สัมภเวสีจะช่วยตัวเองได้อย่างไร

ในห้อง 'ภพภูมิ-สวรรค์ นรก' ตั้งกระทู้โดย กฤชภรณ์, 12 ธันวาคม 2012.

  1. กฤชภรณ์

    กฤชภรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +106
    อยากทราบน่ะครับว่า ถ้าสมมุติตัวเรามัอันเป็นไปอย่างไรก็ตามให้ต้องตกค้างอยู่ในโลกสัมภเวสีชั้นต่ำ ที่ยังไม่ได้ไปเวียนว่ายใช้บุญกรรม เช่นคนที่ตายโหงโดยอุบัติเหตุ หรืออัตวินิบาตตัวเอง เราจะมีวิธีอย่างไรที่จะบำเพ็ญเพียรให้ไม่ทุกข์ทรมาณ หรือได้ไปตามครรลองของวิบาก
     
  2. jakarat

    jakarat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    173
    ค่าพลัง:
    +148
    ทำอะไรไม่ได้เลยครับ ต้องอยู่เป็นสัมภเวสีชดใช้กรรมให้หมดตามอายุไข แล้วจึงจะหลุดพ้นจากตรงนั้นไป ตามภพภูมิต่างๆเป็นลำดับต่อไปครับ แต่ถ้าจะให้หลุดจากตรงนั้นจริงๆ ต้องถวายพระพุทธรูปหน้าตัก ห้านิ้ว ให้แก่ดวงวิญญาณนั้นครับ ถึงจะหลุดจากภพภูมิสัมภเวสีนั้นได้ครับ แล้วก็ไปเกิดในภพภูมิอื่นๆ ตามบุญบาปที่เราได้สร้างไว้ครับ
     
  3. mahamettayai

    mahamettayai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    1,199
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +10,670
    ตอนยังไปไหนไม่ได้ (เป็นวิญญาณเร่ร่อน)
    ก้อคงจะต้องรอเผื่อมีผู้ใจบุญ
    ทำบุญอุทิศกุศล /แผ่เมตตาไปให้
    เคยมีประสบการณ์ :boo:
    บางทีเค้าก็มาเข้าฝัน(แต่ไม่ได้มาแบบน่ากลัว)
    บางทีก้อมาเป็นกลิ่น แต่ส่วนใหญ่เวลาทำบุญ
    ก็จะอุทิศบุญกุศลให้อยู่แล้วค่ะ
     
  4. da2496

    da2496 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 มกราคม 2011
    โพสต์:
    94
    ค่าพลัง:
    +106
    เราไม่รู้หรอกว่า คนที่ตายไปอยู่ตรงไหน ทางที่ดีทำบุญทุกครั้งอธิฐานให้ตัวเองและญาติพี่น้องทุกภพทุกชาติจะสบายใจกว่า จากประสบการณ์ตัวเองที่น้องชายโดนฆ่า
    ตาย ก็ทำบุญทุกครั้งจะอุทิศให้ทุกครั้ง และมีอันตรายอะไรกับคนในครอบครัวจะบอกกล่าวตรงหน้ารูปถ่ายเขา ให้ไปช่วยผ่อนหนักให้เป็นเบา [ตอนมีชีวิตอยู่เขาเป็นคนรักพี่น้องตามสไตล์ของเขา] ก็ได้นะคะ
     
  5. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ### อย่างแรก "ทำใจคะ" เพราะทุกอย่างอยู่ที่ใจ .. ถ้าจิตใจเราสงบปลงไม่สับสนมีสติเราจะสามารถควบคุมกายละเอียดเราได้พลังงานจะคงตัว .. จากนั้นก็ต้องสะสมบุญให้ตนเองมาก ๆ ในทุกวิถีทาง ทั้งทำเอง และ ขอจากผู้อื่น เพราะ "สัมภเวสี" คือ ผู้ที่ยังหาที่เกิดไม่ได้ .. ก็ลองทำตามที่ดิฉันแนะนำก็ได้นะคะ เพราะกว่าเราจะไปเกิดภพภูมิอื่นได้ต้องรอจนกว่าอายุขัยของเราจะหมดลง

    ## แต่ทางที่ดีดิฉันว่า มั่นทำความดีตั้งแต่วันนี้น่าจะดีกว่านะคะ "ความดี และ การสร้างบุญ ไม่จำเป็นต้องใช้เงินเสมอไปนะ เราใช้ใจคะ ความจริงใจ" เพราะเมื่อเราเสียนานไปญาติ ๆ เราเขาก็ลืมเราแล้วคะ ทำเองดีกว่าสะสมไว้วันละนิดวันละหน่อยเดี๋ยวมันก็มากเอง "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" นั้นคือสัจจะธรรมที่เราเลี่ยงไม่ได้คะ
     
  6. กฤชภรณ์

    กฤชภรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2012
    โพสต์:
    13
    ค่าพลัง:
    +106
    น่าสลดใจ นะ ทีประเด็นที่ใกล้ตัวเองมากๆ และ ในเวบนี้ก้มีทั้งกูรู้จริง และเทียม มากมาย แต่ มีน้อยคนมากๆ ที่จะเข้ามา ช่วยกันบอกสิ่งที่สร้างสรรค์ ขอบคุณทุกความเห็นเลยครับ แต่น่าเสียดายที่คำถามนี่ มีคนสนใจน้อยกว่า กระสือ หรือ ผีปอบ เข้าสิง หรือ ผมอาจจะตั้งความหวังกับ บุคคล และสถานที่มากเกินไป

    ที่ถามเพราะถ้าวันหนึ่งเรา ตายโหง จะทำอย่างไร น่ะครับ
     
  7. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ## คุณเจ้าของกระทู้คะ คนเรามันก็เป็นแบบนี้แหละคะ สิ่งที่คุณอยากรู้ดิฉันเองก็อยากรู้ เช่นกัน จึงได้หาข้อมูลทุกด้านมานานพอสมควร และ รู้ว่าควรทำยังไงอาจไม่ชัดเจนมากนักที่แนะนำ แต่มีสิ่งหนึ่งที่ชัดแน่ ๆ คือ "บุญใครทำคนนั้นได้ บาปใครทำคนนั้นรับ" ผู้ที่ไม่ประมาทในความตาย เตรียมตัวรับมือกับมันนั้นคือผู้ที่ฉลาดในการใช้ชีวิต เพราะคนที่ประมาทในการใช้ชีวิตมักพบแต่หนทางที่ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ คนเราไม่รู้ว่าจะตายตอนไหน หายใจเข้าออกทุกวันก้คือตายแล้ว .. ไม่ต้องหวังให้คนเข้ามาตอบเยอะ แต่... หาประโยชน์มิได้ บางทีอาจทำให้เราเสียกำลังใจก้มี คนเราไม่เห็นโลงสพไม่หลั่งน้ำตาหรอกคะ ขอให้คุณตั้งใจทำในสิ่งที่หวังไว้ให้สำเร็จแล้วกันนะคะ ..:cool::cool:
     
  8. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    ต้องเตรียมตัวก่อนตายครับ ด้วยการทำบุญในทุกรูปแบบเท่าที่จะทำได้ ทั้ง ทาน ศีล ภาวนาหรือสวดมนต์ ทำสมาธิ ชีวิตหลังความตายจะได้ไม่ลำบาก ในด้านของทานพยายามทำให้ได้อาหารอันเป็นทิพย์ ด้วยการทำบุญใส่บาตร ด้วยข้าวปลาอาหารน้ำดื่มต่างๆ ได้เครื่องแต่งกายเป็นทิพย์ด้วยการทำบุญด้วยผ้าไตรจีวร หรือสบง ผ้าอาบน้ำฝนตามกำลังทรัพย์ ทำบุญร่วมสร้างศาลา วิหาร โบสถ์ เพื่อให้มีวิมานอันเป็นทิพย์ ทำบุญร่วมสร้างพระพุทธรูปหรือถวายพระพุทธรูปหน้าตักห้านิ้วขึ้นไป ทำให้มีรัศมีกายสว่างไสว ทำบุญแล้วควรอุทิศผลบุญให้กับตัวเองก่อน แล้วอุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวร บิดามารดา ญาติมิตร ผู้มีอุปการะคุณ ที่ล่วงลับไปแล้ว เทวดาที่ปกปักรักษาตัวท่าน และควรอุทิศบุญให้พระยายมราชและให้ท่านเป็นพยานการทำบุญให้เราด้วย จากนั้นจะอุทิศเผื่อแผ่ไปให้ท่านอื่นๆอีกก็อุทิศเพิ่มไปตามที่เราต้องการ

    การป้องกันไม่ให้ตายโหงอันเนื่องมาจากอุปฆาตกรรม สามารถแก้ได้ด้วยการทำบุญช่วยชีวิตสัตว์ที่จะถูกนำไปฆ่าบ่อยๆ อย่างน้อยทุกๆเดือน จะปล่อยปลาที่เขาจะนำไปฆ่าเป็นอาหาร(บางแห่งเขาเอาปลามาขังเพื่อให้ซื้อปล่อย ผลบุญที่ได้ไม่ใช่การช่วยชีวิตสัตว์โดยตรงแต่ช่วยให้พ้นทุกทรมานจากการถูกกักขังเพราะเป็นปลาที่ไม่ได้นำไปฆ่าจริงๆ)หรือไถ่ชีวิตโคกระบือก็ได้ตามสะดวก และถ้าจะให้ดีก็ทำบุญสร้างพระพุทธรูปไปด้วยช่วยสะเดาะเคราะห์ และในระหว่างนี้ก็ควรถือศีลไม่ไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตด้วย ถ้าทำได้ตามนี้ผมมั่นใจว่าจะสามารถพ้นกรรมที่จะทำให้ตายโหงได้ครับ

    สำหรับการถือศีลให้ครบห้าข้อจะมีประโยชน์มากเป็นการป้องกันไม่ให้ไปสร้างบาปอกุศลให้เพิ่มมากขึ้นอีก ลดโอกาสในการไปสู่อบายภูมิหลังจากสิ้นชีวิตหรือหมดอายุขัย ในยุคปัจจุบันคนทำผิดศีลกันมาก ทำบุญกันน้อย ทำให้ส่วนใหญ่ตายไปแล้วตกลงสู่อบายภูมิกันเกือบหมด โอกาสที่จะไปเกิดเป็นมนุษย์หรือเทวดา พรหม มีน้อย

    ถ้าชอบสวดภาวนา พุทโธ หรือ สัมมาอรหัง ได้เป็นประจำ ถ้าตายไป ใจยังติดคำภาวนาว่าพุทโธ หรือ สัมมาอรหัง เขาห้ามลงนรก ดังนั้นจึงควรหมั่นสวดภาวนาไว้ให้ติดใจ ถึงวาระคับขันสิ่งนี้ช่วยท่านได้

    ถ้ามีพระผงจักรพรรดิหรือลูกแก้วจักรพรรดิของหลวงตาม้า หรือหลวงปู่ดู่ ให้คล้องติดตัวไว้ นอกจากจะช่วยป้องกันภัยอันตรายแล้วยังช่วยแผ่บุญปรับภพภูมิ ส่งวิญญาณโดยรอบให้ไปสู่สุคติได้ ถ้าเกิดเราตายไป ก็สามารถอาศัยแหล่งบุญนี้ไปสู่สุคติได้ด้วยเช่นกัน

    รู้จักอนุโมทนาบุญกับคนอื่นๆที่ทำบุญสร้างกุศลด้วยจิตที่ยินดีปลื้มใจในบุญที่เขาทำอย่างจริงใจ จะมีประโยชน์ที่นอกจากจะได้บุญเพิ่มแล้ว แม้ตายไปก็ยังฉลาดในการอนุโมทนาบุญด้วย ทำให้ไม่ลำบาก

    รู้จักคบคนดีที่ชอบทำบุญสร้างกุศลเป็นประจำ ยิ่งเป็นคนที่ชอบสวดมนต์ ทำสมาธิภาวนาด้วย ยิ่งดีมาก ถ้ามีเพื่อนดีๆแบบนี้เยอะๆยิ่งดี ข้อนี้เป็นตัวช่วยสำคัญอีกข้อหนึ่ง เวลาตายไปแล้วอาจขอให้เขาช่วยทำบุญให้เราได้ครับ ข้อนี้มาจากประสบการณ์ตรงของภรรยาผมเอง เธอมีเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงที่ต่างจังหวัด แต่เพื่อนเธอผู้นี้ดื่มเหล้าเก่งตัวยง แล้วก็ตายเพราะโรคพิษสุราเรื้อรังนี่แหละ ตายแล้วก็มาเข้าฝันแต่ไม่สามารถมาบอกไว้ว่าต้องการบุญอะไร แค่เป็นภาพว่านอนตายไม่กระดุกกระดิกมาให้เห็น เคราะห์ดีที่ภรรยาผมชอบทำบุญทำทาน ถือศีล แล้วยังทำสมาธิภาวนาเป็นประจำด้วย และด้วยอำนาจแห่งผลบุญที่สั่งสมมาดี การอุทิศผลบุญเจาะจงไปให้ส่งผลให้เป็นเกิดเป็นคนธรรพ์ในชั้นจาตุมหาราชได้(ทราบเพราะได้บุญแล้วมาเล่นดนตรีให้ภรรยาผมฟังในฝัน) เพราะได้อานิสงค์บุญจากสมาธิด้วย กำลังบุญจึงสูงมากจนส่งให้พ้นจากสัมภเวสีไปเป็นเทวดาได้ หากไม่ได้ช่วยไว้ก็มีสิทธิ์ไปนรกสูงมากทีเดียว

    สุดท้ายนี้ควรหมั่นระลึกถึงความตายไว้ให้บ่อยๆจะได้ไม่ประมาท และใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยการละเว้นการทำชั่ว สร้างสมความดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์สะอาดผ่องใสเสมอๆ เพียงเท่านี้ ไม่ว่าจะตายลงเมื่อใด ก็ไม่ต้องห่วงกังวลสิ่งใดอีก เพราะมีสุคติภูมิเป็นที่ไปอย่างแน่นอนครับ ขอเพียงแต่อย่าไปทำกรรมหนักที่เป็นอนันตริยกรรมเข้าก็แล้วกัน
     
  9. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,430
    ค่าพลัง:
    +35,010
    เขียนเป็นบทความบอกญาติๆไว้เลยครับ.ว่าให้ทำบุญด้วยพระพูทธรูป หรือบอกให้ไปหาผู้ที่อุทิศกุศลได้
    แบบเฉพาะเจาะจงให้เราคนเดียว..เพื่อจะได้ไม่ลำบาก.และตัวคุณเอง ถ้าเกิดว่าตายโหง ก็ต้องวางใจให้เป็น
    กลางด้วยครับก่อนที่จะ โมทนาบุญที่เค้าจะทำให้.ต้องวางเรื่องทางโลกให้หมดทุกๆเรื่อง และที่สำคัญที่คุณต้องทำใจคือ บุญที่ได้จะยังไม่ได้รับเต็มที่เพราะตัววิบากกรรมที่มาขวางไว้จะกั้นบุญตัวนี้ไว้ แต่คุณจะค่อยๆสะสมไปเรื่อยๆและจะไม่ลำบาก.จนกว่าอายุไขบนโลกคุณจะหมดลง จะถึงเวลาที่คุณจะไปยังภพภูมิิอื่นๆ

    บุญที่ญาติทำให้ในส่วนที่เหลือจะกลับมารวมกันให้คุณได้ แต่สำคัญว่าอารมย์ตอนนั้นเป็นกลางจริงๆหรือไม่ และที่สำคัญใครจะคอยทำบุญให้คุณอยู่สม่ำเสมอจนแรงบุญ เล็กๆน้อยๆนั่นสามารถไปเบียดตัววิบากกรรมที่ทำให้คุณตายโหงได้..และคุณจะวางใจเป็นกลางตัดเรื่องทางโลกได้จริงๆหรือเปล่า เพราะถ้าจุดนี้พลาดนิดเดียวไปจุติไม่ดีแน่..ส่วนถ้าอยากคุยกับญาติ บอกเค้าด้วยว่าบุญที่ทำให้ขอให้เป็นส่วนส่งกำลังให้คุณติดต่อกับเค้าได้ด้วยนะครับ..ไม่งั้นคุณไปหาเค้าในฝันได้ แต่คุณจะไม่มีกำลังในการที่จะสื่อสาร.ยกเว้นบางคนที่เค้าส่งบุญให้คุณและติดต่อกับคุณเองในโหมดที่จิตเป็นทิพย์
    เอาว่าเล่าให้ฟังขำๆแล้วกันนะครับ​
     
  10. photocycling

    photocycling เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    491
    ค่าพลัง:
    +1,286
    เข้ามาดูค่ะ ไว้เตรียมตัวก็ดีนะคะ
    แต่คิดว่าถึงเวลานั้นคงทราบแน่ๆว่าจะทำอะไร
     
  11. ABT

    ABT เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    232
    ค่าพลัง:
    +1,524
    อันนี้ความคิดผมนะ ไม่มีเอกสารอ้างอิง หรือคำสอนท่านใด
    1. ขณะมีชีวิตอยู่ ต้องฝึกสติฝึกจิตให้กล้าแข็ง ถึงจะทราบได้ว่า เรา อยู่หรือตาย เราทำอะไรอยู่
    2.ซ้อมตาย (ไม่ใช่วิ่งไปให้รถชนตาย หรือทำอย่างใดอย่างหนึ่งให้ตัวตายจริง) คิดหรือน้อมจิตคิดเสมอว่า เราต้องตาย อย่างน้อยก่อนนอน หรือก่อนตื่นนอน
    3.ก่อนนอนกำหนดสติ ดูว่าเราจะหลับตอนไหน (เหมือนตอนที่เรานั่งสมาธิแล้วจะหลับจะรู้สึกวูบ........ แล้วสติก็หายไป )ต้องฝึกให้ได้ว่ามันวูบ ... ไปถึงไหน อยู่อย่างไร (ตัวผมเองก็เคยจับได้ครั้งหนึ่ง มันไม่ได้ไปไหนไกลหรอก อยู่กับตัวเรานี่แหละแต่ก็ทรงได้ไม่นานรู้สึกตัวอีกทีก็สว่างแล้ว)
    4.ส่วนตอนเป็นสัมเวสีแล้วจะกลับมาโพสต็ให้ทราบนะว่าเป็นอย่างไร ตอนนี้ก็ฝึสติไปก่อน(ขำ ขำ)
     
  12. เฮียปอ ตำมะลัง

    เฮียปอ ตำมะลัง ทุกสิ่งจบสิ้นลงด้วยความตาย วุ่นวายทำไม ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    24,969
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +91,130
    9. สัมภเวสี
    จาก หนังสือ เรื่องจริงอิงนิทาน เล่ม 1


    ท่านผู้ฟังทั้งหลาย วันนี้ตรงกับวันที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2516 การคุยกันนี้คุยกันทุกวันไม่ได้ เพราะว่าภาระมันมีอยู่ เลยหาวันว่างๆ ที่มันไม่มีภาระมาคุยกันวันละ 1 ชั่วโมง สำหรับวันนี้ก็เอาเรื่องผีมาคุยกันสัก 2 เรื่อง เพราะว่าเรื่องผีน่ะความจริงมีอยู่มาก แต่ว่าถ้าจะคุยกันมากเกินไปก็เกรงว่าจะเบื่อ จะหาว่าเป็นคนบ้าผีเกินไป ความจริงก็ไม่ใช่บ้าใช่บอเรื่องผีหรอก แต่ทว่าไปพบผีเข้าจริงๆ เรื่องที่เล่าให้ฟังก็ส่วนมากเป็นเรื่องที่พบมาเอง วันนี้จะเล่าเรื่องผีสัมภเวสี

    คำว่าผีสัมภเวสีนี่ ที่ชาวบ้านเรียกกันว่าผีตายโหง สำหรับผีตายโหงนี่จะถือว่าเป็นผีสัมภเวสีเสมอไปก็ไม่ได้ บางรายเมื่อถึงวาระจะต้องตายแบบนั้น ตามกฎของกรรม เมื่อเวลาตายแล้วเขาก็ไปสู่อำนาจตามกฎของกรรม กล่าวคือไปรับสุขและทุกข์ อันนี้ไม่เรียกว่าสัมภเวสี เรียกว่าไปเกิดเลย เกิดในนรก เกิดเป็นเปรต เกิดเป็นอสุรกาย เกิดเป็นสัตว์เดียรัจฉาน เกิดเป็นคน เกิดเป็นเทวดา เกิดเป็นคนหรือไปนิพพาน อาการตายไปนิพพานนี่ตายแบบตายโหงก็ถมไป เช่นในสมัยพระพุทธเจ้ามีชีวิตอยู่ คนฟังเทศน์จบได้สำเร็จอรหัตผล แต่ทว่าไม่เคยบำเพ็ญทาน เช่นผ้าผ่อนท่อนสไบไว้ในพุทธศาสนา พระพุทธเจ้าจะทรงตรัสเรียกว่า เอหิภิกขุ แปลว่า เจ้าจงเป็นภิกษุมาเถิด ผ้าไตรจีวรที่สำเร็จด้วยฤทธิ์ก็ไม่มี เพราะว่าเขาไม่ได้ทำไว้ก่อน สมัยนั้นร้านขายผ้า ขายจีวรไม่มีเหมือนสมัยนี้ เพราะว่าพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นมาใหม่ๆ ไปไหนก็เป็นคนใหม่เสียหมดร้านเจ๊กร้านจีนไม่ค่อยมี นักบวชก็ยังไม่ค่อยมากนัก นักบวชก็ไม่ดื่นดาษเหมือนในประเทศไทยในสมัยนี้ ฉะนั้นร้านค้าผ้าสำหรับพระจึงไม่มี พระลำบากในการหาผ้าใช้ ต้องไปเก็บผ้าที่เขาทิ้งมาปุๆ ปะๆ ประกอบกันเข้าจากผืนเล็กมาเป็นผืนใหญ่ แล้วก็นำมาห่มมานุ่ง นี่เป็นระเบียบของพระ เมื่อการหาผ้าได้ยาก แล้วเขาไม่เคยได้ทำบุญเรื่องผ้าผ่อนท่อนสไบไว้ก่อน พระพุทธเจ้าก็ไม่กล้าเรียก ใช้คำว่าเอหิภิกขุ เพราะว่าถ้าธรรมดาพระองค์ทรงตรัสว่าเอหิภิกขุ แปลว่าภิกษุจงมาเถิด ผ้าที่สำเร็จด้วยฤทธิ์จะลอยมาในอากาศสวมตัวเขาพอดี ทั้งนี้ก็เพราะว่าเขาต้องเคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนาในชาติก่อนๆ แต่ว่า คนก็มีหลายสิบท่านด้วยกันที่ปรากฏว่าฟังเทศน์แล้วเป็นพระอรหันต์ พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาแล้วว่าเขาไม่เคยถวายผ้าไตรจีวรไว้ในพระพุทธศาสนา รู้ ท่านรู้นะ สัพพัญญู คำว่าสัพพัญญู แปลว่า รู้ทั้งหมด พระพุทธเจ้าที่ไม่รู้อะไรไม่มี ก็ทรงตรัสว่าเมื่อเจ้าปรารถนาจะบวช จงไปหาไตรจีวรมา ถ้าได้ผ้าไตรจีวรมาแล้วเราจะบวชให้ ผู้นี้ปรากฏว่าในขณะที่ไปหาผ้าไตรจีวรในคณะที่กำลังเป็นฆราวาส คือร่างกายเป็นฆราวาสแต่ใจเป็นพระเต็มเปี่ยม เพราะเป็นอรหันต์ร่างกายที่มีความเลวอยู่มาก ไม่สามารถจะทรงความเป็นพระอรหันต์ไว้ได้ก็เลยต้องตาย ทีนี้ถ้าจะป่วยตายมันก็ป่วยไม่ทัน แล้วก็ตายไม่ทัน ในที่สุดก็ตายเพราะอุบัติเหตุ วัวขวิดตายบ้าง มีการกระทบกระทั่งอะไรตายเสียบ้างอย่างนี้เป็นต้น เรียกว่าการทรงความเป็นพระอรหันต์สำหรับฆราวาสไม่มี คนที่เป็นพระอรหันต์แล้ว ถ้ายังไม่ได้บวช อย่างช้าวันรุ่งขึ้นก็ตาย ไม่ใช่ 7 วัน

    ตานี้ สำหรับผู้ที่ตายไปแล้วด้วยการถูกฆ่าเราเรียกกันว่าสัมภเวสี เฉพาะบางท่านนะ บางท่านก็ไม่ใช่สัมภเวสี อย่างพระอรหันต์ก็กล่าวมาแล้วว่าถูกวัวขวิดตาย หรือตายด้วยอุบัติเหตุ เวลาตายแล้วท่านไปนิพพานเลย อย่างนี้ไม่เรียกกันว่าสัมภเวสี สำหรับพวกที่เรียกกันว่าสัมภเวสีก็มีอยู่ว่า เวลาตายแล้ว ด้วยกรณีใดๆ ก็ตาม ยังไม่ครบอายุขัยที่ยังไปยังเข้าไม่ได้ จะไปนรกก็เข้านรกไม่ได้ จะไปเป็นเปรต อสุรกาย สัตว์เดียรัจฉาน หรือเป็นมนุษย์ เป็นเทวดา เป็นพรหม อย่างนี้ ไปไม่ได้ เพราะยังไม่ถึงเวลาจะไป ก็เลยต้องท่องเที่ยวไป เดินไปเดินมา เดินมาเดินไป ไปหิวโซเซๆ พวกนี้พวกหมอผีชอบเรียกเอาไปเลี้ยง เพราะว่าแกลำบาก เมื่อมีใครเขานำไปเลี้ยง แกก็ต้องไปเหมือนกะเขานั่นแหละ เข้าบ้านโน้นก็ไม่ได้ เข้าบ้านนี้ก็ไม่ได้ อาหารที่จะกินก็ไม่มี ถ้ามีใครพามาชวนเข้าก็ไป ยังไงๆ ก็คิดว่าทำงานให้เขาเพียงแค่กินอิ่มก็พอ นี่มีสภาพเหมือนกันนะ ผีกับคน ผีก็เหมือนคนเพราะไอ้ผีนั่นคือจิตใจของคนที่มันเคลื่อนออกจากร่าง สภาพความรู้สึกมันก็เหมือนกัน ไม่แตกต่างกับของเดิม วันนี้จะมาเล่ากันถึงเรื่องสัมภเวสี คือว่า คนตายยังไม่ครบอายุที่จะตาย

    ผีตนนี้มีนามว่าเจ้าเสนอ นายเสนอนะ นามสกุลว่าอะไรจำไม่ได้ เป็นคนจังหวัดสุพรรณบุรี นายเสนอคนนี้ ตามปกติเป็นคนดีมาก เรียกว่าคนทั้งตำบล หรือหลายๆ ตำบลใกล้เคียงชอบใจนายเสนอ รักใคร่นายเสนอ เพราะเป็นคนดี ไม่เกกมะเหรกเกเร ไม่ใช่เป็นคนอันธพาล ดีในด้านสงเคราะห์ช่วยเหลือ จัดว่าเป็นสังคหะวัตถุ นิยมในการสงเคราะห์ ใครเขาจะมีการมีงานที่ไหน พ่อเสนอก็ไปที่นั่น เจ้าของงานก็ดีใจ เพราะแกทำงานทุกอย่าง ทุกอย่างถ้าไม่เกินความสามารถ แล้วพูดจาก็ดี เป็นที่รักของคนทั่วไป แต่ทีนี้เรื่องที่เจ้าเสนอจะถูกฆ่าตาย ถูกตำรวจยิงตาย เรื่องก็มีว่า วันหนึ่งวัดสารี อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี เขามีงานกัน ดูเหมือนว่าจะมีงานประจำปี ทีนี้ในงานนั้น พวกนักเลงการพนันไปเล่นการพนันในวัด ไอ้นี่ดูเหมือนว่าจะเป็นประเพณีเสียๆ มามาก บางวัดเป็นวัดของเจ้าคณะจังหวัดเองในเมือง เคยเห็นเวลาเขามีงานศพกันก็ต้องไปตั้งวงการพนันกันบนศาลา เอาศาลาเป็นบ่อนการพนัน อย่างนี้ก็รู้สึกว่าแย่มาก จะไปโทษพระท่านเลยทีเดียวก็ยาก เพราะคนที่ไปเล่นบางทีก็เป็นคนมีศักดิ์ศรีใหญ่ พระเกรงใจไม่กล้าจะไปพูด ถ้าไปพูดกันเข้าพวกศักดิ์ศรีใหญ่พวกนี้ ความจริงไม่ใช่ศรีดี เป็นสีดำ ไม่ใช่สีขาว พวกสีดำนี้เข้าที่ไหนแย่ที่นั่น แต่ความจริงบ่าเหลือง แน่ะ บ่าเหลืองแต่สีของใจดำ ไม่ได้รู้หรอกว่าอะไรเป็นอะไร อะไรควรอะไรไม่ควร ยกตัวว่าเป็นผู้เลิศเป็นผู้ประเสริฐ ฉันมียศชั้นนั้น ฉันมียศชั้นนี้ ฉันมีศักดิ์ศรีชั้นนั้น ยังงี้ แต่ว่าจิตใจทรามมาก น่าเสียดายยศ น่าเสียดายตำแหน่ง ที่พระมหากษัตริย์ทรงมอบหมายให้ นี่พวกนี้ละเป็นพวกสำคัญนัก ทีวัดที่ไหนละก็ตั้งบ่อนที่นั่น ถ้าไปว่าเข้าละก็บอกพวกคนนั้น คนนี้เขาเป็นหัวหน้า แต่ว่าอาตมาเองไม่เคยนะ สำหรับที่อาตมาอยู่เองไม่เคย เพราะว่าก็ไม่เคยให้อภัยใครเหมือนกัน ไม่ได้ด่าเขาหรอก ถ้าใครเขาเล่นกันจริงๆ ก็เอาภาพ เอากล้องไปถ่ายภาพไว้ เขาถามว่าถ่ายทำไม ตอบว่าถ่ายเพื่อเก็บหน้าคนดีไว้ดู แล้วบางทีก็ เมื่ออัดฟิล์มเสร็จ ทำรูปเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ส่งไปให้ผู้บังคับบัญชาเขาพร้อมทั้งคำชมเชยเขียนจดหมายติดไปด้วย ชมเชยความดีของลูกน้องที่มาคุมงาน อย่างนี้เมื่อผู้บังคับบัญชาเห็นว่าลูกน้องทำดีมากก็มีหลายรายเหมือนกันให้รางวัลเป็นพิเศษ เรียกว่าปล่อยไปอยู่บ้านก็กินลำบาก นอนลำบาก เลยเข้ากรงไป อย่างนี้ไม่ได้แกล้ง แต่ว่าทำไม่ถูก ก็เลยทำตามระเบียบให้เขารู้ระเบียบเข้าไว้ ว่าการปฏิบัติแบบนั้นมันมีความดีมาก ไม่เปลืองเงินเปลืองทองมาก ไม่ต้องอยู่เวรอยู่ยาม

    ตานี้ สำหรับเจ้าเสนอก็เหมือนกัน เมื่อชาวบ้านเขาไปตั้งบ่อนการพนันกันคราวนี้ในบ่อนการพนันก็มีเรื่อง เจ้าเสนอก็วิ่งเข้าไป วิ่งเข้าไปแล้วก็ยกมือไหว้คนนั้นที ยกมือไหว้คนนี้ที เรียกว่าพี่ป้าน้าอาว่าขอโทษเถอะมันเป็นงานวัด อย่าให้มีเรื่องเอะอะโวยวายเลย ท่านจะเล่นก็เล่นกันไป ถ้าหากไม่พอใจจะเล่นจะเลิกก็ตามใจ ไม่ได้ว่าอะไร ก็พูดดีๆ พอเข้าไปแล้วก็ปรากฏว่าคนคุมบ่อนเป็นตำรวจ เอาพานท้ายปืนตีหน้า ลงมานอนอยู่ เขาโกรธนะ บ่อนของเขา เขาคุมบ่อนของเขาอยู่นี่ ไปตักเตือนคนในบ่อนของเขา เขาก็เอาพานท้ายปืนยาวกระแทกหน้าเข้าให้ เจ้าเสนอนอนหงายผลึ่ง เกือบจะชัก พอดีลุกขึ้นมาได้ ไอ้คนเรานี่เป็นคนธรรมดาก็มีโทสะ ก็เลยชักมีดจะแทงตำรวจเข้าให้ ตำรวจก็ยิงอีกนัดหนึ่ง เลยต่างคนต่างตาย เมื่อต่างคนต่างตายแล้ว ปรากฏว่าศพเจ้าเสนอถูกประคับประคองอย่างดี ชาวบ้านทั้งตำบลและตำบลใกล้เคียงต่างคนต่างจัดงานศพอย่างหรูหรา แต่ศพตำรวจไม่มีใครสนใจ ปล่อยทิ้งไว้ตรงนั้นจนเน่าหึ นานหลายวันกว่าทางการจะมาเชิญเอาไป เพราะชาวบ้านไม่มีใครแยแส ปล่อยให้เหี้ยบ้างตะกวดบ้างสุนัขบ้าง ทึ้งกันตามอัธยาศัย เครื่องแบบก็ไม่มีใครถอดให้ นี่เป็นการประกาศผลความดี ชาวบ้านบูชาความดีเกรงความดีจะเสื่อม แม้แต่เครื่องแบบก็ไม่มีใครแตะต้อง

    ตานี้ มาว่าถึงเรื่องเจ้าเสนอต่อไป เมื่อมันตายแล้วคนรู้จักมาก มันก็เคยทำความดีกับคนไว้มาก ทีนี้มันก็แสดงตัวในฐานะที่เป็นสัมภเวสี นี่ก็แสดงตัวให้ปรากฏบ่อยๆ มีคนหลายคนรายงานให้ทราบ ว่าผีเจ้าเสนอนี่มันดุจริงๆ เขาไม่เรียกเสนอหรอก เขาเรียกเหนอเฉยๆ ว่าผีเจ้าเหนอมันดุจริงๆ ลูกหลานไปทำการทำงานหลังบ้านเจ้าเหนอมันหลอกอยู่เสมอ แต่ว่าอาตมาได้ฟังก็ไม่สนใจเพราะเป็นเรื่องธรรมดาของผี วันหนึ่งมีโอกาสเข้าไปในจังหวัดสุพรรณบุรี ไปที่ตำบลสารี ก็ไปคุยกับเจ้าของบ้านคนหนึ่ง แล้วเด็กสาวๆ อายุ 15 - 16 คนหนึ่ง อยู่บ้านติดกัน ดูเหมือนว่าจะออกไปเก็บผักมาทำอาหารหลังบ้าน ประเดี๋ยวเดียวก็วิ่งเข้าบ้าน ปรากฏว่ามานอนร้องครวญครางอยู่ ร้องครางแล้วใครเขาถามว่าเป็นอะไรมันก็ไม่ตอบ ร้องดังมาก เอามือกุมที่หน้าอก อีตรงที่กุมที่หน้าอกนะ เป็นตรงกับที่เจ้าเสนอถูกยิงพอดี มันถูกยิงตรงนั้น ตามธรรมดาผีที่ตายที่จะมาเข้าใคร ถ้าเป็นโรคอะไร เขาจะแสดงอย่างนั้น หมายความว่าเวลาเขาตาย ทุกขเวทนามันครอบงำมากอย่างไหนเขาจะแสดงให้ปรากฏ ท้องตาย เวลามาเข้าใครก็แสดงอาการปวดท้อง คนขาหักตายเวลามาเข้าคนก็แสดงอาการขาหัก แต่ความจริงสมัยเป็นผีขาไม่หัก ไม่ต้องตั้งโรงพยาบาลผี ไม่ต้องรักษาผี เวลานี้ดูเหมือนว่าโรงพยาบาลผีมีมาก พากันรักษาผี นี่เป็นของแปลก เห็นจะเป็นพวกที่ไม่เคยเห็นผีจริงๆ ท่าจะเดาเอา เห็นว่าผีเวลามาเข้าคน ผีขาเป๋เวลาตายก็มาทำขาเป๋ ก่อนจะตายแขนคอก มาเดินทำท่าแขนคอก ก็เลยนึกว่าผีเป็นอย่างนั้น นี่เป็นเรื่องของการรู้เท่าไม่ถึงการณ์ รู้เสียจริงๆ แล้วมันก็หมดเรื่อง

    ทีนี้เจ้าเด็กคนนั้นมันร้องครวญคราง มีท่านผู้ใหญ่ท่านก็สงสัย ท่านก็ร้องนิมนต์บอกท่านมหา นิมนต์มานี่หน่อยซิ อีหนูมันเป็นอะไร ถามมันก็ไม่พูด มันร้องใหญ่ ร้องท่าเดียว ก็เลยเดินไป ไปนั่งอยู่ข้างๆ เด็กสาวคนนั้น ถามว่าอีหนูเป็นอะไรมันก็ไม่ตอบ มองหน้าเฉยๆ แล้วก็ร้อง ก็เลยนึกสงสัยกลับใจเสียนิดหนึ่ง เอาหน้าใจไว้ข้างหลัง เอาข้างหลังไว้ข้างหน้า นี่พูดตามภาษาชาวบ้านนะ ถ้าพูดภาษาพระก็ว่าปลดอารมณ์นิวรณ์ทิ้งลงไป ไอ้ข้างหน้าของใจส่วนมากมันเป็นนิวรณ์ นิวรณ์มันปะหน้าใจ ก็เลยปลดนิวรณ์ไปไว้เสียข้างหน้า นิวรณ์นี่ทิ้งมันเลยไม่ได้หรอกต้องเก็บไว้เป็นเพื่อน แต่ว่าเวลาเราจะใช้ใจโดยเฉพาะที่ไม่เกี่ยวข้องกับนิวรณ์ เราก็เอามันไปไว้เสียข้างหลัง พอเอานิวรณ์ไปไว้ข้างหลัง เอาหลังเป็นหน้าเอาหน้าเป็นหลังกันแล้วก็เห็น เห็นเจ้าเสนอ เห็นเจ้าเสนอมันนั่งข้างๆ เด็กคนนั้น แล้วเอานิ้วจี้ที่เด็กบอกว่าปวด ก็เลยพูดดังๆ ว่า เหนอไปทำอะไรหลานล่ะน้อง ไปมีเรื่องอะไรไปคุยกับพี่ที่บ้านโน้น อย่ามายุ่งกับเด็กมันเลย ไปด้วยกัน ไปเดี๋ยวนี้นะ ปล่อยมือจากหลาน เขาก็ปล่อย ไอ้เด็กคนนั้นก็หายปวด แล้วบอกไปบ้านโน้นไปคุยกัน ชาวบ้านเขาก็มองหน้าเลิ่กลั่กๆ แล้วอาตมาก็เดินลงจากบ้านหลังนั้นมาขึ้นหลังที่พัก เพราะเป็นหลังใหญ่ นั่งสบาย พวกนั้นเขาบอกว่าตั้งแต่ตอนนั้นเด็กคนนั้นก็หายปวดแล้วลุกขึ้นทำการทำงานเป็นปกติ เขาถามว่าเป็นอะไร มันก็บอกว่าไม่รู้มันเจ็บ เจ็บทะลุหลัง เพราะเจ้าเสนอมันถูกยิงทะลุหลัง ก็เลยถามมันว่า เอ็งไปทรมานหลานทำไม มันก็เลยบอกว่า ไม่ได้ทรมานหรอกครับหลวงพี่ ผมแสดงแบบนี้ที่ใครเขาลือกัน มีคนไปฟ้องหลวงพี่หลายคนแล้วผมก็รู้ เขาหาว่าผมนี่นะดุร้ายมาก เที่ยวได้หลอกคนนั้นหลอกคนนี้ ความจริงผมไม่ได้ตั้งใจจะหลอกคน คนทุกคนที่ผมแสดงให้ปรากฏ มันเป็นคนที่ชอบกันอยู่ก่อนทั้งนั้น รักกันมาก เคยช่วยการช่วยงานเขา เขาเคยปวารณา ตัวพ่อเสนอมีอะไรให้ช่วยเหลือละก็บอกเถอะเขาจะทำเต็มที่ แต่ทว่าเวลานี้ผมต้องการความช่วยเหลือขอรับ ถามว่าทำไมล่ะ เออ เอ็งตายแล้วเอ็งไปไหน เอ็งไปนรกหรือไปสวรรค์ มันก็บอกว่าไม่ได้ไปนรกไม่ได้ไปสวรรค์หรอกขอรับหลวงพี่ เวลาเหลืออีก 43 ปี จึงจะไปได้ นับปีมนุษย์ระยะเวลา 43 ปีนี้ผมลำบากมาก เดินไปเดินมา เดินมาเดินไป ผลบุญใดๆ ที่ทำไว้ก็ยังไม่ปรากฏ ยังกินไม่ได้ ยังไม่ถึงเวลาจะได้รับ ไอ้ผลบาปที่ทำไว้กังไม่ให้ผล เวลานี้ผมต้องเป็นผีเดินไปเดินมาเข้าทุกบ้านเพื่อหวังจะให้เขาสงเคราะห์ช่วยเหลือ เขาก็หาว่าผมไปหลอกเขา เขาก็หลอกเอาบ้าง สาบแช่งเอาบ้าง แหมความรู้สึกของคนนี่ไม่เหมือนกัน เวลาที่ผมยังไม่ตายก็รักแรงแข็งขอบผมดีทุกบ้าน ทุกคนปวารณาตัว ผมทำงานให้ทุกอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย แต่ว่าเวลาผมตายเข้าแล้วจริงๆ นี่ ไม่มีใครสนจะกับผมเลย ก็เลยถามว่า ก็เอ็งเป็นผีนี่ เขาก็กลัว นี่เอ็งไปแสดงตัวให้ปรากฏน่ะเอ็งทำยังไงบ้าง ตอบว่าส่วนใหญ่ไม่ได้หลอกขอรับ ผีไม่มีเวลาจะหลอกคน เขามีความลำบากอยู่แล้ว ผมมาแสดงตัวให้ปรากฏเป็นเงาบ้าง เป็นเสียงบ้าง บางคนก็เห็นชัดหน่อย บางคนก็เห็นไม่ชัด ผมก็ประกาศตัวผมว่าผมนี่น่ะ คือนายเสนอบอกได้เท่านั้น ทุกคนพอฟังแล้วก็วิ่ง ถ้าอยู่ในบ้านก็นอนคลุมโปงกัน แล้วบางบ้านก็บอกว่าขอให้ไปที่ชอบๆ เถอะ บางบ้านก็แช่งชักหักกระดูกเลย นี่ผมก็เสียใจครับหลวงพี่ ไม่มีใครจะช่วยผมจริงๆ เมื่อฟังแล้วก็เห็นใจ เพราะทราบแล้วจากพระพุทธเจ้าว่าผีไม่มีไร่ไม่มีนา ไม่มีการค้าขาย ไม่มีอาชีพใดๆ ถ้าบุญเก่าไม่ส่งผล ก็ต้องอาศัยบุญใหม่ที่คนอยู่ส่งไปให้ แล้วก็ต้องส่งเป็น ถ้าส่งไม่เป็นส่งเท่าไหร่ก็ไม่มีผล ก็เลยถามต่อไปว่า เออ ไอ้น้องชาย เอ็งต้องการอะไรล่ะ มันก็รายงานว่าเวลานี้ผมลำบากขอรับหลวงพี่ หนาวก็หนาว หิวก็หิว กำลังก็ไม่มี สิ่งที่ผมต้องการนั่นก็คือ 1. ต้องการพระพุทธรูปสักองค์หนึ่งใหญ่สัก 5 นิ้วก็พอ หน้าตัก 5 นิ้วนะ ผ้าไตรจีวร ไตรหนึ่ง แล้วก็อาหารอีกชุดหนึ่ง อะไรก็ได้ไม่จำกัด ถามว่าจะให้ทำยังไง เขาบอกว่านิมนต์พระมาแล้วถวายสังฆทาน ก็เลยถามว่า เออ ถ้าทำได้อย่างนี้ล่ะ ผลจะพึงมีแก่เอ็งยังไง ไหนลองเล่าให้ฟังซิ เขาบอกว่าสำหรับพระพุทธรูป ถ้าผมโมทนาแล้วกำลังจะดีมาก ถ้าเป็นเทวดาก็มีศักดิ์ศรีใหญ่ มีรัศมีใหญ่ สำหรับสบงจีวรนี้ ถ้าโมทนาแล้วจะมีเครื่องประดับเป็นทิพย์ สำหรับอาหารข้าวและน้ำนี้ เมื่อโมทนาแล้วจะมีกำลัง ร่างกายจะมีแรงมาก และมีความเบายิ่งขึ้น

    ถามว่าเวลาให้เขาทำบุญน่ะจะให้ทำแบบไหน ไหนลองบอกให้ฟังซิ ฉันน่ะตั้งใจจะช่วยอยู่แล้ว เขาก็บอกว่านิมนต์พระมาถวายสังฆทาน พระรับสังฆทานเสร็จ เวลาอุทิศส่วนกุศลขอให้คนที่ทำบุญนี่ ส่งผลเฉพาะให้แก่ผมคนเดียว อย่าเผื่อแผ่แก่คนอื่น เพราะพวกสัมภเวสีนี่มีความลำบากอยู่มาก มีกรรมยังหนักอยู่ คือเป็นกรรมในระหว่างที่ต้องถูกทรมาน ถ้าเฉลี่ยให้คนอื่นละก็พวกสัมภเวสีไม่ได้รับ ถ้าหากไม่เฉลี่ยให้แก่คนอื่นแล้ว พวกสัมภเวสีจะได้รับสมบูรณ์บริบูรณ์ โดยการกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศล นี่ต้องว่ากันเฉพาะภาษาไทยตรงๆ ให้เฉพาะตรงๆ ก็เลยบอกว่าตกลง ตกลง วันพรุ่งนี้ค่อยมารับนะ เขาก็เลยบอกว่าขอรับ แล้วหลวงพี่จะบอกใครเขาทันล่ะ ข้าไม่บอกใครหรอก จะบอกเหมือนกันแต่เขาจะทำบุญกะข้าหรือไม่ทำก็ตามแต่ แต่ว่าบุญนี่ข้าจะทำเอง ข้าไม่ต้องการไปยุ่งกับคนอื่นหรอก แต่จบอกเขาเหมือนกัน เขาจะให้หรือไม่ให้ก็ช่างเชา

    นี่ ประเดี๋ยวเอ็งกลับไปเข้าเด็กคนนั้นอีกนะ แต่ทว่าอย่าไปทำให้เขาเจ็บร้องครวญครางนะ ชาวบ้านเขาสงสารเด็กเขาจะด่าเอา ไปเข้าเฉยๆ นา แล้วก็แสดงตัวให้ปรากฏว่าเป็นเอ็ง ก็เลยถามว่าอีเด็กสาวๆ นั่นมันร้องลิเกเป็นไหม มันตอบว่าไมเป็นขอรับ เออ ถ้ายังงั้นดีแล้วเอ็งเป็นลิเกอยู่ก่อน เป็นลิเกตัวดี ตัวมีชื่อเสียงมาก ไปเข้ามันก็แสดงท่าเป็นเอ็งนะ แล้วก็ร้องลิเก แล้วก็บอกบทไปด้วย ทำตัวร้องไปด้วยว่าเอ็งชื่อเจ้าเสนอ จะว่ายังไงก็ว่าไป ทำให้ชาวบ้านเห็นเป็นสนุกมันจะได้ดี มันก็รับคำ มันถามว่าเมื่อไร บอกเดี๋ยวนี้แหละ ไป ไปเดี๋ยวนี้แหละ แล้วจะได้พูดกันให้มันรู้เรื่อง ชาวบ้านเขาจะได้รู้ มันก็ไป ไปก็แสดงตามนั้น ต่อมาเมื่อชาวบ้านรู้ว่าเจ้าเสนอมาเข้า แล้วมันก็ร้องลิเก ในทำนองร้องก็บอกไปทุกอย่างว่าตายเพราะอะไร เวลานี้มีความทุกข์เป็นประการใด เวลาไปหาใครบ้าง ใครเขาแช่งด่าบ้างก็บอกชื่อหมด ร้องเป็นทำนองเพราะเสียด้วย ชาวบ้านฟังแล้วก็ชอบใจ เป็นอันว่ารู้เรื่อง ในที่สุดเขาก็เรียกอาตมาไป บอกว่าเจ้าเสนอมาเข้าอีเด็กอีกแล้ว ตอบว่ารู้แล้วให้มันไปเข้า เลยบอกเสนอ บอกเขาว่าเราต้องการอะไร เขาอธิบายตามที่พูดมาแล้วเมื่อกี้ ก็เลยพูดว่าเอายังงี้นะ พรุ่งนี้หลวงพี่จะถวายสังฆทานให้ตอนในเพล เอ็งมาโมทนานะ แล้วเวลาโมทนาแล้วถ้าเป็นได้บุญจริงๆ ละก็ ทุกคนที่เขาช่วยร่วมบุญกุศลในวันพรุ่งนี้นะ เวลากลางคืนเอ็งไปที่บ้านเขาทุกคน ส่งกลิ่นหอมให้ปรากฏ ให้ปรากฏทั้งบ้าน มันก็รับคำ

    พอรุ่งขึ้นเช้า ก็บอกบุญกันว่าใครจะร่วมบ้าง ร่วมเท่าไรก็ได้ หรือใครไม่ร่วม ฉันทำฉันเดียว เพราะว่าเจ้าเสนอมีความดีกับฉันมาก สงเคราะห์ฉันไว้มาก กิจการงานทุกอย่างที่ฉันต้องทำ เมื่อบอกมันแล้ว มันไม่เคยรังเกียจ ทุ่มแรงงาน แรงกาย แรงใจจริงๆ ไม่เคยท้อถอย ในที่สุดชาวบ้านก็มารวมตัวกัน คิดว่าจะต้องจ่ายมาก ที่ไหนได้ เหลือ เป็นอันว่าผ้าไตรที่จะพึงได้ บอกเขาชั่วระยะเวลาบ่ายเท่านั้นนะ ตอนเช้าผ้าไตรกลายเป็น 5 ไตร พระพุทธรูป 5 องค์ อาหารเต็มบ้านไปหมด ตั้งใจจะนิมนต์พระมาถวายสังฆทานสักองค์เดียว เป็นผู้แทนสงฆ์ แต่ก็ทำกันในเพล จะได้ไม่คร่อมกับงานอื่นเขา เมื่อเห็นตอนสายๆ อาหารมาเต็มบ้าน แบบนั้นก็เลยบอกเอายังงี้ก็แล้วกัน ไปนิมนต์พระมาหมดวัด วัดก็ไม่ไกลนัก เขาก็เลยนิมนต์พระมาหมดวัด พระมี 22 หรือ 23 องค์ไม่ทราบ เป็นสังฆทานเต็มที่ มีใครเหลือละวัดนั้น เมื่อถวายสังฆทานเต็มที่แล้ว อีตอนนิมนต์พระมาผ้าไตรมันไม่พอ ก็เลยให้คนเข้าไปซื้อสบงกับผ้าห่ม ผ้าเช็ดตัวมาให้พอกับพระที่เหลือ สำหรับผ้าไตร 5 ไตร ให้พระจับฉลากกัน องค์ที่เหลือจับไม่ได้ไตรก็ถวายสบงกับผ้าเช็ดตัวทั้งหมดเท่ากัน เมื่อถวายพระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ทำอุทิศส่วนกุศล ก็บอกว่าผลบุญที่ทำแล้วในวันนี้ พูดย่อๆ นะ มีการบูชาพระรัตนไตรก็ดี สมาทานศีลก็ดี ถวายพระพุทธรูปเป็นของสงฆ์ก็ดี ถวายผ้าไตรจีวรแก่คณะสงฆ์ก็ดี ถวายภัตตาหารก็ดี ผลบุญทั้งหลายนี้ข้าพเจ้าจะพึงมีเพียงใด ข้าพเจ้าทั้งหลายขออุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่นายเสนอ ขอนายเสนอจงมาโมทนา และได้รับส่วนกุศลผลความดีเช่นเดียวกับข้าพเจ้าจะพึงได้รับ ณ บัดนี้เถิด เท่านั้นแหละ

    เวลาทำก็เห็นมันมาช่วยงานนี่ เจ้าเสนอมันก็วุ่นไปหมด เวลาเขาจะกวาดที่จะปัดที่จะปูเสื่อ จะวางหมอน ก็เห็นมันช่วยเขาวุ่นไป แต่ไมมีใครรู้ เมื่อโมทนาเสร็จเรียบร้อยแล้ว พระยถาแล้วจะกลับบ้าน มันเลยพูดมาเฉยๆ มันยังไม่ไป เมื่อพระกลับไปวัดแล้วนะ เห็นเจ้าเสนอมันยังนั่งยิ้มหน้าตามันสวย เสนอ เอ็งมารับหรือเปล่า ถ้ามารับนะ แสดงอาการให้ปรากฏ ส่งกลิ่นให้ปรากฏ แต่ไม่ใช่กลิ่นผีนะ เป็นกลิ่นปกติสมัยนี้ของเอ็งเท่านั้นแหละ คนทุกคนบอกว่าหอมฟุ้ง หอมโดยไม่ต้องสูดนะ มันหอมจริงๆ หอมแบบสบายๆ ส่งกลิ่นฟุ้งไปหมด หมู่นั้นทั้งหมู่มีบ้านประมาณ 10 หลังคาเรือน ไกลออกไป กระทุ่งหลังบ้านยังได้กลิ่น ทุกคนก็ดีใจ ตานี้ทุกคนเขาก็อยากเห็นพ่อเสนอ เขาก็พูดกันชักใจกล้าละชาวบ้าน รูปร่างหน้าตาเวลานี้เป็นยังไง แล้วกลางคืนไปเข้าฝันให้เห็นด้วยนะ ก็เลยมองไปดูมัน ทำได้ไหม มันบอกว่าให้ทุกคนเวลาจะนอนภาวนาว่า พุทโธ ใจสบาย เมื่อจิตเป็นสมาธิแล้วก็เห็นง่าย คือให้เห็นในฝันง่าย ก็เลยสั่งชาวบ้าน ชาวบ้านก็ตั้งใจกัน ทุกคนอยากเห็นเจ้าเสนอ

    พอรุ่งขึ้นเช้าทุกคนมาพูดพร้อมกัน มาพูดไม่พร้อมกันหรอก พูดเหมือนกัน มากันคนละคราว ว่าเมื่อคืนนี้เจ้าเสนอมันไปหา มันไปคุยด้วย แหมรูปร่างหน้าตามันสวยจริงๆ มันไม่เหมือนเก่าหรอก เครื่องประดับประดาสวยสดงดงาม แสดงว่าเจ้าเสนอเป็นผีกึ่งเทวดาเข้าให้แล้ว แล้วก็พร้อมที่จะเคลื่อนไปสู่วิมานใดวิมานหนึ่ง อันเป็นสมบัติของมันเพราะมันเคยช่วงสร้างโบสถ์ช่วยสร้างศาลา

    นี่แหละท่านผู้ฟัง เล่ามาก็เสียเวลาตั้ง 30 นาที เรื่องอย่างนี้เราเรียกกันว่าสัมภเวสี เป็นอันว่ามีจริงก็แล้วกันนะ ท่านผู้ฟังเชื่อหรือไม่เชื่อก็เป็นเรื่องของท่าน ตามใจ เรื่องนี้ก็จบกันตรงนี้ ต่อไปใหม่เอาผีกันให้หมดผี แต่ความจริงจะให้หมดเรื่องผีนี่หมดไม่ได้ เพราะว่าพบมาเยอะ เอากันที่ชัดๆ ผีบ้านนอกผีเมืองสุพรรณหมดไป เอาผีเมืองกรุงเทพฯ บ้าง

    9. สัมภเวสี จาก คำสอน พระราชพรหมยาน


    .
     
  13. โกวิทยมุนี

    โกวิทยมุนี Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +56
    โลกของวิญญานหรือโลกหลังความตาย มีแต่ความหิวโหยสำหรับผู้ที่ไม่เคยสะสมเสบียงบุญไว้แก่ตนเมื่อยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีที่ให่้ยืนอยู่สำหรับผู้ที่ไม่เคยบริจาคหรือถวายเงินซื้อที่ดินถวายวัด ไม่มีที่กำบังแดดฝนหากไม่เคยถวายกระเบื้องมุงหลังคา ต้องรอรับบุญจากญาติที่อุทิศไปให้ อยู่ในโลกมืดต้องเดินตามหาแสงแห่งธรรม บุญไม่ถึงก็เข้าวัดไม่ได้ ต้องเป็นเช่นนี้จนกว่าจะถึงเวลาไปชดใช้กรรมหรือไปสู่ประตูภพต่อไป.
     
  14. กาลีนะ

    กาลีนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    632
    ค่าพลัง:
    +4,297
    ..... งั้นเรามาเริ่มสะสมบุญกันเถอะ สะสมเหมือนตอนเราสะสมสแตมป์ 7-11 แลกของกำนัลก็ได้ถึงจะนานหน่อยแต่ก้ดูคุ้มนะ เก็บเล็กผสมน้อยนานไปมันก็เยอะเองแหละคะ แถมได้ไปอยู่สบายในภพภูมิที่สูงขึ้นไป.. อิอิ
     

แชร์หน้านี้

Loading...