยว คือมีความใคร่ในกามารมณ์ เป็น
ภูมิชั้นของเทวดาที่ยังมีความเสน่หาในกาม ยังมีการครองคู่เป็นสามีภรรยากันเยี่ยงมนุษย์
เทวดาทั้งหกชั้นนี้มีเสียงละเอียดและเบากว่า พวกเปรต อสุรกาย ยักษ์ กุมภัณฑ์ คนธรรพ์ นาค
เสียงเทวดาชั้นกามาวจร ละเอียด เบาและไพเราะมาก ฟังแล้วรู้สึกนิ่มนวล สดชื่น แต่ทว่า
เทวดาทั้งหกชั้นนี้ก็ยังมีเสียงหยาบกว่าเสียงพรหม พรหมมีเสียงละเอียดและเบามากฟังเสียง
พรหมแล้ว ผู้ที่ได้ยินใหม่ๆ อาจจะเข้าใจว่า เป็นเสียงเด็กเล็กๆ หรือเสียงสตรี เสียงพรหม
จะว่าแหลมคล้ายเสียงสตรีก็ไม่ใช่จะว่าเหมือนเสียงเด็กเล็กๆ ก็ไม่เชิง ฟังแล้วก้ำกึ่งกันอย่างไร
ชอบกล ทุกท่านที่ได้ยิน ใหม่ๆ อดสงสัยไม่ได้
สำหรับเสียงท่านที่จบพรหมจรรย์นั้น เป็นเสียงที่ละเอียดและเบามาก ไม่ทราบว่าจะ
พรรณนาอย่างไรถึงจะตรงกับความเป็นจริง
เรื่องของเสียงมีความหนักเบาแตกต่างกันอย่างนี้ แม้เสียงที่หยาบเป็นเสียงของมนุษย์
และสัตว์ที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า ถ้าอยู่ไกลสักหน่อย หูธรรมดาก็ไม่สามารถจะได้ยิน แต่
ท่านที่ได้ ทิพยโสตญาณ ท่านสามารถได้ยินเสียงได้ แม้ไกลกันคนละมุมโลก ท่านก็สามารถ
ได้ยินเสียงพูดได้และรู้เรื่องละเอียดทุกถ้อยคำ แม้แต่เสียงอมนุษย์ เทวดา พรหม และเสียง
ท่านผู้จบพรหมจรรย์ก็เช่นเดียวกัน ท่านสามารถจะพูดคุยกับ เทวดา พรหม ยักษ์ เปรต อสุรกาย
และ สัตว์นรก ตลอดจนท่านผู้จบพรหมจรรย์ได้ทุกขณะที่ปรารถนาจะพูดคุยด้วย ท่านที่ได้ทิพย-
โสตญาณนี้ ดูเหมือนจะมีกำไรในส่วนของการฟังมากเป็นพิเศษ

วิธีฝึกทิพยโสตญาณ
ทิพยโสตญาณจะมีขึ้นได้แก่นักปฏิบัติกรรมฐาน ก็ต้องอาศัยการฝึก สำหรับท่านที่เป็น
อาทิกัมมิกบุคคล หมายถึงท่านที่ไม่เคยได้ทิพยโสตญาณมาในชาติก่อนๆ ตามนัยวิสุทธิมรรค
ท่านให้ฝึกดังต่อไปนี้
ท่านให้สร้างสมาธิในกสิณกองใดกองหนึ่ง จะเป็นกองใดก็ได้ตามใจชอบ จนได้ฌาน
๔ แล้วท่านให้เข้าฌาน ๔ จนจิตเป็นอุเบกขารมณ์เงียบสงัดจากอกุศลวิตก แล้วถอยหลังจิต
คือค่อยๆ คลายสมาธิมาหยุดอยู่เพียงอุปจารสมาธิ แล้วค่อยๆ กำหนดจิตฟังเสียงที่ดังๆ ในที่
ไกลพอได้ยินได้ และเสียงที่เบาลงไปเป็นลำดับ เช่น เสียงฆ้อง กลอง ระฆัง กำหนดฟังให้
ชัดเจน แล้วค่อยๆ เลื่อนฟังเสียงที่เบากว่านั้น ขณะที่กำหนดฟังอยู่นั้น ถ้าเห็นว่าอารมณ์จะ
ฟุ้งซ่าน ก็เข้าฌาน ๔ เสียใหม่ เมื่อเห็นอารมณ์ใจสงัดดีแล้ว จึงค่อยคลายสมาธิมาหยุดอยู่ที่
อุปจารฌาน แล้วค่อยๆ กำหนดฟังเสียงที่เบาลงเป็นลำดับจนเสียงเล็นเสียงไร เสียงที่อยู่ไกล
คนละทวีป และเสียงผี เสียงเปรตเสียงยักษ์ กุมภัณฑ์ คนธรรพ์เสียงนาค เทวดาชั้นกามาวจร
เสียงพรหม เสียงท่านที่จบพรหมจรรย์ค่อยเลื่อนขึ้นเป็นลำดับ แต่ทว่าการกำหนดฟังนั้น ต้อง
ฟังให้ชัดเจนเป็นขั้นๆ ไปถ้าฟังเสียงหยาบยังได้ยินไม่ชัดเจน ก็อย่าพยายามฟังเสียงที่ละเอียด
กว่านั้น ต้องฟังเสียงอันดับใดอันดับหนึ่ง ให้ได้ยินชัดแจ่มใสเสียก่อน แล้วจึงเลื่อนไปฟังเสียง
ที่ละเอียดกว่านั้น แล้วเข้าฌาน ๔ ออกฌาน ๔ ไว้เสมอๆ พยายามทำให้มากวันละหลายๆ
ครั้งท่านกล่าวไว้ในวิสุทธิมรรคว่าทำเป็นร้อยครั้งพันครั้ง ทำเสมอๆ อย่าเกียจคร้าน ถ้าได้
แล้วก็อย่าละเลย ต้องทำไว้เสมอๆ จะได้เกิดความเคยชินคล่องแคล่วว่องไว จนกระทั่งคิด
ว่าจะต้องการฟังเสียงเมื่อไรก็ได้ยินเมื่อนั้น ไม่ว่าเสียงระดับใด อย่างนี้เป็นอันใช้ได้
ทิพยโสตญาณมีวิธีปฏิบัติตามที่ท่านกล่าวไว้ในวิสุทธิมรรคอย่างนี้ ขอนักปฏิบัติ
ที่สนใจในญาณนี้ จงตั้งจิตอุตสาหวิริยะเป็นอันดี ไม่ท้อถอยแล้ว เป็นมีหวังสำเร็จผลทุกราย
ไม่มีอะไรที่ท่านผู้มีความวิริยะอุตสาหะจะทำไม่สำเร็จ เว้นไว้แต่จะคุยโวโม้แต่ปากแต่
ไม่เอาจริงเท่านั้น สำหรับฉฬภิญโญ ขอเขียนไว้เพียงเท่านี้ ญาณอื่นๆ นั้นได้เขียนไว้
ในวิชชาสามครบถ้วนแล้ว

ทิพยโสตญาณ
[๑๓๔] ภิกษุนั้น เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส ปราศจากกิเลส อ่อน
ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวอย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไปเพื่อทิพยโสตธาตุ เธอย่อม
ได้ยินเสียง ๒ ชนิด คือเสียงทิพย์และเสียงมนุษย์ ทั้งที่อยู่ไกลและใกล้ด้วยทิพยโสตธาตุ อัน
บริสุทธิ์ล่วงโสตของมนุษย์ ดูกรมหาบพิตร เปรียบเหมือนบุรุษเดินทางไกล เขาจะพึงได้ยินเสียง
กลองบ้าง เสียงตะโพนบ้าง เสียงสังข์บ้าง เสียงบัณเฑาะว์บ้าง เสียงเปิงมางบ้าง เขาจะพึง
เข้าใจว่า เสียงกลองดังนี้บ้าง เสียงตะโพนดังนี้บ้าง เสียงสังข์ดังนี้บ้าง เสียงบัณเฑาะว์ดังนี้บ้าง
เสียงเปิงมางดังนี้บ้าง ฉันใด ภิกษุก็ฉันนั้นแล เมื่อจิตเป็นสมาธิบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว ไม่มีกิเลส
ปราศจากอุปกิเลส อ่อน ควรแก่การงาน ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหว อย่างนี้ ย่อมโน้มน้อมจิตไป
เพื่อทิพยโสตธาตุ เธอย่อมได้ยินเสียง ๒ ชนิด คือเสียงทิพย์และเสียงมนุษย์ ทั้งที่อยู่ไกล
และใกล้ด้วยทิพยโสตธาตุอันบริสุทธิ์ล่วงโสตของมนุษย์ ดูกรมหาบพิตร นี้แหละสามัญผลที่
เห็นประจักษ์ ทั้งดียิ่งกว่า ทั้งประณีตกว่าสามัญผลที่เห็นประจักษ์ข้อก่อนๆ.

ประสบการณ์ที่ผมเคยได้ยินแปลกๆนะครับ
ผมจับภาพพระจันทร์แล้วเป็นภวังค์ขยับตัวไม่ได้ มีเสียงเข้ามาในหัวภาษาไทยมาขอให้ช่วยต่างๆนาๆมาเยอะมาก อาจจะต่างจากเสียงวี๊ดเพราะเราตีความชัดๆไม่ได้

 

หาหมอก่อนเลยครับ เส้นประสามหูเสื่อม ไปหาไวโอกาศหายมีสูง ผมก็เป็นแบบคุณนี่ละนั่งสมาธิแล้วได้ยิน ตอนแรกเฉยๆคิดว่าเดี่ยวก็หายเอง อยู่ๆไปไม่หายเลยไปหาหมอๆบอกว่ามาหาช้าไป =_= รีบไปหานะครับ ถ้าเป็นไม่เกิน5~6วัน โอกาศหายมีสูง ขอให้หายไวๆนะครับ ))

 

ขอถามก่อนว่า เป็นเฉพาะนั่งสมาธิรึคะ
.....รึนั่งแล้วก็ยังไม่หาย หลังจากนั่งสมาธิอะคะ

 

บางทีอาจเข้าสมาธิได้เร็วกว่าปรกติเลยนะครับ
สงบจนได้ยินแต่เสียงเงียบ(หวีดแหลม) จนบางทีลืมลมหายใจไปเลย

ขอให้มีสติตลอดนะครับ
อนุโมทนาครับ

 

สงสัยว่าจะเป็นเสียงเปรตมาขอส่วนบุญ นะครับ

ขอแนะนำว่า พอได้ยินเสียงก็ให้แผ่เมตตา อุทิศส่วนกุศลให้กับดวงวิญญาณทั้งหลายครับ

ต้องเข้าใจว่าเค้าทำได้ดีที่สุดแค่นั้นครับ เป็นเสียง กลิ่น ถ้าเค้ามีพลังมากหน่อยก็แสดงภาพ แสดงตัวได้

ผมเอง(ตอนบวชพระ)เคยเจอในกุฏิเป็นกลิ่นเน่าๆ แบบแรงมาก เหม็นแทบอ้วก พอแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศล บอกให้เค้าโมทนา กลิ่นก็หายไปซะเฉยๆ

 

ตัวฟิมก็เป็นค่ะ มันจะเหมือนจั๋กจั่นร้องนานต่อเนื่องไม่มีหยุดหลายเสียงเหมือนมีหลายตัว แต่มันไม่มีวันหยุดอ่ะค่ะ ก็ถ้าเงียบก็ได้ยินตลอดไม่เงียบก็ได้ยิน ได้ยินรวมกับเสียงรอบนอกด้วย เป็นมานานแล้วค่ะ ก็ยังถามตัวเองเลยว่า ทำใมต้องได้ยินเนี่ย ขอนอนแบบเงียบๆไม่มีเสียงนี้สักวันจะได้ไหม แต่ถ้านั่งสมาธิแบบนานๆนะคะ มันจะหายไปเองแต่ก็แค่ไม่นาน หรือเวลาเราไม่รู้ตัวอย่างที่ท่านข้างบนกล่าวๆกันไว้ว่าถ้าเราไม่ไปฟังทำอย่างอื่นไปมันจะลืมและไม่ได้ยินไปเองอ่ะค่ะ สรุปคือถ้าทำอะไรที่เพลินๆแล้วสมาธิเราอยู่กับสิ่งนั้นฟิมจะไม่ได้ยินค่ะ ตอนนี้ก็ยังได้ยินอยู่ขอบคุณที่โพสนะคะ เลยพลอยได้คำตอบไปด้วย อิอิ

 

ก่อนหน้านี้ไม่เป็นครับ หลังจากนั่งสมาธิเมื่อวันก่อน ก็มีเสียงมาตลอดครับ

แต่ถ้ามีเสียงอื่นกลบเสียงที่หูก็จะได้ยินเบาลง แต่ถ้าสังเกตดีๆก็ยังมีเสียงอยู่ครับ

 

หนูก็ได้ยินคะแต่หูหนูดับ

หนูก็เป็นคะ ตอนนี้หนูหูดับทางซ้ายตรวจแล้ว อาจารย์ก็หาสาเหตุไม่ได้ teat ped ก็ไม่ดีขึ้น ก่อนที่เป็นใช้หูฟัง ฟังคลื่นเสียงสถานีที่ปิดแล้ว บังเอิญตัวเองก็หลับคาสถานีด้วย เช้ามาหูเลยดับ ตอนนี้ก็เป็นมาหลายปี ตอนนี้ในโลกก็ใช้หูเดียว แต่ในอีกโลกใช้หูข้างนี้คะ อย่างที่ชัดก็ช่วงสวดมนต์ที่ได้ยินหูข้างที่ดับเนี้ยละ เป็นเสียงกลอง เสียงคนสวดเยอะๆๆ ถ้าหากไปสัมผัสที่มีวิญญาณ จะมีเสียงที่หูดังแหลม ทำให้เรารู้ว่า เราเดินมาตรงนี้มีนะ แต่ก็ไม่คิดอะไรคะ เพียงแต่เราไม่เห็นเขามีอยู่ทุกที่

แต่เสียงที่เหมือนเสียงจักจั๊นจะได้ยินเวลากำลังจจะนอน