การพิจารณาอสุภะกรรมฐาน เมตตาแสดงธรรมโดย สมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย รัตนหงษ์, 7 มกราคม 2013.

  1. รัตนหงษ์

    รัตนหงษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +48
    กราบนมัสการ องค์สมเด็จพระบรมครู พระธรรมคำสั่งสอนที่พระพุทธองค์ได้ทรงตรัสรู้และแสดงไว้ดีแล้ว พระอริยสงฆ์สาวก และองค์ครูบาอาจารย์ทุกๆท่าน

    การพิจารณาอสุภะกรรมฐาน เมตตาแสดงธรรมโดย สมเด็จพระพุฒาจารย์โตพรหมรังสี ณ วันมาฆบูชา ๒๕๕๓

    การพิจารณา กายในกายภายใน
    อสุภะกรรมฐาน สำหรับผู้มีจริตหนักทางด้านราคะจริต มีความยึดมั่นถือมั่นในตน

    เมื่อสวดนมัสการพระรัตนตรัย พร้อมทั้งสมาทานศีล และกล่าวมอบกายถวายชีวิตแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อเข้าสู่กรรมฐานด้วยจิตที่ตั้งมั่นไว้ดีแล้ว

    การเจริญกรรมฐาน
    1. กำหนดรู้ตามกองลมหายใจเข้าออก ตั้งแต่บริเวณฐานลมเข้าจากเบื้องบน จนสุดบริเวณสะดือ ภาวนา พุท
    และกำหนดรู้กองลมจากบริเวณสะดือจนถึงบริเวณลมออกจากกาย ภาวนา โธ กำหนดสติจับกองลม เห็นกองลมอย่างละเอียด ปราณีต จนจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิดีแล้ว

    2. กำหนด นิมิต เห็นกายของตนเองลักษณะปัจจุบัน ขณะนั่งเจริญกรรมฐานอยู่

    3. เมื่อภาพนิมิต ปรากฏชัดเจนดีแล้ว พิจารณาในส่วนย่อย แยกลงไปยัง ส่วนภายนอกสุดที่ห่อหุ้มกายสังขารอยู่ คือ
    ส่วนของ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง

    พิจารณาผม
    กำหนดเห็นผมให้ชัดๆตามรูปสัณฐานจริง ตั้งแต่โคน จรด ปลายผม แล้วกำหนดดึงผมออกมา จากหนังศรีษะ เห็นปมรากผมสีขาว กำหนดดึงจนหมดทั้งศรีษะ แล้วพิจารณามองภายกายของตนที่ปรากฏ แยกผมที่กำหนดดึงไว้ เป็นกองที่ 1

    พิจารณา ขน
    พิจารณาเช่นเดียวกับผม กำหนดพิจารณาขนในทุกๆส่วนของร่างกาย กำหนดดึงออกมา แล้วพิจารณามองภายกายของตนที่ปรากฏ แยกขนที่กำหนดดึงไว้ เป็นกองที่ 2

    พิจารณา เล็บ
    เล็บมีสัณฐาน ดังเกล็ดปลา เล็บมือ 10 เล็บ เล็บเท้า 10 เล็บ ขนาดเล็กใหญ่แตกต่างกัน กำหนดดึงเล็บออกจากนิ้ว แต่ละนิ้วๆ จะเป็นการแยกออกจากกันของเล็บ และส่วนที่เป็นเนื้ออ่อนสีชมอมแดงของเนื้อนิ้ว แล้วพิจารณามองภายกายของตนที่ปรากฏ แยกเล็บที่กำหนดดึงไว้ เป็นกองที่ 3

    พิจารณา ฟัน
    กำหนดเห็นโครงฟันของตน ทั้งรูปสัณฐาน และสีจริงๆ จากนั้นกำหนดดึงฟันแต่ละซี่ จนหมด ปรากฏเหลือแค่เหงือก และรูของฐานฟัน แล้วพิจารณามองภายในกายของตนที่ปรากฏ แยกฟันที่กำหนดดึงไว้ เป็นกองที่ 4

    พิจารณา หนัง
    เมื่อพิจารณามาถึงจุดนี้ จะสำคัญมาก กำหนด ลอกหนังในกาย โดยแบ่งออกเป็นส่วนๆ

    ส่วนที่1 บริเวณศรีษะ กำหนดกรีดเปิดศรีษะ บริเวณชั้นผิวหนังกำพร้า จากบริเวณโคนผมหน้าผากทั้งหมดจนถึงท้ายทอย แล้วลอกออก

    ส่วนที่2 บริเวณส่วนใบหน้า กำหนดกรีดบริเวณส่วนใบหน้า จากบริเวณคาง แล้วลอกออก จะปรากฏแผ่นหนังที่ลอกเป็นรูเล็กบ้างใหญ่บ้าง ซึ่งมาจากบริเวณ ดวงตา จมูก ปาก

    ส่วนที่ 3 ส่วนบริเวณคอ กำหนดจิตกรีดผ่าจากฐานคอติดกับหัวไหล่ จนถึงส่วนใต้คาง แล้วกำหนดลอกออกจะปรากฏส่วนเนื้อสีแดงสด

    ส่วนที่ 4 ส่วนของแผ่นหลัง กำหนดกรีดส่วนของแผ่นหลังทั้งหมด เว้นจากส่วนแขนทั้ง 2 ข้าง และขาทั้งสองข้าง จากนั้น กำหนดดึงลอกออก

    ส่วนที่ 5 ส่วนของแขนทั้ง 2 ข้าง ทีละข้าง กำหนดกรีดลอกหนัง
    จากท่อนแขน กรีดลงจนถึงฝ่ามือ (หรืออาจจะแยกกรีดก็ได้ คือ กรีดแขนท่อนจากหัวไหล่จนถึงข้อศอก จากข้อศอกจนถึงข้อมือ และส่วนของฝ่ามือ

    ส่วนที่ 6 กลางลำตัวส่วนหน้า กำหนดกรีดส่วนใต้สะดือเป็นเส้นตรง เพื่อกำหนดขอบเขตก่อน จากนั้นจึงลอกเปิดผิวหนังทั้งหมดออก จะขาดออกเป็นผืนลักษณะย่น

    ส่วนที่ 7 ส่วนของใต้สะดือลงไป กำหนดกรีดแยกเป็น 2 ส่วน คือแยกส่วนขาออกเป็น2 ท่อนซ้ายขวา กำหนดกรีดแล้วดึงลอกหนังจนครบทั้ง 2 ข้าง(จะกำหนดกรีดคล้ายส่วนของแขนคือแยกกรีดเป็นส่วนท่อนๆก็ได้)
    เมื่อกำหนดมาจนถึงจุดนี้ นำกองหนังทั้งหมดที่กรีดมาม้วนรวมกัน แยกเป็นส่วนกองที่ 5 กองของหนัง

    เมื่อพิจารณามาถึงตอนนี้ ให้พิจาณาสภาพกายที่ปรากฏ จะเห็นลักษณะคล้ายโครงสร้างที่มีเนื้อสีแดงห่อหุ้ม ลักษณะเป็นเนื้อ มัดกล้ามเนื้อ และเส้นเอ็นน้อยใหญ่สีแดงสด

    พิจารณา เนื้อ
    ให้กำหนดกรีดเนื้อออกเป็นส่วนๆ โดยกรีดตามลำดับที่เคยกรีด เช่นเดียวกับตอนลอกหนัง จิตจะค่อยข้างต้องใช้กำลังในการกำหนด เพราะเนื้อมีความหนากว่าหนังมาก แยกเนื้อทั้งหมดที่กรีดออกมาได้ เป็นส่วนกองที่ 6

    พิจารณา อวัยวะน้อยใหญ่
    เมื่อกำหนดมาถึงขั้นนี้ มองกายที่ปรากฏจะมีโครงกระดูกและอวัยวะน้อยใหญ่เท่านั้นที่ปรากฏ ให้กำหนดดึงอวัยวะในแต่ละส่วนออกมา ไม่ว่าจะเป็น สมอง ลูกตา หลอดอาหาร หลอดลม กระเพาะอาหาร ปอดทั้ง2ข้าง ตับ หัวใจ ลำไส้เล็กใหญ่ กำหนดดึงอวัยวะภายในทั้งหมดนำมากองรวม เป็นส่วนกองที่ 7

    พิจารณากระดูก กำหนดดึงกระดูกทั้งหมด จากเบื้องบนสู่เบื้องล่าง ตั้งแต่ส่วนกระดูกกระโหลกศรีษะ ใบหน้า ซี่โครงท่อนแขน นิ้วมือ กระดูกขา ข้อเท้า กำหนดดึงออกมาทีละส่วน นำกระดูกทั้งหมดมากองรวมกันเป็นส่วนที่ 8

    พิจารณาทีละกอง กองผม กองขน กองเล็บ กองฟัน กองหนัง กองเนื้อ กองอวัยวะน้อยใหญ่ กองกระดูก เมื่อไม่ได้อยู่รวมกันเป็นกายสังขารแล้ว จากวันที่ 1 เป็นวันที่ 2 จนผ่านไปหลายๆวัน สี กลิ่น เปลี่ยนไป และเต็มไปด้วยหมู่หนอน เป็นร้อยเป็นพัน สุดท้ายก็แห้งจากสีแดงสดเป็นสีดำ ธาตุดิน กลับสู่ดิน ธาตุน้ำ กลับสู่น้ำ ธาตุลม กลับสู่ลม ธาตุไฟ กลับสู่ธรรมชาติทั้งสิ้น วนเวียนเป็นวัฏจักรแบบนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า

    เรา(กายในกายภายใน)-เขา(กายในกายภายนอก) ล้วนไม่ต่างกัน ละลายความมีตัวตนลงให้มาก จงอย่าเป็นผู้หลงหนัง แท้จริงแล้วร่างกายเป็นเพียงฉนวนของเนื้อและผิวหนังห่อหุ้มสิ่งสกปรกทั้งสิ้น เป็นเพียงแค่รังโรคเท่านั้น

    เจ้าของกระทู้ได้กราบขออนุญาต ครูบาอาจารย์ นำมาเผยแพร่เพื่อจุดประสงค์เพราะเห็นเป็นประโยชน์ช่วยส่งเสริมการปฏิบัติ ของญาติธรรม ให้เจริญยิ่งๆขึ้นไป หากขาดตกบกพร่อง การใช้คำใช้ภาษาในส่วนใดผิดพลาดก็เนื่องด้วยปัญญายังน้อย ก็ขออภัยมา ณ โอกาสนี้นะคะ

    ขอให้เจริญในธรรมทุกท่านนะคะ ^_^
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 7 มกราคม 2013
  2. Norlnorrakuln

    Norlnorrakuln เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    3,813
    ค่าพลัง:
    +15,095
    สาธุ....ในกุศลเจตนาที่ดีงาม

    แต่ยังไม่เข้าใจตรงจุดนี้ครับ พิมพ์ พ.ศ ผิดหรือไม่อย่างไรครับ
    ที่มาจากหนังสือ หรือเสียงธรรม หรือแสดงผ่านนิมิต ฯลฯ

    ขออภัยไม่มีเจตนาจับผิด แค่ต้องการทราบรายละเอียดที่แน่นอนครับ!
     
  3. วิษณุ12

    วิษณุ12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    5,337
    ค่าพลัง:
    +6,846
    ใครฝึกตามได้อย่างชำนาญ ตามที่ จขกท .ยกมา
    จะได้ มโนมยิทธิ ไปในตัว
    จะมีฐานอภิญญา ตาทิพย์ หูทิพย์ เจโตปริญาญาณที่แข็งแรงมาก
     
  4. Bull_psi

    Bull_psi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    889
    ค่าพลัง:
    +1,445
    เวลาฝึกจริง
    ที่จริงฝึกถลกหัวตัวเองก็ได้ผลดีเยี่ยมแล้วครับ
    ระดับadvance
    เวลาราคะเกิด ระดับความรักด้วย ชอบดูชอบเสพอารมณ์ ติดละครไม่เบื่อซะที
    เราก็ถลกหนังหัวคนอื่นออกด้วยครับ มุนินทร์ มุตตา ญาญ่า อั๊ม ชมพู่ พลอย ออม พิกเลต
    เมื่อเห็นตามจริงความชอบความหลง มันยังเที่ยงอยู่ไหม ยังปลาบปลื้มถุงขี้อยู่ไหม

    หมายถึงวิปัสสนานะ ไม่ต้องไปถลกหนังเค้าจริงนะครับ แค่เห็นเหี่ยวตามกาลเวลาก็ปลงแล้ว
     
  5. อินทรบุตร

    อินทรบุตร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +7,320
    ท่านเจ้าของกระทู้ ฟังธรรมผ่านนิมิต ครับ
     
  6. รัตนหงษ์

    รัตนหงษ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +48
    ขอตอบคำถามให้ชัดเจนค่ะ
    เจ้าของกระทู้นั้นได้รับความเมตตาแสดงธรรมผ่านทางนิมิตทางสมาธิ นิมิตทางความฝัน ผ่านทางเสียงที่มากระทบจิตและทางตาเนื้อ ที่กล่าวดังนี้ไม่ได้มีเจตนากล่าวยกตนหรือมุสาแต่อย่างใด แต่ที่เจ้าของกระทู้ไม่ได้กล่าวบอกไปเพราะมีความชัดเจนตรงจุดประสงค์คือแนะนำประสบการณ์ที่คิดว่าน่าจะเป็นแนวปฏิบัติแก่ผู้ฝึกอสุภะกรรมฐานได้จริงๆอยากให้มองที่คุณค่าแท้ของเจตนามากกว่าค่ะเพราะทุกๆข้อความที่เขียนเขียนด้วยสติและเจตนาดี เพื่อให้เกิดเป็นประโยชน์จริงๆค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...