อยากศึกษาพุทธให้แตกฉาน...ทำอย่างไร : คุณดังตฤณ

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย วิญญาณนิพพาน, 12 มกราคม 2013.

  1. วิญญาณนิพพาน

    วิญญาณนิพพาน ทีมงานอาสาฯ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    22,454
    กระทู้เรื่องเด่น:
    51
    ค่าพลัง:
    +21,011
    butiful.jpg

    อยากศึกษาพุทธให้แตกฉาน
    จ ะ ทำ อ ย่ า ง ไ ร?
    คุ ณ ดั ง ต ฤ ณ

    ถาม – ผมชักเริ่มสนใจพระพุทธศาสนา
    เพราะเห็นว่ามีเรื่องน่ารู้และตอบคำถามที่ผมสงสัยมานานได้มากกว่าที่คิด

    แต่บอกตามตรงว่าพอจะเอาตัวเข้าไปศึกษาให้แตกฉานแล้วสับสน
    แล้วก็มีความท้อใจเหลือเกิน

    เนื่องจากหลักการเกี่ยวกับพุทธศาสนาในปัจจุบันมีอยู่มาก

    อยากทราบว่าหากอยากเป็นผู้เข้าใจพระศาสนาได้อย่างผู้รู้เขาบ้าง
    ควรเริ่มต้นอย่างไรถึงจะไม่ต้องผ่านด่านความสับสนและความท้อใจครับ?

    ก่อนอื่นต้องจับจุดให้ถูกครับว่า

    พุทธเราบอกวิธีการว่า

    ทำอย่างไรจะรู้ตามจริงได้อย่างมีเหตุผล
    นับตั้งแต่ความจริงเบื้องต้นเช่นการดำเนินชีวิตอย่างไรไม่ให้มีเวรภัย
    ตลอดไปจนกระทั่งความจริงอันเป็นยอดแห่งประโยชน์สูงสุด
    คือความพ้นทุกข์ทางใจชนิดไม่กลับกำเริบอีก

    และ คล้ายกับนักศึกษาปริญญาเอก
    ก่อนเป็นดอกเตอร์ได้ก็ต้องเอาชีวิตทั้งหมดทุ่มลงไป
    บางศาสตร์บางสาขานั้นต้องเข้าป่าเสี่ยงชีวิตก็มี
    ฝ่าเปลวแดดในทะเลทรายก็มี ลุยน้ำแข็งขั้วโลกที่อุณหภูมิติดลบก็มี
    เพื่อให้เป็นมือแรกที่ได้ข้อมูลสำคัญมา
    ไม่ใช่แบมือรับข้อมูลจากคนอื่นที่เขาทุ่มเทชีวิตจิตใจมาก่อนหน้านั้น

    การได้ดอกเตอร์ทางพุทธก็คือ
    การหลุดจากทุกข์ชนิดลาแล้วลาลับไม่กลับคืนมา
    ถ้าคุณมองเห็นยอดสุดนี้ได้จึงจะถือว่าเป็นผู้แตกฉานที่แท้จริง

    และด้วยเหตุเช่นนั้น

    การศึกษาพุทธให้แตกฉานจึงมิใช่การอ่านมาก คิดมาก
    หรือทำข้อสอบบาลีจนได้ยศถาบรรดาศักดิ์มามาก
    แต่ เป็นการลงมือปฏิบัติตนอยู่ในวิถีทางที่จะเป็นอิสระจากทุกข์แบบเดิม ๆ
    เป็นอิสระจากกิเลสแบบเดิม ๆ
    ตลอดจนเป็นอิสระจากความไม่รู้และอุปาทานแบบเดิม ๆ

    คนในโลกมีค่านิยมยกย่องผู้จดจำศัพท์ ได้มาก
    พูดอธิบายได้คล่องแคล่วมาก แก้ข้อสงสัยให้ตกไปได้มาก
    แม้เมื่อหันมามองผู้เชี่ยวชาญทางพุทธศาสนา
    ก็จะหาก่อนว่าใครมีคุณสมบัติเข้าข่ายดังกล่าวมา

    แท้ที่จริงแล้วคุณสมบัติเหล่านั้น
    เป็นเพียงบันไดขั้นต้นหรือของแถมล่อใจ
    ซึ่งอาจทำให้หลงตัวว่ารู้มาก อธิบายได้มาก แก้ปัญหาได้มากเท่านั้น
    หาใช่ผู้แตกฉานแก่นสารของพุทธที่แท้จริงไม่

    ความ จริงอันน่าอัศจรรย์ในพุทธศาสนาก็คือ

    เมื่อศึกษาไปอย่างไม่หลงทาง วันละนิด วันละหน่อย
    คุณจะพบว่าตัวเองไม่ได้ศึกษาศาสตร์ธรรมดา
    แต่เป็นศาสตร์แห่งความเข้าใจทุกสิ่ง
    และคุณจะได้คำตอบที่ต้องการทั้งหมด
    อย่างน้อยก็เท่าที่คุณเองจะอยากรู้อยากเห็น
    ตรงนั้นน่าจะถือเป็นความแตกฉานที่คุณเองพอใจได้

    สรุปคำตอบคือจับจุดให้ถูกในขั้นแรก
    แล้วค่อย ๆ ก้าวเดินไปหาจุดนั้นเรื่อย ๆ ทีละนิดทีละหน่อย
    ทุกอย่างจะกระจ่างเองในวันหนึ่ง

    แต่หากจับจุดผิดพลาดในชั้นต้น
    ยิ่งออกเดินคุณจะยิ่งรู้สึกเหมือนเป้าหมายเป็นเพียงภาพลวงตา
    เห็นเหมือนมี หรือปักใจเชื่อว่ามี แต่ไปไม่ถึง คว้าไม่ได้เสียที

    (ที่มา : เตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว เล่ม ๒, โดย ดังตฤณ,
    พิมพ์ครั้งที่ ๙ โดยสำนักพิมพ์ดีเอ็มจี, หน้า ๘๗-๘๙)
    http://www.dungtrin.com/

    http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=7&t=35460&sid=20da6af687e3c657f7e6396649de4493
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.2 KB
      เปิดดู:
      589
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 16 มกราคม 2017
  2. ฐสิษฐ์929

    ฐสิษฐ์929 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2012
    โพสต์:
    876
    ค่าพลัง:
    +1,844
    การตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า

    ความรู้ทางพุทธศาสนาโดยแท้มาจากการปฏิบัติ ก่อนพระพุทธเจ้าจะสอนพระองค์ก็ปฏิบัติจนสำเร็จมาก่อน ปริยัติต่างๆที่เกิดขึ้นก็เป็นผลจากการปฏิบัติทั้งนั้น ผมเองก็ได้ศึกษาและปฏิบัติมาหลายอาจารย์ ผมก็มีปัญหาคาใจที่หาคำตอบที่ชัดเจนไม่ได้สักที จนในที่สุดผมมาพบคำสอนของหลวงปู่สาวกโลกอุดร ท่านสามารถตอบได้ทุกคำถามอย่างชัดเจนทุกประเด็น พร้อมทั้งมีวิธีปฏิบัติที่ชัดเจนเช่นเดียวกัน ผมเห็นว่าการศึกษาธรรม อย่างน้อยจะต้องปฏิบัติควบคู่ไปด้วยครับจึงจะเข้าใจได้อย่างแท้จริง คุณจะปฏิบัติแบบใดก็ตามใจคุณ คุณจะเป็นผู้รู้ตามตัวหนังสืออย่างเดียวผมคิดว่าเป็นไปได้ยากครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มกราคม 2013
  3. เด็กอนุบาล

    เด็กอนุบาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    689
    ค่าพลัง:
    +4,156
    ต้องปฏิบัติอย่างนักลงมือพิสูจน์ ที่มีครูบาอาจารย์ที่ดีเป็นผู้ชี้ทางเดินธรรมะปฏิบัติ
    พิสูจน์ผลของทาน ศีล ภาวนา ด้วยการหมั่นทำทาน ศีล ภาวนาอย่างถูกหลักพระศาสนาตามที่ครูบาอาจารย์สอน แล้วดูว่าทุกข์กินใจตนเองลดลงไปหรือเปล่า ใจสบายมีสุขได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องพึ่งพาสิ่งภายนอกตัวมั๊ย

    สังเกตผลการปฏิบัติที่เกิดกับใจตนเอง ว่าทุกข์ทางใจขั้นหยาบ กลาง ละเอียด มันกินใจเราน้อยลงไหม ใจเราสงบได้ง่ายขึ้นไหม ยอมรับกฏธรรมดาได้มากขึ้นไหม ถ้าเราปฏิบัติตามคำสอนของครูบาอาจารย์มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน

    ถ้าเราคลายทุกข์ขั้นหยาบได้ดีขึ้น เราก็ค่อยยกระดับกำลังใจไปปฏิบัติธรรมในส่วนที่ท่านสอนให้คลายทุกข์ขั้นละเอียดอ่อนที่ฝังอยู่ในก้นบึ้งในใจ แล้วสังเกตผลการคลายทุกข์ในส่วนละเอียด

    ทำไปแบบนี้มันก็แตกฉานเอง
     

แชร์หน้านี้

Loading...