รวมข่าวสารการปิดกิจการของบริษัทต่างๆเพื่อประเมิน....

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย greatmans, 16 สิงหาคม 2007.

  1. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    <table border="0" cellpadding="2" cellspacing="0"><tbody><tr><td valign="top">ซับไพร์มทำพิษคันทรีไวด์ลอยแพพนังงาน 12,000 คน
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">8 กันยายน พ.ศ. 2550 11:13:00

    </td> </tr> <tr> <td valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td valign="top"> นิวยอร์ก-วิกฤติตลาดสินเชื่อสหรัฐ ยังพ่นพิษไม่หยุด ล่าสุด คันทรีไวด์ ประกาศแผนปลดพนักงานด้านสินเชื่อซับไพร์มอีก 12,000 คน หรือ 1 ใน 5 ของพนักงานทั้งหมด ในช่วง 3 เดือนจากนี้ กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : คันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล คอร์ป บริษัทผู้ให้สินเชื่ออสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ประกาศแผนปลดพนักงานรวดเดียวมากถึง 12,000 คน นับเป็นการปลดพนักงานครั้งใหญ่ที่สุด เนื่องจากวิกฤติด้านที่อยู่อาศัยในสหรัฐที่ยังน่าเป็นห่วงอยู่ในขณะนี้
    บริษัทจะปลดพนักงาน 1 ใน 5 ของที่มีอยู่ทั้งหมดหรือเท่ากับปลดประมาณ 10,000-12,000 คนในช่วง 3 เดือนหน้า โดยให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องทำเพราะมูลค่าสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าอาจจะลดลงจากปีนี้ราว 1 ใน 4 การประกาศปลดพนักงานมีขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานเผยก่อนหน้านั้นไม่กี่ชั่วโมงว่าเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา บัญชีเงินเดือนของธุรกิจนอกภาคเกษตรลดลงถึง 4,000 แห่ง เป็นการลดลงครั้งแรกในรอบ 4 ปี นายแองเจโล โมซิโล หัวหน้าคณะบริหารผู้ร่วมก่อตั้งคันทรีไวด์ เมื่อปี 2512 ระบุในจดหมายถึงพนักงานว่า สถานการณ์ขณะนี้เป็นสถานการณ์ร้ายแรงที่สุดของบริษัท พนักงานที่จะถูกปลดส่วนใหญ่จะอยู่ในธุรกิจด้านสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ ส่วนด้านการธนาคาร การประกันและบริการสินเชื่อทั่วไปจะไม่ได้รับผลกระทบ คันทรีไวด์ปล่อยสินเชื่อบ้าน 245,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 8.33 ล้านล้านบาท) ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ ครองส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 17.4 ธุรกิจสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์สหรัฐปลดพนักงานรวมกันแล้วกว่า 50,000 คนในปีนี้ เพราะความต้องการบ้านลดลง หลายบริษัทลดขนาดการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ หรือยุติธุรกิจด้านนี้ ขณะที่อีกหลายแห่งถึงขั้นล้มละลาย



    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  2. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    <table border="0" cellpadding="2" cellspacing="0"><tbody><tr><td valign="top">จ้างงานลดย้ำวิตกเศรษฐกิจสหรัฐ
    </td> </tr> <tr> <td valign="top">8 กันยายน พ.ศ. 2550 15:56:00

    </td> </tr> <tr> <td valign="top"><table border="0" cellpadding="2" cellspacing="0" width="100%"><tbody><tr><td valign="top"> นิวยอร์ก - หุ้นสหรัฐดิ่งฮวบเกือบ 2% ขณะค่าดอลลาร์ร่วงต่ำสุดในรอบ 15 ปี หลังรัฐบาลรายงานตัวเลขจ้างงานลดลงครั้งแรกในรอบ 4 ปี ทำให้เกิดความวิตกขึ้นมาใหม่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเฉื่อยลงกรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : ดัชนีหุ้นอุตสาหกรรมดาวโจนส์ในตลาดนิวยอร์กร่วงลง 249.97 จุด หรือ 1.87% ปิดที่ระดับ 13,113.38 ส่วนดัชนีหุ้นเอสแอนด์พี 500 ลดลง 25 จุด หรือ 1.69% ปิดที่ระดับ 1,453.55 และดัชนีหุ้นแนสแด็กลดลง 48.62 จุด หรือ 1.86% ปิดที่ระดับ 2,565.70
    ด้านค่าดอลลาร์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 15 ปี โดยอยู่ที่ 113.49 เยน เทียบกับระดับปิดตลาดวันก่อนหน้านั้นที่ 115.38 เยน ส่วนยูโรอยู่ที่ 1.3766 ดอลลาร์ และ 156.25 เยน ราคาหุ้นและค่าเงินร่วงลงอย่างหนักหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า นายจ้างในสหรัฐปรับลดตำแหน่งงานลงสุทธิ 4,000 อัตราในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับจากเดือนส.ค. 2546 ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์คาดก่อนหน้านี้ว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 110,000 ตำแหน่ง และกระทรวงแรงงานยังทบทวนปรับลดตัวเลขจ้างงานในเดือนมิ.ย.และก.ค.ลงอย่างมากด้วย การลดการจ้างงานแบบพลิกความคาดหมายครั้งนี้ เป็นผลจากปัญหาปั่นป่วนในตลาดสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับผู้มีความน่าเชื่อถือต่ำ (ซับไพรม์) ที่ทำให้การปล่อยสินเชื่อในภาคเอกชนตึงตัวขึ้น และเพิ่มความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง และรายงานของกระทรวงแรงงานยังเป็นการตอกย้ำการคาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 18 ก.ย.นี้ นายสก็อต เรน นักวางแผนกลยุทธ์หุ้นระดับอาวุโสจาก เอ.จี.เอ็ดเวิร์ดส์ แอนด์ ซันส์ กล่าวว่า ข้อมูลการจ้างงานออกมาแย่มาก ความกลัวเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอยจึงกลับเข้ามาในตลาดอีกครั้ง นางเคธี เหลียน นักวางแผนกลยุทธ์สกุลเงินอาวุโสจากเวบไซต์ เดลีเอฟเอ็กซ์ กล่าวว่า เฟดไม่สามารถเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงที่ว่า วิกฤติตลาดซับไพร์มและสินเชื่อส่งผลกระทบต่อภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงแล้ว ชาวอเมริกันกำลังได้รับผลกระทบ และนั่นจะทำให้การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง ซึ่งจะทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอาจตกอยู่ในภาวะถดถอย ทางด้าน คันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล คอร์ป ผู้ปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ประกาศจะปลดพนักงานครั้งใหญ่สุด เนื่องจากวิกฤติตลาดที่อยู่อาศัยในสหรัฐยังน่าเป็นห่วง โดยบริษัทจะปลดพนักงานประมาณ 1 ใน 5 ของที่มีอยู่ทั้งหมด หรือเท่ากับประมาณ 10,000-12,000 คน ในช่วง 3 เดือนหน้า โดยให้เหตุผลว่าจำเป็นต้องทำเพราะมูลค่าสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ในปีหน้าอาจจะลดลงจากปีนี้ราว 1 ใน 4






    </td></tr></tbody></table></td></tr></tbody></table>
     
  3. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ได้ข่าวมาว่าตอนนี้ที่อังกฤษ ประชาชนเริ่มแห่ถอนเงินสดจากธนาคารจากผลของซับไพร์มกันแลวครับ เพื่อนๆที่อยู่อังกฤษช่วยอัพเดทข่าวเพื่อการประเมินสถานการณ์ให้หน่อยครับ

    จะได้ประเมินผลกระทบที่จะส่งผลถึงประเทศไทยกันได้ครับ
     
  4. Toutou

    Toutou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    1,455
    ค่าพลัง:
    +8,107
    วิกฤตการเงินรอบใหม่มาแล้ว!

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย หมายเหตุผู้จัดการ</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>18 กันยายน 2550 18:05 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>วิกฤตทางการเงินอันเกิดจากวิกฤตซับไพรม์ในสหรัฐฯ ได้ขยายตัวไปคุกคามอังกฤษอย่างรุนแรงแล้ว โดยในปลายสัปดาห์ที่แล้วชาวอังกฤษตื่นตระหนกแห่กันไปถอนเงินจากธนาคารถึง 70,000 ล้าน และยังคงตื่นตระหนกพากันถอนเงินอย่างต่อเนื่องมาจนถึงต้นสัปดาห์นี้

    เป็นผลให้ธนาคารกลางของอังกฤษต้องอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบอย่างขนานใหญ่ เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในสหรัฐและอีกหลายประเทศ

    แล้วมันจะไม่มาถึงประเทศไทยหรือ? มันต้องมาถึงแน่ และกำลังคืบคลานมาถึงแล้ว! อย่าได้ไปเชื่อนายธนาคารหรือผู้คนในรัฐบาลเต่าที่ว่าไม่มีผลกระทบถึงประเทศไทยเป็นอันขาด มิฉะนั้นจะพากันพินาศยับเยินด้วยกันหมด

    ก็ต้องทำความเข้าใจกันว่าวิกฤตซับไพรม์มันคืออะไร เกิดขึ้นอย่างไร และส่งผลอย่างไร ทั้งจะเกิดผลกระทบอะไรกับประเทศไทยของเรา ซึ่งจำจะต้องพูดจาว่ากล่าวอย่างง่าย ๆ ให้พี่น้องร่วมชาติได้เข้าใจทั่วถึงกันจะได้ไม่ถูกใครเขาหลอกแล้วพากันเสียหายยับเยิน

    สิ่งที่เรียกว่าวิกฤตซับไพรม์เริ่มต้นขึ้นที่สหรัฐ เพราะในสหรัฐนั้นผู้คนทั้งหลายล้วนนิยมความฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือย จับจ่ายใช้สอยอย่างไม่บันยะบันยังยิ่งกว่านโยบายประชานิยมของรัฐบาลก่อนหลายร้อยเท่า จึงพากันเป็นหนี้สินท่วมตัว

    เมื่อหนี้สินท่วมตัวก็มีระบบขายอนาคตของตัวเองโดยการก่อหนี้ล่วงหน้า ด้วยหวังว่าจะมีรายได้ในอนาคตมาทดแทนได้ทัน แต่ครั้นนิสัยเดิมที่เห่อเหิมฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยไม่มีความพอเพียงอยู่ในจิตใจ ถึงแม้จะขายรายได้ในอนาคตแล้วก็ยิ่งมีหนี้ท่วมหัวท่วมตัวล้นพ้นเข้าไปอีก

    คนเหล่านั้นเป็นหนี้กับธนาคารและสถาบันการเงินเต็มไปทั้งประเทศ และหนี้เหล่านั้นกลายเป็นหนี้ด้อยคุณภาพที่อาจจะถูกจัดชั้นสำรองหนี้หรือตัดเป็นหนี้สูญ คล้ายๆ กับสถานการณ์ที่คนชั้นกลางและประชาชนในชนบทไทยที่กำลังเป็นหนี้ท่วมหัวท่วมตัวอยู่ในวันนี้ ซึ่งเป็นผลผลิตโดยตรงของนโยบายประชานิยมแห่งระบอบทักษิณ

    การที่มีหนี้ด้อยคุณภาพที่อาจถูกจัดชั้นสำรองหนี้หรือตัดเป็นหนี้สูญเกิดขึ้นในระบบเป็นจำนวนมหาศาล จึงกดดันต่อธนาคารและสถาบันการเงินที่จะต้องแก้ไขปัญหานี้ก่อนที่จะล่มจม และหนึ่งในวิธีนั้นก็คือการจำหน่ายหนี้เหล่านั้นออกไปในราคาถูก

    เมื่อเป็นเช่นนี้ก็มีพวกหัวใสคิดหวังกำไรจากธุรกิจรับซื้อหนี้ จึงตั้งเป็นกองทุนขึ้นรับซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเหล่านั้นจากธนาคารและสถาบันการเงินในราคาถูก ๆ แล้วไปเรียกเก็บหนี้เต็มจำนวนพร้อมดอกเบี้ยซึ่งถ้าเป็นมรรคผลเต็มที่ก็จะมีกำไรมหาศาล

    เช่น มูลหนี้ราคา 100 บาท ก็รับซื้อมาในราคา 15-20 บาท หากเรียกเก็บได้เต็ม 100 บาทก็จะมีผลกำไร 85-80 บาท นับว่าเป็นกำไรที่มากมายมหาศาลพอที่จะเสี่ยงกับหนี้บางจำนวนที่เรียกเก็บไม่ได้

    การรับซื้อหนี้แบบนี้เรียกว่าซับไพรม์ หากจะแปลเป็นภาษาไทยให้เข้าใจกันชัด ๆ ก็คือกิจการรับซื้อหนี้ด้อยคุณภาพนั่นเอง

    เมื่อแรกเริ่มเดิมทีทำกันใหม่ๆ ก็สามารถเรียกเก็บหนี้ได้เกือบเต็มจำนวน จึงสร้างผลกำไรมหาศาล ทำให้ผู้ทำธุรกิจนี้เห็นโอกาสที่จะมีกำไรมากขึ้น จึงเกิดเป็นกิจการที่ทำกันเป็นล่ำเป็นสัน

    จึงเกิดการระดมทุนโดยทั้งธนาคารและสถาบันการเงิน ตลอดจนนักลงทุนก็พากันมาลงทุนในกองทุนแบบนี้กันอย่างล้นหลาม ทำให้กิจการนี้ขยายตัวจนสามารถรับซื้อหนี้ในระบบได้มากตามไปด้วย

    แต่เป็นเวรกรรมของชาวสหรัฐฯ เพราะเมื่อธนาคารและสถาบันการเงินสามารถขายหนี้ด้อยคุณภาพออกไปได้แล้วก็เบาตัวลง แล้วเร่งปล่อยกู้แบบเดียวกันนั้นอีก กู้แล้วก็ขายไปอีก เป็นวัฏฏะแห่งความพินาศเกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว

    ในที่สุดผู้คนก็เป็นหนี้ซ้ำหนี้ซ้อน คือเป็นหนี้ในกิจการซับไพรม์ด้วย เป็นหนี้ใหม่ที่เกิดจากการเร่งให้กู้ยืม ขยายวงเงินให้กู้ยืมด้วย ในที่สุดก็เกินความสามารถที่จะชำระหนี้ได้

    เมื่อเป็นเช่นนี้กิจการซับไพรม์ก็เริ่มเก็บหนี้ได้น้อยลง และมีแนวโน้มว่าจะขาดทุน แต่ทว่าวงเงินรวมทั้งหมดทั้งประเทศที่นำไปลงทุนในกิจการซับไพรม์นั้นมันมากมายมหาศาล พอนักวิเคราะห์พบเหตุการณ์ผิดสังเกตว่ากองทุนซับไพรม์ทั้งหลายอาจจะเจ๊งก็รายงานความเห็นให้สาธารณชนทราบ

    เท่านั้นแหละเกิดเรื่อง ผู้คนก็พากันกลัวว่าธนาคารและสถาบันการเงินอาจจะต้องล้มเพราะไปลงทุนหรือให้กู้เงินในกิจการซับไพรม์กันมากมายมหาศาล จึงพากันไปถอนเงิน การตื่นตระหนกตกใจลุกลามเป็นไฟไหม้ฟาง ที่ไหนๆ ก็มีคนแห่ไปถอนเงิน

    ความกลัวเหล่านี้ขยายตัวไปยังประเทศอื่นๆ ทั้งในยุโรปและญี่ปุ่น กลายเป็นวิกฤตขนาดใหญ่ที่มีขอบเขตทั่วโลกขึ้น เพราะเมื่อธนาคารและสถาบันการเงินถูกคนแห่กันไปถอนเงินไม่มีที่สิ้นสุดกิจการก็จะต้องล้ม จึงเป็นหน้าที่ของธนาคารกลางที่จะต้องอัดเงินเข้าไปในระบบให้กับธนาคารและสถาบันการเงิน เพื่อให้พอเพียงต่อการถอนเงิน

    ดีไม่ดีถ้าอุดรอยรั่วไม่พอ ธนาคารกลางก็จะพาลเจ๊งตามไปด้วย ถึงกระนั้นแม้ว่าจะชะลอการถอนเงินได้บ้าง แต่ก็ทำให้ขาดความเชื่อมั่นว่าในที่สุดแล้วธนาคารและสถาบันการเงินหรือกองทุนต่างๆ จะไม่สามารถได้รับเงินที่ลงทุนไปกลับคืน จะส่งผลกระทบต่อเงินฝากของตน ซึ่งในวันหนึ่งธนาคารและสถาบันการเงินเหล่านั้นก็จะต้องเผชิญกับสภาพเช่นนั้น

    ประเทศไทยของเรานอกจากไม่รู้สึกรู้สาเพราะไร้น้ำยาหน่อมแน้มเฉื่อยชาและล้าหลังแล้ว ยังหลอกลวงประชาชนว่าผลกระทบจะไม่ถึงประเทศไทย เป็นการโกหกทั้งเพ

    ประเทศไทยเป็นมหาอำนาจทางการเงินหรือ มีฐานะการเงินมั่งคั่งกว่าสหรัฐและอังกฤษหรือจึงว่าไม่มีผลกระทบ มันกระทบแน่ อย่าไปเชื่อใครว่าไม่กระทบ

    ดังนั้นเพื่อไม่ให้ประวัติศาสตร์ที่เงินฝากแล้วถอนไม่ได้ซ้ำรอยปี 2540 ก็ควรจะได้เตรียมตัวเตรียมใจ รวมทั้งนักธุรกิจน้อยใหญ่ทั้งหลายก็ต้องเตรียมรับมือกับวิกฤตที่หากจะเกิดขึ้นให้ทันท่วงทีก่อนที่จะตายหยังเขียด.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9500000110458
     
  5. Toutou

    Toutou เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    1,455
    ค่าพลัง:
    +8,107
    น้ำมันดิบโลกพุ่งทำสถิติทะลุ$81

    โดย ผู้จัดการออนไลน์ 18 กันยายน 2550 20:58 น.

    ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพุ่งทำสถิติสูงสุดทะลุ 81 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล วันนี้(18) สืบเนื่องจากภาวะซัปพลายตึงตัว ขณะที่นักลงทุนก็คาดธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ลดดอกเบี้ยเฟดฟันด์เรต ซึ่งจะช่วยเพิ่มการลงทุน ทำให้ดีมานด์น้ำมันพุ่งสูงขึ้น

    สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด สำหรับส่งมอบเดือนตุลาคม มีราคาเพิ่มขึ้น 49 เซ็นต์ มาอยู่ที่ 81.06 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในการค้าซื้อขายที่ตลาดสิงคโปร์ เมื่อเวลา 14.10 น.ของเมื่อวานนี้ ตามเวลาในประเทศไทย หลังจากทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 81.24 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ก่อนหน้านี้ ราคาน้ำมันดิบไลท์สวีตครูดในตลาดนิวยอร์ก พุ่งขึ้น 1.47 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 80.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อวันจันทร์(17)

    ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ของตลาดลอนดอน ในการซื้อขายที่สิงคโปร์ มีราคาเพิ่มขึ้น 27 เซ็นต์ มาอยู่ที่ 77.25 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    วิกเตอร์ ชัม หุ้นส่วนใหญ่อาวุโส แห่งเพอร์วินแอนด์เกิร์ตซ์ อิงก์ บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานในสิงคโปร์ กล่าวว่าเมื่อวันจันทร์ว่า ความรู้สึกของตลาดเปลี่ยนไป ขณะที่นักเก็งกำไรก็ทำให้ราคาน้ำมันไต่ขึ้นท่ามกลางความหวั่นวิตกต่อภาวะซัปพลายตึงตัวในฤดูหนาวในซีกโลกเหนือ ซึ่งเป็นเวลาที่โลกจะมีความต้องการใช้น้ำมันสูงที่สุดเพื่อทำความร้อน

    โกลด์แมนแซคส์ ออกมาทำนายเมื่อวันจันทร์ว่า สิ้นปีนี้ราคาน้ำมันดิบจะพุ่งแตะระดับ 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และมีแนวโน้มสูงว่าราคาอาจไต่สูงถึง 90 ดอลลาร์ นอกจากนี้ ราคาอาจทะยานไปถึง 95 ดอลลาร์ ภายในสิ้นปีหน้า


    http://www.manager.co.th/Home/ViewNe...=9500000110541
     
  6. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    ไม่มีอะไรหรอกครับ กรรมกำลังส่งผลง๊ะ
     
  7. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ตอนนี้มีมาตราการคุ้มครองเงินฝากของประชาชนครับ

    แต่อยู่ที่ 1ล้านบาท นั่นหมายถึงหาก คุณมีเงินใธนาคาร หนึ่งล้าน แล้วแบงค์เกิดมีปัญหา รัฐคุ้มครอง คืนเงินให้คุณ 1 ล้านบาท

    แต่หากคุณมีเงินในแบงค์ 10 ล้านบาท หรือ 100 ล้านบาท รัฐก็คุ้มครองเงินให้คุณ 1 ล้านบาทเท่ากัน เท่านั้น เกินกว่านี้คุณต้องแบกความเสี่ยงเอาเองครับ

    เรื่องซับไพร์มที่อเมริกาครั้งนี้ ไม่ช้าจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่กับระบบหนี้ในบัตรเครดิต บัตรเงินด่วน และส่งผลมาถึงประเทศไทยในที่สุด ใครที่เป็นหนี้บัตรจำพวกนี้ ขอให้ใช้สติในการจับจ่ายเงินทองกันให้ดีครับ เพราะการเร่งรัดการใช้หนี้ครั้งนี้จะเป็นแบบการยึดสินทรัพย์ครับ บ้าน คอนโด รถยนต์ รถจักรยานยนต์
     
  8. HONGTAY

    HONGTAY ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    36,548
    กระทู้เรื่องเด่น:
    151
    ค่าพลัง:
    +147,892
    ประเทศมหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐอเมริกา จีน หรือแม้แต่ญี่ปุ่นกำลังได้รับทั้งภัยธรรมชาติและภัยทางเศรษฐกิจ
    อย่างหลีกเลี่ยงไม่ไดเลย
     
  9. เทพ

    เทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    275
    ค่าพลัง:
    +3,099
    ปรับลด VAT ในไทย วันที่ 1 ต.ค.50

    เพื่อทราบพระราชกฤษฎีกาปรับอัตราาษีมูลค่าเพิ่มใหม่
    จากเดิมประมวลรัษฎากรกำหนดไว้ที่ร้อยละ
    10 แล้วต่อมามีการออกพรฎ.ลดอัตราาษีมูลค่เพิ่มเป็นร้อยละ
    7 ซึ่งเป็นอัตราที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน
    นั้น

    ล่าสุดมีการออกพรฎ.
    ปรับอัตราาษีมูลค่าเพิ่มใหม่เป็นดังนี้


    นับตั้งแต่วันที่
    1 ต.ค 50 - 30 ก.ย 51
    อัตราาษีมูลค่าเพิ่มเท่ากับร้อยละ 6.3

    ตั้งแต่วันที่
    1 ต.ค 51 เป็นต้นไป
    อัตราาษีมูลค่าเพิ่มเท่ากับ
    ร้อยละ 9

    -------------------------------------------------------------------------------
    ผลกระทบ สำหรับพวกเรา คือ ต้นทุนเกี่ยวกับโครงงานรองรับภัยพิบัติต่างๆ
    หากเป็นไปได้ควรรีบดำเนินการให้จบเท่าที่ทำได้ ภายในปีหน้า เพราะหลังจากนั้นสินค้าหลายๆอย่างจะต้องมีการปรับราคาขึ้นไปอีกพอสมควร จะทำให้ต้นทุนในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 กันยายน 2007
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
     
  11. nantiya.j

    nantiya.j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +8,550
    <TABLE class=news2006_topic cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=585 height=10><TABLE class=news2006_topic width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left>บริษัทชิ้นส่วนยานยนต์ชลบุรีเจ๊ง ลอยแพลูกจ้างเกือบพัน</TD><TD align=right width=100></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=news2006_graylight height=10>โดย เดลินิวส์<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT> <!--START-->วัน พฤหัสบดี ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2550 17:50 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD height=10></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=news2006_black cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=10 rowSpan=4></TD><TD width=575><!img001:m:r>ที่กระทรวงแรงงาน นายผดุงศักดิ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวว่า ได้รับรายงานจากสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานจังหวัดชลบุรีว่า บริษัทประกอบกิจการอิเล็กทรอนิกส์และประกอบชิ้นส่วนยานยนต์ ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมชลบุรี (บ่อวิน) อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ได้ทำการเลิกจ้างพนักงานจำนวนกว่า 900 คน โดยแยกเป็นพนักงานประจำ 400 คน ลูกจ้างชั่วรายวัน 200 คนและลูกจ้างเหมาค่าแรง 275 คน โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พย.เป็นต้นไป ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทได้ดำเนินกิจการขาดทุนมาอย่างต่อเนื่อง บวกกับการเปลี่ยนแปลงการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีจึงมีความจำเป็นต้องมีการเลิกจ้างพนักงาน ทั้งนี้ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปดูแลเรื่องสวัสดิการและค่าชดเชยให้กับลูกจ้าง ซึ่งล่าสุดทราบว่าทางบริษัทได้ทำการจ่ายค่าจ้างค้างจ่ายและค่าชดเชยให้กับลูกจ้างเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “ปัญหาตรงนี้นายจ้างบอกว่าขาดทุนต่อเนื่องสะสมมาหลายปี แบกรับภาระไม่ไหว จึงต้องบอกเลิกจ้างคนงาน อย่างไรก็ตาม กสร.ได้ประสานกับประกันสังคมจังหวัดให้เข้าไปดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์กรณีว่างงาน นอกจากนี้ได้ประสานกับจัดหางานจังหวัดชลบุรี เข้าไปช่วยเหลือหาตำแหน่งพร้อมรับสมัครคนงานทำงานเคยทำหรือไกล้เคียงอาชีพเดิมทั้งในจังหวัดชลบุรีและบริเวณจังหวัดไกล้เคียงแล้ว”นายผดุงศักดิ์ กล่าว<!--END--> <!--PICLIST-->
    </TD><TD width=10 rowSpan=4></TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  12. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
     
  13. ขิก

    ขิก เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,338
    ค่าพลัง:
    +18,756
    (b-deejai)โชคดีที่เราไม่ได้เป็นลูกจ้างใคร (b-deejai)

    (b-flower) เป็นลูกพระ ดีกว่า พระองค์ท่านไม่ปลดเราแน่ ๆ (b-deejai)
     
  14. nantiya.j

    nantiya.j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +8,550
    เฮ้อ..แล้วก็ปิดไปอีก หนึ่ง

    เงินบาทพ่นพิษโรงงานเอ็มทีพิกเจอร์ดีสเพลย์ ปทุมธานี ปิดกิจการ คนงาน2.400 คนตกงาน

    ที่สวนอุตสาหกรรมบางกะดี บริษัท เอ็ม ที พิกเจอร์ ดีสเพลย์ (ประเทศไทย) จำกัด เลขที่ 142 ม.5 ต.บางกะดี อ.เมือง จ.ปทุมธานี ซึ่งเป็นโรงงานบริษัทลูกในประเทศไทยของบริษัท มัตสึซิตะ อิเลคทริค อินดัสเตรียล จำกัด ได้ทำหนังสือถึงหน่วยราชการที่รับผิดชอบ เกี่ยวกับแรงงานว่า วันนี้ขอประกาศให้ทราบว่าบริษัทฯ จะยุติการผลิตอย่างถาวร ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2550 จะเริ่มกระบวนการเลิกกิจการบริษัท เอ็ม ที พิกเจอร์ ดิสเพลย์ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้ผลิตหลอดภาพทีวีสี ตั้งแต่ขนาด 15-29 นิ้ว สำหรับตลาดประเทศในกลุ่มทวีปอเมริกาเหนือ และประเทศในกลุ่มอาเซียน บริษัทฯ ประสบปัญหาความต้องการทีวีสีของตลาดที่ลดลง ขณะเดียวกันปรากฏว่ามีการแข่งขันด้านราคาขายที่รุนแรงมากยิ่งขึ้น ประกอบด้วยยอดขายทีวีสีแบบจอบาง มีจำนวนที่สูงขึ้น และมีแนวโน้มที่เติบโตอย่างรวดเร็วในอนาคต ดังนั้นจึงเป็นการยากลำบากเป็นอย่างยิ่งสำหรับบริษัท ที่จะดำเนินธุรกิจต่อไป ผลจากการต้องเลิกกิจการดังกล่าว พนักงานทั้งหมดจำนวน 2.400 คน โดยเป็นพนักงานสัญญาจ้างชั่วคราว ประมาณ 700 คน ที่ต้องถูกเลิกจ้าง

    อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้เตรียมจ่ายค่าชดเชยให้แกพนักงานดังกล่าวไว้แล้วในอัตราที่กฎหมายแรงงานกำหนดการเลิกกิจการของบริษัท เป็นส่วนหนึ่งของการสิ้นสุดการผลิตหลอดภาพแบบ CRT ในภาคพื้นเอเชียตะวันตกเฉียงใต้ นอกจากนี้บริษัทลูกได้ประกาศแผนการยุติการผลิตอย่างถาวร และเข้าสู่กระบวนการเลิกกิจการแล้วเช่นกัน
    <!-- End Show Detail -->
     
  15. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <TABLE class=tborder id=post730561 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>vanco<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_730561", true); </SCRIPT>
    ทีม ตรวจทานพระไตรปิฏก
    สมาชิกยอดฮิต

    [​IMG]

    เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 07:29 PM
    วันที่สมัคร: Feb 2007
    ข้อความ: 5,496 <!-- Start Post Thank You Hack -->
    ได้ให้อนุโมทนา 12,154 ครั้ง
    ได้รับอนุโมทนา 18,114 ครั้ง ใน 3,981 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
    พลังการให้คะแนน: 2365 [​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG][​IMG]


    </TD><TD class=alt1 id=td_post_730561 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->น้ำมันโลกพุ่งกว่า3%แตะ$83 อ้างค่าเงินดอลล์อ่อน/หวั่นพายุ <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>28 กันยายน 2550 22:33 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>เอเจนซี/เอเอฟพี - ราคาน้ำมันโลกทะยานขึ้นกว่า3% แตะระดับ 83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โดยนักวิเคราะห์มองสาเหตุเป็นเพราะค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่า และตลาดหวั่นวิตกพายุโซนร้อนที่แปรสภาพเป็นเฮอร์ริเคนอาจจะสร้างความเสียหายต่อฐานการผลิตแถบอ่าวเม็กซิโก

    เมื่อวันพฤหัสบดี(27) สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด สำหรับส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ในการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ในนครนิวยอร์ก มีราคาเพิ่มขึ้น 2.58 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 82.88 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากพุ่งแตะระดับ 83 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นราคาที่ใกล้เคียงกับราคาสูงทำสถิติที่ 84.10 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

    ต่อมา เมื่อวันศุกร์(28) น้ำมันดิบไลท์สวีตครูดในการซื้อขายที่ตลาดลอนดอน มีราคาลดลง 14 เซ็นต์ มาอยู่ที่ 82.74 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    ขณะที่สัญญาน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ของตลาดลอนดอน เมื่อวันพฤหัสบดี มีราคาเพิ่มขึ้น 2.60 ดอลลาร์ มาอยู่ที่ 80.03 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาสูงสุดทำสถิติใหม่ ต่อมา ในการซื้อขายวันศุกร์ ราคาน้ำมันดิบเบนต์ลดลง 4 เซ็นต์ มาอยู่ที่ 79.99 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

    นักวิเคราะห์มองว่าการที่เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงซึ่งเป็นผลมาจากความหวั่นวิตกต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ของสหรัฐฯที่ชะลอตัว ทำให้ราคาน้ำมันถีบตัวสูงขึ้น เนื่องจากสินค้าโภคภัณฑ์ดังเช่นน้ำมันซึ่งซื้อขายกันด้วยเงินสกุลดอลลาร์ มีราคาถูกลงสำหรับผู้ซื้อที่ถือเงินสกุลที่แข็งกว่าดอลลาร์ สิ่งนี้กระตุ้นให้ดีมานด์น้ำมันเพิ่มสูงขึ้น

    ไมเคิล เดวีส์ นักวิเคราะห์แห่งซัคเดน กล่าวว่าราคาน้ำมันจะยังคงเพิ่มสูงขึ้นต่อไปสืบเนื่องจากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงไปอีกและความหวั่นวิตกต่อซัปพลายน้ำมันโลกก่อนหน้าฤดูหนาว ทั้งนี้ ฤดูหนาวในซีกโลกเหนือเป็นช่วงที่โลกจะมีความต้องการใช้น้ำมันสูงที่สุดเพื่อทำความร้อน

    นอกจากนี้ ตัวเลขทางเศรษฐกิจที่รัฐบาลสหรัฐฯแถลง ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการว่างงานที่ลดลง และจีดีพีที่เติบโตขึ้น 3.8% ในไตรมาสที่สอง ก็ทำให้ผู้คนมองว่าภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงดีอยู่แม้จะเจอพิษจากวิกฤติสินเชื่อด้อยคุณภาพ หรือ'ซับไพรม์' สิ่งนี้จึงทำให้ดีมานด์น้ำมันเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน

    ขณะเดียวกัน ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติของสหรัฐฯแถลงว่า เมื่อเช้าวันศุกร์ พายุโซนร้อนโลเรนโซที่เพิ่มกำลังเป็นเฮอร์ริเคนได้พัดเข้าชายฝั่งบริเวณที่เป็นหนึ่งในแหล่งผลิตน้ำมันของเม็กซิโก

    ทั้งนี้ อ่าวเม็กซิโกเป็นที่ตั้งของฐานการผลิตน้ำมันของบริษัทจำนวนมาก และนักลงทุนหวั่นวิตกว่าในช่วงฤดูเฮอร์ริเคนในมหาสมุทรแอตแลนติกซึ่งจะสิ้นสุดในเดือนพฤศจิกายน พายุอาจสร้างความเสียหายต่อแท่นขุดเจาะและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆในอุตสาหกรรมน้ำมัน ซึ่งจะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อซัปพลายน้ำมัน
    <!-- / message --><!-- sig -->
    ____________________________________________________________
    โครงการ สร้างพระไตรปิฏก และ ฐานข้อมูล
    แผนผังภาพธรรม พระไตรปิฎกฉบับธรรมทาน
    พระซ่อมพระ มิลินทปัญหา
    พุทธพยากรณ์และภัยพิบัติโลก
    พระไตรปิฏกฉบับดับทุกข์
    รับสมัครคนอ่านพระไตรปิฎกเสียง
    คู่มือฉุดช่วยคน คู่มือมนษย์
    7 เดือนบรรลุธรรม พระพุทธศาสนาจากพระโอษฐ์
    การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
    [​IMG]

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  16. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    สำหรับราคาน้ำมันที่ทะยานสูงขึ้นอย่างน่าตกใจนั้น

    ปัจจัยแรกเกิดขึ้นจากการที่จีนและสหรัฐกักตุนสำรองน้ำมันเพิ่มขึ้นเนื่องจากเป้นยุทธปัจจัยในการทำสงคราม

    ปัจจัยที่สอง เกิดจากบรรดาเฮนด์ฟันด์เองที่ขาดทุนระเนระนาดครั้งยิ่งใหญ่จากกรณีซับไพร์มในอเมริการและยุโรปทำให้ต้องปิดตัวเองและเจ๊งไปจำนวนมาก และเพื่อมาล้างการขาดทุนจากกรณีซับไพร์มจึงหันมาเก็งกำไรในน้ำมันแทนทำให้ราคาน้ำมันโลกดีดตัวสุงขึ้นไปอีก เท่าที่ทราบเป้าหมาย เห็นบอกว่าจะปั่นขึ้นไปถึง 100 ดอลล่าร์ต่อบาร์เรล ซึ่งหากไปถึงจุดนั้นจริงชาวโลกต้องเดือดร้อนกันอย่างหนักจากกรณีที่ราคาเชื้อเพลิงสูงขึ้น ราคาสินค้าอุปโภค บริโภคแพงขึ้น นำมันอาจราคาพุ่งไปถึงลิตรละ 35-36 บาท เกิดภาวะเงินเฟ้อ

    ดังนั้นพวกเราขอจงตั้งรับสถานการณ์กันเอาไว้ให้ดีๆครับ ใครที่เข้าสู่การใช้ชีวิตแบบพอเพียงได้มากก็ไม่เดือดร้อน เท่าไรนัก ใครที่ปรับตัวไม่ได้ ก็อยู่ได้ยากครับ
    <!-- / message --><!-- sig -->
     
  17. greatmans

    greatmans เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +1,131
    โซฟาหนัง-เฟอร์นิเจอร์ไม้ยางอาการหนัก "อุตฯเฟอร์นิเจอร์"อ่วมถูกค่าบาทถล่ม

    อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์อ่วม เจอมรสุมค่าเงินบาท ระบุส่งออกแข่งขันด้านราคากับจีน-เวียดนามไม่ได้ โดยเฉพาะสินค้าโซฟาหนัง กับเฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา หนักสุด จนหลายรายต้องปิดโรงงาน บางรายนำเข้ามาจำหน่าย คุ้มกว่าผลิตเอง ชี้ผู้ประกอบการในกลุ่มต้องช่วยเหลือกันมากขึ้น หมดสมัยที่จะคิดแข่งขันกันเองแล้ว

    นายมานะผล ภู่สมบุญ ประธานกลุ่มอุตสาห กรรมเฟอร์นิเจอร์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ถึงสถานการณ์ของอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะผู้ที่ผลิตและส่งออกสินค้า กำลังประสบปัญหากับภาวะเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น การจำหน่ายไม่มีกำไร ส่งผลให้หลายโรงงานต้องทยอยปิดกิจการไป

    สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าเฟอร์นิเจอร์ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐ เมื่อคิดเป็นมูลค่าของเงินเหรียญยังถือว่ามีอัตราเติบโตอยู่ 3-5% แต่เมื่อคิดเป็นเงินบาทแล้ว "ยอดแทบจะไม่โตขึ้นเลย" ซึ่งขณะนี้ทางผู้ประกอบการได้แก้ปัญหาเบื้องต้น โดยการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น แต่ยังรอการตอบรับของลูกค้าอยู่ว่าจะยอมรับกับราคาที่ปรับเพิ่มขึ้นได้หรือไม่

    ขณะที่ผู้ประกอบการบางส่วนเห็นว่าการนำเข้าสินค้าเฟอร์นิเจอร์จากต่างประเทศมีต้นทุน "ต่ำกว่า" การผลิตเองในประเทศ ก็เริ่มจะปรับกลยุทธ์โดยการนำเข้าสินค้าเพื่อจำหน่ายในประเทศหรือส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศที่สามมากขึ้น โดยสินค้าที่มีปัญหา 2 ตัวหลักๆ ในขณะนี้ก็คือ

    โซฟาหนัง กับเฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพารา ซึ่งเดิมผลิตส่งออกไปจำหน่ายในราคาไม่สูงมาก และการส่งออกก็จะส่งผ่านเอเย่นต์ แต่เมื่อค่าเงินบาทแข็งขึ้น ทำให้สินค้าดังกล่าวไม่สามารถจำหน่ายในราคาเดิมได้ก็ต้องปรับราคาเพิ่มขึ้น ทำให้ไม่สามารถแข่งขันกับจีนและเวียดนามได้

    "โรงงานที่มีปัญหามากๆ ก็คือ พวกที่ทำสินค้าป้อนสู่ตลาดระดับล่าง เน้นการจำหน่ายสินค้าปริมาณมากๆ ราคาไม่สูง กำไรต่อหน่วยไม่สูงมาก แต่เมื่อค่าเงินบาทแข็งขึ้น ผู้ประกอบการก็ไม่สามารถจำหน่ายสินค
     
  18. nantiya.j

    nantiya.j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +8,550
    <TABLE class=news2006_topic cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=585 height=10><TABLE class=news2006_topic width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left>16ลูกจ้างร้อง ครส.ถูก บ.ซัมมิท ลอยแพ</TD><TD align=right width=100></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD class=news2006_graylight height=10>โดย เดลินิวส์<SCRIPT language=JavaScript src="/global_js/global_function.js"></SCRIPT> <!--START-->วัน พฤหัสบดี ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2550 17:11 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD height=10></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=news2006_black cellSpacing=0 cellPadding=0 width=595 border=0><TBODY><TR><TD width=10 rowSpan=4></TD><TD width=575><!img001:m:r>ที่กระทรวงแรงงาน นายอุทัย อนุพันธ์ ประธานสหภาพแรงงานพนักงานบริษัทซัมมิท เอ็นจิเนียริ่ง เซ็นเตอร์ จำกัด ตั้งอยู่ที่ อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นบริษัทสร้างแม่พิมพ์ชิ้นส่วนรถยนต์ พร้อมด้วยผู้แทนพนักงานจำนวน 16 คน เข้ายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์ (ครส.) เพื่อขอความเป็นธรรมกรณีนายจ้างเลิกจ้างไม่เป็นธรรม
    โดยนายอุทัย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมาบริษัทได้ติดประกาศบอกเลิกจ้างพนักงานจำนวน 16 คน และให้มีผลตั้งแต่วันที่ 4 ต.ค.เป็นต้นไป โดยให้เหตุผลว่าบริษัทขาดทุนและต้องการลดสัดส่วนพนักงาน 10% จากพนักงานทั้งหมด 200 กว่าคน แต่พนักงานไม่เชื่อเนื่องจากที่ผ่านมาบริษัทไม่ได้มีสัญญาณของการขาดทุนแต่อย่างใด อีกทั้งยังเปิดรับสมัครคนงานเพิ่ม และให้ทำงานล่วงเวลาอย่างต่อเนื่อง จึงคิดว่าเป็นเรื่องที่จงใจเลิกจ้างเฉพาะพนักงานที่เป็นสมาชิกสภาพแรงงาน16 คน ทั้งนี้หากนายจ้างยังไม่ยินยอมรับพวกตนกลับเข้าทำงานก็จะดำเนินการฟ้องร้องต่อศาลแรงงานต่อไป อนึ่งบริษัทในเครือซัมมิทมีตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ โดยเป็นเครือญาติกับนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตรมว.อุตสาหกรรม

    ด้านนายผดุงศักดิ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กล่าวว่า ได้ให้คณะกรรมการแรงงานสัมพันธ์รับคำร้องและเร่งพิจารณาชี้ขาดเรื่องดังกล่าวภายใน 60 วัน โดยจะเชิญนายจ้างและลูกจ้างเข้ามาทำการสอบสวนข้อเท็จจริงในวันที่ 11 ต.ค.นี้ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ทั้งนี้ หากเลิกจ้างด้วยสาเหตุที่ก่อตั้งสหภาพถือว่าผิดกฎหมายแรงงานสัมพันธ์ เนื่องจากเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของลูกจ้างที่สามารถรวมตัวกันได้
    วันเดียวกัน นายธงชัย แดนมงคล แกนนำลูกจ้างบริษัทเจริญสวัสดิ์ใยเทียม จำกัด ซึ่งประกอบกิจการสิ่งทอฟอกย้อมและกรอด้าย ตั้งอยู่อ.สามพราน จ.นครปฐม เปิดเผยว่าขณะนี้คนงานจำนวน 331 คนกำลังถูกนายจ้างลอยแพ เนื่องจากถูกฟ้องล้มละลาย แต่ไม่มีการแจ้งข้อมูลหรือเจรจาใดๆให้ลูกจ้างได้รับทราบ และได้ลดเวลาการทำงานพร้อมทั้งจ่ายค่าจ้างเพียงครึ่งเดียว ทำให้เกิดปัญหาในข้อกฎหมายและไม่มีการจ่ายค่าชดเชยหรือประโยชน์ต่างๆที่ลูกจ้างควรได้รับ “พวกเราอยากให้นายจ้างมาเจรจาหรือแจ้งให้ชัดเจนว่าจะเอาอย่างไร ที่ผ่านมาเราได้ประสานไปทางจังหวัด เขาก็บอกว่าติดต่อนายจ้างไม่ได้ ตอนนี้หอพักที่โรงงานมีไว้ให้ก็ถูกตัดน้ำตัดไฟเพราะไม่ได้จ่ายค่าน้ำค่าไป พวกเราต้องช่วยกันเรี่ยไรเงินไปจ่ายเพราะไม่รู้จะไปไหน บางคนลูกก็กำลังเรียนอยู่ วันที่ 5 ต.ค.นี้ จะเป็นวันตัดสินว่านายจ้างจะเลิกจ้างหรือไม่ เพราะเป็นงวดการจ่ายเงิน พวกเรากำลังรอดูอยู่ แต่พวกเราเชื่อว่านายจ้างล้มบนฟูก เพราะเขาเพิ่งขายสนามกอล์ฟไปได้พันกว่าล้านบาท แต่ละคนมีบ้านหลังใหญ่โต” นายธงชัย กล่าว<!--END--> <!--PICLIST-->
    </TD><TD width=10 rowSpan=4></TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  19. greatmans

    greatmans เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    103
    ค่าพลัง:
    +1,131
    เฟอร์นิเจอร์ทรุด! ราคาไม้ยางดิ่งวูบ โรงเลื่อยจ่อเจ๊ง
    อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์เจอพิษบาทแข็ง กระทบเป็นลูกโซ่โรงงานลดการซื้อไม้ยางพาราจนเกิดปัญหาล้นตลาดส่งผลราคาร่วงรูด ฟาดถึงโรงเลื่อยถึงขั้นทยอยปิดกิจการไปแล้วกว่า 30% เหตุขายไม่ยางไม่ออก


    นายสุทิน พรชัยสุรีย์ อุปนายกสมาคมธุรกิจไม้ยางพาราไทย เปิดเผยกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงสถานการณ์ราคาไม้ยางพาราแปรรูป ขณะนี้อยู่ในภาวะล้นตลาด เนื่องจากผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์ไม้ยางพาราที่เคยรับซื้อไม้ยางพาราแปรรูป ไปผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์เพื่อจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศลดการสั่งซื้อลง เพราะผู้ประกอบการเฟอร์นิเจอร์ประสบปัญหาภาวะค่าเงินบาทแข็งและเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศชะลอตัว ต่างลดการผลิตลงและซื้อไม้ยางลดลง ทำให้โรงเลื่อย ต้องลดราคาไม้ยางพาราแปรรูปลงไปกว่า 30 % แล้ว กล่าวคือ ราคาหน้าโรงงานปีที่แล้วลูกบาศก์ฟุตละ 300 บาท ปีนี้เหลือเพียง 210 บาทต่อลูกบาศก์ฟุตเท่านั้น


    สาเหตุที่บริษัทในอุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ลดจำนวนการสั่งซื้อไม้ยางพารแปรรูปลง เพราะว่า อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์ได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในรายที่มีการส่งออกไปยังต่างประเทศเช่น สหรัฐอเมริกา จะได้รับผลกระทบมาก เนื่องจากในปีนี้เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกามีการชลอตัวลง และประสบปัญหาเรื่องซับไพร์ม ประกอบกับประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาค่าเงินบาทแข็ง ทำให้เฟอร์นิเจอร์ไทยยิ่งเสียเปรียบด้านการแข่งขันเข้าไปอีก


    "เมื่อโรงเลื่อยและโรงอบไม้ยางพารา ขายไม่ยางได้น้อยลงทั้งยังราคาถูกลงอีก ทำให้เวลานี้โรงเลื่อยโรงอบที่มีอยู่กว่า 200 โรง ปิดกิจการไปแล้วกว่า 30 % ส่วนที่เหลืออีก 70 % ต่างก็ลดกำลังการผลิตลงเหลือแค่ครึ่งหนึ่งหนึ่งเท่านั้น เวลานี้ใครมีคำสั่งซื้อเข้ามาแค่ 50% ของปีก่อนก็ถือว่าโชคดีแล้ว"นายสุทินกล่าวและว่า


    อยากให้ทางรัฐบาลเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาโดยเร่งหาตลาดใหม่ เช่นประเทศเวียดนาม และประเทศอินเดีย ในสินค้าวัตถุดิบหรือชิ้นส่วน และตลาดตะวันออกกลางในสินค้าเฟอร์นิเจอร์


    นายสุทินกล่าวอีกว่า การส่งออกไม้ยางพาราแปรรูปขอไทยในปีนี้โดยภาพรวมแล้ว มีปริมาณลดลงกว่า 30 % เช่นกัน โดยคำสั่งซื้อจากบริษัทผลิตเฟอร์นิเจอร์จากประเทศจีนลดลงกว่า 50% เนื่องจากประสบปัญหาปัญหาการชะลอตัวของตลาดเฟอร์นิเจอร์ในอเมริกา ประกอบกับจีนถูกทางอเมริกาใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด จึงทำให้ต้องมีการย้ายฐานการผลิตเฟอร์นิเจอร์มายังประเทศเวียดนาม ไม้ยางที่ส่งออกไปได้จึงไปที่ตลาดเวียดนามเป็นส่วนใหญ่


    แหล่งข่าวจากบริษัทนิกกาพาราวู้ด จำกัด ผู้ผลิตและส่งออกเฟอร์นิเจอร์จากไม้ยางพารา กล่าวว่า บริษัทส่งออกเฟอร์นิเจอร์ไปประเทศญี่ปุ่นทั้งหมด โดยปัจจุบันมีคำสั่งซื้อเข้ามาลดลง โดยมีสาเหตุมาจากภาวะเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น และปัญหาค่าเงินบาทแข็ง จึงทำให้ไม่สามารถที่จะแข่งขันกับสินค้าจากประเทศจีนได้ โดยปัจจุบันนี้บริษัทได้มีการลดกำลังการผลิตลงบ้างแล้ว จากที่ผ่านมาบริษัทจะมีการทำงานล่วงเวลาทุกวัน แต่ในปัจจุบันนี้ ได้มีการลดเวลาการทำงานล่วงเวลาลงบ้างแล้ว เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีสาเหตุมาจากค่าเงินบาทแข็งเป็นส่วนใหญ่ และเชื่อว่าบริษัทที่ส่งออกไปอเมริกา ก็คงจะต้องลดกำลังการผลิตลงมาบ้างแล้ว หากเห็นว่าไม่คุ้ม"

    http://www.thannews.th.com/detialNews.php?id=T0622593&issue=2259
     
  20. nantiya.j

    nantiya.j เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    860
    ค่าพลัง:
    +8,550
    <CENTER>สำนักข่าวบีบีซี เตรียมปลดพนักงานกว่า 2 พันคน </CENTER>
    <!--detail--><!--images-->
    <CENTER>[​IMG]
    </CENTER>
    <!--images-->

    นสพ. ไฟแนนเชียล ไทมส์ (FT) ของอังกฤษรายงานว่า สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษจะปลดพนักงานมากกว่า 12 % หรือกว่า 2,000 คน โดยแผนกรายการสารคดีจะได้รับผลกระทบมากที่สุด
    นายมาร์ค ธอมป์สัน ซึ่งเป็นผู้อำนวยการสำนักข่าวบีบีซี ที่ได้รับทุนจากรัฐบาลอังกฤษ มีกำหนดจะประชุมกับบีบีซี ทรัสต์ในสัปดาห์หน้าเพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขการขาดดุลงบประมาณ 2 พันล้านปอนด์ (4.08 พันล้านดอลลาร์)
    หรือราว 142,000 ล้านบาท ที่สำนักข่าวบีบีซีกำลังเผชิญอยู่ หลังจากมีการตกลงกันเรื่องค่าธรรมเนียมใบอนุญาตครั้งล่าสุด โฆษกบีบีซีกล่าวว่า สำนักข่าวบีบีซีจะไม่ให้ความเห็นต่อข่าวของ FT ในขณะนี้
    FT ระบุว่า พนักงานระดับสูงของบีบีซีได้รับการแจ้งว่าอาจมีการปลดพนักงานออกกว่า 2,000 คน โดยตัวเลขผู้ถูกปลดออกอาจสูงเกือบถึง 3,000 คน มีแนวโน้มว่า การประกาศเรื่องการปลดพนักงานออกจะทำลายขวัญและกำลังใจของพนักงานบีบีซีอย่างรุนแรง หลังจากที่ถูกกดดันอย่างมากในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาท่ามกลางข่าวอื้อฉาวเกี่ยวกับวงการโทรทัศน์
    นายปีเตอร์ ฟินแชม ผู้ควบคุม BBC One ซึ่งเป็นช่องสถานีที่โด่งดังที่สุดในเครือบีบีซีถูกบังคับให้ลาออกจากตำแหน่งในสัปดาห์ที่แล้ว หลังจากรายงานระบุว่าเขามีความผิดในการสร้างความเข้าใจผิดว่าสมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธที่ 2 ของอังกฤษได้เคยผลุนผลันออกจากงานถ่ายรูปกลางคันเพราะไม่พอพระทัย
    นายไมเคิล ลีอองส์ หัวหน้าบีบีซี ทรัสต์ ซึ่งเป็นผู้ดูแลสำนักข่าวบีบีซี กล่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่า สำนักข่าวบีบีซีจะไม่ปรับลดจำนวนช่องสถานีโทรทัศน์หรือสถานีวิทยุครั้งใหญ่เพื่อลดยอดขาดดุลงบประมาณแต่อย่างใด

    อนุไต่สวนดับเพลิงนัดผู้แทนสำนักงบฯให้ข้อมูลสัญญาจีทูจีออสเตรียพรุ่งนี้ เอฟทีงวดล่าสุดลด แต่งวดต่อไปคาดขึ้น 2 สต./หน่วย

    ที่มาจาก สำนักข่าวเนชั่น
     

แชร์หน้านี้

Loading...