ขอผู้รู้แนะนำด้วยค่ะ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย MindRenewal, 7 มกราคม 2013.

  1. MindRenewal

    MindRenewal Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +47
    สวัสดีค่ะ
    ได้ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะต้องการขอความช่วยเหลือจากทุกท่านผู้รู้ ช่วยอนุเคราะห์เอาบุญ ที่ผ่านมาใช้ชีวิต้วยขันติมาตลอด พยายามอดทนชดใช้กรรมให้เขาเพราะคงทำเขามาก่อน ตัวเองถึงเป็นอย่างนี้ มีปัญหาเรื่องเงิน หนี้สินนอกระบบ บอกใครไม่ได้ ย้ำว่าบอกใครไม่ได้นะคะ ไม่เป็นไรทำขึ้นมาก็ต้องแก้เอาเอง โดยเขาดูถูกเหยียดหยาม ด่าทอมาตลอด ซึ่งก็ไม่ได้ว่าเขา เพราะเราเองเพราะกรรมของเราเอง
    บุญทาน กุศลที่ทำได้มีโอกาสก็ทำมาตลอด สวดมนต์นักสมาธิ คือทุกอย่างที่คิดว่าดี ทำแล้วเราก็สบายใจ ทำแล้วก็อุทิศให้กับเจ้ากรรมนายเวรเรื่องหนี้สินการเงิน เทวดารักษาตัวตลอด อยากเลี้ยงดูพ่อแม่ค่ะ มีสัญญากับท่านไว้
    ขอท่านผู้รู้ช่วยด้วยค่ะ ดิฉันเข้าใจว่าบุญก็ส่วนบุญ แต่กรรมที่ทำกับเขาก็อีกเรื่อง อย่างไรก็ตาม ดิฉันอยากทราบว่า ทำอย่างไรเขาถึงจะอโหสิกรรมให้คะ หรือเบาบางลง พ่อแม่แก่เฒ่า เจ็บไข้ไม่สบายเข้าทุกวัน ที่สัญญากับท่านว่าจะพาท่านไปอินเดียไปสถานที่กำเนิดศาสนา ไปเมืองจีนที่บรรพบุรุษเราก็มาจากที่นั่น อายุเราก็เกือบจะสี่สิบแล้ว อยากทำให้ท่านค่ะ ปลดหนี้ปลดสินให้ท่าน ท่านลำบากมามากทั้งสองคน ขอผู้รู้ช่วยบอกด้วยได้ไหมคะ ถือเป็นกุศลเอาบุญเถอะค่ะ

    ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
     
  2. AYACOOSHA

    AYACOOSHA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    368
    ค่าพลัง:
    +2,253
    เอาให้เป็นกลางนะ...(ผมไม่ใช่ผู้รู้..แต่มีคำแนะนำจะบอก...) เราต้องเริ่มจากตัวเราก่อนเพราะกรรมจากอดีตชาติ...จะสร้างอุปนิสัยเป็นตัวเป้นตนเราขึ้นมาด้วย...ถ้าคุณรู้ตัวว่าฐานะทางบ้านคุณเป็นอย่างไร คุณควรปรับสภาพการใช้จ่ายให้เหมาะสมกับฐานะของคุณ ลองคิดดูนะว่าถ้าเดือนนี้เราใช้จ่ายเงินไม่พอไปยืมเขาอีก...แล้วเดือนหน้าคุณคิดว่าคุณจะพอเหรอ...มันก็จะเป็นเหมือนว่าคุณหมุนล้อแห่งการเป็นหนี้ไปเรื่อย ๆ...คุณอยากให้เขาให้อภัย ทำไมคุณถึงไม่ให้อภัยตัวเองก่อน เริ่มจากการปรับปรุงตัวเอง นำธรรมะมาปฏิบัติในการใช้ชีวิตประจำวันได้ นั่นคือจุดประสงค์หลักของการนับถือศาสนา เพราะศาสนามีไว้เพื่อปฏิบัติ..ส่วนเรื่องที่อยากพาพ่อ แม่ ไปอินเดียนั้น ถ้าเราไม่มีค่าใช้จ่ายพอที่จะไป ผมแนะนำว่าถ้ามีศรัทธามีความเชื่อในตัวของพระพุทธองค์แล้ว...ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ไม่ว่าจะไปที่ใด พระพุทธองค์ก็จะทรงอยู่กับเรา..ความเป็นมงคลก็เกิดขึ้นกับเราได้ตลอดเวลา หรือถ้าจะเอาให้ได้สบายใจ บ้านเกิดผมที่นครศรีธรรมราชนั้น มีแบบจำลองของ สังเวชณียสถานไว้...ก็เหมือนได้ไปที่นั่นเหมือนกันนะผมว่า...พอพูดถึงเรื่องมงคลคุณเคยอ่าน หรือ ผ่านโสตประสาทอย่างอื่นมาหรือเปล่า เกี่ยวกับ มงคล 38 ประการยังไงก็ลองหามาอ่าน มาฟัง และปฏิบัติตามดูนะครับ...เป็นกำลังใจให้เสมอแม้เราจะไม่เคยรู้จักกัน...ทำในสิ่งที่ทำได้จะได้ไม่เป็นทุกข์..สุดท้ายนี้ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์, พระกิษิติครรภ์โพธิสัตว์ จงช่วยอำนวยศุภผล ดลบันดาลให้ชีวิตของคุณดีขึ้นตามลำดับด้วยเถิด...สวัสดี
     
  3. patdorn

    patdorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +227
    หากท่านเดินเหิรไม่สะดวก ก็ดูแลเท่าที่ทำได้ครับ
    ดอกไม้กราบขอขมาถ้าทำแล้ว ท่านก็อโหสิกรรมให้แล้ว
    พ่อแม่รักลูก แม้จะพูดสวนทางกัน
    เป็นกำลังใจด้วยคนครับ สู้สู้
     
  4. warmar

    warmar Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2010
    โพสต์:
    45
    ค่าพลัง:
    +83
    คิดว่าพ้น 29 พค. 56 ไป บางสิ่งบางอย่างคงจะดีขึ้น ~ ให้อดทน
     
  5. NARKA

    NARKA เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    1,572
    ค่าพลัง:
    +4,560
    อ่านแล้ว คุณมี 2 ทุกข์
    1 คือ เขา ซึ่งเป็นใครคุณไม่บอก แต่ขอเดาว่า สามี ทำนองนี้ โดยคุณไปก่อกรรมทำเข็ญกับเขาไว้ก่อน จึงอยากให้เขาอโหสิกรรมต่อคุณฯ...
    2 คือ หนี้สินและสัญญาที่จะพาพ่อแม่ไปเที่ยวหาธรรม.....
    2 ข้อนี่ เป็นผลลัพธ์ คือ ทุกข์ ดังนั้น คุณต้องหา สมุทัย ให้เจอ
    สมุทัยแรก คุณไปทำอะไรกับเขาล่ะ ก็ไปขออโหสิกรรมกับเขาเสีย ถ้าเขาไม่อโหสิ ก็ไม่เป็นไร ก็ต้องทนอยู่กับทุกข์ต่อไป แต่ให้สร้างกุศลกรรมใหม่ๆขึ้นมาในแต่ละวันไปเรื่อยๆ
    เดี๋ยวใช้กรรมที่ทำไว้หมด บุญก็จะมาสนองเอง(การขออโหสิกรรม ต้องทำต่อหน้า)
    สมุทัยสอง หนี้สินและสัญญานั้น เหตุมันน่าจะมาจากการใช้จ่ายเกินตัว หน้าใหญ่ ใจบุญ
    ทำบุญเอาหน้า ภาวนากันตายฯลฯก็ให้เลิกเสีย ใช้เศรษฐกิจพอเพียง อดทน อดออม มัทยัสท์ ส่วนสัญญา ก็ไปบอกพ่อแม่ ขอเลื่อนไปก่อน ตอนนี้ ใช้หนี้สิน และอยู่ด้วยปัจจัย4 คือ ขอให้มีอาหาร เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรคและที่อยู่อาศัยก็ดีแล้ว(ตัวนี้ก็ต้องพิจารณาด้วยว่า ถ้าขนาดปัจจัยสี่ยังมีไม่ครบแล้วดันไปหน้าใหญ่ใช้จ่ายเกินตัวด้วย มันจึงทุกข์)
    อีกอย่าง การทำบุญทำทานต่างๆนั้น อย่าไปหวังแบบฮินดูพราห์มณ์ที่เขา"ขอพร"จากเทพเจ้าได้ ทางพุทธ ทำบุญเพื่อลดกิเลศตัณหา จิตใจจะได้มนุษย์สมบัติ สูงขึ้นไปถึงสวรรค์ พรหมสมบัติ แต่ต้องปฏิบัติด้วยตนเอง)
    สรุปคือให้พิจารณาความจริง ของกรรมปัจจุบันให้ถี่ถ้วน ว่าทุกข์เพราะเหตุใด แล้วค่อยๆแก้ไขไปเรื่อยๆเดี๋ยวก็พ้นทุกข์ได้เองในที่สุด
     
  6. บุญทรงพระเครื่อง

    บุญทรงพระเครื่อง ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    17,441
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2
    ค่าพลัง:
    +27,814

    :cool: ในกระทู้ห้องที่ ๓ เขาพูดไว้ดี ขอต่อยอดนิดหน่อยครับ ผมเองมิใช่ผู้รู้ ผมมาจากศูนย์ เคยทำงานได้ วันละ ไม่ถึง ๑๐ บาท นะบัดนี้ บางวัน บางครั้ง นานๆที อาจได้ถึงวันละแสน แต่ก็ไม่เคยพอใช้จ่าย ทั้งๆผ่านชีวิตมามากมาย แต่สิ่งที่สำคัญ จงพอใจในสิ่งที่มีอยู่ มันเป็นธรรมดา ของจิตปุถุชน ถ้าทำบ่อยๆ จิตก้เริ่มชิน ใจเริ่มเป็นสุข ถึงจะมีขนาดไหน คำว่าพอ มันถมเท่าไหร่ก็ ไม่เต็ม หรอกครับ จงดูเศรษฐีแสนล้านบาท ในไทยสิ ไม่เห็นพอเลย

    เอาใจช่วย คุณทำความดีมาถูกทางแล้ว ผมทำมาเกือบ ๓๐ ปี กว่าบุญจะให้ผล ถ้าคุยกับคุณ คุยกัน เป็นวัน ไม่จบหรอกครับ ทั้งชั่วและดีมันให้ผลผมมาแล้ว ทั้ง ๒ อย่าง แต่ถ้า มีกินมีใช้ ตามอัตภาพ ก็ดีกว่า จน ผมเข้าใจ แต่มันไม่มีเวลาอธิบายครับ การที่คุณจะพาพ่อแม่ไป อินเดีย ไปเที่ยวที่จีน มันไม่ได้เกิดประโยชน์ ถ้าคุณเหลือกินเหลือใช้ ก็โอเคครับ ถือว่าไปเที่ยว คุณว่าบรรพบุรุษ ของคุณมาจากจีน คุณเข้าใจผิดแล้ว

    กรรมที่คุณทำ ต่างหาก มันเป็นบรรพบุรุษ ของคุณ ที่ทำให้คุณไปเกิด เป็นสัตว์นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัชฉาน คนทุกชนชั้น จะเกิดเป้น เจ๊ก แขก ชนเผ่า คนไทย ญี่ปุ่นเกาหลี ยุโรป ไปจาก กรรมที่เราๆท่านๆ ทำกันไว้ เมื่อตายแล้ว ก็ต่างคนต่างไป มิอาจ ไปชดใช้แทนกันได้ครับ ถ้ามีกรรมต่อกัน มันถึงไปชดใช้กันครับ เราถือว่า เราทำให้ดีที่สุด ในการ เกิด ที่ท่าน เป็นพ่อแม่ ผู้ให้กำเนิด มา เป็นตัวตน เดี๋ยวสักวัน บุญที่คุณทำต้องให้ผลแก่คุณแน่นอน ในชาตินี้แหละครับ


    ฉนั้น อยู่ที่ตัวคุณนั้นแหละ ที่จะต้องทำ ผู้อื่นเป็นผู้บอก ทางเดินนั้นเป็นหน้าที่ของเธอเท่านั้น หาใช่ใครไม่ ทางที่ดี หาพระคาถา พระปัจเจกะพุทธเจ้ามาท่องทำสมาธิ พระคาถา หลวงพ่อ วัดท่าซุง ในการฝืดเคือง ดูสิครับ จะมีความคล่องตัวในปัจจุบันครับ ถ้าเอาจริง ผลเกิดแน่นอนครับ ขอให้คุณเจ้าของกระทู้ หมดทุกโศก โรคภัย มีความสุขตามอัตภาพทั้งทาง โลกและ ทางธรรมสวัสดี:cool:
     
  7. MindRenewal

    MindRenewal Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    75
    ค่าพลัง:
    +47
    ขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ให้คำแนะนำและหวังที่จะให้ดิฉันพ้นจากทุกข์ จากใจจริงค่ะ
    ขณะนี้ดิฉันอายุ 35 ปี เป็นพี่คนโต เรื่องลำบากกับการทำมาหากินอาจจะบ่นบ้างแต่ไม่เคยท้อค่ะ ใช้จ่ายประหยัดทุกอย่าง พยายามเก็ํบหอมรอมริบ ไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่ได้จะบอกว่าตัวเองเป็นคนดีนะคะ ที่ต้องบอกอายุเพราะว่า ทำงานมาตั้งแต่ยังเรียนไม่จบ เป็นลูกจ้างเขา จนมา 5-6 ปีที่แล้วนี่มาทำธุรกิจของตัวเองเพราะไม่อยากย้ายไปไหน อยากอยู่กับพ่อแม่เพราะต้องดูแลท่าน คืออยากจะได้ดีเลี้ยงท่านอย่างที่บอกไว้ แต่จนแล้วจนเล่าทำมาจนถึงปัจจุับัน นึกว่ามันจะดีแต่มันก็ไม่ดี กลับเริ่มจะแย่ลง จึงต้องหยุดกิจการไปหนึ่ง แล้วเริ่มทำอีกอย่างที่เห็นว่ามันมีทางทำมาหากิน
    ที่ต้องบอกว่าอยากพาพ่อแม่ไปเที่ยวนั้น ดิฉันไม่ได้อยากไปเองค่ะ แต่คุณนึกกันออกไปคะ ว่าเป็นความฝันของลูกคนหนึ่งที่อยากทำให้เขา แล้วก็เป็นความฝันของคนแก่สองคนที่ก็ลำบากมาเกือบทั้งชีวิต แล้วอยากไปดูไปเห็นที่ที่เขาอยากจะเห็นมันก็แค่นั้นค่ะ ดิฉันไม่เถียงค่ะ ว่าขณะนี้มันเป็นความคิดที่เ้กินตัว ก็เลยต้องใช้ความอดทน ครั้นจะไปบอกเขาว่าพ่อแม่ไปใกล้ ๆ ก็ได้ พราะอยู่ที่ใช้ อันนี้เขารู้อยู่แล้วค่ะ เขาก็สวดมนต์ไหว้พระทำบุญ เขาก็ไม่ได้เรียกร้องหรือขอให้พาไปอะไรเลย แต่ดิฉันเองค่ะที่อยากพาเขามันเป็นความฝันที่อยากทำให้มันเป็นจริง ซึ่งก็รู้อยู่ว่าตอนนี้มันยังเป็นไปไม่ได้ จึงพยายามสร้างตัว แต่ก็ต้องมีแต่ค่ะ เพราะมันไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่ของดิฉันนี่นอกจากจะมีหลุมมีบ่อ มีขี้โคลนแล้ว บางช่วงบางทาง มันก็ขาดซะงั้น แถมมืดอีก หากทางออกไปเจอ
    ทั้งหมดทั้งปวงคือพยายามจะเล่าให้ฟังว่า การกระทำทุกอย่างที่คิดว่าทำแล้วดี ทำมาหมดแล้วค่ะ เชื่อดิฉันเถอะค่ะว่าทำมาหมด ทำมาตลอ อยากปลดหนี้ให้หมด ๆ ทั้งประหยัด อดทน อดกลั้น ปรับเปลียนการใช้เงิน คือทุกอย่างจริง ๆ ผ่านมา่หมดแล้ว ความจริงดิฉันเป็นคนที่ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงหรือไม่เหลืออดจริง ๆ จะไม่ขอความช่วยเหลือจากใครหรือพึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพราะพระอยู่ที่ใจ อย่างที่บอกบุญส่วนบุญ กรรมส่วนกรรม ที่ต้องออกมาประจานตัวเอง (ขอโทษค่ะหากใช้คำแรง แต่มันรู้สึกอย่างนั้น) เพราะได้พยายามทุกทางแล้วที่มนุษย์คนหนึ่งจะทำได้ เมื่อวานต่อมอดทนมันแตกเพราะทำให้แม่เดือนร้อนไปกวนท่านเรื่องเงินแล้วพอถึงเวลาท่านจะใช้ เราก็ติดก็ขัดขึ้นมา นี่ล่ะค่ะมันเป็นอย่างนี้ จะตอบแทนจะดูแลท่านแต่เสือกไปเป็นภา่ระให้ท่านแทน ยอมรับค่ะว่ากดดันตัวเอง อยากจะวางแต่พอเห็นท่านทั้งสองตั้งไปหาหมอที่ต่างจังหวัดไกล ไปผ่าตัดไปกันสอบคนตายาย แต่ไอ้ลูกคนนี้มันไม่สามารถช่วยอะไรได้เลยแม้แต่ติดเีดียว อายุก็ไม่น้อย ๆ จะตายวันตายพรุ่งไม่กลัวค่ะ แต่กลัวคือยังไม่ได้ทำอะไรให้ท่านเลย ลูกอย่างดิฉันก็ฝันแค่นี้ค่ะ
    มีลูกสองคนไม่ได้ห่วงเพราะสามีเขาดูแลได้ สามีก็ดีค่ะ ทำงานหาเงินมาให้ดิฉันทั้งหมด เีมียเอาไปหมุนเอาไปหันก็ให้มาหมด เหลือติดตัวได้กินได้ใช้ไปวันๆ ก็พอ
    สรุปคือ ดิฉันเองค่ะ ที่เลวสร้างหนี้ พยายามลดหนี้ แต่ก็มีคนมาโกงไปอีก ต้องฟ้องเป็นคดี เีสียค่าทนายอีก เอาเข้าไปค่ะ ชดใช้เขาให้หมด เขานี่คือ เจ้ากรรมรนายเวรเพราะไม่มีใครแล้วค่ะ คนรอบข้างทุกคนดีหมด
    ทุกสิ่งที่เข้ามา มันก็เลยเป็นคำถามไงคะ

    ทุกข้อความ ทุกตัวอักษรไม่ได้มีเจตนาจะทำให้ทุกท่านที่เข้ามาให้คำแนะนำขุ่นข้องหมองใจนะคะ ดิฉันผิดเองค่ะที่ไม่ได้เล่าให้ละเอียดตั้งแต่แรก

    ขอบคุณทุกคำแนะนำด้วยความจริงใจ คุณทุกคนเป็นกัลยาณมิตรค่ะ ขอให้เจริญ ๆ นะคะ
     
  8. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    ผมตอบสั้นๆอย่างนี้แล้วกันนะครับ
    เพราะอ่านแล้วยังไม่แน่ใจว่าปัญหาคือเรื่องอะไรกันแน่ เรื่องเงินหรือเรื่องกรรม

    ถ้าเรื่องเงิน แนะนำให้สวดคาถาเงินล้านด้วยใจเคารพ (หาง่ายมากในกูเกิ้ล)

    ถ้าเรื่องกรรม ไม่มีทางใช้หมด ตายอีกกี่อสงไขยก็ใช้ไม่หมด
    พระพุทธเจ้าจึงแนะนำให้เข้าพระนิพพานเสีย หนีวงจรในภพภูมิซะ
    ทาน ศีล ภาวนา เจริญแล้วให้มั่นใจ ตัดใจไปพระนิพพาน
     
  9. ddman

    ddman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    2,046
    ค่าพลัง:
    +11,941
    ท่านจขกท.ดูเหมือนจะเข้าใจเรื่องบุญบาปว่าแยกกันไม่ปนกันก็ดีอยู่ และ
    เรา ต้องทำความเข้าใจให้ถูกเหตุผลให้ดี มิฉะนั้นจะเหมือนคนส่วนใหญ่ที่คิดว่า ทำดีแล้วไม่ดี ทำไมคนชั่วทำไม่ดีแล้วได้ดิบได้ดีกันเล่า...เลยหมดกำลังใจทำดีกันไปเสียโดยมาก...

    เรื่อง การรับผลของกรรมเป็นเรื่องลึกซึ้ง และสลับซับซ้อนยิ่งนัก คนที่ไม่เข้าใจจึงจับหัวจับท้ายไปโยงเรื่อง คิดเอาเหตุผลตามแต่ที่จะคิดได้ เลยกลายเป็นเรื่องหมดศรัทธา หมดกำลังใจก็มีมาก เพราะกรรมนั้น มีทั้งอดีตกรรม ปัจจุบันกรรม.. ต่างกรรมต่างวาระ กรรมดีก็ส่งผลไป กรรมชั่วได้โอกาสก็ส่งผลไป ไม่เคยเลือกชาติ ชนชั้นหรืออายุ หรือเพศ แต่อย่างใด ซื่อตรงเสียจริงๆ.... กรรมอะไรส่งผลอย่างไร ระยะเวลาส่งผลเป็นอย่างไร เงื่อนไขของธรรมชาตินั้นมีอยู่...ปัจจัยที่จะให้กรรมอะไรส่งผลก็เป็นเรื่อง ที่ลึกซึ้งจริงๆ..

    ดังนั้นจึงอย่าได้เข้าใจว่า พอมาทำดีแล้วทำจะเปลี่ยนฐานะหมดหนี้หรือพ้นจากความไม่มีโดยทันทีทันใดเหมือนใครมาเสกเป่าให้ด้วยฤทธิ์... ระยะเวลาการส่งผลของกรรมนั้นส่วนหนึ่งมาจากเจตนาเก่าที่ตนเคยทำไว้ในอดีต..อีกส่วนหนึ่งมาจากความพยายามของตนในปัจจุบัน...

    หากและเมื่อท่านจขกท. มีความเพียรเต็มที่ในการทำการงานและความดีทั้งหลายแล้ว แต่ยังไม่พ้นความกันดาร เลย ก็พึงเข้าใจว่าเพราะบาปเก่ามีกำลังแรงเหลือเกิน จึงยังต้องทุกข์ในสภาพนั้น...การที่สงสัยว่าเมื่อไรเจ้ากรรมนายเวรจะอโหสิให้ เป็นความเห็นผิดที่ควรละเลิกเสีย เพราะเจ้ากรรมนายเวรตัวจริงคือ เจตนา หรือกรรมที่ตนทำไว้ทั้งดีและชั่วเท่านั้น..

    เมื่อกรรมได้ปัจจัยนำผลมาส่ง ใครเล่าจะสามารถห้ามปรามหรือปฏิเสธได้.?....ความท้อแท้เพราะเหตุนี้จะมีประโยชน์อันใด นอกจากเป็นท่อต่อให้บาปเก่าอีกสารพัดที่ตนทำไว้นับไม่ถ้วน..มาท่วมทับซ้ำเติมอย่างต่อเนื่อง...ความขวนขวายทั้งในการทำอาชีพที่ถูกควรและการเจริญกุศลทุกอย่างเท่านั้นคือสิ่งที่จะช่วยปัดเป่าความยากไร้ไม่มีในปัจจุบันให้หมดไป..

    ท่านจขกท. มีความคิดที่ประเสริฐที่จะตอบแทนคุณพ่อแม่ นับว่าเป็นบุญขี้งสูงที่มนุษย์ผู้มีใจสูงจะคิดได้....แต่การที่ท่านจขกท. เดือดร้อนใจว่ายังไม่อาจทำการตอบแทนท่านได้อย่างฝันหรืออย่างที่ใจคิด.. ปล่อยใจให้เครียดด้วยอาการนี้บ่อยๆ จึงกลายเป็นการเพิ่มทุกข์ให้ตนโดยใช่เหตุ..เพราะคิดแล้วทำไม่ได้ก็ได้แต่เครียด..ประโยชน์จากความเครียดย่อมไม่มีในที่ใหนๆ..

    ท่านจขกท ต้องยอมรับว่า ท่านเป็นคนธรรมดา แม้อยากทำในสิ่งใดอย่างที่สุดแต่ไม่อาจทำได้ทุกอย่างดังฝันหรือคิด ก็เพราะ"เงื่อนไข"หรือปัจจัยคือ ฐานะการเงินของตนไม่อำนวย ๑....และเพราะผลกรรมที่พ่อแม่ต้องได้รับโดย ประการต่างๆ..ที่ใครๆที่ใหน แม้มีฤทธิเท่าพระพุทธเจ้าก็ ไม่อาจช่วยลดปลดให้หมดไปได้..๑...

    เมื่อท่านจขกท. เข้าใจหลักกรรมและการให้ผลได้ ย่อมสามารถ"รักษาใจ"ไว้ได้ไม่ให้ถูกบีบคั้นมากได้ ย่อมสามารถปล่อยวางได้ด้วยปัญญา ไม่กระสับกระส่ายทับถมดูแคลนตนหรือหาความผิดใส่ตนไปเรื่อยๆอันเป็นการบั่นทอน สติ ปัญญา ..เมื่อสติปัญญาถูกกลบไปด้วยความทุรนทุรายในใจนั้น ขวัญและกำลังใจจะมีมาแต่ที่ใหน?..

    ว่ากันที่จริง..ท่านจขกท. ยังมีบุญมากมายนักหนา ด้วยว่ายังมี.."คนรอบข้างทุกคนดีหมด "..การอยู่ในท่ามกลางบริวารที่ดีนั้น นับว่าเป็นมงคลแก่ชีวิตอย่างยิ่งทีเดียว..ท่านจขกท. พึงระงับความเดือดร้อนฟุ้งซ่านรำคาญใจนานาประการลงบ้างเถิด..เพราะใครๆที่จะนำพาตนไปสู่เป้าหมายที่หวังด้วยความสลดหดหู่เดือดร้อนใจนั้นไม่มีเลย ..ผลที่จะตามมา มีได้แต่ไปในทิศตรงข้ามเท่านั้น..


    เมื่อท่านจขกท. ทราบโดยถ่องแท้ว่า บุญและบาปให้ผลต่างกัน ท่านจึงควรแต่จะเพ่งเล็งไปในกิจอันเป็นบุญให้มาก เพราะบุญย่อมนำแต่สุขมาให้เท่านั้น บุญที่ท่านทำได้มาก ในเวลานี้คือสมาทานประพฤติศีลให้มั่นคงเพราะศีลเป็นที่มาแห่งโภคะ และความสุขทั้งหลาย เป็นเกราะคุ้มตนได้อย่างวิเศษ..ท่านจขกท พึงตรวจสอบดูว่าบัดนี้ งานอาชีพที่ท่านทำอยู่ เป็นไปกับการล่วงศีลหรือไม่ ..หากเป็นเช่นนั้น พึงเร่งแก้ไขปรับเปลี่ยนโดยพลัน เพราะสิ่งนี้อาจสนับสนุนผลของบาปให้มาส่งให้ได้รับต่อเนื่องได้ นะครับ..

    ขออนุญาตยกถ้อยคำเตือนใจที่ดีของท่านพี่ บุญทรงพระเครื่อง มาสรุปไว้ให้นำไปพิจารณาดังนี้..


    ".. แต่สิ่งที่สำคัญ จงพอใจในสิ่งที่มีอยู่ มันเป็นธรรมดา ของจิตปุถุชน ถ้าทำบ่อยๆ จิตก้เริ่มชิน ใจเริ่มเป็นสุข ถึงจะมีขนาดไหน คำว่าพอ มันถมเท่าไหร่ก็ ไม่เต็ม หรอกครับ จงดูเศรษฐีแสนล้านบาท ในไทยสิ ไม่เห็นพอเลย "

    อนึ่ง ท่านจขกท. พึงลบข้อมูลวันเกิดของท่านเสียเถิดครับ ควรระมัดระวังการให้ข้อมูลส่วนตัวในที่ธารณะ เพราะมิจฉาชนอาจได้ช่องทาง นำเหตุวิบัติมาให้เราได้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง..
     
  10. นพณัฐ

    นพณัฐ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +4,499



    ดังที่คุณ ddman ได้กล่าวเตือนไว้ครับ
    ว่าด้วยสังคม online ย่อมมีทั้งผู้หวังดี และ ไม่หวังดี พึงความประมาทไว้เป็นดีที่สุดนะครับ

    ศาสนาพุทธเรานี้ เน้นสอนด้วยเรื่องสัจธรรมความจริง หากว่าด้วยเรื่อง กฏแห่งกรรม แล้วนั้น
    ย่อมมีทั้งเหตุ มีทั้งผล กระทำสิ่งใดไว้ย่อมได้รับสิ่งนั้น...หรือไม่ครับ
    เราเคารพในองค์พระสัมมา พระพุทธองค์ท่านสอนให้เราเป็นที่พึ่งแห่งตน
    จำเป็นไหม ที่จะต้องให้ใครมานั่งญาณ ตรวจองค์ ดูดวงชะตา วันเดือนปีเกิด ย้อนดูอดีตชาติ
    จำเป็นไหม ที่จะต้องให้คนนั้น คนนี้ มาคอยลิขิตกำหนดชีวิตเรา ให้ต้องไปแก้ ไปบน อะไรต่าง ๆ นานา
    เพราะทุกการกระทำ ไม่ว่าจะทางตรง หรือ ทางอ้อม เจตนา หรือ ไม่เจตนา
    นั้นล้วนแล้วเป็น กรรม ทั้งหมดทั้งสิ้น แล้วใครเล่าเป็นผู้สร้าง ผู้กำหนด หากไม่ใช่ตัวเราเอง...

    ด้วยบุญกุศลที่ได้กระทำสร้างไว้นั้น ย่อมบังเกิดผลเป็นแน่ ขอให้พึงความเพียร
    และมุ่งมั่นเดินตามเส้นทาง มรรค อันประเสริฐนี้ อยู่กับปัจจุบันอย่างมีสติ รู้เท่าทันจิตของตนเถิด ครับ
     
  11. Artorius

    Artorius เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2012
    โพสต์:
    187
    ค่าพลัง:
    +313
    ผมถาม จขกท.กลับนะครับ คุณปฏิบัติบ้างรึเปล่าละครับ ถ้าคุณปฏิบัติแล้วจะรู้ว่าทุกข์ของคุณเองนั้นควรแก้อย่างไร ไม่ใช่แค่นั่งนิ่งๆนานๆแล้วท่องพุทธโธ แต่ต้องทำให้ถูกจุดประสงค์จริงๆ เรื่องหนี้สินผมไม่สามารถจะช่วยหรืออธิบายใดๆได้ ของเป็นกำลังใจให้สู้ต่อไป ส่วนเรื่องพาไปอินเดียหรือเนปาลสังเวชนียสถาน หรือจีนดินแดนบรรพบุรุษ ผมว่าสอนธรรม ให้เป็นธรรมทานกับพ่อแม่อานิสงค์จะสูงกว่า แบบเทียบกันไม่ได้เลยนะครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...