เจาะ "ลือ" เขย่าโลก 21/12/12 - วันสิ้นโลก!?

สิ้นโลก...สิ้นสติ?

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=YwgaoA2d3iQ]สิ้นโลก...สิ้นสติ? - YouTube[/ame]

คมชัดลึก 11-12-55 ดร.บัญชา ธนบุญสมบัติ นักวิชาการ สวทช. ดร.สธน วิจารณ์วรรณลักษณ์ ภาควิชาฟิสิกส์ วิทยาศาสตร์ จุฬา และ นาวาอากาศเอก ฐากูร เกิดแก้ว หัวหน้าโครงการศูนย์การเรียนรู้โลกและดาราศาสตร์ LESA
​

 

ตื่นเต้น

 

โลกไม่แตกแน่นอนครับ ในยุกนี้ แต่มีเรื่องวุ้นวายมากมาย แล้วแต่กรรมของบุกคน วันนี้อยู่พรุ่งนี้ตาย เป็นเรื่องธรรมดา แต่ก็ดีนะมีคนเตือน จะได้ตื่นตัวทำความดีเยอะๆ เกิดไรขึ้นจะได้ไม่หนัก สาธุๆๆๆๆๆๆๆๆ

 

ไม่รู้สิ พุทธทำนายที่ผมอ่าน ศาสนาพุทธจะอยู่5000 ปี โลกไม่สูญหรอก สูญไม่กลัว กลัวเสื่อมครับ ภัยพิบัติเกิดก็เป็นธรรมชาติของมัน เพราะป่าไม้ลดลง แต่ถึงกับโลกแตกสูญหายเลยอ่ะยาก ที่ต้องกลัวคือภัยพิบัติ ที่หนักกว่านั้นคือภัยมนุษย์ด้วยกันที่เสื่อมลงๆ แยกดีชั่วกันไม่ออกแล้ว

 

ปฎิทินมายา ชื่อก็บอกอยู่แล้ว

ที่ถูกเราควรหาวิธีพ้นออกจากโลกมายา สู่โลกความจริง! ตามวิถีทางซึ่งพระองค์ท่านตรัสไว้ชอบแล้ว!

 

โลกมันจะสิ้นไปได้ยังไง พระพุทธเจ้า ท่านตรัสไว้ว่า ศาสนาพุทธยังต้องอยู่ถึง พ.ศ.5000 พรรษา จะเชื่อ พระพุทธเจ้า หรือ เชื่อหมอดู หมอเดา
เมื่อก่อนก็ลือกันว่า พ.ศ.2525 โลกาวินาศ ต่อมาก็ ค.ศ.1999
นี่เอากันอีกแล้วหมด 21/12/12
แล้วจะลืออะไรกันอีกเนี่ยะ

 

บางทีคนอ่านข้อมูล ตีความตามที่จินตนาการก็ได้ การสิ้นโลก อาจมีนัยยะกว่าแค่คำตรงๆ คือสิ้นโลกจากยุคนี้ ข้ามไปสู่ยุคใหม่ สิ่งแวดล้อมใหม่ องค์ประกอบหลายอย่างต่างไปจากเดิม รวมถึงวิถีชีวิต แตกต่างกันไปเลย ถ้าหากเป็นความหมายสิ้นโลกเช่นนี้ ก็น่าจะใช่ คนที่อยู่บนโลกนี้ ทำลายล้างธรรมชาติ กันไม่หยุดหย่อน เราเป็นบ้าน (โลก) ก็ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อรักษาส่วนใหญ่ไว้ คือโลก เราคือสิ่งมีชีวิตหน่วยหนึ่งก็เท่านั้น เขาก็ต้องกำจัดและปรับธาตุ รักษาสมดุลย์แก่ตัวเองเพื่อความอยู่รอดของมวลส่วนใหญ่ ฉะนั้น การเหลือคนมากหรือน้อย ไม่ใช่สาระสำคัญ หากกระบวนการนั้นเป็นการกำจัดเชื้อร้ายที่จะทำลายล้างไม่แค่โลก อาจสุริยะให้เสียระบบ กระทบไปถึงดาราจักร ที่ใหญ่ขึ้นไปอีก (ไม่เวอร์ ก็ลองคิดเองเอง "เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว วันนี้ผลเกิดจากเหตุ คือทำลายธรรมชาติจนเขาต้องเข้ามาจัดการ เพราะ คนไม่มีคุณธรรมมากขึ้นจนสุดเยียวยา ผู้นำโลกทั้งหลาย ชั่วช้า เป็นแบบอย่างให้พล บนโลกนี้เอาอย่าง เพราะความหลง เหล่านี้คือห่างศีลธรรมหรือไม่ ก็น่าจะรู้ ดังนั้น เมื่อเกิดเหตุใหญ่ก็ต้องรับสภาพ จะร้องไปใย การไม่มองไปข้างหน้าจากเหตุเล็กน้อย เพราะปล่อยผ่านหรือเปล่า จนวันนี้ผลเขาตอบกลับมา จะเอาความเป็นธรรมคืน ก็ต้องทำใจยอมรับ การกวาดล้าง ที่เหลือคือคนดีมีศีลธรรม เขาก็ละเว้นไว้เพื่อต่อสายพันธุ์คนดีมีศีลธรรม ให้ดำรงอยู่ มันไม่เกี่ยวกับศาสนาจะอยู่ถึง 5000 ปี สักหน่อย พระพุทธองค์ก็สงรหัสลับมาสองพันกว่าปี ไม่ศึกษากันเอง แล้วจะมาโทษโน่น นี่ นั่น ก็จนใจ..... ว่าแต่ เราจะเป็นส่วนดีที่เขาคงไว้หรือไม่ ต้องกลับมาทบทวนตนเองให้สำคัญ เวลายังพอมี ไม่สาย ธรรมชาติไม่ได้โหดร้ายเกินไป เพราะเขาคือผู้รักษาสมดุลย์ อยู่แล้ว คนดีย่อมแก้ไข (เขาให้เวลา) คนจังไรชอบแก้ตัว (เขาก็เก็บไปไว้ที่อื่น ที่อาจไม่ชอบใจนักก็ได้ )
จบ

 

ก็แค่ชาวมายาขี้เกียจทำปฏิทินต่อแค่นั้นเอง
พวกฝรั่งก็เอามาลือต่อๆว่าโลกจะแตก
อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดเถอะค่ะ
เกิดมาแล้วมีใครบ้างที่ไม่ตายcatt7

 

ชอบความเห็นที่คอยเหยียบยำ่แนวความคิดชาวบ้านจริงๆ แฟนพันแท้คอยหาช่องโห่วตอบกระทู้เขา แบบดุเด็จเผ็ดมัน ตอบง่ายๆ สงสัย ถ้าไม่ต้องการความรู้แต่กลับสนใจเข้ามาอ่านทำไม่ คนที่คิดนอกกรอบแบบแปลกๆนี้แหละที่เขาผลิดเครื่องคอมมาให้ท่านเล่นเกมกัน อีกทั้งหลอดไฟ ทีวี ตู้เย็น แต่คนที่คอยเอาแต่จ้องซ่ำเต็มคนที่เขารู้จักคิด กลับเอาแต่ใช้ของเขาเมื่อเขาทำสำเหร็จขึ้นมา....ขอสนับสนุนคนช่างคิดชั่งจิตนาการ คนจะได้ไม่อยู่ในกะลา

 

ปล่อยวาง อย่างมีสติ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด จริงไม๊

 

โลกของเรายังอยู่ได้ต่อไปอีกประมาณ 2500 ปี ตามพุทธพยากรณ์

 

นับถอยหลัง วันสิ้นสุดโลก ปริศนา+พิบัติภัย ‘สุมไฟเชื่อ’จุดจบ!!!

​

กระแสลือเรื่อง “วันสิ้นโลก” วันที่ 21 เดือน ธ.ค. เดือนที่ 12 ตามปฏิทินสากล ปี ค.ศ.2012 หรือ “21/12/2012” ซึ่งมีการตีความยึดโยงกับ “ปฏิทินมายา” ของชนเผ่าโบราณแห่งอาณาจักรมายานั้น แม้ว่าจะมีนักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์หลายด้าน นักดาราศาสตร์ ออกมาให้ความเข้าใจ โต้แย้ง ชี้แจงว่า “ไม่จริง” กับประเด็นปัจจัยสิ้นโลกต่าง ๆ ตามที่มีการลือกัน เช่น จะมีดาวมาชนโลก สนามแม่เหล็กโลกเปลี่ยนขั้ว หรือแม้แต่ผลจากพายุสุริยะจากดวงอาทิตย์ แต่เอาเข้าจริง ในทุกมุมโลกก็ยังมีคนที่เชื่อ ยังมีคนผวา “21/12/2012”

ถามว่าทำไม?? คำตอบก็น่าจะมีหลากหลาย...

และ “ภัยธรรมชาติที่เกิดถี่-รุนแรงขึ้น” ก็ด้วย!!!

ทั้งนี้ ว่ากันถึงภัยธรรมชาติที่รุนแรงในช่วงหลัง ๆ มานี้ กับกรณี “แผ่นดินไหวใหญ่ 9 ริกเตอร์ และเกิดคลื่นยักษ์สึนามิสูงราว 20 เมตร” ที่มีจุดศูนย์กลางที่ญี่ปุ่น เมื่อ 11 มี.ค. ปี ค.ศ.2011 หรือ พ.ศ.2554 ซึ่งส่งผลกระทบถึงประเทศอื่นด้วย ดูจะ “ช็อกโลก!!” มากที่สุด ซ้ำยังเกิด “วิกฤติโรงไฟฟ้านิวเคลียร์” ตามมาด้วย

ความเสียหายคร่าว ๆ เฉพาะในญี่ปุ่นเอง อาคารกว่า 457,000 หลังถูกทำลาย อีกกว่า 144,300 หลังได้รับความเสียหาย รถยนต์กว่า 230,000 คันเสียหายหรือถูกทำลาย ชีวิตผู้คนราว 19,000 รายสูญสิ้นไปเพราะเหตุการณ์นี้ และสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างหนักให้ญี่ปุ่น รวมถึงกระทบเป็นลูกโซ่ไปทุกมุมโลกด้วย

จนถึงวันนี้ญี่ปุ่นก็ยังเผชิญแผ่นดินไหวเบาบ้างแรงบ้างอย่างต่อเนื่อง และบางครั้งก็เกิดสึนามิย่อม ๆ ด้วย อย่างเมื่อวันที่ 7 ธ.ค. 2555 ก็เกิดแผ่นดินไหวระดับ 7.3 ริกเตอร์ และทำให้เกิดสึนามิสูงราว 1 เมตร

เหตุการณ์ที่ญี่ปุ่นก็ถูกมองว่าคือสัญญาณเตือน??

ที่ญี่ปุ่นเอง ก็นำมาซึ่งการวิจัยอย่างจริงจังมากขึ้นอีก เช่น มีการทำแบบจำลองแผ่นดินไหว 9 ริกเตอร์ที่เกิดพร้อมกันบริเวณรอยเลื่อนนันไกในพื้นที่ 3 เขตของญี่ปุ่น และพบว่าอาจมีผู้เสียชีวิตได้มากถึง 320,000 คน

ไม่เท่านั้น ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวมหาวิทยาลัยโทโฮคุในญี่ปุ่น ยังได้ระบุไว้เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า จากนี้ไปมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงถึงระดับ 10 ริกเตอร์ ณ พื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งบนโลก ซึ่งหากเกิดขึ้นจริงจะเสียหายมหาศาล จะร้ายแรงกว่าที่เคยเกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้วถึง 32 เท่า!!

นอกจากนี้ มีนักวิทยาศาสตร์ออกมาระบุว่า ขณะนี้ ภูเขาไฟฟูจิ ที่หลับใหลมานาน มีระดับแรงดันภายในปล่องภูเขาไฟสูงกว่าเมื่อตอนที่เกิดการปะทุครั้งล่าสุดเมื่อกว่า 300 ปีก่อน อันเนื่องจากแผ่นดินไหวใหญ่ในญี่ปุ่นเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหากภูเขาไฟมหึมาลูกนี้เกิดการปะทุขึ้นอีกจะทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงสุด ๆ

กับกรณี “ภัยพิบัติจากภูเขาไฟ” นั้น ชาวโลกหวาดผวามานานนับแต่อดีตกาล และช่วงหลัง ๆ มานี้ก็มีกรณีให้ผู้คนในหลายประเทศหวาดผวาการระเบิดหรือการปะทุของลาวาอยู่เนือง ๆ ซึ่งนอกจากกรณีญี่ปุ่นแล้ว กับที่อื่น ๆ ก็เช่น กัวเตมาลา นิการากัว เม็กซิโก รัสเซีย นิวซีแลนด์ อิตาลี ไอซ์แลนด์ อินโดนีเซีย ฮาวาย เป็นต้น

ข้อมูลจากบางแหล่ง ระบุว่า ปัจจุบันโลกมีภูเขาไฟขนาดใหญ่มาก ๆ อยู่ราว 6 แห่ง โดย 3 แห่งอยู่ที่อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ ซึ่งการระเบิดของภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่อินโดนีเซียเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 74,000 ปีที่แล้ว ส่วนภูเขาไฟขนาดใหญ่มาก ๆ อีก 3 แห่งอยู่ที่สหรัฐอเมริกา คือที่นิวเม็กซิโก แคลิฟอเนีย และที่เยลโลสโตน

เยลโลสโตนนั้นเป็นอุทยานแห่งชาติของสหรัฐ ซึ่งภายใต้เปลือกโลกที่นี่คือ “ซูเปอร์โวลคาโน (Super-volcano)” ที่เมื่อเร็ว ๆ นี้เพิ่งมีรายงานข่าวว่าที่นี่ไม่ได้มีลักษณะเป็นปล่องภูเขาไฟให้หินละลายใต้เปลือกโลกปะทุออกมาได้เรื่อย ๆ แต่สะสมหินละลายไว้ใต้แผ่นเปลือกโลกเป็นเวลาหลายแสนปี และจากหลักฐานทางธรณีวิทยา พบว่า ซูเปอร์โวลคาโนใต้เยลโลสโตนเคยเกิดการระเบิดมาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งล่าสุดเกิดเมื่อราว 6.4 แสนปีที่แล้ว ขณะที่วงจรการระเบิดจะเกิดขึ้นทุก 6 - 7 แสนปี โดยประเด็นสำคัญคือ...ครั้งใหม่อาจเกิดภายในช่วง 70 ปีนี้

และที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ใต้เยลโลสโตนเป็นบ่อหินละลายขนาดมหึมาลึกหลายสิบกิโลเมตร มีการดูดซับก๊าซพิษต่าง ๆ สะสมไว้ หากเกิดการระเบิดขึ้นเมื่อไหร่หินละลายจะปะทุขึ้นด้วยความเร็วสูง มีแม็กม่าพ่นออกมามากกว่า 1,000 ลูกบาศก์กิโลเมตร และไหลได้เร็วกว่า 96 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีพลังงานการระเบิดเท่ากับการทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ 1,000 ลูก ทุก ๆ 1 วินาที และเมื่อบ่อหินละลายระเบิดแล้วจะทำให้เปลือกโลกยุบตัวเป็นหลุมมหึมาคล้ายอุกกาบาตพุ่งชนโลก สหรัฐเกือบทั้งประเทศจะยับเยิน ขณะที่เถ้าถ่านการระเบิดจะลอยปกคลุมชั้นบรรยากาศทั่วโลก ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์จะทำให้แสงอาทิตย์ส่องผิวโลกไม่ได้เหมือนเดิมนานหลายปี อุณหภูมิโลกจะลดฮวบฮาบ อากาศและฝนจะเป็นพิษที่ทำลายชีวิตคนจำนวนมากได้

นี่คือ “หายนะทำลายล้างโลก” รูปแบบหนึ่ง??

นอกจากแผ่นดินไหว ภูเขาไฟ ที่ผ่านมาโลกก็ต้องเผชิญ “ภัยพายุ” อยู่เนือง ๆ ทั้งที่เรียกว่า ทอร์นาโด ไซโคลน เฮอริเคน ไต้ฝุ่น ซึ่งแม้แต่ประเทศที่ล้ำหน้าสุด ๆ อย่างสหรัฐ ก็ยังต้องยับเยินเพราะภัยพายุอยู่เป็นประจำ

ขณะที่ “ภัยฝน-ภัยน้ำ” ก็เขย่าขวัญชาวโลกมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งแล้งและท่วม ซึ่งอย่าว่าแต่ประเทศไทยที่เผชิญมหาอุทกภัย กับประเทศโลกตะวันตกก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นที่สหรัฐ หรือเมื่อเร็ว ๆ นี้เมืองเวนิสในอิตาลีก็โดนฝนถล่มจนน้ำท่วมสูงถึงเอวกว่า 70% ของเมือง และที่เกาะอังกฤษก็เพิ่งโดนฝนถล่มน้ำท่วมหนักเช่นกัน

พิบัติภัยที่โยงกับน้ำ ยังมี “ภัยน้ำแข็งขั้วโลกละลาย-ภัยน้ำทะเลเพิ่มระดับ” ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้มีรายงานข่าวว่า น้ำแข็งขั้วโลกใต้ละลายตัวเร็วกว่าช่วงยุคปี 1990 ถึง 3 เท่า หรือคิดเป็นปริมาณ 290,000 ตันต่อปี ทำให้น้ำทะเลสูงกว่าเดิมราว 1 มิลลิเมตรต่อปี ขณะที่องค์การสหประชาชาติก็ระบุถึงน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือว่าลดลงเหลือระดับต่ำสุด และสภาวะอากาศที่แปรปรวนรุนแรง การเกิดพายุใหญ่ ๆ ซูเปอร์สตอร์ม เป็นสัญญาณวิกฤติ

เหล่านี้เป็นตัวอย่างที่ทำให้ผวา “หายนะโลก”

นี่ยังไม่รวม “แผ่นดินยุบเป็นหลุมลึก” บ่อยๆ

และก็ยังมีกรณี “ปริศนา” ให้ผวาเพิ่มอีกด้วย!!

กรณี “สัตว์ตายปริศนาพร้อมกันเป็นจำนวนมาก” ไม่ว่าจะเป็น นก ปลาต่าง ๆ ทั้งเล็ก-ใหญ่ นี่ก็ยิ่ง “สุมไฟเชื่อ” เรื่อง “สิ้นโลก” ซึ่งแม้จะมีการอธิบายทางวิทยาศาสตร์ออกมา แต่กระนั้นก็มีผู้คนทั่วโลกจำนวนไม่น้อยมองว่าวิทยาศาสตร์ยังอธิบายได้ไม่เคลียร์?? ยิ่งใครสนใจกระแสลือที่ยึดโยง “ปฏิทินมายา” ยิ่งไปกันใหญ่


อาณาจักรมายา-ชนเผ่ามายา ซึ่งมีการสร้าง พีระมิด ด้วย

บางกระแสก็ว่าชนเผ่านี้ “สื่อสารกับมนุษย์ต่างดาวได้??” ซึ่งอาจเป็นเพราะความ “ลึกลับ-ลี้ลับ” หลายประการของชนเผ่านี้ ทั้งความยิ่งใหญ่ของมหานครที่เกิดขึ้นในดินแดนแสนทุรกันดาร, อักษรภาพแกะสลักสวยงามที่ไม่มีใครอ่านออก ตลอดจนความสามารถทางดาราศาสตร์และการคำนวณต่าง ๆ ซึ่งรวมถึง “ปฏิทินมายา” ที่มาของ “รหัสสิ้นโลก”

มีทั้ง “สารพัดพิบัติภัย” และยังมี “ปริศนา”

รหัส “21/12/2012” จึงยังมีคนผวาทั่วโลก

แต่โลกจะสิ้น-โลกจะหายนะ...มิใช่ง่ายๆ

ต้องมีปัจจัย...ที่ตอนต่อ ๆ ไปมาดูกัน...


นับถอยหลัง วันสิ้นสุดโลก ปริศนา+พิบัติภัย ‘สุมไฟเชื่อ’จุดจบ!!! | เดลินิวส์

 

21/12/12..โลกแตก หรือแค่เรื่องหน้าแหก!







​

เกิดเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ดังกระหึ่มในสังคมโลก รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะในโซเชียลเน็ตเวิร์กชื่อดังอย่างเฟซบุ๊กถี่ขึ้นเรื่อย ๆ ว่าด้วยโลกจะถึงกาลอวสานในวันที่ 21 ธันวาคม 2555 หรือ 21/12/12 ที่จะถึงนี้ ทำให้กลุ่มคนที่มีความเชื่อเรื่องนี้ พากันชักชวนว่า ควรจะทำในสิ่งที่ยังไม่เคยทำ และหาความสุขใส่ตัวให้มากที่สุด แต่สิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกับคำทำนายก็คือ ประเด็นล้อเลียนต่าง ๆ นานาว่า วันโลกแตก หรือจะเป็นแค่ัวันหน้าแหกกันแน่

21/12/2012 วันสิ้นโลก?

เป็นประเด็นร้อนแรงถี่ขึ้นเรื่อย ๆ กับกระแสข่าวลือในโลกอินเทอร์เน็ตเกี่ยวกับวันโลกาวินาศ หรือวันโลกแตกที่จะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม ปี ค.ศ.2012 หรือวันที่ 21 ธ.ค.2555 ตามปฏิทินมายาที่ถือว่า เป็นวันสิ้นสุดยุคตะวันที่ 5 ซึ่งคนบางกลุ่มเชื่อกันว่า วันนี้เป็นวันสิ้นโลก ทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางสังคมที่จะเรียกว่าเป็นภาวะตื่นตระหนกของผู้คนในสังคมก็คงจะว่าได้ ถึงแม้จะมีหลายนักวิชาการ มากผู้มีบทบาทในทุกแวดวง ระดมให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า โลกยังไม่ถึงกาลอวสาน

หนึ่งในนั้นคือ ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา นักวิทยาศาสตร์จากองค์การนาซ่า ที่เคยให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวันโลกแตก หรือวันสิ้นโลกไว้ว่า ทางวิทยาศาสตร์ โลกไม่ได้ดับกันง่าย ๆ ตามหลักทางวิทยาศาสตร์ตอนนี้โลกเรามีอายุขัยครึ่งหนึ่งแล้ว และจะอยู่ได้อีก 4,500 ล้านปีถึงจะดับ เนื่องจากดวงอาทิตย์จะขยายตัวใหญ่ขึ้นอีก 60 เท่า และมีความร้อนมากขึ้นเกิดจากปฏิกิริยาระบบไฮโดรเจนรวมตัวกัน กลายเป็นฮีเลียมและสะสมกันมากขึ้น พอรวมตัวกันมากขึ้นก็จะกลายเป็นระเบิดฮีเลียมทำให้โลกร้อนมาก และจะโดนเผาผลาญหมด

ด้านสำนักข่าวรอยเตอร์สเองก็ได้มีรายงานเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2555 ว่า ผู้เชี่ยวชาญด้านปฏิทินมายาชาวเยอรมันเผย ชาวตะวันตกตีความปฏิทินมายาผิดมาตลอด ปี 2012 ไม่ได้เป็นปีที่โลกแตก แต่อาจหมายถึงจะมีความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นบนโลก

ทางฟากองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือนาซาก็ได้ออกมายืนยันด้วยว่า ในวันที่ 21 ธ.ค.ของปีนี้ที่หลายคนหวาดหวั่นว่าโลกจะถูกดาวเคราะห์พุ่งชนนั้น ไม่มีอะไรเกิดมากไปกว่าเป็นวันที่มีกลางคืนยาวนานที่สุดในรอบปีเท่านั้น

และเมื่อเร็ว ๆ นี้ ทางเว็บไซต์ขององค์การนาซาก็ได้ให้ความสำคัญกับการไขปริศนาปฏิทินมายากับปรากฎการณ์วันสิ้นโลกวันที่ 21 ธันวาคม 2555 โดยนักวิทยาศาสตร์ที่เชื่อถือได้ของนาซายืนยันว่า จะไม่มีภัยคุกคามโลกในปีนี้ และโลกจะไม่แตกแน่นอน และจะดำเนินแบบนี้ต่อไปอีก 4,000 ล้านปี ส่วนทฤษฎีแกนโลกสลับขั้วนั้น นาซา บอกว่า แกนโลกจะหมุนแบบค่อยเป็นค่อยไปอยู่แล้ว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะสลับขั้วแบบเฉียบพลัน

ส่วนการเกิดพายุสุริยะ หรือการปล่อยอนุภาคพลังงานสูงออกมาจากดวงอาทิตย์ ซึ่งกำลังเป็นที่วิพากษ์ในสังคมว่าจะส่งผลให้โลกแตกนั้น ศ.ดร.เดวิด รูฟโฟโล หัวหน้ากลุ่มวิจัยฟิสิกส์อวกาศและอนุภาคพลังงานสูง ภาควิชาฟิสิกส์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้คำยืนยันผ่านทีมข่าว Live ว่า ไม่ต้องกังวล เพราะพายุสุริยะเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นบ่อยเป็นประจำ และไม่มีใครสามารถทำนายพิกัดและช่วงเวลาการเกิดที่แน่นอนได้ แต่ที่อยากจะให้คลายกังวลก็คือ พายุสุริยะไม่เคยทำให้คนตาย พูดกันง่าย ๆ คือ ไม่ส่งผลกระทบต่อโลก และคน สามารถออกมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ

"แต่ปัญหาหนึ่งที่จะเกิดตามมาจากปรากฎการณ์ดังกล่าวนี้ก็คือ ระบบดาวเทียมอาจเกิดการขัดข้อง ส่วนปัญหาเรื่องไฟฟ้าดับ คงไม่ส่งผลกระทบในไทย เพราะเราไม่ได้อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือหรือใต้" ดร.เดวิดเผย พร้อมกับให้ความเห็นในวันที่ 21 เดือน 12 ปี 2012 ที่ใคร ๆ เรียกว่าเป็น "วันสิ้นโลก" ว่า ขอให้มองเป็นแค่วันธรรมดาวันหนึ่งเท่านั้น ไม่อยากให้ตื่นกลัวกันมากเกินไป

หยุดหากินกับคำทำนาย "วันสิ้นโลก"

ทั้งนี้ ชุมชนชาวมายาในกัวเตมาลา ซึ่งถือเป็นฝ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับคำทำนายดังกล่าวก็ได้ออกมาเรียกร้องรัฐบาลและเอกชน หยุดบิดเบือนความจริงและฉวยโอกาสหากินจากปฏิทินมายา โดยยืนยันว่าวันสิ้นโลกที่คนส่วนใหญ่เข้าใจ เป็นเพียงวันสิ้นสุดรอบปฏิทินของชาวมายาเท่านั้น เพราะที่ผ่าน ๆ มา ทั้งภาครัฐและเอกชน พยายามบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับปฏิทิน และตำนานพื้นบ้านของชาวเผ่ามายา เนื่องจากมีภาพยนตร์และสารคดีจำนวนมาก เผยแพร่เรื่องราวว่าโลกกำลังจะถึงกาลอวสานในวันที่ 21 ธ.ค. นี้ โดยอ้างการอาศัยหลักฐานจากการคำนวณในปฏิทินมายา รวมไปถึงบริษัทท่องเที่ยวหลายแห่งที่พากันนำเสนอแพคเกจทัวร์นำนักท่องเที่ยวมาสัมผัสประสบการณ์ในวันที่เชื่อกันว่า จะเป็นวันสุดท้ายของการมีอยู่ของโลกมนุษย์

"เราขอคัดค้านคำพูดโกหก และการแสวงหาประโยชน์จากตำนานพื้นบ้านของชาวมายา พวกเขากำลังบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับปฏิทินมายา" ฟิลิเป โกเมซ ผู้นำกลุ่ม Oxlaljuj Ajpop ซึ่งเป็นสหพันธ์ชาวมายา ระบุ

"วันนี้" สำคัญกว่า "วันโลกแตก"

อย่างไรก็ดี คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า คนในสังคมโลก และสังคมไทยต่างแบ่งฝักฝ่ายเป็นสองพรรคใหญ่ ฝ่ายหนึ่งคือผู้หวังจะดำเนินตามความเชื่อที่ฝังหัวมานานว่าโลกกำลังจะถึงกาลอวสานตามคำทำนาย ส่วนอีกฝ่ายคือผู้ที่เพียรตั้งคำถามและคัดค้านความเชื่อเหล่านั้นมาตลอด แต่ทั้งหมดทั้งปวง สิ่งหนึ่งที่อยากให้มองก็คือ "วันนี้" ไม่ใช่ "วันโลกแตก"

สอดรับพระนักคิดชื่อดัง พระมหาวุฒิชัย วชิรเมธี หรือ ท่านว.วชิรเมธี ที่เคยได้ออกมาเตือนสติคนในสังคมที่ตื่นกลัวเรื่องโลกแตกกับสื่อฉบับหนึ่งว่า "เรื่องภัยพิบัติธรรมชาติที่เกิดขึ้นบนโลกตอนนี้ ในมุมมองพุทธศาสนาถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่น่าตื่นเต้น เพราะธรรมชาติคือธรรมะ มีการเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป เป็นปกติ ทุกสรรพสิ่งย่อมเป็นเช่นนั้นเอง สำหรับคนที่พูดถึงเรื่องโลกแตก มันยังมาไม่ถึง ไม่ต้องกังวล เป็นเรื่องของวันหน้า แต่ที่สำคัญคือ เราจะใช้ วันนี้ ให้ดีที่สุด ให้คุ้มค่าได้อย่างไร

เหมือนกับที่ "สตีฟ จ็อบส์" ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นซีอีโอ.ของโลก เคยกล่าวไว้ว่า "จงใช้ชีวิตดังเหมือนหนึ่งว่าทุกวันคือวันสุดท้าย" หากถือคตินี้ เราจะใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า มีแก่นสาร เลิกประพฤติตัวเหลวไหล ถ้าเราทำวันนี้ให้ดีที่สุด วันนี้ที่อยู่ในมือของเรา ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นอดีตที่ดี ทั้งยังเป็นรากฐานของวันพรุ่งนี้ที่มั่นคง เพราะฉะนั้น ถึงโลกจะแตก ก็ไม่น่ากังวล เพราะสิ่งสำคัญที่สุด อยู่ที่เราจะใช้ชีวิตอย่างไร ก่อนที่โลกจะแตกต่างหาก"

แต่สิ่งหนึ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือ การไม่รู้ แต่กลับไม่ศึกษาหาความรู้ และชอบเป็นนักส่งสารสร้างความหวาดกลัวให้แก่ผู้คนหมู่มาก นี่คือสิ่งที่ท่านว.วชิรเมธีฝากไว้ให้คิด พร้อมกับแนะด้วยว่า ทุก ๆ เรื่องควรใช้ปัญญา และมีสติ หากไม่รู้ ก็ควรหาความรู้ ไม่ใช่ใช้ความไม่รู้ทำให้สังคมเกิดความหวาดกลัว

โลกแตก หรือแค่เรื่องหน้าแหก!

กลายเป็นที่พูดถึง และถูกหยิบนำมาล้อเลียนของกลุ่มคนในเฟซบุ๊กถึงคำทำนายในวันที่ 21 ธ.ค.2555 ว่าจะเป็นวันโลกแตก หรือวันหน้าแหกอีกหนึ่งวัน เพราะก่อนหน้านี้เคยมีคำทำนายในทำนองเดียวกันให้เห็นอยู่บ้าง ยกตัวอย่างเช่น คำทำนายของ ด.ช.ปลาบู่ หรือ ด.ช.สุทัศน์ คำสี ที่พยากรณ์ถึงโศกนาฏกรรมที่จะเกิดขึ้นในคืนวันปีใหม่ 2555 ว่า จะเกิดอาเพศรุนแรง แผ่นดินไหวรุนแรงเกือบทั่วโลก โดยจะโดนทั้งไทย พม่า และกรุงเทพมหานครจมดินจมน้ำ เขื่อนจังหวัดตากก็จะพังในเวลายามสองในคืนปีใหม่คนไทยฉลองกันสนุกสนาน จะเกิดแผ่นดินไหวมีคนตายมากมาย ในยามสอง คือ ประมาณเวลา 22.00 -24.00 น. แต่ผลสุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นตามคำทำนายที่บอกไว้ โลกก็ยังอยู่รอดจนถึงทุกวันนี้

ทางซีกโลกตะวันตกเองก็มีเรื่องหน้าแตกเป็นเสี่ยงๆ ที่เกิดจากคำทำนายผิดพลาดซ้ำซ้อนจากกรณีของ "แฮโรลด์ แคมพ์ปิง" ชาวอเมริกัน อายุ 89 ปี เจ้าของบริษัทและสถานีวิทยุกระจายเสียงแฟมิลี่ เรดิโอ ในรัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐฯ เจ้าของคำทำนาย "โลกแตก" ในวันที่ 21 ต.ค.2011 สร้างความผิดหวังแก่บรรดาสมาชิกเครือข่ายวิทยุ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้นับถือศาสนาคริสต์ นิกายอีวานเจลิคัล โดยก่อนหน้านี้เคยทำนายไว้ว่า วันที่ 21 พ.ค.2011พระผู้เป็นเจ้าจะล้างโลกและเสด็จลงมาพิพากษาบาปของมนุษย์ ทำให้เกิดความโกลาหลในหมู่คนที่เชื่อว่าวันโลกแตกจะมาถึงจริงๆ ทั้งยังถูกคนรอบข้างล้อเลียนอย่างหนักเมื่อไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น

สำหรับครั้งนี้ ที่เชื่อกันว่าวันที่ 21 เดือน 12 ปี 2012 หรือวันที่ 21 ธ.ค.2555 นี้ โลกจะถึงกาลอวสาน ซึ่งจะเกิดขึ้นจริง หรือเป็นเพียงแค่คำทำนายลวงโลก ชะตากรรมของมนุษยชาติจะเป็นดั่งคำทำนาย หรือเราจะหาทางออกจากวิบากกรรมความสยองนี้ได้หรือไม่

ผู้ที่จะตอบคำถามเหล่านี้ได้ก็คือเรา ๆ ท่าน ๆ เองว่าจะใช้ปัญญา และมีสติในการพิจารณาอย่างถี่ถ้วนมากน้อยแค่ไหน เพราะถึงแม้จะมีผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศจะออกมายืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า โลกยังไม่ถึงเวลาดับสูญในระยะเวลาอันใกลนี้ แต่ปัญหาต่างๆ ของโลกจะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพิบัติภัยจากธรรมชาติ หากมนุษย์ยังไม่หยุดวิ่งพล่านอยู่กับความโลภของตัวเอง


Daily News - Manager Online - 21/12/12..โลกแตก หรือแค่เรื่องหน้าแหก!

 

ชาวมายารู้ล่วงหน้าวันสิ้นโลก แล้วทำไมไม่รู้ล่วงหน้าวันสิ้นชนชาติของพวกเขาล่ะ

 

มายันทำนายถูกมา 4 ยุคแล้วน่ะครับ นี่เข้าสู่ยุคที่ 5 แล้ว ผมเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นโดยพวกอิลลูมินาติ ผมมีหน้าที่ทำในสิ่งที่ถูกต้องที่สุด มันจะออกมาในรูปแบบที่ถูกต้องที่สุดครับ สำหรับวันที่ 21 ธ.ค.2012

 

ลุงเหนแล้วนะครับนะ ว่า มันเป็นแค่ความเชื่อจริงๆ
ไม่ใช่ความรู้อะไรเลยนะครับนะ

 

ขออนุโมทนาสาธุ ธรรมใดที่ท่านสำเร็จแล้ว ขอข้าพเจ้าสำเร็จด้วยเทอญ สาธุๆๆ ทำใจครับอะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด ขอให้มีสติครับ ถ้ามีเกิดต้องมีตาย มันเป็นธรรมชาติครับ อย่าลืมหายใจเข้าพุท หายใจออกโธครับผม อนุโมทนาสาธุ

 

http://palungjit.org/threads/หลวงปู...ยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่นานนี้.146804/


ขอเชื่อมกับ กระทู้นี้นะครับ ของหลวงปู่สรวง กับวันทำนาย 2555 ภัยภิบัติ ล้างโลก

 

อย่าถือมงคลตื่นข่าว ทำใจเราให้สงบนิ่ง ไม่อิงกระแส แค่รู้จักตัวเอง ก็พอ

 

อะไรคือเหยียบย่ำ ผมไม่เคยเหยียบย่ำใคร ไม่ใช่วิถีของผม เค้าเรียกแสดงความคิดเห็น ถ้าแสดงความเห็นไม้ได้เค้าจะมีช่องให้พิมทำไม แล้วตรงไหนคำไหนที่เรียกว่าเหยียบย่ำ เก็บกฏนะเรา